[Short story] For a love (SaruMi) - [Short story] For a love (SaruMi) นิยาย [Short story] For a love (SaruMi) : Dek-D.com - Writer

    [Short story] For a love (SaruMi)

    ผู้เข้าชมรวม

    972

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    972

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    11
    หมวด :  รักอื่น ๆ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  19 เม.ย. 57 / 23:51 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    หมายเหตุ

    ·       มิซากิกลายเป็นผู้หญิง

    ·       ชอบซารุฮิโกะ (ชอบกันตั้งแต่ภาคแรกละ 555)

    ·       อยู่กับซารุฮิโกะตลอด

    ·       ออกแนวนอลมอลแต่วายตนท้าย

    ·       มิซากิกลับเป็นผู้ชายแต่ก็ยังรักซารุไม่มีเปลี่ยน

    ความเดิมตอนที่แล้ว

    ฟุชิมิ ซารุฮิโกะได้โดนสเตรนทำร้ายจนกลายเป็นผู้หญิง ทำให้เกิดความอลวนในศูนย์บัญาการสเคปเตอร์ 4 หลังจากที่ซารุฮิโกะออกมาเดินเล่น ก็ได้เจอกับคู่อริอย่าง ยาตะ มิซากิ เข้าโดยบังเอิญ (บังเอิญมาก) มิซากิเมื่อรู้ว่าผู้หญิงที่เขาเจอคือซารุฮิโกะ ทำให้มิซากิมีใจให้กับเธอ แถมยังมีคู่แข่งตัวฉกาจอย่าง มุนาคาตะ เรย์ชิ ราชาองค์ที่ 4 หรือราชาแห่งกลุ่มสีน้ำเงินและยังเป็นหัวหน้าของซารุฮิโกะอีกต่างหาก แต่สุดท้ายมิซากิก็เป็นฝ่ายชนะ หลังจากที่ทั้งสองได้เดินเที่ยวเล่นกัน เมื่อมิซากิพาซารุฮิโกะกลับคอนโดก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นอีกรอบ...

    อันนี้ก็เป็นรูปของมิซากิตอนเป็นผู้หญิงนะคะ // วาดเอง


     

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      Misaki Part

                  “ยัยนั่น...จะกลับเป็นเหมือนเดิมแล้วสินะ...” ฉันบ่นพึมพำกับตัวเองก่อนที่จะเดินกลับอพาร์ทเม้นท์เก่าๆ ที่เคยอยู่ตอนสมัยเรียนม.ต้น ใจจริงก็ไม่อยากให้กลับเป็นเหมือนเดิมหรอก...ซารุฮิโกะร่างผู้หญิงน่ารักจะตาย แต่ก็ช่วยไม่ได้ ไม่งั้นมันก็ทำให้เธอลำบากใจอ่ะนะ

                  “นาย...หันมาสิ...” เฮ้ยๆ! ให้มาเรียกฉันตอนนี้ฟระ คนยิ่งอยากรีบๆ กลับอยุ่ แถมเป็นเสียงผู้หญิงอีกต่างหาก ไม่ต้องมายั่วฉันหรอก เพราะฉันมีแฟนเพียงคนเดียวคือ ฟุชิมิ ซารุฮิโกะ(ผู้หญิง) เท่านั้น พอฉันหันไปกลับมาไม่ใคร...เฮ้ย...หลอนแล้วนะ ;-; อย่าบอกนะว่าเป็นสาวปากฉีกน่ะ...รีบไปดีกว่า!!! “จะหนีไปไหน!!

                  “ว...ว้าก!!!

      Story Part

                  ยาตะ มิซากิ พยายามฝืนร่างกายกลับอพาร์ทเม้นท์ของเขาจนถึงหน้าห้อง

                  “ปวดหัวจังแฮะ...” มิซากิทิ้งตัวนอนบนเตียงโดยไม่รู้ตัว สภาพตอนนี้เหมือนคนเป็นไข้ แต่กลับไม่มีไข้แม้แต่น้อย

      -วันต่อมา-

                  “อืม...เช้าแล้วเหรอเนี่ย...!! อ...เอ๋!! ทำไมเสียงของฉันถึงกลายเป็นผู้หญิงล่ะ แล้วทำไมมือบางและเรียวลงแบบนี้ฟระ!!” มิซากิที่เพิ่งตื่นจางห่วงนิทราต้องประหลาดใจกับร่างกายของตัวเอง เนื่องจากตอนนี้เขาได้กลายเป็นผู้หญิงไปแล้ว ทั้งเสียง รูปร่าง ร่างกาย ไม่เว้นแม้แต่ผมที่ยาวสลวยของเขา (หรือเธอดี) “ม...ไม่จริงน่า!! โกหกใช่มั้ยเนี่ย!!” มิซากิเดินไปส่องกระจกที่ห้องน้ำเพื่อสำรวจตัวเอง ปรากฏว่าเขานั้นได้เปลี่ยนไปอย่างที่เขาคิดจริงๆ “ต้องไปปรึกษาซารุฮิโกะหน่อยแล้ว มันหมายความว่าไงกันแน่ เชื้อผู้หญิงมันเข้ามาตอนที่เราจูบกันหรือไงฟระ!! =[]=” เมื่อคิดได้แล้วมิซากิก็เดินทางไปพร้อมสเก็ตบอร์ดคู่ใจของเขาไปที่ศูนย์บัญชาการสเคปเตอร์ 4 ทันที

      -ศูนย์บัญชาการสเคปเตอร์ 4-

                  “เฮ้ย! ไอ้ลิงโม่ย!! ออกมาเดี๋ยวนี้นะ!!!” มิซากิตะโกนเรียกหาเจ้าของฉายาว่าลิงโม่ย

                  “มีธุระอะไรกับฟุชิมิซังหรือเปล่าครับ” อากิยามะ ลูกน้องของผู้ที่ชื่อ ฟุชิมิ ซารุฮิโกะเดินผ่านมาพร้อมถามมิซากิ

                  “มีอยู่แล้ว! รีบพาตัวเจ้านั่นออกมาเดี๋ยวนี้” อากิยามะทำหน้างงนิดๆ ก่อนที่จะหายเข้าไปข้างในศูนย์บัญชาการ

      -ที่ห้องทำงานของสมาชิคในสเคปเตอร์ 4-

                  “เฮ้! อากิยามะ” แอนดี้ สมาชิคอีกคนของสเคปเตอร์ 4 เรียกอากิยามะเข้ามาหาเหมือนมีอะไรบางอย่าง

                  “มีอะไรเหรอ”

                  “จากที่เราตรวจสอบนะ สเตรนสลับเพศมีอยู่ 2 ตัว เพราะงั้นอาจจะมีบางคนที่โดนสัลบเพศไปแล้วก็ได้นะ ต้องรีบรายงานให้ฟุชิมิซังรุ้เรื่องแล้วล่ะ”

                  “เรื่องนี้ฉันจัดการเอง” อากิยามะเดินไปที่ห้องทำงานของมุนาคาตะ เรย์ชิ เพื่อเข้าพบกับฟุชิมิ ซารุฮิโกะ ทันที

      -ที่ห้องทำงานของเรย์ชิ-

                  “ฟุชิมิซังครับ!!!” ซารุฮิโกะหันไปตามเสียงก่อนที่จะเดาะลิ้นทีนึง เพราะตอนนี้เขากำลังคุยงานอยู่กับเรย์ชิ ซึ่งเป็นหัวหน้าใหญ่ของสเคปเตอร์ 4

