[Short story] For a time (SaruMi) - [Short story] For a time (SaruMi) นิยาย [Short story] For a time (SaruMi) : Dek-D.com - Writer

    [Short story] For a time (SaruMi)

    หญิงโกะกับมิซากิ

    ผู้เข้าชมรวม

    629

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    6

    ผู้เข้าชมรวม


    629

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    6
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  14 มี.ค. 57 / 01:28 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    คำเตือน

    ·        -เนื้อเรื่องเป็นแนวนอลมอล

    ·        -ซารุฮิโกะโดนเสตรนทำร้ายจนกลายเป็นผู้หญิง

    ·        -ซารุฮิโกะจิตใจกลายเป็นผู้หญิง (แต่นิสัยจิ๊ๆ ยังเหมือนเดิม)

    ·        -มิซากิมาเจอซารุฮิโกะ

    ·        -มิซากิตกหลุมรักซารุฮิโกะ

    ·        -มิซากิคบหากับซารุฮิโกะ (แต่ชั่วคราว) และช่วยให้ซารุฮิโกะกลับเป็นเหมือนเดิม (ถึงตัวเองจะไม่อยากให้หญิงโกะกลับมาเป็นเหมือนเดิมก็เหอะ ก๊าก!!)

    ·        -สปอยแค่นี้แหละ ถถถ // ที่เหลือติดตามกันเองนะจ๊ะ จุ๊บๆ >3<

    ·        -ไม่ชอบกดปิด ถ้าชอบช่วยอ่านและคอมเม้น (ไม่ต้องก้ได้นะ ถถ) เฉยๆ ก็ช่วยอ่าน >3<

    ·        -อันนี้ข้าน้อยจะไม่ดอง หุหุ
     

    ภาพซารุฮิโกะตอนเป็นหญิงในเน็ต (แอบดัดแปลงนิดๆ) ก็เป็นแบบนี้อ่ะนะ (เราวาดเอง)

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      “หยุดนะ!!” บุรุษเจ้าของเรือนผมสีดำเทาวิ่งไล่สาวปริศนาที่ทางศูนย์บัญชาการเรียกว่า สเตรนถึงแม้ว่าสเตรนในร่างผู้หญิงตนนี้จะไม่มีพิษมีภัยอะไร แต่ก็อาจจะทำร้ายผู้คนได้เช่นกัน

                “ทำไมคนอย่างฉันต้องมาไล่ตามจับสเตรนร่างสาวสวยด้วยเนี่ย! จิ๊! ถ้าไม่ใช่คำสั่งของหัวหน้าฉันก็ไม่อยากทำหรอก จิ๊!” บุรุษเจ้าของเรือนผมสีดำเทาบ้นกับตัวเอง เมื่อสเตรนสาวจนมุม นั่นเป็นโอกาสทองที่บุรุษผมสีดำเทาที่จะจับตัวเธอ แต่กลับไม่ใช่...แสงวาร์ปออกมาจากตัวเธอทำให้บุรุษเจ้าของเรือนผมสีดำเทาถึงกับล้มลงไปโดยไม่รู้ตัว ก่อนที่ตัวเธอนั้นจะหายไป

                “ฟุชิมิซัง เกิดอะไรขึ้น...! อ๊ะ! ฟุชิมิซัง!!” ลูกน้องของบุรุษนามว่า ฟุชิมิ ซารุฮิโกะ ตามมาติดๆ และมองเขาด้วยสายตาห่วงใยก่อนที่จะไปพยุงตัวเขาขึ้นมา

                “ม...ไม่มีอะไร... แผนการล้มเหลว.. โอย....”

                “ไปพักหน่อยดีมั้ยครับ วันนี้ลางานก่อนน่าจะดีกว่านะครับ”

                “อ..อือ... งั้นที่เหลือ...ฝากด้วยนะ” ซารุฮิโกะฝืนเดินกลับคอนโดของเขาโดยที่มีลูกน้องมองเขาด้วยความเป็นห่วง

      -ที่คอนโดฯหรูที่ซารุฮิโกะอาศัยอยู่-

      [Saruhiko part]

                “อา...ปวดหัวจัง....” ผมกุมหัวตัวเองก่อนที่จะถ่อสังขารฝืนร่างกายตัวเองไปหยิบยาแกปวดหัวมาทาน อาการของผมก็จัดอยู่ในขั้นโคม่าเหมือนกัน ตอนนี้รู้สึกตัวมันเบาๆ แปลกๆ เมื่อยเนื้อตัว อ่อนเพลีย...และ...ปวดหัวมาก... นอนพักก่อนละกัน... ผมลงไปนอนกับเตียงโดยอยู่ในเครื่องแบบสเคปเตอร์ 4 โดยไม่รู้ตัว

      -วันต่อมา-

                “ฟุชิมิซังครับ พวกเรามาเยี่ยมล่ะ อาการ...เป็นไง...บ้างครับ..!!!!

                “ฟุชิมิซัง!! ฟุชิมิซัง!!

                หนวกหูจริงเลย...คนเขาจะหลับจะนอนกันนะ

                “หนวกหูจริงพวกนาย เห็นมั้ยว่าฉันเหนื่อยน่ะ!! อย่ามา....” เสียง...ทำไมเสียงของผมมัน...อย่างกับผู้หญิง!!!!!

                “ธ....เธอ... เป็นใครน่ะ แล้วมาอยู่ในเครื่องแบบนี้ได้ไงครับ” แอนดี้ลูกน้องที่ทำงานพูดอย่างตะลึงๆ จะบอกไงดีว่าผมคือ ฟุชิมิ ซารุฮิโกะจิ๊! ช่วยไม่ได้

                “ซ...ซารุ..ฮิโกะ...ไงเล่า..เจ้าบ้าเอ๊ย!” เดี๋ยวนะ...ทำไมจิตใจของฉันกลายเป็นผู้หญิงหมดเลยเนี่ย ไม่เข้าจ๊ายยยย!!!!!!!

                “อุ๊บ! 55555555” ลูกน้องพากันหัวเราะ”

                “หัวเราะอะไรกันยะ ไอบ้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” จิ๊! ไปไหนก็ไป ไป๊!

                “แหม่ๆ ฟุชิมิซังตอนเป็นผู้หญิงโมเอร้มากเลยครับ น่าจะเป็นเป็นแบบนี้สักวันสองวันไม่ก็ตลอดเลยก็ได้นะครับ เดี๋ยวผมจะขอคุณแต่งงานเอง!! <3” ไอ้...ไอ้...ไอ้...อากิยาม่า!!!!!!!! ไว้กลับร่างเดิมเมื่อไหร่นะ....จิ๊!

                “ฉันต่างหากที่จะต้องเป็นสามีของฟุชิมิซังน่ะ!” ห...ห้ะ! นายก็เอาด้วยเหรอแอนดี้!!!

                “ฉันตะหาก!

