ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    merMAID Princess!! เงือก เมด เจ้าหญิง ป่วน!

    ลำดับตอนที่ #26 : การเผชิญหน้าระหว่างความจริงที่ไม่ได้เอ่ย กับความเข้าใจผิดที่ไม่ได้รับการแก้ไข

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.04K
      3
      11 ก.ค. 54


                    เอาล่ะ  การแสดงจบแล้ว!  กลับไปทำงานกันต่อเร็วเข้า 

     

    คุณป้าหัวหน้าแม่บ้านเดินแทรกฝูงชนมาก่อนยืนตะโกนตบมือสั่งให้ทุกคนกลับไปประจำหน้าที่ดังเดิม 

     

    เบนี่  แม็ท  แกสองคนช่วยซ่อมม่านนี้ด่วนเลย  ฉันไม่อยากให้เจ้าม้านั่นตื่นอีก 

     

    คุณป้าสั่งการอย่างเชี่ยวชาญก่อนจะหันไปหาปัญหาอย่างสุดท้ายตรงหน้า

     

                    เสียงร่ำไห้สะอึกสะอื้นยังคงดังออกมาไม่หยุดจากแม่บ้านฝึกหัดสาวที่หล่อนไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน  ทว่าดูจากการที่อัศวินหนุ่มนั่นนั่งปลอบประโลมอย่างนอบน้อมอยู่ข้างเคียงก็น่าจะเป็นคนรู้จักกัน

     

                    คุณอัศวิน  มีอะไรให้ดิฉันช่วยไหมเจ้าคะ

     

                    ไม่เป็นไรหรอกครับ  เดี๋ยวเรื่องทางนี้ผมจัดการเอง 

     

                    ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจคุณอัศวินก็แล้วกันนะเจ้าคะ  ประเดี๋ยวดิฉันจะส่งคนมาบอกเมื่อถึงเวลาของท่าน  โปรดเตรียมพร้อมเมื่อถึงเวลานั้นด้วยนะเจ้าคะ

     

    ว่าแล้วเธอจึงถอยฉากปล่อยให้เอเดรียนทำตามที่ใจปรารถนาต่อไป

     

    พระองค์เสียพระทัยเรื่องอันใดหรือพะยะค่ะ  เอเดรียนถามอย่างอ่อนโยน  หรือว่าพระองค์ไม่พอพระทัยที่กระหม่อมอาสามาเป็นอัศวินประจำพระองค์...

     

    ป... เปล่าหรอก  เตเต้ส่ายหน้าพลางเช็ดน้ำตาพลางยิ้มแก้มแป้นทั้งที่ยังมีคราบน้ำตาติดอยู่เล็กน้อย  ฉันดีใจมากต่างหากล่ะ  ดีใจมากเลยที่เอเดรียนอุตส่าห์ยอมลดตัวลงมาเพื่อตัวฉันขนาดนี้

     

    มิบังอาจหรอกพะยะค่ะ  กระหม่อมต่างหากถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งได้รับใช้องค์หญิงพะยะค่ะ

     

    เตเต้จ้องมองท่าทางอันขวยเขินของหนุ่มน้อยตรงหน้าก็พลางหน้าแดงก่ำจนต้องรีบหันไปอีกทาง 

     

    นี่เอเดรียน  ทำไมถึงได้อาสามาเป็นองครักษ์ของเจ้าหญิงบ้านนอกเช่นตัวฉันล่ะ  ทั้งที่เป็นอันดับหนึ่ง... 

     

    พอเมื่อเตเต้เอ่ยคำว่าอันดับหนึ่งก็พลางนึกเรื่องบางอย่างออกได้  ตาของหล่อนเบิกกว้างมองเอเดรียนอย่างตื่นเต้น

     

     เดี๋ยวก่อนนะ  ถ้าอย่างน้อยก็หมายความว่าเอเดรียนชนะการประลองนั่นนะสิ 

     

    พระเจ้าเพียงแค่ประทานพรให้กระหม่อมโชคดีเท่านั้นล่ะพะยะค่ะ  ความจริงแล้วยังมีอีกหลายคนที่เก่งกาจกว่ากระหม่อมมากมายนัก 

     

    ไม่หรอก  ทั้งทีเจ้ายักษ์นั่นยังโดนหามโชกเลือดออกมาจากลานประลองเลย  แต่เอเดรียนถึงขนาดเป็นที่หนึ่งได้นี่...

