คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #30 : หน้ามึนเบอร์สิบ 1
12
หน้ามึนเบอร์สิบ
“คุณพริก!”
หญิงสาวอุทานออกมาเมื่อหาเสียงตัวเองเจอ หลายคำถามผุดขึ้นมาในหัว
พลับพลึงมองผู้ชายที่เรียกเธอว่า ‘เมียจ๋า’ เสียงหวายจ๋อย ขนกายหญิงสาวลุกชันหลากหลายอารมณ์กำลังประเดประดังเข้าสู่ร่างกาย
ไม่รู้จะดีใจ ประหลาดใจหรือตกใจกันแน่ที่ได้พบเขาอีกครั้ง
หลังจากเปลี่ยนเบอร์ลบไอดีไลน์เดิมเธอก็พยายามลืมเขา
ไม่คาดคิดเรื่องเขาจะบุกมาถึงที่นี่ แถมยังมาในสภาพ...
หญิงสาวกวาดสายตามองสารรูปของชายหนุ่มอย่างรวดเร็วก่อนจะทำหน้าเบ้
แบบนี้เลวร้ายกว่าตอนอยู่อิตาลีหลายร้อยเท่า
“จ๋าาา คิดถึงพี่ใช่ไหมคนดี”
หนุ่มดอกไม้ที่มาแบบเหนือเมฆทอดเสียงอ่อนเสียงหวาน
ชอบใจกับท่าทางตกอกตกใจของหญิงสาว เธอทำหน้าอึ้งได้น่ารักเสียจนเขาอยากหยิกแก้ม
ชายหนุ่มยกมือไหว้ผาณิตกับวงเดือนที่กำลังทำหน้าอึ้งด้วยท่าทางป้อแป้ยืนเอวอ่อนเอวคด
จับกรรมการตัดสินรางวัลออสการ์มานั่งตรงนี้
แน่นอนว่ารางวัลจะต้องเป็นของหนุ่มพริกสิบเม็ดอย่างไม่ต้องลุ้นให้เมื่อยตุ้ม
นักแสดงเจ้าบทบาทจงใจข้ามหน้าข้ามตาไม่ไหว้วรนิตให้เสียมือ วีรกรรมต่างๆ
ที่เธอสร้างผ่านหูเขาทุกวันจนต้องเก็บไว้รวบยอดคิดบัญชีม้วนเดียวจบ
“ไอ้กุ๊ยถ่อยอย่ามาทำเสียงแบบนี้กับหลานฉันนะ”
วรนิตชี้หน้าคนที่ไม่เห็นเธอกับแม่เป็นหัวหลักหัวตอ
“หลานคุณ...แต่เมียโผ้ม
พลับพลึงคิดถึงพี่ม้ายยย” ชายหนุ่มตอบโดยที่เรดาร์สายตายังไม่เปลี่ยน
เขาไม่แม้แต่จะปรายหางตาไปยังวรนิตยังหยอดยาหวานให้สาวที่ยังทำหน้าอึ้ง
“แต่ฉันเป็นน้านังพลับพลึง”
คราวนี้หนุ่มดอกไม้หันกลับไปสบตาคนอ้างสิทธิ์
ชายหนุ่มยิ้มพราย ลักษณะท่าทางขัดกับรัศมีบางอย่างที่แผ่กระจายกับการแต่งตัวอย่างสุดฤทธิ์
“ใครกันแน่ที่เป็นคนอื่น
คร้ายยย...มันเอาหลานไปเร่ขายห๊ะ”
อินเนอร์จัดเต็มกับวาจาเชือดเฉือนภายใต้เสื้อผ้าซอมซ่อดึงสติพลับพลึงให้กลับมา
หญิงสาวกวาดสายตามองการแต่งตัวชายหนุ่มอีกครั้งแล้วต้องเบียนหน้าไปทางอื่นยามเขาหันมาสบตา
ใจไม่รักดีเต้นตึกตักอย่างหาสาเหตุไม่ได้
แต่ที่รู้คือการแต่งตัวที่ขัดกับบุคลิกของชายหนุ่มดึงเธอเข้าสู่ภวังค์ความเศร้า
