คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : CHAPTER VIII
Chapter VIII
'วิมานบนนภาแห่งนี้ไม่มีที่ให้แก่เทวดาที่คิดทรยศ ข้าขอขับไล่เจ้า, ลูซิเฟอร์
เทวทูตที่ได้แพ้พ่ายให้กับศึกในครานี้'
'พูดมาได้อย่างไม่นึกละอาย เจ้าไม่มีสิทธิ์มาขับไล่ข้า มิคาเอล!'
'แต่เรามีสิทธิ์'
'ท..ท่าน ได้โปรดฟังข้าก่อน'
'ถ้าหากว่าเจ้าอยากเป็นใหญ่นัก...ก็จงลงไปเบื้องล่างเสีย เราขอขับไล่เจ้า, ลูซิเฟอร์
เจ้าไม่ใช่หนึ่งในเทวทูตของเราอีกต่อไป'
สวนสาธารณะยังคงเป็นสถานที่ที่เซฮุนกับลู่ฮานเลือกมาด้วยกันอีกครั้ง พวกเขาทั้งสองคนทิ้งตัวนั่งลงใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นเดิม มือของเซฮุนยังคงกุมมือของลู่ฮานอยู่อย่างนั้น และสิ่งที่แน่นอนที่สุด ไม่มีใครคิดที่จะปล่อยมันออกก่อน
"ทำไมนายหายไปนานจัง?"
ลู่ฮานเริ่มประโยคคำถามขึ้นหลังจากที่บรรยากาศถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบมาได้สักพัก เซฮุนยิ้มบางๆ “งานเยอะหน่ะ”
ลู่ฮานใช้ดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนจดจ้องพิจารณาไปยังเซฮุน และมันก็ยังคงเป็นเหมือนตอนที่เซฮุนหายไปเหมือนคราวนั้น เซฮุนกลับมาพร้อมกับร่างกายที่ซูบผอมลง รวมทั้งนัยน์ตาคมที่เปลี่ยนกลับเป็นสีเทาอีกครั้ง “สีตานายเปลี่ยนอีกแล้ว คิดว่าตัวเองเป็นเอ็ดเวิร์ดหรือไง?” เซฮุนขมวดคิ้ว เอ็ดเวิร์ดงั้นหรือ? เซฮุนหันมามองลู่ฮานที่ยังคงใช้ดวงตากลมโตสีน้ำตาลจ้องมาทางเขา
“ใครคือเอ็ดเวิร์ด?”
“เอ็ดเวิร์ด พระเอกที่เป็นแวมไพร์ในเรื่องทไวไลท์ไง” ลู่ฮานว่า “ตาของพวกแวมไพร์จะเปลี่ยนสีไปได้เรื่อยๆ”
“อ่อ...” เซฮุนหัวเราะในลำคอ “ก็แค่พวกแวมไพร์เอง ผมพิเศษกว่าพวกนั้นตั้งเยอะ”
ลู่ฮานเลิกคิ้ว “นายจะพิเศษกว่าพวกนั้นได้ไง? พวกนั้นกินเลือด แถมยังมีชีวิตเป็นอมตะอีก”
คำพูดของลู่ฮานทำให้เซฮุนหัวเราะหนักกว่าเก่า “อะไรเล่า?” ลู่ฮานถามขึ้นเมื่อเห็นว่าเซฮุนยังไม่มีทีท่าที่จะหยุดหัวเราะง่ายๆ “หรือว่านายไม่ใช่มนุษย์หรือไง?”