                “ฉัน!!!!” เริ่มเถียงกันในหมู่แล้วสินะ...ฉวยโอกาสหนีดีกว่า ว่าแล้วฉันก็พยายามเดินไปที่ยังสวมเสื้อหลวมๆ จนคอเสื้อเปิดจนเห็นล่องอก

                “ฟุชิมิคุงฉันมา....เยี่ยม....” ห...หัวหน้า...อาวาชิมะ “ต๊ายยย!! ฟุชิมิคุงตัดสินใจเลือกภรรยามาอยู่กินนอนแล้วเหรอ น่ารักดีนะ เอาเสื้อสามีมาใส้แบบนี้มันไม่ดีนะ”

                “น...นี่ผมเองครับ หัวหน้าอาวาชิมะ!!!

                “ฟ...ฟุ..ชิมิ...คุง....” บ...บอกไปแล้วๆๆๆๆ แง้!!!!!!! แถมยังพูดผมออกไปด้วย ต..แต่ฉ้นก็เป็นผู้ชายนี่ (เมื่อก่อน) ทำไมต้องกังวลด้วยเนี่ย!! สับสน!

                “เพราะงั้น...ขอลางานนะครับ....”

                “ไม่ได้!” หัวหน้าอาวาชิมะห้ามก่อนที่จะลากฉันไปที่ห้องของเธออย่างรวดเร็ว “อืม...หน้าอกก็โอเค หุ่นเป๊ะเลย! ฟุชิมิคุง! ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่นายยังเป็นผู้หญิง ฉันจะเรียงจากสรรพนามว่า นายเป็น เธอแทนนะ แล้วก็จะเรียกเธอว่า ฟุชิมิจังนะ แล้วก็เดี๋ยวเรื่องเสื้อผ้าฉันดัดแปลงให้”

                “ครับ....”

                “ห้ามครับ! ต้องค่ะ!

                “....ค่ะ.....” ฉันทำเสียงเซ็งๆ....ช่างเหอะ ตอนนี้ความรู้สึกของฉันกลายเป็นหญิงหมดแล้วนี่ ท่าเดินเอย การว่าเอยอะไรเอย...จิ๊!

      -10 นาทีผ่าไป-

                “ส...ส...สั้นไปมั้ยครับ!!

                “บอกว่าให้พูดว่าค่ะไง เดี๋ยวหักเงินเดือนเลย!

                “กระโปรงมัน...สั้นไปมั้ยคะ.....” แบบสุดๆ สั้นจนจะเห็นกกน. อยู่แล้วเนี่ย = = จะกลั่นแกล้งฉันไปถึงหนายยยยย

                “น่ารักดีนะ เธอก็อึ๋มไม่ใช่เล่นนะฟุชิมิจัง ฮิฮิ”

                “ง...งั้นไปก่อนนะคะ!!” อยู่มีหวังได้โดนทดลองโน่นนี่นั่นแน่ จิ๊! ฉันรีบก่าวฝีเท้าไปที่ศูนย์บัญชาการสเคปเตอร์ 4 ทันที จิ๊! อย่าให้เจออะไรที่เลวร้ายไปกว่านี้เลย!

      ตุ้บ!

                “โอ๊ย!” ลองเท้าบูทส้นสูงที่หัวหน้าอาวาชิมะให้ใส่มันสูงจนทำให้ฉํนล้ม (ที่จริงไม่ได้สูงมากหรอก แต่แค่ไม่ชินก็เท่านั้น)

                “เป็นอะไรหรือป่าว ฟุชิมิจัง”

                “ห...หัวหน้ามุนาคาตะ!” อยู่ๆ ในหน้าฉันก็แดงขึ้นทันที ฉันไม่เคยรู้สึกแบบนีเลยนะ! สงสัยคงเป็นเพราะอยู่ในสภาพนี้ล่ะมั้ง

                “ผมรู้เรื่องทุกอย่างแล้วนะ สเตรนเมื่อวานเป็นสเตรนที่สามารถทำให้ผู้ชายกลายเป็นผู้หญิง ผู้หญิงกลายเป็นผู้ชายได้ ถ้าจับตัวได้เมื่อไหร่จะรับจัดการทันที เพราะงั้นไม่ต้องห่วงนะ แต่แบบนี้ก็สวยดีนะ เสปคผมเลยล่ะ <3

                “ห๊ะ!!!

                “ถ้ากลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้...ผมขอคุณแต่งงานเลยดีมั้ยนะ..”

                “ก..กรี๊ด!!!!!!!” อยู่ๆ ฉันก็กรีดร้องแบบผู้หญิงที่กำลังตกใจมาโดยบังเอิญแล้วรีบถอยหลังทันที  

                “ล้อเล่นน่ะครับ ฮ่าๆ แต่ผม...อาจจะทำจริงก้ได้นะ ฟุชิมิจัง” น...น่ากลัว =[]=

      -เวลางาน-

                สภาพกดดันนี่มันอะไร....ทำไมมีแต่คนมองฉันนะ.... ไปทำงานไป๊! อย่ามามองนะ

                “วันนี้ว่าง....”

                “ไม่ว่าง!!

                “งั้นวันนี้ไป...”

                “ไม่ไป!!” ฉันปฏิเสธกับคำพูดของแอนดี้ไปก่อนที่เจ้านั่นจะออกไปข้างนอก

                “ฟุชิมิซังไม่รับรักจากฉันอ่า แงงงงงงง!!! อกหักเป็นสองท่อนเลย...”

                “นายไม่มีพรสวรรค์ในการจีบผู้หญิงสินะ เดี๋ยวอากิยามะคนนี้จะสืบทอดต่อจากนายเอง” เจ้าพวกนั้น...จะวางแผนจีบฉันเหรอ ฝันไปเหอะ

                “ฟุชิมิซังครับบบบ”

                “อะไร..”

                “ดวงตาของฟุชิมิซังเปรียบเสมือนแม่เหล็กดูดหัวใจของผมไป เรือนผมของคุณสวยงามจนผมอยากจะสัมผัส บลาๆๆๆๆๆๆ” เลี่ยน... เวลาเขาจีบผู้หญิงมันเป็นแบบนี้เหรอ...

                “พอเลย!!!! พวกนายจะตามจีบฉันทำไมกัน! ก็รู้ๆ อยู่ว่าสักวันฉันก็จะกลายเป็นผู้ชายแล้ว ยังจะมาทำอะไรน่าสมเพชอีกเหรอ พวกนายในสายตาฉันเป็นแค่เพื่อนร่วมงานเท่านั้น ไม่มีทางที่จะนอกเหนือจากนี้แล้วเข้าใจมั้ยยะ! เพราะงั้นไปทำงานไป๊! ไปสิไป!!” ฉันไล่พวกลูกน้องไปทำงานกันต่อ

                “แล้วถ้าเป็นผมล่ะครับฟุชิมิจังงง” ฉันหันไปตามเสียงด้วยความโมโหและหงุดหงิดสุดๆ ปากที่กำลังจะอ้าปากด่ากับต้องค้าง เพราะคนตรงหน้าคือ มุนาคาตะ เรย์ชิราชาแห่งกลุ่มสีน้ำเงินและเป็นหัวหน้าของฉัน = =

                “ห...หัวหน้า....” เขาคว้าฉันโอบด้วยแขนขวาอันแข็งแรงของเขา

                “พอทีจะมา..เป็นภรรยาของผมในอนาคตได้ไหมครับ”

                “ก.....ก...กรี๊ด!!!!! ไอ้โรคจิต บ้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” ฉันเผลอต่อว่าหัวหน้าแล้ววิ่งออกมาข้างนอกหน่วยงานจนไม่รู้ว่าวิ่งเข้ามาในตัวเมือง ช่วยไม่ได้แฮะ ไหนๆ ก็เที่ยงแล้วหาอะไรทานหน่อยละกัน...

