คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บุษบาลวงรัก 1
พ่อยอดขมองอิ่ม
1
บุษบาลวงรัก
“เร็วหน่อยสิอาตง!” เจ้าของเสียงทุ้มเร่งคนสนิทในขณะที่กำลังเร่งถอดเสื้อสูทอยู่ตอนหลังของรถยนต์คันหรู
อาตงหรือหูเสี่ยวตงรีบยื่นเสื้อยืดกลางเก่ากลางใหม่ที่หยิบออกจากกระเป๋าไปด้านหลัง
อีกคนคว้ามาเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว ดวงตาภายใต้กรอบแว่นสีทองกะพริบปริบๆ
มองภาพเจ้านายถอดเสื้อเชิ้ตของอามานี่แล้วเปลี่ยนใส่เสื้อที่เขาเพิ่งส่งให้
คิ้วหนาขมวดมุ่นหลังจากกวาดสายตามองผู้เป็นนายตั้งแต่หัวจรดเท้า
คุณพริกจะรู้ไหมหนอ... เสื้อกลางเก่ากลางใหม่นั่นมันไม่อาจลบรัศมีผู้บริหาร
‘ราชาวดีไทยซิลค์’ ได้สักนิด
ชายหนุ่มยังคงเจิดจ้าแม้สวมเสื้อผ้าซอมซ่อ
เลขาฯ
หนุ่มใช้นิ้วชี้ดันแว่นขึ้นแล้วเสมองไปทางอื่นหลังจากมองหาความซกมกของเจ้านายไม่เจอ
หากไม่ได้มาเห็นกับตา เขาไม่มีวันเชื่อเด็ดขาดว่าเจ้านายผู้ซึ่งมีดีกรีหนุ่มฮอตจะสร้างเรื่องสร้างราววุ่นวายได้ขนาดนี้
‘คุณพริก’ หรือ ‘กัลปพฤกษ์ วงศ์บุษบา’
เป็นลูกชายคนที่สองของราชพฤกษ์กับราชาวดี
ชายหนุ่มมีพี่น้องด้วยกันสามคนซึ่งคนโตคือสนฉัตร พฤกษ์ลดาเป็นน้องสาวคนสุดท้อง
ปัจจุบันชายหนุ่มรับสืบทอดธุรกิจนำเข้าผ้าไหมและด้ายไหมของครอบครัว
เพราะสนฉัตรไปทำเหมืองและปางไม้ที่ประเทศไทย
ส่วนพฤกษ์ลดาปัจจุบันแต่งงานไปช่วยกิจการของสามีที่สเปน
ในบรรดาพี่น้องกัลปพฤกษ์นับเป็นคนที่โดดเด่นที่สุด
รูปร่างสูงสมส่วน นัยน์ตาสีเปลือกไม้ ผิวพรรณสะอาดสะอ้าน
บุคลิกชอบยิ้มแย้มอารมณ์ดี คารมไม่เป็นรองใคร ทุกอย่างรวมกันกลายเป็นความทรงเสน่ห์จนเป็นที่หมายปองของสาวๆ
กระนั้นคนช่างเลือกก็ยังไม่ตกลงปลงใจกับใครสักที
เวลามีคนถามเรื่องแฟนหรือเรื่องแต่งงาน ชายหนุ่มมักให้คำตอบทำนองเดียวกัน
คือไม่อยากหาบ่วงมารัดคอ ไม่อยากวุ่นวายและยังไม่พร้อมจะดูแลใคร
ทว่าในตอนนี้...เสี่ยวตงคิดว่าเจ้านายมาไกลเกินคำว่าเอาบ่วงมารัดคอเสียแล้ว
และยิ่งอยู่ห่างไกลคำว่าไม่พร้อมจะดูแลใครอีกล้านปีแสง
“ดูซกมกยัง”
“...”
