ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ใต้ฟ้าสาธารณรัฐ

    ลำดับตอนที่ #35 : Casualty of War พลีชีพ (1)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 482
      1
      29 ม.ค. 54

                    มารีไม่ทราบเลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับซิลวีจนถึงช่วงสายวันถัดมา

     

                    มารีถูกปลุกขึ้นพร้อม ๆ กับผู้ป่วยคนอื่น  ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นพวกที่ต้องเข้าตีก็ออกเดินทางไปกันหมดแล้ว  มันใช้เวลาสักพักก่อนที่มารีจะสังเกตว่าเพื่อนรักของหล่อนหายไป...เธอมัวแต่คอยดูแลมิเกลและคนอื่น ๆ ที่ป่วยอยู่...

     

                    กระนั้น  ช่วงเวลาแสนสุขระหว่างมารีกับมิเกลก็อยู่ได้ไม่นาน  เธอตกใจมากเมื่อได้รับรู้ว่าซิลวีอาสาเป็นหน่วยเข้าปลดปล่อยหมู่บ้านแทนมิเกล  มารีกังวลถึงสวัสดิภาพของเพื่อนรักเหลือเกิน  แม้ว่ามิเกลพยายามปลอบใจว่าภารกิจเข้าตีนั้นมีความเสี่ยงค่อนข้างต่ำแค่ไหน  แต่มารีก็อดไม่ได้ที่จะมีลางสังหรณ์ไม่ดีเลยกับเรื่องนี้

     

                    ในตอนเช้าหลังได้รับแจ้งว่าการเข้าตีประสบความสำเร็จ  มารีและหน่วยช่างก็เคลื่อนพลเข้าพื้นที่ยึดครอง  ในใจของมารีตลอดการเดินทางมีแต่ความเป็นห่วงซิลวี  ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา  นอกจากข่าวว่าการเข้าปลดปล่อยหมู่บ้าน เรอ มาโย ประสบความสำเร็จแล้ว  มารีก็ไม่ได้ยินข่าวอื่นเลย  เธอรีบกระโดดพุ่งออกจากหุ่นกลทันทีเมื่อถึงที่หมายโดยไม่สนหน้าที่ที่เธอต้องทำ

     

    และในที่สุด  เหตุการณ์เลวร้ายที่สุดที่มารีกังวลมาตลอดก็เป็นจริง

     

    ต่อหน้าภาพของหมู่บ้านที่ลุกเป็นไฟและธงสีเขียวที่โบกไสวบนซากโบสถ์ที่ถล่มไปครึ่ง  เธอได้รับรู้ถึงชะตากรรมของเพื่อนสาวผ่านเครเมอร์คนน้องนี่มีสภาพอิดโรยเหมือนเพิ่งผ่านนรกมา

     

    มารี... ทำใจให้ดี ๆ ก่อนฟังที่ผมพูดนะ...

     

    แน่นอนว่ามารีไม่มีทางทำใจเมื่อได้ยินสิ่งที่เครเมอร์คนน้องกล่าวมากได้หรอก  แม้แต่ก่อนที่คำว่า ตาย แล่นเข้าสู่โสตประสาท  มารีรู้สึกว่าหัวใจของเธอมันกลวงโบ๋ไปแล้วยามเมื่อเห็นสีหน้าของผู้บอกข่าว  ความรู้สึกเย็นวาบแล่นไปทั่วราวกับหน้าหนาวแสนโหดร้าย...

     

    มารีไม่ทราบหรอกว่าสีหน้าของเธอเป็นเช่นไรในตอนนั้น  ทว่า  เครเมอร์คนน้องได้แต่ก้มหน้าอย่างเศร้าหมองพลางชี้ไปเบื้องหลัง  มารีเดินด้วยใจที่หลุดลอยไปยังทิศทางที่เขาชี้  ผ่านแถวซากศพของทหารหาญแห่งสาธารณรัฐประมาณไม่ต่ำกว่ายี่สิบร่างที่ถูกคลุมทั้งตัวด้วยผ้าสีเขียวนอนเรียงรายไปตามทาง  ดูอย่างนี้เหมือนกับพวกเขากำลังหลับอยู่  แต่กลิ่นคาวเลือดแตะจมูกและแมลงวันที่เริ่มบินไปมาบ่งบอกถึงความเป็นจริงอันน่าเศร้า 

     

    ที่ปลายสุดแถวของผู้พลีชีพนั้นมีร่างหนึ่งซึ่งถูกห่อด้วยผ้าสีเขียวไม่ต่างจากร่างอื่น  แต่ที่ต่างจากคนอื่นคือบนร่างนั้นมีหมวกหนังของอัศวินหุ่นกลวางอยู่  เมื่อถึงตอนนั้นขาของเธอก็แข็งทื่อก้าวไม่ออก... เธอไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้นแล้วในตอนนั้น

     

    ทว่า  ความจริงก็ไม่ปล่อยเธอไว้  เมื่อสิบโทจากหน่วยพันธมิตรในชุดเครื่องแบบสีน้ำเงินซอมซ่อเดินมาหามารีพร้อมด้วยกระติกน้ำที่เต็มไปด้วยป้ายชื่อโลหะ

     

    แม่หนูมาจากกองพันยานเกราะ ฯ ที่ 4 ใช่ไหม  เมื่อเธอพยักหน้าว่าใช่  เขาก็บ่นอย่างเหนื่อยหน่ายประมาณว่า  ให้ตายสิ  รู้ไหมว่าผมเดินหาคนของกองพันที่ 4 มาตั้งนาน  ก่อนจะล้วงเอาป้ายชื่อโลหะอันหนึ่งออกมาพลางกล่าว  เอ้า  ฝากนี่ให้หัวหน้าเธอด้วยนะ

     

    สิ่งที่มารีรับมาคือป้ายชื่อห้อยคอโลหะ แม้ว่าตัวป้ายจะเปรอะเปื้อนด้วยเลือด  มารีก็สามารถอ่านชื่อสลักนูนสูงบนป้ายอย่างไม่ยากเย็น...

