คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #27 : ลูกเตะผ่าหมาก และการขัดจังหวะอย่างงดงาม
สาวใช้ถอนตัวออกไปหลังจากกล่าวเสร็จ เหลือทิ้งไว้แต่คำถามที่เป็นเหมือนระเบิดที่ถูกดึงสลักออก
“ก็องค์หญิงอยู่ตรงนี้นี่นา แล้วทำไม”
“ก็อย่างที่ได้สดับมานั่นแล เจ้าหญิงของเจ้ากำลังรออยู่นะ”
ไม่สนกับคำพูดขององค์ชาย เอเดรียนหันไปมองเตเต้โดยหวังว่าองค์หญิงผู้นี้จะช่วยยืนยันความเชื่อมั่นของเขา
ทว่า...
สิ่งที่เอเดรียนเห็นนั้นกลับเป็นภาพขององค์หญิงที่หลบสายตาเขาไปราวกับละอายกับสิ่งที่เกิดขึ้น
แม้ว่าการที่เตเต้หลบเลี่ยงสายตาไปนั้นมิใช่ความละอาย หากเป็นความกลัวในสายตาของเอเดรียนที่อาจเปลี่ยนไปเมื่อรู้ความจริง แต่มันก็เพียงส่งเสริมความเข้าใจผิดให้ขยายใหญ่ยิ่งขึ้นไปอีก
ในยามนั้นเองทุกสิ่งทุกอย่างที่เอเดรียนเคยเชื่อกลับพังทลายลง
ความจงรักภักดีที่เคยมีให้เหมือนกับถูกผู้หญิงตรงหน้าหักทำลายเสียบัดนั้น
“หมายความว่า เรื่องที่เป็นเจ้าหญิงนั่น...”
“ไม่ใช่อย่างที่เอเดรียนคิดนะ ความจริงนะ คือว่า...”
กระนั้นเตเต้กลับพูดอะไรไม่ออกเมื่อได้เห็นนัยน์ตาสีฟ้าคู่นั้น...
ทั้งที่มันเมื่อก่อนหน้านี้มันยังส่งประกายความอ่อนโยนยามเมื่อมองตนแท้ ๆ บัดนี้มันกลับขุ่นมัวเต็มไปด้วยความเคลือบแคลง
แววตาเพียงไม่กี่คู่ที่คอยค้ำจุนความเชื่อมั่นขององค์หญิงขี้เหงาไว้ในแดนต่างบ้านกลับทำให้องค์หญิงเจ็บช้ำหนักกว่าคำดูถูกของเอนริก้าหรือการกลั่นแกล้งของรุ่นพี่พวกนั้นหลายหมื่นครั้งรวมกัน
ทว่าเตเต้ก็มิได้หลั่งน้ำตาอีก วันนี้หล่อนได้ร้องไห้มามากพอจนรู้สึกว่าน้ำตามันเหือดแห้งไปหมดแล้ว
ดังนั้นจึงมีแต่เสียงสายฝนที่กำลังสาดกระเส็นภายนอกที่คอยส่งเสียงร่ำไห้แทน
“เอาล่ะ ท่านอัศวินผู้เจริญ เมื่อความจริงปรากฏเช่นนี้แล้ว จงไปหาองค์หญิงของเจ้าในงานเลี้ยงรื่นเริงนั่นเสีย ปล่อยให้สาวใช้จอมโป้ปดนี่เป็นธุระของเราเถิด”
องค์ชายแห่งอาณาจักรข้าวเจ้ากล่าวด้วยวาจาของผู้มีชัยพลางคว้าแขนที่อ่อนระทวย...
