ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บุษบาลวงรัก ชุดทัณฑ์รักบุษบา

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 7.5K
      25
      30 ต.ค. 60





    บทนำ

    จะมีสักกี่ครั้งในชีวิตที่คนเราตัดสินใจพลาด...

    พลับพลึง คิดว่าเธอกำลังผจญกับการตัดสินใจผิดพลาดครั้งใหญ่ นำมาซึ่งปัญหาที่ตัวเธอไม่อาจแก้ไขได้ หญิงสาวมองไปรอบห้องซึ่งเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะพูดคุย วรนิตผู้เป็นน้าปิดปากขำอย่างมีจริตจกร้าน เปาโลผู้เป็นสามีเองก็แหงนหน้าปล่อยเสียงหัวเราะอย่างเบิกบาน ส่วนแขกหนุ่มใหญ่อย่างดาวิดกำลังมองเธอตาหวานเชื่อม ขนในกายหญิงสาวลุกชันยามนึกถึงบทสนทนาก่อนหน้าของบุคคลทั้งสาม แค่เธอขอไปเข้าห้องน้ำ คนพวกนี้ก็จับกลุ่มสุมหัวกันพูดลับหลัง หากบทสนทนาออกไปในแง่นินทาหรือตำหนิสิ่งที่เธอทำไม่ถูกไม่ควร พลับพลึงจะไม่กลัดกลุ้มเท่านี้เลย

    ผู้เป็นน้าพูดชมเธอว่าทั้งสวยทั้งน่ารักกับดาวิด หนุ่มใหญ่วัยสี่สิบแปดปีที่ตกพุ่มม่ายหัวเราะชอบใจพร้อมบอกเห็นด้วย แค่บทสนทนานั้นก็ทำให้พลับพลึงรู้สึกสะอิดสะเอือนวาจาของผู้เป็นน้าที่ทำเหมือนกำลังพรีเซ้นสินค้ามากพอแล้ว หญิงสาวยังต้องผงะกับประโยคถัดๆ มาที่เกี่ยวเนื่องกับ...

    สินสอด’ กับ หนี้สิน’ ที่จะหักลบกัน

    เป็นเรื่องเหนือความคาดหมายของสาวดอกไม้ เธอไม่เคยรู้เลยว่าน้าสาวผู้มีอันจะกินได้เป็นหนี้ก้อนใหญ่และเจ้าหนี้คือดาวิดเพื่อนสนิทสามี

    ในสายตาของคนในหมู่บ้านรวมถึงสายตาของยายกับแม่ น้านิตผู้นี้วาสนาดีที่จับผลัดจับผลูได้แต่งงานกับหนุ่มต่างชาติซึ่งทุกคนล้วนเข้าใจว่าเป็นเศรษฐี เหนือกว่านั้นเวลาทั้งสองกลับไปเยี่ยมบ้านปีละครั้ง มักจะจัดงานใหญ่โตอย่างเช่นจ้างอีเล็กโทนเหมาโต๊ะจีนราวครึ่งร้อยเพื่อเลี้ยงบรรดาผองเพื่อนและคนในหมู่บ้าน

    ภาพลักษณ์เศรษฐีนีที่ได้สามีต่างชาติทำให้ผู้คนกล่าวขานถึงวรนิตในแง่ดี ใครมีลูกสาวล้วนแต่อยากให้ได้สามีเหมือนวรนิตด้วยกันทั้งนั้น แม้กระทั่งยายกับแม่ก็ยังเคยเอ่ยปาก หากเธอได้คู่ชีวิตเหมือนเปาโลก็คงจะดีไม่น้อย เพราะน้านิตมีความสุขมากเวลาเล่าเรื่องความเป็นอยู่ในอิตาลีให้ยายฟัง ยายกับแม่ฟังด้วยความปลาบปลื้มสุดหัวใจที่ลูกสาวและน้องสาวได้ดิบได้ดี

    สิ่งเหล่านั้นเองที่ก่อให้เกิด ความหวังปรารถนาจะให้หลานสาวและลูกสาวซึ่งก็คือพลับพลึงได้ดีตามรอยผู้เป็นน้า และสิ่งเหล่านั้นเองที่ผลักดันให้หญิงสาววัยยี่สิบเอ็ดปีซึ่งเพิ่งจบการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ ต้องเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาไกลถึงอิตาลี

    ตอนน้านิตขอยายกับแม่พาเธอมาเที่ยว พลับพลึงรู้สึกดีใจเหมือนได้ของขวัญการเรียนจบอย่างไรอย่างนั้น การออกท่องเที่ยวต่างประเทศเป็นความใฝ่ฝันของเธออยู่แล้ว แต่พอเห็นสีหน้าแววตาของยายกับแม่ สาวดอกไม้พลันรู้สึกห่อเหี่ยวใจ การมีสามีชาวช่างชาติไม่เคยอยู่ในหัวเธอ อีกทั้งความรุ่มรวยก็ไม่ใช่สิ่งที่เธอใฝ่ฝัน

    ความสุขที่ได้อยู่กับคนในครอบครัวอย่างแม่กับยายต่างหากล่ะคือสิ่งที่เธอใฝ่ฝัน หญิงสาววางแผนสมัครงานในจังหวัดบ้านเกิด เพราะอยากอยู่ใกล้แม่กับยายเพื่อดูแลท่านทั้งสอง