      [Misaki part]

              “ผมออกไปเดินเล่นหน่อยนะครับ คุซานางิซัง”

                “ระวังตัวด้วยนะยาตะจัง รับๆ กลับมาล่ะ” ฉันชื่อยาตะ มิซากิ เรียกฉันว่ายาตะก็ได้ เป็นแนวหน้าของกลุ่มโฮมระ ตั้งแต่มิโคโตะซังจากไปพวกเราก็เหมือนครบครัวธรรมดาๆ ที่มีคุซานางิเปรียมเหมือนทั้งพ่อและแม่ให้กับพวกเรา

                “นี่เราไถลสเก็ตบอร์ดมาถึงตัวเมืองเลยเหรอเนี่ย เวลาเจ้าคามาโมโต้ไม่มาก็รู้สึกแปลกๆ แฮะ เที่ยงละ หาอะไรทานหน่อยดีกว่า...อ๊ะ!” เจออะไรหนุกๆ เข้าแล้วล่ะ ฉันเตรียมหยิบไม้เบสบอลพร้อมที่จะโจมตีฝ่ายตรงข้ามทันที เพราะนั่นคือคนทรยศกลุ่มโฮมระแล้วเป็นศัตรูคู่อริของฉันจนถึงตอนนี้ ฟุชิมิ ซารุฮิโกะถึงจะไม่เป็นตัว แต่ชายเสื้อบ่งบอกว่าใช่แน่ๆ มันกำลังจะเดินหนีแล้ว ชิ!

                “เสร็จฉันล่ะซารุ!!!!

                “อ...อ๊าย!!!” ห...เห้ยๆ ทำไม...มันร้องอ๊ายวะ... ฮ...เฮ้ย! ไม่ใช่ซารุนี่หว่า แต่การแต่งกายคล้ายๆ แฮะ น้องสาวมันเหรอวะ มันไม่มีน้องนี่หว่า

                “อ...ข...ขอโทษนะ”

                “ม...มิซากิ...” ยัยนี่หน้าแดงก่ำพร้อมกับเงยหน้ามามองฉัน น...น่ารักไปป่ะ...

                “ธ...เธอรู้ชื่อฉันได้ไงน่ะ สอดแนมเหรอ หึ! จะว่าไปการแต่งกายของเธอมันก็คุ้นๆ นะ จากหน่วยสเคปเตอร์ 4 สินะ! เธอเป็นใคร”

                “อ..อ...อ...อ...”

      [Story part]

              “เธอ...มีอะไรเกี่ยวข้องกับคนที่ชื่อว่าซารุฮิโกะหรือป่าว”

                “ม...ไม่มี..ค...แค่เพื่อนร่วมงาน..ใช่ๆ! เพื่อนร่วมงาน” ซารุฮิโกะพยายามที่จะไม่บอกความจริงให้กับยาตะมิซากิฟัง เพาะการที่เธออยู่ในสภาพนี้เป็นสภาพที่น่าอับอายสำหรับเธอไม่น้อย ในหัวมีแต่ว่า จะพูดไม่ได้ ให้มิซากิรู้ไม่ได้

                “เหรอ เขาพูดถึงฉันสินะ เขาเป่าหูอะไรให้เธอมั่งหรือป่าว”

                “ป...ป่าว”

                “เธอคงใกล้ชิดเขามากเลยสินะ งั้นพาเขามาให้ฉันจัดการที คันไม้คันมือจะแย่ละ!

                “จะจัดการฉันเหรอ หมี่ ซา กี้!!!!!!” บรรยากาศมาคุเข้ามาอีกรอบเมื่อซารุฮิโกะในร่างผู้หยิงที่ติดนิสัยจากการทำเสียงยั่วโมโหฝ่ายตรงข้ามเผลอพูดคำที่ยั่วโมโหฝ่ายตรงข้ามโดยไม่รู้ตัว

                “ซารุ...”

                “อ...ข...ขอโทษนะ มิซากิ ฉัน...ต้องไปแล้ว!

                “เดี๋ยวสิซารุ!” มิซากิรีบคว้ามือเรียวยาวของซารุฮิโกะ ทำให้ซารุฮิโกะใจเต้นตึกตักๆ สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่ผ่านจากฝ่ามือบางๆ ของมิซากิ

                “อ...อะไรอีกเล่า!” น้ำเสียงออกไปทางสตรีที่ไร้เรี่ยวแรงของซารุฮิโกะทำให้มิซากิหน้าแดงขึ้นทันที

                “ท..ทำไม...ถึงกลายเป็นแบบนี้ล่ะ...”

                “ช...ช่างฉันสิ...” เธอบ่ายเบี่ยงมิซากิทันที ทั้งๆ ที่ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน

                “จะช่างได้ไงวะ!

                “...” ไม่รู้ทำไมถึงทำให้เธอรู้สึกแย่กับการที่มิซากิตะคอกใส่ หรือเพราะจิตใจเธอนั้นกลายเป็นสตรีเต็มตัวจนแบกรับวาจาอันหยาบๆ ของมิซากิไม่ได้

                “ข..ขอโทษนะ รู้สึกแย่สินะที่ฉันพูดไม่ดีกับเธอ”

                “หึ...มาเห็นจะรู้สึกอะไรเลย ปกติของนายนี่นา หมี่ ซา กี้!!

                “ยัยลิงกังหุบปากไปเลย”

                “อย่ามาทำอย่างกับฉันเป็นผู้หญิงสิ!!

                “จะทำ!

                “ทำไม!!

                “ก็ตอนนี้...เธอเป็นผู้หญิงนี่นา....” มิซากิเบือนหน้าหนีพร้อมกับหน้าแดงโดยอัตโนมัติ

                “เหรอ... งั้นฉันไปหาอะไรทานก่อนละกัน หิวละ!” ซารุฮิโกะเป็นฝ่ายเดินจากไป

                “เดี๋ยวสิ!” มิซากิเข้าไปกุมมือซารุฮิโกะอีกครั้ง

                “ไม่มีอะไรแล้วไม่ใช่เหรอยะ! ปล่อยสักทีเซ่!!

