คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : CHAPTER IV
Chapter IV
‘ข้ามีสิ่งจะมาทูลท่าน ลูซิเฟอร์ผู้เป็นแสงสว่างแห่งวิมานบนนภา’
‘ข้าไม่มีคำใดๆ ต่อเจ้า ซาตาน, จงกลับไปเสีย’
‘งั้นถ้าข้าจะทูลว่า... มิคาเอลสหายรักของท่าน...
กำลังจะแย่งชิงคนที่ท่านรักล่ะ?’
“เซฮุน ช่วยด้วย ช่วยฉันด้วย!”
เสียงหวีดร้องของคนๆ หนึ่งดังขึ้น เซฮุนรีบวิ่งไปทางต้นตอของเสียงนั้นอย่างร้อนรน พยายามเพ่งมองและวิ่งฝ่าฝูงคนเข้าไปยังซอกตึกเล็กๆ ที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่ช่วง ลู่ฮาน...ลู่ฮาน...ลู่ฮาน สามคำนี้ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของเขา ขาทั้งสองข้างก้าวสลับกันอย่างรวดเร็ว เซฮุนไม่นึกสนใจกับแรงกระแทกจากชนกับคนที่ได้มาขวางทางเขา สิ่งๆ เดียวที่เขาสนใจคือบุคคลที่อยู่ในซอกตึกนั้น เซฮุนยังคงวิ่ง...วิ่งจนกระทั่งเขาได้มาถึงยังจุดหมาย ทว่า...
ภาพของลู่ฮานที่อยู่ท่ามกลางวงของผู้คนที่ถือกริชในกำมือนั้นทำให้เขารู้สึกเสียววูบ
เซฮุนพยายามที่จะฝ่าฝูงคนที่ล้อมรอบลู่ฮานเข้าไปด้านใน เพ่งมองดูผู้คนเหล่านั้นที่กำลังเดินเข้าใกล้ลู่ฮานขึ้นเรื่อยๆ บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา เขารู้ได้จากตราสัญลักษณ์ที่อยู่ด้านหลังต้นคอ ตราสัญลักษณ์ที่ครั้งหนึ่งเซฮุนเคยมีมันประทับอยู่ที่ไหล่
ตราสัญลักษณ์ของพระเจ้า
เซฮุนรู้สึกว่าลมหายใจติดขัด พยายามที่จะวิ่งต่อแต่เขาไม่สามารถก้าวต่อได้ ร่างของเซฮุนถูกเหวี่ยงไปโดยแรงที่ไม่สามารถมองเห็นไปยังด้านตรงข้าม เชือกสีขาวบริสุทธิ์ตรึงแขนและขาของให้เขาติดกับกำแพง เซฮุนพยายามที่จะกระชากมันออกไป ทว่ามันไม่เป็นผล เชือกนั้นกลับกดลึกและบาดเนื้อจนเลือดสีแดงสดไหลอาบทั่วบริเวณนั้น เซฮุนมองตรงไปด้านหน้า ภาพของลู่ฮานที่กำลังมองตรงมาทางเขา ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนนั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
อย่าทำแบบนี้...ได้โปรด เซฮุนสวดวิงภาวนาอยู่ในใจแม้จะรู้ดีว่ามันไม่เกิดผลอะไรขึ้นมา พระเจ้าได้ทอดทิ้งเขาแล้ว ใช่..เขารู้ดี แต่ถึงกระนั้นเซฮุนก็ยังคงพยายามเอื้อมมือไปด้านหน้า ไม่นึกสนใจของเหลวสีแดงสดที่ยังคงไหลลงมาเรื่อยๆ ตามบาดแผลจากการถูกเชือกบาด เซฮุนพยายามที่จะร้องเรียกลู่ฮาน ทว่ากลับไม่มีเสียงใดๆ หลุดออกมา
เซฮุนไม่มีทางเอื้อมถึงลู่ฮาน
ลู่ฮานอยู่ไกลจากเขามากเกินไป
เซฮุนกรีดร้อง น้ำตาหลายหยดไหลรินลงมาจากนัยน์ตาคมสีดำสนิท ลู่ฮานหันมองตรงมา พยายามเอื้อมมือมาหาเขา ทว่ามือของเซฮุนและลู่ฮานไม่มีทางได้สัมผัสกัน พวกเขาเริ่มห่างกันออกไปเรื่อยๆ ดวงตากลมโตของลู่ฮานนั้นเอ่อร้นไปด้วยน้ำตา เซฮุนทำได้เพียงแค่จ้องมองไปยังใบหน้าของลู่ฮาน ใบหน้าของคนที่เขารักมากที่สุดโดยที่เขาไม่สามารถทำอะไรได้
และในแวบสุดท้ายที่เซฮุนเห็น...