    พลับพลึงปฏิเสธทันทีที่ผู้เป็นน้าชักชวนต่อหน้าแม่กับยาย เธอไม่อยากแบกรับความหวังของท่านทั้งสอง แม้อิตาลีจะเป็นประเทศในฝันก็ตาม เธอตั้งใจจะเก็บเงินไปท่องเที่ยวเอง อีกทั้งลึกๆ เธอไม่ชอบเปาโลสักเท่าไหร่ ต่อหน้าคนอื่นมักทำตัวเป็นปกติ เอ็นดูเธอเหมือนหลานในไส้ แต่พอลับหลังเขามักมองเธอด้วยสายตาเจ้าชู้

    สาวดอกไม้เคยคิดว่าตัวเองคิดมาก มองโลกในแง่ร้ายเกินไป ครั้นพอเจอสายกรุ้มกริ่มหลายครั้งเข้า เธอจึงปักใจว่าน้าเขยชาวต่างชาติไม่ได้ดีอย่างที่ทุกคนเชื่อ พลับพลึงพยายามหลีกเลี่ยงการพูดคุย อยู่สองต่อสองกับเปาโล แต่อีกคนไม่วายจ้องหาโอกาสอยู่ร่ำไป หนักเข้าเธอจึงหาทางเลี่ยงออกจากบ้านยามผู้เป็นน้าพาสามีมาเยี่ยมยายกับแม่

    สุดท้ายเธอก็ขัดความต้องการของผู้มีพระคุณทั้งสองไม่ได้ แม่กับยายถึงกับไปโอนเงินเข้าบัญชีให้เธอ บอกเอาไว้เป็นค่าใช้จ่าย เรื่องตั๋วกับที่พักน้านิตอาสาจัดการให้เอง ส่วนเรื่องเที่ยวผู้เป็นน้าออกปากว่าถ้าเธออยากไปคนเดียวก็ย่อมได้ เพียงแต่ต้องระมัดระวังตัว หรือหากจะให้พาเที่ยวสองคนน้าหลานก็จะพาไปเพราะเปาโลผู้เป็นสามีคงไม่ว่าง

    ประโยคที่บอกว่าเปาโลจะไม่ว่างจากปากผู้เป็นน้าและการคะยั้นคะยอของแม่กับยายทำให้พลับพลึงตอบตกลง การเดินทางโดยมีที่นั่งในชั้นธุรกิจยิ่งทำให้เธอเชื่อว่าผู้เป็นน้าร่ำรวย กระทั่งได้มาเจอดาวิดที่วรนิตอ้างว่าเป็นเพื่อนสนิทสามี

    ...การมองโลกในแง่บวกของสาวดอกไม้พลันติดลบ

    ชีวิตติดหรูของน้านิตกับสามีนำมาซึ่งหนี้ก้อนใหญ่ ดวงตางามล้อมด้วยกรอบขนตาสีดำมีน้ำขังคลอ แน่นอนว่าน้านิตอาจไม่ได้คิดว่าตัวเองเอาหลานมาเร่ขายใช้หนี้ แต่หากคนภายนอกหรือคนในหมู่บ้านทราบเรื่อง ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็ฟันธงว่าน้าขายหลานใช้หนี้อย่างแน่นอน พลับพลึงไม่รู้จำนวนหนี้ หากแต่พอได้ยินดาวิดพูดถึงดอกเบี้ยต่อเดือนที่ทั้งสองยังค้างจ่ายซึ่งตีเป็นเงินไทยเป็นเลขหกหลักแล้วเธอถึงกับลมจับ ต้องเป็นหนี้จำนวนเท่าไหร่ถึงได้ส่งดอกเบี้ยหลักแสน!

    พลับพลึงนึกถึงผู้เป็นพ่อที่จากไปได้สองปีพลันกระกอกบอกตาร้อนผะผ่าว หญิงสาวจำได้ว่าพ่อเคยเอ่ยปากเตือนยายกับแม่เรื่องการใช้ชีวิตฟุ่มเฟือยของวรนิต ครานั้นยายถึงขนาดตวาดหาว่าพ่อของเธออิจฉา เธอในตอนนั้นเห็นด้วยกับผู้เป็นพ่อแต่ไม่ได้แย้งอะไร ลับหลังแม่กับยายพ่อสอนเธอเสมอว่าอย่าใช้ชีวิตไปกับความฟรุ้งเฟ้อ ในยามมีเงินมีทองให้รีบเก็บหอมรอมริบเอาไว้เพื่อกาลข้างหน้า

    สำหรับพ่อแล้ว การที่เรามีกันและกันมันมีค่ามากกว่าเงินทอง ต่อให้วันหนึ่งเราไม่ได้อยู่ด้วยกัน ยายหนูอาจมีเงินเป็นสิบเป็นร้อยล้าน พ่อเชื่อว่าสิ่งหนึ่งที่ยายหนูจะจดจำได้มากกว่าจำนวนเงินทองคือความรักและคำสั่งสอนของพ่อที่มอบให้

    ในตอนนั้นเธอหัวเราะพร้อมเข้าไปกอดพ่อ เธอไม่เคยนึกถึงวันที่ครอบครัวจะไม่มีกันและกัน กระทั่งพ่อได้จากไปด้วยอุบัติเหตุ

    แน่นอนว่าความรักและคำสั่งสองของพ่อได้จารจำในหัวใจเธอเหมือนอย่างที่พ่อเคยบอก แต่ไอ้เรื่องเธอจะมีเงินเป็นสิบเป็นร้อยล้านเห็นจะไม่ใช่

     