เซฮุนหยุดชะงักไปเพียงครู่กับคำถามของลู่ฮาน แต่มันก็เพียงแวบเดียวเท่านั้น เซฮุนรู้ว่าลู่ฮานแค่พูดเป็นเชิงล้อเล่น และใช่...ลู่หานไม่ควรได้รู้ว่าเขาคือใคร ลู่หานไม่ควรได้รู้...ว่าคำว่า ‘อมตะ’ มันทำร้ายทุกสิ่งได้มากแค่ไหน
“พวกแวมไพร์หน่ะมีเยอะแยะ แต่...โอเซฮุนมีคนเดียวไม่ใช่หรือไง?” เซฮุนเก็บซ่อนความเจ็บปวดของตนให้ลึกที่สุดเท่าที่เคยทำตลอดมา หันมายิ้มมุมปากใส่ลู่ฮาน “อ่อใช่...เป็นโอเซฮุนที่หน้าตาดีมากด้วยนะ”
ลู่หานพยายามทำตาให้เป็นขีดเส้นตรงเมื่อได้ยินคำพูดที่แสนหลงตัวเองของเซฮุน กิริยานั้นเรียกเสียงหัวเราะจากเซฮุนอีกครั้ง “คิดถึงผมไหม?”
คำถามที่เปลี่ยนอย่างรวดเร็วของเซฮุนทำให้ลู่ฮานนิ่งไปพักหนึ่ง และโดยความสัตย์จริง...ลู่ฮานรู้ดีว่าเขารู้สึกอย่างไร
"คิดถึง" ลู่ฮานพูดมันออกมาภายในเสี้ยววินาทีต่อมา คำสั้นๆ สองคำที่หลุดออกมาจากปากของลู่ฮานทำให้เซฮุนอมยิ้ม น่ารัก คำๆ นี้ยังคงเป็นคำที่เซฮุนยังคงใช้กับลู่ฮานเสมอมา เซฮุนขยี้กลุ่มผมนิ่มสีน้ำตาลของคนตัวเล็กกว่าอีกครั้ง ลู่ฮานเบ้ปาก พยายามปัดมือของเซฮุนออก แต่นั่นไม่ได้ผล หนำซ้ำยังเรียกเสียงหัวเราะจากเซฮุนที่เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ
"ฉันไม่คิดถึงนายแล้ว" ลู่ฮานพูดในขณะที่เซฮุนเริ่มยีหัวของเขาให้ยุ่งมากขึ้น ลู่ฮานไม่ได้พยายามปัดมือของเซฮุนออกอีกต่อไป เซฮุนหัวเราะในลำคอ "จริงหรอ?" เซฮุนถาม กดยิ้มมุมปาก เลื่อนมือลงมาหยิกแก้มของลู่ฮาน ใช้นิ้วเกลี่ยอย่างเบาบางไปทั่วบริเวณผิวเนื้อ อีกแล้ว...ลู่ฮานคิด ตอนนี้เขารู้สึกว่าเขากำลังจะระเบิดตัวตายด้วยรอยยิ้มสเน่ห์ของเซฮุน ตายแน่ๆ นั่นคือสิ่งที่ลู่ฮานคิดถัดมา ลู่ฮานก้มหน้างุด พยายามไม่เงยหน้ามองเซฮุนอีก
Rrrrr
เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือเสมือนกับเป็นกรรไกรที่ตัดบรรยากาศอันน่าเขินอายนั้นไปในชั่วพริบตา ลู่หานสะดุ้งเล็กน้อย มือล้วงเข้าไปหยิบวัตถุสื่อสารที่ยังคงสั่นอยู่ในกระเป๋า เพ่งมองดูชื่อรายชื่อของคนที่โทรมาแสดงอยู่บนหน้าจอ
คริส