เซฮุนเห็นลู่ฮานยืนนิ่ง ส่งยิ้มมาทางเขาอย่างบางเบา
‘ฉันรักนาย’
มันเป็นคำพูดที่ไม่มีเสียง
ลู่ฮานหลับตาลง ร่างจมหายไปกับฝูงผู้คน
เซฮุนไม่สามารถมองภาพนั้นต่อไปได้ ตาของเขาพร่ามัวด้วยม่านน้ำตา หนทางทั้งหมดดูมืดมน มืดมนจนเซฮุนไม่สามารถมองเห็นอะไรได้อีกต่อไป สิ่งเหล่านั้นทำให้เซฮุนได้ตระหนักว่าเขาไม่สามารถมีความสุขกับคนที่เขารัก มันสายเกินไป... สายเกินกว่าที่จะได้รับการให้อภัยจากพระผู้เป็นเจ้า ไม่มีทางออกใดที่เขาสามารถต่อกรกับท่านผู้นั้น
บ่วงเชือกที่รัดตัวของเซฮุนไว้หลุดออก ฝูงผู้คนหายไป ชายหนุ่มเดินไปยังร่างของลู่ฮานที่นอนอยู่กับพื้นอย่างทุลักทุเล เลือดสีแดงสดไหลลงจากบาดแผลตามทางที่เซฮุนได้เดินผ่าน เซฮุนทรุดนั่งลงตรงหน้าลู่ฮาน ร่างของคนที่เขารักและหวงแหนที่สุด ร่างที่ไร้ชีวิตนั้นกำลังนอนจมกองเลือดที่มาจากบาดแผลมีดแทงที่นับไม่ถ้วน
เซฮุนย่อตัวคุกเข่าลงข้างๆ ลู่ฮาน นัยน์ตาคมสีดำสนิทจ้องภาพด้านหน้าด้วยแววตาที่ยากจะอธิบาย ชายหนุ่มช้อนตัวอีกคนขึ้นมาอยู่ในอ้อมกอด กดจูบข้างขมับนั้นอย่างแผ่วเบา เสียงของโลหะที่กระทบกับพื้นนั้นทำให้เซฮุนละสายตาลงไปมอง แหวนคู่ที่ครั้งหนึ่งเขากับลู่ฮานเคยซื้อด้วยกันนั้นหลุดลงมาจากนิ้วของอีกคน เซฮุนใช้มืออีกข้างหยิบมันขึ้นมา กำมันอยู่ในมือแน่นจนกระทั่งเห็นได้ถึงเส้นเลือดที่อยู่ใต้ผิวหนัง
“ถ้าเจ้าคิดจะต่อกรกับข้า ผลที่ได้รับย่อมแสดงแบบนี้”
เสียงดังขึ้นจากเบื้องบนนั้นทำให้เซฮุนเดาไม่ยากว่าผู้นั้นคือใคร เซฮุนแค่นยิ้ม นัยน์ตาสีดำสนิทเต็มไปด้วยความเคียดแค้นผิดกับน้ำตาที่ยังคงไหลรินลงมาเรื่อยๆ
นี่คือบทลงโทษของเทวดาที่ถูกย่ำยีด้วยคำว่าทรยศงั้นหรือ?
มันไม่ยุติธรรม...ไม่ยุติธรรมเลยแม้แต่นิดเดียว
ในเมื่อตอนนี้ทุกอย่างไม่สามารถแก้ไขอะไรได้
งั้นเทวดาตกสวรรค์อย่างเขา...ก็ขอหยิ่งยโสให้สมกับตำแหน่งที่ได้รับแล้วกัน
“งั้นจงจำคำของข้าไว้ พระผู้เป็นเจ้า”
เซฮุนหยัดยืนขึ้น ช้อนร่างของลู่ฮานไว้ในอ้อมแขนของตน แววตาฉายความแข็งกร้าว เงยหน้าขึ้นมองเบื้องบนอย่างท้าทาย
“ข้ายินดีเป็นใหญ่ในนรก ดีกว่าเน่าเฟะอยู่บนสวรรค์แบบท่าน”
ชายหนุ่มร่างผอมสะดุ้งตื่นขึ้นกลางคัน เซฮุนชันกายขึ้นนั่งบนเตียง ฝัน? ดูเหมือนว่าเขาจะอยู่ในร่างของมนุษย์นานเกินไปจนกระทั่งนึกฝันได้ ถึงแม้ว่าฝันนั้นจะเป็นเรื่องจริงมาก่อนในอดีตก็ตามที เซฮุนแค่นยิ้ม พลันรู้สึกถึงความเปียกชื้นบนบริเวณใบหน้า นิ้วปาดไปที่ใต้ขอบตา
น้ำตา?
