ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    มหาหงส์ [YAOI]

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ ๒ : หงส์ปีกหัก

    • อัปเดตล่าสุด 4 ก.พ. 55


     บทที่ ๒

     

    โอ้เจ้าหงส์ฟ้าเอย แสนงาม

    เหตุไฉนถึงทรามทำตัวเย่อหยิ่งหนักหนา

    อวดเป็นหงส์ทอง ลอยล่องฟ้า

    เหยียดหยามปักษาพวกเดียวกันว่าต่ำเพียงดิน

     

    อย่าหยิ่งนักเลยนะเจ้า พลาดพลั้งจะเหงา

    ซบเซาเศร้าทรวงเอง *

     

               

                เมื่อเหลือเขาอยู่เพียงคนเดียวในห้องกว้าง  คนึงถอนใจพรูขณะเดินไปเปิดหน้าต่างตรงหัวเตียง  ลมเย็นฉ่ำพัดพากลิ่นหอมเย็นของดอกมหาหงส์มาด้วย  ชายหนุ่มเผลอสูดเข้าไปเต็มปอด  ดวงตาคมกล้าแหงนมองดวงดาวพริบพราวเบื้องบน  ป่านนี้คนรักของเขาจะเงียบเหงาอ้างว้างอยู่ ณ ดาวดวงใดกัน

                ยิ่งคิดยิ่งชอกช้ำ  ร่างคนรักของเขาเพิ่งเป็นเถ้าธุลีไปเมื่อวาน  พอมาวันนี้  เพียงเพราะการมาถึงของเด็กหนุ่มผู้จองหองคนนึง  ก็ทำให้ทุกคนสนุกสนานร่าเริง  ต้อนรับกันอย่างครึกครื้นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  เหมือนการตายของคนรักของเขาไร้ค่าไม่ต่างอะไรกับดอกไม้ดอกหนึ่งที่ร่วงหล่นจากต้น

                อาจารย์หนุ่มหันกลับมามองไปรอบห้อง  เดิมชั้นหนังสือนี้เคยตั้งอยู่ชิดริมผนังจนกระทั่งจินดาจากไปและเขาต้องจัดห้องใหม่ต้อนรับหม่อมราชวงศ์เลอมาน  โต๊ะเขียนหนังสือ  หรือแม้กระทั่งเตียงนอนล้วนเป็นสิ่งที่จินดาเคยใช้  ยิ่งมองยิ่งชวนระโหยไห้

                ลมพัดมาซู่ใหญ่จนผ้าม่านปลิว  เสียงหรีดหริ่งระงมเงียบกริบ  พริบตานั้นคนึงได้ยินเสียงฝนกระหน่ำลั่นอยู่ในอก 

                ไม่เคยอดทนถมเถื่อนขึ้นกั้นได้

                คืนนี้ความทรงจำคงหลากไหลท่วมท้นอีกแล้ว

     

    ***********************

     

                นั่นใคร!”  เลอมานร้องถามลั่นก่อนวิ่งไปฉวยเสื้อคลุมมาปิดร่างเปลือยเปล่า  ดวงตาคมวาวจ้องผู้บุกรุกอย่างเอาเรื่อง 

     

                จ้อย สันติและสง่าในผ้าขาวม้ายืนตะลึงอ้าปากค้าง  สง่านั้นถึงขั้นทำขันน้ำในมือร่วงกระทบพื้น  เสียงเคร้งดังลั่นเตือนสติทั้งสามให้หันหลังขวับพร้อมกัน      

                เสียมารยาท!  ไม่รู้หรือไงว่าฉันอาบอยู่!” เลอมานน้ำเสียงพร่าไปด้วยความโกรธ  เร่งร้อนใส่เสื้อคลุมไหมด้วยมือสั่นเทา 

                ขอโทษครับคุณชายจ้อยเอ่ยทั้งที่ยังหันหลังให้ ที่นี่เป็นห้องน้ำรวม  พวกเราไม่รู้จริงๆว่าคุณชายอาบอยู่ คือ..

                ยังไม่ทันพูดจบ  เด็กหนุ่มผู้สูงศักดิ์ก็เดินลิ่วๆผ่านหน้าออกไป  ทิ้งให้ทั้งสามยืนเซ่ออยู่กับความเงียบงัน

                ....................

     

                ขาวว่ะสง่าพูดเหมือนเพ้อ  สายตายังมองตามร่างที่เพิ่งเดินจากไป

                อะไรขาวสันติถามพาซื่อ

                ทั้งตัวเลย

                อืม..เด็กหนุ่มร่างผอมสูงขยับแว่นตาพลางพยักหน้า  ก่อนสะดุ้งตั้งสติได้ เฮ้ย ไอ้บ้านี่ ผู้ชายเหมือนกันแท้ๆ  โอยๆ..เห็นทีตาจะเป็นกุ้งยิงแน่       

                เพื่อนทั้งสองหันไปเตรียมอาบน้ำอาบท่า  ในขณะที่จ้อยได้แต่ส่ายหน้าด้วยความเป็นห่วงอาจารย์ฝึกสอนคนใหม่นัก

     

                ไอ้แช่ม!”  หม่อมราชวงศ์หนุ่มเรียกลั่นเมื่อออกมาหน้าโรงอาบน้ำ  แล้วให้นึกฉงนนักเมื่อไม่เห็นบ่าวยืนเฝ้าอยู่ตามที่สั่ง

                ไอ้แช่ม  ไปมุดหัวอยู่ที่ไหน!  ไอ้แช่ม!!” คำนำหน้าชื่อเปลี่ยนไปจากที่เคยด้วยโทสะ  แต่เรียกไปก็ป่วยการเปล่า  ไม่มีแม้เงาของนายแช่ม  เขาจึงตัดใจเดินกลับบ้านพักเพียงลำพังอย่างกระฟัดกระเฟียด    

     