“เอ๊า ถามทำไมไม่ตอบ ฟานนายว่าไง”
ผู้นั่งอยู่ตอนหลังหันไปถามบอดีการ์ดที่พ่วงตำแหน่งคนขับรถ ฟาลโคบอดีการ์ดสัญชาติอิตาเลียนกระแอมไอ
เหลือบไปทางเสี่ยวตงแวบหนึ่งจึงอ้อมแอ้มตอบ
“ก็ดีครับ” บอดีการ์ดหนุ่มไม่ได้โกหก
มันเป็นความจริง... เจ้านายเขาไม่ว่าอยู่ในชุดไหนก็ดูดีเสมอ เสื้อเก่าๆ
ไม่สามารถสร้างความมัวหมองให้ชายหนุ่มได้เลย
“ไม่ได้ถามว่าดีไหม ถามว่าซกมกพอยังเว้ย”
คนต้องการให้ตัวเองดูซกมกหน่อยๆ ชักสีหน้า
ดวงตาสีเปลือกไม้เพ่งไปทางเลขานุการคนสนิทที่ยังไม่ตอบคำถาม
“ผมยืนยันคำเดิม เอาถ่านมาทาตัวเถอะครับ”
เสี่ยวตงพูดติดตลก
“กูซีเรียสครับพี่ตง
พักเรื่องกวนตีนสักครู่ได้ไหม”
“ไม่ได้กวนเลยครับ
คุณพริกใส่เสื้อแบบนี้หล่อกว่าตอนใส่สูทอามานีอีก แล้วเอ้อ...เสื้อกับกางเกงมันไม่เข้ากันนะครับ”
หนุ่มแว่นท้วง เสื้อเก่าแล้วแต่กางเกงยังเป็นอามานี
“ขี้เกียจเปลี่ยน พลับพลึงไม่รู้หรอกน่า”
“แน่ใจเหรอครับ”
เสี่ยวตงเอี้ยวหน้าไปถามอย่างต้องการแซ็วมากกว่าถามจริงจัง
เจ้าของนาม ‘พลับพลึง’ คือหญิงสาวที่ทำให้เจ้านายเขาต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าบนรถมาร่วมหนึ่งเดือนแล้ว
แรกๆ เสี่ยวตงคิดว่าอีกฝ่ายคงอยากแกล้งเล่นสนุกขำๆ อย่างที่ปากว่า
แต่ตอนนี้ชายหนุ่มชักไม่แน่ใจ ระหว่างคำว่า ‘จริงจัง’
กับ ‘จริงจังมาก’ เพราะถ้าแค่เล่นๆ
คงไม่ยอมทำแบบนี้เป็นเดือน ซ้ำระหว่างนั้นยังทำเรื่องบ้าๆ บอๆ หลายอย่างอีกด้วย
“อุว๊ะ บอกว่าไม่รู้ก็คือไม่รู้สิ”
หนุ่มที่ลื่นกว่าปลาไหลบอกอย่างมั่นใจ
ไอ้ที่ทำให้เขาไม่มั่นใจเลยสักวันคือสายตาลูกน้องมากกว่า
พวกนี้ทำหน้าเหมือนไม่เชื่อในบุคลิกที่เขาเติมแต่งเพื่อลดทอนมาดผู้บริหาร
ต่างจากหญิงสาวที่รอเขาอยู่ห้องพัก รายนั้นไม่เห็นจะทำท่าสงสัยสักนิดเดียว
ชายหนุ่มคลี่ยิ้มมุมปากยามคิดถึงคนที่รออยู่ในห้องพักกลางเก่ากลางใหม่ย่านใจกลางเมือง
หญิงสาวเป็นคนที่โชคชะตาส่งมาก่อกวน
ความอ่อนต่อโลกไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของเธอสร้างความโมโหให้กับเขาบ่อยๆ
กัลปพฤกษ์เจอหญิงสาวในร้านอาหารจีนในมิลานซึ่งเป็นกิจการของผู้เป็นตาชาวฮ่องกง
เสียงหวานขับขานภาษาไทยที่ดังจากปากหญิงสาวสะดุดหูเขา จากนั้นก็สะดุดเข้ากับใบหน้าน่ารักของหญิงสาว
เขาให้ความช่วยเหลือด้วยการให้งานและให้ที่พัก
ในตอนนั้นกัลปพฤกษ์ไม่เข้าใจว่าตัวเองต้องการอะไร
เขาบอกคนรอบข้างว่าอยากเล่นสนุกๆ ด้วยการบอกหญิงสาวว่าเป็นหลานชายพ่อครัวใหญ่อย่างลุงหม่า
เป็นผู้จัดการร้านซือเป่า
ไม่กี่วันหลังจากนั้นกัลปพฤกษ์ก็ต้องสอดมือเข้าไปช่วยหญิงสาวให้พ้นจากผู้เป็นน้าที่ตามอาละวาดที่ร้านเพื่อพาหลานสาวกลับบ้าน
ในขณะที่คนเป็นหลานร่ำไห้ฝืนตัวไม่ยอมกลับท่าเดียว
หนุ่มดอกไม้เห็นท่าทางของผู้หญิงชื่อวรนิตกับชายอีกสองคนก็พอเดาเรื่องราวได้คร่าวๆ
เพราะไอ้สองคนนั้นมองยายเอ๋อของเขาตาเป็นมัน!