     

    เจ้ายักษ์?  พระองค์คงหมายถึงท่านแมกซิมัสผู้นั้นสินะพะยะค่ะ  ความจริงแล้วถ้าท่านไม่บาดเจ็บในตอนรอบคัดตัว  กระหม่อมคงไม่อาจชนะได้หรอก

     

    หมายความว่าเอเดรียนเป็นคนจัดการเจ้ายักษ์นั่นซะโชกเลือดเลยเหรอ 

     

    แม้แต่เอเดรียนเองยังต้องตกใจกับท่าทีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วขององค์หญิงหญิงผู้นี้  นัยน์ตาที่เคยเปียกชุ่มบัดนี้กลับดูระยิบระยับเป็นประกายราวกับฟ้าหลังฝน   เตเต้ยื่นหน้าเข้ามาฟังอย่างตั้งอกตั้งใจกับสิ่งที่เอเดรียนเล่าออกมาราวกับหลานสาวตัวน้อยกำลังฟังเรื่องเล่าของคุณปู่

     

    เมื่อเห็นท่าทีอันร่าเริงแจ่มใสเยี่ยงนี้  เอเดรียนก็ได้แต่ยิ้มอย่างสุขใจ

     

    เห็นองค์หญิงร่าเริงเช่นนี้  กระหม่อมก็โล่งใจแล้วพะยะค่ะ

     

    เมื่อเด็กหนุ่มรูปงามราวเทพบุตรจำแลงส่งยิ้มให้ให้เช่นนี้นั้น  นอกเหนือจากหญิงสาวที่แทบจะพลีกายถวายใจเพียงเพื่อรอยยิ้มนั้นแล้ว  แม้แต่บุรุษผู้มักมากในสตรีเพศยังมิอาจหักห้ามใจเหลือบมองรอยยิ้มนั้นด้วยความหลงไหล...

     

    แล้วมีหรือเตเต้รอดพ้นไปจากเสน่ห์อันใสซื่อนี้ได้

     

    หล่อนรีบยกมือขึ้นปิดบังหน้าที่ร้อนผ่าวราว

     

    ข... ขอบคุณสำหรับความเป็นห่วง 

     

    และแน่นอนว่าสิ่งที่เตเต้เอ่ยออกมานั้นประกอบไปด้วยภาษาถึง 3 ภาษาจนไม่อาจแปลความออกมาโดยง่าย  แต่มันก็เพียงพอแล้วที่จะสื่อความหมายออกมาให้เอเดรียนได้รับรู้

     

    ล... แล้วอีกอย่าง  องค์หญิงน้อยที่ทรงรวบรวมสติได้อีกครับหันมามองเอเดรียนที่ยังคงจ้องมองหล่อนอย่างตั้งอกตั้งใจ  คำราชาศัพท์นะมันเป็นวัฒนธรรมของชาวตะวันออกนะ  ฉันเองก็ไม่ค่อยรู้สึกคุ้นเคยกับมันนักหรอก  แค่คำพูดเป็นกันเองก็พอแล้ว

     

    ต้องขออภัยด้วยพะยะ...ขอรับที่ทำให้พระองค์ต้องลำบากพระท...ใจมาตั้งนาน 

     

    ไม่เป็นไรหรอก  ถ้าเกิดถนัดพูดแบบไหนก็แบบนั้นไปเถิด

     

    ไม่หรอกครับ  ถ้าองค์หญิงโปรดเช่นไรกระผมก็ยินดีทำเช่นนั้น  ในฐานะของผู้ที่จะถวายตัวรับใช้องค์หญิงแล้ว  ความประสงค์ของท่านก็คือความประสงค์ของกระผมเช่นกันครับ

     

    สำหรับพระองค์แล้วมันไม่มีคำพูดอื่นหลุดออกมาจากปากนั่นอีกนอกจากความขวยเขินที่มิอาจหยุดยั้งได้...

     

    อ้อ  ผมเกือบลืมตอบคำถามขององค์หญิงไปนะครับ  ความจริงแล้วมันเป็นสัญญาที่กระหม่อมได้เคยให้ไว้กับพระองค์หลังจากเหตุการณ์ที่องค์หญิงถูกจับเป็นตัวประกันนั่นล่ะครับ...