ครั้งหนึ่งเขาเคยหลอกเธอแบบนี้เพื่อให้เธอตายใจคิดว่าเขาจน
...แล้วครั้งนี้เขาทำไปเพื่ออะไร
“นะ นี่มันอะไรกัน”
วงเดือนเพิ่งหาเสียงตัวเองเจอถามลูกสาว
ตายังมองชายหนุ่มที่มาด้วยสภาพเหลือจะกล่าวไม่กะพริบ
เสื้อยืดขาดจนย้วยชื้นด้วยเหงื่อแถมยังมีรอยคราบไคล
กางเกงสีดำที่เหมือนจะดีแต่มีรอยเปื้อนของดิน
สภาพเหมือนเพิ่งไปฟัดกับสุนัขมาสักสิบตัวทำให้วงเดือนถึงกับเรอยาวก่อนจะเป็นลมล้มพับ
ผาณิตวิ่งเข้าไปประคองผู้เป็นแม่ไว้ได้ทันท่วงที
พลับพลึงโผเข้าไปตามหลัง หยิบหนังสือมาพัดให้ยาย ส่วนวรนิตทำเพียงแต่ชักสีหน้าก่อนจะหันมาออกปากไล่กัลปพฤกษ์
“ออกไป! ที่นี่ไม่ต้อนรับแก”
“นี่บ้านเมียโผ้ม โผ้มจะอยู่” คนถือสิทธิ์ลมๆ
บอกอย่างไม่หยี่ระ แสร้งเดินโซเซไปข้างหน้าสองก้าวแล้วถอยหลังอีกสาม
มุมปากชายหนุ่มกดลึกยามเห็นวงเดือนปรือตาขึ้นมามองแวบหนึ่งก่อนจะเรอยาวอีกครั้ง
“แม่ไม่ยอมนะอ้อย แม่ไม่เอามันเป็นหลานเขย”
หญิงชราไม่ได้แกล้งหากแต่วูบไปจริงๆ ออดเสียงอ่อน
เวทนาสังขารตัวเองไม่น้อยที่เห็นสภาพว่าที่หลานเขยแล้วถึงกับเป็นลมล้มพับ
เทียบกับอดีตลูกเขยซึ่งก็คือสามีคนแรกของวรนิตนับว่าชายหนุ่มยังห่างไกลโข
แต่ก็ใกล้เคียงกันไม่น้อย กลิ่นเหล้าขาวเหม็นคลุ้งยังให้วงเดือนนิ่วหน้า
อดไม่ได้ที่จะนึกถึงอดีตของลูกสาว
ส่วนวรนิตถึงกับตัวสั่นด้วยความโกรธและเกลียดสุดหัวใจ
กลิ่นเหล้า สภาพการแต่งตัวสกปรกยังให้คำพูดหยาบๆ ผุดขึ้นมาในหัวเหมือนน้ำหลาก
“แม่กลับไปก่อนเถอะจ้ะ”
ผาณิตที่ยังครองสติได้ดีเอ่ยขึ้น ตกใจกับสภาพว่าที่ลูกเขยไม่น้อยไปกว่าคนอื่น
หากแต่พอได้เห็นลูกมองค้อนผู้ชายคนนั้นก็เลยฉุกใจ
“นี่เอ็งไล่แม่เหรออ้อย”
“ไม่ใช่จ้ะแม่ แต่อยู่ไปรังแต่จะทะเลาะกัน”
“แล้วเอ็งต้อนรับมันเรอะ ไอ้ขี้เหล้านั่นน่ะ”
คนมีความหลังกับอดีตลูกเขยถึงกับน้ำตาคลอ มันเลวถึงขนาดเคยพุ่งมาตบนางด้วยซ้ำ
ตอนนี้ความเลวที่ก่อทำให้มันไปชดใช้กรรมอยู่ในคุกได้หลายปีแล้ว
“ไว้ให้เด็กมันคุยกันก่อนเถอะจ้ะแม่
ฉันยังไม่สรุปอะไรทั้งนั้น” คนที่ให้ความสำคัญกับลูกเป็นอันดับแรกบอก
เคยผิดไปครั้งหนึ่งแล้ว ครั้งนี้จะไม่ให้พลาดเด็ดขาด
“นี่ยังจะให้มันคุยกันเรอะ”
“พอเถอะแม่ ปล่อยพวกใฝ่ต่ำไปเถอะ”
วรนิตอดไม่ได้จึงแทรกขึ้น
“แต่...”
