อายุสั้น
ความผูกพันระหว่างสุนัขกับเจ้าของที่ลงเอยด้วยการสิ้นลมหายใจ
ผู้เข้าชมรวม
212
ผู้เข้าชมเดือนนี้
2
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
หลายครั้งแล้วที่ เจ้าก๋วยจั๊บ พาตัวเองเฉียดใกล้เข้าสู่โลกแห่งความตาย หลายหนแล้วที่ผมเองต้องพาร่างอุ่น ๆ ใกล้สิ้นลมหายใจของเจ้าหมาเพื่อนยากตัวนี้เข้าหาสัตวแพทย์อย่างเร่งด่วนเพื่อขอให้หมอยื้อชีวิตของมัน
ครั้งแรกที่หมาพันธุ์กระเป๋าตัวนี้สบตาผมในวันที่อากาศร้อนอบอ้าวกลางตลาดนัดจตุจักร ผมก็รู้ทันทีว่าหมาตัวนี้เกิดมาเพื่อรอคอยผมเพื่อที่จะเปลี่ยนสถานะจาก ‘คนเดินผ่าน’ เป็น ‘เจ้านาย’ ของมัน
แฟนสาวของผมในวัยนักศึกษามหาวิทยาลัยเห็นดีด้วยทันทีที่ผมเอ่ยปากบอกว่าอยากได้หมาตัวนี้ไปเลี้ยงเพื่อเป็นตัวแทน ‘ลูก’ ของเรา ซึ่งในความเป็นจริงแล้วเราทั้งคู่ยังไม่พร้อมที่จะมีลูกจริง ๆ เนื่องจากเราทั้งสองยังอยู่ในวัยเรียน
หมาพันธุ์เล็กตาโปนหูตั้งขนสีน้ำตาลหน้าตาน่ารักตัวนี้ยังไม่มีชื่อ แม้ว่าผมกับแฟนจะเดินทางออกห่างจากพื้นที่สวนจตุจักรมาไกลหลายกิโลเมตรแล้วก็ตาม นั่นก็เป็นเพราะเราทั้งคู่ต่างยังหาชื่อที่เหมาะสมกับความน่ารักมาตั้งให้กับมันไม่ได้
“น้องหวานว่าพี่จะตั้งชื่อเจ้าหมากระเป๋าตัวนี้ว่ายังไงดีล่ะ ?” ผมถามแฟนสาวเพื่อขอความเห็นในการตั้งชื่อลูกหมาตัวน้อยที่อยู่บนอ้อมกอดของผมทันทีที่ได้ที่นั่งเบาะหลังสุดของรถเมล์สายที่คุ้นเคย
“แหม...พี่ตาลก็ พี่ก็รู้ว่าหวานน่ะเป็นคนเรื่องมากนะ ถ้าให้หวานตั้งชื่อเองล่ะก็รับรองได้ว่าสิ้นเดือนนี้ก็ยังคิดชื่อไม่ออกหรอก เพราะหวานมีชื่ออยู่ในใจมากน่ะ” น้องหวานแฟนผมตอบแบบจีบปากจีบคอด้วยน้ำเสียงสั่นเพราะแรงออกตัวของรถเมล์ร้อนสีแดงขาว
“อืม...เอาเป็นว่าเราค่อย ๆ คิดละกันนะ ของอย่างนี้ต้องค่อยเป็นค่อยไป ถ้าตั้งใจคิดมาก ๆ เดี๋ยวจะคิดไม่ออก ต้องลืม ๆ เบลอ ๆ เดี๋ยวก็คิดออกเอง” ผมบอกน้องหวานพร้อมโปรยรอยยิ้มให้เธอ
“ดีแล้วพี่ ค่อย ๆ คิดเหอะ รีบตั้งไปเดี๋ยวได้ชื่อไม่เท่ โตขึ้นเดี๋ยวจะมาว่าเราได้” น้องหวานพูดเสริม
“แหม ทำยังกับว่าเจ้าหมาตัวนี้เป็นคนเลยนะ” ผมแซวน้องหวานด้วยน้ำเสียงสั่น เพราะแรงกระเพื่อมของรถเมล์คันเดิม