นานพอสมควรที่เขาไม่ได้เห็นสิ่งนี้ เซฮุนเหม่อมองไปด้านนอก พระอาทิตย์ที่อยู่เทียบขอบดินนั้นทำให้เขารู้ว่านี้ใกล้เช้าวันใหม่ พลันมองนาฬิกาที่แขวนอยู่ริมผนัง
เขายังพอมีเวลาเหลืออยู่อีกหน่อย
เซฮุนลงจากเตียง เปิดตู้เสื้อผ้า หยิบชุดลำลองสบายๆ ออกมาหนึ่งชุด เดินไปแต่งตัวในห้องน้ำ สายตาเหลือบมองออกไปนอกหน้าต่าง เขาเห็นร้านขายดอกไม้ร้านหนึ่งที่กำลังจะเปิดร้าน เซฮุนอมยิ้ม
เซฮุนคิดว่าเขาน่าจะซื้อดอกไม้สักช่อไปให้ลู่ฮาน
-
“ทำไมพักนี้เราถึงไม่เห็นเจ้าเลยมิคาเอล, เจ้าหายไปไหนมาฤา?”
มิคาเอลที่ย่อตัวคุกเข่าลงเงยหน้าขึ้น ตอบคำถามคนเบื้องบน “ข้าแค่ลงไปสำรวจเบื้องล่างเพียงชั่วคราว” ขยับมือหมุนไปรอบๆ ก่อนที่ด้านข้างจะฉายรูปทิวทัศน์ของโลกที่อยู่ด้านล่าง “ดูความเป็นไปของโลกา”
“งั้นไว้เราจะลงไปดูบ้าง” พระผู้เป็นเจ้าเว้นช่วงคำพูด “น่าสนใจ”
“ข้ายินดีนำทางท่านลงสู่ที่เบื้องล่าง”
“งั้นไว้คราวหน้าเราจะเรียกหาเจ้า”
“ข้ายินดีรับใช้” มิคาเอลรับคำ ไม่มีเสียงใดตอบกลับมา “งั้นข้าขอตัว” ร่างสูงลุกขึ้นยืน โค้งตัวก่อนที่จะหันหลังเดินไปอีกทาง ทว่าประโยคถัดมากลับทำให้เขาหยุดชะงัก
“เราคิดว่าเจ้ารู้ดีเกี่ยวกับเรื่องนั้น, มิคาเอล”
“…”
“เราหวังว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีกซ้ำสอง เพราะโทษในครานี้ หนักหนากว่าคราแรกมากนัก”
-
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ลู่ฮานวางหนังสือเล่มโปรดของตนลง ขาทั้งสองข้างก้าวไปที่ประตูอย่างไม่รีบร้อนมากนัก ฉับพลันที่เปิดประตูก็เจอแต่ความว่างเปล่า ไม่มีใครยืนอยู่ตรงนั้น ลู่ฮานขมวดคิ้ว คิดว่านั่นคงเป็นแค่การแกล้งของเด็กซนข้างบ้าน ทว่าสายตากลับสะดุดกับสิ่งของที่วางอยู่ที่พื้น ช่อดอกไอวี่สี่ขาวที่พันด้วยริบบิ้นสีแดงสดกับซองกระดาษซองหนึ่งวางอยู่ตรงนั้น ลู่ฮานหยิบมันขึ้นมา
ไม่มีใครรู้ว่าเขาชอบดอกไอวี่
ไม่เว้นแม้กระทั่งคนรักของเขา
นั่นทำให้ลู่ฮานนึกแปลกใจ เขาหยิบช่อดอกไม้กับซองกระดาษขึ้นมาก่อนที่จะอมยิ้ม เดินไปวางช่อดอกไม้ไว้ที่โต๊ะนั่งเล่น หันมาให้ความสนใจกับซองกระดาษปริศนาซองนั้น ลู่ฮานพบว่าในซองนั้นมีโน้ตเปียโนสามแผ่นกับกระดาษแผ่นเล็กๆ แผ่นหนึ่ง และเมื่อเขาเพ่งมองดูดีๆ ก็ได้รู้ว่ามันคือโน้ตฉบับเดียวกันกับที่เซฮุนยื่นให้เขาในวันนั้น เป็นคนแปลกหน้าที่ช่างตื้อจริงๆ สินะ ลู่ฮานคิด มือไปหยิบกระดาษอีกแผ่นหนึ่งขึ้นมา ลายมือหวัดๆ ที่เขียนโย้เย้เหมือนเด็กอนุบาลนั้นทำให้เขาหัวเราะออกมา
‘อย่าลืมเอาดอกไม้ใส่แจกันหล่ะ ผมซื้อมาแพง
ปล. เรื่องโน้ต เชื่อผมสิ คุณเล่นมันได้
ไว้ผมจะรอฟังเพลงนี้นะ’
-
เสียงเปิดประตูดังขึ้น ซึ่งนั่นทำให้ลู่ฮานเดาได้ไม่ยากว่าบุคคลที่มาใหม่คือใคร คริสกลับมาแล้ว ลู่ฮานหันหน้าไปด้านหลัง เอ่ยคำถามกับคนรักที่เริ่มก้าวเข้ามาในตัวบ้าน “ทำไมนายไม่รับโทรศัพท์ฉันเลย?”