“กลับก่อนเถอะแม่ อยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์”
หญิงสาวถลึงตาบอกความนัยผู้เป็นแม่ ตอนนี้ต้องถอยไปตั้งหลักก่อน
อยู่ไปรังแต่จะให้พวกมันแฉเธอมากกว่านี้
วงเดือนยอมกลับไปแต่โดยดี โดยมีลูกกับหลานพยุงมาส่งที่รถ
ผู้เป็นยายถึงกับน้ำตาคลอเมื่อหันมาพูดกับหลาน
“คิดดีๆ นะพลับพลึง อย่าให้ความลุ่มหลงมันนำทาง”
กัลปพฤกษ์ยืนกอดอกอยู่เชิงบันไดถึงกับส่ายหน้า
ประโยคนั้นวงเดือนควรเก็บไว้เตือนตัวเอง ...อย่าให้ความลุ่มหลงนำไปในทางที่ผิด
หลงไปกับเงินทอง หลงไปกับรูปทรัพย์สงศคารจนจิตใจมืดบอด
ผู้บริหารหนุ่มที่มาในสารร่างของกุ๊ยถึงกับขบฟันแน่น
หลายวันก่อนจะเดินทางเขาต้องโหมสะสางงานที่คลั่งค้างเพื่อมาที่นี่
ชายหนุ่มรับรู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับพลับพลึงผ่านญาติผู้พี่
เป็นเรื่องบังเอิญและน่าอัศจรรย์ใจเป็นอย่างมาก ที่พลับพลึงอาศัยอยู่หมู่บ้านเดียวกับคาวี
แถมยังรู้จักมักจี่กันอีกด้วย
หะแรกที่อ่านที่อยู่เธอในหนังสือเดินทางเขาเอะใจไม่น้อย
ตอนเขาโทรศัพท์มาขอคำปรึกษา คาวีถึงกับมึนงง ซักฟอกเขาอยู่พักใหญ่จึงอุทาน
‘นี่มันพรหมลิขิตหรืออะไรวะพริก
พลับพลึงเด็กที่นายช่วยไว้เพิ่งโทร. หาพี่ไม่กี่นาทีก่อน
น้องกำลังจะไปแจ้งความเอกสารหายและไปสถานกงสุล’
‘งั้นพี่คาวีอย่าเพิ่งบอกพลับพลึง
อำนวยความสะดวกให้เขา เดี๋ยวผมจัดการเรื่องเจ้าหน้าที่ที่นี่เอง
แล้วจะเอากระเป๋ากับหนังสือเดินทางไปรอน้องที่สนามบิน’
‘ทำไมไม่ให้เลยล่ะ ต้องไปแจ้งให้เสียเวลาทำไม’
‘ผมไม่อยากให้น้องรู้สึกอึดอัด
ให้เขาทำสิ่งที่เขาอยากทำไป ส่วนผมก็จะทำในสิ่งที่ผมควรทำแต่แรก’
‘ยุ่งยากไปไหมวะ’
‘เรื่องมันไม่ง่ายตั้งแต่ผมคิดโกหกแล้ว
ยังไงผมก็ขอบคุณพี่มากนะ’
‘เออๆ ว่าแต่เรื่องนี้พูดคุยในไลน์ได้ไหมวะพริก’ เผือกตัวพ่อถาม
‘ตามสบาย ถ้าอากงผมรู้แล้วไปราวีพลับพลึง
ผมจะโทษพี่แล้วกัน’
หนุ่มดอกไม้ขอความช่วยเหลือแถมยังข่มขู่ไปในที
หากไม่จับได้ว่าคาวีเอ็นดูพลับพลึงไม่น้อย เขาคงไม่ใช้แผนนี้
อย่างไรเสียพักนี้ให้ไลน์กลุ่มเงียบสงบเป็นดีที่สุด
ก่อนจะถูกคลื่นพายุถล่มอีกครั้งเมื่อเขาจัดการปราบพยศเด็กดื้อเรียบร้อย
สองแม่ลูกเดินขึ้นบ้านด้วยสีหน้าไม่สู้ดี
คนหนึ่งยังงงกับการได้เจอชายหนุ่มแปลกหน้าที่มาในสภาพไม่น่าชื่นชมนัก
อีกคนกำลังตกใจกับการกฎตัวของเขาไม่หาย