              ลูกหมาตกน้ำ

                คนึงคิดในใจทันทีที่เห็นสารรูปเด็กหนุ่มที่เดินเนื้อตัวเปียกซ่กเข้าห้องมา  อาการเดินลงส้นและปิดประตูเสียงดังอย่างไร้มารยาทบ่งบอกได้ดีว่าเจ้าตัวอยู่ในอารมณ์ใด  

                แต่กระนั้นเขาก็เพียงเงยหน้าจากงานขึ้นมองด้วยสายตาเย็นชา  เมื่ออีกฝ่ายมายืนอยู่ริมชั้นหนังสือกั้นอาณาเขต  กระชากเสียงเรียกเขาห้วนๆ

                คุณ!” ร่างโปร่งหอบหนัก ดูไม่ออกว่าเพราะเหนื่อยหรือโกรธ มีห้องน้ำอื่นอีกไหม!”

                อาจารย์หนุ่มเหยียดมุมปากอย่างจะหยัน  ถอดแว่นที่มักใส่ประจำเวลาตรวจงานหรืออ่านหนังสือ  ดวงตาคมสำรวจฝ่ายตรงข้ามหัวจรดเท้า ผมสีน้ำตาลเรียบลู่มีฟองสบู่ไหลย้อยจนเจ้าตัวต้องคอยใช้หลังมือปาดออก  ทั้งร่างเปียกโชกจนเสื้อคลุมไหมสีน้ำเงินแนบเนื้อตัดกับผิวขาวจัด  ริมฝีปากแดงที่กระทบกันดังกึกๆ 

                คุณชายผู้จองหองต้องมาอยู่ในสารรูปนี้  สมน้ำหน้าแล้ว

     

                ไม่มีคนึงตอบไม่ยี่หระ ทำไม  อาบไม่ได้หรือไง

                มีคนอื่นอาบอยู่นี่

                แล้วอาบรวมกับคนอื่นไม่ได้หรือ

                ไม่ได้!”

                 

                ชายหนุ่มถอนใจหนักๆด้วยความรำคาญ  ก่อนลุกขึ้นยืนแล้วหันไปหยิบของบางอย่างจากตู้เสื้อผ้าส่งให้

                อะไรหม่อมราชวงศ์หนุ่มถาม  มองผืนผ้าพับลายตารางในมือใหญ่ด้วยความไม่เข้าใจ

                ผ้าขาวม้าไง  ไม่รู้จักหรือใบหน้าหล่อคมเลิกคิ้วถามเมื่อเห็นอีกฝ่ายยืนนิ่ง อยู่ที่นี่ต้องหัดอาบน้ำแต่งตัวในที่สาธารณะ  ผ้าขาวม้านี่จะขาดเสียไม่ได้  เอาไปเลยผมให้  นุ่งซะแล้วลงไปอาบที่ตุ่มหัวบันไดก็ได้

                เด็กหนุ่มสูงศักดิ์กัดริมฝีปากนิ่ง  ไม่ยอมยื่นมือมารับเสียที  คนึงจึงชักกลับทำท่าเหมือนจะเอาไปเก็บ หรือจะไม่อาบก็ตามใจ  ปล่อยให้สบู่คาหัวอยู่แบบนั้นแหละ  พรุ่งนี้ผมร่วงหมดหัวอย่ามาโทษผมก็แล้วกัน

                คำขู่นั้นได้ผล  เมื่อร่างโปร่งบางถลันมาฉวยผ้าขาวม้าไปถือไว้  แล้วเดินกลับไปยังฝั่งตัวเอง  คนึงหัวเราะขึ้นจมูก ทั้งขันทั้งหยัน  ก่อนจะกลับไปนั่งที่โต๊ะตามเดิม  แล้วไม่นานนัก  เขาก็ได้เห็นเด็กหนุ่มตัวขาวในผ้าขาวม้าผืนเดียวเดินไปยังประตู

                เดี๋ยว..คนึงเรียกไว้  พลางลุกขึ้นเดินไปหา

                อะไรใบหน้างามหวานหันขวับ  กระชากเสียงห้วนอย่างรำคาญ  ถอยหลังออกอย่างไว้ตัวเมื่อร่างสูงเดินเข้ามาใกล้  สายตาคมวาวที่จ้องท่อนล่างของเขาชวนให้อึดอัดนัก  ฉับพลันนั้นร่างโปร่งก็สะดุ้งโหยงเมื่อมือใหญ่ฉวยปมผ้าของเขาไว้

                ทำอะไรน่ะ! ปล่อย!”  ร่างเล็กขู่ฟ่อเหมือนลูกแมวระแวง  มือบางพยายามยื้อยุด 

                นุ่งแบบนี้โดนน้ำสองขันก็หลุดแล้วน้ำเสียงและดวงตาเรียบนิ่งตรึงให้เขายืนอึ้งอยู่กับที่ยามมือใหญ่นั้นมัดปมผ้าให้ใหม่จนแน่นขึ้น  เอ้า.. อาบให้ดีๆล่ะ เกิดทำผ้าหลุดขึ้นมา ใครมาเห็นเข้าเขาจะนึกว่าเปรต

                เปรต?” คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่น  อะไรคือเปรต?”

                อาจารย์หนุ่มเพียงหัวเราะในลำคอก่อนหันหลังจากไป  ทิ้งให้เขาลงส้นออกจากห้องไปด้วยความฉุนเฉียวยิ่งนัก 

     

                คืนเดือนมืดดาวพราวพร่าง  เสียงหรีดหริ่งเรไรร้องระงม  แต่หม่อมราชวงศ์หนุ่มไม่มีกะใจมาชื่นชมด้วยกำลังตักน้ำในตุ่มขึ้นราดหัวโครมๆ อย่างรีบเร่ง 

                บ้านป่าเมืองเถื่อนแท้ๆ  เด็กหนุ่มคิด..