“อ้าว ! ก็ไหนพี่ตาลบอกว่าเจ้าหมาตัวนี้เป็นสัญลักษณ์ตัวแทนของลูกเราในอนาคตไม่ใช่เหรอ ? หรือว่ากะคบหวานไม่นาน ?” น้องหวานตอบเสียงเบาพร้อมปั้นหน้างองอนผม
“เอ้อ ! ใช่ พี่ลืมไป ขอโทษนะคนดี นะ นะ นะ...” ผมง้อแฟนสาวด้วยน้ำเสียงและน้ำมือสั่นเทาอันเนื่องมาจากแรงกระตุกของรถเมล์เจ้าของควันโขมง
“อ่ะ ก็ได้ ! คราวนี้ยกให้ แต่คราวหน้าห้ามลืมอีกแล้วนะ” น้องหวานพูดเบา ๆ พร้อมส่งยิ้มหวาน ๆ ให้ผมผ่านแก้มสีชมพูของเธอ
“จ้า...คุณแม่” ผมตอบกรอกหูเธอเบา ๆ เช่นกัน จากนั้นก็ใช้มือซ้ายโอบเอวบาง ๆ จากทางด้านหลังของเธอเพื่อแสดงความรัก โดยที่มือขวาของผมยังกอดหมากระเป๋าไว้แน่น “พ่อรักทั้งแม่ทั้งลูกเลยนะจ๊ะ”
สักพักคนเก็บค่าโดยสารก็เดินตรงดิ่งมาที่เราทั้งสามพร้อมตะโกนโหวกเหวกเสียงดังใส่
“นี่คุณครับ ! นำสัตว์เลี้ยงขึ้นรถเมล์น่ะ ต้องมีกรงใส่ให้เรียบร้อยนะ” กระเป๋ารถเมล์หน้าดำตะโกนบอกพลางหยิบเหรียญจากอุ้งมือของผม
“แต่พี่ ! หมามันตัวนิดเดียวเองนะ” น้องหวานชิงตอบใส่กระเป๋ารถเมล์ตัดหน้าผม “อนุโลมนิดหน่อยไม่ได้เหรอคะพี่ ?”
“ก็...เอ่อ ยังไงน้องก็ต้องเก็บใส่อะไรสักอย่างให้เป็นที่เป็นทางนะ เดี๋ยวผู้โดยสารคนอื่นเขาจะโวยเอา เอาเป็นว่าครั้งนี้ถือว่าพี่ไม่เห็นละกัน” กระเป๋ารถเมล์แสดงความใจดีขัดแย้งกับสีหน้าขึ้นมากะทันหัน จากนั้นก็เดินจากไป
เดาไม่ยากว่าที่หนุ่มหน้าหม่นใจอ่อนนั้นคงเป็นเพราะหน้าหวาน ๆ และน้ำเสียงหวาน ๆ สมชื่อของน้องหวานแฟนสุดสวยของผมอย่างแน่นอน
“จะเก็บเจ้าหนูนี่มันไว้ตรงไหนดีล่ะพี่ตาล ?” น้องหวานกระซิบเบา ๆ ใส่ข้างหูผมพลางใช้สองมือลูบหน้าขาผ่านกางเกงขาสั้นแค่คืบของตัวเองขึ้นลงแสดงความกังวล
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่จัดการเอง พี่ตาลซะอย่าง” ผมตอบแฟนสาวหน้าหวานทันทีที่คิดได้ว่าจะเก็บหมาน้อยไว้ในที่ลับตาตรงส่วนไหนของร่างกาย
“ทำยังไงล่ะ ?” แฟนสาวถาม
“โชคดีนะเนี่ยที่วันนี้พี่ใส่กางเกงตัวนี้มา” หลังพูดจบผมก็ยัดเจ้ามิเนียเจอร์ตัวน้อยลงในกระเป๋าข้างขาใบโตที่ปะติดอยู่กับกางเกงขาสั้นลายทหารของตัวเอง
“ดีจังที่ตัวเล็กแค่นี้ ใส่กระเป๋ากางเกงได้สบายเลยเนอะ” น้องหวานยิ้มร่าอารมณ์ดีทันทีที่ปัญหาถูกแก้เฉพาะหน้า
