คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Murderer : 1
1
‘วันนี้นะคะมีคดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญในรอบปีเลยทีเดียว ตอนหกโมงเช้าของวันนี้นะคะมีคนพบศพสองศพอยู่บริเวณชานเมือง หลังจากเจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบก็พบว่าศพผู้ชายนั้นเป็นโชเฟอร์รถแท็กซี่อายุประมาณสี่สิบห้าปีกับศพผู้หญิงนะคะอายุประมาณยี่สิบปี ทำงานเป็นพนักงานบริษัทแห่งหนึ่ง โดยศพโชเฟอร์ถูกฆ่าปาดคอเสียชีวิตส่วนผู้หญิงถูกของมีดคมแทงทะลุศีรษะ ส่วนรถแท็กซี่นะคะถูกตามพบซึ่งไม่ไกลจากสถานที่เกิดเหตุมากนัก โดยทรัพย์สินของทั้งสองยังอยู่ครบถ้วน คาดว่าคนร้ายน่าจะมีความแค้นกับผู้ชายแต่ทำการฆ่าปิดปากผู้หญิงที่เห็นเหตุการณ์ค่ะ’
“นี่รูปสองศพที่ว่า มีคนเจอแถวนอกเมือง” รูปถ่ายจำนวนไม่น้อยพร้อมแฟ้มคดีถูกโยนมาตรงหน้าปาร์คชานยอล ดวงตากลมจากที่สนใจภาพในจอทีวีหันมามองรูปที่ไร้การเซนเซอร์ใดๆในแฟ้มแทน ร่างสูงวางกาแฟร้อนลง หยิบรูปถ่ายขึ้นมาดูใบแล้วใบเล่าก่อนหัวเราะเสียงแห้ง “แต่ละรูปนี่ทำเอากูไม่อยากกินข้าวกลางวันเลยว่ะ”
คิมจงอิน หาได้ใส่ใจกับคำพูดเพื่อนสนิท ถึงตัวเค้าเองจะมีความรู้สึกเดียวกับคนพูดก็เถอะ “หลังจากที่กูลงไปตรวจสอบแทนไอ้โย่งสันหลังยาวมา” ชานยอลขมวดคิ้วกับสรรพนามใหม่ของตน มือกร้านของจงอินเปิดแฟ้มคดี หยิบรายละเอียดที่พึ่งได้รับมาจากกองสืบสวนยัดใส่มือให้ร่างโปร่งที่นั่งอยู่ตรงกันข้าม “สองคนนี้ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกัน โชเฟอร์นี่ถูกฆ่าตายก่อนหน้าหลายชั่วโมง ส่วนผู้หญิงน่ามีการต่อสู้กับคนร้ายก่อนที่จะพลาดท่าโดนเสียบหัวทะลุ ตายคาที่”
ร่างสูงพยักหน้า “ดูก็รู้ แผลถลอกปอกเปิกตามเนื้อตัวขนาดนี้” ชานยอลรู้สึกสงสารศพในภาพจับใจ
“ใช่ ส่วนคนร้ายนี่ก็ฉลาดพอควร หลักฐานที่พอจะสืบสาวไปถึงตัวมันไม่มีซักอย่าง แม้แต่ผมซักเส้นที่พอจะตรวจหาดีเอ็นเอก็ไม่มี มันคงเตรียมพร้อมมาอย่างดี” จงอินพรูลมหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ตั้งแต่เป็นตำรวจมา ก็พึ่งเจอคดีฆาตกรรมอุกฉกรรจ์ที่คนร้ายลงมือฆ่าอย่างโหดเหี้ยมอย่างนี้เป็นครั้งแรก “อย่างกับเป็นปีศาจ ไม่ใช่มนุษย์”
ใบหน้าของศพในภาพแสดงถึงความหวาดผวาสุดขีด แววตาที่เต็มไปด้วยความกลัวสุดขีดเมื่อรู้ว่ากำลังมีคนยัดเยียดความตายมาให้ มันแสดงออกได้ชัดเจนแม้จะมองผ่านรูปถ่ายก็ตาม “หน่วยของมึงต้องรับผิดชอบสินะ ขอให้จับคนร้ายได้แล้วกัน คนร้ายคดีที่แล้วมันยังทำกูปวดหัวอยู่เลยว่ะ สู้ตายนะคิมจงอิน”
“สู้กับผีสิวะไอเวรนี่” คนผิวเข้มมองอีกฝ่ายอย่างหัวเสีย ก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ “เออ ฉันลืมให้แกดูนี่ไปเลย ไอ้ที่ว่าจะไม่มีหลักฐานก็ไม่ใช่ คนร้ายมันทิ้งข้อความบางอย่างให้พวกเรา” จงอินหยิบรูปโพราลอยด์ในกระเป๋ากางเกงออกมา มันเป็นรูปที่จงอินถ่ายเก็บไว้โดยเฉพาะ รูปถ่ายขนาดเล็กก็ถูกเลื่อนไปอยู่ตรงหน้าชานยอล มันเป็นภาพหน้าท้องขาวที่เปรอะไปด้วยคราบเลือดแต่ตรงนั้นมันก็ไม่ได้สำคัญ
มันสำคัญตรงที่ รอยกรีดเป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษที่อ่านว่า ‘stupid’
“มึงคิดว่าไง?”
