ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    3 M บทเพลงของสองเราและหนึ่งตัว

    ลำดับตอนที่ #6 : บทที่ 3 ตอนต้น

    • อัปเดตล่าสุด 5 ม.ค. 55




                    ดนตรีประสานเสียงที่ขับขานให้กับมิตรภาพอันบริสุทธิ์ระหว่างเจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์และชายหนุ่มสามัญจบลงแล้ว  แต่รอยยิ้มและความรู้สึกอิ่มเอมจากสหายร่วมรสนิยมยังคงอบอวลอยู่ภายในใจของทั้งสองตราบนานเท่านาน 

     

                    มาเรียนฝีมือดีขึ้นมากเลยนะ

     

                    แน่นอน  เราฝึกมาตลอดนี่  มาเรียนเอ่ยอยากภาคภูมิพลางเหล่มองเพื่อนชายอย่างผู้มีชัย  ไม่เหมือนใครบางคน  เล่นดำน้ำไปตั้งหลายท่อน  อย่านึกว่าเราไม่สังเกตนะ 

     

                    คำพูดขององค์หญิงได้รับสนับสนุนโดยโมนาร์ทที่เห่าเสียงใส  มันกระดิกหางอย่างตื่นเต้นก่อนจะวิ่งมาหามาเรียนราวกับเด็กน้อยวิ่งหาแม่

     

                    เห็นไหม  เจ้าโมนาร์ทยังรู้เลย  มาเรียนวางไวโอลินตัวโปรดไว้บนโต๊ะก่อนอุ้มเจ้าโมนาร์ทมาไว้ในอ้อมอก  เจ้าสุนัขบีเกิลตัวนี้ก็เหลือเกิน  ตอนที่อยู่กับมิเชลมันเลียหน้าเขาเสียเต็มที  พออยู่ในอ้อมอกของมาเรียนกลับทำตัวสงบเสงี่ยมได้อย่างไม่น่าเชื่อ

     

                     พอดีช่วงนี้ไม่ค่อยได้ซ้อมซะเท่าไหร่

     

                    นี่แน่ะ  มาเรียนลงโทษโดยการใช้อุ้งเท้าของเจ้าโมนาร์ทตบศีรษะของมิเชลเบา ๆ ไม่ซ้อมแล้วยังท้าเราอีกเรอะ  ไม่เจียมตัวเลยจริง ๆ

     

    มิเชลได้แต่หัวเราะแห้ง ๆ กลบเกลื่อนความผิดพลาดของตน  มาเรียนจึงใช้อุ้งเท้าอีกข้างของโมนาร์ทตีหัวชายหนุ่มอีกที  คราวหน้าซ้อมให้ดีกว่านี้นะ 

     

    หลังจากรับฟังคำสัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะของชายหนุ่มแล้ว  มาเรียนก็เขยิบร่างเพรียวบางเข้ามานั่งบนเก้าอี้เปียโนของมิเชล  แผ่นหลังบอบบางของเธอพิงสีข้างของชายหนุ่มอย่างไม่ถือตัว  แต่นั่นมันก็ไม่ได้หมายความว่ามิเชลจะรู้สึกผ่อนคลายแบบเดียวกับองค์หญิงเลยแม้แต่น้อย  เจ้าหนุ่มน้อยหน้าแดงแถมยังตัวเกร็งทำอะไรไม่ถูก  ยังดีที่มาเรียนหันหน้าออกทำให้ไม่เห็นท่าทางน่าสมเพชของเขา 

     

    นี่มิเชล  เล่นเพลงอะไรก็ได้ให้เราฟังที 

     

    อะไรก็ได้เหรอ ?