                “ไปทานข้าวกันมั้ย”

                “ห้ะ! O/////O” ซารุฮิโกะหน้าแดงทันทีเมื่อได้ยินคำนั้นหลุดจากปากของมิซากิ เป็นครั้งแรกที่มิซากิเอ่ยปากชวนเธอ ตั้งแต่ออกจากโฮมระเธอก็ไม่เคยไปไหนมาไหนกับมิซากิอีกเลย

                “ย...อย่าเข้าใจผิดล่ะ ที่ชวนเพราะไม่มีเจ้าคามาโมโต้ต่างหาก ชิ!

                “หึ เด็กไม่เปลี่ยนเลยนะนายเนี่ย!” ซารุฮิโกะยิ้มเยาะเย้ยมิซากิ

                “ไม่ใช่เว้ย! กลายเป็นผู้หญิงแท้ๆ ยังจะมาพูดจากวนประสาทอีก”

                “ก็มันเป็นสไตล์” ซารุฮิโกะยังคงพูดน้ำเสียงยั่วโมโหใส่มิซากิ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้มิซากิรู้สีกโมโหเท่าตอนที่เธออยู่ในสภาพเดิม

                “เออๆ วันนี้ฉันเลี้ยงเองนะ หึ”

                “หวังอะไรอ่ะเนี่ย!

                “ถ้าหวัง...หวังจูบได้มะ!

                “อ....O///[]///O” ซารุฮิโกะถึงกับหน้าแดงแจ๋ “ไอ้บ้ามิซากิ ไอ้เตี้ย ไอ้โง่ ไอ้งี่เง่า”

                “เฮ้ๆ อย่าลืมสิ ตอนนี้ใครสูงกว่า” สิ้นสุดคำพูดของมิซากิซารุฮิโกะในร่างสตรีก็สำรวจส่วนสูงของเธอ ถึงเธอจะใส่ส้นสูงแต่ก็มีแนวโน้มที่ตัวเตี้ยกว่ามิซากิอยู่เล็กน้อย “ส่วนไอ้หวังจูบน่ะล้อเล่น ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ ความเป็นลิงโม่ยหายไปไหนหมดฮะ! ซารุ ฮ่าๆๆๆๆ”

                “จิ๊!” ซารุฮิโกะกลับเป็นฝ่ายโมโหเอง จึงเดินนำเป็นการประชดประชัน

                “เฮ้ๆ รอด้วยเซ่!” มิซากิวิ่งตามซารุฮิโกะ ทั้งสองเดินด้วยกันเหมือนคู่รักในนิยายที่กำลังเดินไปเดทกัน 

      -ณ ร้านอาหารแห่งหนึ่ง-

                “อาจจะไม่หรูอะไรมากแต่ที่นี่อาหารก็ใช้ได้นะ ไม่เรื่องมากใช่มั้ย”

                “อย่างกับฉันเป็นพวกคุณหนูหัวสูงเลยนะมิซากิ...”

                “มิซากิเหรอ...หึ! ช่วยเรียกยาตะได้มั้ย ถ้าทางจะโอกว่านะ”

                “ไม่!

                “ย..ยัยลิง...!

                “อาหารที่สั่งได้แล้วครับ” มิซากิที่กำลังอ้าปากว่าซารุฮิโกะกลับต้องหุบลงทันที เมื่อพนักงานเสริฟอาหารมา

                “ฝากไว้ก่อนเหอะ ชิ! ทานแล้วนะครับ” หลังจากที่บ่นกับตัวเองเสร็จมิซากิก้เริ่มลงมือทานข้าวที่สั่งพรางมองซารุฮิโกะในร่างสตรีทานอาหารโดนไม่กระพริบตาจนฝ่ายตรงข้ามรู้ตัว

      “ทานแล้วนะคะ”
      “...”
      “มองอะไรเหรอหมี่ซากี้
      ! หลงเสน่ห์ฉันแล้วหรือไง” เธอพยายามพูดให้ฝ่ายตรงขามโมโหแต่นั่นก็ไม่สำเร็จ

                “อาจจะใช่มั้ง หึ!

                “...” ซารุฮิโกะนิ่งไปสักพักก่อนที่จะลงมือทานข้าวอย่างรวดเร็ว

                “เฮ้ๆ เป็นผู้หญิงกินดีๆ หน่อย ข้าวติดปากแล้ว” จากนั้นมิซากิก็หยิบทิชชูแล้วเอื้อมไปเช็ดเศษข้าวที่มุมปากอิ่มสีชมพูอ่อนของซารุฮิโกะ ทำให้เธอหน้าแดงเจ๋ และใจเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก

                “ม....ไม่ได้อยากให้เช็ดให้หรอกนะ ไอ้หมาบ้า!” แทนที่จะขอบคุณกลับกลายเป็นต่อว่าฝ่ายตรงข้าม แต่ไม่รู้เลยว่ามันทำให้ความน่ารักเพิ่มขึ้นในสายตาของมิซากิ

                “หึ” จากนั้นมิซากิก็ลงมือทานข้าวต่อ แต่ก็ยังไม่หยุดมองฝ่ายตรงข้ามอยู่ดี นั่นทำให้ฝ่ายตรงข้ามรู้สึกรำคาญและอยากเป็นฝ่ายเดินหนีด้วยซ้ำ

      -15 นาทีผ่านไป-

                “อิ่มแล้วครับ/ค่ะ” ทั้งสองพูดพร้อมกันกันจะมองหน้ากัน

                “ใครสั่งให้นายพูดพร้อมฉัน!!!

                “เธอนั่นแหละที่พูดพร้อมฉันน่ะยัยลิง!

                “รีบๆ จ่ายสิ ฉันจะได้รีบๆ กลับ”

                “รีบเหรอ”

                “ย่ะ!” ท่าทีของซารุฮิโกะทำให้มิซากิอยากแกล้งเธอมากกว่าเดิม มิซากิจ่ายเงินค่าอาหารกลางวันเสร็จก็เดินตามซารุฮิโกะไป

                “จะไปไหนอีกยัยตัวดี”

                “กลับไปที่ศูนย์บัญชาการ...”

                “เหรอ...เย็นนี้ว่างมั้ย”

                “ว่าง มีอะไรหรือป่าว” ซารุฮิโกะถามด้วยความสงสัยตามประสานิสัยของผู้หญิงที่โดนฝ่ายตรงข้ามเอ่ยปากถาม

                “จะชวนไปบาร์โฮมระหน่อยน่ะ”

                “หึ! ให้คนทรยศอย่างฉันเนี่ยนะไปกับนาย ไม่เอา...ด้วยหรอก”

                “ซารุฮิโกะ...รู้มั้ย...เวลาที่เธอไม่ได้อยู่กับฉันน่ะ หมายถึงตอนอยู่สภาพผู้ชายอ่ะนะ ฉันเหมือนเสียใครไปคนนึง...อาจจะเป็นเพราะ...เธอเองก็สำคัญสำหรับฉันก็ได้...” มิซากิยิ้มเศร้าๆ ให้ซารุฮิโกะ คำพูดนั้นทำให้ซารุฮิโกะถึงกับอึ้งและหน้าแดงออกมาด้วยความเขินอาย

                “...ทีแบบนี้บอกความในใจซะยาวเลยนะ หมี่ ซา กี้!