“กวนประสาท”
“สนใจจะมาสืบหาไอ้คนกวนประสาทแล้วลากคอมันมาเข้าคุกมั้ยล่ะ?”
“....ไม่ล่ะ” ชานยอลไม่เล่นตามน้ำไปกับจงอิน ถึงจะหงุดหงิดอยู่บ้างที่คนร้ายมันกล้าเหยียบหนวดเสือ ข้อความหยาบคายที่ดูก็รู้ว่าต้องการท้าทายอำนาจตำรวจ “ใจจริงกูก็อยากจะช่วยมึงอยู่หรอกนะ แต่กูขี้เกียจว่ะพูดตรงๆ กูพึ่งปิดคดีฆ่าชิงทรัพย์เศรษฐีใหญ่มาหมาดๆ นี่จะให้มาเจอไอ้ฆาตกรฆ่าไม่เลือกหน้าอีกแล้วหรอ ขอร้องเถอะว่ะ ขอให้กูได้เจอกับอะไรที่มันเจริญหูเจริญตามากกว่าศพแล้วก็ศพซักพักได้มั้ยวะ”
“แล้วใครให้มึงมาทำงานหน่วยนี้วะ? ไอ้ข้าราชการกินภาษีประชาชน”
“เออๆ งั้นเอางี้ กูจะช่วยเท่าที่ช่วยได้โอเคมั้ย” ชานยอลเอ่ยออกมาอย่างเหนื่อยใจ สุดท้ายแล้วเค้าก็ต้องช่วยไอ้เพื่อนตัวดีนี่ทำคดีอีกแล้วหรอเนี่ย จงอินยิ้มกว้างกับคำตอบของเพื่อนร่างสูง สุดท้ายมันก็ใจอ่อนอย่างนี้ละวะ “มันต้องอย่างนี้สิวะไอ้ชานยอล! ยอดคนเลยว่ะเพื่อน แกคือพ่อพระแสนดี!”
ชานยอลเหลือบมอง เมื่อกี้ยังด่ากันอยู่ไม่ใช่รึไงวะ ไอ้นี่....
เพราะคำว่าพูด ‘จะช่วยเท่าที่ช่วยได้’ ของตัวเองแท้ๆ ชานยอลก็ถูกขอร้องแกมบังคับให้ไปดูสภาพศพเป็นเพื่อนจงอิน ตอนแรกเค้าก็ปฏิเสธมันหัวชนฝาอยู่หรอก แต่พอมันพูดขึ้นมาว่า ‘กับอีแค่ขับรถไปส่งที่โรงพยาบาลที่มันหนักหนามากนักหรอวะ ไหนมึงบอกว่าจะช่วยเท่าที่ช่วยได้ไง ทำไมมึงถึงเป็นคนผิดคำพูดแบบนี้วะไอ้ชานยอล #%$E$&Rbh!&….’
