คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : THE SISTER
ดาวอัลดูแลนด์ หนึ่งในเขตการปกครองของจักรวรรดิกาแลกติกฝั่งตะวันออกของกาแล็กซี เป็นดาวหินทรายกว้างขวางน้อยสิ่งมีชีวิต พื้นดินหินทรายเต็มไปด้วยพืชสีน้ำฟ้างอกเงยเป็นดอกคลี่ห้าแฉกเล็กๆ สวยงามน่าจับต้อง แต่ทว่าความสวยงามเหล่านั้นไร้ค่าเมื่อเกิดขึ้นท่ามกลางสงครามที่กวาดความเสียหายทั่วทั้งภูมิศาสตร์
ดาวแห่งนี้เป็นเขตสงครามระหว่างจักรวรรดิกับกลุ่มกบฏ เป็นสถานที่ตั้งของหนึ่งในฐานลับขนาดใหญ่อีกแห่งของกลุ่มกบฏ
ทางจักรวรรดิได้ส่งกองทหารนับหมื่นเข้าจู่โจมฐานลับแห่งนี้หมายจะทำลายให้สิ้น แต่สงครามระหว่างสองฝ่ายนั้นกลับยาวนานกว่าที่คาด การต่อสู้ดูไร้การจบสิ้น และฝ่ายที่เสียเปรียบคือฝ่ายของจักรวรรดิ
ฝ่ายกบฏยังคงยืนหยัดสู้ไม่ถอย...
เวลายิ่งผ่านไปนานเท่าใดกองทหารที่ถูกส่งจู่โจมผ่านแนวหน้าก็ยิ่งลดลงมากขึ้นเท่านั้น พวกเขาตกอยู่ในหลุมพรางของฝ่ายกบฏอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จากกองทหารหนึ่งหมื่นนาย ตอนนี้เหลือเพียงแค่หนึ่งพัน
ผู้บัญชาการกองกำลังจู่โจมเสียชีวิตในช่วงเวลาต่อมาของการรบ สตอร์มทรูปเปอร์หลายร้อยนายบาดเจ็บสาหัส ป้อมปืนใหญ่ฝ่ายกบฏทำลายกองทหารรบไปหลายหน่วย หน่วยแพทย์มีไม่มากพอสำหรับทหารบาดเจ็บ หุ่นดรอยด์แพทย์ถูกทำลายกลางสนามรบหลายตัว พวกเขากำลังถูกกดอย่างหนักจากอีกฝ่าย คาดการว่าไม่เกินสามชั่วโมงกองกำลังจู่โจมจะถูกกวาดล้างจนสิ้น เนื่องจากพวกเขาอยู่กันโดยไร้ซึ่งผู้บัญชาการการยุธวิธีรบ
กระทั่งทีมช่วยเหลือของหน่วยเรเวแนนท์เดินทางมาถึง...
กองยานลำเลียงช่วยเหลือห้าลำลงจากชั้นบรรยากาศ ตรงไปยังค่ายพักพิงของกองทหารจักรวรรดิจำนวนสองลำเพื่อส่งมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ สามลำที่เหลือบินผ่านม่านหมอกควันจากระเบิดและฝุ่นดินทรายรบขึ้นแนวหน้า กรีธาพลสตอร์มทรูปเปอร์ทั้งหมดสามกองพลและสมาชิกหน่วยเดธทรูปเปอร์เก้านายกระโจนลงจากยานสู่สนามรบ ขณะผู้นำปฏิบัติการสนับสนุนนี้เลือกที่จะกระโดดจากความสูงเหนือหมอกควัน เล็งเป้าหมายไปยังหอคอยสูงทำจากเหล็กกล้า จุดได้เปรียบทางทัศวิสัยฝ่ายพลซุ่มยิงของทหารกลุ่มกบฏกลุ่มหนึ่ง