    หนึ่งสัปดาห์ต่อมา...พลับพลึงหนีออกจากบ้านในคืนวันที่มีงานเลี้ยงอีกครั้ง วรนิตคุยเรื่องสินสอดที่จะหักลบกลบหนี้กับดาวิดพร้อมกับเงินหลักล้านที่จะนำไปอ้างว่าเป็นเงินสินสอดกับวงเดือนและผาณิตที่เมืองไทย

    หลังจากทราบเรื่องหนี้สินของผู้เป็นน้าสาวดอกไม้ตัดสินใจเดินทางกลับบ้าน หญิงสาวจองตั๋วเครื่องบินและโรงแรมที่พักใกล้สนามบินไว้เรียบร้อย เธอไปผูกมิตรกับเพื่อนบ้านของน้านิตซึ่งดูจะไม่มิตรแม้กับเธอแต่น้อย ความพยายามของพลับพลึงประสบผลสำเร็จ แม้ทุกคนจะรู้สึกไม่ค่อยดีกับวรนิตและสามี แต่ความนอบน้อมช่างยิ้มแย้มของพลับพลึงทำให้คนเหล่านั้นรับไมตรีด้วยการพูดคุย

    พลับพลึงขอติดรถเพื่อนบ้านคนหนึ่งที่จะออกมาทานอาหารในเมือง หญิงสาวขอลงย่านใจกลางเมืองก่อนจะพบว่าตัวเองลืมพาสปอร์ต สาวดอกไม้ถึงกับสะอื้นไห้กับความสับเพล่าของตัวเอง เพราะกังวลมากเกินไปจึงหยิบออกมาดูแล้วลืมเก็บใส่กระเป๋าเป้ ยังดีที่มีกระเป๋าเงินติดมาด้วย ไม่งั้นหญิงสาวคงต้องนั่งรถกลับไปยังบ้านน้าสาวและหาคำตอบให้กับคนเหล่านั้น

    เป็นความโชคดีของเธอในระหว่างที่คิดไม่ตกและตัดสินใจแวะหาอะไรกินก่อน พลับพลึงเจอร้านอาหารจีน หญิงสาวเข้าไปสั่งอาหารพร้อมกับเห็นว่าที่ร้านมีคนไทยเป็นเด็กเสิร์ฟอยู่ด้วย ที่เธอรู้เพราะหญิงสาวทั้งสองต่างสนทนากันโดยใช้ภาษาไทย

    “จุ๊บพรุ่งนี้มีเรียนกี่โมง” สาวไทยร่างอวบคนหนึ่งกระซิบถามเพื่อนระหว่างที่เดินผ่านโต๊ะเธอ ใจสาวเต้นรัวแรงยามรับรู้ว่าเจอคนเชื้อชาติเดียวกัน

    “เรียนเช้าเลยล่ะ พรุ่งนี้มีทำงานกลุ่มด้วยเลยลางาน”

    “อืม งั้นเลิกงานกลับบ้านพร้อมกันนะ”

    บทสนทนาของสองสาวดังห่างออกไป อีกพักใหญ่หนึ่งในสองจึงเดินกลับมาเสิร์ฟอาหาร เด็กเสิร์ฟสาวไทยส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร

    “พี่เป็นคนไทยใช่ไหมคะ” สาวดอกไม้ถามด้วยความหวังอันล้นปรี่ เธอหวังเหลือเกินว่าหญิงสาวตรงหน้าจะช่วยเหลือเธอได้ในระหว่างที่ขบคิดเรื่องกลับไปเอาหนังสือเดินทาง

    “ใช่จ้ะ ว่าแล้วเชียว เมื่อกี้พี่คุยกับเพื่อนว่าน้องต้องเป็นคนไทยแน่ๆ” สาวเสิร์ฟชื่อจุ๊บพูดคุยอย่างเป็นกันเอง ก่อนจะหุบยิ้มเมื่อเห็นลูกค้าสาวชาวไทยน้ำตาคลอเบ้า

    “พี่...”

    “มีอะไรหรือเปล่าน้อง ทำไมถึงร้องไห้”

    สาวดอกไม้เริ่มเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังคร่าวๆ พร้อมทั้งสอบถามเรื่องที่พักราคาถูกในละแวกนี้ เธอต้องอยู่ต่ออีกพักหนึ่งเพื่อคิดหาทางกลับไปเอาหนังสือเดินทาง จุ๊บนิ่วหน้าก่อนจะทำหน้าเหวอเมื่อมองไปด้านหลังลูกค้าสาว

    “เขามาสมัครงานเหรอ” เสียงถามเป็นภาษาไทยชัดแจ๋วดังจากด้านหลัง อะไรบางอย่างผลักดันทำให้พลับพลึงรีบพยักหน้ารับทั้งๆ ที่ยังไม่ได้หันไปมองด้วยซ้ำ

    “เอ่อ” จุ๊บอ้ำอึ้ง ยังไม่ทันบอกว่าสาวน้อยตรงหน้าสอบถามถึงที่พักราคาถูก อีกคนก็...

    “รับเลย ส่วนเรื่องที่พักไม่มีปัญหา”

    !!!