                ถ้าตอนนี้เขาอยู่ที่บ้านในกรุงลอนดอนละก็.. อย่าว่าแต่บ้าน  แม้โรงเรียนกินนอนของเขาก็ยังมีสภาพดีกว่าที่นี่  มีห้องน้ำสะอาดมิดชิด  มีฝักบัว  มีอ่างอาบน้ำ  มีน้ำอุ่น  มีโทรทัศน์  มีวิทยุ  มีแสงไฟสว่างไสว  ไม่ทุรกันดารมืดมนเหมือนที่นี่ 

                มือบางยกขึ้นลูบไล่หยดน้ำจากใบหน้า  นึกทุเรศตัวเองนัก  ถ้าท่านพ่อไม่บังคับละก็  เขาไม่มีทางมาเหยียบที่แผ่นดินนี้เด็ดขาด  ไร้ความเจริญ  ไร้ความศิวิไลซ์  ผู้คนหรือก็แปลกประหลาด

     

                ยังไม่ทันครบวัน  เขาก็ทนอยู่ที่นี่แทบไม่ได้เสียแล้ว  แล้วอีก ๑ ปีข้างหน้าเล่าจะเป็นอย่างไร

                เด็กหนุ่มสลัดความคิดว้าวุ่นในหัว  คว้าเสื้อคลุมขึ้นมาใส่แล้วผลัดผ้าขาวม้าเปียกๆออกวางกองไว้กับพื้น 

     

                พลันกลิ่นหอมประหลาดก็โชยรื่นกระทบนาสิก

     

                กลิ่นนั้นไม่หอมหวานเหมือนกลิ่นลิลลี่  ไม่ได้หอมยวนใจเหมือนกลิ่นกุหลาบ  แต่เป็นกลิ่นดอกไม้ที่หอมเย็นสะอาดใสและแสนอ่อนโยน 

                เขาพยายามหาที่มาของกลิ่นหอม  ซึ่งก็หาได้ไม่ยากนัก

                ข้างตุ่มมีต้นไม้ที่เขาไม่เคยเห็นขึ้นเป็นกอหนาแน่น  แต่ละยอดกอเต็มไปด้วยดอกสีขาวชูช่อสลอน  รูปทรงเหมือนผีเสื้อกางปีกโผบิน  กลิ่นนั้นเล่าหอมซึ้งตรึงใจนัก  เลอมานจึงถือวิสาสะเดินเข้าไปใกล้ๆ  สัมผัสกลีบบอบบางอย่างชื่นชม 

                ประทับใจเสียจนเด็ดติดมือขึ้นมาดอกหนึ่ง 

                น่าประหลาดนัก.. ที่ดอกไม้ธรรมดาเพียงดอกเดียวสามารถจุดรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้าที่บูดบึ้งมาทั้งวันของเขาได้อย่างง่ายดาย

                  

                คนึงยังนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน  เมื่อหม่อมราชวงศ์เลอมานกลับเข้ามาในห้องพร้อมกลิ่นหอมที่เคยคุ้น  และเมื่อหันไปดูก็จริงดังคาด  เจ้าของใบหน้าหวานฮัมเพลงหงุงหงิงอย่างอารมณ์ดี

                ในมือมีดอกมหาหงส์คลอเคลียอยู่ใต้จมูก!

     

                หยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เสียงเข้มตวาดก้องจนร่างโปร่งชะงัก  ตกตะลึงยามร่างสูงใหญ่ก้าวอาดๆมาหาจนเรือนสะเทือน ไปเอาดอกไม้นี่มาจากไหน 

                ข้างล่างเลอมานตอบด้วยดวงตาฉงน  ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธเมื่ออีกฝ่ายตวาดก้อง

                กล้าดียังไงมาเด็ดดอกไม้ของผม!  ไม่มีมารยาท!!”

                ฟางเส้นสุดท้ายฟาดลงมากลางใจ  ตั้งแต่พบหน้ากัน  เขากับอาจารย์บ้านนอกคนนี้ไม่เคยพูดกันด้วยไมตรีเลยสักครั้ง  ไหนจะเสียมารยาทใส่ชุดไว้ทุกข์ไปรับ  และกี่ครั้งแล้วที่บังอาจตะคอกใส่หน้าเขา

                กะอีแค่ดอกไม้  หวงด้วยหรือเขาเชิดหน้าท้าทาย  ซ่อนดอกไม้ไว้ข้างหลังเมื่อมือใหญ่พยายามแย่งคืน  ความจริงเขาจะคืนให้ดีๆก็ย่อมได้  แต่ในเมื่ออีกฝ่ายอยากมาหยามเกียรติเขาก่อน..

                อยากได้ก็เอาคืนไปสิ้นคำพูดนั้น  มือเรียวเขวี้ยงดอกไม้บอบบางลงกับพื้น  คนึงตะลึงตาค้าง  ความตะลึงแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธถึงขีดสุดเมื่อหม่อมราชวงศ์หนุ่มซ้ำรอยเท้าตนตามลงไป  บดขยี้..

                วินาทีนั้น  ชายหนุ่มรู้สึกราวหัวใจตนถูกเหยียบย่ำเหมือนดอกมหาหงส์ดอกนั้น

     

                ดอกไม้ของจินดา  ดอกไม้ของคนรักของเขา  ดอกไม้ที่พวกเขาร่วมกันทะนุถนอมปลูกและเฝ้ามองมันออกดอกเบ่งบาน  ขณะนี้กำลังแหลกสลายอยู่ใต้ฝ่าเท้าเด็กหนุ่มชั้นสูงแต่จิตใจต่ำทรามคนหนึ่ง      

               

                ราวกับลืมตนไปชั่วขณะว่าเป็นครูอาจารย์  เป็นมนุษย์จำพวกที่ควรระงับอารมณ์โกรธได้ดีว่าใครๆ  แต่เมื่อเส้นความอดกลั้นขาดผึง  ร่างสูงใหญ่ถลันไปผลักอกคนตัวเล็กกว่าอย่างแรงจนเซ  ไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะอยู่ในฐานะใด

                คุณ!!” ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนวาวโรจน์อย่างเอาเรื่อง  แผ่นอกบางหอบหนัก  มันจะมากเกินไปแล้วนะ!” 