ช่วงเวลาที่เราทั้งคี่ (ผม แฟน และหมา รวมเป็นสาม = จำนวนคี่) เดินทางออกจากสวนจตุจักรนั้นเป็นเวลาบ่ายโมงพอดิบพอดี ซึ่งนั่นก็หมายถึงเป็นช่วงที่เลยเวลากินอาหารเที่ยงของเราทั้งสอง (ผมกับแฟน) มาแล้ว และแน่นอนว่าในตอนนี้นอกจากจะเลยมื้อเที่ยงที่ทำให้เราหิวกันพอประมาณแล้ว แดดระอุตอนกลางวันแสก ๆ เช่นนี้ก็เป็นแรงกระตุ้นอย่างดีที่ทำให้เราทั้งคู่หมดแรงและต้องการอาหารมารองท้องโดยเร็วที่สุด
“หิวยังน้องหวาน ?” ผมถามน้องหน้าหวานเพราะได้ยินเสียงท้องของตัวเองส่งเสียงร้องโครกคราก
“ตอนนี้เหรอ ? หวานกินแมมม็อธได้ทั้งตัวเลยพี่” น้องหวานตอบด้วยสายตาละห้อยยิ้มมุมปาก
“โม้แล้ว น้อย ๆ หน่อย งั้นเดี๋ยวแวะกินอะไรที่ป้ายหน้าก่อนกลับเข้าแฟลตก็แล้วกัน” ผมวางแผนการหาอะไรลงท้องให้กับแฟนสาว
“มันต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วพี่ตาล ถ้านอกเหนือจากแผนนี้พี่ก็คอยดูหวานเป็นลมได้เลย” น้องหวานตอบเสียงเบาหน้าเนือย
“เอางี้มั้ย ? เดี๋ยวถ้าเราเจออะไรที่น้องหวานอยากกินสุด ๆ เราก็ตั้งชื่อหมาน้อยตัวนี้ตามชื่ออาหารที่อยากกินเลย” ผมออกไอเดียให้กับแฟนโดยหวังให้เธอลืมความหิวไปชั่วขณะ
“ก็ดีนะพี่ แต่ถ้าเราลงรถเมล์ปุ๊บแล้วหวานเกิดเห็นร้านขายหมาย่างแล้วอยากกินขึ้นมากะทันหันล่ะ” น้องหวานยิงมุกฝืดทั้งที่สายตาอ่อนล้าแต่หน้าก็ยังยิ้ม
“ก็เอาตามนั้นเลย” ผมโพล่งตอบเสียงดังรับมุก
“หยึย !!”
คงเดาไม่ยากว่าหลังก้าวเท้าลงจากรถเมล์สุดซิ่งคันนั้นแล้วน้องหวานแฟนสุดสวยของผมเธออยากกินอะไร ซึ่งนั่นก็คือชื่อของหมาน้อยตัวนั้นและก็หมายถึงสุภาพบุรุษหมาผู้เติบใหญ่ตัวนี้
ตอนนี้ เจ้าก๋วยจั๊บ มีอายุได้กว่าห้าปีแล้ว แต่ความสูงของมันก็เทียบเท่าเพียงแค่ความยาวของหนึ่งไม้บรรทัดมาตรฐานเท่านั้น ด้วยหน้าอกที่ผายโตและช่วงเอวที่เรียวเล็กจึงทำให้รูปร่างของมันสง่างามสมส่วน สมกับเป็นหมาที่มีสายพันธุ์มาจากเยอรมนี ลักษณะของมันดูคล้ายกวางป่าตัวเล็กที่เติบโตเต็มวัยมากกว่าที่จะดูเหมือนหมา ต่างก็แค่ไม่มีเขาเหมือนกวางเท่านั้น ขนของมันมีสีน้ำตาลเข้มมันวาวเรียบเนียนทั่วไปทั้งตัวซึ่งนั่นก็เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่า เจ้าก๋วยจั๊บ มีสุขภาพดีสมวัยเพียงใด