     

    หมายความว่าเอเดรียนก็แค่ต้องทำตามสัญญาที่เผลอให้ไว้แค่นั้นเองใช่ไหม 

     

    เมื่อเห็นว่าองค์หญิงมีท่าทีหม่นหมองไปกับคำพูดเมื่อสักครู่  เอเดรียนก็รีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธเป็นการใหญ่

     

    ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ  ผมนั้นต้องการรับใช้องค์หญิงจากใจจริงเลยนะครับ  ถึงมันอาจจะเล็กน้อยเท่าฝุ่นผงธุลี  มันไม่อาจปฏิเสธได้ว่าผมในช่วงนั้นยังมีความบังอาจกังขาในตัวตนของพระองค์อยู่บ้าง  แต่เมื่อทางวิทยาลัยยืนยันมาแล้วกระผมก็อดไม่ได้ที่จะต้องละอายกับข้อสงสัยนั่น  ถึงอย่างไรเสียผมก็ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับรู้ว่าจะได้ทำตามคำมั่นสัญญานั่นเสียที

     

    แต่เอเดรียนก็ยังไม่ได้บอกอยู่ดีว่าทำไมถึงอยากมาเป็นอัศวินประจำตัวฉันนะ 

     

    นั่นสินะครับ  ผมเองนั้นก็ตอบไม่ได้อย่างชัดเจนหรอกครับ

     

    แต่ดูจากท่าทางแล้วเอเดรียนคงมีคำตอบอยู่ชัดเจนแล้ว  มิเช่นนั้นคงไม่ทำหน้าตาขวยเขินอย่างที่กำลังเป็นอยู่ออกมาหรอก

     

    น่า... บอกมาเถอะ

     

    ใบหน้าแดงระเรื่อขององค์หญิงที่แอบเหลือบมองเอเดรียนจากฝ่ามือทำเอาอัศวินรูปงามถึงกับกลืนน้ำลายดังเอื้อกอย่างช่วยไม่ได้

     

     ค... คงจะเรียกว่าเป็นพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าก็ว่าได้นะครับ  

     

    ประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า ?

     

    ใช่ครับผม  เพราะตั้งแต่ที่ผมได้เฝ้ามองพระองค์ที่ยืนยัดอย่างกล้าหาญแม้ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ที่เสี่ยงถึงชีวิตก็ตาม  หรือยามเมื่อผมจมดิ่งลงไปในใต้ผืนน้ำแสนเย็นยะเยือกนั่นแล้ว  ฝ่ามืออันแสนอบอุ่นที่องค์หญิงชุดรั้งกระผมจากห้วงแห่งความมืดมิดแสนหนาวเหน็บนั้นยังรู้สึกได้อยู่เลยล่ะครับ  ไม่ว่าท่านจะเป็นเจ้าหญิงหรือไม่ก็ตาม  หัวใจความเป็นอัศวินของผมมันก็เรียกร้องว่านี่ล่ะคือผู้ที่เราควรต้องปกป้องด้วยชีวิต  นับตั้งแต่นั้นจิตใจของกระผมก็ได้มอบให้กับพระองค์แล้วล่ะครับ

     

    เมื่อได้ยินคำหวานเช่นนั้น  มีหรือที่องค์หญิงน้อยจะอดหน้าแดงก่ำเป็นลูกมะเขือเทศเสียไม่ได้ 

     

    เพราะฉะนั้นแล้ว  ขอให้กระผมเป็นโล่และดาบคอยปัดป้องภัยอันตรายทั้งปวงด้วยเถิดครับ

     

    ไม่มีครั้งไหนในชีวิตที่เตเต้จะรู้สึกถึงคุณค่าของตนได้เท่ากับครั้งนี้อีกแล้ว  มันราวกับว่าคำพูดของเอเดรียนนั้นได้เติมเต็มที่สิ่งโหยหามาอย่างยาวนาน  ร่างกายนั้นดูเบาจนแทบจะโบยบินไปในท้องนภาได้เสียในตอนนั้นเลย 

     

    ทว่า... 

     

    ประโยคต่อไปที่เอเดรียนจะกล่าวออกมานั้นดึงองค์หญิงน้อยจากโลกแห่งความฝันกลับมาสู่ความเป็นจริงอันแสนโหดร้าย...

