ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บุษบาลวงรัก ชุดทัณฑ์รักบุษบา

    ลำดับตอนที่ #2 : บุษบาลวงรัก 1

    • อัปเดตล่าสุด 7 ต.ค. 60



    พ่อยอดขมองอิ่ม


    1

    บุษบาลวงรัก

    “เร็วหน่อยสิอาตง!” เจ้าของเสียงทุ้มเร่งคนสนิทในขณะที่กำลังเร่งถอดเสื้อสูทอยู่ตอนหลังของรถยนต์คันหรู อาตงหรือหูเสี่ยวตงรีบยื่นเสื้อยืดกลางเก่ากลางใหม่ที่หยิบออกจากกระเป๋าไปด้านหลัง อีกคนคว้ามาเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว ดวงตาภายใต้กรอบแว่นสีทองกะพริบปริบๆ มองภาพเจ้านายถอดเสื้อเชิ้ตของอามานี่แล้วเปลี่ยนใส่เสื้อที่เขาเพิ่งส่งให้ คิ้วหนาขมวดมุ่นหลังจากกวาดสายตามองผู้เป็นนายตั้งแต่หัวจรดเท้า

    คุณพริกจะรู้ไหมหนอ... เสื้อกลางเก่ากลางใหม่นั่นมันไม่อาจลบรัศมีผู้บริหาร ราชาวดีไทยซิลค์ ได้สักนิด ชายหนุ่มยังคงเจิดจ้าแม้สวมเสื้อผ้าซอมซ่อ

    เลขาฯ หนุ่มใช้นิ้วชี้ดันแว่นขึ้นแล้วเสมองไปทางอื่นหลังจากมองหาความซกมกของเจ้านายไม่เจอ หากไม่ได้มาเห็นกับตา เขาไม่มีวันเชื่อเด็ดขาดว่าเจ้านายผู้ซึ่งมีดีกรีหนุ่มฮอตจะสร้างเรื่องสร้างราววุ่นวายได้ขนาดนี้

    คุณพริก หรือ กัลปพฤกษ์ วงศ์บุษบา เป็นลูกชายคนที่สองของราชพฤกษ์กับราชาวดี ชายหนุ่มมีพี่น้องด้วยกันสามคนซึ่งคนโตคือสนฉัตร พฤกษ์ลดาเป็นน้องสาวคนสุดท้อง ปัจจุบันชายหนุ่มรับสืบทอดธุรกิจนำเข้าผ้าไหมและด้ายไหมของครอบครัว เพราะสนฉัตรไปทำเหมืองและปางไม้ที่ประเทศไทย ส่วนพฤกษ์ลดาปัจจุบันแต่งงานไปช่วยกิจการของสามีที่สเปน

    ในบรรดาพี่น้องกัลปพฤกษ์นับเป็นคนที่โดดเด่นที่สุด รูปร่างสูงสมส่วน นัยน์ตาสีเปลือกไม้ ผิวพรรณสะอาดสะอ้าน บุคลิกชอบยิ้มแย้มอารมณ์ดี คารมไม่เป็นรองใคร ทุกอย่างรวมกันกลายเป็นความทรงเสน่ห์จนเป็นที่หมายปองของสาวๆ กระนั้นคนช่างเลือกก็ยังไม่ตกลงปลงใจกับใครสักที เวลามีคนถามเรื่องแฟนหรือเรื่องแต่งงาน ชายหนุ่มมักให้คำตอบทำนองเดียวกัน คือไม่อยากหาบ่วงมารัดคอ ไม่อยากวุ่นวายและยังไม่พร้อมจะดูแลใคร

    ทว่าในตอนนี้...เสี่ยวตงคิดว่าเจ้านายมาไกลเกินคำว่าเอาบ่วงมารัดคอเสียแล้ว และยิ่งอยู่ห่างไกลคำว่าไม่พร้อมจะดูแลใครอีกล้านปีแสง

    “ดูซกมกยัง”

    “...”

