คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : THE LEFT HAND
เหนือชั้นบรรยากาศของดาวอัลดูแลนด์ ‘ยานรบสตาร์เดรดนอต’ ยานรบของจักรวรรดิที่ใหญ่ที่สุดและทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีมากำลังเฝ้ามองการต่อสู้บนพื้นผิวดาวอยู่เงียบๆ
มีไม่กี่คนที่ใช้ยานลำนี้ท่องทั่วทั้งดาราจักร โดยหนึ่งในนั้นคือ ‘ลอร์ดเวเดอร์’ ยานรบนี้คือศัตรูอันแสนร้ายกาจของกลุ่มกบฏทั้งปวง ยากเกินกว่าที่จะคว่ำยานลำนี้ได้ด้วยเพียงกองทัพเดียว
ปืนใหญ่ทรงอนุภาคสูงที่มีอำนาจแหวกชั้นบรรยากาศ ขณะนี้มันกำลังเล็งเป้าหมายไปยังฐานที่มั่นขนาดใหญ่ของกลุ่มกบฏที่ตั้งอยู่อีกฟากหนึ่งของลานสงคราม แต่ทว่าคำสั่งยิงนั้นยังไม่ถูกอนุมัติจากผู้บัญชาการใหญ่บนยานรบ หัวหน้าหน่วยเรเวแนนท์ ‘รีนิอัส’หลังจากออกคำสั่งให้ส่งชิเวียน่าลูกศิษย์ของตนกับส่งทรูปเปอร์ลงไปเป็นกำลังเสริมให้กองทัพบนพื้นผิวบนดาวก็ไม่มีคำสั่งใดๆ เพิ่มเติมอีก...
ผ้าคลุมสีดำยาวปลิวสะบัดฉายผืนผ้าสีแดงที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง สายลมวิ่งผ่านร่างกายล่ำสันที่ซ่อนอยู่หลังชุดเกราะและหน้ากาก หญ้าทุกใบเส้นล้มราบเมื่อถูกลมกระแสหนักกระทบ รีนิอัสกำลังย่างก้าวอยู่บนเนินโล้นสูงไร้ซึ่งหุบเขาหรือต้นไม้ล้อมรอบนอกจากทะเลหญ้าสีเขียวกว้างสุดลูกหูลูกตากับพระอาทิตย์ฉายแสงอยู่เบื้องหน้า
ณ บนสุดของปลายเนินเขามีสตรีชุดขาวนางหนึ่งยืนกุมข้อมือซ้ายของตนเองอยู่ ผมของนางนั้นยาวเกือบถึงแผ่นหลังและมีสีขาวราวกับหิมะ สายตาของนางกำลังกวาดมองลานกว้างที่ไม่มีแม้แต่สิ่งมีชีวิต มองกลุ่มหญ้าล้มตามผืนลมแล่นผ่านราวกับคลื่นมหาสมุทร นางรับรู้ว่ามีบุรุษชุดเกราะทมิฬกำลังเดินมายืนข้างๆ จึงส่งยิ้มสงบเงียบให้แก่บุรุษผู้นั้นเป็นการทักทาย
“เจ้าตัวใหญ่ขึ้นนะ” สตรีชุดขาวเอ่ย
“ข้าไม่เคยเปลี่ยน”
รีนิอัสเดินมายืนข้างๆ อยู่ทางฝั่งซ้าย ชายตามองสตรีที่สูงเพียงแค่ไหล่ของตนด้วยสีหน้าที่ไม่อาจเดาผ่านเบื้องหน้าหน้ากากได้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
“ฟากของเจ้าช่างโกลาหลยิ่ง รีนิอัส และข้าไม่ได้หมายถึงสงครามแต่อย่างใด” สตรีชุดขาวเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “กระแสพลังระหว่างด้านมืดและแสงสว่างกำลังกู่ร้อง ทั้งข้าและคนอื่นๆ ทางฟากนี้ล้วนต่างสัมผัสได้ถึงความสมดุลที่กำลังหลั่งไหล”
“ในด้านที่ดีหรือไม่ดี?”