“สัญญาณมันไม่ค่อยมีน่ะ” คริสวางของฝากไว้บนโต๊ะกลม เดินตรงไปยังลู่ฮาน สวมกอดร่างที่เขาแสนคิดถึง “คิดถึงนายจัง”
“ฉันก็คิดถึงนาย” ลู่ฮานตอบเสียงอู้อี้เมื่ออีกคนสวมกอดเขาแน่นขึ้น
คริสยิ้ม สายตาเหลือบไปเห็นดอกไอวี่ที่ถูกปักใส่แจกันบนโต๊ะ
“ซื้อดอกไม้มาหรอ?”
“อืม” ลู่ฮานโกหก
“สวยดีนะ”
“แน่นอนอยู่แล้ว ฉันเลือกนี่”
คริสอมยิ้มให้กับคำตอบนั้น เขาคลายอ้อมกอดออก เดินไปหยิบของฝากที่ตั้งใจซื้อมาให้ลู่ฮานที่อยู่ตรงหน้า คริสหยิบกล่องกำมะหยี่สีดำสนิทขึ้นมา ยื่นให้ลู่ฮาน ลู่ฮานเอียงคอ “หืม?”
“เปิดดูสิ”
ลู่ฮานรับกล่องกำมะหยี่สีดำเข้ามาในมือ เปิดมันออกและพบว่าสิ่งที่อยู่ด้านในนั้นคือแหวนคู่ คริสเอื้อมมือมาหยิบแหวนที่อยู่ในกล่อง จับมือซ้ายของลู่ฮานเข้ามาใกล้ก่อนที่จะค่อยบรรจงสวมมันลงไปบนนิ้วนาง ทว่า...
แหวนวงนั้นไม่พอดีกับนิ้วนางข้างซ้ายของลู่ฮาน
“นิ้วฉันใหญ่ไปหรือเปล่า?” ลู่ฮานพูดติดตลก แต่ต้องกลับคำเมื่อเห็นสีหน้าที่ค่อนข้างผิดหวังของคนตรงหน้า “ลองอีกข้างดูไหม?” ลู่ฮานยื่นมือขวาของตนให้กับคริส
แหวนวงนั้นพอดีกับนิ้วนางด้านขวาของลู่ฮาน
มันแปลก... ลู่ฮานเริ่มสงสัย ทว่าความคิดทั้งหมดก็ต้องหยุดลงเมื่อสัมผัสอุ่นวาบสัมผัสกับหน้าผากอย่างแผ่วเบา
“เราคู่กันแล้วนะ”
คริสพูดพลางยื่นมือตนมาวางเทียบ แหวนคู่ที่ลักษณะเหมือนกันวางอยู่ในแนวขนาน ทว่าของลู่ฮานแค่สลับตำแหน่งจากซ้ายเป็นขวาเท่านั้น ลู่ฮานไม่ได้ตอบอะไร แค่ก้มหน้าลงมองกับพื้น การกระทำนั้นบ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่าลู่ฮานกำลังเขิน คริสหัวเราะในลำคอเบาๆ อย่างอารมณ์ดี โน้มหน้าเข้าหาหมายจุมพิตคนตรงหน้า
‘กฎข้อแรก เทวดาห้ามสู่สมกับมนุษย์’
เสียงของเทวดาที่เขาคุ้นเคยดังก้องในหัวนั้นทำให้คริสหยุดชะงักการกระทำทั้งหมด กาบรีเอลสินะ คริสหลับตาอยู่เพียงครู่ก่อนที่จะละใบหน้าออกท่ามกลางสายตางุนงงของลู่ฮาน
‘เห็นที...เราต้องมีวาจากันหน่อยเสียแล้ว, มิคาเอล’
ข้ารู้แล้ว...คริสนึกในใจ นึกเคืองเทวทูตที่มารบกวนเวลาของเขา ต่อมาให้ความสนใจกับลู่ฮานอีกครั้ง “อา.. บ้าจริง ฉันลืมไปว่ามีงานเข้ามากะทันหัน” คริสพูด พยายามแสร้งทำสีหน้าผิดหวังไม่ให้ลู่ฮานจับสังเกตได้
“งั้นไปเถอะ” ลู่ฮานปั้นยิ้ม พยายามทำให้คนตรงหน้าสบายใจ “ขอบคุณสำหรับแหวนวงนี้นะ”
คริสยิ้มบางๆ มือขยี้หัวคนตัวเล็กกว่าอย่างหมั่นเขี้ยว
“อืม แล้วจะรีบกลับมา” ว่าจบคริสก็ผลุนผลันออกไปในทันที ลู่ฮานไม่เคยเห็นคนรักของเขาร้อนรนขนาดนี้มาก่อน งานงั้นหรือ? ลู่ฮานคิด แปลก...แปลกมากไปแล้ว ลู่ฮานขมวดคิ้ว ทุกอย่างมันเริ่มแปลกไปหมด ลู่ฮานเริ่มคิดหาคำตอบ แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับมาคือความว่างเปล่า สุดท้ายเขาก็ได้แต่เก็บความสงสัยนั้นไว้
-