    “เอ๊า ถามทำไมไม่ตอบ ฟานนายว่าไง” ผู้นั่งอยู่ตอนหลังหันไปถามบอดีการ์ดที่พ่วงตำแหน่งคนขับรถ ฟาลโคบอดีการ์ดสัญชาติอิตาเลียนกระแอมไอ เหลือบไปทางเสี่ยวตงแวบหนึ่งจึงอ้อมแอ้มตอบ

    “ก็ดีครับ” บอดีการ์ดหนุ่มไม่ได้โกหก มันเป็นความจริง... เจ้านายเขาไม่ว่าอยู่ในชุดไหนก็ดูดีเสมอ เสื้อเก่าๆ ไม่สามารถสร้างความมัวหมองให้ชายหนุ่มได้เลย

    “ไม่ได้ถามว่าดีไหม ถามว่าซกมกพอยังเว้ย” คนต้องการให้ตัวเองดูซกมกหน่อยๆ ชักสีหน้า ดวงตาสีเปลือกไม้เพ่งไปทางเลขานุการคนสนิทที่ยังไม่ตอบคำถาม

    “ผมยืนยันคำเดิม เอาถ่านมาทาตัวเถอะครับ” เสี่ยวตงพูดติดตลก

    “กูซีเรียสครับพี่ตง พักเรื่องกวนตีนสักครู่ได้ไหม”

    “ไม่ได้กวนเลยครับ คุณพริกใส่เสื้อแบบนี้หล่อกว่าตอนใส่สูทอามานีอีก แล้วเอ้อ...เสื้อกับกางเกงมันไม่เข้ากันนะครับ” หนุ่มแว่นท้วง เสื้อเก่าแล้วแต่กางเกงยังเป็นอามานี

    “ขี้เกียจเปลี่ยน พลับพลึงไม่รู้หรอกน่า”

    “แน่ใจเหรอครับ” เสี่ยวตงเอี้ยวหน้าไปถามอย่างต้องการแซ็วมากกว่าถามจริงจัง

    เจ้าของนามพลับพลึง คือหญิงสาวที่ทำให้เจ้านายเขาต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าบนรถมาร่วมหนึ่งเดือนแล้ว แรกๆ เสี่ยวตงคิดว่าอีกฝ่ายคงอยากแกล้งเล่นสนุกขำๆ อย่างที่ปากว่า แต่ตอนนี้ชายหนุ่มชักไม่แน่ใจ ระหว่างคำว่า จริงจังกับ จริงจังมากเพราะถ้าแค่เล่นๆ คงไม่ยอมทำแบบนี้เป็นเดือน ซ้ำระหว่างนั้นยังทำเรื่องบ้าๆ บอๆ หลายอย่างอีกด้วย

    “อุว๊ะ บอกว่าไม่รู้ก็คือไม่รู้สิ” หนุ่มที่ลื่นกว่าปลาไหลบอกอย่างมั่นใจ ไอ้ที่ทำให้เขาไม่มั่นใจเลยสักวันคือสายตาลูกน้องมากกว่า พวกนี้ทำหน้าเหมือนไม่เชื่อในบุคลิกที่เขาเติมแต่งเพื่อลดทอนมาดผู้บริหาร ต่างจากหญิงสาวที่รอเขาอยู่ห้องพัก รายนั้นไม่เห็นจะทำท่าสงสัยสักนิดเดียว

    ชายหนุ่มคลี่ยิ้มมุมปากยามคิดถึงคนที่รออยู่ในห้องพักกลางเก่ากลางใหม่ย่านใจกลางเมือง หญิงสาวเป็นคนที่โชคชะตาส่งมาก่อกวน ความอ่อนต่อโลกไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของเธอสร้างความโมโหให้กับเขาบ่อยๆ

    กัลปพฤกษ์เจอหญิงสาวในร้านอาหารจีนในมิลานซึ่งเป็นกิจการของผู้เป็นตาชาวฮ่องกง เสียงหวานขับขานภาษาไทยที่ดังจากปากหญิงสาวสะดุดหูเขา จากนั้นก็สะดุดเข้ากับใบหน้าน่ารักของหญิงสาว เขาให้ความช่วยเหลือด้วยการให้งานและให้ที่พัก

    ในตอนนั้นกัลปพฤกษ์ไม่เข้าใจว่าตัวเองต้องการอะไร เขาบอกคนรอบข้างว่าอยากเล่นสนุกๆ ด้วยการบอกหญิงสาวว่าเป็นหลานชายพ่อครัวใหญ่อย่างลุงหม่า เป็นผู้จัดการร้านซือเป่า

    ไม่กี่วันหลังจากนั้นกัลปพฤกษ์ก็ต้องสอดมือเข้าไปช่วยหญิงสาวให้พ้นจากผู้เป็นน้าที่ตามอาละวาดที่ร้านเพื่อพาหลานสาวกลับบ้าน ในขณะที่คนเป็นหลานร่ำไห้ฝืนตัวไม่ยอมกลับท่าเดียว

    หนุ่มดอกไม้เห็นท่าทางของผู้หญิงชื่อวรนิตกับชายอีกสองคนก็พอเดาเรื่องราวได้คร่าวๆ เพราะไอ้สองคนนั้นมองยายเอ๋อของเขาตาเป็นมัน!

