ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    STAR WARS: REVENANT

    ลำดับตอนที่ #5 : THE IMPACT

    • อัปเดตล่าสุด 13 ต.ค. 67


    ไม่ว่าระเบิดลูกนั้นทำจากวัสดุอะไร รัศมีทำลายของมันไม่ได้แค่สร้างความเสียหาย บริเวณจุดใกล้ตกของระเบิดที่เคยเป็นย่านการค้าสวยงามเท่าที่ดาวเวอร์เรียสเคยมีมา ตอนนี้ได้กลายเป็นเพียงประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของพวกกลุ่มกบฏ ประวัติศาสตร์อันโสมมที่คร่าชีวิตคนบริสุทธิ์หลายแสนชีวิต ทิ้งสารกัมมันตรังสีหนาแน่นทั่วทั้งรอบบริเวณจุดตกของระเบิด เปลี่ยนพื้นที่โดยรอบบริเวณนั้นให้กลายเป็นพื้นที่อันตรายเพียงแค่สูดลมหายใจ…

     

    นับตั้งแต่ช่วงวินาทีแรกที่มีข้อมูลรายงานถึงเรื่องสารกัมมันตรังสี ผู้บัญชาการสตอร์มทรูปเปอร์ บุรุษผู้รับมิแรนด้าเข้าร่วมทีมนาม ‘โอรอน’รหัส ‘STC-5411’ รีบสั่งอพยพทุกบุคลากรไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าจักรวรรดิ พลเรือน สตอร์มทรูปเปอร์ที่อยู่รอบนอกเขตถูกทิ้งระเบิดในทันทีเพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับรังสีที่อาจมากับอากาศ

     

    ทางด้านเจ้าหน้าที่จักรวรรดิ ทรูปเปอร์ และพลเรือนผู้บาดเจ็บจากรัศมีระเบิดไม่มีโอกาสอพยพได้ทัน คำสั่งตั้งค่ายพยาบาลสำหรับชำระล้างรังสีเพิ่มจึงถูกนำมาใช้ เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านรังสีถูกเรียกตัวมาช่วยควบคุมสถานการณ์ 

     

    ในขณะที่สตอร์มทรูปเปอร์กับเจ้าหน้าที่อาสาที่ไม่ได้รับบาดเจ็บจากแรงระเบิดแต่แรก พวกเขาได้รับคำสั่งให้เปลี่ยนเครื่องแบบเป็นชุดป้องกันรังสีโดยเฉพาะ เพื่อให้ภารกิจช่วยเหลือผู้บาดเจ็บที่ยังติดอยู่ภายในเขตกัมมันตรังสีและสำรวจความเสียหายอันร้ายแรงจากระเบิดดำเนินไปอย่างไม่มีติดขัด

     

    ในฐานะทหารหน่วยแพทย์อย่างเป็นทางการ มิแรนด้าถูกบรรจุร่วมทีมค้นหาผู้รอดชีวิต โดยมีผู้บัญชาการทรูปเปอร์โอรอนเป็นคนนำทีมเฉพาะกิจนี้เดินทางเข้าสู่ใจกลางความพังทลายของใจกลางเมือง ตลอดทางพวกเขาต้องเผชิญกับร่างของผู้บริสุทธิ์และเหล่าสตอร์มทรูปเปอร์ที่หนีจากแรงระเบิดไม่ทันนอนไร้ชีวิตกันเกลื่อนกลาด บางคนที่รอดชีวิตกลับบาดเจ็บสาหัสเกินกว่าจะช่วยรักษาชีวิตให้อยู่รอดได้

     

    “มิแรนด้า หลบไป”

     

    “ค่ะท่าน”

     

    มิแรนด้าถอยห่างจากร่างพลเรือนหญิงที่ติดอยู่ใต้ซาก ร่างกายของผู้หญิงคนนี้สาหัสเกินกว่าจะเยียวยา กระดูกสันหลังถูกบ่อนทำลายจากแรงกระแทก ใบหน้าบวมพองจากความร้อนรังสีและมันกำลังกัดกินเนื้อบนร่างกายอย่างช้าๆ 

     

    “ผมเสียใจด้วยจริงๆ”

     

    โอรอนปลิดชีพผู้หญิงคนนั้นด้วยปืนบลาสเตอร์ มันไม่ใช่การกระทำอันเยือกเย็นแต่อย่างใด ไม่ว่าเธอจะร้องขอชีวิตแค่ไหนสุดท้ายความตายก็เป็นประตูบานเดียว การตัดสินใจเช่นนี้เป็นเรื่องที่ถูกต้องและเมตตาอย่างที่สุดแล้ว ดีกว่าปล่อยให้ตายอย่างช้าๆ อยู่ใต้กองซากประหักพังกับกัมมันตรังสี

     

    โอรอนนำทีมลึกลงไปในเขตการค้าที่พังทลายต่อไป ระหว่างทางมิแรนด้าและทีมแพทย์ก็ทำหน้าที่ช่วยเหลือผู้รอดชีวิตที่พอจะช่วยได้ เริ่มจากรักษาเบื้องต้น ก่อนเรียกยานลำเลียงมารับพวกเขาเหล่านั้นทีละกลุ่ม เดินทางกลับไปกลับนับไม่ถ้วนครั้ง

     

    เธอกับทีมผสานงานกันอย่างเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันแม้นี่จะเป็นการร่วมงานครั้งแรก แล้วด้วยความที่ประสิทธิภาพงานออกมาดี ส่งผลให้มีผู้รอดชีวิตจำนวนมากถูกนำส่งออกไปจากเขตกัมมันตรังสี มากกว่าผู้รอดชีวิตที่จำเป็นต้องถูกปลิดชีพเพื่อหยุดความทรมาน 