                ยังไม่ทันที่การทะเลาะเบาะแว้งจะบานปลายกว่านั้น  นายแช่มก็วิ่งกระหืดกระหอบเปิดประตูเข้ามาทันห้ามทัพพอดี

     

                เสียงนายตะคอกถามบ่าวว่าหายหัวไปไหนมา..

                เสียงบ่าวละล่ำละลักแก้ตัวว่าไปเข้าส้วม..

                เสียงอาจารย์หลายคนข้างนอกมาเคาะประตูถามว่าเกิดอะไรขึ้น..

     

                ทุกเสียงล้วนผ่านหูเขาไปเหมือนสายลมพัด  ร่างสูงย่อตัวลงเก็บดอกมหาหงส์ที่บอบช้ำแหลกสลายไว้ในอุ้งมืออย่างทะนุถนอม  ดูเอาเถิด.. กลีบช้ำถึงปานนี้  แต่กลิ่นนั้นยังหอมซึ้งนัก..

                อย่ามาแตะต้องดอกไม้ของผมอีก

                เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง  ก่อนค่อยๆพามันออกมาจากความวุ่นวายสับสน  ผ่านกลุ่มอาจารย์ที่ยืนมุงหน้าห้อง  เมื่อลงบันได  เสียงของคนที่เขาหมายหัวว่าจะจงเกลียดจงชังชั่วชีวิตก็แว่วมาให้ได้ยิน

                เจ้าครูบ้านนอกนั่น  คิดว่าตัวเองเป็นใครกัน  ท่าทางคงไม่อยากเป็นครูอยู่โรงเรียนนี้เสียแล้ว  คอยดูเถอะไอ้แช่มรับรองหมอนั่นเดือดร้อนแน่

                คนึงยิ้มหยันให้กับคำพูดนั้น  ขณะเดินตรงไปยังท่าน้ำ  ค่อยๆวางเจ้าดอกสีขาวลงบนผืนน้ำอย่างอ่อนโยน  เฝ้ามองสายน้ำพัดพามันไปอย่างสงบนิ่ง 

                สายตาคมกล้าหันมองไปยังหน้าต่างห้องพักตนที่ยังเปิดไฟสว่างนวล  ริมฝีปากได้รูปหยักยิ้มเหยียดหยัน

     

              ใครกันแน่ที่จะเดือดร้อน  หม่อมราชวงศ์เลอมาน บูรพวงศ์!

               

    ********************

     

                ฟ้ายังมืด  เสียงระฆังตีห้าครั้งดังแว่วมาจากวัดใกล้เคียง  ผสมกับเสียงไก่โก่งคอขัน  ปลุกคนึงให้ตื่นนอนตามความเคยชิน  เขาคว้าผ้าขนหนูพาดบ่าเตรียมไปล้างหน้าล้างตา  พอหันมองไปอีกฝั่งห้อง  เห็นนายแช่มกำลังม้วนเสื่อที่ตนปูนอนปลายเตียงนายอย่างขะมักเขม้น 

                อรุณสวัสดิ์นายแช่ม  ตื่นเช้าจริง

                อ้าวอาจารย์ อรุณสวัสดิ์ขะรับบ่าวหัวยุ่งยิ้มทัก  ก่อนลดเสียงลงเป็นกระซิบ เรื่องเมื่อคืน อาจารย์อย่าโกรธคุณชายเลยนะ  คุณชายอาจเอาแต่ใจตัวเองไปหน่อย แต่จริงๆก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรหรอก

                ชายหนุ่มหัวเราะหึในคอ  หันมองคนที่ ไม่ได้เลวร้ายอะไรที่ยังนอนหลับอุตุอยู่บนเตียง  แล้วเดินออกจากห้องไป

     

                อาจารย์หนุ่มเปลี่ยนเสื้อผ้าจากเสื้อกุยเฮงกางเกงแพรที่ใส่ตอนนอนเป็นเสื้อยืดกางเกงขาสั้น  นั่งจิบกาแฟอยู่กับเพื่อนอาจารย์ ๓ คนที่ห้องนั่งเล่น 

                คิดถึงจินดานะอาจารย์ประพนธ์เอ่ยเปิดประเด็นเล่นเอาเขาใจวูบ 

                ผมชงกาแฟเองไม่ได้เรื่องเลย  จินดาชงอร่อยกว่าเยอะ  ผมถึงชอบให้เขาชงให้อาจารย์วิรัชยกกาแฟขึ้นจิบแล้วส่ายหน้า 

                แล้วก็จะทำขนมเล็กๆน้อยๆมาแกล้มด้วย

                ช่างสรรหาดอกไม้มาปลูก  เขามือเย็นนะปลูกอะไรก็งาม  สงสารแต่ดอกไม้พวกนี้  ต่อไปใครจะดูแล

                น่าเสียดาย  คนดีๆไม่น่าอายุสั้นเลย 

                อาจารย์คนึงล่ะว่าไง  คุณสนิทกับเขาไม่ใช่หรืออาจารย์วิรัชหันมาถามเมื่อเห็นเขาเอาแต่นิ่งเงียบ  คนึงกลับตอบคำถามนั้นด้วยอาการเหม่อลอยหม่นเศร้าจนไม่มีใครกล้าถามอีก   

                ดวงตาคมเข้มเหลือบมองนาฬิกาลูกตุ้มบนผนังบอกเวลาตีห้าครึ่ง  ครั้นหันไปมองยังห้องตัวเองแล้วต้องถอนใจเหนื่อยหน่าย  หากมีเวทมนตร์  เขาจะเสกให้คนที่อยู่ในห้องนั้นคือจินดา  ไม่ใช่เจ้าเด็กจองหองคนนั้น 

                แต่คงเป็นได้เพียงความฝัน  เมื่อเขากลับเข้าห้องอีกครั้งเพื่อพบกับความจริง..