     

    ออดหน้าห้องดังไม่กี่ครั้งประตูก็ถูกปลดกลอนจากด้านใน วินาทีต่อมาก็มีใบหน้าอ่อนใสสกาวตาโผล่ออกมาพร้อมกับรอยยิ้มที่ทำให้โลกทั้งโลกของกัลปพฤกษ์ตีลังกา พลิกกลับไปกลับมาจบด้วยลังกาเกียวอีกสองรอบ หนุ่มดอกไม้สูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อเรียกสติก่อนจะยิ้มมุมปากตอบเพียงเล็กน้อยแล้วแทรกตัวเข้าไปในห้องด้วยสภาพที่คิดว่าตัวเองซกมกที่สุดแล้ว

    พลับพลึงทำหน้ายู่ก่อนจะหันไปปิดประตู หญิงสาวเดินไปยังเคาน์เตอร์ในส่วนของครัว ข้าวของยังคงรกอยู่เล็กน้อย เห็นสีหน้าคนมาใหม่แล้วจึงยิ้มเอาใจ วันนี้เขาอยากมาก่อนเวลาตั้งสิบนาทีเองทำไม

    “ห้ามบ่นค่ะ” เสียงหวานแทรกขึ้นตอนเห็นริมฝีปากหยักของชายหนุ่มขยับ กัลปพฤกษ์เม้มปากถลึงตาดุใส่ยายเด็กเอ๋อ “คุณพริกมาเร็วตั้งสิบนาที หนูเลยเก็บกวาดของพวกนี้ไม่ทัน”

    สาวดอกไม้ที่ชอบแทนตัวเองว่า หนู ไม่รู้เลยว่าทำให้คนฟังใจเต้นแรงแค่ไหน นึกอยากเป็น แมว เพื่อตะปบหยอกหนูตัวนิ่มๆ อย่างเธอวันละหลายรอบ ชายหนุ่มเสมองไปยังกองผักรกๆ ที่เจ้าตัวไม่ชอบทำไปเก็บไป พอเหลือไว้เก็บทีเดียวมันก็เลยรกแบบนี้

    “วันนี้ทำอะไรกิน” หนุ่มดอกไม้ถามเสียงขรึม

    “ต้มจับฉ่ายค่ะ วันก่อนคุณพริกบอกอยากกินหนูเลยทำ ว่าแต่กับข้าวมีอย่างเดียว ทำอย่างอื่นเพิ่มอีกไหมคะ”

    “ไม่ต้อง กินแค่อย่างเดียวนี่แหละ”

    “แล้ว...ไม่ไปอาบน้ำก่อนเหรอคะ” แม่ครัวสาวที่ต้องการเวลาเก็บกวาดสักห้านาทีถาม หลังจากนั้นหญิงสาวก็ร้องอุทานอย่างตกใจเมื่อถูกชายหนุ่มดึงตัวเข้าไป...

    “อี๋...คุณพริกน่าเกลียดที่สุด!

    เจ้าของใบหน้างามที่ซุกอยู่กับรักแร้หอมๆ ทำเสียงอี๋กลบเกลื่อนอาการใจเต้นแรง

    “เหม็นไหมล่ะ”

    “เหม็นมาก ไปอาบน้ำเลยไป!