โดยไม่สนใจเลยว่าหัวใจดวงน้อย ๆ ของเตเต้จะแตกสลายไปแล้ว
นั่นเป็นดั่งฟางเส้นสุดท้ายที่ขาดผึงหลังจากที่เตเต้อุตส่าห์พยายามเชื่อมต่อมันมาตั้งนาน มือหยาบกร้านหวดฟาดบริเวณใบหน้าที่ดูไม่รู้ร้อนรู้หนาวขององค์ชายข้าวเจ้า แต่หน่อเชื้อแห่งราชวงศ์แห่งอาณาจักรตะวันออกไกลก็สามารถคว้าข้อมือไว้ได้อย่างไม่ยากเย็น
“นี่แม่นางจะทำเสียมารยาทกับเราไปถึงเมื่อไร”
องค์ชายกล่าวอย่างสราญใจที่ได้กลั่นแกล้งของเล่นอันใหม่ที่เพิ่งขัดใจเขาไปหมาด ๆ เจ้าชายผู้แสนเอาแต่ใจอยากจะเห็นหน้าแสนเย่อหยิ่งเกินสาวใช้นั่นเต็มไปด้วยความโกรธกริ้ว นัยน์ตาคู่งามทอดพระเนตรมองด้วยความขัดขืน และริมฝีปากกัดเม้มด้วยความเคียดแค้นที่ไม่สามารถดิ้นหลุดไปจากพันธนาการได้
ช่างเป็นสุนทรียรสแสนสุขที่องค์ชายเพิ่งลิ้มลองเมื่อไม่นานมานี้เอง
“แสดงเร็วเข้าสิ ท่าทางที่ทำให้ใจเราพองโตด้วยความตื่นเต้น เร็วสิ เสียงครวญครางที่ยังไม่ยอมแพ้ จงทำให้เราสำราญใจอีก”
ทว่า...
“.....”
ภาพที่องค์ชายได้เห็นกลับทำให้ความตื่นเต้นที่พองโตในหัวใจพลันฟีบลง
แทนที่ด้วยความรู้สึกของลมหนาวที่พัดผ่านทรวงอกอันกลวงโบ๋
ระหว่างที่องค์ชายกำลังตื่นตะลึงนั่นเองนั้นเอง ท่อนขาทรงพลังที่พาองค์หญิงวิ่งอย่างเริงร่าไปทั่วเกาะก็กระดกขึ้นเตะกลางหว่างขา ตรงเข้าที่กล่องดวงใจของชายทุกเผ่าพงศ์
ถึงชายผู้นั้นจะเป็นขอทานอันต่ำต้อย หรือกษัตริย์ทรงเรืองอำนาจผู้ควบคุมชะตาชีวิตคนนับหมื่นแสน ก็ไม่อาจหนีพ้นกับความเจ็บปวดที่ไม่มีการแบ่งชนชั้นนี้ไปได้ องค์ชายผู้ที่ยืนสง่าเหนือผู้อื่นกลับต้องล้มไปนอนขดอย่างทรมานบนพื้น มือทั้งสองกุมกล่องดวงใจทำสีหน้าเหยเกหมดท่า
“ด... เดี๋ยวก่อน เจ้าอย่าเพิ่ง...”
ก่อนที่จะได้กล่าวจบ เตเต้ได้หนีหายไปจากสายของทุกคนเสียแล้ว องค์ชายที่พยายามจะลุกขึ้นตามกลับถูกขวางด้วยเอเดรียนที่ยังคงสับสนกับชีวิตอยู่ แต่ก็ถูกองค์ชายที่ช่วงล่างเสียหายอย่างหนักผลักถอยห่าง ก่อนจะเดินโซซัดโซเซออกไป ปล่อยทิ้งให้เอเดรียนยืนกำหมัดแน่นอยู่เพียงผู้เดียว
.........................
...............
.......
..