ลู่ฮานยังคงปล่อยให้โทรศัพท์มือถือนั้นแผดเสียงเรียกเข้าของมันอยู่อย่างนั้น มือของลู่หานบีบมือของเซฮุนแน่น เงยหน้าขึ้นมองบุคคลที่นั่งอยู่ข้างๆ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนนั้นเต็มไปด้วยความลังเล
“รับสิครับ” เซฮุนพูด กระชับมือของลู่ฮานให้แน่นขึ้น “ไม่มีอะไรต้องกลัวหรอกนะ”
ลู่ฮานชั่งใจอยู่เพียงครู่ก่อนที่จะกดรับ หลับตาลง รู้อยู่แก่ใจดีว่าการที่คริสได้โทรมาในคราวนี้ไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน ลู่ฮานสูดหายใจลึก รอฟังเสียงของคริส
( อยู่ไหน? )
“สวนสาธารณะ”
( กลับบ้านเดี๋ยวนี้ เรามีเรื่องต้องคุยกัน )
ลู่ฮานลืมตาขึ้น ประโยคคำสั่งของคริสเริ่มทำให้เขารู้สึกโมโห “นี่มันเพิ่งบ่ายเอง เดี๋ยวฉันกลับตอนเย็น”
( กลับเดี๋ยวนี้เลย )
ลู่ฮานเตรียมตัวที่จะพูดคำบางอย่างเพื่อโต้ตอบออกไป ทว่าฝ่ามืออุ่นของเซฮุนที่วางทาบกับตักของเขาทำให้ลู่ฮานเสมือนลืมคำพูดเมื่อครู่ไปหมดสิ้น ความอบอุ่นจากเซฮุนทำให้ลู่ฮานสงบอีกครั้ง ลู่ฮานเงยหน้าขึ้นมองเซฮุน
‘กลับไปหาเขาก่อน’
มันคือประโยคที่ไร้เสียงจากเซฮุน ลู่ฮานเงียบไปสักพัก “โอเค เดี๋ยวฉันกลับไป “ ลู่ฮานพูดก่อนที่จะกดตัดสายในทันที นัยน์ตาสีเทาของเซฮุนยังคงจ้องมองมาทางลู่ฮาน นัยน์ตาที่ยังคงมีแต่เงาของลู่ฮานสะท้อนอยู่ในนั้น ซึ่งนั่นทำให้ลู่ฮานรู้สึกผิด ลู่ฮานเบนสายตาลงต่ำ กำมืออีกข้างของตัวเองแน่น
“อย่าโทษตัวเองสิ” เซฮุนพูดขึ้นเมือรู้ว่าลู่ฮานกำลังคิดอะไรอยู่ในตอนนี้ “เดี๋ยวเราค่อยคุยกันคราวหน้าก็ได้ โอเคไหม? คุณไม่ต้องคิดมากหรอกนะ”
คำพูดที่แสนดีของเซฮุนทำให้ลู่ฮานรู้สึกว่าดวงตาของเขามีน้ำตารื้นขึ้นมาอีกครั้ง เซฮุนใช้มืออีกข้างจับหัวของลู่ฮานให้ซบลงกับแผงอกของตน ลูบกลุ่มผมนิ่มไปมาราวกับปลอบประโลม สิ่งเหล่านั้นทำให้น้ำตาของลู่ฮานหยดลงที่เสื้อของคนที่กำลังโอบกอดเขาอยู่
เซฮุนยังคงดีกับเขาทุกอย่าง
-
ลู่ฮานเดินกลับเข้ามาในตัวบ้าน ทุกสิ่งอย่างยังคงเหมือนเดิม หากทว่าสิ่งที่เปลี่ยนไปคือเก้าอี้นวมที่อยู่ในห้องรับแขก เมื่อคราวที่ผ่านมามันเคยว่างเปล่า หากทว่าในตอนนี้มันไม่ว่างเปล่าอีกต่อไป คริสกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้นั้น ดูไม่สบอารมณ์มากเท่าไหร่นัก
“นายหายไปไหนมา?”