ออดหน้าห้องดังไม่กี่ครั้งประตูก็ถูกปลดกลอนจากด้านใน
วินาทีต่อมาก็มีใบหน้าอ่อนใสสกาวตาโผล่ออกมาพร้อมกับรอยยิ้มที่ทำให้โลกทั้งโลกของกัลปพฤกษ์ตีลังกา
พลิกกลับไปกลับมาจบด้วยลังกาเกียวอีกสองรอบ
หนุ่มดอกไม้สูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อเรียกสติก่อนจะยิ้มมุมปากตอบเพียงเล็กน้อยแล้วแทรกตัวเข้าไปในห้องด้วยสภาพที่คิดว่าตัวเองซกมกที่สุดแล้ว
พลับพลึงทำหน้ายู่ก่อนจะหันไปปิดประตู
หญิงสาวเดินไปยังเคาน์เตอร์ในส่วนของครัว ข้าวของยังคงรกอยู่เล็กน้อย
เห็นสีหน้าคนมาใหม่แล้วจึงยิ้มเอาใจ วันนี้เขาอยากมาก่อนเวลาตั้งสิบนาทีเองทำไม
“ห้ามบ่นค่ะ”
เสียงหวานแทรกขึ้นตอนเห็นริมฝีปากหยักของชายหนุ่มขยับ
กัลปพฤกษ์เม้มปากถลึงตาดุใส่ยายเด็กเอ๋อ “คุณพริกมาเร็วตั้งสิบนาที
หนูเลยเก็บกวาดของพวกนี้ไม่ทัน”
สาวดอกไม้ที่ชอบแทนตัวเองว่า ‘หนู’ ไม่รู้เลยว่าทำให้คนฟังใจเต้นแรงแค่ไหน
นึกอยากเป็น ‘แมว’
เพื่อตะปบหยอกหนูตัวนิ่มๆ อย่างเธอวันละหลายรอบ ชายหนุ่มเสมองไปยังกองผักรกๆ
ที่เจ้าตัวไม่ชอบทำไปเก็บไป พอเหลือไว้เก็บทีเดียวมันก็เลยรกแบบนี้
“วันนี้ทำอะไรกิน” หนุ่มดอกไม้ถามเสียงขรึม
“ต้มจับฉ่ายค่ะ
วันก่อนคุณพริกบอกอยากกินหนูเลยทำ ว่าแต่กับข้าวมีอย่างเดียว
ทำอย่างอื่นเพิ่มอีกไหมคะ”
“ไม่ต้อง กินแค่อย่างเดียวนี่แหละ”
“แล้ว...ไม่ไปอาบน้ำก่อนเหรอคะ”
แม่ครัวสาวที่ต้องการเวลาเก็บกวาดสักห้านาทีถาม หลังจากนั้นหญิงสาวก็ร้องอุทานอย่างตกใจเมื่อถูกชายหนุ่มดึงตัวเข้าไป...
“อี๋...คุณพริกน่าเกลียดที่สุด!”
เจ้าของใบหน้างามที่ซุกอยู่กับรักแร้หอมๆ
ทำเสียงอี๋กลบเกลื่อนอาการใจเต้นแรง
“เหม็นไหมล่ะ”
“เหม็นมาก ไปอาบน้ำเลยไป!”