นอกจากจะชอบเห่าขู่คนแปลกหน้าและสิ่งแปลกปลอมเสียงดังด้วยน้ำเสียงเล็กแหลมแล้ว เจ้าก๋วยจั๊บ ยังมีนิสัยที่กระตือรือร้นกว่าหมาสายพันธุ์อื่น ๆ อย่างเห็นได้ชัด ด้วยนิสัยตื่นตัวชอบเดินวนดมเช็คโน่นเช็คนี่ทั่วห้อง บวกกับนิสัยที่ชอบวิ่งมากกว่าเดินทำให้ผมอดสงสัยไม่ได้ว่าเจ้าหมาเพื่อนยากตัวนี้เคยนอนหลับตาเต็มตื่นหรือไม่ เพราะตลอดเวลาที่ผมตื่นมันก็จะตื่นด้วยเสมอ และเมื่อผมหลับก็คาดว่ามันก็คงหลับไม่สนิทหรอก
ด้วยหัวใจที่ใหญ่เกินตัวจึงทำให้ เจ้าก๋วยจั๊บ มีบาดแผลฝากติดตัวกลับมาหลังจากออกไปเดินเล่นนอกบ้านเสมอ
ครั้งหนึ่งผมเคยแอบย่องตามมันไปอย่างเงียบ ๆ หลังจากที่ปล่อยมันออกไปทำธุระส่วนตัวนอกบ้าน สิ่งที่เห็นและสร้างความน่าหวาดเสียวให้กับสายตาของตัวเองก็คือการเข้าห้ำหั่นกับสุนัขคู่อริที่มีขนาดตัวที่ใหญ่กว่าหมาคู่ใจของผมหลายเท่าตัวอย่างไม่คิดหันกลับหลัง การสู้ยิบตาและกล้าเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้เกินไปของ เจ้าก๋วยจั๊บ ทำให้ผมเกิดความกังวลจนต้องแบ่งเวลาส่วนตัวออกมาเดินเล่นกับมันด้วยทุกครั้งหลังจากที่ปล่อยเจ้าหมาออกสู่พื้นที่สาธารณะ
นั่นเองที่ทำให้หลายครั้งแล้วที่ เจ้าก๋วยจั๊บ พาตัวเองเฉียดใกล้เข้าสู่โลกแห่งความตาย หลายหนแล้วที่ผมเองต้องพาร่างอุ่น ๆ ใกล้สิ้นลมหายใจของเจ้าหมาเพื่อนยากตัวนี้เข้าหาสัตวแพทย์อย่างเร่งด่วนเพื่อขอให้หมอยื้อชีวิตของมัน
วีรกรรมหนัก ๆ ของหมาเพื่อนยากตัวเล็กนี้มีมากมายเฉียดตายหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นโดนหมาจรจัดรุมกัดหลายครั้งหลายคราเพราะเหตุการณ์แย่งชิงหมาตัวเมียกับหมาพันธุ์ใหญ่ตัวอื่น ๆ จนทำให้ลำคอของมันฉีกเป็นแผลเหวอะหวะหายใจรวยริน การโดนรถเฉี่ยวชนจนบวมช้ำเดินกะเผลกหลายหน หรือการโดนวางยาเบื่อที่มีมากกว่าสองครั้งอันเนื่องมาจากมีใครบางคนรำคาญน้ำเสียงที่เล็กแหลมบาดแก้วหูของมัน
แต่ทุกครั้งก็ถึงมือแพทย์ และทำการยื้อชีวิตของมันได้อย่างทันท่วงที
ซึ่งต่างกับครั้งนี้
การหวุดหวิดท้าทายความตายของ เจ้าก๋วยจั๊บ ในหลาย ๆ ครั้งทำให้ผมรู้ดีว่าเพื่อนหมาตัวนี้ไม่ได้เป็นสุนัขอายุสั้น
หลายปีแล้วที่น้องหวานเรียนจบและหนีไปแต่งงานกับคู่หมั้นหนุ่มที่บ้านเกิด เหตุการณ์นั้นทำให้ผมแทบคลั่ง แต่โชคยังดีที่ตอนนี้ผมมีตัวแทนสัญลักษณ์ ‘ลูก’ ของเธอทิ้งไว้ให้ผมดูต่างหน้า ซึ่งก็คือหมาน้อยอายุยืนตัวเล็กตัวนี้นั่นเอง