                “ก็แค่เวลานี้เท่านั้นแหละ แล้วแต่เธอนะ จะให้ฉันซื้อให้ไปฝากที่คอนโดของเธอก็ได้”

                “...ถ...ถ้าไปได้นะ...ฉันจะ...ไปหานายเอง...”

                “จริงนะยัยลิง!

                “เออสิ!

                “เจอกันตอน 6 โมงเย็นนะ บายๆ” มิซากิยิ้มสดใสให้กับซารุฮิโกะก่อนจะไถลสเก็ตบอร์ดไป

                “จิ๊!

                “นี่! ยัยลิงโม่ย!” มิซากิตะโกนเรียกฉายาของซารุฮิโกะ ทำให้เธอรีบหันไปตามเสียงนั้น

                “อะไรอีกยะ!!

                “ตอนที่แกเป็นผู้หญิงเสปคเลยว่ะ! พรุ่งนี้ไปเดทกันมั้ย!!” มิซากิไม่รอคำตอบแต่กลับไถลสเก็ตบอร์ดกลับไปอย่างเร็ว ปล่อยให้ซารุฮิโกะร่างผู้หญิงยืนอึ้งกิมกี่อยู่อย่างนั้น

      -ที่ศูนย์บัญชาการสเคปเตอร์ 4-

                “กลับมาแล้วค่ะ...”

                “อ้าว! กลับมาแล้วเหรอฟุชิมิจัง! ฉันกำลังรออยู่เลย”

                “มีอะไรเหรอคะหัวหน้า”

                “เกร็งน่าดูเลยนะครับ พูดคะขาเนี่ย แต่ก็น่ารักดี”

                “มีอะไรก็ว่ามาสิคะ...”

                “พรุ่งนี้ผมว่างไปเที่ยวกันมั้ยครับ”

                “ขอโทษค่ะ ดิฉันมีนัดแล้ว....” ซารุฮิโกะนึกถึงคำพูดมิซากิที่ทิ้งท้ายก่อนจากไปแล้วหน้าแดงขึ้นมา

                “สำคัญมากเลยสินะครับ”

                “ม...ไม่ได้สำคัญอะไรขนาดนั้นหรอกค่ะ ก...ก็แค่ไปเที่ยวด้วยกันสองต่อสองเฉยๆ”

                “เดทสินะครับ” เรย์ชิพูดเสียงยียวนในซารุฮิโกะในร่างสตรี ทำให้ซารุฮิโกะหน้าแดงก่ำขึ้นมา “ให้เดานะครับ ยาตะการาสุ หรือ ยาตะ มิซากิ สินะครับ”

                “อ...” ซารุฮืโกะสะดุ้งเฮือกก่อนที่จะหน้าแดงสุดๆ เป็นลูกมะเขือ

                “ใช่จริงๆ ด้วย หมอนั่นมีดีอะไรครับ ยาตะคุงก็เหมือนลูกหมาพเนจรไร้ที่อยู่ตั้งแต่สุโอ มิโคโตะได้จากโลกนี้ไป...”

                “อย่ามาว่ามิซากิอย่างงั้นนะคะ!! หัวหน้าไม่เข้าใจเลยหรือไงคะ มิซากิน่ะ...มิซากิน่ะ...ดีกว่าหัวหน้าเป็นหลายเท่าตัวเลยนะคะ!!!!” อารมณ์โกรธของซารุฮิโกะพุ่งปี๊ดจนถึงขีดสุดจนระเบิดกลายเป็นการต่อว่า

                “งั้นพิสูจน์มั้ยครับ...พรุ่งนี้ผมจะไปกับคุณด้วย...มาพิสูจน์กันว่า ระหว่างผมกับยาตะ มิซากิ ใครกันที่คู่ควรกับคุณ ถึงคุณจะเป็นผู้ชาย แต่ตอนนี้ผมอดกลั้นความรู้สึกนั้นไม่ได้จริงๆ เพราะงั้น...” เรย์ชิเชยคางซารุฮิโกะอย่างอ่อนโยนและค่อยๆ ยื่นหน้าไปใกล้ๆ...

                “หัวหน้าครับ ทางเราได้...” ลูกน้องเข้ามาขัดจังหวะพอดี นั่นทำให้ซารุฮิโกะรู้สึกโล่งใจทันที

                “แป๊บนึงนะครับ...” เรย์ชิยิ้มหน้ากลัวให้กับลูกน้องที่เข้ามาขัดจังหวะ

                “ค...ครับ”

                “งั้นวันนี้ผมจะปล่อยคุณไปก่อนนะซารุฮิโกะจัง” ก่อนไปเขาได้สัมผัสเรือนผมที่ยาวสลวยของซารุฮิโกะ แต่สิ่งที่เขากระทำนั้นทำให้ซารุฮิโกะรู้สึกแย่ลงอย่างบอกไม่ถูก

                “ฉันควรจะทำยังไงดีมิซากิ...ฉันคิดอะไรไม่ออกแล้ว... มิซากิ...”

      -ที่บาร์โฮมระ ตอน 6 โมงเย็น-

                “ห้ะ! ยาตะซังนัดไอ้คนทรยศ...แอ่ก!

                “อย่ามาว่าซารุฮิโกะว่าไอ้คนทรยศนะเว้ย! คามาโมโต้” มิซากิสวนหมัดที่เต็มไปด้วยแรงโกรธต่อยคามาโมโต้จนล้ม

                “ยาตะจัง ใจเย็นๆ น่า”

                “ผมว่าการที่ชวนยัยลิงนั่น....”

                “...ยัยลิง??...” คุซานางิทำหน้างงชั่วครู่พร้อมกับหยุดเช็ดแก้วไวน์แล้วหันมามองมิซากิด้วยสีหน้างุนงง

                “ก็หมอนั่นมันโดนสเตรนเล่นงานจนกลายเป็นผู้หญิงนี่ เรียกยัยก็ไม่ผิดนี่ครับ”

                “แสดงว่าต้องน่ารักน่าดูเลย”

                “ก็นะครับ...ทั้งน่ารัก...ทั้งสวย...แล้วก็...เสปคเลยล่ะครับ” มิซากิพูดไปหน้าแดงไป

                “แหม่ๆ ไม่ใช่ตัวสูงกว่านะ”

                “เตี้ยกว่าผมตั้ง 7 เซนได้เลยมั้งครับ คุ...”

                “สวัสดีค่ะ... พาสาวน้อยมาส่ง แล้วก็มีอะไรก็โทรมานะฟุชิมิจัง”

                “ย...อย่าทำเป็นแม่ให้ดิฉันหน่อยเลย”

                “แหม่ๆ ฟุชิมิจังเนี่ย” เซริยิ้มแล้วโน้มตัวมากระซิบข้างๆ หูของซารุฮิโกะ “อย่าลืมความเป็นหยิงล่ะ ฟุชิมิจัง”

                “ค...ค่ะ” ซารุฮิโกะในสภาพเสื้อสตรีน่ารักๆ ก้าวเข้ามาในบาร์โฮมระ

                “เฮ้ย! เหมาะเลยว่ะซารุ!