คำพูดของยายกับเสียงด่าทอของผู้เป็นน้าตอกย้ำว่าเธอไม่ฝันไป เป็นเขาจริงๆ
เขามาที่นี่ มาในสภาพที่... แก้มสาวแดงก่ำด้วยความโกรธ
หญิงสาวจ้องคนนั่งอยู่บนโซฟาหวายตาเขียวปัด กลิ่นเหล้าขาวโชยหึ่งไปทั่วบริเวณ
“ยายหนูโกหกแม่ทำไมลูก”
เห็นสภาพชายหนุ่มและท่าทางของลูกสาวแล้วผาณิตจึงต่อว่าอย่างอ่อนใจ
“หนูเปล่านะจ๊ะแม่”
หญิงสาวรีบปฏิเสธด้วยรู้ว่าแม่หมายถึงเรื่องอะไร เธอไม่ได้โกหก
คนที่กำลังทำคือผู้ชายหน้ามึนคนนั้นต่างหาก
“แล้วนี่หมายความว่ายังไง” ‘นี่’ ของผาณิตหมายถึงว่าที่ลูกเขยที่เนื้อตัวมอมแมมแถมยังมีกลิ่นเหล้าโชยคลุ้ง
“เอ่อ ให้ผมอธิบายได้ไหมครับแม่”
ส่วนเกินที่ทำให้วงแตกเอ่ยขึ้น เหมารวบเรียกแม่แบบหน้ามึนๆ ไม่สนใจสายตาเขียวเรืองรองของสาวดอกไม้
“อ้าว ไม่ได้เมาเรอะพ่อคุณ”
ผาณิตเขม้นตามองชายหนุ่มที่ลุกขึ้นมาพูดเป็นการเป็นงาน
“เมื่อตะกี้ไม่ใช่แบบนี้นี่”
ตอนเถียงกับวรนิตชายหนุ่มยังทำท่าป้อแป้ผิดกับตอนนี้ที่ดูจริงจังขัดกับเสื้อผ้าและกลิ่นเหล้าหึ่งๆ
นั่นเชียว
“แกล้งเมาครับแม่ เหล้านี่อาบมา”
หนุ่มเจ้าของฉายาพริกสิบเม็ดสารภาพไปตามตรง เรียกว่าอาบเหล้ามาก็ไม่ถูกนัก
เขาราดมันลงตัว
ที่สำคัญตอนนี้เริ่มจะเมากลิ่นพร้อมกับมีอาการอยากอาเจียนอยู่รอมร่อ
เป็นเพราะรีบบึ่งรถมาที่นี่พร้อมกับข้าวของที่ให้คนสนิทไปตระเตรียมเลยทำให้ลืมกินข้าว
เจอกลิ่นเหล้าขาวเข้าไปหน่อยเลยพลอยทำให้วิงเวียนท้องไส้ร้องโครกครากชอบกล
“แกล้งเมา?”
“ครับ ผมแกล้งเมา
ได้ข่าวว่ายายเดือนปลื้มเลยอยากทำให้ประทับใจ”
ผาณิตตบอกตัวเอง
หันไปทางลูกสาวที่กำลังเบ้หน้าเหมือนถูกจับกลอกยาขม
ทว่าสายตากลับเป็นประกายจนคนเป็นแม่อ่อนใจ เลี้ยงมาแต่ตีนเท่าฝาหอย
มองแค่นี้ทำไมจะไม่รู้ว่าลูกกำลังดีใจไม่น้อยที่ได้พบผู้ชายตรงหน้าอีกครั้ง
“ไปอาบน้ำอาบท่าเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเถอะ
แล้วค่อยมาคุยกัน” ผาณิตชี้ไปทางห้องน้ำ “ส่วนพลับพลึงไปเอาเสื้อผ้าพ่อมาสักชุดไป
เหม็นอับหน่อยแต่คงพอแก้ขัดได้”
“แม่...” สาวดอกไม้ออด ยังตั้งรับไม่ค่อยทันแล้วก็ไม่อยากให้เขาอยู่ที่นี่สักเท่าไหร่
“มีอะไรก็คุยกันให้รู้เรื่อง
ก่อนอื่น...ต้องกำจัดกลิ่นเหล้านี่เสีย แม่เวียนหัว”
“หนูก็เวียนหัวจะแย่เหมือนกันค่ะ”
หญิงสาวหันไปค้อนให้คนนั่งหัวเราะแหะๆ
อย่างเก้อเขินกับแผนการปรากฏตัวเพื่อให้วงเดือนประทับใจจนเป็นลมล้มพับ