    ...พลับพลึงจึงได้งานทำด้วยเหตุบังเอิญเช่นนี้เอง    


    มันคงเป็นเพราะโชคชะตาที่นำพาเธอมาสู่จุดนี้ คุณพริก คือคนที่รับเธอเข้าทำงาน เขาเป็นผู้จัดการร้านอาหารจีนนาม ซือเป่า หะแรกที่หันไปเห็นใบหน้าของชายหนุ่ม หญิงสาวยอมรับว่าตะลึงกับความหล่อเหลาของเขา ชายหนุ่มเหมือนหลุดออกจากนิตยสารเพลย์เกิร์ลอย่างไรอย่างนั้น ใบหน้าหล่อเหลามีเครื่องหน้าราวจิตกรเอกปั้นแต่ง คิ้วเข้มที่รับกับดวงตาสีเปลือกไม้คมกริบชนิดที่เผยสบเข้าเป็นต้องรีบหลบตา จมูกโด่งคมสัน ริมฝีปากหยักได้รูปมีสีระเรื่ออย่างที่มองแวบเดียวก็รู้ว่าชายหนุ่มไม่สูบบุหรี่ ผิวพรรณขาวดูสะอาดสะอ้าน เขามีรูปร่างสูงแต่ไม่หนา เสื้อเชิ้ตสีขาวตัวบางพอให้เห็นว่าเขามีมัดกล้ามสมชายชาตรี ทั้งหมดทั้งมวลนั้นทำให้พลับพลึงตะลึง คุณพริกเป็นหนุ่มเชื้อสายไทย – ลาว – ฮ่องกง หลังจากรับเธอเข้าทำงานเขาก็แนะนำตัวกับเธออย่างละเอียดยิบ ...ซึ่งเธอที่มัวแต่ตะลึงกับความหล่อของเขาจำได้ไม่หมด

    พลับพลึงลากกระเป๋าเดินตามชายหนุ่มไปยังตรอกเล็กๆ ห่างจากร้านอาหารจีนที่เธอเพิ่งได้งานสดๆ ร้อนๆ หลังจากเขาตกลงรับเธอเข้าทำงานที่ร้าน ทุกคนในร้านที่ตอนแรกต่างให้ความสนใจเธอก็เมินเฉยถึงขั้นไม่พูดคุย หญิงสาวไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ขนาดจุ๊บยังแค่ส่งยิ้มแหยๆ ให้เธออยู่ไกลๆ เรียกว่าไม่มีใครกล้าเดินเฉียดเธอในระยะหนึ่งเมตรด้วยซ้ำ

    เรื่องที่พักที่ไม่มีปัญหาของเขากลับกลายเป็นปัญหาของเธอ เพราะชายหนุ่มถามคนในร้านแล้ว ไม่มีใครสะดวกให้เธอพักด้วย ตอนแรกหญิงสาวออกปากว่าพักโรงแรมในละแวกนี้สักสองสามวันก่อนค่อยขยับขยายก็ได้ ถึงอย่างนั้นพอชายหนุ่มแจ้งค่าห้องพักเธอถึงกับลมจับ ช่วงนี้เป็นช่วงไฮซีซั่นโรงแรมส่วนใหญ่ต้องจองก่อน ส่วนที่พักระดับสามดาวลงมา คุณพริกให้เหตุผลว่าไม่ควรเข้าพักคนเดียว

    ...สุดท้ายเขาก็เสนอทางออกให้ ด้วยการให้เธอมาพักกับเขาก่อน

    ความจริงเธอไม่ควรใจง่ายตามชายหนุ่มมา ไม่ควรไว้ใจคนแปลกหน้าแต่เพราะก่อนหน้าจะออกจากร้านเธอได้วิ่งไปถามจุ๊บเกี่ยวกับชายหนุ่ม เธอก็ได้คำตอบในแง่ดี

    คุณพริกไว้ใจได้ พี่รับรองเลย

    ในตอนนั้นเธอเชื่อครึ่งๆ กลางๆ พอหันหลังกลับก็เจอกับ มะเหงก ลูกโตที่หล่นตุ้บกลางกระหม่อม คุณพริกเขลกหัวเธอพร้อมกับเท้าสะเอวทำหน้าเครียด

    ถ้าไม่ไว้ใจกัน ก็ไปพักที่โรงแรมก็ได้นะ

    สุดท้ายหญิงสาวก็ตามเขามาแต่โดยดี เพราะมะเหงกที่เขลกหัวแท้ๆ สาวดอกไม้คิดในแง่ดี โจรที่ไหนจะเขลกหัวเหยื่อกันเล่า และนี่คงไม่ใช่วิธีการทำให้เหยื่อตายใจของฆาตกรอย่างแน่นอน เพราะขืนใช่คงต้องเรียกว่าคุณพริกเป็นฆาตกรที่ล้ำและฉีกบทโหดๆ ที่เห็นตามภาพยนต์และซีรีย์ดังๆ เสียกระจุย

    ตากลมสีนิลมองด้านหลังชายหนุ่มที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ เขานับว่าเป็นชายหน้าตาดีมากถึงมากที่สุด เขาเป็นหลานชายของลุงหม่าพ่อครัวใหญ่ในร้านซือเป่า

    ...เป็นหลานที่ลุงเห็นแล้วมีท่าทางเกรงอกเกรงใจเหลือเกิน!