ลู่ฮานออกไปข้างนอกเพื่อหาอะไรทานในตอนกลางวัน บะหมี่ร้านโปรดคือจุดหมายของเขา เมื่อมาถึงก็พบว่าในตอนนั้นเป็นเวลาพักเที่ยง แขกจำนวนมากนั่งอยู่ในร้าน ลู่ฮานถอนหายใจ ปกติแล้วเขาไม่ค่อยชอบสถานที่ที่มีคนเยอะมากนัก ลู่ฮานชะเง้อมองหาโต๊ะว่าง และพบว่ามีโต๊ะเล็กๆ ที่อยู่ในมุมมืดของร้านว่างอยู่หนึ่งที่ ทว่ามันมีคนนั่งอยู่ด้วย
“ขอโทษนะครับ ขอนั่งด้วยได้ไหม?” ลู่ฮานเอ่ยถามบุคคลที่นั่งอยู่ แต่เมื่อได้เห็นใบหน้าที่เงยขึ้นมาก็ต้องเบ้ปากอย่างช่วยไม่ได้
“คิดค่าที่นั่งหนึ่งพันวอน” เซฮุนยิ้มกวน
ลู่ฮานกลอกตา “ฉันไปทานร้านอื่นก็ได้”
“เฮ้ ผมล้อเล่น” เซฮุนรีบเอื้อมมือไปจับข้อมือของลู่ฮาน ฉุดให้นั่งด้านตรงข้าม “นั่งสิครับ”
“ทำไมฉันต้องเจอนายตลอด”
“ไม่รู้สิ แต่ผมอยากเจอคุณนะ” เซฮุนยังคงยิ้ม
ลู่ฮานท้าวคาง “ฉันหล่ะเบื่อหน้านาย”
เซฮุนหัวเราะกับใบหน้ายู่ของคนตรงข้าม “คุณสั่งอะไรหรือยัง?”
“ฉันสั่งตรงเคาท์เตอร์เมื่อกี้แล้ว”
“ผมเพิ่งสังเกตว่าคุณใส่แหวน” เซฮุนมองตรงไปยังมือที่ท้าวคางของอีกคน “ตรงนิ้วนางด้านขวา”
“อืม แฟนฉันให้มา”
ฉับพลันที่ประโยคนั้นกล่าวจบ
แวบหนึ่งที่ลู่ฮานเห็นความเจ็บปวดในนัยน์ตาคมนั้น
“ทำไมคุณไม่ใส่ข้างซ้าย?” เซฮุนถามต่อ หลบตาลู่ฮานมองไปทางอื่น
“เออใช่ นายว่ามันตลกไหม” ลู่ฮานว่าพลางหัวเราะ “ฉันใส่ข้างซ้ายไม่ได้ แต่ใส่ข้างขวาได้ จะว่านิ้วฉันไม่เท่ากันมันก็ไม่ใช่ เพราะแหวนวงอื่นฉันยังใส่มันได้ทั้งสองข้างเลย”
“บางทีนิ้วข้างซ้ายของคุณอาจจะไม่อยากใส่มันก็ได้นะ”
“?”
“ผมหมายถึง บางทีนิ้วนางข้างซ้ายของคุณอาจจะมีเจ้าของอยู่แล้วก็ได้”
“นายล้อฉันเล่น?” ลู่ฮานต่อยไปที่ไหล่อีกคนเบาๆ “พิลึกจริง”
“ฮ่าๆ ผมพูดจริงนะ” เซฮุนว่าด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง “นิ้วนางข้างซ้ายมีเส้นเลือดที่เชื่อมต่อกับหัวใจ”
“…”
“คุณอาจจะเคยใส่แหวนของคนที่คุณรักตรงนิ้วนางข้างซ้ายก็ได้”
“แต่ฉันมีแฟนแล้ว” ลู่ฮานแย้ง “แล้วฉันก็รักแฟนของฉันด้วย”
เซฮุนชะงักไปชั่วครู่ ประโยคนั้นเปรียบเสมือนมีดคมที่เข้ากรีดหัวใจของเขา หัวใจสีดำของคนบาปที่ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้เต้นอยู่แต่ทว่ามันกลับรู้สึกเจ็บจนด้านชา
นิ้วนางด้านซ้ายของลู่ฮานเคยสวมแหวนของเซฮุน
ที่ตรงนั้นเคยเป็นที่ของเขา…
ที่ตรงข้างๆ ลู่ฮานเคยมีเซฮุนยืนอยู่เคียงข้าง
แต่ในตอนนี้...มันกลับไม่ใช่ที่ของเซฮุนอีกต่อไป
“คุณอาจจะเคยรักใครมาก่อนแฟนของคุณ” เซฮุนพูดต่อ พยายามควบคุมน้ำเสียงของตัวเองไม่ให้สั่น ลู่ฮานนิ่งเงียบ รู้สึกได้ถึงบางอย่างที่เขาไม่สามารถนึกมันออก บางอย่างที่เขาพยายามรื้อฟื้นหากทว่าหัวของเขากลับต่อต้าน บางอย่างที่เขายังคงหาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้
“แต่คุณแค่...”