     

    “พวกเราใกล้ถึงจุดหมายแล้ว” โอรอนบอกลูกทีม พลางเหลือบมองค่ารังสีผ่านหน้าจอที่ฉายอยู่บนแผ่นหลังดรอยด์นำทาง “ระดับรังสีเข้มข้นมาก แต่ยังอยู่ในระดับที่ชุดพวกเรารับไหว” เขาเปิดโหมดอินฟราเรดบนหน้ากาก สำรวจความร้อนรอบบริเวณที่แผ่ออกจากร่างของพลเรือนที่อาจจะยังมีโอกาสรอด

     

    “ไม่มีสัญญาณชีพ” โอรอนไม่พบผู้รอดชีวิตตามคาด เขตหนาแน่นรังสีอันตรายจุดนี้ไม่มีทางจะพบเจอผู้รอดชีวิต เขามอบคำสั่งต่อไปแก่ลูกทีม “นำยานลำเลียงกับทีมแพทย์ออกไป พวกเราต้องลดกำลังพลให้เหลือน้อยที่สุด ให้ความเสี่ยงอยู่แค่กลุ่มเล็กๆ” 

     

    “ดิฉันด้วยไหมคะท่าน?” มิแรนด้ายกมือขณะถาม

     

    “ไม่ใช่กับทรูปเปอร์แพทย์สนาม” โอรอนบอก

     

    มิแรนด้าทำความเคารพ “รับทราบค่ะท่าน” น้อมรับคำสั่งผู้บัญชาการทรูปเปอร์อย่างไม่มีข้อสงสัย หากเธอตายในภารกิจอย่างน้อยก็ไม่มีใครเป็นห่วงอยู่เบื้องหลัง พวกกบฏพรากทุกสิ่งที่มีไปตั้งแต่พวกมันตัดสินใจทิ้งระเบิดลงใจกลางเมืองเวอร์เรียส และทุกสิ่งนั้นคือคำว่า ‘ครอบครัว’ ที่คนพวกนั้นพรากมันไปจากเธอ...

     

    โอรอนกับทีมใช้เวลาเกือบชั่วโมงเดินฝ่าซากประหักพังเพื่อเข้าใกล้จุดทิ้งระเบิด จุดตั้งโรงงานผลิตทายไฟต์เตอร์ หนึ่งในสาขาผลิตที่ใหญ่ที่สุดในกาแล็กซี ตอนนี้เบื้องหน้าของพวกเขาเหลือเพียงแค่หลุมบ่อและควันพิษจากรังสีปะปนอยู่ในม่านควัน ดรอยด์นำทางดำเนินการตรวจสอบกัมมันตรังสีทันทีที่เหยียบถึงจุดหมาย

     

    แล้วพวกเขาก็ต้องเผชิญกับคำตอบอันน่าสะพรึงจากดรอยด์เกี่ยวกับความอันตรายของรังสี มันบอกกับพวกเขาว่ารังสีนี้ไม่ใช่รังสีทั่วไป ส่วนประกอบสสารที่ใช้สร้างระเบิดที่ใช้ทำลายโรงงานนี้ สิ่งที่ทำให้เกิดพิษบนอากาศนี้มันสามารถถูกค้นพบได้ในเขตแดนริมนอก (Outer Rim) เขตแดนที่ยังไม่ถูกปกครองโดยสมบูรณ์จากจักรวรรดิกาแลกติกเท่านั้น...

     

    ซึ่งความอันตรายของรังสีชนิดนี้อยู่ในขั้นเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมของโลกที่โดนกัมมันตรังสีนี้ครอบคลุม เปลี่ยนดาวดวงนั้นให้กลายเป็นดาวที่ไม่สามารถอาศัยอยู่ได้เป็นเวลากว่าสองถึงสามร้อยปี...

     

    ในฐานะชาวเวอร์เรียสมาแต่กำเนิด มิแรนด้าและสตอร์มทรูปเปอร์หลายคนที่เกิดบนดาวดวงนี้ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่พวกเขาเพิ่งได้ยิน โศกนาฏกรรมนี้ไม่ได้แค่สูญเสียประชากรอีกต่อไป พวกเขาสูญเสียบ้านที่เรียกว่าเวอร์เรียส ดาวที่มีประวัติยาวนานไม่ต่างจากทาทูอิน ทุกสิ่งทุกอย่างจบลงตั้งแต่ระเบิดลูกนั้นถูกทิ้งลงมาแตะบนผืนดาวของพวกเขา...

     

    ไม่มีโอกาสให้พวกเขาได้กู้คืนความเสียหายกลับมาด้วยซ้ำไป...

     

    “STC-5411 ถึงฐานบัญชาการใหญ่” โอรอนอาจไม่ใช่ทหารที่เกิดบนดาวดวงนี้ แต่เขาก็รู้สึกเจ็บปวดไม่ต่างจากชาวเวอร์เรียสทุกคน “ขออนุญาตแจ้งคำสั่งอพยพฉุกเฉินให้บุคคลากรของจักรวรรดิกาแลกติกและพลเรือนทุกคนอพยพออกจากดาวในทันที... พวกเราอยู่บนดาวนี้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว” 

     

    #นี่คือจุดจบสุดท้ายของดาวบ้านเกิด มิแรนด้า เดโอว่า ฟางเส้นสุดท้ายที่เธอมีต่อกลุ่มกบฏ…

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×