คริสเริ่มประโยคขึ้น พยายามควบคุมน้ำเสียงของตนให้นิ่งมากที่สุด ถึงแม้จะรู้อยู่แก่ใจดีว่าลู่ฮานเพิ่งออกไปหาใครมา
“ไปเดินเล่น”
“อย่าโกหกได้ไหมลู่ฮาน”
ลู่ฮานนิ่งเงียบ คริสลุกขึ้น เดินเข้ามาหาลู่ฮานที่ยังคงยืนอยู่ตรงหน้าประตู “ฉันรู้ว่านายไปหาใครมา ทำไม? ทำไมนายถึงเปลี่ยนไป?” คริสเดินเข้าประชิดตัวลู่ฮาน ทว่าลู่ฮานกลับไม่ได้ถอยหลังไปไหน “ฉันไม่ดีตรงไหนหรือไงลู่ฮาน?”
“มันไม่เหมือนเดิม”
ประโยคสั้นๆ จากลู่ฮานทำให้คริสรู้สึกได้ถึงโทสะที่แล่นเข้ามาในใจ ไม่เหมือนเดิมยังไง? คำถามเริ่มเกิดขึ้นมากมายในหัวของเขา ทำไม? ทำไมอดีตเทวดาที่แสนทระนงนั่นถึงได้ครอบครองทุกสิ่ง ทั้งๆ ที่หมดอำนาจ หมดซึ่งฤทธิ์เดช แตกต่างจากเขาที่มีทุกอย่าง เป็นหนึ่งในเทวทูตที่ทรงอำนาจพลัง เป็นตัวแทนของความดี อยู่ในเส้นทางสีสว่างบริสุทธิ์
ทั้งๆ ที่เขามีทุกสิ่งที่ลูซิเฟอร์เคยมี
แต่ทำไม...ทำไมเขาถึงยังไม่ได้ความรักของมนุษย์ผู้นี้เสียที...
คริสจับไหล่ของลู่ฮานแน่น ออกแรงบีบอย่างลืมตัว ลู่ฮานนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ “ทำไม? มันมีอะไรดีกว่าฉันหรือไง?!” เสียงเกรี้ยวกราดของคริสดังไปทั่วบริเวณห้อง “ทำไมหรอลู่ฮาน ตอบฉันมาสิ ทำไม?!”
ลู่ฮานนิ่งเงียบไปเพียงครู่ มันควรถึงเวลาที่เขาควรจบความสัมพันธ์อันคาราคาซังนี่เสียที เขาไม่ได้รักคริสอีกแล้ว ในตอนนี้เขากำลังรักคนอื่น เขารักเซฮุน และใช่...มันควรจบ ทุกอย่างจะต้องจบลงตรงนี้
“ไม่มีใครผิดหรอก ฉันต่างหากที่ผิดเอง” ลู่ฮานตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย พยายามเก็บซ่อนความเจ็บปวดอันมาจากแรงบีบตรงช่วงไหล่ “ฉันขอโทษนะคริส”
ลู่ฮานถอดแหวนที่สวมอยู่ตรงนิ้วนางข้างขวาของตนออก ยื่นมันให้กับคนตรงหน้า ในตอนนี้มือของลู่ฮานเหลือเพียงแต่แหวนของเซฮุนสวมที่นิ้วนางด้านซ้ายเท่านั้น
“ฉันไม่ได้รักนายอีกแล้ว”
แรงที่บีบอยู่ตรงช่วงไหล่ของลู่ฮานหายไปในทันที คริสทรุดตัวลงนั่งกับพื้น เงยหน้าขึ้นมองลู่ฮานที่ยังคงทำสีหน้าเรียบนิ่ง หยาดน้ำตาเริ่มไหลรินลงมา รู้สึกจุกไปทั่วทั้งร่างกายกับประโยคสั้นๆ จากคนที่เขารัก
ทำไมความรักของบุคคลที่เป็นที่รักถึงได้ยากที่จะไขว่คว้าถึงเพียงนี้...
ทำไมปีกสีขาวบริสุทธิ์ถึงจับต้องมันไม่ได้...