เซฮุนเว้นช่วง มองคนตรงหน้าด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึก เซฮุนรีบเบนสายตาหลบเมื่อลู่ฮานจ้องมองมาที่เขาด้วยแววตาสงสัย
เซฮุนไม่อยากให้ลู่ฮานเห็นความเจ็บปวดของเขา
“คุณแค่ลืมเขาไปเท่านั้น”
มื้อเที่ยงจบลงโดยใช้เวลาไม่นานมากนัก หลังจากที่อาหารได้ถูกยกมาเสิร์ฟก็ไม่มีบทสนทนาอะไรต่อจากนั้นอีก ทุกอย่างมันเงียบจนน่าอึดอัด เซฮุนกับลู่ฮานทำแค่เพียงรีบทานอาหารในชามให้หมดๆ ไป ในตอนนี้พวกเขาทั้งสองคนกำลังเดินไปตามทางถนนโล่งๆ ในสวนสาธารณะ
“คุณอยากไปไหนต่อไหม?”
เซฮุนถามขึ้นขณะที่ลู่ฮานกำลังมองทิวทัศน์รอบๆ ลู่ฮานละสายตา เงยหน้าหันมามองคนที่สูงกว่า
“ไม่รู้สิ” ลู่ฮานทำท่าครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง “นายไม่ทำงานหรือไง?”
“ทำสิ แล้วคุณหล่ะ?”
“ทำอยู่แล้ว แต่ตอนนี้เป็นวันหยุด”
“อ่อ” เซฮุนขานรับ “จริงสิ งั้นไปที่นี่กันไหม?”
“?”
“ไปที่ทำงานผมกัน”
-
ลู่ฮานมองไปรอบๆ สถานที่ที่ได้ชื่อว่าเป็นที่ทำงานของเซฮุน สถานที่ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสตูดิโอวาดรูป ภายในห้องมีรูปภาพต่างๆ ถูกแขวนอยู่รอบทุกทิศ ผนังในตัวห้องเป็นสีขาวทั้ง ขวดสีและพู่กันหลายขนาดถูกวางอย่างเป็นระเบียบอยู่ในตู้ที่ด้านซ้าย หนังสือจำนวนหนึ่งถูกจัดวางเรียงอยู่ในตู้ขนาดใหญ่ตรงด้านขวา รวมทั้งขาตั้งเพื่อใช้เป็นที่วางรูปวางอยู่ตรงมุมห้อง ทั้งๆ ที่ในห้องนี้ไม่ได้มีอะไรพิเศษเลยแม้แต่น้อย ทว่ามันกลับมีบรรยากาศที่ให้ความอบอุ่นอย่างน่าประหลาด และลู่ฮานยอมรับว่าเขาชอบที่นี่มาก
ลู่ฮานเดินเข้าไปเพ่งมองแต่ละรูป รูปธรรมชาติในที่ต่างๆ นั้นทำให้เขารู้สึกชื่นชมศิลปินที่สรรสร้างภาพนี้ขึ้นมา รูปดวงอาทิตย์ที่กำลังลับขอบฟ้า รูปน้ำตกท่ามกลางต้นไม้ใหญ่ รูปท้องฟ้าที่เป็นลักษณะรูปต่างๆ ลู่ฮานยิ้มเมื่อมองภาพเหล่านั้นจนหมด
“คุณชอบหรอ?”
“อืม” ลู่ฮานว่าพลางจ้องมองไปที่รูปก้อนเมฆ “ฉันอยากรู้จังว่าสวรรค์จะสวยแบบนี้ไหม”
เซฮุนชำเลืองมองไปด้านข้างในแวบหนึ่ง ก่อนที่จะเพ่งสายตามาที่รูป “มันสวยมากเลยหล่ะ”
“เหรอ” ลู่ฮานยิ้ม ยังคงจดจ้องพิจารณารูปนั้นต่อ “มันคงดีถ้าตายไปแล้วได้ขึ้นสวรรค์”
“คุณอาจจะเคยไปที่นั่นมาแล้วก็ได้”
“งั้นฉันก็น่าจะจำได้สิ”
เซฮุนหัวเราะ “คุณจำมันไม่ได้หรอก”
“ฉันความจำดีจะตาย” ลู่ฮานย้อน
“ไม่มีทาง เพราะทุกครั้งที่คุณเกิดใหม่ คุณจะเหมือนโดนลบความทรงจำ” เซฮุนว่าต่อเมื่อเห็นแววตางุนงงของลู่ฮานที่ส่งมายังเขา “ผมอ่านมาจากหนังสือ”
“นายชอบอ่านหนังสือ?” ลู่ฮานถามเมื่อเห็นหนังสือที่อยู่ในชั้น มันมีจำนวนมากพอสมควร
“มันก็สนุกดี เพราะมันเป็นอย่างเดียวที่พอฆ่าเวลาได้” เซฮุนตอบ
“นายไม่ชอบดูหนังหรอ?”