และคำบ่นอีกสารพัดที่เค้าจับใจความไม่ทันเลยเลือกที่จะไม่สนใจแล้วเปลี่ยนมาเป็นสารถีขับรถไปส่งไอ้ดำที่โรงพยาบาลแทน
“มึงจะลงไปด้วยกันมั้ย เพราะกูว่าคงนานหน่อย ตอนที่กูโทรมาเช็คผลชันสูตร หมอเค้าบอกศพพึ่งถึงโรงพยาบาลเอง”
ชานยอลถอนหายใจเฮือก “เออๆ! ลงก็ลง แม่เอ๊ยไหนบอกว่าแค่ให้ขับรถมาส่งไงวะ ทีนี้ก็บอกให้กูรอ ซักพักบอกนานให้กูลงไปดูด้วยอีก ให้กูช่วยทำคดีเลยมั้ยล่ะ” จงอินยิ้มให้กับอีกคนที่บ่นเป็นหมีกินผึ้ง แต่ก็ไม่เถียงอะไรออกไปเพราะเค้าต้องการให้มันเป็นอย่างนี้อยู่แล้ว “ก็ดีนะมึง กูต้องการความช่วยเหลือจากมึงพอดี”
“คุณตำรวจใช่มั้ยคะ เชิญทางนี้เลยค่ะ” พยาบาลที่น่าจะมารอเค้าทั้งสองคนอยู่แล้วผายมือเชิญตำรวจหนุ่มไปที่ห้องชันสูตรศพ ยิ่งเดินลึกเข้าไปคนที่เคยพลุกพล่านก็บางตาลง จนมาถึงห้องที่มีนายตำรวจยศน้อยคนหนึ่งนั่งรอหน้าห้องอยู่แล้ว พอเค้าเห็นสารวัตรทั้งสองเดินเคียงกันมาก็รีบลุกขึ้นทำความเคารพทันที
จงอินและชานยอลเพียงแค่พยักหน้ารับ ก่อนจะเดินหลบเข้าไปในห้องชันสูตร ทันทีที่ก้าวเข้ามากลิ่นเหม็นคาวของศพที่คละคลุ้งอยู่ก็ลอยมาปะทะกับสองหนุ่มจนรู้สึกพะอืดพะอม ศพอื่นที่ยังไม่ได้ถูกส่งไปห้องเย็นบางศพถูกผ่าท้องแบะอ้าคาทิ้งไว้ ชานยอลผงะก่อนจะหลบสายตาให้กับเครื่องในหรือไขมันเหลืองๆที่โผล่ออกมาทักทาย แต่ก็บางศพที่ถูกเย็บปิดรอยผ่าไว้เรียบร้อย ซึ่งการเย็บปิดนั้นไม่ได้ช่วยกลบกลิ่นคาวเนื้อมนุษย์ที่ลอยวนเวียนรอบกายทั้งคู่ได้เลย ไม่ใช่ว่านี่เป็นครั้งแรกของการเข้าห้องผ่าศพ แต่เพราะชานยอลยังทำใจให้ชินกับร่างไร้ชีวิตของผู้คนไม่ได้ต่างหาก
“สวัสดีครับคุณตำรวจ” สิงห์หนุ่มร่างโปร่งสะดุ้งกับน้ำเสียงเย็นเหยียบที่ดังขึ้นด้านหลังก่อนจะรีบหันไปมอง คุณหมอในชุดกาวน์ร่างเล็กขำเล็กน้อยกับรีแอคชั่นที่เกินหน้าเกินตาของคนตัวสูง “ผมบยอน แบคฮยอน เป็นหมอชันสูตรศพของผู้เสียชีวิตในข่าวเมื่อเช้านี้ครับ”
จงอินหันมามองตามเสียง พอเห็นว่ามีคุณหมอหน้าตาดีอยู่ ก็รีบทำความรู้จักทันที “เอ่อ ผมคิมจงอิน สารวัตรที่รับผิดชอบคดีนี้ครับ” เจ้าของคดีเอ่ยแทรกตำรวจโย่งหูกางที่กำลังจะอ้าปากทักทาย “ส่วนนี่ปาร์คชานยอล เพื่อนผมเป็นสารวัตรเหมือนกันแต่ตามมาดูงานด้วยเฉยๆ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” มือหนายื่นไปหมายจะจับมือทักทายทำความรู้จัก แต่ร่างเล็กกลับยิ้มน้อยๆให้แทน
“พอดีเมื่อครู่ผมไปพึ่งไปตรวจภายในช่องคลอดของศพตรงนั้นมา ยังไม่ได้ล้างมือเสียด้วยสิ แต่ถ้าไม่รังเกียจก็ไม่เป็นไรครับ...”