ท่ามกลางพายุที่โหมกระหน่ำและสายฟ้าฟาดอย่างไม่ปราณีภายนอก โรงเรียนงานบ้านงานเรือนแห่งนครรัฐกลับทั้งมืดและเงียบเชียบราวกับถูกทิ้งร้าง มีเพียงเสียงต๊อกแต๊กของนาฬิกาคุ๊กคูที่ทำให้รู้สึกว่าที่แห่งนี้ยังมีคนคอยดูแลอยู่ เนื่องจากสภาพอากาศที่วิปริตกระทันหันทำให้นักเรียนส่วนใหญ่ที่ถูกเกณฑ์ไปช่วยงานในตัววิทยาลัยต้องนอนค้างคืนอยู่ทางโน้น และนักเรียนที่เหลืออีกเพียงไม่กี่คนในโรงเรียนต่างก็เข้านอนในห้องเรียนจนหมดสิ้น
กระนั้นภายในห้องโถงรวมกลับมีเปลวไฟสีส้มจากตะเกียงบนโต๊ะส่องแสงรำไรอยู่เพียงเดียวดาย แถวโต๊ะยาวที่รองรับนักเรียนได้ครึ่งร้อยกลับถูกจับจองโดยหญิงสาวเพียงผู้เดียว
ซีเรียนั่งอยู่อย่างสำรวมไม่ห่างจากตะเกียง ในมือกุมถ้วยชาที่น้ำชาเย็นชืดไปนานแล้ว ใบหน้าคมคายของสาวงามดูสงบนิ่ง และยิ่งเมื่อฉาบกับแสงสีส้มจากตะเกียงทำให้เธอกลายเป็นดั่งเทพธิดาที่กำลังสวดภาวนาแด่หมู่ดารา
ทว่าภาพร่างของเทพธิดาเป็นเพียงฉากหน้าของซีเรียในเวลานี้ แสงตะเกียงฉายเงาทะมึนยักษ์ของเมดสาวที่ทาบกับกำแพงราวกับฉายความมืดมิดที่กำลังคุกกรุ่นอยู่ภายใน เป็นดั่งอสูรร้ายที่ที่แอบซ่อนอยู่ในคราบของความสงบนิ่ง
มันไม่น่าแปลกเลยที่ซีเรียจะอารมณ์คุกรุ่นในเวลานี้ หล่อนเพิ่งส่งตัวเจ้านายตัวน้อยไปสู่เงื้อมือของฉลามกระหายที่จะขย้ำลูกปลาน้อยอย่างไร้ความปราณี
ถึงเตเต้จะบอกว่าให้ไว้ใจเธอ และบอกว่าเจ้าชายผู้นั้นดูเป็นคนที่ใช้เหตุผลพูดคุยกันได้ ทว่าเตเต้นั้นยังอ่อนต่อโลกนัก องค์หญิงน้อยถูกเลี้ยงดูในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและเป็นที่เอ็นดูของทุกคนในเกาะ ทำให้เด็กสาวตัวน้อยอาจหลงลืมธรรมชาติอันแสนโหดร้ายของโลกนี้ว่า ผู้ชายนั้นล้วนเป็นสัตว์ป่า
เธอไม่น่าปล่อยให้เตเต้ไปเลย การตัดสินใจดังกล่าวทำให้เธอต้องเฝ้ารอคอยการกลับมาที่อาจไม่มาถึง เมื่อเหลือบมองเข็มนาฬิกาก็ยิ่งทำให้ใจร้อนรน
หากเจ้าองค์ชายที่ว่าบังอาจทำอะไรมิดีมิร้ายต่อเจ้าหญิงตัวน้อยของเธอแล้วล่ะก็ —
ถึงแม้สวรรค์จะให้อภัย แต่ซีเรียผู้นี้จะไม่มีวันปล่อยมันไปแน่ ! เธอจะทำให้มันผู้นั้นต้องเสียใจที่เกิดมาเป็นผู้ชาย !
สาวใช้ผมสีเกาลัดละมือจากถ้วยชาไปลูบคลำกระเป๋าเดินทางหนังที่วางอยู่ข้างเคียง มันคือสัมภาระพิเศษที่เธอขนติดตัวอยู่ตลอด เป็นของส่วนตัวที่องค์หญิงเตเต้ยังไม่เคยเห็นสิ่งของที่แอบซ่อนอยู่ภายใน และมันมีเหตุผลที่ดีที่ซีเรียไม่อยากให้องค์หญิงได้รับรู้ถึงสิ่งของภายในกระเป่าใบนี้
“อ้าว เธอยังไม่นอนอีกหรือ ?”