    หญิงสาวเดินตามชายหนุ่มไปด้วยสีหน้าหมองเศร้า ไม่รู้เพราะอะไรเธอถึงได้เจอเรื่องร้ายๆ แบบนี้ คิดถึงแม่กับยายแล้วน้ำตาพาลจะไหล พลับพลึงสูดลมหายใจลึกเข้าปอดเพื่อเรียกกำลังใจ อย่างไรเสียเธอก็ต้องหาทางไปเอาหนังสือเดินทางหรือไม่ก็แก้ไขปัญหานี้เพื่อจะได้เดินทางกลับบ้านไวๆ

    สาวดอกไม้ไม่รู้เลยว่านอกจะไม่ได้กลับไวอย่างใจหวัง หญิงสาวยังต้องทิ้งหัวใจไว้ที่นี่ เพราะ บ่วงลวง ที่ชายหนุ่มซึ่งเดินนำหน้าดักล่อเอาไว้

     

    ไม่บ่อยนักที่กัลปพฤกษ์จะได้พูดคุยกับสาวไทย นอกเสียจากคนที่เป็นพี่น้องหรือคนรู้จักซึ่งมีไม่กี่คน นั่นเพราะชายหนุ่มใช้ชีวิตส่วนใหญ่ที่อิตาลี หะแรกที่ได้ยินเสียงหวานจับใจพูดกับเด็กเสิร์ฟอยู่ภายในร้านพร้อมกับเล่าปัญหาให้ฟัง หัวใจที่แกร่งปานหินผาเหมือนถูกเล็บข่วนขูดเบาๆ ให้รู้สึกคันยุบยิบ

    เรือนผมสลวยที่มัดรวบตึง แผ่นหลังภายใต้เสื้อยืดสีเหลืองอ่อน ทำให้เขาอยากเห็นใบหน้าเธอพร้อมๆ กับคิดอยากลองใจ จึงพลั้งปากถามเรื่องเธอมาสมัครงานหรือเปล่า ไม่คิดว่าหญิงสาวจะตอบรับ หนุ่มดอกไม้ตั้งใจจะให้ผู้จัดการร้านซือเป่าตัวจริงเป็นคนสัมภาษณ์ ทว่าพอสานสบเข้ากับดวงตาใสซื่อ ได้เห็นดวงหน้าน่ารัก หัวใจที่คันยุบยิบพลันกระตุก กัลปพฤกษ์จำได้ว่าในตอนนั้นเขาถึงกับกลั้นลมหายใจด้วยซ้ำ ไม่รู้เพราะสมองขาดออกซิเจนหรืออย่างไร ปากพล่อยๆ จึงทำงานอีกครั้ง

    เขาปั้นเรื่องราวซะใหญ่โต ทั้งที่ปัญหาของเธอเล็กแค่นิดเดียว!

    การบอกว่าเป็นผู้จัดการร้านซือเป่า แถมยังเป็นหลานชายซูหม่าพ่อครัวใหญ่ของร้านไม่ได้ร้ายแรงเกินไปนัก สิ่งที่ร้ายไปกว่านั้นคือการคิดกลั่นแกล้งยายเด็กตาใสที่เนียนรับว่ามาสมัครงานด้วยการเสนอที่พักให้หญิงสาวอีกด้วย

    ยิ่งบังเอิญได้ยินหญิงสาวสอบถามเกี่ยวกับตัวเขาจากเด็กในร้านก็ยิ่งเกิดความหมั่นไส้ เลยพลอยต้องโกหกไปอีกชุดใหญ่ไฟกระพริบตามประสาหนุ่มแสบ เอ๊ย หนุ่มแซบพริกสิบเม็ด

    กัลปพฤกษ์แหงนหน้ามองตึกกลางเก่ากลางใหม่ในตรอกเล็กๆ ห่างจากร้านอาหารซือเป่า นับว่ามันไม่เลวร้ายเกินไปนัก ทว่าสำหรับเขาแล้วเพิ่งเคยเหยียบย่างมาแถวนี้ ชายหนุ่มจดจำเลขห้องเอาไว้ในใจพรางสาวเท้าเดินนำด้วยท่าทางมาดมั่น ไม่เผยพิรุธให้คนด้านหลังจับได้ว่านี่ไม่ใช่ห้องของเขา

    เพราะความหมั่นไส้ยายเด็กหน้าซื่อตาใสแท้ๆ เลย กัลปพฤกษ์จึงแอบไปขอยืมห้องเด็กในร้านสักสองสามวันแล้วสั่งให้คนเปิดโรงแรมพร้อมกับจัดหาเสื้อผ้าใหม่ให้ เจ้าของห้องยิ่งกว่าเต็มใจ บอกเขาจะอยู่นานกว่านั้นก็ได้

    พอเจอหมายเลขห้องซึ่งติดอยู่ข้างประตู หนุ่มดอกไม้จึงรีบไขกุญแจ พอประตูเปิดแล้วต้องนิ่วหน้าก่อนปรับสีหน้าให้เป็นปกติ

    นี่มัน... โหดร้ายกว่าที่เขาคิดไว้!

    ดวงตาคมกวาดมองภายในห้องอย่างรวดเร็วเพื่อเก็บรายละเอียด ทว่ากลับสะดุดต่อข้าวของซึ่งวางระเกะระกะทั่วทั้งห้อง

    “อึ๋ย...” เสียงอุทานเบาๆ หลังจากเห็นสภาพห้องดังจากด้านหลัง ทำให้คนกำลังคิดล้มเลิกแผนการกลั่นแกล้งเล็กๆ น้อยๆ แล้วบอกความจริงแผ่นหลังเกร็งเหยียด ...ถอยตอนนี้ได้อย่างไร ตอนอยู่ที่ร้านยายเด็กเอ๋อทำหน้าเหมือนไม่ไว้ใจเขา ให้นอนสักคืนคงไม่เป็นไร