     

    อื้ม... อะไรก็ได้ที่จะไม่โดนเจ้าโมนาร์ทลงโทษนะ 

     

    มิเชลครุ่นคิดด้วยความลำบากใจ  ทั้งร่างของหญิงสาวที่อิงอยู่  ทั้งเพลงที่คิดว่าจะถูกใจองค์หญิง  ในที่สุดเพลงหนึ่งก็แว่บเข้ามาในหัว  นิ้วของเขาเริ่มพรมนิ้วบนแป้นเปียโนทันที

     

    ไม่เอา

     

    มิเชลกดตัวโน้ตพลาดไปเลยเมื่อได้ยินคำคัดค้านขององค์หญิง  เป็นการสิ้นสุดเพลง จักรเย็บผ้าของเกรอเช่น ของ ชูร์แบร์ ไปโดยปริยาย

     

    บรรยากาศดีอย่างนี้จะยังเล่นเพลงจากเรื่องเฟาสซ์เนี่ยนะ  มาเรียนบ่น  เอาที่มันสดชื่นกว่านี้หน่อยได้ไหม ?

     

    มิเชลขมวดคิ้วด้วยความหนักใจ

     

    น็อคเทิร์น โอปุส 9  หมายเลข 1 ของโชแชงล่ะครับ

     

    อยากทำให้เราหลับหรือไงกัน

     

    ไหนบอกว่าเพลงอะไรก็ได้ไง  มิเชลบ่นอุ่บในใจแต่ก็มิได้เอ่ยปากออกมา 

     

    แล้ว KV 331 เอ เมเจอร์ของโมนาร์ทล่ะครับ

     

    มาเรียนเงียบไปสักครู่  จ้องมองหน้าเจ้าโมนาร์ทที่แลบลิ้นแพล่บ ๆ  ก็ได้  เอาเพลงของโมนาร์ทนั่นล่ะ  ว่าแล้วหล่อนก็พลิกหูเจ้าโมนาร์ทเล่น

     

    มิเชลได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มอย่างพึงพอใจ  เขาสะบัดมือก่อนค่อยเยื้องกรายกดแป้นโน้ตเปียโน

     

    นี่มิเชล...

     

    มีอะไรหรือครับ  มิเชลกล่าวโดยที่นิ้วยังคงขยับต่อไป 

     

    เราไม่มั่นใจกับคอนเสิร์ตคืนนี้เลยล่ะ

     

    คอนเสิร์ตที่จะจัดที่หอดนตรีหลวงใช่ไหมเอ่ย ?

     

    นั่นล่ะ

     

    เห... อย่างมาเรียนนี่นะไม่มั่นใจ  มิเชลเอ่ยโดยไม่คิดอะไรมากนัก  มาเรียนได้ชื่อว่าเป็นเจ้าหญิงแห่งเสียงเพลงเชียวนะ  คอนเสิร์ตคืนนี้แค่เรื่องขี้ประติ๋วเดียวเอง  มาเรียนทำได้อยู่แล้วล่ะ..

     

    เพียงเท่านั้นล่ะ  พอมาเรียนได้ยินคำว่า เจ้าหญิงแห่งเสียงเพลง  เธอก็ลุกขึ้นพรวดพราด  ทำเอามิเชลตกใจจนหยุดเล่นไปเสียดื้อ ๆ  ส่วนเจ้าโมนาร์ทนั้นเหมือนกับจะรู้สถานการณ์ดีกว่ามิเชลหลายขุมก็รีบดิ้นปลีกตัวเองออกจากอ้อมอกขององค์หญิงไปนอนซุกอยู่ใต้แกรนด์เปียโนแทน

     

    มาเรียน  ผมพูดอะไรผิดไปเหรอ ?