“สมดุลเป็นสิ่งจัดเรียงได้ยากรีนิอัส ความละโมบ ความกลัว ความหวังเป็นสิ่งที่ยากต่อการอาจหาญกล้าใส่ ในกระแสพลังที่กำลังปั่นป่วนตอนนี้ เจ้าต้องเลือก เลือกว่าควรอยู่ฝั่งไหนของพลัง... ไม่ใช่กึ่งกลาง”
“กับบางคนกลับไม่คิดเช่นนั้น” รีนิอัสมองทุ่งหญ้าที่ค่อยๆ ฟื้นกลับมาจากแรงลมปะทะ กลับมายืนตั้งตรงสู้กับมันอีกหน “ยังมีบางคนที่ยังเชื่อในเรื่องความสมดุล หลับหูหลับตาครวญเชื่อว่ามันจะนำพาความสงบสุขหนีห่างจากกลียุค”
สตรีชุดขาวเคลื่อนตัวมายืนเบื้องหน้าเขาแล้วกล่าวว่า “ส่งมือของเจ้ามาให้ข้า” พร้อมกับยื่นมือซ้ายออกมา
รีนิอัสยื่นมือขวาออกไปให้นางสัมผัส นางหลับตาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะลืมตาขึ้นมาด้วยแววตาที่เปลี่ยนไป เป็นแววตาที่เศร้าสร้อยผิดต่างจากรอยยิ้มบนใบหน้าคมสว่างนั้น
สตรีชุดขาวยังคงไม่ปล่อยมือจากเขา นางเอ่ยต่ออีกว่า “ข้าอยากบอกให้เจ้าปล่อยวางอดีตให้ได้เสียทีแต่... สิ่งที่เจ้ากำลังทำอยู่มันมากกว่าเรื่องส่วนตัว”
“ข้าต้องหาเขาให้เจอ” รีนิอัสเอ่ยอย่างหนักแน่น “และข้าจะทำมากกว่าแค่หยุดยั้ง ข้าจะทำให้แน่ใจว่าเขาจะไม่มีโอกาสกลับมาได้อีก”
“ระวังตัวให้มาก รีนิอัส” นางเอ่ยด้วยท่าทีเป็นห่วง “ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นผู้สำเร็จวิชา แต่อย่าได้อาจหาญเผชิญสิ่งที่เขาผู้นั้นตามหาไม่ตามลำพัง เจ้าและข้ารู้ดีว่าสิ่งนั้นมันอันตรายแค่ไหน หากเขาได้ย่างกรายไปถึงมัน... ทุกอย่างที่พวกเราและมิตรสหายทำมาจะถึงคราวสูญเปล่า”
“ข้าจะระวังตัว”
สตรีชุดขาวยิ้มเล็กๆ เอ่ยกับเขาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจากลากันว่า “ขอพลังจงสถิตอยู่กับเจ้า” จากนั้นผืนหญ้าและเนินเขาก็ถูกแสงสว่างจ้ากลืนกิน เปลี่ยนทุกสิ่งอย่างกลายเป็นความว่างเปล่าปกคลุมกว้างสุดลูกหูลูกตา..
รีนิอัสลืมตาขึ้นมาในห้องฝึกซ้อมส่วนตัวของตน ดึงจิตที่ล่องผ่านกระแสแห่งพลังกลับสู่ร่างกายหยาบ
เขามองหน้ากากที่ตั้งอยู่ข้างผ้าปูสีดำใช้รองนั่งสมาธิ ก่อนจะหันมามองกล่องเหล็กใบสีขาวที่ถืออยู่บนมือขวาในสภาพฝากล่องถูกเปิด โดยมือซ้ายนั้นยังคงจับสิ่งที่วางอยู่ภายในกล่องแน่นไม่ปล่อยไป
มันคือ ‘มือซ้าย’ เป็นมือของสตรีผู้ที่เขาเพิ่งพูดคุยไป มือที่ถูกตัดขาดด้วยความร้อนของไลท์เซเบอร์…
รีนิอัสปล่อยมือจากมือของสตรีชุดขาวที่อยู่ในกล่อง ปิดฝากล่องสนิท นำมันไปเก็บไว้หลังกำแพงลับที่มากด้วยวัตถุโบราณอายุไม่ต่ำกว่าหลายพันหรือหมื่นปี ก่อนจะกลับมาห้องฝึกซ้อมหยิบหน้ากากขึ้นสวมปิดใบหน้า
ในเวลาต่อมาไม่นานเสียงเคาะประตูหน้าห้องดังขึ้นสองครั้ง โดยเจ้าของเสียงเคาะเป็นเลขาสาวประจำตัว เธอกำลังยืนรออยู่หลังประตูพร้อมรายงานทุกสถานการณ์ที่ผู้บัญชาการยานลำนี้ต้องการ
รีนิอัสเปิดประตูเดินออกจากห้องพักส่วนตัว เลขาสาวรีบเดินตามเขาผ่านโถงยาวที่ด้านขวานั้นเป็นกระจกบานยาวเผยให้เห็นอวกาศ เลขาประจำตัวไม่รอช้าที่จะรายงานข้อมูลสำคัญๆ ให้ผู้บัญชาการหน่วยเรเวแนนท์ให้ทราบ
“หน่วยภาคพื้นดินของพวกเราเพิ่งเจาะทำลายเขตป้องกันสามชั้นของพวกกบฏเข้าไปได้ค่ะ” เลขาสาวรายงาน “ตอนนี้ฝ่ายกบฏกำลังเสียเปรียบอย่างหนัก... และเลดี้ชิเวียน่าฝากดิฉันมาถามท่านว่าจะใช้ปืนใหญ่จากนอกวงโคจรยิงทำลายฐานใหญ่พวกกบฏไหมคะท่าน?”