ผู้ที่ทำลายบรรยากาศอำมหิตภายในห้องคือเมดสาวผมสีเงินเมลิซซ่าในชุดนอนวันพีชตัวโคร่ง เธอยืนเท้าสะเอวด้านซ้ายในขณะที่มืออีกข้างถือเชิงเทียน
"ฉันปลุกเธอเหรอ" ซีเรียกล่าว
"เปล่าหรอก แอบมาหาอะไรกินน่ะ"
"งั้นเหรอ" ซีเรียยิ้มตอบ เพียงแต่รอยยิ้มดังกล่าวไร้ซึ่งประกายของความเจิดจรัสที่ละลายหัวใจของทั้งชายและหญิง มันดูฝืนกล้ำกลืน เต็มไปด้วยความอดกลั้นบางอย่างที่พร้อมจะปะทุได้ทุกเมื่อ
เมลิซซ่าเหล่ตามองพลางเดินเอามือลากไปกับพื้นโต๊ะ ก่อนจะยกตัวขึ้นนั่งบนโต๊ะฝั่งตรงข้ามกับซีเรีย
"เป็นห่วงยายหนูนั่นสินะ"
ซีเรียพยักหน้าตอบพร้อมชายตาที่ดูอ่อนแอหาเพื่อนสาวตรงหน้า มันทำให้เมลิซซ่าถึงกับมีท่าทีร้อนรนอย่างประหลาด
"ก... ก็นะ ก็เป็นคนสำคัญของเธอนี่นา"
ซีเรียมิได้ตอบ หล่อนหันไปมองนาฬิกาคุ๊กคูบนผนังด้วยสายตาเลื่อนลอย —
เมลิซซ่ากลืนน้ำลายดังเอื้อกพลางเกาศีรษะแก้เก้อ ราวกับว่าอยากจะถามอะไรบางอย่าง แต่รู้สึกลำบากใจเกินกว่าจะกล่าวออกมา
กระนั้นเมดสาวผมเงินสกปรกก็เก็บความสงสัยเอาไว้ได้ไม่นานนัก
"นี่ซีเรีย... แน่ใจนะว่ายายเด็กนั่นไม่ใช่ลูกของเธอน่ะ"
"บอกแล้วไงว่าไม่ใช่... ทำไมถึงยังคิดอย่างนั้นอยู่ล่ะ"
"ก็... คือจะว่ายังไงดีล่ะ" เมลิซซ่าเปลี่ยนมาเป็นเล่นกับปอยผมเปียของหล่อนแทน "ดูเหมือนเธอจะให้ความสำคัญกับแม่หนูนั่นมากกว่าเป็นแค่ลูกของผู้มีพระคุณน่ะ"
"เมลิซซ่าเอ๋ย แล้วทำอย่างไรถึงจะเรียกว่าเหมาะสมกับระดับของลูกของผู้มีพระคุณล่ะ ?"
"เอ่อ..." เมลิซซ่าหมดคำพูดอย่างสิ้นเชิง ทว่าสีหน้าของหล่อนยังคงเต็มไปด้วยความกังขา เมื่อเห็นดังนั้นซีเรียจึงถอนหายใจออกมาเบา ๆ พลางส่งยิ้มที่ดูผ่อนคลายขึ้นแก่เพื่อนสาวตรงหน้า
"เรื่องที่เตเต้เป็นลูกสาวของผู้มีพระคุณนั้นเป็นเรื่องจริงอย่างแน่นอน...แต่ที่เธอพูดมามันถูกอยู่ส่วนหนึ่งนั่นล่ะ ฉันคิดว่าเตเต้เหมือนเป็นลูกของตัวเองนั่นล่ะ" ซีเรียแค่นหัวเราะเบา ๆ ติดตลกคำพูดของตัวเอง "ฮะฮะฮะ ที่จริงแล้วก็อยากรู้สึกว่าเป็นพี่สาวมากกว่านะ เพียงแต่ว่า... พอดูแลไปนานเข้ามันก็อดที่จะคิดอย่างนั้นไม่ได้แล้วล่ะ... ไม่สิ จริง ๆ แล้วฉันอาจจะอยากเติมเต็มบทบาทที่หายไปของครอบครัวนั้นก็เป็นได้ ทั้งพ่อทั้งลูกก็เหลือเกิน... ให้ตายสิ ! นี่ฉันพูดอะไรเพี้ยน ๆ ออกมาล่ะนี่"
เมลิซซ่าที่นั่งฟังอยู่ตลอดมีสีหน้าจริงจังผิดวิสัยปรกติ เธอจดจ้องหน้าของซีเรียราวกับได้รับรู้อะไรบางอย่างที่น่าตื่นตกใจ
"นี่ซีเรีย... ที่เธอรู้สึกว่าตัวเองเหมือนเป็นแม่น่ะ ไม่ใช่ว่าเธอ 'อยากเป็นแม่' ให้กับเด็กนั่นในอีกความหมายหรอกหรือ ?"