    ความตั้งใจแรกของชายหนุ่มคือพาเธอมาส่งที่นี่ แกล้งอำเล็กน้อยว่ามีธุระ แล้วปล่อยให้เธอพักอยู่คนเดียวสักคืนสองคืน ระหว่างนั้นหญิงสาวคงแก้ไขปัญหาของตัวเองได้ ความตั้งใจของชายหนุ่มนอกเสียจากไม่เป็นดังหวัง แต่มันเลยเถิดจนค่ำมืด ชายหนุ่มนั่งมองสาวไทยใจกล้าที่ตามเขามาเก็บห้องอย่างเพลินตา รู้ตัวอีกทีก็ค่ำมืดเสียแล้ว เกือบสองชั่วโมงที่เธอเก็บข้าวของรกๆ ระหว่างนั้นเขาและเธอต่างไม่ได้สนทนากัน

     

    พลับพลึงพ่นลมหายใจออกทางปากหลังจากเก็บข้าวของรกๆ ใส่ถุงรวมถึงเสื้อผ้าที่ถอดกระจัดกระจายพาดวางไปทั่วห้องใส่ตะกร้า เกิดมาหญิงสาวเพิ่งเคยได้พานพบกับคนหล่อแต่ซกมกก็ครานี้เอง หน้าตาหล่อเหลา เนื้อตัวเสื้อผ้าสะอาดสะอ้านแบบนั้น ไม่คิดเลยว่าเขาจะอาศัยอยู่ในรังหนูแห่งนี้

    ตอนแรกคิดว่าเขาเป็นคนดี ไม่ใช่ฆาตกรที่ลวงเธอมาฆ่าข่มขืน แต่พอได้เห็นสภาพห้องเธอคิดขึ้นมาทันทีเลย ห้องไม่ได้รกธรรมดา มันยังสกปรกมากอีกด้วย คราบอาหาร เศษขนม ถ้วยมาม่าวางระเกะระกะไปทุกมุม เตียงนอนภายในห้องส่งกลิ่นเหม็นอับลดคะแนนความหล่อของชายหนุ่มลงฮวบฮาบ

    หน้าตาเขาขัดกับสภาพห้องแบบฟ้ากับดินเลยทีเดียว!

    หญิงสาวคิดอยากขอยกเลิกการเข้าทำงานและเข้าพักกับเขาเสียหลายครา หากไม่ใจอ่อนไปเพราะความสกปรกที่ขัดกับบุคลิกของชายหนุ่ม เธอลงมือทำความสะอาดทันที ตั้งใจว่าจะพักค้างคืนแค่คืนเดียวเท่านั้น พรุ่งนี้อย่างไรเธอต้องหาทางกลับไปเอาหนังสือเดินทาง ไม่ก็หาโรงแรมอยู่ชั่วคราว ต้องให้เสียเงินจำนวนมากก็ยังดีกว่ามาอยู่แบบนี้

    เสียงเคาะประตูทำให้หนุ่มสาวที่อยู่กันอย่างเงียบสงบได้อย่างไม่น่าเชื่อสบตากัน ก่อนที่ฝ่ายชายจะเป็นคนลุกไปเปิดประตู

    “อ้อ มาแล้วเรอะ เอาเข้าไปวางข้างในเลย” ชายหนุ่มบอกเมื่อเห็นว่าใคร เขาเปิดประตูออกกว้าง ทำให้พลับพลึงเห็นชายหนุ่มผิวขาวสวมแว่นสายตาเดินหอบที่นอนพะรุงพะรังเข้ามาในห้อง

    “สวัสดิการจากทางร้าน ที่นอนหมอนพร้อมผ้าห่มใหม่”

    ยี่ห้อที่ติดมากับถุงพลาสติกห่อหุ้มบ่งบอกราคาที่ไม่ธรรมดา สาวดอกไม้เกือบขมวดคิ้ว เธอยั้งไว้ได้ทันก่อนจะพยักหน้าหงึกๆ ตอบรับไปโดยดี นั่นทำให้คนเจ้าแผนการอมยิ้มพอใจกับความเอ๋อของสาวเจ้า

    “นี่อาตง ชื่อจริงว่าเสี่ยวตงเป็นเพื่อนพี่” พลับพลึงมองเพื่อนคุณพริกที่เหงื่อแตกพลั่ก หญิงสาวยกมือไหว้ก่อนตวัดมองรอบห้องสลับกับสองหนุ่มแวบหนึ่ง ไม่ว่าอย่างไรบุคลิกและราศรีของสองหนุ่มก็ไม่เหมาะกับห้องพักขนาดเล็กแห่งนี้ ขนาดว่าเธอเก็บจนเลี่ยม พอสองหนุ่มเข้ามาอยู่ในห้องมันก็ยังหมองๆ ดูขัดๆ อยู่ดี

    เสี่ยวตงที่รู้จักกับกัลปพฤกษ์จนพอรู้ธรรมเนียมไทยรีบรับไหว้พร้อมกับปาดเหงื่อ

    “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวก่อน”

    “ฮื่อ ขอบใจนะเพื่อน”

    ใบหน้าขาวของหนุ่มเชื้อสายฮ่องกงถึงกับกระตุกยามอีกฝ่ายเรียกตนว่าเพื่อน หน้าผากมีเหงื่อเม็ดเล็กเม็ดน้อยผุดขึ้นไม่เท่าไหร่ ตอนนี้มือเขายังชื้นเหงื่ออีกด้วย เสี่ยวตงเร้นกายออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว ชนิดที่ยังไม่ทันรับไหว้พลับพลึงอีกครั้งด้วยซ้ำ สาวดอกไม้ได้แต่ยกมือไหว้ลาเก้อ

    “เพื่อนพี่ขี้อายน่ะ” หนุ่มดอกไม้ว่าพรางยิ้มขำ นานแล้วที่ไม่ได้เห็นท่าทางประดักประเดิดของคนสนิท