                  “ค...คือ...พวกเราตรวจสอบได้ว่ามีสเตรนอยู่ 2 ตัว ที่ใช้พลังนี้น่ะครับ” ซารุฮิโกะฟังแล้วพยักหน้าเป็นการรับรู้ก่อนที่จะหันไปคุยกับเรย์ชิอีกรอบ “แล้วก็มีคนอย่างมาพบคุณด้วยล่ะครับ”

                  “ใครอีกล่ะเนี่ย...” ซารุฮิโกะหงุดหงิดนิดๆ ก่อนที่จะเดินตามอากิยามะไปหน้าศูนย์บัญชาการสเคปเตอร์ 4

                  “ซารุ!!! นายต้องรับผิดชอบนะ เมื่อวานฉันโดนทำร้ายจนมาอยู่ในสภาพนี้ นายจะทำยังไงยะ!!!” ในสายตาของเขาคือผู้หญิงร่างเล็กตัวประมาณ 157 ซม. สวมหมวกผ้าไหม ผมสีส้มไหม้ยาวถึงกลางหลัง พร้อมกับการแต่งกายที่ดูเหมือนักเลง และสเก็ตบอร์ดคู่ใจ ทำให้เขารู้เลยว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร

                  “แหม่ๆ แค่นี้เองน่าหมี่ซากี้ ลองลิ้มรสแห่งความเป็นหญิงไปหน่อยสิ...” ซารุฮิโกะพูดจายียวนกวนประสาทใส่มิซากิตามเคย

                  “ก...ก...ก...แก!!! บ้าๆๆๆๆๆ....” มิซากิโวยวายพร้อมกับว่าซารุฮิโกะรัวๆ

                  “ผมกลับมาเหมือนเดิมแล้วนะครับ ที่รัก!!” ซารุฮิโกะพูดจายียัวอีกรอบทำให้มิซากิรู้สึกรำคาญขึ้นมาทันที

                  “เออ...” มิซากิพูดส่งท้ายแค่คำสั้นๆ ก่อนที่จะทำท่าเดินจากไป

                  “เดี๋ยวสิมิซากิ” ซารุฮิโกะรั้งมิซากิไว้

                  “อะไรอีก”

                  “จะไปไหนเหรอ” ซารุฮิโกะถามด้วยรอยยิ้มกวนประสาท

                  “บาร์โฮมระน่ะสิ ถามได้ มีแค่ที่ที่เดียวที่ฉันอยู่นี่นา” มิซากิบ่นพร้อมกับเดินจากไป

                  “...ชักเป็นห่วงขึ้นมาแล้วสิ...” ซารุฮิโกะพึมพำกับตัวเองก่อนที่จะกลับเข้าไปที่ศูนย์บัญชาการอีกครั้ง

      -ทางด้านมิซากิ-

                  ระหว่างที่มิซากิเดินทางไปที่บาร์โฮมระที่เปรียบเสมือบ้านหลังที่สองนั้นก็ได้ไปเดินชนกับนักเลงข้างซอยแคบๆ มืดๆ

                  “เฮ้ย! ชนแล้วไม่ขอโทษเหรอวะ!” มิซากิรีบหันไปทันทีเพราะไม่รู้สึกตัวเลยว่าตัวเองกำลังเดินชนนักเลงอยู่ แต่นั่นก็ไม่แปลกเพราะเขาเอาก็เครียดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเขาจนไม่ได้มองตาม้าตาเรือเท่าไหร่

                  “โทษว่ะ!” มิซากิลืมตัวว่าตอนนี้ตัวเองนั้นอยู่ในร่างผู้หญิง แต่เป็นเพราะความชินทำให้เขาพูดตามที่หัวของเขาสั่งงานไป

                  “เฮ้ย! น้องสาว พูดจาดีๆ ก็ไม่เป็นเหรอวะ ไม่กลัวเลยหรือไงว่าผลออกมาจะเป็นยังไง”

                  “ใครน้องสาวแกวะ ก็ขอโทษไปแล้วก็ให้มันจบไปดิ!” มิซากิยังคงเถียงหัวหน้าอันธพาลด้วยความโมโห

                  “เฮ้ย! มาแรงเลยเหรอน้องสาว ดี...พี่ชอบ...” นักเลงอีกคนพูดขึ้นพร้อมกับล้อมมิซากิไว้

                  “จะเข้ามาไม้ไหนก็เข้ามาเลย” มิซากิทำหน้าอย่างมั่นใจพร้อมกับเข้าต่อยหัวหน้าอันธพาล ด้วยความที่กลายเป็นผู้หญิงบอบบางทำให้หัวหน้าอัธพาลโดนต่อยไปทีนึง แต่ก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บแม้แต่น้อยถึงจะมีรอยแดงขึ้นมาบนใบหน้าก็ตาม

                  “แหม่ แรงดีนี่ พี่ชอบ...งั้น..ตาฉันบ้างล่ะ!!” จากนั้นหัวหน้าอันธพาลก็กระชากตัวมิซากิเหวี่ยงเข้ากับกำแพงจนศีรษะของเขากระทบกับกำแพงอย่างจังทำให้หมดสติไป

      -ในซอกแคบๆ ไร้ผู้คน-

                “อ...อือ...” มิซากิค่อยลืมตาขึ้นโดยที่ไม่รู้เลยว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ที่ไหน ในสายตาเธอมีแค่แก๊งค์อันธพาล 4 คน

                  “ไหน...ขอดูหน้าให้ชัดเจนหน่อยสิ” หัวหน้าแก๊งค์อันธพาลเชยคางมิซากิขึ้นมาทำให้เห็นใบหน้าเนียนสวย ปากเรียวอิ่มบางของมิซากิ ทำให้ยั่วฝ่ายตรงข้ามทันที

                  “เอาไงต่อดีล่ะ...อยากเช็คร่างกายกันมั้ย” หัวหน้าแก๊งค์อันธพาลกระชากมิซากิมาพร้อมกับเชยหน้าขึ้น

                  “ไม่ทำก็เสียดายแย่ งั้นหัวหน้าเชิญประเดิมเลย” ลูกน้องอีกสองคนเข้าไปจับตัวมิซากิไว้โดยที่หัวหน้าแก๊งค์อันธพาลเริ่มซุกไซร้ซอกคอขาวของมิซากิ ทำให้เขาเสียวไปทั้งร่างกาย แต่ก็ต่อต้านไม่ได้ ได้แต่ครางและภาวนาให้คนมาช่วยเหลือ

                  “อ..ฮะ..ฮึก...ย...หยุดนะ ปล่อยนะ!!” มิซากิพยายามขัดขืนแต่ก็ไม่สำเร็จ แต่กลับเป็นการยั่วให้กับฝ่ายตรงข้าม ชายโรคจิตตรงหน้ามิซากิเริ่มถือวิสาสะเอามือจับไปที่อกที่ยังพอมีเนินอยู่นิดหน่อยของมิซากิ ทำให้เพิ่มความเสียวเข้าไปอีกรอบ “อ...ฮึก...อึก...”

                  “ร้องให้มันดังๆ กว่านี้หน่อยก็ได้นะ” จากนั้นหัวหน้าแก๊งค์อันธพาลก็เริ่มซุกไซร์ซอกคอมิซากิพร้อมกับบีบขยำทรวงอกนูนกลมแรงกว่าเดิม

                  “อ..อ๊า!!! ฮึก..ฮ้า...ซ...ซารุฮิโกะ..ฮ้า!!!” เมื่ออันธพาลได้ยินดังนั้นก็ถือวิสาสะถอดเสื้อของมิซากิออกพร้อมกับคล่อมมิซากิลงกับพื้น “จ...จะทำอะไรน่ะ!!