ซีเรียไม่ทราบว่าเธอมีสีหน้าอย่างไรในเวลานั้น แต่มันก็คงพิเศษพอที่ถึงขนาดทำให้เมลิซซ่าทำหน้าอย่างกับเห็นผีอย่างนั้น เมดสาวผมเงินไม่อาจเก็บซ่อนสีหน้าตกใจได้จนถึงกับต้องยกมือขึ้นป้องปาก
สาวใช้ผู้กลัดกลุ้มไม่แปลกใจเลยที่ทำไมเพื่อนสาวผมเงินถึงมีท่าทางเช่นนั้น
"มันเห็นชัดขนาดนั้นเลยหรือ ?" ซีเรียถามอย่างปลงตก
"อ...อื้อ" เมลิซซ่าตอบอย่างเลิกลัก "เธอเปลี่ยนไปเยอะเลยนะ ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างเธอ —"
ทว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบที่ซีเรียยื่นตัวมาพร้อมกับใช้นิ้วชี้มือขวาแตะริมฝีปากของเมลิซซ่าไว้
"จุ๊ จุ๊... อย่าเพิ่งด่วนสรุปไปสิจ๊ะ" ใบหน้าอันขาวผ่องของเมดสาวแสนงามเริ่มจ่อชิดจนเกือบขนปลายจมูกของเมลิซซ่า "ยังไม่ทันได้พิสูจน์อะไรก็บอกได้แล้วหรือว่าฉันเปลี่ยนไปขนาดไหน ?"
ลมหายใจอุ่น ๆ ของทั้งสองสัมผัสใบหน้าซึ่งกันและกัน แต่ที่ดูจะเปลี่ยนไปมากที่สุดเห็นจะเป็นฝ่ายเมลิซซ่าที่ใบหน้าแดงฉาดเป็นลูกตำลึง เธอพยายามเอี้ยวตัวถอย เพียงเพื่อพบว่าซีเรียเองก็กระเถิบร่างเข้าชิด
"จ... จะเริ่มตรงนี้ ม...ไม่ได้นะ เดี๋ยวคนอื่นเห็น"
นัยน์ตาสีทองแดงของเมลิซซ่าพยายามเบือนหนี หากแต่มือของซีเรียที่สัมผัสปากในตอนแรกเปลี่ยนเชยคางของหล่อน บังคับมิให้หลบหน้าได้
"คนอื่นเห็น ? แล้วคิดว่าเรากำลังจะทำอะไรที่ถ้าคนอื่นเห็นแล้วจะเป็นปัญหาล่ะ ?"
นิ้วเริ่มสัมผัสอย่างอ่อนโยนบนริมฝีปากของเมลิซซ่าที่ไร้การขัดขืน ริมฝีปากคู่งามของอีกฝ่ายเริ่มประชิดเข้าใกล้ทุกขณะ
"ม... ไม่ได้นะ"
ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่เมลิซซ่าหลับตาปรือพลางเผยอปากแล้ว
เมลิซซ่าเตรียมพร้อมรับทุกอย่างที่กำลังจะเกิดเหมือนทุกครั้งในอดีต
"................"
ทว่าสิ่งที่เธอรออยู่นั้นกลับมาไม่ถึง
"ดูเหมือนจะไม่ได้จริง ๆ ด้วยล่ะ"
ซีเรียกล่าวพลางถอยตัวหนีโดยมิได้สนใจถึงท่าทีที่รอเก้อของเมลิซซ่า เธอเดินไปยังบานกระจก ก่อนจะเปิดล็อกและอ้าบานหน้าต่างออก
สายลมและเม็ดฝนต่างพรั่งพรูเข้ามาในห้องทันที เมลิซซ่าตกใจมากที่จู่ ๆ ซีเรียเปิดหน้าต่างออกมาในยามนี้ แต่อีกชั่วอึดใจต่อมาเมลิซซ่าจะยิ่งตกใจขึ้นอีกเมื่อซีเรียกล่าวขึ้นท่ามกลางเนื้อตัวเปียกปอนว่า
"เข้ามาก่อนสิคะ เดี๋ยวจะเป็นหวัดนะ"
หลังจากที่ซีเรียกล่าวจบไม่นาน ก็มีร่างเงาตะคุ่มโผล่ขึ้นมาจากริมหน้าต่าง
บุคคลดังกล่าวคือเตเต้ในสภาพเปลือยเปล่า และเนื้อตัวเปียกปอนไปหมด
.....................
...............
.........
....