คริสยังคงมองลู่ฮานด้วยสายตาวิงวอน “ได้โปรด อย่าทำแบบนี้” คริสอ้อนวอน หากทว่าดวงตาสีน้ำตาลอ่อนคู่นั้นไม่ได้สะท้อนเงาของเขากลับมาอีกต่อไป มันสะท้อนเพียงความว่างเปล่าและเฉยชา ทุกอย่างยังคงเงียบเชียบ จนกระทั่งกลีบปากของลู่ฮานเอ่ยประโยคหนึ่งประโยคที่เสมือนมีดคมเข้าปลิดขั้วหัวใจของเขา
คริสได้รู้สึกว่าหัวใจของเขาได้หยุดเต้นไปในวินาทีนั้น…
“เราเลิกกันเถอะ”
ไม่มีคำพูดอะไรต่อจากนั้น...
ไม่มีแม้กระทั่งคำบอกลา...
ลู่ฮานเดินออกจากบ้านไปโดยไม่ได้หันกลับมาอีก คริสไม่ได้เดินตามเขา หรือฉุดกระชากให้กลับไป ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ดี ดีที่เขาจะได้ตัดใจให้ง่ายขึ้น ลู่ฮานเดินต่อไปเรื่อยๆ แม้จะไม่รู้จุดหมายก็ตามที ขาทั้งสองข้างยังคงก้าวต่อไปตามถนน เขาไม่ได้หยิบเสื้อผ้าหรือสิ่งของอะไรออกมาจากบ้านหลังนั้นเลยแม้แต่ชิ้นเดียว ลู่ฮานล้วงหยิบโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋ากางเกง นิ้วเลื่อนไปตามรายชื่อบนหน้าจอทัชสกรีนที่มีอยู่น้อยนิด อันที่จริงเขาไม่ได้เป็นคนที่มีเพื่อนเยอะมากนัก และยิ่งงานในปัจจุบันคือการวาดรูปแบบแปลนด้วยแล้ว ลู่ฮานยิ่งแทบไม่ได้ออกไปทำความรู้จักหรือพบกับใครมากเท่าไหร่
ลู่ฮานเก็บโทรศัพท์มือถือไปยังที่เดิม สิ่งแรกที่เขาคิดออกคือบุคคลคนเดิมอีกครั้ง เซฮุน ลู่ฮานยิ้มบางๆ ขาทั้งสองข้างหยุดชะงัก โบกมือเรียกแท็กซี่ สถานที่จุดหมายปลายทางคือสถานที่ที่คุ้นเคย
สตูดิโอวาดรูปของเซฮุน
-
ลู่ฮานเดินขึ้นบันไดมายังชั้นสอง เท้าทั้งสองข้างมาหยุดที่หน้าประตูสีน้ำตาล เคาะมือลงเบาๆ สองที แต่ทว่ากลับไม่มีปฏิกิริยาอะไรตอบกลับมา ทุกอย่างยังคงนิ่งเงียบ เซฮุนไปไหนนะ? ลู่ฮานเอื้อมมือไปบิดลูกบิดประตู และตามที่ได้คิดไว้ มันถูกล็อค ลู่ฮานล้วงโทรศัพท์มือถือขึ้นมา กดโทรหาเซฮุน ทว่า...
