ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บุษบาลวงรัก ชุดทัณฑ์รักบุษบา

    ลำดับตอนที่ #29 : ทวงหัวใจ 3

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.03K
      23
      10 พ.ย. 60

    นอกจากมีเรื่องให้รกสมองเพิ่มพร้อมกับหาทางหนีทีไล่ไม่ได้ ตกเย็นสองแม่ลูกก็ได้เผชิญหน้ากับวรนิตกับวงเดือนอีกครั้ง ทั้งสองเดินขึ้นเรือนโดยไม่รอให้เจ้าของบ้านเชิญ วรนิตนั่งเชิดหน้าอยู่บนชุดรับแขกที่ทำจากหวายมีเบาะสีฟ้าลายตารางรองเข้าชุดกัน

    พลับพลึงนั่งหน้าเครียดอยู่ข้างผู้เป็นแม่ หลังจากหาน้ำหาท่ามารับแขกเรียบร้อย สีหน้าอ่อนลงของวงเดือนสร้างความหนักใจให้กับเธอเป็นอย่างยิ่ง

    “ยายอ้อย แม่พานิตมาพูดเรื่องสู่ขอพลับพลึงมัน” โทนเสียงต่างจากวันก่อนยังให้สองแม่ลูกต่างผงะ ด้วยว่าไม่ทันตั้งรับปฏิกิริยาแบบนี้ 

    “ฉันไม่ยกให้จ้ะ” ผาณิตตอบเสียงเรียบ วรนิตตาลุกเป็นไฟถึงอย่างนั้นก็สำรวมกิริยาเพราะไม่อยากให้เสียแผน อย่างไรวันนี้เธอต้องสู่ขอพลับพลึงไปให้ดาวิดให้ได้

    “เขาให้สินสอดสองล้าน ทองสิบบาท แหวนเพชรอีกสองกะรัต” ผู้เป็นน้องแจงสินสอดที่มากโขสำหรับคนบ้านนอก หวังจะเห็นพี่สาวตาโตกลับมีเพียงยิ้มบางๆ บนใบหน้า

    “ความจริงน่าจะได้สักสิบล้าน คงถูกน้านิตหักค่านายหน้าไปจนเหลือเท่านี้ล่ะสิ” พลับพลึงอดแขวะไม่ได้ ไม่ชอบที่ผู้เป็นน้าทำท่าวางกล้ามใส่แม่

    “อี...”

    “พอๆ อย่าทะเลาะกัน ให้คุยกันดีๆ” วงเดือนออกปากห้ามอย่างใจเย็น เย็นจนผาณิตกับพลับพลึงต่างหวาดกลัวอยู่ลึกๆ

    “แม่ก็ดูมันสิ เชื่อหรือยังว่ามันไม่ฟังฉัน”

    “อืมๆ” วงเดือนลูบหลังลูกสาวคนเล็ก ก่อนหันมาทางหลานสาว “เราก็อย่าพยศนักเลย น้าเขาทำไปเพราะหวังดี วันนี้ยังไม่ตกลงก็ลองเก็บไปคิดก่อน”

    พลับพลึงสบตาผู้เป็นแม่อย่างขอความเห็น ไม่คาดคิดว่ายายจะมาเหนือเมฆแบบนี้ ถึงกับสวมบทคนแก่ใจดี ชะรอยงานนี้ต้องวางแผนกันมาอย่างดีแน่นอน

    “ยายลืมกินยามาแน่เลยจ้ะแม่ เบาหวานขึ้นตาแล้วอ่ะ” สาวดอกไม้เอนตัวกระซิบกับผู้เป็นแม่ แวบหนึ่งเห็นยายถลึงตาใส่ก็แอบขำ โถ...เล่นละครไม่เก่ง อย่างนี้ต้องให้คุณพริกติวให้ แก้มสาวขึ้นสีเรื่อ จู่ๆ ก็นึกถึงผู้ชายคนนั้น เธอควรลืมเขา

    “อย่าลามปามผู้ใหญ่” คนเป็นแม่หยิกเข้าที่แขน เจ้าตัวได้แต่สูดปากแต่สีหน้าไม่ยักกะสำนึกผิด 