จงอินที่อุตส่าห์เก๊กหล่อรอรับไมตรีจิตจากอีกฝ่ายชักมือกลับแทนไม่ทัน “เอ่องั้นไม่เป็นไรดีกว่าครับ แหะๆ... ว่าแต่ศพที่ทางเราให้ชันสูตร…”
“อ๋อ ทางนี้เลยครับ” แบคฮยอนยิ้มหวานแล้วเดินนำไป
“หูยมึง อย่างแจ่มเลยว่ะ นี่ถ้าไม่ติดว่าเค้าเป็นผู้ชายเนี่ย กูจีบไปแล้วนะเนี่ย” พอพ้นสายตาหมอหนุ่ม จงอินก็เริ่มออกลายเจ้าชู้ขึ้นมาทันที ชานยอลส่ายหัวอย่างเอือมระอาให้กับความกะล่อนของเพื่อนตำรวจตัวดี “มึงนี่นะ ขนาดมีศพล้อมรอบมึงยังจะมีอารมณ์มาคิดเรื่องแบบนี้อีก ทำงาน!”
“แหม มึงก็ด้วยแหละครับไอ้คุณปาร์คชานยอล พอเห็นว่าหมอหน้าตาดีหน่อยนี่ขยันขึ้นมาทันทีเลยนะมึง คราวที่แล้วกูจำได้หมอชันสูตรแก่รุ่นป้ามึงยังฟังเค้าอธิบายผลชันสูตรไม่ทันจบก็เดินหนีไปแล้ว” ร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างหลังทำเป็นเมินกับคำพูดเพื่อน พร้อมผลักให้อีกคนเดินไปหาคุณหมอร่างเล็กที่ยืนรออยู่นานแล้ว
“ศพแรกพบบาดแผลที่พอเห็นชัดก็คือแผลกรีดคอตรงนี้ครับ กับแขนที่ถูกตัดขาดออกมา ไม่มีร่องรอยการต่อสู้ขัดขืนกับคนร้าย จากเท่าที่ผมตั้งสมมุติฐานไว้ เค้าน่าจะรับคนร้ายที่แสร้งทำเป็นผู้โดยสารขึ้นมา จากนั้นก็ถูกฆ่าปาดคอในขณะที่ขับรถอยู่จากเบาะหลัง บาดแผลนี่ลึกพอสมควร คงเป็นไปไม่ได้ถ้าคนร้ายจะเป็นผู้หญิง เพราะถึงแรงเยอะขนาดไหน ก็ไม่น่าจะมีแรงพอจะเชือดได้ขนาดนี้”
“ส่วนศพผู้หญิง มีรอยฟกช้ำที่หัวเข่า” แบคฮยอนชี้รอยช้ำสีม่วงที่บริเวณเข่าให้ตำรวจทั้งสองดู “น่าจะเกิดจากการที่สะดุดล้มตอนที่กำลังวิ่งหนี ส่วนบาดแผลเล็กๆน้อยๆตามเนื้อตัวคงจะเป็นตอนที่พยายามคลานหนี...”