ไม่มีสัญญาณตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียก
ลู่ฮานถอนหายใจ เก็บโทรศัพท์มือถือไปไว้ที่เดิมอีกครั้ง ขาก้าวเดินเป็นวงกลมหน้าห้อง สุดท้ายแล้วก็ทรุดตัวนั่งลงหน้าประตูห้อง หลังพิงกับประตู ชันเข่าขึ้น
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป
ลู่ฮานพบว่าเซฮุนยังคงไม่กลับมา และในตอนนี้เขาไม่เหลือเกมในโทรศัพท์มือถือให้เล่นฆ่าเวลาอีกต่อไป ความเหนื่อยล้าสะสมที่มาจากการทำงานจนดึกในเมื่อวานทำให้เขารู้สึกเพลียเป็นทุนเดิม ลู่ฮานหลับตาลง สายลมเย็นอ่อนๆ ที่พัดเข้ามาทางด้านซ้ายของห้องโถงยาวทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย ลู่ฮานปล่อยให้ตัวเองจมดิ่งลงสู่ห้วงของความคิด อีกครั้ง และอีกครั้ง
ลู่ฮานผล็อยหลับไปตรงหน้าประตูห้องของเซฮุน
-
มีเพียงไม่กี่สาเหตุนักที่มิคาเอลเลือกที่จะไม่ตามผู้เป็นที่รักไป
มิคาเอลได้เหลือบเห็นลูซิเฟอร์ที่อยู่ตรงข้ามกับประตูบ้านก่อนที่สถานที่จะเปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน บรรยากาศรอบด้านในตอนนี้เปลี่ยนเป็นความมืดมิด มวลอากาศที่เต็มไปด้วยความเงียบเชียบและว่างเปล่า ผืนดินสีดำอันเวิ้งว้างอย่างไม่มีจุดจบ ลูซิเฟอร์สยายปีกสีดำสิบสองเฉกแผ่ขยายไปทั่วบริเวณ ใบหน้าอันสมบูรณ์แบบแค่นยิ้มอย่างสะใจให้กับเทวดาผู้มีอำนาจเป็นรองจากพระผู้เป็นเจ้า
“มิคาเอลเทวดาสีขาวบริสุทธิ์ผู้โดนทอดทิ้งจากผู้เป็นที่รัก” เซฮุนแค่นหัวเราะในลำคอ ก้าวเข้าประชิดมิคาเอล “มันคือฉากในประวัติศาสตร์ที่ข้าโปรดปรานมากที่สุดเลยนะ เจ้ารู้ไหม?”
ฉับพลันขนนกสีขาวที่บอบบางหากคมกริบยิ่งกว่ามีดพุ่งเข้าหาลูซิเฟอร์ แต่ทว่าในตอนนี้มันกลับสูญเปล่า ชายหนุ่มใช้แขนของตนปัดมันออกไปอีกด้าน
“ขนนกโง่ๆ ของเจ้าทำอะไรข้ามิได้หรอก มิคาเอล” ลูซิเฟอร์ยังคงยกยิ้ม ในตอนนี้เขาได้ถือไพ่เหนือมิคาเอล ลูกแก้วสีใสที่ได้ช่วงชิงจากซาตาน บัดนี้ได้ห้อยเป็นจี้ตรงสร้อยคอ มันคือสิ่งที่ทำให้อำนาจและฤทธิ์เดชได้กลับมาหาเขาทั้งหมด ใบหน้าสมบูรณ์แบบที่ได้ขึ้นชื่อว่าสรรสร้างโดยพระผู้เป็นเจ้ากระตุกยิ้มร้าย “เลิกผยองในตัวเสียที มิคาเอล ขี้ข้าบนสวรรค์อย่างเจ้ามิได้มีอำนาจเหนือนายใหญ่ในโลกันตร์อย่างข้าหรอกนะ”
ลูซิเฟอร์มองเหยียดไปยังเทวทูตตรงหน้า “และเจ้าเอง ก็มิสามารถปลอมแปลงเป็นข้าเหมือนในตอนที่ข้าได้อ่อนกำลังจากการแพ้พ่ายในสงครามสกปรกของเจ้าเหมือนในครานั้นด้วยเช่นกัน”
มิคาเอลทำได้แค่เพียงยืนนิ่ง หาได้มีปฏิกิริยาอะไรตอบโต้กลับไป ลูซิเฟอร์หนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าดูมีพลังอำนาจและแข็งแกร่งจนเขารู้สึกหวาดวิตก แต่ถึงกระนั้นนัยน์ตาคมก็ยังคงมองเทวดาตกสวรรค์ตรงหน้าอย่างท้าทาย มิคาเอลเลือกที่จะปิดบังความรู้สึกหวาดกลัวของตัวเองทั้งหมด ซ่อนมันให้ลึกที่สุดเท่าที่เขาเคยทำมา