                “อ...อือ....”

                ทุกคนในโฮมระมองซารุฮิโกะสายตาเดียวกัน บ้างก็ทำหน้าเหมือนโดนดาเมจ บางก็หน้าแดง บางก็ยิ้มหวานให้

                “ฟ...ฟุชิมิคุงสินะ ไม่ได้เจอกันนานเลย น่ารักมา” คุซานางิชูนิ้วโป้งให้ซารุฮิโกะ

                “สวัสดีค่ะ ไม่ได้เจอกันนานเลย”

                “ดูพูดคะขาคล่องดีนะ”

                “ก็พูดจนติดปากน่ะค่ะ หัวหน้าอาวาชิมะสั่ง (บังคับ) ให้ทำแบบนี้”

                “เฮ้! ซารุ กระโปรงไม่สั้นไปหน่อยเหรอ” มิซากิพูดจากกวนประสาทใส่

                “ใครสั่งให้มองเล่า! ฟุชิมิชักดาบฉุก...” ซารุฮิโกะทำท่าจะชักดาบแต่ก็ชะงักเพราะลืมไปว่าไม่ได้พกดาบติดตัว ทำให้เป็นที่ขบขำกันในสมาชิคโฮมระ

                “อุ๊บ! ฮ่าๆๆๆๆๆๆ ตลกดีนี่ ยัยลิง ฮ่าๆๆ จะแทงฉันเหรอ มาสิ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ”

                “อ.....” ซารุฮิโกะตัวสั่นน้ำสีใสไหลรินออกจากนัยน์ตาสีฟ้าคราม

                “ซ...ซารุ...”

                “มิซากิบ้าที่สุด ชวนมาทำไมก็ไม่รู้แย่ที่สุด อยากทำอะไรก็เชิญเลย ฉันไปแล้ว!” ซารุฮิโกะที่เศร้าโศกรีบเดินออกจากบาร์โฮมระด้วยสภาพใบหน้าที่น้ำตาอาบแก้ม

                “เฮ้ย! ซารุ!” มิซากิยืนอึ้งในบาร์ สายตาทุกคนมองมิซากิประมาณว่าให้ตามไป แต่ด้วยความซื่อบื้อทำให้มิซากิไม่รู้ว่าสายตานั่นมันอะไร “มองทำไมฟระ!

                “ยาตะจัง คงไม่อยากให้คนรักของนายงอนนายตลอดไปสินะ”

                “คุณหมายถึงให้ผมตามไปสินะ” มิซากิหน้าแดงก่อนที่จะหันไปมองคุซานางิที่พยักหน้าเป็นการบอกคำตอบ มิซากิจึงวิ่งออกไปตามหาซารุฮิโกะ แต่เธอนั่นได้วิ่งไปไกลแล้ว เขาจึงตัดสินใจวิ่งตะเวนไปทั่วเมืองเพื่อตามหาลิงโม่ยสาวอันเป็นที่รักของเขา

      -ทางด้านซารุฮิโกะ-

                ซารุฮิโกะยังคงหลั่งน้ำตาแห่งความอับอายนั่นออกมาไม่หยุด และบ่นกับตัวเองในใจว่า ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ทำไมหัวใจที่เคยอดทนและเข้มแข็งมาตลอดถึงได้เป็นเช่นนี้ ทำไมคิดอะไรไม่ออก เธอเดินไปโดยไม่ดูทิศดูทางจนไปเดินชนกับใครคนนึง

                “ข...ขอโทษนะคะ ฉัน... ห..หัวหน้า!

                “แหม น่ารักจังเลยนะแม่ลิงน้อย”

                “อย่าเรียกแบบนั้นสิคะ”

                “ใครทำให้เธอร้องไห้ บอกผมมา”

                “ไม่มีอะไรสักหน่อย ไม่มี...จริงๆ” ซารุฮิโกะเช็ดน้ำตาที่ไหลรินออกมาไม่หยุด

                “สตรีอย่างคุณไม่เหมาะกับน้ำตาเลยนะครับ” เรย์ชิหยิบผาเช็ดหน้าของตัวเองขึ้นมาแล้วซับน้ำตาบนใบหน้าขาวเนียนใสของซารุฮิโกะ “น่ารักขึ้นทันตาเลยนะครับ ฟุชิมิจัง”

                “ท...ที่จริงดิฉันทำเองได้ค่ะ!” ซารุฮิโกะหน้าแดงแจ๋ก่อนที่จะโดนเชยคางแบบเมื่อตอนนั้น

                “แหมๆ เย็นชาอีกแล้วนะ...”

                “เฮ้ย! ยัยลิงบ้า แฮ่กๆๆ ตามหาซะทั่ว...มาอยู่ที่นี่เอง!!!” มิซากิ เดินมาหาซารุฮิโกะด้วยความเหนื่อย

                “มิซากิ....”

                “นายเองสินะที่ทำให้ฟุชิมิจังร้องไห้น่ะ”

                “ม...ไม่ใช่นะคะ ม...มิซากิเขา...”

                “ใช่แล้วจะทำไม...” มิซากิบอกออกไปด้วยความไม่พอใจ “แล้วก็ช่วยเลิกเชยคางยัยลิงนี่ด้วย”

                “หึงเหรอครับ...” เรย์ชิยั่วโมโหมิซากิ มิซากิหันไปมองซารุฮิโกะในร่างสตรีที่ทำมือปัดๆ ไปมาประมาณว่าไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น

                “ใช่แล้วจะทำไม...”

                “ห...เห!!!” ซารุฮิโกะในร่างสตรีอุทานด้วยความตกใจพร้อมกับใบหน้าแดงแจ๋

                “เหรอครับ นพรุ่งนี้มาประลองกันมั้ย ว่าใคร...คู่ควรกับฟุชิมิจังมากที่สุด” เรย์ชิยิ้มกวนประสาทให้มิซากิ

                “เอาสิ เจอกันที่สวนสนุก โอมั้ย!

                “รับคำท้าครับ เจอกันพรุ่งนี้นะ ฟุชิมิจัง” เรย์ชิเดินไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแต่แฝงไปด้วยความสนุก

                “มิซากิ... ฉัน...ขอโทษ....” ซารุฮิโกะทำหน้าสำนึกผิดทั้งๆ ที่ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้มิซากิโกรธแม้แต่นิดเดียว

                “ขอโทษทำไมยัยลิงบ๊อง!” มิซากิกำหมัดและแตะที่หน้าผากของซารุฮิโกะเบาๆ “เอาเหอะ ลูกผู้ชายคำไหนคำนั้นล่ะว่ะ!

                “มิซากิ...”

                “แล้วเธอจะวิ่งออกมาทำไมฟระเนี่ย! จะร้องไห้ก็ให้ฉันกอดก็ได้นี่หว่า ไม่เป็นต้องเก็บอาการไว้คนเดียวเลยยัยบ้าเอ้ย!