“ป้อมปืนใหญ่ฝั่งศัตรูเหลืออีกเท่าไหร่?” รีนิอัสถาม
“เลดี้ชิเวียน่ากับเดธทรูปเปอร์ทำลายมันทั้งหมดแล้วค่ะท่าน”
“พวกเราต้องการผู้บัญชาการพวกมันกับเชลยมากเท่าที่จะทำได้” รีนิอัสพยักหน้ารับเจ้าหน้าที่และทรูปเปอร์ที่ทำความเคารพขณะกำลังเดินผ่าน “พวกเราต้องการข้อมูลเกี่ยวกับผู้อยู่เบื้องหลังการทำลายโรงงานผลิตทายไฟเตอร์ที่ดาวเวอร์เรียส... ข้ารู้จักพวกสมาชิกกลุ่มกบฏหลายชีวิตแต่ไม่มีใครเข้าข่ายยอมคร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์ได้โหดเหี้ยมเยี่ยงนั้นได้”
“รับทราบค่ะท่าน” เลขาสาวจดความต้องการของผู้บัญชาการลงบนกระดาษบนแผ่นรองเขียน
รีนิอัสถามต่อ “เมมฟิสเป็นยังไงบ้าง?”
“ภารกิจช่วยเหลือเจ้าหน้าที่จักรวรรดิผ่านไปได้ด้วยดีค่ะท่าน”
“เป็นอย่างที่คาด”
รีนิอัสหยุดเดินเมื่อถึงหน้าประตูทางเข้าสะพานเรือ หันหน้ามามองเลขาสาวที่ยืนจัดตารางข้อมูลที่ต้องทำอย่างตั้งใจ ก่อนจะถามเธอเกี่ยวกับเรื่องที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับงานเบื้องหน้านี้ว่า
“พรุ่งนี้เจ้าย้ายไปประจำการหน่วยงานอื่นแล้ว เจ้ายังไม่ได้บอกเลยว่าเป็นที่ไหน”
“ดิฉันถูกย้ายไปประจำที่เดธสตาร์ค่ะ ถูกเรียกไปเป็นเลขาคนใหม่ของ ‘แกรนด์ มอฟ ทาร์คิน’ ค่ะท่าน” เลขาสาวพูด
“ถือว่าเป็นเรื่องดี ทาร์คินเป็นคนน่านับถือ แค่ทำตามสิ่งที่เขาต้องการเจ้าก็ไม่มีปัญหาอะไรต้องกังวล” รีนิอัสเอ่ย พร้อมกับทิ้งคำอวยพรให้เลขาสาวคนนี้เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนพวกเขาจะแยกกันอย่างเป็นทางการในวันพรุ่งนี้ “ข้าขออวยพรให้เจ้าโชคดี อูร่า”
อูร่ายืนตัวตรงพร้อมกับทำความเคารพ “ขอบคุณค่ะท่าน” น้ำตานั้นไหลอาบแก้มเล็กๆ เนื่องจากเธอทำงานให้หน่วยเรเวแนนท์มากว่าห้าปีแล้ว หากไม่เสียน้ำตากับคำจากลาของผู้บัญชาการที่ดีที่สุดเท่าที่เคยรู้จักมาคงเป็นเรื่องประหลาด...
ดาร์ธ รีนิอัส
#เปิดตัวรีนิอัส และสตรีชุดขาวปริศนา นางเป็นใครมาจากไหน เดี๋ยวมีเล่าขยายในช่วงหลังๆ รวมถึงสิ่งที่บุรุษคนนี้กำลังตามหา…
#คิดเห็นอย่างไรกันบ้างหรือมีคำถามใดๆ สามารถพูดคุยกันได้เช่นเคย ขอบคุณทุกคนที่ติดตาม
ความคิดเห็น