“แต่คำสาปนั้นยังคงอยู่ และเจ้า...ไม่มีทางลบล้างมันได้ เจ้าเองก็รู้ดีมิใช่ฤา? ลูซิเฟอร์”
ลูซิเฟอร์รู้สึกได้ถึงลมหายใจของเขาที่กระตุก ในแวบหนึ่งที่นัยน์ตาคมวูบไหว ทว่ามิคาเอลกลับเห็นมันในชั่วพริบตา เทวทูตสีขาวยิ้มเหยียด “ช่างน่าเวทนานัก”
“ข้าต่างหากเล่าที่ต้องเป็นผู้เปล่งวาจานั้น!” ลูซิเฟอร์เอ่ยด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว “หน้ากากแห่งความดีที่เจ้าได้สวมใส่อยู่...มันกำลังจะถูกกระชากออกด้วยน้ำมือของข้าโดยมิช้านี้” ลูซิเฟอร์แค่นยิ้ม “หน้ากากอันน่าเวทนา...”
“…”
“ที่คอยปกปิดความแปดเปื้อนภายใต้ปีกสีขาวบริสุทธิ์, ปีศาจในคราบเทวดา”
มิคาเอลกำหมัดแน่น โทสะเข้าครอบงำเขาอีกครั้ง ปีกสีขาวแผ่ขยายออก ขนนกสีขาวที่ถูกเสกโดยพลังเวทย์จากเทวทูตหลายร้อยอันพุ่งเข้าใส่ลูซิเฟอร์ ทว่าปีศาจที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นตัวแทนแห่งอัตตามิได้มีวี่แววหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย ลูซิเฟอร์กางแขนออก เกิดเป็นม่านสีดำสนิทที่ดูดกลืนขนนกทั้งหมดนั้นให้อันตรธานหายไปในทันที
“แล้วข้ากับเจ้าจะได้เห็นดีกันในไม่ช้านี้, ลูซิเฟอร์”
มิคาเอลเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง สยายปีกของตนออกก่อนที่จะบินขึ้นสู่น่านฟ้า ลูซิเฟอร์แค่นหัวเราะ มองดูเทวดาแสนขลาดที่เริ่มออกห่างตนไปเรื่อยๆ “มิคาเอล...เจ้ารู้ไหม สิ่งไหนที่น่ากลัวยิ่งกว่าความตาย?” มิคาเอลหยุดชะงักด้วยคำพูดเมื่อครู่ นัยน์ตาจ้องมองดูลูซิเฟอร์ที่ยังคงเหยียดยิ้มอยู่บนผืนดิน “สิ่งนั้นคือความเฉยชาที่เราได้รับจากผู้เป็นที่รัก”
“…”
“และนั่นคือสิ่งที่เจ้าต้องได้รับจากผู้นั้น สืบทุกชาติไป”
-
ความนุ่มนิ่มของเตียงนอนและสัมผัสจากลมหายใจร้อนคือสิ่งแรกที่ลู่ฮานรู้สึกหลังจากที่เขาลืมตา และสิ่งต่อมาที่ลู่ฮานเห็นคือเซฮุนที่กำลังนอนตะแคงข้าง ชันศีรษะ มองดูเขาพร้อมกับอมยิ้มบางๆ เซฮุนในตอนนี้มีดวงตาสีดำสนิทเหมือนเดิม ดูแข็งแรง ไม่ซูบผอมเหมือนตอนที่ได้เจอกันในสวนสาธารณะ แปลก ลู่ฮานยังคงจ้องพิจารณาไปยังคนตรงหน้า หากทว่าความคิดทั้งหมดก็สิ้นสุดลงด้วยประโยคต่อมาของเซฮุน
“คุณนอนน้ำลายยืดด้วย”
นั่นคือประโยคแรกที่ลู่ฮานได้ยินจากเซฮุน ลู่ฮานรีบใช้มือของตัวเองเช็ดที่ปาก พบว่ามันไม่ได้มีคราบน้ำลายอย่างที่เซฮุนได้กล่าวหาไว้ เซฮุนหัวเราะ มืออีกข้างขยี้กลุ่มผมของลู่ฮานจนมันยุ่งไม่เป็นทรง
“ผมล้อเล่น”
ลู่ฮานเบ้ปากแทนคำตอบ ซึ่งนั่นทำให้เซฮุนหัวเราะดังกว่าเก่า “หิวหรือยัง?” เซฮุนถาม ชันกายขึ้น ทว่าก็ต้องล้มตัวลงนอนอีกครั้งเมื่อลู่ฮานดึงชายเสื้อของเขาเบาๆ
“นี่...”