    สาวดอกไม้ใช้แรงเฮือกสุดท้ายก่อนจะทรุดตัวอ่อนเหมือนขี้ผึ้งลนไฟผลักชายหนุ่ม กัลปพฤกษ์ถอยออกไปแต่โดยดี ได้เห็นพวงแก้มสีชมพูเรื่อแล้วชายหนุ่มจึงระเบิดเสียงหัวเราะก่อนเดินผิวปากเดินเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ทิ้งให้สาวน้อยแสนเอ๋อของคุณพริกยืนอึ้ง ใช่ว่าเขาไม่เคยถึงเนื้อถึงตัวเสียเมื่อไหร่ แต่นับวันยิ่งเพิ่มขึ้น ใกล้ชิดกันมากขึ้น

    พลับพลึงวางมือเหนืออกด้านซ้าย ก้อนเนื้อด้านในยังคงเต้นแรงพอๆ กับความร้อนผ่าวบนใบหน้า ไม่ว่าอย่างไรก็ขจัดความรู้สึกแบบนี้ออกไปไม่ได้สักที มันเกิดขึ้นตั้งแต่ที่เธอเจอคุณพริกที่ร้านอาหารซือเป่าแล้ว หลังจากนั้นมันก็ทวีขึ้นเรื่อยๆ

     

    “ว่าจะถามคุณพริกหลายทีแล้ว ลุงหม่าสบายดีไหมคะ” พลับพลึงชวนคุยขณะที่กินข้าวเย็น เธอกับเขากินข้าวเย็นด้วยกันเกือบทุกวัน บางวันเขาโทรศัพท์กลับมาบอกว่าทำโอทีที่ร้านซือเป่าเธอก็จะกินคนเดียว

    ก่อนหน้านี้พลับพลึงทำงานที่ร้านด้วย แต่ทุกคนในร้านทำเหมือนไม่ชอบเธอ เอ่อ... จะว่าไม่ชอบก็ไม่เชิง เรียกว่าไม่ค่อยมีใครคุยกับเธอมากกว่า แม้แต่จุ๊บเองก็ไม่เข้ามาสุงสิง

    สาวดอกไม้ทำงานได้แค่สองวัน... ลุงหม่าผู้ที่คุณพริกบอกว่าเป็นลุงก็โวยวายเสียงดังในครัว หญิงสาวฟังไม่ออกว่าคนเหล่านั้นพูดว่าอะไรเพราะพวกเขาใช้ภาษาบ้านเกิด พอคุณพริกซึ่งออกไปทำธุระปรากฏตัวที่หน้าร้าน ทุกคนก็เงียบกริบ มีเพียงลุงหม่าที่พูดออกมาสองสามประโยคด้วยท่าทางที่ไม่เหมือนลุงพูดกับหลาน

    เป็นโชคไม่ดีที่วันนั้นวรนิตตามตัวเธอพบ หูตาผู้เป็นน้าช่างไวนัก ไม่ก็เพราะเจ้าตัวคิดถูกว่ามีไม่กี่ที่ที่เธอซึ่งไม่มีพาสปอร์ตจะมาขอความช่วยเหลือ ซึ่งเป้าหมายก็ไม่พ้นร้านอาหารไทยกับร้านอาหารจีน

    วรนิตเกลี้ยกล่อมให้เธอกลับไปด้วยกัน ทว่าพลับพลึงไม่เชื่อใจผู้เป็นน้าอีกต่อไปแล้วจึงปฏิเสธ อีกฝ่ายไม่มีทีท่ายอมซ้ำยังอาละวาดประกาศจะทำให้เธอเดือดร้อนจนถูกไล่ออก ในตอนนั้นหญิงสาวสะอื้นไห้ตัดพ้อโชคชะตาที่ทำให้เธอเจอเรื่องแบบนี้

    คุณพริกเข้ามาช่วยเธออีกครั้ง หลังจากนั้นเธอก็ถูกพากลับห้อง โดยที่ไม่ต้องไปทำงานที่ร้านซือเป่าอีก คุณพริกให้เธอพักที่ห้องและเที่ยวเตร็ดเตร่ตามใจ

    “อือ” เสียงไอโขลกๆ ดึงหญิงสาวออกจากภวังค์

    สาวดอกไม้นิ่วหน้า ไม่ชอบที่ชายหนุ่มมีพิรุธ คุณพริกมีพิรุธให้เธอจับได้หลายอย่าง เริ่มตั้งแต่เรื่องที่ชายหนุ่มทำงานในร้านอาหารซือเป่า เป็นหลานลุงหม่าพ่อครัวชาวฮ่องกงทั้งที่หน้าตาเหมือนแกะออกจากคนละพิมพ์ บอกว่าตัวเองมีเงินไม่ค่อยมากแต่กลับใส่กางเกงอามานี ซ้ำยังมีกลิ่นน้ำหอมราคาแพงติดตัว แถมเขายังชอบซื้อของใช้อย่างเสื้อผ้า เครื่องสำอางหรือสิ่งของอย่างอื่นที่จำเป็นให้เธออีกด้วย แต่ละอย่างล้วนแล้วแต่เป็นของราคาค่อนข้างสูง