     

    เอ... ผมอยากจะถามมาตั้งแต่แรกแล้ว  แต่องค์หญิงออกเดินเตร็ดเตร่ระหว่างงานเลี้ยงเช่นนี้จะดีหรือครับ

     

    ทั้งที่เมื่อสักครู่ท้องฟ้ายังแจ่มใส  ดวงจันทร์ยังอวดโฉมท่ามกลางท้องฟ้ายามค่ำคืนอยู่แท้ ๆ   ทว่าเสียงฟ้าร้องดังครืนดังสนั่นไปทั่วราวกับส่งเสียงร้องแทนความรู้สึกของใครบางคน  เจ้าม้าขาวแสนสง่างามส่งเสียงตกใจจนผู้ดูแลต้องพยายามปลอบขวัญจ้าละหวั่น

     

    ทางวิทยาลัยอุตส่าห์จะให้ผมขี่ม้าเข้าไปกลางงานเพื่อประทับใจองค์หญิงแท้ ๆ  แต่เจ้าเฮอเมสดันตื่นเสียอย่างนี้คงจะไม่ได้แล้วล่ะครับ

     

    เอเดรียนหันไปมองเจ้าม้าที่กำลังตื่นตระหนกโดยไม่สนใจว่าองค์หญิงที่อยู่ข้างเคียงกำลังนัยน์ตาเบิกกว้างราวกับโดนสายฟ้าเมื่อสักครู่ฟาดเข้ากลางพระทัย

     

    เสียงเม็ดฝนตกกระทบภายนอกเริ่มบรรเลงบทเพลงแห่งสายฝนแข่งกับวงบรรเลงเครื่องสายในงาน

     

    เอเดรียนหันกลับมามององค์หญิงโดยเข้าใจว่ากำลังก้มหน้าด้วยความเขินอายเหมือนครั้นที่ผ่านมา  จึงกล่าวต่อไป 

     

    แต่ผมก็ไม่นึกว่างานเลี้ยงนี้จะเป็นงานเลี้ยงแฟนซีนะครับจนมาเห็นชุดที่พระองค์แต่งอยู่  ถ้าใครไม่รู้จักพระองค์คงเผลอนึกไปว่าเป็นสาวใช้ธรรมดาแน่เลยนะครับ

     

    แน่นอนว่าเจตนาของเอเดรียนนั้นไร้ซึ่งความมุ่งร้ายแอบแฝง  แต่คำพูดอันซื่อตรงของเอเดรียนกลับทิ่มหัวใจของเตเต้จนเรื่องที่ผ่านมานั้นมิอาจเทียบได้แม้แต่น้อย

     

    ใช่แล้ว... ตอนนี้เอเดรียนยังคงเชื่อว่าเตเต้คือเจ้าหญิงที่อยู่ในงานนั่น  แต่ถ้าหลังจากเอเดรียนได้รับรู้ความจริงที่ว่าองค์หญิงตาลอสติเตสแห่งอาณาจักรหอยกาบที่เขาจะสาบานถวายตัวรับใช้นั้นเป็นคนล่ะคนกันเล่า...

     

    แล้วเอเดรียนจะยังคงเชื่อว่าองค์หญิงเตเต้เป็นเจ้าหญิงแท้จริงอยู่อีกหรือ?

     

    แสงสีขาวสว่างวาบก่อนจะตามมาด้วยเสียงฟาดค้อนของเทพเจ้าแห่งสายฟ้าดังกึกก้องจนรู้สึกถึงแรงสั่นไหวได้อย่างชัดเจน  ในความเป็นจริงแล้วเจ้าอาชาขาวแสนสง่านั่นถูกฝึกไว้เป็นอย่างดีต่อเสียงดังเฉกเช่นม้าศึกฝึกให้คุ้นกับเสียงปืน  แต่ท้องฟ้าแสนวิปริตยามนี้ทำให้มันตื่นกลัวอย่างที่เหล่าผู้ดูแลก็ไม่เคยเห็นอาการเยี่ยงนี้มาก่อน

     

    นี่เอเดรียน

     

    มีอะไรหรือครับ

     

    องค์หญิงหัวยุ่งค่อย ๆ เงยหน้า  จ้องมองตาสีน้ำทะเลนั่นอย่างลำบากใจ  มือข้างหนึ่งสัมผัสมือของอัศวินหนุ่มในชุดสีขาวบริสุทธิ์

     

    ฉันมีเรื่องสำคัญจะต้องบอกเอเดรียนนะ  คือว่า...