    “อ้อ ดูแล้วไม่น่าจะใช่นะคะ”

    “ขี้อาย... เจอสาวหน่อยไม่ได้” กัลปพฤกษ์ว่ากลั้วขำ เดินถือถุงอาหารที่เสี่ยวตงติดมือมาด้วยไปยังโต๊ะญี่ปุ่นเล็กๆ ซึ่งตั้งอยู่อีกมุมหนึ่งภายในห้อง ห่างกันมีทีวีเครื่องเล็กตั้งเอาไว้ หนุ่มดอกไม้ยิ้มขื่นๆ กับตัวเอง ไม่รู้อะไรดลใจเขาให้เล่นใหญ่ขนาดนี้ ดวงตาคมเหลียวมองสาวร่างเล็กแต่ไม่บอบบางอีกครั้ง เธอกำลังยืนจ้องที่นอนใหม่ตาไม่กะพริบ มุมปากชายหนุ่มกดลึก ไม่รู้อย่างไร...เห็นแค่นี้เกิดนึกเอ็นดู

    “มากินข้าว”

    สาวดอกไม้หันไปทางคนที่กำลังหยิบกล่องออกจากถุงมือเป็นระวิง ในขณะที่เขานั่งอยู่กับพื้นหน้าโต๊ะญี่ปุ่นตัวเล็กซึ่งเธอเพิ่งทำความสะอาดไป เธอก็ยังคิดว่าเขาไม่เหมาะกับพล็อพเหล่านั้นอยู่ดี

    “หนู...”

    “อย่าบอกนะว่าไม่หิว เราใช้แรงไปตั้งเยอะ” ชายหนุ่มว่าพรางนึกอยากตบกะโหลกไอ้เจ้าของห้องตัวจริง มันอยู่เข้าไปได้ยังไง รกยิ่งกว่ารังหนู!

    “หิวก็ได้ค่ะ” สาวดอกไม้เหวี่ยงค้อนให้คนช่วยหยิบจับนิดหน่อย หลังจากนั้นก็เอาแต่นั่งดู หญิงสาวเดินไปนั่งตรงข้ามชายหนุ่ม ตากลมกวาดมองอาหารบนโต๊ะแล้วอดยิ้มไม่ได้ นับเป็นอย่างแรกที่เธอคิดว่าเหมาะกับเขา อาหารญี่ปุ่นทำสดใหม่ หน้าตาดูแพง

    “เจ้านี้ดังและอร่อยมาก กินได้ไหมเรา” เพราะคิดว่าเธอคงเบื่ออาหารไทยและจีนแล้ว กัลปพฤกษ์จึงสั่งให้เสี่ยวตงซื้ออาหารญี่ปุ่นเจ้าดังมาฝาก

    “กินได้ค่ะ ว่าแต่มันไม่แพงไปเหรอคะ” แพ็คเกจจิ้งที่ดีงามหรูหราแถมอาหารจัดได้น่าอร่อยแม้ใส่กล่องยังความกังขามาสู่หญิงสาว

    “ไม่หรอก สวัสดิการของร้าน กินๆ ไปเถอะ” ชายหนุ่มตอบอย่างขอไปที ก่อนลงมือคีบซูชิปลาแซลมอลเข้าปากแล้วเคี้ยวกร้วมๆ อย่างเอร็ดอร่อย ความจริงแล้วชายหนุ่มโปรดปรานอาหารไทยที่สุด แต่เพราะย่านนี้นอกจากร้านซือเป่าที่ทำอาหารถูกปากแล้ว ก็ยังมีร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังอีกเจ้าที่เขาชอบ

    “อ้อ” สาวที่เพิ่งเคยได้ยินว่าร้านอาหารมีสวัสดิการแบบนี้พยักหน้ายิ้มๆ ก่อนคีบเนื้อปลาแซลมอน เนื้อหวานๆ บวกกับรสชาติของวาซาบิทำให้หญิงสาวหลับตาปี๋

    “จิ้มวาซาบิเยอะไปไหมนั่น” คนนั่งตรงข้ามหัวเราะ ก่อนใช้นิ้วเช็ดวาซาบิที่ติดมุมปากหญิงสาว ท่าทางนั้นเป็นไปโดยอัตโนมัติ ทั้งสองต่างพากันชะงัก กัลปพฤกษ์ดึงมือกลับพร้อมกับที่ลมหายใจสะดุดห้วง

    “เอ่อ ขอบคุณค่ะ” สาวที่ไม่เคยตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้เอ่ยขอบคุณเสียงแผ่ว

    “อืม” ชายหนุ่มอือออเบาๆ ในลำคอ ก่อนกระแอมไอ “เล่าเรื่องเราให้พี่ฟังหน่อย” น้อยครั้งที่กัลปพฤกษ์แทนตัวเองว่าพี่กับคนที่ไม่ญาติพี่น้อง ส่วนใหญ่ชายหนุ่มแทนตัวว่าผมกับคุณ ไม่รู้อย่างไร...กับยายเด็กหน้าซื่อตาใสตรงหน้าเขากลับไม่อยากพูดคุณๆ ผมๆ ที่มันดูห่างเหิน

    “หนูไม่ได้มาสมัครงานในร้านหรอกค่ะ หนูกำลังจะกลับบ้าน แต่ดันลืมหนังสือเดินทางไว้ที่บ้านน้า” พลับพลึงเลือกที่จะพูดความจริง เธอเล่าเรื่องผู้เป็นน้าให้เขาฟังอย่างละเอียด