    “ไอซะเหมือนคนกำลังปิดบังอะไรอยู่” ดวงตากลมหรี่ลงอย่างจับผิด กัลปพฤกษ์เห็นดังนั้นจึงไอหนักกว่าเดิม ไอจนหน้าดำหน้าแดงจนหญิงสาวคร้านจะซักฟอกต่อ จึงลุกขึ้นเดินไปทางด้านเดียวกับชายหนุ่ม ยกแก้วน้ำให้จิบพร้อมทั้งลูบหลังเบาๆ

    “กินข้าวอยู่ใครใช้ให้คุยกัน ข้าวติดคอเลยเห็นไหม” คนปิดบังความจริงหลายอย่างกับสาวกลบเกลื่อนด้วยการต่อว่า

    “ขอโทษค่ะ ใครจะรู้ว่าสำลักง่ายแบบนี้ นึกว่าความจริงติดคอซะอีก” หญิงสาวว่าพรางเดินกลับไปนั่งที่เดิม ทำไม่เห็นสีหน้ามีพิรุธของชายหนุ่ม ฮึ...อึ้งไปเลยสิท่าคุณพริก!

    “ลุงหม่าสบายดี พอใจหรือยัง” คนที่ไอจนเจ็บคอตอบเสียงแหบแห้ง เคยมีคนบอกโกหกตกนรก ชายหนุ่มไม่รู้ว่าในนรกนั้นร้อนแค่ไหน ตอนนี้เขาร้อนจนตัวแทบไหม้กับความจริงที่ปิดซ่อน แถมยังไม่กล้าคิดถึงตอนความแตกอีกด้วยสิ

    พลับพลึงพยักหน้าพร้อมอมยิ้มจนอีกคนตกรางวัลด้วยการทำตาดุใส่ แต่หญิงสาวไม่ยักกลัวกลับเอื้อมมือตักกับข้าวให้

    “อ่ะ หนูตักไชเท้าให้เป็นการขอโทษ”

    กัลปพฤกษ์มองผักกาดหัวหรือไชเท้าในจานสลับกับหน้าคนตัก ชายหนุ่มทำเสียงฮึ่มฮั่มก่อนจะตักมันเคี้ยวกร้วมๆ ราวกับเจ้าสิ่งนั้นเป็นดอกพลับพลึงสีขาวอย่างนั้นแหละ

    “ตักผักอย่างอื่นให้ด้วยสิ” ชายหนุ่มบอกเมื่อกลืนข้าวหมดแล้ว

    “เรื่องอะไร อยากกินก็ตักเองสิคะ” สาวดอกไม้ลอยหน้าลอยตาบอก ระยะเวลาหนึ่งเดือนที่อยู่ด้วยกันกับชายหนุ่มทำให้เธอรู้สึกไว้ใจเขามากขึ้น แรกๆ ก็ขัดเขินอีกทั้งยังกลัวเขา แต่พออยู่ไปเรื่อยๆ ความกลัวมันหดหายไปไหนหมดก็ไม่รู้ หญิงสาวพยายามยับยั้งตัวเองไม่ให้เชื่อใจเขามากเกินไป กระนั้นแล้วความจริงใจที่ชายหนุ่มเพียรมอบให้ก็เหมือนค้อนค่อยๆ ทุบทลายกำแพงที่เธอสร้างขึ้น

    “อย่ากวน ยังไม่หายโกรธ”

    “โกรธที่ถามเรื่องลุงหม่าน่ะเหรอคะ” หญิงสาวย้อนอย่างจับผิด ปลาไหลใส่สเก็ตอย่างกัลปพฤกษ์จึงเสตักกับข้าวแล้วกินโดยไม่พูดไม่จา พอกินอิ่มไม่วายทิ้งท้ายให้สาวขุ่นเคือง

    “หยุดเพ้อเจ้อคิดว่าพี่เป็นลูกเศรษฐีซะทีเถอะ มองไปรอบๆ ห้องแล้วเรียกสติด้วยยายเอ๋อ!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×