ปากกระบอกไรเฟิลซุ่มยิงที่ยิงกระสุนพลาสม่าออกไป ส่งเสียงดังลั่นเกินกว่าจะได้ยินหรือสังเกตบางสิ่งที่กำลังดิ่งผ่านกลุ่มควันสีขาวลงมาบนสุดของหอคอยซุ่มยิง ระหว่างที่การต่อสู้บนที่สูงปะทะภาคพื้นดียังไม่หายร้อนดี กลุ่มพลแม่นปืนจำนวนห้าชีวิตผู้ลงมือสังหารทหารของจักรวรรดิไปหายร้อยนายไม่ทันรู้ตัวว่าความตายกำลังจะมาเยือนถึงพวกเขาในไม่ช้า
ไม่ทันที่กลุ่มทหารกบฏนิ้ววางบนโก่งไกปืนเตรียมจะยิงสังหารสตอร์มทรูปเปอร์บาดเจ็บผู้กำลังถูกช่วยเหลือจากกองพลสนับสนุน หนึ่งในพลซุ่มยิงก็ถูกแรงชนที่มาจากบนอากาศกระแทกตัวร่วงลงจากหอคอย
เสียงร้องหลงผวาของทหารที่ตกลงไปปลุกความสนใจพลซุ่มยิงคนอื่นๆ หันมาเห็นสตรีสวมเครื่องแบบรัดรูปสีทมิฬ สวมผ้าคล้ายกระโปงยาวครึ่งซีกทับกางเกงยาว สวมเสื้อคอปกหนาสูงเกือบถึงริมฝีปากสีแดงฉ่ำ ใบหน้าของสตรีผู้นี้ขาวเกินคนปกติ ผมยาวสีดำรวบไว้ด้านหลังที่ถูกเสียบรัดด้วยปิ่นปักผมปลิวไสวตามแรงลมบนที่สูงขณะกำลังวิ่งใส่พวกเขา ข้อมือทั้งสองของนางสวมกำไลยาวสีเงิน มือขวาจับไลท์เซเบอร์ อาวุธสังหารประจำกายของเหล่าอัศวินเจไดและนิกายซิธ
ประกายแสงสีแดงฉานจากไลท์เซเบอร์ผ่าร่างทหารกบฏหญิงคนแรกเป็นแนวเฉียง ตามมาด้วยทหารกบฏหนุ่มที่อยู่ใกล้กันถูกปัดติดกับกำแพงด้วยพลังที่มองไม่เห็น พร้อมกับถูกบังคับไม่ให้ขยับด้วยวัตถุรูปทรงคล้ายท่อนกระบองเหล็กเสียบกลางลำตัว
สตรีชุดสีทมิฬไม่หยุดเพียงเท่านั้น นางใช้ความเร็วของตนอันได้เปรียบกว่าจัดการสามทหารกบฏสุดท้ายผ่านท่วงท่าที่ฉับไวเกินกว่าพวกเขาจะมองได้ทัน ร่างของพวกเขาถูกฟันขาดครึ่งและถูกผลักร่วงลงจากหอคอยซุ่มยิงด้วยพลังที่มองไม่เห็น ไปเป็นกองศพสร้างความหวาดผวาแก่ทหารกบฏเบื้องล่าง
นางปิดไลท์เซเบอร์เมื่อหมดภัยคุกคาม ก้าวเท้ากลับมาหาทหารกบฏหนุ่มที่โดนท่อนกระบองเหล็กสีดำทิ่มอยู่กลางลำตัว เขายังไม่สิ้นลมหายใจ เลือดยังคงไหลผ่านบาดแผล ริมฝีปากสำลักเลือด ขณะมองสายตามาหาสตรีชุดทมิฬ เจ้าของนัยน์ตาสีแดงฉาน นางส่งยิ้มเล็กๆ ให้เขา โดยไร้ซึ่งความเห็นอกเห็นใจปนอยู่บนรอยยิ้มนั้น
“ข้าต้องขอชื่นชม พวกเจ้าทำได้ยอดมากในเรื่องการป้องกัน” สตรีเจ้าของชุดสีทมิฬเอ่ย “พวกเจ้ากำหราบทหารดีๆ ไปมาก เข่นฆ่าบุรุษและสตรีผู้มีบ้านต้องกลับอย่างเลือดเย็น โชคดีที่พวกเราจักรวรรดิก็ทำเช่นเดียวกันกับพวกเจ้าที่ทำลายความสงบสุขของกาแล็กซี... ถือว่าพวกเราทั้งสองฝ่ายเท่าเทียมกันแล้วนะ”
“พวกแกต่างหากที่... ทำลายความสงบสุข” ทหารกบฏหนุ่มเอ่ยอย่างตะกุกตะกัก “ขโมยอิสรภาพไปจากกาแล็กซี... บีบให้พวกเราต้องสู้กลับความทรราชของพวกแก”