                  “ตะกี้เธอพูดชื่อคนที่รักสินะ เขาไม่มีทางมาช่วยเธอหรอก” อันธพาลเริ่มซุกไซร์ซอกคอขาวอีกรอบโดยที่ไม่สนใจเสียงร้องของมิซากิ

                  “อ..อ๊ะ!! อื้ม..ฮ้า!!! ซ...ซารุ...ซารุฮิโกะ!!!!!!!” มิซากิตะโกนชื่อคนผู้เป็นที่รัก

      ผัวะ!

                  “เฮ้ย! เกิดอะไรขึ้น...” หัวหน้าแก๊งค์อันธพาลถึงกับต้องนิ่งที่เห็นลูกน้องของเขาโดนจัดการไป 1 คน

                  “ขอโทษนะ พอดีผ่านมาพอดี งั้นขอจับกุมพวกนายข้อหาข่มขืนผู้หญิงละกัน” เมื่อหัวหน้าแก๊งค์อันธพาลลุกขึ้นมามองการแต่งกายของซารุฮิโกะก็รู้ทันทีเลยว่าเป็นคนของสเคปเตอร์ 4

                  “เสือคลุมสีฟ้า...สเคปเตอร์ 4 นี่หว่า ไปกันเร็ว!!” พวกอันธพาลรีบหนีไปทันที

                  “จิ๊! เจ้าพวกเหลือขอ” ซารุฮิโกะมองพวกนั้นก่อนที่จะหันมามองร่างเล็กที่อยู่ในสภาพกึ่งเปลือยแต่ก็ยังมีเสื้อกล้ามปกปิดหน้าอกอยู่ “ไปเดินท่าไหนถึงได้เจอเรื่องแบบนี้เข้าล่ะ” ซารุฮิโกะถามมิซากิด้วยน้ำเสียงเย็นชา

                  “แกมายุ่งอะไรด้วยเล่า เรื่องของฉันน่า...” มิซากิก้มหน้าไม่กล้าสบตาซารุฮิโกะ

                  “ไม่ใช่เรื่องของเธองั้นเหรอ...แล้วทีไอ้พวกนั้นมาทำมิดีมิร้ายกับเธอล่ะ!!! เนี่ยนะ! ที่ไม่ใช่เรื่องของฉันน่ะ!! มิซากิ!!!” ซารุฮิโกะเผลอขึ้นเสียงไปด้วยความหงุดหงิดทำให้มิซากิสะดุ้งพร้อมกับหลั่งน้ำตาออกมา ทำให้ซารุฮิโกะพยายามทำให้ตัวเองใจเย็นลง เขาเดินไปหยิบเสื้อของมิซากิก่อนที่จะส่งคืน “รีบๆ ใส่เสื้อซะ...เห็นเธอในสภาพนี้แล้วมันทำให้หงุดหงิด...

                  “อ...อือ...” มิซากิรีบใส่เสื้อทันทีก่อนที่จะยืนขึ้นพร้อมปัดฝุ่น

                  “จิ๊! หงุดหงิดชะมัด ตามฉันมา” ซารุฮิโกะพูดด้วยความหงุดหงิดพร้อมกับกระชากแขนมิซากิให้ลุกขึ้นแล้วเดินตามเขา

                  “จ...จะพาไปไหนน่ะซารุ!” มิซากิตกใจเล็กน้อย

                  “กลับบ้าน” ซารุฮิโกะพูดพร้อมกับดึงตัวมิซากิก็เดินตามเขา ทำให้มิซากิหน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อยก่อนที่จะเดินตามซารุฮิโกะแต่โดยดี

      -ที่คอนโดสเคปเตอร์ 4-

                  “น...ไหนนายบอกว่าจะพาฉันกลับบ้านไงฟระ! ไหงลากฉันมาที่ห้องของนายกันเนี่ยไอ้ลิงบ้า! =[]=” มิซากิโวยวายกับเหตุการณ์ที่เกิดอยู่ตรงหน้า

                  “ฉันไม่ได้บอกสักหน่อยว่าจะพานายกลับบ้านของนาย ฉันหมายถึงให้นายมาบ้านของฉันต่างหาก หมี่ ซา กี้!!” ซารุฮิโกะลากเสียงกวนประสาทมิซากิอีกครั้งทำให้มิซากิรู้สึกหงุดหงิดเป็นฟืนเป็นไฟ “อยู่ในนี้แล้วเป็นเด็กดีด้วยล่ะ อย่าทำตัวน่ารำคาญล่ะ เข้าใจมั้ย” ซารุฮิโกะสั่งมิซากิก่อนที่จะเดินกลับไปทำงานที่ศูนย์บัญชาการต่อ

                  “ว้าก!! ไอ้ลิงบ้า ไอ้ลิงโม่ย ไอ้โรคจิตวิปริต ไปตายที่ไหนก็ไปเลยไป๊!” มิซากิด่าซารุฮิโกะทิ้งท้ายแต่นั่นก็ได้แค่หาเรื่องเปลืองน้ำลายก็เท่านั้น เขาที่อยู่ในร่างผู้หญิงแถมไม่มีพลังก็ทำให้อ่อนแอยิ่งกว่าเดิมเป็นหลายเท่า ไม่มีทางที่จะขัดขืนซารุฮิโกะได้แม้แต่นิดเดียว

      -เวลาผ่านไป 3 วัน-

                  มิซากิอยุ่แต่ในคอนโดของซารุฮิโกะซึ่งเวลาก็ล่วงเลยไปได้ 3 วันแล้ว ก็ไม่มีทีท่าที่มิซากิจะได้ออกไปเลย มิซากิเริ่มทนการเอาแต่ใจของซารุฮิโกะไม่ไหวเลยคิดหาวิธีออกจากที่นี่ แล้วบังเอิญไปเจอหน้าต่างที่พอออกไปทางนี้แล้วก็จะออกถนนใหญ่แล้วสามารถกลับไปบาร์โฮมระได้ เมื่อคิดได้เช่นนั้นแล้วมิซากิก็ทำตามแผนที่เขาคิดไว้

      -ตกเย็น-

                “มิซากิ ฉันกลับมาแล้ว...มิซากิ...” ซารุฮิโกะที่เดินเข้ามาถึงกับต้องชะงักเมื่อยาตะ มิซากิ ที่เคยอยู่ในห้องของเขากลับหายไปโดยที่หน้าต่างยังเปิดอยู่ ทำให้เขารู้ทันทีว่ามิซากินั้นได้หนีออกไปทางหน้าต่างแล้ว “ประมาทไปหน่อยแฮะ...หึ....”

      -บาร์โฮมระ-

                  “คุซานางิซังครับบบบ...” มิซากิรีบวิ่งเข้ามาให้บาร์โฮมระพร้อมกับกระโดดกอดคุซานางิด้วยความคิดถึง

                  “ย...ยาตะจัง เป็นอะไรไป จะว่าไปไม่ได้มาที่นี่ตั้ง 3 วันแล้วนะ เป็นอะไรหรือป่าว” มิซากิได้ยินดังนั้นก็เล่าเรื่องทุกอย่างให้คุซานางิฟัง “อ๋อ! แต่ฟุชิมิคุงก็ช่วยยาตะจังไม่ให้เจ้าพวกนั้นข่มขืนก็ดีแล้วนี่นา” คุซานางิพูดขึ้นทำให้มิซากิหน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อย

                  “ม...ไม่ได้ขอให้เขาช่วยสักหน่อนนี่ครับ...” มิซากิพูดขึ้นทำให้คุซานางิตะหงิดๆ กับคำว่า ครับที่หลุดออกมจากปากของมิซากิ

                  “ฉันว่ายาตะจังลองพูดคะขาแบบตอนที่ฟุชิมิคุงเป็นผู้หญิงน่าจะดีกว่านี้ พูดครับแบบนี้คนอื่นจะมองว่าเป็นคนบ้านะ” คุซานางิบอกมิซากิด้วยรอยยิ้ม

                  “แหวะ! ไม่เอาครับ!