     

    ทิสโทเน่  ซิลเวีย  ม.

     

    เมื่อมารีเห็นชื่อบนป้ายเท่านั้น  เธอก็อาเจียนทันที  ป้ายในมือหล่นลงไปผสมปนเปกับของเก่าที่ถูกขย้อนออกมา  สิบโทผู้โชคร้ายในเวลานั้นก็ตกใจทำอะไรไม่ถูก  ได้แต่ถามอย่างตื่นตระหนกว่า  เฮ้  แม่หนูเป็นอะไรไป !”

     

              ทว่า  ก่อนที่สิบโทนิรนามจะได้ทำอะไรต่อ  ร่างของมารีก็ถูกดึงออกมาโดยมิเกลที่เพิ่งตามมาถึง  สายตาจ้องอาคาตราวกับว่านายสิบผู้นั้นทำอะไรมิดีมิร้ายกับมารีทำเอานายสิบผู้นั้นถึงกับรีบถอยหนีอย่างไม่เป็นท่า 

     

                    ภายในอ้อมอกของชายหนุ่ม  มารีหลั่งน้ำตาสะอื้นด้วยความโศกเศร้าที่เธอไม่เคยได้สัมผัสมาตั้งแต่เมื่อครั้งงานศพของผู้เป็นบิดา

     

                    ................................

                    .......................

                    ............

                    ....

     

                    มองซิเออร์โคลแบร์เป็นคนบอกเล่ากับมารีว่าเกิดอะไรขึ้นกับซิลวี  จากคำบอกเล่าของสองพี่น้องเครเมอร์  กองร้อยเอประกอบไปด้วยหมวดเลอร์วู  สองพี่น้องเครเมอร์  กาสตง และซิลวีเคลื่อนพลถึงจุดนัดพบก่อนเวลา  ตามแผนแล้วพวกเขาต้องรอสมทบกำลังจากหน่วยทหารราบทั้งสองหน่วยที่จะตามมา  ทว่า  หมวดเลอร์วูกลับออกคำสั่งให้เข้าตีโดยที่ไม่ต้องรอหน่วยทหารราบด้วยเหตุผลที่ว่าจะฉวยโอกาสที่ศัตรูยังไม่ทันตั้งตัว  แม้ว่ากาสตงจะคัดค้าน  แต่เขาก็ไม่สามารถหยุดยั้งผู้หมวดจอมวู่วามคนนี้ได้  ดังนั้นหุ่นกลทั้งห้าเครื่องจึงเข้าจู่โจมหมู่บ้าน เรอ มาโย  ตามลำพัง

     

                    พี่น้องเครเมอร์เล่าให้ฟังว่าข่าวกรองนั้นมีความแม่นยำมาก  พื้นที่เป้าในเวลานั้นไม่มีหุ่นกลแพนเซอร์ของศัตรูประจำอยู่เลย  แต่กระนั้นมันก็ไม่ได้ทำให้สถานการณ์ดีขึ้นแม้แต่น้อย  หน่วยทหารราบจักรวรรดิที่ตั้งมั่นอยู่นั้นมีความเชี่ยวชาญในการต่อต้านหุ่นกลเป็นอย่างสูง  ซิลวีที่บุกทะลวงเข้าไปจนถึงกลางเมืองคนแรกถูกปืนใหญ่ต่อต้านหุ่นกลเสียจนส่วนขาขาด  หุ่นกลที่ขยับไม่ได้ก็เหมือนกับผีเสื้อที่ติดใยแมงมุม  เจ้าพวกทหารจักรวรรดิปีนป่ายหุ่นกลพิการงัดแงะฝาทางเข้าออกอย่างชำนาญก่อนจะหย่อนระเบิดขวดพริกไทยใส่ซิลวีที่ติดกับอยู่ใส่ห้องคนขับ...

     

                    ตูม...

     

                    มองซิเออร์โคลแบร์เล่าให้ฟังว่าพี่น้องเครเมอร์เพียงส่งเสียง ตูม อย่างราบเรียบระหว่างกำลังเล่า  ส่วนพวกเขาที่เหลือก็มองเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยความสยดสยอง  กาสตงที่พยายามจะเข้าไปช่วยถูกปืนใหญ่ยิงเข้าที่ห้องคนขับอย่างจัง  กาสตงบาดเจ็บสาหัส  แต่เขาก็ใจแข็งพอที่จะบังคับหุ่นกลออกมาจากสนามรบได้  ก่อนจะถูกช่วยเหลือโดยทหารพันธมิตรที่เข้ามาสมทบ  กระนั้น  อาการของกาสตงเองก็เป็นตายเท่ากัน

     

                    ด้วยการสนับสนุนของหน่วยทหารราบ  ในที่สุดกองร้อยเอภายใต้การนำของหมวดเลอร์วูก็เข้าปลดปล่อยหมู่บ้าน เรอ มาโย สำเร็จ  แต่ความสำเร็จนั้นมันทรมานเกินกว่าที่พวกเขาจะเฉลิมฉลองได้อีกแล้ว...

     

               

    Edit Log: 28 Jan, 2011: เพิ่มรายละเอียดเล็กน้อย
        

    @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

    Edit Log: 25 Jan, 2011: จบตอน  ที่นี้ก็ทราบกันโดยทั่วแล้วว่าทหารราบแม้ไม่มีหุ่นกลก็เมพได้นะจ๊ะ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×