สาวดอกไม้ใช้แรงเฮือกสุดท้ายก่อนจะทรุดตัวอ่อนเหมือนขี้ผึ้งลนไฟผลักชายหนุ่ม
กัลปพฤกษ์ถอยออกไปแต่โดยดี
ได้เห็นพวงแก้มสีชมพูเรื่อแล้วชายหนุ่มจึงระเบิดเสียงหัวเราะก่อนเดินผิวปากเดินเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า
ทิ้งให้สาวน้อยแสนเอ๋อของคุณพริกยืนอึ้ง
ใช่ว่าเขาไม่เคยถึงเนื้อถึงตัวเสียเมื่อไหร่ แต่นับวันยิ่งเพิ่มขึ้น
ใกล้ชิดกันมากขึ้น
พลับพลึงวางมือเหนืออกด้านซ้าย
ก้อนเนื้อด้านในยังคงเต้นแรงพอๆ กับความร้อนผ่าวบนใบหน้า
ไม่ว่าอย่างไรก็ขจัดความรู้สึกแบบนี้ออกไปไม่ได้สักที
มันเกิดขึ้นตั้งแต่ที่เธอเจอคุณพริกที่ร้านอาหารซือเป่าแล้ว
หลังจากนั้นมันก็ทวีขึ้นเรื่อยๆ
“ว่าจะถามคุณพริกหลายทีแล้ว ลุงหม่าสบายดีไหมคะ”
พลับพลึงชวนคุยขณะที่กินข้าวเย็น เธอกับเขากินข้าวเย็นด้วยกันเกือบทุกวัน
บางวันเขาโทรศัพท์กลับมาบอกว่าทำโอทีที่ร้านซือเป่าเธอก็จะกินคนเดียว
ก่อนหน้านี้พลับพลึงทำงานที่ร้านด้วย
แต่ทุกคนในร้านทำเหมือนไม่ชอบเธอ เอ่อ... จะว่าไม่ชอบก็ไม่เชิง
เรียกว่าไม่ค่อยมีใครคุยกับเธอมากกว่า แม้แต่จุ๊บเองก็ไม่เข้ามาสุงสิง
สาวดอกไม้ทำงานได้แค่สองวัน...
ลุงหม่าผู้ที่คุณพริกบอกว่าเป็นลุงก็โวยวายเสียงดังในครัว
หญิงสาวฟังไม่ออกว่าคนเหล่านั้นพูดว่าอะไรเพราะพวกเขาใช้ภาษาบ้านเกิด
พอคุณพริกซึ่งออกไปทำธุระปรากฏตัวที่หน้าร้าน ทุกคนก็เงียบกริบ
มีเพียงลุงหม่าที่พูดออกมาสองสามประโยคด้วยท่าทางที่ไม่เหมือนลุงพูดกับหลาน
เป็นโชคไม่ดีที่วันนั้นวรนิตตามตัวเธอพบ หูตาผู้เป็นน้าช่างไวนัก
ไม่ก็เพราะเจ้าตัวคิดถูกว่ามีไม่กี่ที่ที่เธอซึ่งไม่มีพาสปอร์ตจะมาขอความช่วยเหลือ
ซึ่งเป้าหมายก็ไม่พ้นร้านอาหารไทยกับร้านอาหารจีน
วรนิตเกลี้ยกล่อมให้เธอกลับไปด้วยกัน
ทว่าพลับพลึงไม่เชื่อใจผู้เป็นน้าอีกต่อไปแล้วจึงปฏิเสธ
อีกฝ่ายไม่มีทีท่ายอมซ้ำยังอาละวาดประกาศจะทำให้เธอเดือดร้อนจนถูกไล่ออก
ในตอนนั้นหญิงสาวสะอื้นไห้ตัดพ้อโชคชะตาที่ทำให้เธอเจอเรื่องแบบนี้
คุณพริกเข้ามาช่วยเธออีกครั้ง
หลังจากนั้นเธอก็ถูกพากลับห้อง โดยที่ไม่ต้องไปทำงานที่ร้านซือเป่าอีก
คุณพริกให้เธอพักที่ห้องและเที่ยวเตร็ดเตร่ตามใจ
“อือ” เสียงไอโขลกๆ ดึงหญิงสาวออกจากภวังค์
สาวดอกไม้นิ่วหน้า ไม่ชอบที่ชายหนุ่มมีพิรุธ คุณพริกมีพิรุธให้เธอจับได้หลายอย่าง
เริ่มตั้งแต่เรื่องที่ชายหนุ่มทำงานในร้านอาหารซือเป่า