                  “หักค่าขนม...”

                  “ง่ะ! ช่วยไม่ได้แฮะ ...ก...ก็ได้....ค่ะ...” มิซากิจำใจพูดคะขาตามที่คุซานางิบอก

                  “แต่ว่ารู้สึกยังไงกับฟุชิมิคุงเหรอ”

                  “ก็เป็นแค่ไอ้บ้าคนหนึ่งเท่านั้นแหละ แต่ก็...เท่มากเลยล่ะ...” มิซากิพุดขึ้นพร้อมยิ้มบางๆ อย่างอ่อนโยนแล้วนึกถึงตอนที่ซารุฮิโกะได้ช่วยเหลือเขาไว้ตอนที่โดนพวกโรคจิตนั้นเข้าข่มขืน

                  “ยิ้มหวานเชียวนะยาตะจัง” คุซานางิแซวมิซากิเล็กน้อย

                  “ค...ใครยิ้มกันครับ เอ้ย! ค่ะ!” เมื่อมิซากิโวยวายไม่ทันจบก็ได้ยินเสียงเปิดประตูพร้อมกับร่างบุรุษผิวคล้ำเล็กน้อยเดินเข้ามา

                  “คุซานางิซัง ของที่ฝากซื้อ...อ้าว! นี่ใครล่ะเนี่ย”

                  “คามาโมโต้! แกผอมลงแล้วเหรอวะ หล่อขึ้นเลยว่ะ!” มิซากิที่อยู่ในร่างผู้หญิงเผลอทำตัวแบบปกติจนทำให้คามาโมโต้หายสงสัย

                  “ย...ยาตะซัง! ทำไมมาอยู่ในร่างนี้ล่ะครับ” คามาโมโต้หน้าแดงเล็กน้อยพร้อมกับมองมิซากิที่เข้ามากอดคอเขา

                  “โดนสเตรนเล่นงานน่ะ ช่างเหอะอย่าสนเลย! ฉันยังคงเป็นยาตาการาสุคนเดิมนั่นแหละ ฮ่าๆ!” มิซากิยิ้มสดใสให้กับคามาโมโต้ทำให้เขาหัวใจเต้นแรงเล็กน้อย “จะว่าไปขอกลับบ้านก่อนนะ” มิซากิบอกลาทุกคนก่อนที่จะเดินออกไปจากโฮมระ ระหว่างทางมิซากิก็เดินมองโน่นมองนี่จนบางทีไม่ได้สังเกตทางข้างหน้า

      ปึก!

                  “อ...ขอ...ขอโทษ!...ค...ค่ะ!

                  “แอบหนีออกมาเหรอ หมี่ ซา กี้!” เมื่อมิซากิได้ยินเสียงทุ้มพร้อมกับสำเนียงที่ยียวนชวนกวนประสาทที่คุ้นเคยก็ตกใจเล็กน้อยก่อนที่เงยหน้าไปมองหน้าของอีกฝ่ายที่เขาเดินชน

                  “อ...ไอ้ลิงบ้า...” มิซากิตกใจเล็กน้อยที่คนตรงหน้าคือ ฟุชิมิ ซารุฮิโกะ คนที่เขาไม่อยากจะเจอด้วยอย่างแรงและที่สุด

                  “เฮ้อ! ให้ตายเหอะ น่าเบื่อสิ้นดี วันนี้ไปทานข้าวกลางวันกันมั้ย พอดีไม่มีเพื่อนไปด้วย เหงา” ซารุฮิโกะพูดกับมิซากิทำให้เขาตายใจแล้วยอมไปด้วย

                  “แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะเว้ย!” มิซากิตอบห้วนๆ ก่อนที่จะเดินตามซารุฮิโกะไปร้านอาหาร

      -ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในตัวเมืองชิสึเนะ-

                  “วันนี้เดี๋ยวฉันเลี้ยงเองนะ ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายหรอก” ซารุฮิโกะอาสาจ่ายค่าอาหารกลางวันให้มิซากิ

                  “ใครกังวลกันฟระ” มิซากิตอบด้วยเสียงห้วนๆ

                  “เป็นผู้หญิงแท้ๆ หัดทำตัวให้เหมือนผู้หญิงหน่อยสิ หมี่ ซา กี้!

                  “อ...ไอ้...!

                  “อาหารที่สั่งได้แล้วครับ” มิซากิถึงกับต้องชะงักเมื่อพนักงานเดินเข้ามาเสริฟอาหารที่ตัวเองสั่งไว้ก่อนที่จะเงยหน้ามองซารุฮิโกะแล้วทำหน้ามุ่ยใส่เขา

                  “ฝากไว้ก่อนเหอะไอ้ลิงบ้า! ทานแล้วนะคะ”

                  “เห...! ไม่ยักนึกเลยว่าจะพุดคะขากับเขาเป็นด้วยนะ หมี่ ซา กี้” ซารุฮิโกะแซวมิซากิด้วยน้ำเสียงยียวนเหมือนเดิม ทำให้มิซากิรู้สึกรำคาญและหงุดหงิดขึ้นมาทันที

                  “หุบปากแล้วทานข้าวซะ! เดี๋ยวก็แย่งดินซะเลยนี่ไอ้ลิงบ้า!

                  “ครับๆ ทานแล้วนะครับ” เมื่อการถกเถียงยุติลงทั้งสองก็ลงมือทานข้าวที่สั่งมา มิซากิเงยหน้ามองซารุฮิโกะเป็นพักๆ พร้อมกับหน้าแดงเล็กน้อย “มองอะไรเหรอมิซากิ ข้าวติดแก้มฉันเหรอ” ซารุฮิโกะเงยหน้ามองมิซากิที่มองเขาตาไม่กระพริบ

                  “ชิ! ใครมองนายกันฟระ!” มิซากิหันหน้าหนีโดยที่มีข้าวติดแถวๆ มุมปาก

                  “นิสัยเสียไม่เปลี่ยนเลยนะ หมี่ ซา กี้!” ซารุฮิโกะพูดจายียวนใส่ก่อนที่จะค่อยๆ เอื่อมมือหยิบเม็ดข้าวที่ติดตรงมุมปากของมิซากิทำให้มิซากิเกิดอาการเขินจนหน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อย “เป็นผู้หญิงแท้ๆ หัดทานข้างให้เรียบร้อยหน่อยสิ หมี่ ซา กี้!

                  “ห...หุบปากไปเลยไอ้ลิงบ้า!” จากนั้นเขาก็ลงมือทานข้าวต่อด้วยอาการเขิน ทำให้ซารุฮิโกะนึกสนุกเล็กน้อยก่อนที่จะลงมือทานข้าวของเขาต่อ

      -10 นาทีผ่านไป-

                  “อิ่มแล้วครับ/ค่ะ” ทั้งสองพูดพร้อมกันก่อนที่จะค่อยๆ เงยหน้ามามองหน้ากัน

                  “เฮ้ย! แกจะพูดตามฉันทำไมวะ!” มิซากิโวยวายขึ้น

                  “ใครพูดตามกันหืม..! หมี่ ซา กี้!” ซารุฮิโกะพูดเสียงยียวนเล็กน้อยก่อนที่จะเรียกพนักงานมาคิดเงิน  “เอาล่ะ! ฉันกลับล่ะ” ซารุฮิโกะพูดเสร็จก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกจากร้านโดยที่มีมิซากิเดินตามหลังเขา “หืม!?