    “เสียมารยาทจริง แขกมาบ้านยังกระซิบกระซาบกันเหมือนพวกติดสันดานไพล่” วรนิตมองสองแม่ลูกอย่างเหยียดหยาม ดวงตาฉายแววเกลียดอย่างไม่ปิดบัง

    “แรงงง แล้วไอ้ที่เดินดุ่มๆ ขึ้นบ้านคนอื่นเนี่ย ผู้ดีเขาทำกันเหรอจ๊ะ” พลับพลับสวนกลับอย่างไม่ลดลาวาศอก

    “สอนลูกยังไงฮึอ้อย ทำไมถึงได้เหมือนเด็กใจแตกแบบนี้”

    “มันเป็นตั้งแต่ไปเที่ยวอิตาลีน่ะแม่ ทีนี้แม่เชื่อฉันหรือยัง มันหนีไปกับผู้ชายแล้วยังมาสร้างเรื่องป้ายสีให้ฉันกับเปาโล”

    “เดี๋ยวก่อนค่ะ ตั้งแต่มาหนูยังไม่เคยพูดเรื่องน้านิตเลยนะ มีแต่น้านั่นแหละที่ประจานตัวเอง”

    “อีพลับพลึง กูประจานตัวเองตรงไหนกัน”

    “ก็ไอ้ที่กำลังทำอยู่นี่แหละ กินปูนร้อนท้องจนต้องจ้างวงดนตรีจัดงานบังหน้าด้วยกลัวเขาหาว่าตัวเองไม่รวย นี่ไม่เรียกประจานตัวเองจะเรียกว่าอะไร”

    “พลับพลึงไม่เอาน่า ยังไงเราก็เป็นเด็ก” ผาณิตปรามลูกสาวที่อัพระดับความเผ็ดแซบขึ้นกว่าแต่ก่อน ไม่รู้ไปกินอะไรผิดสำแดงมา ถึงได้ปากคอเราะรายแบบนี้

    “หนูขอโทษจ้ะแม่ หนูรู้ว่ายังเด็กไม่ควรก้าวร้าวผู้ใหญ่ แต่สำหรับน้านิตหนูขอเว้นสักคน ผู้ใหญ่ไม่น่านับถือหนูไม่ลงให้เด็ดขาด”

    “พลับพลึง!” คราวนี้วงเดือนเป็นคนปรามบ้าง “อย่าให้มันมากเกินไปนะ ยังไงก็เป็นเด็ก” 

    “แล้วเด็กไม่สามารถตอบโต้คนที่กำลังให้ร้ายตัวเองเหรอจ๊ะยาย หรือเขาพูดอะไร เด็กอย่างหนูก็ต้องเป็นแบบนั้น เขาว่าหนูดี หนูก็จะดีในสายตายาย เขาว่าหนูร้ายโดยไม่มีหลักฐาน ยายก็เชื่อเขางั้นเหรอจ๊ะ” หญิงสาวตัดพ้ออย่างน้อยเนื้อต่ำใจ แม้รู้ว่ายายรักน้านิตมากกว่าแม่มาตลอด แต่เพิ่งประจักษ์ตอนกลับมาว่าสำหรับเธอที่เป็นหลานคนเดียวก็ยังเป็นรองวรนิตอยู่เรื่อยมา

    “ทำไมฉันจะไม่มีหลักฐาน ยายเขาเห็นภาพที่แกไปอี๋อ๋อกับไอ้กุ๊ยนั่นแล้วย่ะ ฉลาดน้อยไปนะแกน่ะ หนีไปอยู่กับมันเป็นเดือนๆ สตางค์สักแดงก็ไม่ได้สักบาท ให้เขากินฟรีแกไม่ละอายใจบ้างหรือไง อย่างน้อยๆ แกก็ต้องคิดถึงคุณข้าวแดงแกงร้อย ค่าน้ำนมของคนที่เลี้ยงดูแกมา”

    “โชคดีที่พ่อมองออกแต่แรก พร้อมทั้งออกปากห้ามหนูใช้เงินน้านิตเอาไว้ ไม่งั้นค่าน้ำนมนี่น้านิตคงร้องขอส่วนแบ่งมากกว่านี้ นี่ขนาดหนูไม่ได้ติดบุญคุณก็ยังหักหัวคิวเสียเยอะ”

    “อีพลับพลึง!