                คุณชายเล็ก  ตื่นได้แล้วขะรับบ่าวผิวคล้ำเขย่าแขนผู้เป็นนายยิกๆ ต้องตื่นแล้วขะรับ

                เรียกไปก็เท่านั้น  ร่างบนเตียงเพียงครางในคอ  พลิกกายหนีอย่างรำคาญ  คนึงเห็นอาการนั้นแล้วนึกชังนัก 

     

                ขี้เกียจเหมือนหมูไม่มีผิด

     

                นายแช่มหันมองเขาราวจะขอความช่วยเหลือ  อาจารย์หนุ่มถอนใจเฮือกก่อนเดินไปสะกิดร่างบอบบางที่หลับสนิทบนเตียงอย่างเสียไม่ได้  คิ้วคมขมวดมุ่นเมื่อมือเรียวปัดมือเขาออกเหมือนปัดแมงหวี่แมงวัน   

                อือ..อะไรเล่า  อย่ายุ่งน่า..หม่อมราชวงศ์หนุ่มบ่นงัวเงียทั้งที่ยังหลับตา  ก่อนพลิกกายหันหลังให้แล้วหลับต่อราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น  ชายหนุ่มกัดฟันกรอดพลางหันมองไปรอบๆเพื่อหาสิ่งที่ต้องการ  โต๊ะเล็กถัดจากเตียงแปรสภาพเป็นโต๊ะวางเครื่องประทินผิวทั้งครีม แป้งและน้ำหอมนานา  แต่บนโต๊ะเขียนหนังสือกลับว่างเปล่าไม่มีหนังสือสักเล่ม  อ้อนั่น..มีเหยือกน้ำเหยือกหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะ      

                ร่างสูงเดินไปคว้าเหยือกแก้วที่มีน้ำใส่อยู่เกินครึ่งแล้วกลับมาข้างเตียง  นายแช่มตาโตเท่าไข่ห่านเมื่อคาดการณ์ได้ว่าเขาจะทำอะไร

              ซ่า!!!

                เฮ้ย!!” บ่าวผู้ภักดีร้องลั่น  เมื่อมือใหญ่สาดน้ำลงบนใบหน้านายของมันอย่างไร้ความลังเล  ร่างบางสะดุ้งเฮือกสุดตัวจนลุกขึ้นนั่งพรวด  ผมสีน้ำตาลอ่อนเปียกลู่  หยดน้ำเกาะพราวเต็มใบหน้าหวาน  ไหลลงมาถึงส่วนอกจนเสื้อนอนแบบฝรั่งเปียกแนบเนื้อ

                วินาทีแรกเลอมานยังสับสนระหว่างความฝันและความจริง  แต่เมื่อได้เห็นอาจารย์ร่างสูงถือเหยือกน้ำไว้ในมือด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง  โทสะก็พุ่งพล่านจนหน้าแดงก่ำ

                คุณทำบ้าอะไร!” อะ..ไอ้ครูบ้านนอกคนนี้บังอาจนัก  ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง  กล้าดียังไงมาสาดน้ำใส่เขาแบบนี้  ตั้งแต่เกิดมา  แม้แต่ท่านพ่อหรือหม่อมแม่ก็ยังไม่เคยทำแบบนี้กับเขา  แล้วเจ้าหมอนี่เป็นใครกัน! 

                ตีห้าครึ่งอาจารย์และนักเรียนที่นี่ต้องไปออกกำลังกายที่สนามคนึงเอ่ยเสียงเรียบ  เรียบพอๆกับใบหน้า เชิญ

                ออกกำลังบ้าบออะไร  ผมไม่ไป!”  หัวก็ยุ่ง หน้าก็ยับเพราะรอยผ้าห่ม แถมยังเปียกปอนไปครึ่งตัว สภาพแบบนี้เขาจะออกไปได้ยังไง

                ตามใจอาจารย์หนุ่มเอ่ยไม่ยี่หระ  แต่ทำให้อีกฝ่ายถึงกับชะงักเมื่อเอ่ยประโยคถัดไป ไว้ค่อยรายงานท่านชายอาทิตย์ทีเดียว

               

                ใช้ท่านพ่อมาขู่เขารึ  ร้ายกาจนัก  เลอมานจ้องมองคนึงตาขวางขณะถูกนายแช่มดึงแขนให้ลุกจากที่นอน  รุนหลังให้ออกจากห้อง

     

                ดีแต่ตีหน้าเย็นชา  หรือไม่ก็ทำหน้าดุเป็นยักษ์เป็นมาร  อยากรู้นักว่าเจ้าอาจารย์คนนี้จะมีเพื่อนคบมีคนคุยด้วยไหม  คงจะเอาแต่ตีหน้ายักษ์จนใครๆเข็ดขยาด  ชนิดเด็กเห็นก็ร้องไห้จ้าเลยกระมัง

                อาจารย์คนึง สวัสดีคร้าบกลุ่มนักเรียนชายที่ยืนรวมกลุ่มกันอยู่ในสนามหันมาไหว้ทักทายอาจารย์หนุ่มอย่างพร้อมเพรียงกัน  เล่นเอาเด็กหนุ่มชั้นสูงที่เดินงัวเงียตามมาแทบหายง่วงเป็นปลิดทิ้งด้วยความประหลาดใจ

                และที่น่าประหลาดใจกว่านั้นคือรอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่แต่งแต้มบนใบหน้าหล่อคม 