“ข้าว่าพวกเจ้าแค่รับมือกับการเปลี่ยนแปลงไม่ได้” สตรีชุดดำอ้างเหตุผล “ระบอบอัตตาธิปไตยของจักรวรรดิกาแลกติกมันก็ไม่ได้ต่างอะไรไปจากสาธารณรัฐของพวกเจ้า... ต่างกันแค่พวกเราไม่อ่อนข้อ”
“พวกแกทุกคนมันเป็นฆาตกร”
“มันขึ้นอยู่กับมุมมองของบุคคล เด็กน้อย” นางประกอบไลท์เซเบอร์กับบริเวณเกือบมุมขอบของท่อนกระบองเหล็กที่แทงค้างอยู่บนลำตัวของทหารหนุ่ม เปลี่ยนไลท์เซเบอร์ของตนเองให้กลายเป็นด้ามจับของกระบองทอนฟา “ข้าอยากคุยเรื่องการเมืองกับเจ้าต่อเพื่อให้เจ้าเข้าใจและบางทีข้าอาจจะไว้ชีวิตเจ้าก็ได้ แต่ในเมื่อคำเถียงกลับของเจ้าเป็นคำด่าไร้เหตุผล... ข้าคงต้องผ่าครึ่งเจ้า”
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วเพียงเสี้ยววินาที ปลายกระบองทอนฟาที่ฟังอยู่ใต้ร่างของทหารกบฏหนุ่มปล่อยลำแสงสีแดงทำลายทุกอย่างที่ขวางทางมัน ไม่ทันที่ทหารคนนี้จะทันร้องเจ็บปวดไลท์เซเบอร์ในรูปแบบของกระบองทอนฟาก็ตัดร่างของเขาขาดครึ่งอย่างไร้ความปราณี...
“ชิเวียน่า เรียกทีมภาคพื้นดิน” ชิเวียน่าสะบัดเลือดติดปลายกระบองทอนฟาก่อนจะเก็บมันคืนแผ่นหลังเหนือสะโพก “รายงานสถานการณ์ด้วย”
[ป้อมปืนใหญ่ยังคงเป็นปัญหาครับ พวกเราลุกคืบไม่ได้] หัวหน้าชั่วคราวของทีมเดธทรูปเปอร์รายงานสถานการณ์ท่ามกลางเสียงยิงปะทะ
ชิเวียน่ามองไปทางตำแหน่งของป้อมปืนท่ามกลางหมอกควัน มองตามแสงที่ปากกระบอกปืนของมันฉายวูบวาบ ระยะห่างของมันอยู่ไม่ไกลจากนางมากนัก หากใช้ความเร็วที่มากพออาจใช้เวลาเข้าประชิดได้ไม่กี่นาที
“ข้าจัดการเอง”
ชิเวียน่า
#ไลท์เซเบอร์ของนางเป็นแบบผสม (Hybrid) นางไลท์เซเบอร์อยู่ด้วยกันทั้งหมดสองเล่ม หากเป็นการต่อสู้ปกติที่ไม่ออกลวดลายมากนางจะใช้รูปแบบปกติที่เห็นกันทั่วไป แต่ถ้าหากต้องเป็นทั้งฝ่ายตั้งรับ จู่โจม และสร้างความสับสนแก่ศัตรูนางจะนำมันไปประกอบกับท่อนกระบองที่มีส่วนผสมจากแร่เบสการ์ (Beskar) ที่ไว้ใช้ทำชุดเกราะให้กับพวกนักรบแมนดาลอเรียนและดาร์คเซเบอร์ (Darksaber)
[รูปภาพประกอบ สร้างโดย Sebastián Diaz Castro]
#นอกเหนือจากนี้นางยังสามารถนำท่อนกระบองมาประกอบกันให้มันยาวขึ้น แล้วนำมันประกอบรวมกับไลท์เซเบอร์ให้ยืดออกอีกทีเพื่อสร้างไลท์เซเบอร์แบบทวนได้อีกด้วย
#มีความคิดเห็นอย่างไรสามารถพูดคุยกันได้ ขอบคุณทุกคนที่ติดตาม อาจจะเล่าหลายตัวละครหน่อยแต่เดี๋ยวทุกเส้นทางจะมาบรรจบกันเอง
ความคิดเห็น