“ให้ตายสิ ทำไมถึงทำอะไรห่าม ๆ อย่างนี้ล่ะคะ”
ซีเรียกล่าวขึ้นระหว่างกำลังเช็ดผมที่เปียกชุ่มอย่างเหนื่อยใจ ใบหน้าแสนงามราวรูปปั้นแม่พระนั้นแปดเปื้อนด้วยความกลุ้มอกกลุ้มใจกับองค์หญิงพระองค์น้อยที่นั่งทรงหนาวสั่นอยู่หน้ากองเพลิงลุกโชนในเตาผิง ร่างกายที่เคยเปียกปอนบัดนี้ถูกบรรจงเช็ดจนแห้ง และห่อผ้าไว้อย่างดีราวกับเป็นวัตถุแตกง่ายอันล้ำค่า
“ฉันทุบประตูเรียกตั้งหลายทีไม่เห็นมีใครเปิดให้นี่นา” เตเต้เอามืออังกับเตาไฟพร้อมกับจามฮัดเช้ยอย่างเต็มกำลังเป็นการแถมท้าย
“ไม่ใช่ค่ะ ดิฉันหมายถึงที่เตเต้ว่ายน้ำจากวิทยาลัยมาในสภาพอย่างนี้ต่างหาก” ซีเรียเหลือบมองเรือนร่างเปลือยเปล่าที่หลบซ่อนอยู่ภายใต้ผ้าขาวนั่น ขนกายของเด็กสาวยังตั้งโด่เด่จากการสัมผัสน้ำทะเลเย็นเฉียบตลอดทาง “แต่ดีแล้วล่ะที่เตเต้ปลอดภัย ว่าอย่างนั้นไหม เมลิซซ่า”
ซีเรียหันไปหาเมลิซซ่านั่งถัดออกไปไม่ห่าง ใบหน้ายังคงแดงก่ำด้วยความอับอายจากเหตุการณ์เมื่อสักครู่ไม่หาย
เรื่องทุกอย่างมันเริ่มต้นหลังจากเหตุการแห่งความปวดร้าวและการเตะผ่าหมากองค์ชายข้าวเจ้าเสียจนทรุด องค์หญิงประสงค์อยากแรงกล้าที่จะหนีออกไปจากที่นั่นให้ไกลที่สุด แล้วจะไปที่ไหนล่ะ ? สำหรับเตเต้แล้ว มันมีอยู่เพียงคนคนเดียวที่พึ่งพาได้ ซึ่งนั่นคือซีเรียที่ยามนี้พำนักอยู่กับเมลิซซ่าในโรงเรียนงานบ้านงานเรือน
ปัญหาต่อมาคือ แล้วจะไปยังโรงเรียนอย่างไรดีล่ะ ? ยามค่ำคืนที่ฝนตกหนักเช่นนี้คงไม่มีเรือกอนโดล่ารับจ้างออยู่เป็นแน่ จะเดินออกไปอย่างสง่าผ่าเผยก็ต้องผ่านทหารยามเจ้าปัญหาพวกนั้นอีก ดังนั้นหล่อนจึงเหลือทางเดียวคือการว่ายน้ำไปตามคลองโดยสาร ซึ่งสำหรับคนธรรมดาแล้ว สภาพอากาศบ้าคลั่นเยี่ยงนี้ย่อมเป็นไปไม่ได้ แต่สำหรับเตเต้ที่เป็นเงือกและสามารถดำน้ำได้อย่างยาวนานนั้นหาได้ยากเย็นไม่ ถึงกระนั้นเตเต้ก็จำเป็นต้องถอดเสื้อและซ่อนไว้ที่วิทยาลัย ก่อนจะว่ายน้ำในสภาพเปลือยเปล่า ทวนกระแสน้ำแสนเย็นเฉียบจนรู้สึกคล้ายผิวถูกกรีดอย่างไร้ปราณี กว่าจะว่ายมาถึงโรงเรียนก็แทบจะหนาวจนสิ้นพระชนม์คาคลองไปเสียแล้ว
เมื่อเตเต้พยายามจะเปิดประตูเข้ามาก็ทรงพบว่าประตูนั้นได้ถูกลงกลอนอย่างแน่นหนา ถึงกระนั้นเธอก็ได้ยินเสียงคนบางคนอยู่ด้านใน แม้ว่าจะทุบประตูร้องเรียกสักเท่าไร ก็ไม่มีใครโผล่หัวมาเปิดให้สักราย ลมข้างนอกก็แสนจะแรงจนเม็ดฝนแทบจะสาดเป็นเส้นตรงขนานกับพื้น เตเต้จึงเที่ยวควานหาทางเข้าจนในที่สุดก็พบว่าห้องโถงกลางมีแสงไฟอยู่ จึงจะไปขอให้คนในห้องเปิดให้ แต่ก่อนจะได้เคาะหน้าต่างก็บังเอิญไปเห็นเหตุการณ์บางอย่างเสียก่อน —
"ว่าแต่ทำไมเตเต้ถึงไม่เคาะเรียกตั้งแต่แรกล่ะคะ ?"