                อาจารย์  เดี๋ยววันนี้เล่นตะกร้อกันอีกนะ

                อยากแพ้อีกก็เอาสิรอยยิ้มกว้าง  แววตาอ่อนโยน  คำพูดแนวสัพยอกนั้นเรียกเสียงหัวเราะได้ฮาครืน

                แล้วคุณชายล่ะ  หลับสบายดีไหมครับนักเรียนคนหนึ่งทักถามเขา  ซึ่งก็ได้รับคำตอบเพียงหางตามองปราด  เล่นเอานายแช่มต้องตอบแทนให้

                เขาไม่มีอารมณ์จะตอบคำถามใคร  ดวงตาคู่สวยเอาแต่จ้องอาจารย์หนุ่มที่ถูกนักเรียนรุมล้อม

                เจ้าอาจารย์บ้านนอกคนนี้  ติดจะอารมณ์ดีและป็อปปูลาร์ในหมู่นักเรียนไม่หยอก  แล้วทำไมท่าทีที่มีต่อเขาถึงได้ตรงกันข้ามราวหน้ามือกับหลังเท้า

                มันน่าหงุดหงิดน้อยอยู่เมื่อไร   

     

                ออกกำลังกายกันเสร็จแล้ว  ฟ้าใกล้สว่างเต็มที  ท้องฟ้าใสกระจ่างแล้วค่อยๆแดงขึ้นทางทิศตะวันออก  แสงแดดยามรุ่งอรุณอุ่นสบาย  ทุกคนต่างแยกย้ายกันไปอาบน้ำแต่งตัว

                เลอมานกับนายแช่มหอบผ้าขนหนูมาใช้โรงอาบน้ำเดิมที่เคยใช้เมื่อคืน  ให้นายแช่มเฝ้าอยู่หน้าห้องน้ำเช่นเคย  แต่กำชับย้ำหัวตะปูหนักกว่าเก่าด้วยกลัวมันหนีไปเข้าส้วมแบบเมื่อคืนอีก  ฝ่ายตัวเขาก็รีบอาบอย่างทุลักทุเล 

                พออาบเสร็จเปิดประตูออกมา  ก็พบลูกตาดำๆของเหล่านักเรียนที่ยืนออรอกันอยู่เป็นสิบ  ทุกสายตามองมาด้วยความงุนงง

                คุณชายครับ  ผมว่าจะถามตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้ว  ทำไมคุณชายถึงมาใช้ห้องน้ำนี่ล่ะจ้อยในผ้าขาวม้าถามขึ้นด้วยความไม่เข้าใจ 

                เลอมานไม่เข้าใจยิ่งกว่า.. แต่แล้วกลับต้องหน้าหงายเมื่อได้รับความกระจ่าง

                ห้องน้ำอาจารย์ในบ้านพักก็มีนี่ครับ 

     

    ******************

     

                คุณ!!” เสียงตวาดลั่นดังมาก่อนตัว  ตามมาด้วยเสียงเดินลงส้นและเปิดประตูดังลั่น  แต่ก็ไม่ทำให้คนึงที่กำลังสวมเสื้ออยู่อนาทรร้อนใจ

                หมายความว่ายังไง  ห้องน้ำในบ้านนี้ก็มี  ทำไมคุณให้ผมไปใช้ห้องน้ำนั่น  แกล้งกันนี่!” ร่างโปร่งบางในเสื้อคลุมยืนหอบอยู่ตรงหน้า  โกรธจัดจนหน้าแดงก่ำ  มีบ่าวคอยลูบหลังลูบไหล่ล่อกแล่ก 

                แล้วไงตอบแค่นั้นแล้วหันไปกลัดกระดุมต่อ  ท่าทีนั้นทำเอาอีกฝ่ายแทบเต้นผาง

                ทำไมคุณไม่ให้ผมใช้ห้องน้ำที่นี่ตั้งแต่แรก!  ไม่รู้หรือไงว่าผมเป็นใคร!”

                นี่มันห้องน้ำอาจารย์!  เป็นอาจารย์แล้วหรือถึงจะมาใช้!” เสียงเข้มตวาดกลับอย่างสุดกลั้น  เล่นเอาเลอมานตาเบิกกว้าง  อ้าปากค้างอย่างตกตะลึง 

     

                เจ้าอาจารย์คนนี้ตะคอกใส่เขาอีกแล้ว 

     

                คุณ..เด็กหนุ่มสูงศักดิ์ชี้หน้าอีกฝ่ายด้วยนิ้วสั่นเทา  แม้แต่เสียงยังสั่นพร่า คุณจะเอายังไง  จ้องจะหาเรื่องกับผมให้ได้ใช่ไหม 

                เป็นเด็กเป็นเล็กอย่ามาชี้หน้าผู้ใหญ่  ไม่มีมารยาท  เสียงทุ้มใหญ่ตะคอกพลางปัดนิ้วเรียวที่ชี้หน้าตนออกอย่างแรง  คราวนี้หม่อมราชวงศ์หนุ่มถึงกับสั่นไปทั้งตัวด้วยโทสะ

                โอยๆๆ ไอ้แช่มขอละขะรับ คุณชายเล็ก อาจารย์คนึง  ไหว้เลยก็ได้เอ้านายแช่มครวญพลางยกมือไหว้ปะหลกๆ อย่าทะเลาะกันเลยนะขะรับ

                ก็แกดูสิ  เขาแกล้งฉันชัดๆ

                ผมไม่สนใจคุณถึงขนาดจะหาเรื่องกลั่นแกล้งหรอกนะ  ถ้าไม่เพราะหน้าที่  ผมจะไม่เหลียวแลคุณเลยด้วยซ้ำสิ้นประโยคนั้นพอดีกับที่คนึงสวมปลอกแขนทุกข์ที่แขนซ้ายเสร็จ  ชายหนุ่มเดินออกจากห้องไปอย่างไม่แยแส  ก่อนหันมากล่าวทิ้งท้ายเมื่อนึกขึ้นได้