     

    ครับ?

     

    เอเดรียนกุมมือตอบรับอย่างตั้งอกตั้งใจ

     

    เตเต้กลืนน้ำลายอย่างลำบากใจกับสิ่งที่จะกล่าวออกมา 

     

    ถึงปล่อยทิ้งไว้เช่นนี้ต่อไปเอเดรียนจะต้องรู้ความจริงอยู่ดี  สู้พอธิบายเสียตอนนี้จะเป็นผลดีกว่ามาก  นั่นคือสิ่งที่เตเต้นึกคิดในใจ 

     

    แต่การกระทำนั้นมันช่างยากกว่าที่คิดหลายเท่านัก!

     

    ทันใดนั้นเอง  ก่อนที่คำอธิบายเรื่องราวทั้งหมดจะได้ถูกเอ่ยออกมา  ผ้าม่านสีแดงเลือดหมูที่ขวางกั้นโลกแห่งความฝันและความเป็นจริงได้ถูกเลิกออกมาดังพรึ่บโดยมิได้มีการบอกเตือนล่วงหน้าแม้แต่น้อย

     

    อ่าฮ่า! เจ้ามาแอบซ่อนอยู่ ณ ที่แห่งหนนี้เองหรือ  ปล่อยให้เราต้องเที่ยวตามหาเสียเนิ่นนาน

     

    ทั้งเตเต้และเอเดรียนต่างหันควับไปยังทิศของเสียงจนสิ่งที่กำลังจะกล่าวออกมาต้องกลืนลงคอไปจนหมดสิ้น 

     

    บุรุษเจ้าของสำเนียงเพี้ยนปานสุนัขหัดขันเดินอาด ๆ เข้ามาอย่างไม่เกรงอกเกรงใจเลยว่ากำลังขัดจังหวะสำคัญของเตเต้พอดิบพอดี  เขาหยุดเดินอย่างไม่สบอารมณ์นักเมื่อนัยน์ตาสีดำเข้มนั้นเห็นมือของทั้งสองกุมแน่นอย่างกลมเกลียวราวกับต่างเป็นของซึ่งกันและกัน

     

    ไม่ทราบว่าท่านมีธุระอะไรหรือครับ

     

    โดยมิได้ตอบคำถามของเอเดรียน  ชายหนุ่มร่างเล็กในชุดอาภรณ์หลุดลุ่ยก็รีบคว้าแขนองค์หญิงอย่างหงุดหงิด

     

    เพียงเสี้ยววินาทีก่อนที่เตเต้จะได้ทันโต้ตอบอะไร  กระบี่เซเบอร์สีทองเย็นเฉียบถูกชักออกมาอย่างรวดเร็วก่อนที่ปลายแหลมคมจะหยุดห่างจากแก้มที่มีรอยเขียวช้ำของชายผู้นั้นเพียงแค่เศษปลายฝุ่น

     

    ปล่อยแขนองค์หญิงเดี๋ยวนี้

     

    น้ำเสียงเย็นยะเยือกไม่เหลือความอ่อนโยนของเมื่อสักครู่แม้แต่น้อย  เอเดรียนมิได้เอ่ยคำขอร้อง  มันคือคำสั่งเด็ดขาดที่ไม่มีความจำเป็นต้องรักษามารยาทกับผู้ที่บังอาจกระทำรุนแรงกับองค์หญิงเยี่ยงนี้

     

    ชายหนุ่มผู้หยิ่งผยองเพียงเหลือบสายตามองปลายกระบี่ก่อนจะค่อยคลายมือปล่อยเตเต้ไป  ซึ่งหล่อนก็รีบเคลื่อนตัวไปหลบอยู่เบื้องหลังเอเดรียนยิ่งทำให้ชายผู้นั้นขมวดคิ้วอย่างไม่ถูกใจเข้าไปอีก

     

    ถ้าไม่มีธุระใดอื่นจงรีบกลับไปเสีย  เจ้าคนไร้มารยาท  เอเดรียนยังคงมิได้ลดปลายกระบี่ลง 

     