    “แสดงว่าเราหนีมางั้นสิ” ชายหนุ่มทวนถามหลังจากฟังจบ สาวดอกไม้พยักหน้าหงึกๆ

    “หนูติดรถเพื่อนบ้านของน้ามาค่ะ ตั้งใจไปนอนค้างที่โรงแรมข้างสนามบิน แต่...หนูสับเพร่าลืมหนังสือเดินทาง เมื่อคืนหนูกังวลเกินไป หนูหยิบมันออกมาดูแล้วมัวแต่คิดจนผล็อยหลับ พอตอนเช้าน้านิตมาปลุกหนูรีบลุกเลยลืมไปว่าหนังสือเดินทางยังอยู่บนเตียง”

    กัลปพฤกษ์ถอนหายใจ ปัญหาของหญิงสาวนับว่าไม่หนักหนาเท่าไหร่ หากกลับไปเอาไม่ได้ก็แค่ไปแจ้งหนังสือเดินทางหายแล้วไปที่สถานกงสุล แค่นั้นเธอก็จะเดินทางกลับบ้านได้อย่างสะดวกโยธิน

    “อืม แสดงว่าตั้งใจมาเที่ยวแต่แรก” แม้ใจคิดไปแบบนั้น หากแต่ปากกลับพูดไปอีกแบบ

    “ค่ะ ตั้งใจจะไปหลายที่เลย”

    “แล้วได้เที่ยวบ้างหรือยัง” ถามออกไปแล้วหนุ่มดอกไม้ก็ใคร่นึกว่าตัวเองเหมือนพ่อบุญทุ่ม นี่ไม่ใช่ว่าเขาเสนอตัวอยากพาเธอเที่ยวหรอกนะ

    “ได้เที่ยวในตัวเมืองมิลานแล้วค่ะ แต่ยังไม่ทั่ว น้านิตยุ่งกับเรื่องหนี้ ส่วนหนู...พอรู้เรื่องที่น้านิตคิดทำก็หมดอารมณ์จะเที่ยว” ท่าทางหงอยๆ เหมือนเล็บเจียนมนที่มาขูดข่วนหัวใจกัลปพฤกษ์อีกแล้ว

    “เอาอย่างนี้สิ อยู่เที่ยวก่อนก็ได้” ไม่รู้อะไรดลใจชายหนุ่มให้พูดไปแบบนั้น

    “ไม่ได้หรอกค่ะ หนูไม่ได้มีเงินเยอะขนาดนั้น” หญิงสาวปฏิเสธทันที

    “ถ้างั้นก็ทำงานไปด้วยก็ได้ กลับก่อนกำหนดเราไม่กลัวที่บ้านสงสัยหรือไง”

    สาวดอกไม้ได้ยินดังนั้นจึงพยักหน้าหงึกๆ แน่นอนว่าเธอกลัวที่บ้านรู้

    “คุณพริกรับหนูทำงานจริงๆ เหรอคะ”

    “อืม ไปทำงานที่ร้านอาหาร วันหยุดก็เที่ยว ส่วนเรื่องหนังสือเดินทางไม่ต้องกังวล เดี๋ยวพี่จัดการให้เอง” พอสานสบดวงตาใสซื่อคู่นั้นทำให้กัลปพฤกษ์ถึงลงทุนหว่านล้อม แยกไม่ออกว่าสงสารหรือเอ็นดู

    “แล้วเรื่องที่พัก...”

    “ก็พักด้วยกันนี่แหละ พี่รับรองความปลอดภัย”

    “คุณพริกเป็นผู้ชาย” พลับพลึงแย้งเสียงเบา บอกให้เธอไปขออาศัยจุ๊บอยู่ก่อนยังดีกว่า

    “พี่รู้ แล้วก็รู้ด้วยว่าเราเป็นผู้หญิง”

    คิ้วโก่งเรียวขมวดเป็นปม หญิงสาวเงยหน้าสานสบดวงตาคู่คมก็พบว่ามันหาได้เจือไปด้วยความไม่จริงใจเหมือนดวงตาของเปาโล

    เอ...หรือนี่เป็นดวงตาของฆาตกรที่กำลังลวงเหยื่อไปฆ่ากันนะ เขากำลังทำให้เธอตายใจใช่ไหม

    “อยู่ที่นี่พี่รับรองความปลอดภัย คนที่ร้านเองก็ยืนยันมาแล้วไม่ใช่เหรอ” นับเป็นครั้งแรกในชีวิตที่กัลปพฤกษ์กล่าวอ้างถึงคนอื่นเพื่อรับรองตัวตน “ค่าพี่พักเราไม่ต้องแชร์ ทำงานกับเที่ยวไปเถอะ ส่วนเรื่องน้ามีโอกาสก็คุยกับเขาว่าเราไม่โอเคกับสิ่งที่เขาทำ”

    พลับพลึงพยักหน้าตอบรับ คิดว่าจะนอนพักกับเขาเพียงแค่หนึ่งคืนแล้วค่อยหาทางแก้ไขปัญหา โดยไม่รู้เลยว่าเผลอแป๊บเดียว ...เวลาก็ล่วงผ่านไปเป็นเดือน!



    กราบสวัสดีพี่ยกน้องยกจ้า
    ฝากหนุ่มพริกสิบเม็ดกับสาวเอ๋อไว้ในอ้อมกอดอ้อมใจด้วยนะคะ

    สุ่มเลือกผู้โชคดี 20 ท่านในแต่ละตอนเด้อค่า ประกาศผลท้ายบทเด้อค่า
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×