                  “ว...วันนี้ฉันจะนอนกับนายคืนนึงก็ได้! ค...แค่คืนนี้คืนเดียวเท่านั้นนะ เท่านั้นนะ!” มิซากิเน้นคำพูดก่อนที่จะเดินควงแขนซารุฮิโกะแบบผู้หญิงทั่วๆ ไป

                  “เห...! กินยาไม่เขย่าขวดหรือไง”

                  “อ...ไอ้บ้า! ไปได้แล้วเว้ย!” มิซากิหน้าแดงเล็กน้อยก่อนที่จะโวยวายยกใหญ่

                  “แต่เวลาเหลือเฟือ เราไปทั่ยวกันก่อนมั้ย” ซารุฮิโกะก้มหน้าถามมิซากิ

                  “โอ๊ะ! ความคิดดีเลย จะว่าไปก็ไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกันนานแล้วเนอะ! ไปกันเหอะ!” มิซากิยิ้มหวานให้ซารุฮิโกะ ทำให้เขาหน้าแดงเล็กน้อย

                  “จิ๊! นี่นายเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่กันแน่เนี่ย!” ซารุฮิโกะแซวมิซากิเล็กน้อย

                  “หนวกหูเว้ย! ป่ะๆ” มิซากิควงแขนซารุฮิโกะเดินเข้าไปในห้างสรรพสินค้า มิซากิลากไปดูโน่นดูนี่เหมือนผู้หญิงที่เดินมาเที่ยวกับแฟนทั่วๆ ไป รู้สึกว่าจิตใจตอนนี้เขาจะกลายเป็นผู้หญิงไปซะแล้ว นั่นทำให้ซารุฮิโกะอดยิ้มไม่ได้พร้อมกับนึกถึงตอนที่เขายังเป็นผู้หญิง

                  “อะไรกัน...ยาตะวังเดินมากับไอ้คนทรยศอย่างงั้นเหรอ” คามาโมโต้ที่แอบตามมาพึมพำกับตัวเองก่อนที่จะค่อยๆ เดินตามทั้งคู่ไปอย่างเนียนๆ ไม่ให้ทั้งคู่นั้นรู้ตัว

                  “...”

                  “มีอะไรเหรอซารุ” มิซากิเงยหน้าถามซารุฮิโกะที่หยุดเดินพร้อมกับหันซ้ายหันขวาเหมือนหาอะไรบางอย่าง

                  “ฉันรู้สึกเหมือนมีคนตามเรามา” ซารุฮิโกะตอบมิซากิโดยที่ยังคงมองซ้ายมองขวาตามความรู้สึกของเขา

                  “ไม่หรอกมั้ง แกคิดไปเองหรือป่าววะ!” มิซากิยิ้มให้ซารุฮิโกะทำให้เขารู้สึกสบายใจขึ้นมาเล็กน้อยก่อนที่จะเดินไปที่ซุ้มตุ๊กตา

       -21.00 น.-

                “ฮ้า! วันนี้สนุกจัง เรากลับคอนโดกันเถอะนะ ซารุ” มิซากิเอ่ยด้วยน้ำเสียงสดใส

                  “ว่าไงนะ! ยาตะซัง! ยาตะซังมาทำอะไรกับคนทรยศกัน!” คามาโมโต้ที่ได้ยินเช่นนั้นก็รีบเดินออกมาขวางทั้งสอง

                  “ค...คามาโมโต้!

                  “ที่ยาตะซังบอกว่าจะไปคอนโดของฟุชิมิมันหมายความว่าไงครับ” คามาโมโต้โวยวายยกใหญ่ “เดี๋ยวยาตะซังเกิดเป็นอะไรขึ้นมาคุซานางิซังเขาจะเป็นห่วงเอานะครับ”

                  “ฉันสามารปกป้องมิซากิได้ แกไม่ต้องมายุ่งหรอก” ซารุฮิโกะตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเย็นชาใส่คามาโมโต้

                  “ฉันเองก็สามารถปกป้องยาตะซังได้เหมือนกัน!

                  “เหรอ! รู้มั้ยมิซากิเกือบโดนทำมิดีมิร้ายแล้ว ถ้าฉันไม่ไปเจอน่ะป่านนี้คงโดนเจ้าพวกนั้นเอาไปทำอะไรแล้วก็ไม่รู้ เนี่ยนะที่นายบอกว่านายปกป้องมิซากิได้น่ะ!” ซารุฮิโกะเริ่มหงุดหงิดเล็กน้อยก่อนจะโต้กลับไป

                  “งั้นมาพิสูทกันมั้ยล่ะ ว่าใครสามารถปกป้องยาตะจังได้กันแน่!” คามาโมโต้พูดท้าทายซารุฮิโกะ

                  “ได้สิ เจอกันที่สวนสาธารณะเวลา 10 โมง” ซารุฮิโกะรับคำท้าพร้อมกับบอกสถานที่และเวลา

                  “ได้เลย! แล้วพบกันพรุ่งนี้นะครับ ยาตะซัง” คามาโมโต้บอกลามิซากิก่อนเดินออกจากห้างสรรพสินค้า

                  “ซ...ซารุ...”

                  “ไม่ต้องห่วงหรอกนะมิซากิ ฉันไม่เป็นอะไรหรอก เรากลับบ้านของเราเหอะ” ซารุฮิโกะพูดขึ้นห่อนที่จะพามิซากิกลับไปที่คอนโดของเขา ไม่สิ...ของพวกเขาต่างหาก

      -ที่คอนโดของซารุฮิโกะ-

                “นี่ๆ วันนี้เดี๋ยวทำข้าวเย็นให้นะ!” มิซากอาสาทำข้าวเย็นให้กับซารุฮิโกะ

                  “หืม...ก็ดีนะ อย่าทำครัวไหม้ละกันนะ หมี่ ซา กี้!” ซารุฮิโกะพูดเสียงยียวนใส่มิซากิเป็นการแกล้ง

                  “ไปนั่งที่โต๊ะอาหารเฉยๆ เลยไป๊! น่ารำคาญว่ะ!” มิซากิโวยวายเล็กน้อยก่อนที่จะเดินไปที่ห้องครัวแล้วลงมือทำอาหารเย็น ระหว่างที่เขาทำอาหารนั้นก็รู้สึกเหมือนมีใครบางคนมาสวมกอดเขาจากด้านหลัง “เฮ้ย! ฉันทำอาหารไม่สะดวกเว้ย!