เตเต้รีบส่ายหัวปฏิเสธจะตอบคำถามทั้งใบหน้าที่แดงก่ำ ปฏิกิริยาของเตเต้ยิ่งทำให้เมลิซซ่าเขินอายหนักขึ้นไปอีก
“ถ้ายังทำหน้าแบบนั้นได้คงไม่มีอะไรแปลก ๆ เกิดขึ้นสินะคะ ?" ซีเรียกล่าวพลางชำเลืองกระเป๋าพิเศษของหล่อนอย่างเงียบเชียบ
"ก็ไม่เชิงไม่มีปัญหาหรอกนะ"
"อย่างนั้นก็คงเกิดเรื่องอะไรขึ้นสินะคะ” ซีเรียถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะแอบกระซิบข้างหูด้วยความเป็นห่วง “ประเดี๋ยวเรารีบกลับไปพักที่โรงเตี๊ยมของร็อคซาน่าก่อนดีกว่านะคะ ถ้าเกิดยังอยู่ต่อที่นี่แล้ว...”
“ม... ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่...” องค์หญิงน้อยขบกัดริมฝีปากอย่างหนักใจ “ฉ... ฉันแค่อยากจะมาเจอซีเรียนะ อ้อ ใช่แล้ว ฉันเจอยายคริสเทียน่าที่วิทยาลัยด้วยล่ะ ถึงเส้นผมและลักษณะท่าทางจะดูต่างไป แต่ใบหน้านั่นไม่ผิดแน่นอน... แล้วก็นะ...”
ซีเรียยืนจ้องมององค์หญิงพระองค์น้อยที่เธอเคยดูแลมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา และรู้ได้ทันทีว่า เตเต้ต้องแอบซ่อนปัญหาบางอย่างไว้แน่ แทนที่จะกล่าวอะไรออกไป เธอกลับเพียงแค่โอบกอดองค์หญิงน้อยอย่างแผ่วเบา
“ไม่ต้องพูดอะไรต่อแล้วล่ะคะ แต่อยากให้เตเต้รู้นะคะว่าอย่างน้อยในที่แห่งนี้ยังมีดิฉันอยู่”
เตเต้ได้แต่แหงนขึ้นมองเพดาน พลางบ่นเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักว่า “จะบ้าเหรอ... พูดอย่างกับว่าฉันเป็นเด็กขี้เหงางั้นล่ะ”
และแล้ว พายุที่โหมกระหน่ำอยู่ภายนอกก็ค่อย ๆ จางหายไป ราวกับน้ำตาที่แห้งเหือดเสียแล้ว
...............................
.......................
..............
....
ในขณะนั้นเอง
ที่ริมลำคลองภายนอกอาคารของวิทยาลัยโซเฟีย องค์ชายแห่งราชอาณาจักรข้าวเจ้า ที่เนื้อตัวเปียกปอนจากการไปโน่นมานี่ซะทั่วปราสาท กำลังยืนมองกองเสื้อสาวใช้ที่แอบซ่อนอยู่ในถังไม้ริมด้วยความสงสัย เขามองไปรอบ ๆ ก่อนจะหยิบมันขึ้นมาสูดดมสักฟอดใหญ่
จากนั้น รอยยิ้มเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นบนมุมปากของเขา
“เอาล่ะ ตอนนี้ก็เหลือแต่รอเจ้าตัวกลับมาสินะ"
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
Edit Log: Dec 16th, 2008: จบตอนแบบเบลอ ๆ
Edit Log: Dec 17th, 2008: แก้ไขเล็กน้อย...
Edit Log: Jan 1st, 2009: เพิ่มรายละเอียดในเรื่องเล็กน้อย
Edit Log,: July 13rd, 2011: มหกรรมรีไรท์
ความคิดเห็น