“แหม ตั้งสมมุติฐานซะเหมือนกับอยู่ในเหตุการณ์จริงเลยนะครับ”
ชายหนุ่มร่างสูงแกล้งแซว แต่ก็ไม่พลาดที่จะเห็นว่าดวงหน้าหวานกระตุก แต่คนร่างเล็กก็สามารถควบคุมสีหน้าให้กลับมายิ้มแย้มตามเดิมได้อย่างรวดเร็ว “ถ้ารู้ว่ากำลังจะตายก็ต้องหนี ต้องดิ้นรนให้สุดชีวิต แม้สุดท้ายก็ต้องตายอยู่ดี”
ชานยอลฉีกยิ้มแห้ง คนตรงหน้าดูจริงจังเสียเหลือเกิน นี่เค้าแค่แซวนิดๆหน่อยเองนะ “อืม... แต่ที่คุณหมอพูดนี่ก็เป็นไปได้นะ เพราะว่าฆาตกรเผยตัวจนสุภาพสตรีท่านนี้ก็เลยต้องหนี แต่หนีไม่พ้น สุดท้ายก็โดนฆ่าตาย แต่ไอ้โรคจิตมันก็โหดจริงๆนะ แทงเข้ามาในเบ้าตาจนทะลุกะโหลกศีรษะออกมาได้เนี่ย คงจะเป็นคนเลือดเย็นพอตัว”
ผ้าขาวถูกดึงขึ้นมาผิดร่างไร้วิญญาณของศพทั้งสอง พร้อมกันกับที่บุรุษพยาบาลสองคนเดินเข้ามาเข็นศพทั้งคู่ออกไปไว้ในห้องดับจิตซึ่งอยู่ไม่ไกลมากนัก “ยังไงก็ต้องขอบคุณสารวัตรด้วยนะครับที่อุตส่าห์มาฟังผลชันสูตร ส่วนแบบลายลักษณ์อักษรผมขอให้มารับอีกทีวันพรุ่งนี้แล้วกันนะครับ เพราะบางจุดผมก็ยังไม่ได้พิสูจน์อย่างละเอียดถี่ถ้วน ที่พูดๆไปเมื่อกี้ก็แค่พูดตามเท่าที่ตาเห็นเท่านั้นเอง”
“ครับ งั้นพรุ่งนี้ผมจะมารับแล้วกันนะครับ” คนผิวเข้มตอบอย่างอารมณ์ดี “งั้นเราสองคนขอตัวกลับก่อนแล้วกัน ขอบคุณมากๆเลยนะครับ”
“ด้วยความยินดีครับ” ร่างบางตอพร้อมกับรอยยิ้มเชื่อมน้ำตาลอีกครั้ง
“เฮ้อ สุดท้ายก็ได้แต่น้ำ ตั้งแต่กูฟังๆมานี่ ไม่มีอะไรพอที่จะสาวไปถึงตัวฆาตกรได้เลย”
“เอ้า มึงฟังอยู่หรอ กูนึกว่ามึงยืนหลับซะอีก” ชานยอลหัวเราะร่วน แต่ก็ต้องถูกทำให้เงียบเพราะจงอินทุบกับสายตาตำหนิจากคนในโรงพยาบาล “ไอ้ตำรวจไร้มารยาท อย่าให้ใครเค้ารู้นะว่ากูกับมึงเพื่อนกัน กูอาย”
“อายห่าอะไร แล้วนี่เสร็จแล้วใช่มั้ย กูจะไปหาแม่แล้ว เมื่อกี้ส่งข้อความมาบอกว่านัดกับเพื่อนไปกินข้าว เลยชวนกูไปด้วย” ไม่รู้ว่าแม่คิดอะไรทำไมถึงได้ชวนเค้าไปกินมื้อเย็นด้วย แถมยังรบเร้าให้ไปให้ได้ พอจะปฏิเสธก็กลัวว่าจะโดนสวดจนหูชา ก็ไปๆตามใจแม่แกแล้วกัน
“จะไปไหนก็เรื่องของมึงเถอะ แต่มึงต้องขับรถไปส่งกูที่บ้านก่อน กูเหนียวเหนอะหนะไปทั้งตัวแล้วเนี่ย แถมกลิ่นศพติดเสื้อผ้ามาด้วย โคตรเหม็นเลย” จงอินกระพือเสื้อไล่กลิ่นอับ สีหน้าแสดงออกว่าอยากจะอ้วกเต็มทน ชานยอลส่ายหัวรัวเป็นคำตอบ “ไม่อ่ะ ตอนมามึงบอกแค่ให้กูมาส่งเฉยๆ ตอนกลับมึงก็กลับเองแล้วกัน กูไปละ”
ร่างสูงไม่รอให้เพื่อนได้ทักท้วงอะไรทั้งสิ้นก็รีบวิ่งออกไปทันที ทิ้งให้คนตัวดำยืนสตั้นอยู่นานหลายวิ “แล้วก็จะกลับยังไงวะเนี่ย! ไอ้ชานยอลนี่…”
“กลับกับผมก็ได้ครับสารวัตร”
“...แล้วแกเอารถอะไรมา?”
“มอเตอร์ไซค์ครับ”
“..... ส่งฉันให้ถึงบ้านก็พอ”
Tbc.
ความคิดเห็น