“ดูหนังหรอ.. อืม” เซฮุนทำท่าครุ่นคิด “ผมจำได้ว่าครั้งล่าสุดที่ผมดูมันเป็นสีขาวดำ”
“หา?” ลู่ฮานทำหน้าอึ้ง “นี่นายอายุเท่าไหร่กันแน่เนี่ย?”
เซฮุนยิ้มเผล่ “ทายสิ”
“25?”
“ผิด”
“28?”
“ผิด”
ลู่ฮานถอนหายใจ ที่จริงแล้วจำนวนเลขอายุน่าจะมากกว่านี้ แต่คนตรงหน้าก็ยังดูหนุ่มเสียจนเขาคาดเดาไม่ถูก “ฉันยอม ตอบมา”
“ขอผมนึกแปป” เซฮุนยิ้มกวน “น่าจะสักประมาน... หนึ่งพันกว่าขวบได้”
ลู่ฮานกลอกตา “นายจะกวนฉันอีกนานไหม”
เซฮุนหัวเราะเมื่อเห็นท่าทางของอีกฝ่าย “ผมล้อเล่น”
ลู่ฮานเบ้ปาก ก้าวเดินหนีเซฮุนไปยังอีกห้องที่อยู่ถัดไป ภายในห้องมีเฟอร์นิเจอร์โต๊ะกับเก้าอี้หนึ่งชุดตรงริมหน้าต่าง โทนสีในห้องนี้เป็นสีเทา มีหนังสือจำนวนสองสามเล่มวางอยู่บนตู้เตี้ยๆ ที่อยู่ด้านข้าง ทว่าสิ่งที่โดดเด่นที่สุดคือแกรนด์เปียโนที่ตั้งอยู่กลางห้อง
เซฮุนเดินตามมาก่อนที่จะยืนพิงประตู มองดูภาพของลู่ฮานที่เดินไปรอบๆ ห้อง หยิบจับสิ่งของแปลกตาขึ้นมาดูอย่างนึกสนใจ
‘นี่มันคืออะไรเหรอ?’
‘เมโทรนอมไง เครื่องนับจังหวะ เป็นเครื่องมือสังหารพวกเล่นไม่ตรงจังหวะแบบคุณ’
‘ย่าห์! ฉันว่านายต่างหากที่เล่นไม่ตรงจังหวะ’
เซฮุนหัวเราะเบาๆ เมื่อเสียงในอดีตแวบกลับเข้ามาในหัวของเขาอีกครั้ง คิดถึง... เซฮุนคิดถึงช่วงเวลานั้น แต่เขารู้ดี...รู้ว่ามันไม่สามารถย้อนกลับไปได้ ลู่ฮานหันกลับมามองทางเซฮุนเมื่อเห็นว่าอีกคนยังคงจ้องมาทางเขา เซฮุนจ้องลึกไปในดวงตากลมโตของลู่ฮาน มันทำให้เซฮุนนึกถึงเหตุการณ์บางอย่าง
“เล่นเพลงให้ผมฟังหน่อยสิ” เซฮุนพูด ก้าวเข้ามาในห้อง
“ฉันเล่นไม่เป็น”
“ลองก่อนสิ”
เซฮุนเดินไปหาลู่ฮาน จับมืออีกคนให้เดินมานั่งตรงที่เก้าอี้ด้วยกัน เซฮุนวางมือของตนลงไปที่แป้นเปียโนพร้อมกับพยักพเยิดให้อีกคนทำตาม ลู่ฮานจึงต้องวางมือของตนตามลงไป
“คุณเอาโน้ตมาไหม?”
