คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #35 : Casualty of War พลีชีพ (1)
มารีไม่ทราบเลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับซิลวีจนถึงช่วงสายวันถัดมา
มารีถูกปลุกขึ้นพร้อม ๆ กับผู้ป่วยคนอื่น ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นพวกที่ต้องเข้าตีก็ออกเดินทางไปกันหมดแล้ว มันใช้เวลาสักพักก่อนที่มารีจะสังเกตว่าเพื่อนรักของหล่อนหายไป...เธอมัวแต่คอยดูแลมิเกลและคนอื่น ๆ ที่ป่วยอยู่...
กระนั้น ช่วงเวลาแสนสุขระหว่างมารีกับมิเกลก็อยู่ได้ไม่นาน เธอตกใจมากเมื่อได้รับรู้ว่าซิลวีอาสาเป็นหน่วยเข้าปลดปล่อยหมู่บ้านแทนมิเกล มารีกังวลถึงสวัสดิภาพของเพื่อนรักเหลือเกิน แม้ว่ามิเกลพยายามปลอบใจว่าภารกิจเข้าตีนั้นมีความเสี่ยงค่อนข้างต่ำแค่ไหน แต่มารีก็อดไม่ได้ที่จะมีลางสังหรณ์ไม่ดีเลยกับเรื่องนี้
ในตอนเช้าหลังได้รับแจ้งว่าการเข้าตีประสบความสำเร็จ มารีและหน่วยช่างก็เคลื่อนพลเข้าพื้นที่ยึดครอง ในใจของมารีตลอดการเดินทางมีแต่ความเป็นห่วงซิลวี ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา นอกจากข่าวว่าการเข้าปลดปล่อยหมู่บ้าน เรอ มาโย ประสบความสำเร็จแล้ว มารีก็ไม่ได้ยินข่าวอื่นเลย เธอรีบกระโดดพุ่งออกจากหุ่นกลทันทีเมื่อถึงที่หมายโดยไม่สนหน้าที่ที่เธอต้องทำ
และในที่สุด เหตุการณ์เลวร้ายที่สุดที่มารีกังวลมาตลอดก็เป็นจริง
ต่อหน้าภาพของหมู่บ้านที่ลุกเป็นไฟและธงสีเขียวที่โบกไสวบนซากโบสถ์ที่ถล่มไปครึ่ง เธอได้รับรู้ถึงชะตากรรมของเพื่อนสาวผ่านเครเมอร์คนน้องนี่มีสภาพอิดโรยเหมือนเพิ่งผ่านนรกมา
“มารี... ทำใจให้ดี ๆ ก่อนฟังที่ผมพูดนะ...”
แน่นอนว่ามารีไม่มีทางทำใจเมื่อได้ยินสิ่งที่เครเมอร์คนน้องกล่าวมากได้หรอก แม้แต่ก่อนที่คำว่า “ตาย” แล่นเข้าสู่โสตประสาท มารีรู้สึกว่าหัวใจของเธอมันกลวงโบ๋ไปแล้วยามเมื่อเห็นสีหน้าของผู้บอกข่าว ความรู้สึกเย็นวาบแล่นไปทั่วราวกับหน้าหนาวแสนโหดร้าย...
มารีไม่ทราบหรอกว่าสีหน้าของเธอเป็นเช่นไรในตอนนั้น ทว่า เครเมอร์คนน้องได้แต่ก้มหน้าอย่างเศร้าหมองพลางชี้ไปเบื้องหลัง มารีเดินด้วยใจที่หลุดลอยไปยังทิศทางที่เขาชี้ ผ่านแถวซากศพของทหารหาญแห่งสาธารณรัฐประมาณไม่ต่ำกว่ายี่สิบร่างที่ถูกคลุมทั้งตัวด้วยผ้าสีเขียวนอนเรียงรายไปตามทาง ดูอย่างนี้เหมือนกับพวกเขากำลังหลับอยู่ แต่กลิ่นคาวเลือดแตะจมูกและแมลงวันที่เริ่มบินไปมาบ่งบอกถึงความเป็นจริงอันน่าเศร้า
ที่ปลายสุดแถวของผู้พลีชีพนั้นมีร่างหนึ่งซึ่งถูกห่อด้วยผ้าสีเขียวไม่ต่างจากร่างอื่น แต่ที่ต่างจากคนอื่นคือบนร่างนั้นมีหมวกหนังของอัศวินหุ่นกลวางอยู่ เมื่อถึงตอนนั้นขาของเธอก็แข็งทื่อก้าวไม่ออก... เธอไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้นแล้วในตอนนั้น
ทว่า ความจริงก็ไม่ปล่อยเธอไว้ เมื่อสิบโทจากหน่วยพันธมิตรในชุดเครื่องแบบสีน้ำเงินซอมซ่อเดินมาหามารีพร้อมด้วยกระติกน้ำที่เต็มไปด้วยป้ายชื่อโลหะ
“แม่หนูมาจากกองพันยานเกราะ ฯ ที่ 4 ใช่ไหม” เมื่อเธอพยักหน้าว่าใช่ เขาก็บ่นอย่างเหนื่อยหน่ายประมาณว่า “ให้ตายสิ รู้ไหมว่าผมเดินหาคนของกองพันที่ 4 มาตั้งนาน” ก่อนจะล้วงเอาป้ายชื่อโลหะอันหนึ่งออกมาพลางกล่าว “เอ้า ฝากนี่ให้หัวหน้าเธอด้วยนะ”
สิ่งที่มารีรับมาคือป้ายชื่อห้อยคอโลหะ แม้ว่าตัวป้ายจะเปรอะเปื้อนด้วยเลือด มารีก็สามารถอ่านชื่อสลักนูนสูงบนป้ายอย่างไม่ยากเย็น...
