คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : PROLOGUE: THE BOMB
ปฐมบท…
เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียวที่ระเบิดถูกทิ้งลงใจกลางเมืองของดาวเวอร์เรียสทุกสิ่งทุกอย่างก็ดับวูบ สิ่งสุดท้ายที่มิแรนด้ายังจำได้คือแสงสีขาวคล้ายโปรยผงหิมะยามฤดูหนาว กับความร้อนผ่าวราวกับอยู่ใกล้เตาร้อนๆ ที่มีเสียงไม้แตกเป็นกร่อนๆ จากเปลวเพลิงที่ไม่หยุดโหมกระหน่ำ
มิแรนด้าสูญเสียการได้ยินชั่วขณะ หลังจากฟื้นขึ้นมาบนซากประหักพังที่ทับร่างจากทุกด้าน เธอยังรู้สึกถึงแขนและขา รวมถึงเลือดที่กำลังไหลผ่านบาดแผลที่สายตาไม่อาจมองเห็นถึง แต่ทว่าไม่ใช่กับมือที่เธอกำลังจับอยู่ทั้งสองฝั่ง มือของผู้เป็นบิดาและมารดา เธอไม่รู้สึกถึงชีพจรชีวิตที่ไหลเวียนผ่านเส้นเลือดนอกเหนือจากกองเลือดของพวกเขาที่ค่อยๆ ไหล่อาบแขนของมิแรนด้าทั้งสองข้าง
ความเจ็บปวดมันได้ทำลายทั้งร่างกายและจิตใจ ไม่มีหยดน้ำตาหรือเสียงกรีดร้องแสดงความโศกเศร้าผ่านใบหน้าและเสียง มิแรนด้าถูกแรงกดจากสภาวะความรู้สึกที่ศูนย์เสียฉับพลัน มันเปลี่ยนความรู้สึกที่ควรจะแสดงออกเป็นด้านตรงกันข้าม ความหม่นไหม้กลายเป็นโทสะร้อนระอุดุจดั่งเปลวเพลิงที่แผดเผา หยาดน้ำตาที่ไหลผ่านนัยน์ตาสีฟ้ามากด้วยความเคียดแค้น ก่อนพวกมันจะตามมาด้วยร่างกายที่ดิ้นรนอยากเอาชีวิตรอด
“ช่วยด้วย... ใครก็ได้... ช่วยฉันด้วย!”
มิแรนด้าตะโกนสุดลำคอเสียง มือที่เปื้อนเลือดถูกปล่อยออกจากสองร่างไร้ชีวิต สองมือคู่นั้นถูกใช้งานเพื่อเอาชีวิตรอด ก้อนหินเล็กใหญ่ถูกหยิบขว้างใส่แผ่นซากประหักพังของอาคารที่ถล่มทับหวังว่าจะมีใครสักคนได้ยิน
มิแรนด้าขว้างหินอยู่อย่างนั้นหลายนาทีจนมีแผลอยู่เหนือคิ้วด้านขวาจากหินที่ตนเองขว้างขึ้นไปกระเด็นกลับมาโดน แต่ทว่าเธอไม่มีเวลาสนใจบาดแผลเล็กน้อยนั่นมากกว่าหาความช่วยเหลือเพื่อตนเองหลุดพ้นจากความตายที่กำลังย่างกรายเข้ามาเรื่อยๆ
“มีคนรอดอยู่ตรงนี้! มาช่วยกันเร็ว!”
เสียงก้อนหินกระทบเพดานซากผนังได้รับการตอบกลับ กลุ่มคนจำนวนหนึ่งมุ่งตรงมาช่วยกันขุดเศษซากอาคารตรงจุดต้นตอของเสียง เสียงฝีเท้ามากมายดังขึ้น มิแรนด้าทำได้แค่เพียงส่งเสียงบอกตำแหน่ง ขณะเฝ้ารอให้แสงส่องผ่านร่องซากเข้ามากระทบบนใบหน้า ที่หลุดลอกจากความร้อนของแรงระเบิดไปบางส่วน
แสงที่กระทบเข้ามานั้นสร้างความแสบปวดราวกับถูกจุ่มอยู่ในน้ำร้อนที่เพิ่งต้มเสร็จใหม่ๆ มิแรนด้ากัดฟันทนรับแสงพวกนั้นที่กว้างมากขึ้นและมากขึ้น เปลือกตาของเธอกระพริบรับแสงจากบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยกลุ่มควัน ความพร่ามัวเกิดขึ้นเพียงชั่ววูบเดียว ก่อนใบหน้าของทหารในชุดเกราะสีขาวจะกลายเป็นสิ่งแรกที่เห็น...