ผมผ่านวันร้าย ๆ มาได้หลายเรื่องก็เพราะมี เจ้าก๋วยจั๊บ นี่แหละที่คอยเป็นเพื่อนใจอยู่เคียงข้างตลอดเวลา และนั่นก็ทำให้ผมรู้สึกผูกพันกับเพื่อนยากตัวนี้มากกว่าการเป็น ‘เจ้านาย’
แต่การต้องแยกจากกันในครั้งนี้ของเรา ผมจะทำใจได้อย่างไร
ผมคงทำใจให้กลับคืนสู่สภาวะปรกติได้ไม่ยากหากรู้สึกอกหักหรือตกงาน แต่คงอยากฆ่าตัวตายตามในทันทีที่รู้ว่าหมาคู่ใจของผมต้องสิ้นลมหายใจไปต่อหน้าต่อตาผม
เหตุการณ์หมาร็อตไวเล่อร์ยักษ์รุมกัดจนตายในครั้งนี้เป็นเหตุที่ทำให้เราต้องแยกจากกันชั่วนิรันดร์ เจ้าหมาล่าเนื้อร่างใหญ่ทะมึนสองตัวนั้นเข้าขย้ำร่างเสียเละจนเลือดสีแดงสาดกระเซ็นไปมาราวกับสายฝน จนแทบดูไม่ออกว่าสิ่งที่มันกำลังงับขยี้และสะบัดไปมานั้นเป็นร่างของสัตว์โลกชนิดใด
ในตอนนี้จะมีภาชนะรองรับอันใหญ่โตแบบไหนกันเล่าที่จะบรรจุน้ำตาของผมที่เอ่อล้นท่วมท้นอย่างไม่มีขีดจำกัดได้หมด
คาดการณ์จากสภาพศพ ไม่ว่าจะเป็นคุณหมอคนใด มากไปด้วยความสามารถชั้นสูงสักเพียงไหน ก็คงลงมติเห็นพ้องกันว่าน่าจะเป็นการไร้ประโยชน์ที่จะยื้อชีวิตของร่างที่คาอยู่ในปากหมาล่าเนื้อยักษ์ทั้งสองตัว
กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่วพื้นที่ที่มีร่างสีแดงของเราทั้งสองนอนกองก่ายอยู่ด้วยกัน ต่างกันก็ตรงที่ร่างหนึ่งยังคงเคลื่อนไหวแต่อีกร่างหนึ่งสงบนิ่งไร้วิญญาณ
ไม่แน่ใจนักว่าการต้องพรากจากกันของเราทั้งคู่นั้นจะสร้างความเจ็บปวดหัวใจให้กับ เจ้าก๋วยจั๊บ มากมายสักเพียงไหน แต่มั่นใจว่าผมคงมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกไม่ได้อย่างแน่นอนถ้าไม่มีมัน
ผมไม่น่าพาหมาเพื่อนยากออกมาเดินเล่นเลย ไม่อย่างนั้นเหตุการณ์ไม่คาดฝันอย่างนี้คงไม่เกิดขึ้น ขอโทษนะน้องหวาน ลูกของเราคงทำบุญร่วมชาติกับพี่มาแค่นี้
หากชาติหน้ามีจริงเราคงได้เกิดมาเป็นพ่อลูกกันใหม่
การหวุดหวิดท้าทายความตายของ เจ้าก๋วยจั๊บ ทำให้ผมรู้ดีว่าเพื่อนหมาตัวนี้ไม่ได้เป็นสุนัขอายุสั้น
คนที่อายุสั้นคือผมต่างหาก
ผลงานอื่นๆ ของ อีอี ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ อีอี
ความคิดเห็น