ทิสโทเน่ ซิลเวีย ม.
เมื่อมารีเห็นชื่อบนป้ายเท่านั้น เธอก็อาเจียนทันที ป้ายในมือหล่นลงไปผสมปนเปกับของเก่าที่ถูกขย้อนออกมา สิบโทผู้โชคร้ายในเวลานั้นก็ตกใจทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ถามอย่างตื่นตระหนกว่า “เฮ้ แม่หนูเป็นอะไรไป !”
ทว่า ก่อนที่สิบโทนิรนามจะได้ทำอะไรต่อ ร่างของมารีก็ถูกดึงออกมาโดยมิเกลที่เพิ่งตามมาถึง สายตาจ้องอาคาตราวกับว่านายสิบผู้นั้นทำอะไรมิดีมิร้ายกับมารีทำเอานายสิบผู้นั้นถึงกับรีบถอยหนีอย่างไม่เป็นท่า
ภายในอ้อมอกของชายหนุ่ม มารีหลั่งน้ำตาสะอื้นด้วยความโศกเศร้าที่เธอไม่เคยได้สัมผัสมาตั้งแต่เมื่อครั้งงานศพของผู้เป็นบิดา
................................
.......................
............
....
มองซิเออร์โคลแบร์เป็นคนบอกเล่ากับมารีว่าเกิดอะไรขึ้นกับซิลวี จากคำบอกเล่าของสองพี่น้องเครเมอร์ กองร้อยเอประกอบไปด้วยหมวดเลอร์วู สองพี่น้องเครเมอร์ กาสตง และซิลวีเคลื่อนพลถึงจุดนัดพบก่อนเวลา ตามแผนแล้วพวกเขาต้องรอสมทบกำลังจากหน่วยทหารราบทั้งสองหน่วยที่จะตามมา ทว่า หมวดเลอร์วูกลับออกคำสั่งให้เข้าตีโดยที่ไม่ต้องรอหน่วยทหารราบด้วยเหตุผลที่ว่าจะฉวยโอกาสที่ศัตรูยังไม่ทันตั้งตัว แม้ว่ากาสตงจะคัดค้าน แต่เขาก็ไม่สามารถหยุดยั้งผู้หมวดจอมวู่วามคนนี้ได้ ดังนั้นหุ่นกลทั้งห้าเครื่องจึงเข้าจู่โจมหมู่บ้าน เรอ มาโย ตามลำพัง
พี่น้องเครเมอร์เล่าให้ฟังว่าข่าวกรองนั้นมีความแม่นยำมาก พื้นที่เป้าในเวลานั้นไม่มีหุ่นกลแพนเซอร์ของศัตรูประจำอยู่เลย แต่กระนั้นมันก็ไม่ได้ทำให้สถานการณ์ดีขึ้นแม้แต่น้อย หน่วยทหารราบจักรวรรดิที่ตั้งมั่นอยู่นั้นมีความเชี่ยวชาญในการต่อต้านหุ่นกลเป็นอย่างสูง ซิลวีที่บุกทะลวงเข้าไปจนถึงกลางเมืองคนแรกถูกปืนใหญ่ต่อต้านหุ่นกลเสียจนส่วนขาขาด หุ่นกลที่ขยับไม่ได้ก็เหมือนกับผีเสื้อที่ติดใยแมงมุม เจ้าพวกทหารจักรวรรดิปีนป่ายหุ่นกลพิการงัดแงะฝาทางเข้าออกอย่างชำนาญก่อนจะหย่อนระเบิดขวดพริกไทยใส่ซิลวีที่ติดกับอยู่ใส่ห้องคนขับ...
ตูม...
มองซิเออร์โคลแบร์เล่าให้ฟังว่าพี่น้องเครเมอร์เพียงส่งเสียง “ตูม” อย่างราบเรียบระหว่างกำลังเล่า ส่วนพวกเขาที่เหลือก็มองเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยความสยดสยอง กาสตงที่พยายามจะเข้าไปช่วยถูกปืนใหญ่ยิงเข้าที่ห้องคนขับอย่างจัง กาสตงบาดเจ็บสาหัส แต่เขาก็ใจแข็งพอที่จะบังคับหุ่นกลออกมาจากสนามรบได้ ก่อนจะถูกช่วยเหลือโดยทหารพันธมิตรที่เข้ามาสมทบ กระนั้น อาการของกาสตงเองก็เป็นตายเท่ากัน
ด้วยการสนับสนุนของหน่วยทหารราบ ในที่สุดกองร้อยเอภายใต้การนำของหมวดเลอร์วูก็เข้าปลดปล่อยหมู่บ้าน เรอ มาโย สำเร็จ แต่ความสำเร็จนั้นมันทรมานเกินกว่าที่พวกเขาจะเฉลิมฉลองได้อีกแล้ว...
Edit Log: 28 Jan, 2011: เพิ่มรายละเอียดเล็กน้อย
Edit Log: 25 Jan, 2011: จบตอน ที่นี้ก็ทราบกันโดยทั่วแล้วว่าทหารราบแม้ไม่มีหุ่นกลก็เมพได้นะจ๊ะ
ความคิดเห็น