สตอร์มทรูปเปอร์...
เสียงใต้หน้ากากของทหารนายนี้เป็นเสียงบุรุษ เขายื่นมือผ่านซอกเข้ามาพร้อมกับถามเธอว่า “คุณเอื้อมมือมาถึงมือของผมได้ไหม?” แล้วยื่นมือจนสุดแขนให้แน่ใจว่าผู้หญิงที่ติดอยู่ในซากประหักพังนี้จะพอเอื้อมถึง
มิแรนด้าไม่ตอบนอกจากพยักหน้า เธอยื่นมือซ้ายข้างที่เปื้อนเลือดของผู้เป็นมารดาคว้ามือทรูปเปอร์คนนั้น
“จับมือผมแน่นๆ อย่าปล่อยมือเด็ดขาด” สตอร์มทรูปเปอร์คนนั้นกล่าว “พวกเราจะดึงคุณขึ้นมาในครั้งเดียว คุณพร้อมนะ?”
มิแรนด้าพยักหน้า
ไม่ถึงชั่วอึดใจร่างเธอก็ถูกแรงของทหารเกราะชุดขาวดึงขึ้นจากกองซากประหักพัง กลุ่มทรูปเปอร์อีกสองคนมาช่วยพยุงเธอให้พ้นจากฐานอาคารที่เป็นเหล็กแหลมหลังจากถูกดึงพ้นมาได้ครึ่งตัว ในที่สุดมิแรนด้าก็รอดพ้นจากการถูกซากประหักพังกดทับ ออกมาสูดอากาศที่ไม่เหมือนเดิมของดาวเวอร์เรียสบ้านเกิดที่เต็มไปด้วยฝุ่นควันลอยเคว้งบนท้องฟ้า...
“คุณได้ยินผมไหม?” สตอร์มทรูปเปอร์ที่ดึงเธอขึ้นมาถาม พลางดีดนิ้วข้างๆ หูทั้งสองฝั่ง “มีอาการมึนหัวหรือคลื่นไส้หรือเปล่า?”
มิแรนด้าส่ายหน้า “ไม่มีค่ะ...” ตอบเรื่องการได้ยินแบบอ้อมๆ ในคำพูดเดียว แล้วดึงเข้าคำถามขณะกวาดสายตามองความพังพินาศที่เกิดขึ้นรอบด้าน “เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ? ฉัน... ฉันจำได้ว่าเห็นระเบิด”
“พวกเราโดนโจมตี” หนึ่งในสตอร์มทรูปเปอร์กล่าว
“โจมตี?” มิแรนด้าทำหน้าสีหน้าไม่เข้าใจ “โดยใครกัน?”
“พวกกลุ่มต่อต้าน”
มิแรนด้าเบิกตาโพลง น้ำเสียงตะกุกตะกัก บวกกับที่เธอเหลือบมองร่างของผู้เป็นพ่อและแม่ถูกขุดขึ้นจากกองซากประหักพังยิ่งทำให้เสียงตนเองนั้นสั่นมากเข้า “ทำไม... ทำไมพวกเขาถึงแบบนั้นล่ะ... พวกเขาทิ้งระเบิดใส่พวกเราทำไม?”