    นี่หรือคือวิธีการทักทายคนที่ไม่รู้จักของผู้ที่มีอารยะนะ  ชายผู้นั้นกล่าวอย่างไม่ยี่หร่ะแม้ว่าจะมีใครเอากระบี่เซเบอร์มาจ่อเช่นนี้ 

     

    แต่อย่างน้อยสุภาพบุรุษก็ไม่กระชากแขนสุภาพสตรีเยี่ยงนี้หรอก

     

    เอเดรียนไม่มีทีท่าจะยอมโอนอ่อนต่อบุคคลตรงหน้าแม้แต่น้อย  ชายหนุ่มใช้นิ้วของตนแตะที่ปลายดาบเลื่อนมันให้พ้นใบหน้าราวกับเป็นเพียงเศษไม้ที่ขวางหูขวางตา

     

    เรานั้นมิใช่คนไร้มารยาทอย่างที่เจ้ากล่าวมาหรอก  เราคือโอรสลำดับที่ 2 ในกษัตริย์แห่งราชอาณาจักรข้าวเจ้า  จ้าวผู้ครองดินแดนลุ่มแม่น้ำทั้งห้าแห่งแดนตะวันออกไกล  เรานั้นเพียงแค่ต้องการตามตัวสาวใช้ส่วนตัวของเรากลับไปเท่านั้น

     

    เอเดรียนที่กำลังเก็บกระบี่ลงฝักกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ยังระแวงต่อองค์ชายผู้นี้อยู่  ในห้องนี้ไม่มีสาวใช้ที่ท่านตามหาอยู่ และโปรดอย่าได้เสียมารยาทกับองค์หญิงของกระหม่อมอีกเป็นอันขาดพะยะค่ะ

     

    เสียงหัวเราะขององค์ชายหลังจากฟังสิ่งที่เอเดรียนเอ่ยออกมาแทบจะสอดคล้องกับเสียงฟ้าคำรามอย่างไม่หยุดหย่อน 

     

    ให้ตายสิ  ไม่นึกเลยว่าสายตาเจ้าจะฟ่าฟางได้เพียงเช่นนี้  ก็แม่นางที่สวมชุดแม่บ้านตะวันตกหลบอยู่เบื้องหลังเจ้านั่นแล  จะหามีผู้อื่นที่ไหนเสียอีกเล่า  สายตาคมเข้มจดจ้ององค์หญิงที่บัดนี้หน้าซีดเผือกราวกับมันต้มที่กินไปเมื่อวานก่อน

     

    แม้พระองค์จะเป็นถึงเจ้าชาย  แต่กระหม่อมก็มิอาจให้อภัยกับการเสียมารยาทต่อองค์หญิงเยี่ยงนี้ได้

     

    แต่ล่ะคำที่เอเดรียนกล่าวออกไปมากเท่าไหร่  เตเต้ก็ยิ่งจมดิ่งลงไปในห้วงความเจ็บปวดมากเท่านั้น  คำพูดที่แสนอ่อนโยน  คำพูดที่พยายามปกป้องตนนั้นหากแต่กลับมาย้อนเชือดเฉือนจิตใจอย่างไร้ความปราณี  ราวกับมีดสลักผลไม้ที่ค่อย ๆ หั่นแล่เนื้อตนอย่างทรมาน

     

    ประหนึ่งพระเจ้าเบื้องบนของเอเดรียนยังไม่สาแก่ใจ  ม่านได้ถูกเปิดอีกครั้งพร้อมกับการปรากฎตัวของแม่บ้านสาวนิรนามผู้มาแจ้งข่าวที่จะทำให้สายตาของเอเดรียนที่มององค์หญิงต้องเปลี่ยนไป

     

    ท่านอัศวินได้เวลาแล้วค่ะ  องค์หญิงตาลอสติเตสและแขกในงานทุกท่านกำลังรอท่านอยู่เจ้าค่ะ


    @@@@@@@@@@@@@@

    Edit Log: Oct 31th, 2008: จบตอน
    Edit Log: Nov 1st, 2008: แก้ไขสำนวนเล็กน้อย
    Edit Log: Nov2nd, 2008: เสริมเรื่องรายละเอียดในบทสนทนาเล็กน้อย
    Edit Log: July 11st, 2011: มหกรรมรีไรท์  รีไรท์ช่วงตอนนี้มันโคตรลำบากใจเลยย  ให้ตายสิ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×