                  “อยากอยู่กับมิซากิ ไม่อยากจากไปไหน อยากอยู่แบบนี้ตลอดไป มิซากิ มิซากิ”

                  “โว้ย! ฉันก็อยู่กับแกตลอดล่ะว่ะ! ไม่ไปไหนทั้งนั้นแหละ!” มิซากิโวยวายขึ้น

                  “จริงนะ สัญญานะ”

                  “เออ เลิกทำตัวเป็นเด็กแล้วไปนั่งที่ได้แล้ว”

                  “แบบนี้ดีออก เหมือนสามีตอนกอดภรรยาตอนที่กำลังทำอาหารไง ไม่เคยดูละครเหรอ” ซารุฮิโกะพูดเสียงยียวนให้มิซากิรำคาญเล่นๆ

                  “ใครเป็นภรรยาแกกันวะ! ไปนั่งดีเด๊ะ!” มิซากิดิ้นจนไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองนั้นถือมีดอยู่ จนทำให้ซารุฮิโกะคว้ามือที่มิซากิถือมีดอยู่

                  “ระวังหน่อยสิ ชอบทำให้เป็นห่วงอยู่เรื่อยเลยนะ”

                  “น...หนวกหูน่า...” มิซากิหน้าแดงก่ำ

                  “ก็ได้ๆ งั้นฉันไปนั่งรอมิซากิดีๆ ก็ได้” ซารุฮิโกะพูดก่อนที่จะเดินไปนั่งที่โต๊ะอาหารแต่โดยดี

      -10 นาทีผ่านไป-

                “โอ๊ส! เสร็จแล้ว วันนี้เป็นข้าวผัดฝีมือฉันล่ะ มีผักนิดๆ หน่อยๆ ทานๆ ไปเหอะนะ” มิซากิยิ้มให้ซารุฮิโกะที่มองข้าวผัดนั้นตาไม่กระพริบและทำหน้าเอือมเต็มทน

                  “มิซากิ...นายก็รู้นี่ว่าฉันไม่กินผัก” ซารุฮิโกะทะมึนใส่มิซากิเล็กน้อยพร้อมกับพูดเสียงเรียบ

                  “กินไปเหอะน่า นิดหน่อยเอง ผักมีประโยชน์นะ” มิซากิบ่นเสร็จก็ตักข้าวผัดเข้าปากตัวเอง

                  “ฉันจะทานก็ได้นะ...”

                  “จริงเหรอ!

                  “...แต่มิซากิจะต้องดื่มนมด้วย โอเคมั้ย ถ้าไม่ดื่มล่ะก็ฉันจะป้อนนมผ่านทางปากของฉันเป็นการแลกเปลี่ยน” ซารุฮิโกะแสยะยิ้มทำให้มิซากิหน้าซีดทันที เพราะตอนเด็กๆ แม่ของเขาเคยเอานมวัวมาให้เขาดื่ม และรสชาตินั้นก็จำได้ไม่เคยลืม ทั้งคาวๆ กลิ่นก็แย่ รสชาติก็ห่วยอีก แต่ถ้าไม่ทำอย่างนั้น ซารุฮิโกะก็คงบังคับเขาให้ทานให้ได้อยู่ดี

                  “ก...ก็ได้วะ” มิซากิพูดขึ้นอย่างมั่นใจก่อนที่จะลงมือทานข้าวโดยที่ซารุฮิโกะก็เหมือนจะพยายามทานข้าวผัดที่มีผักปนเล็กน้อยที่มิซากิทำให้เช่นกัน

      -5 นาทีผ่านไป-

                “จ...จะดื่มละนะ”

                  “ก็ดื่มสิ” ซารุฮิโกะพูดพรางมองมิซากิที่จ้องมองแก้วที่เต็มไปด้วยนมแบบไม่มีท่าทีที่จะจับกระดกดื่มเลยแม้แต่น้อย “นมไม่ลดเลยนะ หมี่ ซา กี้”

                  “น...หนวกหูน่า! เอาล่ะวะ!” ว่าแล้วมิซากิก็จำใจกระดกแก้วนั้นให้น้ำนมสีขาวไหลผ่านปากไป จนถึงต้นคอ

      แหวะ!!

                  “ข...ขอโทษนะ เละเทะไปหมดเลย” มิซากิมองนมที่ตัวเองคายออกมาอย่างพิถีพิถัน

                  “ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันเช็ดเอง นายไปอาบน้ำก่อนเถอะ” ซารุฮิดกะอาสาเช็ดโต๊ะให้พร้อมหยิบผ้าเช็ดโต๊ะมาทำท่าจะเช็ดโต๊ะ

                  “ไม่เป็นไร ฉันทำเองได้!” มิซากิเข้าไปรั้งซารุฮิโกะที่ทำท่าจะเช็ดโต๊ะให้

                  “ไม่เป็นไรหรอก ฉันเป็นคนบังคับนายฉันต้องรับผิดชอบ” ซารุฮิโกะพูดขึ้น

                  “ต..แต่ฉันเป็นคนทำนะ ฉันเช็ดเอง” มิซากิกับซารุฮิโกะเถียงกันสักพักจนซารุฮิโกะเริ่มหงุดหงิดขึ้น

                  “จิ๊! น่ารำคาญน่า! ชอบทำให้เป็นห่วงอยู่เรื่อยเลย! ฉันบอกว่าฉันทำเองได้ ไปอาบน้ำได้แล้ว!!” ซารุฮิโกะเผลอขึ้นเสียงใส่มิซากิทำให้เขารู้สึกตกใจเล็กน้อย

                  “...ก็ได้...” มิซากิทำเสียงเศร้าเล็กน้อยก่อนที่จะเดินหยิบผ้าเช็ดตัว ซารุฮิโกะเห็นสีหน้ามิซากิตะกี้นี้ทำให้เขาตกใจแล้วรู้สึกว่าตัวเองผิดขึ้นมาที่ไปตะหวาดใส่มิซากิ

      -2 นาทีผ่านไป-

                “เสร็จแล้ว...ซา...”

                  “มิซากิ!...” ทันทีที่มิซากิเดินออกมาจากห้องน้ำซารุฮิโกะก็โผลเข้ากอดมิซากิอย่างไม่ทันตั้งตัว

                  “ซ...ซารุ....”

                  “ขอโทษที่ตะหวาดนายนะ” ซารุฮิโกะพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าเล็กน้อยก่อนที่จะค่อยๆ กระชับกอดมิซากิ

                  “อ...อือ ไม่เป็นไรหรอก” มิซากิสวมกอดอีกฝ่ายตอบเป็นการให้อภัย

                  “แล้วก็รีบไปแต่งตัวเหอะ อย่าลืมสิ นายอยู่ในสภาพผู้หญิงนะ” ซารุฮิดกะมองร่างกายของมิซากิที่อยู่ในสภาพเปลือยท่อนบนแบบผู้ชายทั้งๆ ที่ร่างกายเป็นผู้หญิง

                  “ห...เห้ย! อย่ามองนะ!” มิซากิรีบไปแต่งตัวทันทีด้วยใบหน้าที่ขึ้นสีเล็กน้อย

                  “นายเนี่ยไม่เปลี่ยนเลยนะ”

                  “เดี๋ยวฉันนอนคอยนะ” มิซากิพุดพรางติดกระดุมชุดนอนสีชมพูหวานที่ซารุฮิโกะซื้อให้

                  “อย่าเผลอหลับล่ะ หมี่ ซา กี้” ซารุฮิโกะพูดทิ้งท้ายก่อนที่จะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ

                  “ร...รู้แล้วน่า!” มิซากิบ่นเล็กน้อยก่อนที่ซารุฮิกะจะหยิบผ้าขนหนูแล้วเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ

      -5 นาที ผ่านไป-

                “มิซากิ ฉัน...” เมื่อซารุฮิโกะอาบน้ำแต่งตัวเตรียมเข้านอนก็ได้สังเกตว่ามิซากิที่บอกว่าจะนอนคอยกลับหลับไปล่วงหน้าเขาแล้ว ทำให้เขาอดยิ้มไม่ได้พร้อมกับสอดตัวเข้าไปนอนใกล้ๆ พร้อมสวมกอด “ไหนบอกว่าจะรอไง หมี่ ซา กี้” ซารุฮิโกะกระซิบที่หูของมิซากิเบาๆ ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา

                  “อ...ไอ้บ้า! มาไม่ให้สุ้มให้เสียงเลยนะ” มิซากิโวยวายเล็กน้อยก่อนจะพลิกตัวไปมองหน้าซารุฮิโกะที่โอบกอดเขาอยู่

                  “ก็มิซากิหลับแล้วนี่ อีกอย่างนายผิดสัญญา”

                  “ห้ะ!? อะไรของแก” มิซากิทำหน้างงเล็กน้อย

                  “ก็นายบอกว่าจะนอนรอฉันจนกว่าจะมานี่นา”

                  “อ...ขอโทษๆ เตียงนายมันนุ่มดีน่ะ 555”

                  “ช่วยไม่ได้แฮะ....” ซารุฮิโกะพูดจบก็ค่อยๆ กระชับกอดมิซากิพร้อมกับจูบหน้าผากเป็นการบอกราตรีสวัสดิ์ “ราตรีสวัสดิ์นะมิซากิ”

                  “อ...อื้อ!” มิซากิหน้าแดงเล็กน้อยพร้อมยิ้มบางๆ แล้วค่อยๆ หลับตาลงอยู่ในอ้อมกอดของซารุฮิโกะผู้เป็นที่รัก

      -วันต่อมาที่สวนสาธารณะ-

                “ฉันมาตามที่สัญญาแล้วนะ”

                  “หึ! มาตรงเวลาเหมือนกันนี่เข้างั่งคามาโมโต้” ซารุฮิโกะแสยะยิ้มเล็กน้อย

                  “หัวข้อคือ ใครสามารถปกป้องยาตะซังได้ถือว่าคนนั้นคู่ควรกับยาตะซัง” คามาโมโต้เสนอหัวข้อออกมาด้วยความมั่นใจ แต่นั่นทำให้มิซากิที่อยู่ข้างหลังซารุฮิโกะในชุดผู้หญิงรู้สึกกลุ้มใจเล็กน้อย

                  “ได้สิ งั้นเราไปกันเหอะมิซากิ” ว่าแล้วซารุฮิโกะก็จูงมือมิซากิไปโดยไม่ใยดีคามาโมโต้แม้แต่น้อย

                  “ฮ...เฮ้ย! รอด้วย!” คามาโมโต้เห็นดังนั้นขึงรีบวิ่งตามไป

                  “ไปไหนดีล่ะมิซากิ” ซารุฮิโกะก้มหน้าถามมิซากิอย่างเอาอกเอาใจ

                  “ไปเกมส์เซนเตอร์กันมั้ย ไม่ได้ไปนานแล้วด้วย” มิซากิยิ้มสดใสเพิ่มความน่ารักในสายตาซารุฮิโกะเป็นหลายเท่า

                  “โอเค” ซารุฮิโกะตอบมิซากิก่อนที่จะเดินไปเกมส์เซนเตอร์ที่ตนนั้นเคยมาเล่นกับมิซากิตอนเด็กๆ นั่นทำให้เรื่องในอดีตสมัยวัยเรียนย้อนกลับเข้ามา

       

                “ซารุฮิโกะ เย็นนี้ไปเกมส์เซนเตอร์กันมั้ย”

                “หืม...ไปสิ”

               

                “ซารุเนี่ยเล่นเกมส์เก่งจังเลยแฮะ”

                “มิซากิเล่นอ่อนเองต่างหาก”

                “ว...ว่าไงนะ!

       

                “ว...แว้ก!! มอนสเตอร์มาแล้ว! ทำไงดีๆ”

                “ใจเย็นๆ สิมิซากิ ค่อยๆ เล่นสิ”

       

                “โห สุดยอดเลยซารุฮิโกะ นายนี่มันน่าทึ่งจริงๆ”

                “อา...ขอบใจนะ”

       

                  “ซารุ...ซารุ....”

                  “อ...ขอโทษนะ ฉันเหม่อไปหน่อย”

                  “ไปเป็นไรๆ ไปเล่นเกมส์กันเหอะซารุ คามาโมโต้” มิซากิจูงมือทั้งสองคนเข้าไปในเกมส์เซนเตอร์ “เล่นอะไรก่อนดีนะ...”

                  “ยิงปืนมั้ยครับยาตะซัง” คามาโมโต้เสนอเกมส์ให้มิซากิ

                  “โอ้ว! ไอเดียเยี่ยมเลย” หลังจากนั้นทั้งสามก็เดินไปที่ตู้เกมส์ที่มีหน้าจอเท่าทีวีพร้อมมีปืนอยู่ 2 กระบอกสำหรับยิง 2 คน “งั้นเริ่มเลยนะ”

                  “ครับ” เมื่อคามาโมโต้หนอดเหรียญเข้าไปภาพหน้าจอก็มืดมัวมีไฟสลัวๆ ปรากฏเล็กน้อยก่อนที่จะมีสัตว์ประหลาดโผล่ออกมา มิซากิที่กำลังตกใจก็รัวปืนออกไป คามาโมโต้เองก็พยายามชั่วมิซากิเต็มที่แต่นั่นก็คงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาเพราะเขาก็ต้องเคลียร์สัตว์ประหลาดที่เข้ามาทำร้ายเขาเช่นกัน

                  Game Overหน้าจอเกมส์ขึ้นคำว่า ‘Game Over’ เป็นการบ่งบอกว่าทั้งคู่ได้แพ้เกมส์ครั้งนี้ไปซะแล้ว

                  “อ...อีกนิดเดียวเอง...” มิซากิบ่นเล็กน้อย

                  “งั้นลงมาเล่นคู่กับฉันมั้ยมิซากิ” ซารุฮิโกะพูดขึ้นพร้อมกับหยอดเหรียญแล้วเดินไปยืนตรงแท่นผู้เล่น หน้าจอเหมือนกับตอนที่มิซากิเล่นกับคามาโมโต้ไม่มีเปลี่ยน แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้มิซากิหายตกใจแม้แต่น้อย ซารุฮิโกะเมื่อจัดการสัตว์ประหลาดเสร็จก็รีบเข้าไปช่วยมิซากิที่รัวปืนไปไหนต่อไหนแล้วก็ไม่รู้

                  “ข...ขอบใจนะ”

                  “ตั้งสมาธิหน่อยสิ” ทั้งคู่เริ่มจับจังหวะการเล่นได้ โดยที่มิซากิจะเป็นคนยิงระยะไกล ส่วนซารุฮิโกะก็คอยคุ้มกันให้มิซากิ คามาโมโต้เห็นอย่างนั้นก็รู้เลยว่าใครกันแน่ที่คู่ควรกับมิซากิ...