“โรงงานผลิตทายไฟต์เตอร์ [TIE-FIGHTER] ของจักรวรรดิตั้งอยู่ใจกลางเมือง” หนึ่งในสตอร์มทรูปเปอร์ตั้งข้อสันนิษฐานที่เป็นไปได้ ขณะมองทีมช่วยเหลือกำลังพาคนเจ็บขึ้นยานฉุกเฉิน “นั่นอาจจะเป็นเหตุผลที่พวกมันตัดสินใจทิ้งระเบิด”
“แต่ที่นี่มีประชาชน... พวกเขาไม่รู้เลยหรือยังไง?” ปากของมิแรนด้าสั่น หยาดน้ำตาแห่งความเศร้าปนกับความโกรธไหลอาบแก้ม “พวกเขาฆ่าคนเป็นแสนๆ เพื่อแค่ระเบิดโรงงานนั่น... ครอบครัวของฉัน... ครอบครัวของฉันต้องมาตายเพราะเรื่องแบบนี้เหรอ!?” เธอตะโกนสุดเสียง กรีดร้องด้วยความโกรธที่ไม่อาจถูกควบคุมได้ “ไอ้พวกกลุ่มกบฏสารเลว!”
สตอร์มทรูปเปอร์ไม่ปลอบใจผู้หญิงคนนี้ ปล่อยให้เธอซึมซับความเจ็บปวดที่ได้รับ ปล่อยให้เธอระบายความโกรธเหล่านั้นออกมาให้เกลี้ยงจิตใจ ปล่อยให้ผู้หญิงคนนี้รับมือกับอารมณ์ที่ถาโถมเข้ามาด้วยตัวของเธอเอง ผ่านไปไม่กี่นาทีเธอก็นั่งนิ่งมองเลือดบนมือทั้งสองข้างที่ไม่ใช่ของตนเองด้วยใบหน้านิ่งสนิท...
“ผมชื่อไคล์” สตอร์มทรูปเปอร์ที่ดึงเธอขึ้นมาจากกองซากอาคารแนะนำตนเอง “คุณชื่ออะไร?” พลางหยิบแผ่นกระจกโฮโลแกรมขนาดเท่าฝ่ามือมาตรวจสอบรายชื่อ
“มิแรนด้า เดโอว่า” มิแรนด้าแจ้งชื่อจริงพร้อมรหัสประจำตัวกองทัพ “รหัสของฉันคือ IM-4599” ขณะมองร่างครอบครัวของตนเองที่กำลังถูกห่อผ้าขาวไปวางกองเป็นแถวรวมกับประชาชนที่เสียชีวิตจากแรงระเบิด
ไคล์ถามเพื่อความแน่ใจขณะดูประวัติของมิแรนด้าผุดขึ้นมาบนหน้าจอข้อมูล “คุณเป็น ‘ทรูปเปอร์สังกัดหน่วยแพทย์’ งั้นเหรอ?”
“ฉันยังเป็นแค่ทหารฝึกหัด” มิแรนด้าพูด “พรุ่งนี้ฉันถึงจะถูกบรรจุเข้าประจำการกับกองทัพ”
“ตอนนี้แผนของเธอเปลี่ยนแล้ว”
สตอร์มทรูปเปอร์สวมเกราะไหล่ขวาสีส้มเดินมาหาพวกเขา ทุกคนยืนตรงทำความเคารพ รวมถึงมิแรนด้าที่ก็รีบถีบตนเองลุกขึ้นตามแม้ว่าสภาพร่างกายจะยังไม่ฟื้นจากเหตุการณ์สะเทือนขวัญ
ผู้บัญชาการสตอร์มทรูปเปอร์เอ่ยต่อว่า “วันนี้จะเป็นวันแรกที่เธอประจำการ ไปหยิบเสื้อผ้าจากทีมแพทย์บนยานแล้วมารายงานตัวกับหน่วยของฉันในห้านาที”
มิแรนด้ารับคำสั่งอย่างไม่ตั้งข้อสงสัย “รับทราบค่ะท่าน” เพราะความเคียดแค้นที่ก่อตัวอยู่ในจิตใจของเธอมันกำลังสร้างแรงขับเคลื่อน ผลักให้เธอเดินต่อไปข้างหน้า ให้เธอได้เตรียมรับโอกาสครั้งใหญ่หลวงที่จะตามมาหลังจากที่เผชิญหน้าโศกนาฏกรรมในวันนี้...
มิแรนด้า เดโอว่า
#เป็นอย่างไรกันบ้างกับช่วงปฐมบท มีความคิดเห็นกันอย่างไรสามารถแลกเปลี่ยนกันได้ ขอบคุณทุกคนที่ติดตาม
ความคิดเห็น