ไหง...กลายเป็นว่าเขาคือตัวมลภาวะเสียได้
ชายหนุ่มเดินเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำ
ในขณะที่พลับพลึงถูกผู้เป็นแม่ไล่ให้ไปหาเสื้อผ้าพร้อมผ้าขนหนูมาให้เขา
หนุ่มดอกไม้อมยิ้มแก้มป่องอย่างอดขำไม่ได้ตอนเห็นหน้าบึ้งๆ
ของคนที่คิดถึงทุกขณะจิต เธอทำให้เขาทำงานไม่รู้เรื่อง
แถมยังกินได้น้อยจนป้าแป้นออกปากบ่น พอสะสางงานเสร็จแล้วเขาบอกจะมาเมืองไทย
ทุกคนในบ้านต่างอวยพรขอให้เขาพาดอกพลับพลึงกลับไปปลูกที่บ้านดอกไม้ให้ได้
กัลปพฤกษ์ทำจมูกฟุตฟิตตอนถอดเสื้อผ้า
จะว่าไปตัวเขามันก็เหม็นจับจิตจับใจจริงๆ ด้วย นับว่าพอลกับฟาลโคทำงานได้ดีเยี่ยม
ทั้งชุดและพร็อพต่างๆ ทำให้วงเดือนประทับใจจนเป็นลม หนุ่มดอกไม้กดยิ้มเจ้าเล่ห์
หลังจากซักถามประวัติบรรดาญาติๆ ของพลับพลึงจากปากคาวีทางโทรศัพท์
เขาก็วางแผนต่างๆ นาๆ เอาไว้ในหัว หนึ่งในนั้นคือทำให้วงเดือนประทับใจ
ทำให้วรนิตร้อนใจ คะเนจากสีหน้าคนทั้งสองนับว่ามันได้ผลยิ่งนัก
เสียงเคาะประตูดังขึ้น
ทำให้ชายหนุ่มที่แก้ผ้าเตรียมชำระล้างร่างกายหลบอยู่หลังประตูก่อนปลดกลอนจากด้านใน
แง้มบานประตูออกเพียงเล็กน้อยเพื่อโผล่หน้าออกไป
พลับพลึงมองใบหน้าชายหนุ่มตาปริบๆ
อย่างไม่อยากเชื่อว่าเขาได้มาอยู่ตรงหน้า
กลิ่นเหล้าและรอยยิ้มกริ่มบนใบหน้าหล่อเหลาช่วยยืนยันอีกครั้งว่าเธอไม่ได้ฝันไป
“ยายเอ๋อ...พี่คิดถึงเรานะ”
หนุ่มดอกไม้ออดเสียงอ่อนเหมือนมอดกัดไม้
ชายหนุ่มกล้าสาบานเลยว่านอกจากแม่เขาไม่เคยทำเสียงแบบนี้กับใคร
“ยังคิดว่าหนูโง่อยู่เหรอคะ”
หญิงสาวทำเสียงมึนตึง กำลังคิดว่านี่ไม่ใช่สถานการณ์เหมาะสมกับการบอกรักฝากความคิดถึงสักเท่าไหร่
การที่เธอยืนอยู่หน้าห้องน้ำ
ส่วนเขายืนแก้ผ้าหลบอยู่หลังประตูห้องน้ำเนี่ยมันควรค่ากับฉากโรแมนติกตรงไหน
“ไม่ได้เรียกเพราะโง่ซะหน่อย
พี่เรียกยายเอ๋อเพราะเอ็นดู”
“คุณมาที่นี่ทำไม”
“มาหาเรานั่นแหละ ก่อนกลับไม่ยอมฟังพี่เลย”
หนุ่มดอกไม้กัดปาก ไม่เข้าใจตัวเองจริงๆ เขาจะทอดเสียงอ่อนเสียงหวานไปทำไมวะ
“เรื่องของเรามันจบไปแล้วนี่คะ
ส่วนเงินกับบัตรเครดิตของคุณ หนูตั้งใจจะส่งคืนให้อยู่แล้ว”
“ไม่เอา พี่ให้แล้วให้เลยไม่รับคืน
หัวใจพี่ก็เหมือนกันนะพลับพลึง”
เจอรุกหนักตั้งแต่เช้า
แก้มสาวเลยเป็นสีแดงประจานความรู้สึกตัวเอง
กระนั้นเธอก็หาได้ปล่อยให้ตัวเองจมลึกไปกับความรู้สึกหลอกลวง