เป็นหลานลุงหม่าพ่อครัวชาวฮ่องกงทั้งที่หน้าตาเหมือนแกะออกจากคนละพิมพ์
บอกว่าตัวเองมีเงินไม่ค่อยมากแต่กลับใส่กางเกงอามานี
ซ้ำยังมีกลิ่นน้ำหอมราคาแพงติดตัว แถมเขายังชอบซื้อของใช้อย่างเสื้อผ้า
เครื่องสำอางหรือสิ่งของอย่างอื่นที่จำเป็นให้เธออีกด้วย
แต่ละอย่างล้วนแล้วแต่เป็นของราคาค่อนข้างสูง
“ไอซะเหมือนคนกำลังปิดบังอะไรอยู่”
ดวงตากลมหรี่ลงอย่างจับผิด กัลปพฤกษ์เห็นดังนั้นจึงไอหนักกว่าเดิม
ไอจนหน้าดำหน้าแดงจนหญิงสาวคร้านจะซักฟอกต่อ จึงลุกขึ้นเดินไปทางด้านเดียวกับชายหนุ่ม
ยกแก้วน้ำให้จิบพร้อมทั้งลูบหลังเบาๆ
“กินข้าวอยู่ใครใช้ให้คุยกัน
ข้าวติดคอเลยเห็นไหม” คนปิดบังความจริงหลายอย่างกับสาวกลบเกลื่อนด้วยการต่อว่า
“ขอโทษค่ะ ใครจะรู้ว่าสำลักง่ายแบบนี้
นึกว่าความจริงติดคอซะอีก” หญิงสาวว่าพรางเดินกลับไปนั่งที่เดิม
ทำไม่เห็นสีหน้ามีพิรุธของชายหนุ่ม ฮึ...อึ้งไปเลยสิท่าคุณพริก!
“ลุงหม่าสบายดี พอใจหรือยัง”
คนที่ไอจนเจ็บคอตอบเสียงแหบแห้ง เคยมีคนบอกโกหกตกนรก
ชายหนุ่มไม่รู้ว่าในนรกนั้นร้อนแค่ไหน
ตอนนี้เขาร้อนจนตัวแทบไหม้กับความจริงที่ปิดซ่อน แถมยังไม่กล้าคิดถึงตอนความแตกอีกด้วยสิ
พลับพลึงพยักหน้าพร้อมอมยิ้มจนอีกคนตกรางวัลด้วยการทำตาดุใส่
แต่หญิงสาวไม่ยักกลัวกลับเอื้อมมือตักกับข้าวให้
“อ่ะ หนูตักไชเท้าให้เป็นการขอโทษ”
กัลปพฤกษ์มองผักกาดหัวหรือไชเท้าในจานสลับกับหน้าคนตัก
ชายหนุ่มทำเสียงฮึ่มฮั่มก่อนจะตักมันเคี้ยวกร้วมๆ
ราวกับเจ้าสิ่งนั้นเป็นดอกพลับพลึงสีขาวอย่างนั้นแหละ
“ตักผักอย่างอื่นให้ด้วยสิ”
ชายหนุ่มบอกเมื่อกลืนข้าวหมดแล้ว
“เรื่องอะไร อยากกินก็ตักเองสิคะ”
สาวดอกไม้ลอยหน้าลอยตาบอก
ระยะเวลาหนึ่งเดือนที่อยู่ด้วยกันกับชายหนุ่มทำให้เธอรู้สึกไว้ใจเขามากขึ้น แรกๆ
ก็ขัดเขินอีกทั้งยังกลัวเขา แต่พออยู่ไปเรื่อยๆ ความกลัวมันหดหายไปไหนหมดก็ไม่รู้ หญิงสาวพยายามยับยั้งตัวเองไม่ให้เชื่อใจเขามากเกินไป
กระนั้นแล้วความจริงใจที่ชายหนุ่มเพียรมอบให้ก็เหมือนค้อนค่อยๆ
ทุบทลายกำแพงที่เธอสร้างขึ้น
“อย่ากวน ยังไม่หายโกรธ”
“โกรธที่ถามเรื่องลุงหม่าน่ะเหรอคะ”
หญิงสาวย้อนอย่างจับผิด
ปลาไหลใส่สเก็ตอย่างกัลปพฤกษ์จึงเสตักกับข้าวแล้วกินโดยไม่พูดไม่จา
พอกินอิ่มไม่วายทิ้งท้ายให้สาวขุ่นเคือง
“หยุดเพ้อเจ้อคิดว่าพี่เป็นลูกเศรษฐีซะทีเถอะ
มองไปรอบๆ ห้องแล้วเรียกสติด้วยยายเอ๋อ!”
ความคิดเห็น