                รีบแต่งตัวให้เรียบร้อย  วันนี้อาจารย์ปรีชาเชิญคุณไปทานอาหารเช้าที่บ้านท่าน    

               

    **************************

               

                บ้านอาจารย์ปรีชาตั้งอยู่ไม่ไกลกันนัก  สร้างยกบนพื้นเสาสูงเหมือนบ้านไทยทั่วๆไป  อาณาบริเวณนั้นแสนร่มรื่นด้วยพรรณไม้ใหญ่น้อยที่ได้รับการดูแลอย่างดี  ต้นมะม่วงใบดกหนาแตกช่อส่งกลิ่นหอมเปรี้ยว  ดอกบานชื่น ดาวเรือง ดาวกระจายเป็นแปลงชูช่อให้หน้าบ้านสวยสดใส 

                อาจารย์ปรีชาพาร่างท้วมลงบันไดมาพร้อมรอยยิ้ม  คนึงยกมือไหว้อย่างนอบน้อม  นายแช่มก็ยกมือไหว้ตาม  มีอยู่คนเดียวที่เอาแต่ยืนเอามือไพล่หลังเชิดหน้านิ่ง 

                หากแต่อาจารย์ใหญ่ก็ยังยิ้ม.. พลางกล่าวเชิญทุกคนขึ้นไปทานอาหารเช้าบนบ้าน

     

                สำรับอาหารเช้าของอาจารย์ใหญ่ทำให้หม่อมราชวงศ์หนุ่มถึงกับชะงัก

                เปล่า.. อาจารย์ปรีชาไม่ได้ทำอาหารไทยสีแดงจัดจ้านมาต้อนรับเขา  ตรงกันข้าม  อาหารทุกอย่างล้วนทำมาเพื่อเอาอกเอาใจเขาเป็นพิเศษ  ไม่ว่าจะเป็นไข่ดาว แฮม ไส้กรอก ขนมปังปิ้ง  ไม่ต่างอะไรกับเบรคฟาสต์ที่เขาทานเมื่ออยู่อังกฤษ

                แต่ต่างกันตรงที่ว่าทั้งหมดนั่นวางอยู่บนเสื่อไม้ไผ่ผืนบางๆ ที่ปูไว้กลางห้อง

                อย่าบอกนะว่าจะให้เขานั่งกินกับพื้น

     

                เอ้า เชิญนั่งๆ ตามสบายนะจริงดังคาดเมื่ออาจารย์ใหญ่ผายมือเชื้อเชิญ  เลอมานพยายามซ่อนสายตาดูถูกไว้ใต้ดวงตาสีน้ำตาลใส  ขณะย่อตัวลงนั่งอย่างกระอักกระอ่วน 

                อ้าว  นายแช่ม  ทำไมไปนั่งซะไกล  เข้ามากินข้าวด้วยกันซี่มือใหญ่อูมกวักเรียกบ่าวผิวคล้ำที่หลบไปนั่งพับเพียบติดเสาอย่างเจียมตัว

                มะ..ไม่ได้ขะรับ มันรีบโบกไม้โบกมือวุ่น  ไม่มีใครทันสังเกตผู้เป็นนายถอนใจอย่างเอือมระอา กระผมเป็นบ่าว  ไม่สมควรตีตนเสมอนายขะรับ

                ที่นี่ไม่มีนาย ไม่มีบ่าว มีแต่มิตรสหาย มีแต่ผู้ใหญ่กับผู้น้อย  จะกินข้าวร่วมวงกันไม่ได้เชียวรึถ้อยคำเสียดสีดังขึ้นจากเจ้าของใบหน้าหล่อคมที่ปรายตามองมายังเด็กหนุ่มสูงศักดิ์อย่างจงใจ  เมื่อนั้นแหละนายแช่มถึงยอมกระเถิบเข้ามาร่วมวงด้วย

                วงอาหารช่างแสนครื้นเครง  อาจารย์ใหญ่และภรรยาใจดี  อาหารเช้าก็รสชาติอร่อย  คนึงและอาจารย์ปรีชาชวนนายแช่มคุยอย่างถูกคอ

                คงมีแต่เลอมานคนเดียวที่ทุกข์ทรมานตลอดมื้อ  จนต้องรีบกินรีบอิ่ม 

                ความไม่เคยชินกับการนั่งพื้นทำให้ขาเขาชาหนึบ  ตาตุ่มปวดจนแทบทนไม่ไหว  ขยับเปลี่ยนท่านั่งจากขัดสมาธิเป็นพับเพียบหลายต่อหลายครั้ง  กว่ามื้อเช้าที่แสนเซอร์ไพร์สจะสิ้นสุดลง 

                เพียงเพื่อพบกับเซอร์ไพร์สยิ่งกว่าเมื่ออาจารย์ปรีชาเอ่ยยามส่งเขาที่หัวบันได

                อ้อ  คุณชายเล็ก  เมื่อเช้าท่านชายอาทิตย์โทรศัพท์มาที่โรงเรียน  ทรงรับสั่งให้นายแช่มกลับกรุงเทพภายในวันพรุ่งนี้ 

                ดีแล้วที่อาจารย์ใหญ่บอกเขาหลังกินอาหารเช้าเสร็จ  ไม่อย่างนั้นเขาคงลำคอตีบตันฝืนกลืนอะไรไม่ลง

                ใจคอท่านพ่ออยากทรมานเขาให้ตายหรือไร 

     

               

                แกก็ทำเรื่องมากไปได้  น่าถีบจริง  ทำเหมือนไม่เคยกินข้าวกับฉันอย่างนั้นละใบหน้างามหันไปตำหนินายแช่มที่เดินตัวลีบตามต้อยๆ  หลังจากอาจารย์ปรีชาส่งพวกเขา  โดยขอกันตัวอาจารย์คนึงเอาไว้ก่อน