เพราะบาดแผลที่มองไม่เห็นและเพิ่งหาสาเหตุได้มันยังเจ็บ
“ยังแกล้งหนูไม่พอเหรอคะ”
“พี่ขอโทษ ยอมรับว่าตอนแรกอยากหยอกเล่น แต่หลังๆ
มันกลัวเลยไม่กล้าบอก”
“หนูไม่ใช่ยักษ์
แค่คุณพริกสารภาพว่ารวยคงไม่ทำให้หนูกระโจนไปขบหัวคุณพริกหรอกค่ะ
นอกเสียจากว่าคุณพริกกลัวหนูกระโจนเข้าไปจับเพราะรู้ว่าคุณพริกรวย”
เด็กที่ทำหน้าดุยิ่งกว่ายักษ์ในความรู้สึกกัลปพฤกษ์บอก
“ถ้ายังไม่รู้ก็รู้ไว้ซะนะ แค่เราถลึงตาทำหน้าดุใส่
ใจพี่ก็ล่วงไปอยู่ตาตุ่มแล้ว ส่วนเรื่องจับพี่ไม่ว่าหรอก ตอนนี้ยืนให้จับดีๆ
แบบไม่ต้องใช้กำลังเลย”
ยิ่งเขาหยอด
ความรู้สึกหญิงสาวยิ่งห่างไกลจากความหวั่นไหว
ทั้งหมดเหมือนที่เขาเคยทำตอนอยู่อิตาลีเลย หากเปรียบเธอเป็นเหยื่อ
เขาก็คือเจ้าป่าที่ค่อยๆ หลอกให้เหยื่อตายใจก่อนจะฆ่าอย่างเลือดเย็น
“หนูไม่เชื่อ พอเถอะค่ะคุณพริก
อย่าแกล้งหนูอีกเลย สิ่งที่คุณพริกทำมันสร้างความเดือดร้อนให้หนูกับแม่”
“พี่จะรับผิดชอบเอง”
จอมวางแผนที่มองเห็นเส้นชัยแต่แรกเริ่มบอก
เดิมพันนี้เขาทุ่มทั้งหมดชีวิตเพื่อพิชิตตัวและหัวใจสาวดอกไม้
“ยังไงคะ คุณพริกจะแต่งงานกับหนูเหรอ แต่งทั้งๆ
ที่ทำให้ยายเข้าใจผิดว่าคุณพริกเป็นพวกกุ๊ยเนี่ยนะ”
กลิ่นเหล้าขาวยังคงโชยคลุ้งตอกย้ำสิ่งที่ชายหนุ่มเพิ่งทำลงไป
กัลปพฤกษ์เพิ่งรู้ว่าเปิดเกมพลาดเอาตอนนี้เอง
เขามัวแต่คิดเอาชนะวงเดือนโดยลืมคำนึงถึงความรู้สึกพลับพลึง
“พี่คิดน้อย พี่ขอโทษ” ชายหนุ่มออด
ถึงอย่างนั้นในใจก็ค้านว่ามันเป็นวิธีเดียวที่จะดัดหลังวงเดือนกับหักหน้าวรนิตได้
และที่สำคัญท้ายที่สุดตอนฐานะเขาเปิดเผยทุกคนก็จะยินดีกับพลับพลึงเอง
“กะ...”
“ยายหนูปล่อยให้พี่เขาอาบน้ำอาบท่าให้เรียบร้อยก่อนเถอะ
อีกเดี๋ยวค่อยมาคุยกัน” เสียงผาณิตดังขัดขึ้นก่อนที่พลับพลึงจะออกปากไล่ชายหนุ่ม
สองหนุ่มสาวสบตากันก่อนฝ่ายสาวจะรีบยัดเสื้อผ้าพร้อมผ้าขนหนูในมือส่งให้ชายหนุ่ม
กัลปพฤกษ์หัวเราะยามนึกขึ้นได้ว่าเขาและเธอพูดคุยกันแบบไหน
...ได้แก้ผ้าคุยกับสาวมันก็จะฟินๆ หน่อย
ผาณิตค้อนไปทางห้องน้ำที่ลูกสาวกำลังเดินจากมา หล่อนใจไม่ดีตั้งแต่ได้ยินคำว่า
...จะยืนให้จับดีๆ แบบไม่ต้องใช้กำลังแล้ว
“เด็กสมัยนี้นี่ยังไง
พูดจาล่อแหลมไม่เกรงใจผู้ใหญ่!”
พี่พริกมาแล่วววววววววววววว
ผู้โชคดีเหลือกี่เล่ม เดี๋ยวขอเช็กก่อนนะคะ
หนังสือยังจองได้ค่า
ความคิดเห็น