“ไม่ได้เอามา”
“อืม ผมพอจำได้ว่ามันเริ่มด้วยบีแฟล็ต”
เซฮุนว่าก่อนที่นิ้วจะกดไปตามคีย์เสียง ลู่ฮานมองอยู่เพียงครู่ก่อนที่จะกดลงตาม พวกเขาทั้งสองคนนั่งเล่นอยู่อย่างนั้นไปเรื่อยๆ เสียงโน้ตดนตรีที่ถูกดีดลอยอบอวลอยู่ทั่วบริเวณในห้องนั้น มันใช้เวลาไม่นานลู่ฮานก็เล่นไปได้ครึ่งเพลง เซฮุนยิ้มเมื่อมองคนด้านข้างที่พยายามกดไล่เสียงไปตามแป้นคีย์
“มันไม่ยากอย่างที่คิด” ลู่ฮานยังคงไล่ตัวโน้ตไปตามแป้นเปียโน
“มันเป็นความเคยชิน” เซฮุนหันไปมองลู่ฮาน “หรือจะพูดว่าคุณเคยเล่นมันมาก่อนในชาติที่แล้ว”
“นายชอบพูดอะไรแปลกๆ นะ” ลู่ฮานหัวเราะออกมา คนด้านข้างของเขาชอบพูดประโยคที่ผู้คนส่วนมากไม่ค่อยพูดถึง ทว่าในอีกทางเขากลับชอบที่จะฟังเรื่องราวแปลกประหลาดเหล่านี้
เซฮุนยักไหล่ “ก็เหมือนบีโธเฟ่นและโมซาร์ท พวกเขาเล่นเปียโนมาหลายสิบชาติเลยหล่ะ”
“แต่ฉันไม่ได้เล่นเก่งขนาดนั้น”
“ก็คุณเพิ่งหัดเล่นมาประมานสามชาติเองนี่” เซฮุนยิ้มกวน
“แล้วคนเก่งแบบนายเล่นมาประมานกี่ชาติแล้วหล่ะ?” ลู่ฮานกล่าวติดตลก ชกไหล่คนด้านข้างเบาๆ
“ก็ประมานยุคบาโรก” เซฮุนทำท่าคิด ทำท่าเหมือนชูดาบ “ช่วงสงครามโลก”
“นายนี่มัน...” ลู่ฮานหัวเราะลั่นให้กับมุขฝืดๆ ของเซฮุน พวกเขาทั้งสองคนหัวเราะและผลัดกันเล่นเพลงต่างๆ อยู่อย่างนั้น จนกระทั่งแสงอาทิตย์ที่เริ่มหายไป เช่นเดียวกันกับห้องที่เริ่มมืดลงเรื่อยๆ สิ่งนั่นบ่งบอกได้ว่าในตอนนี้เริ่มเข้าสู่ช่วงพลบเย็น
“คุณควรจะกลับบ้านได้แล้วหล่ะ” เซฮุนพูดพลางลุกขึ้น ปิดฝาแป้นเปียโนลง “เดี๋ยวผมไปส่ง”
ลู่ฮานพยักหน้า ไม่มีบทสนทนาอะไรต่อจากนั้น เซฮุนเลือกที่จะขับรถมาส่งลู่ฮานที่บ้าน ในระหว่างทางกลับเซฮุนได้แต่ชำเลืองมองคนด้านข้าง เขาคิดจะพูดอะไรบางอย่างออกไป แต่ไม่...เพื่อความปลอดภัยของลู่ฮานเอง เซฮุนคิด ในใจด้านหนึ่งเขาก็อยากที่จะคว้าตัวของลู่ฮานเข้ามากอดแน่นๆ แล้วบอกว่าเขาคิดถึง เขารักลู่ฮานมากเพียงใด แต่สุดท้าย...เซฮุนก็ทำได้แค่เพียงให้ความสนใจกับถนนด้านหน้า ปล่อยให้เวลานั้นผ่านไปเรื่อยๆ แม้จะรู้ดีว่าตัวของเขาเหลือเวลาอีกไม่มากก็ตามที
เซฮุนทำได้แค่นั้น
-
“ขอบใจที่มาส่งนะ”
ลู่ฮานพูด ปลดเข็มขัดนิรภัยออกก่อนที่จะโบกมือลาเซฮุน เซฮุนอมยิ้ม โบกมือให้ลู่ฮานกลับ เฝ้ามองจนกระทั่งลู่ฮานได้เดินเข้าบ้าน มองไปยังตรงประตูอยู่สักพักก่อนที่จะออกรถ ขับออกไปไกลเรื่อยๆ โดยไม่ได้หันหลังกลับมามองอะไรอีก ใช่...เขาควรทำแบบนั้น เซฮุนคิด ไม่เช่นนั้นเขาอาจที่จะวิ่งออกจากรถเพื่อกลับไปหาลู่ฮาน และสิ่งนั้นมันไม่ถูกต้อง ทว่า...
เซฮุนไม่มีทางได้เห็นว่าลู่ฮานนั้นยืนมองเขาจากอีกด้านในตัวบ้าน ลู่ฮานมองรถสีดำสนิทที่แล่นไปตามถนน ไกลขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งลับตาหายไป ภาพที่เห็นทำให้ลู่ฮานรู้สึกว้าเหว่และโดดเดี่ยวแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน รู้สึกสังหรณ์ใจว่าเซฮุนจะไม่กลับมาหาเขาอีก
ลู่ฮานรู้สึกว่าเซฮุนได้จากเขาไปในที่ที่แสนไกล
ไปในที่ที่เขา...ไม่สามารถเอื้อมถึง
ความคิดเห็น