                โธ่คุณชาย  ก็นั่นเรากินกันแค่สองคนนี่  แต่นี่มีคนอื่นอยู่ด้วยเดี๋ยวเขาจะเก็บไปนินทา

                แกทำแบบนั้นสิ เขาจะยิ่งเกลียดขี้หน้าฉันมากกว่า  โดยเฉพาะนายอาจารย์คนึงนั่น

                เอ้าๆๆ ไอ้แช่มยอมแล้วขะรับ คุณชายบ่นให้พอใจเลย  เดี๋ยวแช่มไม่อยู่ด้วยแล้วจะเหงาปากไม่รู้จะบ่นใคร

                คำพูดนั้นยังผลให้คนฟังนิ่งไป  จนคนพูดใจแป้ว 

                บ่าวผิวคล้ำถอนใจเฮือก  ปล่อยให้นายเดินนำไปก่อน  แล้วนิ่งมองแผ่นหลังบอบบางเดินตรงไปยังสนามหญ้ากว้างใหญ่  เบื้องหน้าคือเสาธงสูงตระหง่านและอาคารเรียนไม้หลังยาว  แสงอาทิตย์อาบไล้ร่างโปร่งดูงดงามแต่ก็ให้ความรู้สึกอ้างว้างเพียงกัน 

                มันมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาเป็นห่วงสุดแสน  เพราะเป็นเหมือนทั้งเพื่อนและทั้งบ่าวมาตั้งแต่เด็ก  มันจึงรู้จักเด็กหนุ่มที่ชื่อมรว. เลอมาน บูรพวงศ์ดีกว่าใคร

                ถ้าลองได้เปิดใจให้  ได้ผูกพันกับใครแล้ว มรว.เลอมานคือเด็กหนุ่มที่เอาใจใส่ ห่วงใย และมีน้ำใจให้อย่างเอกอุทีเดียว  ซึ่งคนในกลุ่มนี้มีไม่มาก  นับนิ้วได้แค่คนในครอบครัว  เพื่อนสนิทที่อังกฤษไม่กี่คน  แล้วก็บ่าวที่ชื่อไอ้แช่มคนนี้

                แต่ตรงกันข้าม  กับคนที่ไม่สนิทสนม ไม่คุ้นเคย เลอมานคือเด็กหนุ่มผู้หยิ่งจองหอง  ถือตัวและเอาแต่ใจอย่างร้ายกาจ  ร้ายกาจพอที่จะทำให้ใครเกลียดขี้หน้าได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เสวนาด้วย

     

                ดังนั้น  การที่ท่านชายอาทิตย์ทิ้งคุณชายเล็กของมันไว้ท่ามกลางคนแปลกหน้าเช่นนี้จะส่งผลประการใด 

                ยิ่งคิดยิ่งอดห่วงไม่ได้จริงๆ

     

     

                อาจารย์ปรีชาเล่าเจตนารมณ์ของหม่อมเจ้าอาทิตย์ธวัชให้คนึงฟังอย่างละเอียด  เล่นเอาชายหนุ่มถอนใจเฮือก 

                นอกจากจะมีพระประสงค์ให้โอรสมาเป็นอาจารย์ฝึกสอนวิชาภาษาอังกฤษที่นี่แล้ว  ยังต้องการให้มาเรียนภาษาไทยให้แตกฉานมากกว่าแค่ฟังออกพูดได้  และที่หนักกว่านั้นคือศึกษาวิชาการเป็นมนุษย์ที่ถูกขัดเกลาแล้ว

                พูดเป็นภาษาชาวบ้านก็คือส่งมาดัดสันดานนั่นเอง

     

                เขาเป็นแค่อาจารย์ฝ่ายปกครองและสอนวิชาภาษาไทยธรรมดาๆคนหนึ่ง  จะเผยอตัวไปดัดสันดานคนสูงส่งเช่นนั้นได้อย่างไรกัน  แม้จะทรงอนุญาตให้สั่งสอนได้แบบที่สั่งสอนนักเรียนทั่วไปก็เถอะ

     

                ดวงตาเอื้ออารีทอดมองร่างผู้เยาว์กว่าในกางเกงดำเสื้อเชิ้ตขาวติดแขนทุกข์  ถอนใจแผ่วเมื่อเห็นว่าใบหน้าที่เคยอ่อนโยน อารมณ์ดีอยู่เป็นนิจนั้นหมองไป

                ไว้ทุกข์ให้จินดาหรือ

                ครับ

                อืม  จะไว้ทุกข์ให้เขากี่วันล่ะ  เจ็ดวัน  ห้าสิบวัน  หรือร้อยวัน

                หนึ่งปีครับคนึงเอ่ยด้วยประกายตาคมกล้าแน่วแน่ 

                อืม..อาจารย์ใหญ่เพียงครางรับรู้ในลำคอ  พลางคิดในใจ.. หนึ่งปี.. เท่ากับเวลาที่คุณชายจะมาอยู่ที่นี่พอดีพอดิบ

     

                มือใหญ่อูมกุมไหล่ชายหนุ่ม  จ้องมองลึกลงไปในดวงตาสีสนิมเหล็กเรียบนิ่ง  ก่อนเอ่ยขึ้นด้วยความเมตตา

     

                ครูไม่สามารถเลือกศิษย์ได้และศิษย์ก็ไม่สามารถเลือกครูได้  ระลึกไว้เสมอว่าคุณชายเป็นศิษย์ของคุณคนหนึ่ง  ต่อไปข้างหน้าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น  ขอให้คุณอย่าได้ลืมคำพูดของผมในวันนี้เข้าเชียวล่ะ    

               

     

    โปรดติดตามตอนต่อไป

     

               

    *เพลงหงส์ปีกหัก, สุรพล สมบัติเจริญ คำร้อง/ขับร้อง

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×