    “เฮ้อ นี่พวกเอ็งจะทะเลาะกันให้ได้ใช่ไหม” วงเดือนว่าอย่างอ่อนใจ อุตส่าห์ตั้งใจมากล่อมหลานเสียดิบดี น้ากับหลานมันก็ดันรับฝีปากกันไม่หยุด

    “แม่ดูมันสิ มันไปนอนให้เขาเอาฟรี แล้วมันยังมากล่าวหาว่าฉันจะหักหัวคิวมัน ฉันไม่ใช่แม่เล้านะ ผัวฉันมีหน้ามีตาในสังคม”

    พลับพลึงฟังแล้วเบะปากกรอกตามองบน เธอล่ะนึกอยากลุกไปเอาเงินในซองสีน้ำตาลปึกนั้นกับการ์ดไม่จำกัดวงเงินมาฟาดใส่หน้าผู้เป็นน้าซะจริง หญิงสาวนิ่วหน้าเมื่อถูกหยิก ผาณิตถลึงตาปรามลูกสาว

    “เฮ้อ แล้วข้าจะได้หลานเขยฝรั่งรวยๆ ไหมวะเนี่ย” วงเดือนเปรย ความฝันที่ยกฐานะเทียบเคียงพวกมากบารมีช่างริบหรี่เหลือเกิน

    “ได้สิ ยังไงเราก็ต้องกู้หน้าด้วยการจับนังหลานปากดีนี่ใส่ตะกร้าล้างน้ำ ปล่อยให้ชาวบ้านเขาลือเรื่องเสียหายไม่ได้หรอก คนนับหน้าถือตาก็เยอะ แม่ไม่อายเขาบ้างหรือไง”

    “ทำไมข้าจะไม่อาย ทุกวันนี้ข้ากล้าออกบ้านซะที่ไหน”

    พลับพลึงทำหน้าบิดเบี้ยว เธอได้ข่าวว่ายายไปคุยโม้เรื่องลูกสาวจะจัดงานเลี้ยงอยู่ไม่ใช่หรือไง

    “หนูไม่แต่งจ้ะ หนูไม่ได้รักเขา”

    “แล้วแกรักไอ้กุ๊ยนั่นหรือไง มันทั้งจน ทั้งเลวขนาดนั้น” ภาพกลุ่มคนบุกมาเอาหนังสือเดินทางของพลับพลึงยังติดตาวรนิต พวกนั้นเหมือนมาเฟียก็ไม่ปาน

    “ถ้าลงได้รัก ต่อให้เขายากดีมีจนหนูก็รักจ้ะ”

    “โอ๊ย กูอยากเป็นลม ใฝ่ต่ำทั้งแม่ทั้งลูกจริงๆ” วงเดือนควักยาดมขึ้นมาจ่อจมูก

    “เลือดมันแรงน่ะแม่” วรนิตส่งสายตาเหยียดๆ ไปทางพี่สาว

    “ก็แล้วมันไม่เลือดเดียวกันเหรอไง” คนที่เงียบอยู่นานตอบโต้

    “คงงั้นมั้ง แต่พี่เกิดก่อนคงเอาแต่เลือดชั่วๆ ไปหมด พอฉันเกิดทีหลังถึงได้แต่เลือดดีๆ”

    พลับพลึงทำหน้าเบ้กับความมั่นหน้ามั่นโหนกของผู้เป็นน้า หลงตัวเองเบอร์ไหนถึงได้กล้าคิดแบบนี้

    “ไม่ได้ล่ะ ยายไม่ยอม แกต้องแต่งงาน ไม่งั้นพวกแกไม่ต้องมาเรียกข้าว่าแม่ว่ายาย” วงเดือนทิ้งไพ่ตายใบสุดท้ายเมื่อลูกสาวสะกิด

    “ไม่ได้!” เสียงทุ้มดังจากบันไดยังให้คนทั้งหมดพากันหันไปมอง ดวงตากลมเบิกกว้าง พลับพลึงใช้นิ้วขยี้ตาภาพในคลองจักษุก็ไม่ได้ลางเลือน ยังคงเป็นภาพเขา

    “แก...ไอ้กุ๊ย!” วรนิตชี้หน้าคนมาใหม่

    “เมียจ๋า... ผัวมาแล้วจ้ะ”





    พี่พริกมาแล้วววววว

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×