                “ห...ห้ะ!” ซารุฮิโกะหน้าแดงขึ้นมาทันที

                “อยู่ข้างฉันนะซารุ... อย่าเข้าใกล้ไอ้แว่นนั่นเด็ดขาด ฉันน่ะ...จะปกป้องเธอเอง ขอบคุณสำหรับที่ผ่านมานะ เธอคอยปกป้องฉันมาตลอด เป็นเพื่อนฉันมาตลอด คอยเคียงข้างฉันมาตลอด ฉันน่ะ...จะทดแทนให้เอง..” มิซากิยิ้มอย่างมั่นใจ

                “มิซา...”

                “ซารุ! ...คบกับฉันนะ! ถึงจะแค่ชั่วคราว แต่เธอน่ะ...เสปคฉันเลยจริงๆ นะเว้ย! เพราะงั้นมาคบกัน จนกว่าเธอจะกลับเป็นเหมือนเดิม ฉันจะช่วยเธออีกแรงในการกลับมานะ ซารุ!

                “มิซา...กิ...” ซารุฮิโกะในร่างสตรีหลังน้ำตามาอีกรอบแล้วโผเข้ากอดมิซากิและปล่อยสิ่งที่อึดอัดมากับน้ำตา ถึงเมื่อก่อนเธอจะเคยเป็นผู้ชายน่ารำคาญในสายตามิซากิ แต่จริงๆ แล้ว ในตอนนี้เธอก็เหมือนสาวน้อยคนนึงที่ต้องการความอบอุ่นจะใครสักคน

                “ปล่อยออกมาเต็มที่เลยนะซารุ...ความทุกข์ที่เธอสั่งสมไว้” มิซากิโอยกอดหญิงสาวร่างบางอย่างอ่อนโยน

                “มิซากิ...”

                “หืม...”

                “ไปส่งฉันที่คอนโดได้มั้ย”

                “ได้เสมอเลย ที่รัก!” ซารุฮิโกะในร่างสตรีถึงกับอึ้งกับคำพูดของมิซากิ เธอรู้สึกว่าเขาเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อน แต่มันก็แค่ชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น

      -ที่คอนโดฯที่ซารุฮิโกะอาศัยอยู่-

                “ขอบคุณนะ มิซากิ”

                “แล้วข้าวเย็นล่ะ”

                “ฉันไม่หิวน่ะ ขอบคุรมากเลยนะ” ซารุฮิโกะยิ้มให้มิซากิ นั่นทำให้มิซากิหัวใจเต้นไม่หยุด

                “งั้นฉันไปก่อนนะ ระวังตัวด้วยล่ะซารุ”

                “อื้ม!” ซารุฮิโกะยิ้มบางๆ เหมือนผู้หญิงทั่วๆไป เธอมีความสุขกับการที่อยู่ในร่างนี้ซะแล้ว...แต่นั่นก็คงแค่ชั่วคราวเท่านั้น...

      -วันต่อมา-

                “หึ! วันประลองก็มาถึงแล้วสินะ มุนาคาตะ เรย์ชิ! ไอ้แว่นแห่งกลุ่มสีน้ำเงิน!” มิซากิพูดจาห้วนๆ ในเรย์ชิ

                “มิซากิใจเย็นๆ น่า = =

                “กติกาคือ ใครที่ทำให้ฟุชิมิจังยอมคบด้วย คนนั้นจะได้จูบกับฟุชิมิจัง ตกลงมั้ย”

                “ได้เสมอ!!

                “ด...เดี๋ยวสิ ไม่ถงไม่ถามกันสักคำเลยเหรอ”

                “ไม่ต้องห่วงน่าซารุ ฉันจะเป็นคนจูบเธอเอง หึ!” ซารุฮิโกะถึงกับเงียบพรางคิดว่าตัวเองโชคดีที่มิซากิยังปกป้อง แต่โชคร้าย ถ้ามิซากิปกป้องเธอไม่ได้ เธอก็ต้องไปกับเรย์ชิ ราชาแห่งกลุ่มสีน้ำเงิน

                “เอาล่ะ! เริ่มกันที่เครื่องเล่นไหนดี บ้านผีสิงก่อนเลยดีมั้ย!

                “ห้ะ!!!!!!!!!!!” มิซากิอึ้งสุดๆ เพราะเจ้าตัวก็เป็นคนกลัวผีอยู่แล้ว นั่นทำให้ซารุฮิโกะยิ่งระแวงไปกันใหญ่ “เอาดิวะ!!” ในหัวของมิซากิมีแต่คำว่า เพื่อซารุฮิโกะ ไม่ว่าจะมีอุปสรรคอะไรเขาจะต้องฝ่ามันไปให้ได้!

                “ด...เดี๋ยว...”

                “งั้นไปกันเถอะครับ ฟุชิมิจัง” เรย์ชิเนียนโอบไหล่ซารุฮิโกะแล้วเดินตรงไปบ้านผีสิง

                “เฮ้ย! รอก่อนดิวะ!

                ระหว่างที่ทั้งสามเข้าไป ก็ได้มีมือเป็นพังผืดโผล่ออกมา ทำให้มิซากิตกใจจนไปกอดแขนซารุฮิโกะแน่น

                “ไม่เอาน่ามิซากิ ก็แค่มือเอง”

                “ไม่เอาแล้วเว้ย!!! รีบๆ ออกไปกันเหอะ!!” มิซากิเผลอดึงมือซารุฮิโกะวิ่งไปพร้อมเขาโดยไม่สนใจเรย์ชิที่ยืนมองทั้งสอง

      -ประตูทางออก-

                “แฮ่กๆๆๆๆๆ” ทั้งสองหอบเป็นเสียงเดียวกัน

                “แล้วหัวหน้าล่ะ”

                “อ๊ะ! อยู่ข้างในล่ะมั้ง”

                “เฮ้อ...ทั้งสองคนเนี่ยแย่จังเลยนะครับ จากที่ดูๆ มาแล้วผมก็รู้แล้วล่ะว่าฟุชิมิจังเลือกใคร ขอโทษที่ให้ลำบากมาตลอดนะ” เรย์ชิหอมแก้มซารุฮิโกะในร่างสตรี ก่อนจากไป

                “อ...อ...อ..ไอ้...”

                “มิซากิ ใจเย็นๆ สิ”

                “ซารุฮิโกะ ฉันจะลบลอยนั่นเอง อยู่เฉยๆ นะ!” จากนั้นมิซากิก็ประทับจูบบนแก้มจับลอยของเรย์ชิ ทำให้ซารุฮืโกะหน้าแดงมากกว่าเดิมเป็นหลายเท่า

                “ม...ม...มิซากิ...หอมแก้ม...ฉัน...”