                  Winner

                “เย้! ชนะแล้วๆ ซารุ ดูสิๆ พวกเราทำได้แล้วล่ะ” มิซากิทำหน้าดี๊ด๊าก่อนจะหันไปยิ้มอย่างไร้เดียงสาให้กับซารุฮิโกะ

                  “ผมรู้แล้วล่ะครับว่าใครกันแน่ที่คู่ควรกับยาตะซัง ผมขอตัวก่อนนะครับ” คามาโมโต้บอกลามิซากิก่อนที่จะเดินออกจากเกมส์เซนเตอร์

                  “จะว่าไปแล้วก็อดนึกถึงตอนเด็กๆ ไม่ได้เลยจริงเนอะ” มิซากิกล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้ม

                  “นั่นสินะ แพ้ฉันไม่รู้แล้วกี่ตาๆ ก็ยังดื้อดึงที่จะเล่นต่อไปอีก ยังน่ารำคาญไม่เคยเปลี่ยนเลย” ซารุฮิโกะพูดแหย่มิซากิ

                  “อ...อีตาบ้า” มิซากิกำหมัดเข้าที่ท้องซารุฮิโกะเบาๆ ก่อนจะวิ่งหนีไปในระยะไม่ไกลมาก

                  “อะไรกัน จะหนีเหรอ รอด้วยสิ ฮ่าๆ”

                  “จับให้ได้สิ แบร่!” มิซากิวิ่งออกจากเกมส์เซนเตอร์พร้อมกับปิ้นตาใส่ซารุฮิโกะเล็กน้อย

                  “ให้ตายเหอะ ชอบให้เป็นห่วงอยู่เรื่อยเลย” ซารุฮิโกะพูดพร้อมเดินออกจากเกมส์เซนเตอร์ตาม

                  “นี่ซารุ...” มิซากิหยุดรอซารุฮิโกะพร้อมกับเหมือนจะถามอะไรบางอย่าง

                  “อะไรเหรอมิซากิ”

                  “ถ้าฉันกลับ...ป...เป็นเหมือน...เดินแล้ว...” มิซากิก้มหน้าพร้อมใบหน้าที่แดงก่ำ “...นายยังจะรักฉันอยู่หรือป่าว”

                  “อ...ท..ทำไมนายพูดแบบนั้นล่ะ”

                  “...ฉ...ฉันรักนายนะ ไม่ว่าจะกลับเป็นเหมือนเดิมก็ยังรักนาย เพราะว่าฉันรักนาย!” มิซากิทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ทำให้ซารุฮิโกะช็อคขึ้นมาเล็กน้อย

                  “ก็นะ...ไม่ว่านายจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง มิซากิก็คือมิซากิในสายตาของฉันอยู่ดี”

                  “ข...ขอบใจนะ ฮึกๆ...” มิซากิเผลอหลั่งน้ำตาออกมาเล็กน้อยก่อนที่ซารุฮิโกะจะเดินเข้าไปเช็ดน้ำตาให้

                  “ขี้แงจังเลยนะมิซากิเนี่ย...”

      Ring Ring

                “จิ๊!...น่ารำคาญจริง...” ซารุฮิโกะบ่นพร้อมกับหยิบ PDA ของตัวขึ้นมา “ฟุชิมิครับ ครับ จะรีบไปเดี๋ยวนี้แหละครับ”

                  “มีอะไรเหรอซารุ”

                  “งานน่ะ กลับคอนโดกันห่อนเถอะ” ซารุฮิโกะพูดพร้อมกับจูงมืมิซากิไปที่คอนโดอย่างไว

      -ที่คอนโด-

                “วันนี้มีงานน่ะ รอฉันอยู่ที่นี่ไปก่อนนะ อย่าเปิดประตูให้ใครเด็ดขาด เข้าใจมั้ย” ซารุฮิโกะพูดทิ้งท้ายก่อนที่จะเดินออกไปในเครื่องแบบสีน้ำเงินพร้อมดาบคู่ใจของเขา

                  “ระวังตัวด้วยนะซารุ อย่าเป็นอะไรนะ” มิซากิพูดทิ้งท้าย

                  “จะได้กลับเป็นเหมือนเดิมแล้วสินะ....มิซากิ...”

      -ซอกตึกแคบๆ แห่งหนึ่ง-

                “ฟุชิมิซัง มาสักทีนะครับ”

                  “อือ...สเตรนอยู่ไหนล่ะ”

                  “หลบอยู่ข้างในตึกร้างครับ เราควรทำยังไงต่อดี”

                  “รอจนกว่ามันจะเผลอแล้วเราค่อยเข้าไปจะดีกว่า ไม่งั้นทุกคนได้เสร็จมันแน่”

                  “ครับ!

                  “พอจับเจ้าสเตรนนั่นได้แล้ว...ก็ทำให้มิซากิกลับเป็นเหมือนเดิมต่อสินะ...”

                  “ไม่มีการตอบสนองอะไรเลยครับฟุชิมิซัง”

                  “อ...งั้นค่อยๆ บุกเข้าไปคนละทางละกัน เพื่อที่จะได้จับสเตรนตัวนั้นได้ง่ายหน่อย” ซารุฮิโกะออกคำสั่งกับลูกน้องพร้อมกับทำตามแผนของตัวเอง จนกระทั่งไปเจอสเตรนสาวที่หลบๆซ่อนๆ พร้อมกับจับกุมตัวได้สำเร็จ

                  “ป...ปล่อยฉันนะ!

                  “ไม่ได้หรอก พวกเราต้องนำเธอไปส่งที่ศูนย์บัญชาการแล้วก็ช่วยคืนร่างให้กับแฟนของฉันทีสิ” ซารุฮิโกะกล่าวเสียงขรึม

                  “ไม่”

                  “งั้นเหรอ...” ซารุฮิโกะทำท่าจะชักดาบขึ้นมาทำให้สเตรนหวั่นระแวงเล็กน้อย

                  “ก...ก็ได้ๆ ฉันจะทำตามที่นายบอก อย่าฆ่าฉันเลยนะ”

                  “หึ...ดี...”

      -ทางด้านมิซากิ-

                ระหว่างที่เขานั่งดูทีวีรอการกลับมาของซารุฮิโกะก็รู้สึกแปลกๆ กับตัวเองเล็กน้อย รู้สึกว่าอกที่นูนๆ กลับแบนลงอย่างเห็นได้ชัด ก่อนที่จะไปเปลี่ยนเสื้อที่ใส่เป็นประจำก่อนที่จะเดินไปส่องกระจกที่ห้องน้ำ

                  “ฉ...ฉันกลับมาเป็นเหมือนเดิมสินะ...ขอบคุณมากนะ...ซารุฮิโกะ...” มิซากิยิ้มบางๆ พร้อมกับเดินไปดูทีวีรอการกลับมาของซารุฮิโกะอีกครั้ง

                  “กลับมาแล้ว” เสียงทุ้มต่ำของซารุฮิโกะทำให้มิซากิรีบวิ่งออกมาต้อนรับเขาที่หน้าประตู

                  “กลับมาแล้วเหรอ บาดเจ็บตรงไหนหรือป่าว เอ้อ! ฉันกลับมาเป็นเหมือนเดิมนะ ดูสิๆ” มิซากิยิ้มร่าทำให้ซารุฮิโกะอดยิ้มตามไม่ได้

                  “อือ...มิซากิ...นายจะไม่ห่างจากฉัน...ใช่มั้ย”

                  “...ทำไมแกคิดงั้นวะ ซารุก็คือซารุ เหมือนที่นายคิดนั่นแหละ ไม่ว่านาจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง ซารุก็คือซารุอยู่ดี” มิซากิยิ้มให้ซารุอิโกะจนทำให้เขาแทบร้องไห้ออกมาก่อนที่จะเดินกอดมิซากิ “ขอบคุณนะ มิซากิ”

                  “อื้อ...ฉันจะอยู่กับนายตลอดไป”

                  “เช่นกัน...จนกว่าความตายจะพรากพวกเรา..”

       

      “ไม่ว่านายจะเป็นยังไง ฉันก็ยังรักนายนะ เพราะว่ามิซากิ ก็คือ..มิซากิอยู่วันยังค่ำ นายคิดเหมือนกันใช่มั้ย มิซากิ...”

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×