“หืม?”
ลู่ฮานกัดปากอย่างชั่งใจอยู่พักหนึ่ง ทว่าสุดท้ายก็ปริปากออกมา “ฉันเลิกกับเขาแล้วนะ”
“…”
“...คริสน่ะ”
เกิดความเงียบอยู่ชั่วพักหนึ่ง ทุกอย่างเงียบไปหมด แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้ลู่ฮานรู้สึกอึดอัดเลยแม้แต่น้อยเมื่อเซฮุนเอื้อมมือมากุมมือของเขาไว้ มองตรงมาโดยไม่ละสายตาไปไหน
“คุณโอเคไหม?”
ลู่ฮานนิ่งไปเพียงครู่ สุดท้ายก็พยักหน้าเบาๆ เซฮุนยิ้มกว้าง กระชับมือของเขาให้แน่นขึ้น “งั้นคุณก็ต้องยิ้มบ่อยๆ นะ”
“…”
“ผมชอบรอยยิ้มของคุณ”
เซฮุนใช้มืออีกข้างของตนดึงแก้มของลู่ฮานเบาๆ เป็นเชิงให้ยิ้ม ลู่ฮานแสร้งทำหน้าบึ้ง “นะครับ ยิ้มหน่อย...นะ?” เซฮุนยังคงไล่นิ้วไปบริเวณแก้มของลู่ฮาน ซึ่งนั่นทำให้แก้มของลู่ฮานขึ้นสี ก้มหน้างุด แต่สุดท้ายแล้วลู่ฮานก็หลุดยิ้มออกมาเพราะเสียงของเซฮุนที่กำลังออดอ้อนเขาเหมือนเด็กๆ
“งั้นนายก็ต้องห้ามหายไปนานๆ” ลู่ฮานพูดขึ้นในขณะที่เซฮุนยังใช้นิ้วเกลี่ยที่แก้มของตนเบาๆ “ห้ามหายไปแบบนั้นอีกนะ” ลู่ฮานยกนิ้วก้อยของตัวเองขึ้นมา “นายต้องสัญญากับฉันด้วย”
เซฮุนหัวเราะเบาๆ ในลำคอ ละมือออกจากแก้มของลู่ฮาน ใช้นิ้วก้อยของตนเกี่ยวเข้ากับนิ้วก้อยของลู่ฮาน
“สัญญาครับ”
“ห้ามผิดสัญญาด้วย” ลู่ฮานกำชับคำ “ห้ามไปไหนอีกนะเซฮุน” ลู่ฮานพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาลงกว่าเดิม เซฮุนยิ้มบางๆ ละนิ้วก้อยของตนออกจากนิ้วของลู่ฮาน ใช้มือลูบกลุ่มผมนิ่มของคนตัวเล็กกว่าเบาๆ
“ผมไม่ไปไหนหรอก”
“…”
“ผมสัญญา”
คำพูดของเซฮุนทำให้ลู่ฮานยิ้มออกมาอีกครั้ง
ความคิดเห็น