                “ไปเล่นเครื่องเล่นอื่นเหอะ ฮ่าๆ” มิซากิจูงมือซารุฮิโกะไปเล่นโน่น นี่ นั่น เหมือนกับคู่รักที่กำลังไปไหนมาไหนด้วยกัน แต่ถึงยังไงพวกเขาก็ยอมคบกัน ถึงจะเป็นแค่ชั่วคราว แต่วินาทีนั้นก็ทำให้พวกเขามีความสุขที่สุด

      -18.30 น.-

                “ว้า...หกโมงครึ่งแล้วเหรอ”

                “ไปนั่งชิงช้าสวรรค์กันมั้ย” ซารุฮิโกะในร่างสตรีเอ่ยปากถามอย่างไร้เดียงสา

                “โอ๊ส!” มิซากิจูงมือซารุฮิโกะไปที่แถวชิงช้าสวรรค์ทันที ทั้งสองสัมผัสได้ถึงความอับอุ่นของมือแต่ละคน ทำให้ทั้งสองฝ่ายหน้าแดงเล็กน้อย

      -10 นาทีผ่านไป-

                “ว้าวว!! วิวสวยจัง” ซารุฮิโกะในร่างผู้หญิงมองข้างนอกด้วยสายตาเป็นประกายเหมือนกับผู้หญิงทั่วๆ ไปเช่นกัน ทำให้มิซากินึกถึงตอนที่มาที่นี่กับซารุฮิกะสมัยเรียนด้วยกัน

               

                “ซารุฮิโกะ ชิวช้าสวรรค์ล่ะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”

                “แล้วทำไมเหรอมิซากิ”

                “ไปนั่งกันๆ”

                “......”

                “อย่าเงียบ! ไปกันเหอะ”

       

                เมื่อตอนนั้นมิซากิก็ทำกริยาแบบเดียวกับซารุฮิโกะตอนนี้ เขามองซารุฮิโกะในร่างสตรีด้วยความเอ็นดูก่อนที่จะคว้าเธอมานั่งใกล้ๆ แล้วกอดเธอด้วยความรักที่มีให้กับเธอ

                “มิซากิ...”

                “ตามนั้น...ขอจูบเธอตอนนี้เลยได้ไหม”

                “ต...ตอนนี้..!!

                “อื้อ!

                “ล...แล้วแต่...สิ...” ซารุฮิโกะหน้าแดงก่ำด้วยความอายพรางก้มหน้าไปด้วย มิซากิได้เชยคางเธอขึ้นมาอย่างอ่อนโยนแล้วมองหน้าเธอใกล้ๆ

                “ซารุ...รักที่สุดเลยนะ”

                “อ...” ยังไม่ทันพูดอะไร ริมฝีปากบางๆ ของมิซากิก็ได้ประกบลงบนปากอิ่มบางของซารุฮิโกะ ถือว่าเป็นการประกาศชัยชนะที่ท้ากับเรย์ชิไว้และแสดงถึงความรักที่มีให้ต่อซารุฮิโกะ

                “ถึงแม้ว่าสุดท้ายเธอจะกลับเป็นเหมือนเดิม...ฉันก็จะไม่มีวันลืมวันนี้เลยนะ งั้นฉันขอถ่ายรูปเธอไว้เป็นที่ระลึกละกัน!

                “ด...เดี๋ยวสิมิซากิ...” ยังไม่ทันตั้งตัวมิซากิก็หยิบกลิ้งดิจิตอลมาถ่ายรูปซารุฮิโกะตามอำเภอใจ

                “รูปนี้ยิ้มนะซารุ! เอ้า! ยิ้ม...!” ซารุฮิโกะยิ้มบางๆ ให้กล้อง ถึงจะไม่ชอบถ่ายรูป แต่เมื่อมิซากิอยากถ่าย เธอก็ยอม

      กริ๊ง กริ๊ง

                “PDA ดังล่ะ แป๊บนะ สัวสดีค่ะ ฟุชิมิค่ะ... จับตัวได้แล้วเหรอคะ... งั้น...ค่อยแก้ให้ดิฉันกลับร่างเดิมตอนเที่ยงคืนละกันนะคะ สวัสดีค่ะ”

                “จะกลับร่างเดิมแล้วสินะ...”

                “ตอนเที่ยงคืนน่ะ...ฉันจะไม่มีวันลืมเลยนะ” ซารุฮิโกะยิ้มให้มิซากิก่อนที่ชิงช้าสวรรค์จะหยุดแล้วให้ทั้งสองลงจากตรงนั้น

                “เดี๋ยวฉันไปส่งเธอนะ”

                “อื้อ”

      -ที่คอนโดฯที่ซารุฮิโกะอาศัยอยู่-

                “มิซากิ...”

                “อะไรเหรอ...”

                “ย่อตัวลงหน่อย”

                “เอ๋” ทันใดนั้นซารุฮิโกะในร่างสตรีก็ประทับจูบลงบนแก้มนวลของมิซากิ

                “ขอบคุณนะ” ซารุฮิโกะยิ้มให้มิซากิก่อนที่จะเข้าไปข้างใน มิซากิแทบจะลอยไปกับอากาศเลยทีเดียว

                “ฝันดีนะ...ซารุ...ที่รักของฉัน...”

      -วันต่อมา-

                “ฟุชิมิซังครับ!!

                “อะไรของนายอีก”

                “ค..คือ...เราเพิ่งทราบมาว่าสเตรนมีอยู่ 2 ตัวน่ะครับ แล้วก็มีคนต้องการมาพบคุณด้วย”

                “ใครอีกล่ะเนี่ย...” เมื่อซารุออกไปหน้าประตูก็ได้พบกับผู้หญิงร่างบางตัวประมาณไม่เกิด 157 ซม. ผมสีส้มไหม้ ใส่หมวกผ้าไหมสีดำพร้อมกับการแต่งกายที่ดูเหมือนสาวนักเลงกับสเก็ตบอร์ดคู่ใจ เขารู้ทันทีเลยว่าเธอคนนี้คือใคร

                “ซารุ!!!!!!!!!!!!! นายต้องรับผิดชอบนะ เมื่อวานฉันเพิ่งโดนทำร้ายจนมาอยู่ในสภาพนี้ นายจะทำยังยะ!!!!!!!

                “แหม่ๆ แค่นี้เองหมี่ซากี้ ลองลิ้มรสแห่งความเป็นหญิงไปหน่อยสิ...” ซารุฮิโกะพูดจากวนประสาท แต่คราวนี้ไม่เหมือนคราวก่อน คราวนี้ทำให้มิซากิรู้สึกอยากกำหมัดอัดหน้าใส่ซารุฮิโกะที่กลับร่างมา

                “ก...ก...ก...แก!!!!! บ้าๆๆๆๆ.....” คำด่าของมิซากิจบลงด้วยการจูบของฝ่ายตรงข้าม

                “ผมกลับมาเหมือนเดิมแล้วนะที่รักกกกก”

                “เออ....”

      ถึงจะแค่ชั่วคราว แต่สำหรับฉันมันมีความสุขมากเลยนะ ซารุฮิโกะ(หญิง)

      For a time

      -The End-

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×