     

    มิเชลเองก็เหมือนคนอื่นนั่นล่ะ  ไม่เข้าใจอะไรเราเลยสักนิด  มาเรียนกล่าวด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองอย่างที่มิเชลไม่ทันตั้งตัว  ทำไมต้องคาดหวังเราว่าเรามากมายขนาดนี้ด้วย  ทำไมทุกคนต้องมองเราว่าเลิศเลอเก่งไปหมดเสียทุกอย่าง  เราไม่ใช่ยอดมนุษย์นะที่จะทำตามความหวังของทุกคนได้นะ  เราก็เป็นแค่คนธรรมดาเท่านั้นเอง

     

    เดี๋ยวก่อนสิมาเรียน  มิเชลพยายามกู้สถานการณ์พัลวัน  แต่เท่าที่ผมเห็นมาเรียนก็ทำได้อยู่เสมอนี่นา  ใคร ๆ ต่างก็ชื่นชมฝีมือวิโอลินของมาเรียนทั้งนั้น 

     

    นั่นมันก็แค่เปลือกนอก !”  มาเรียนกำมือแน่น  เป็นแค่หน้ากากที่ทุกพยายามยัดเยียดให้เราเป็น  เพราะว่าเราเป็นเจ้าหญิงต่างหากผู้คนถึงได้ชื่นชม  เรารู้ตัวนะ  บางครั้งเราเล่นพลาดอย่างไม่น่าให้อภัย  แต่เจ้าพวกคนดูจอมสอพลอเหล่านั้นต่างตรบมือส่งเสียงเยินยอสรรเสริญว่าเป็นเพลงที่ไพเราะยิ่ง  ช่างน่าขันนักเชียว  ถ้าเรามิได้เป็นเจ้าหญิงเช่นนี้คงไม่มีโอกาสได้ไปเล่นคอนเสิร์ตที่หอดนตรีหลวงหรอก !”

     

    มิเชลได้แต่กลืนน้ำลายกับสถานการณ์วิกฤติตรงหน้า  เขาไม่เคยเห็นมาเรียนมีท่าทีท้อแท้หรืออ่อนแอขนาดนี้มาก่อน  ตัวเขาเองก็ไม่ใช่คนพูดเก่งอะไร  ซ้ำยังรู้ตัวดีว่าคำพูดของเขาคงเหมือนกับที่คนอื่นที่เคยพูดไปก่อนหน้านี้  ซึ่งมันจะรังแต่ทับถมองค์หญิงตัวน้อยคนนี้ 

     

    เราไม่ได้อยากเกิดมาเป็นเจ้าหญิงอย่างนี้เลยนะ !”

     

    จะให้เขาเข้าโผกอดแล้วปลอบประโลมอย่างนั้นหรือ ? 

     

    ไม่...ไม่ใช่ความคิดที่ดีเลย

     

    ระหว่างนั้นเอง  เขาก็ได้ยินเสียงดัง ตุบ ๆเป็นจังหวะจากข้างใต้เปียโน  มิเชลแอบเหลือบมอง... มันคือเสียงหางของเจ้าโมนาร์ทที่ตีพื้นไปมาเป็นจังหวะราวกับเมโทรโนม

     

    และจากจังหวะที่ว่า  ทำให้มิเชลนึกออกว่าจะจัดการกับความเศร้าหมองของเพื่อนหญิงผู้สูงศักดิ์ได้อย่างไร

     

    โดยไม่พูดพร่ำทำเพลงให้เสียเวลา  มิเชลก็เริ่มบรรเลงเพลงด้วยนิ้วเรียวยาวของเขาทันที 

     

    การกระทำของมิเชลได้ผล  เพียงแค่ขึ้นเมโลดีท่อนแรก  องค์หญิงผู้หดหู่ก็หันมาให้ความสนใจกับเพลงที่มิเชลกำลังดีดอยู่ทันที

     

    มาเรียน  จำเพลงนี้ได้ไหมครับ 

     

    มาเรียนพยักหน้า  จำได้สิ  มันเป็นเพลงที่เราแต่งเองนี่นา

     

    ใช่ครับ  ผมพยายามแปลงเป็นโน้ตเปียโนตั้งนานแน่ะ  มิเชลแอบชายตาสังเกตเพื่อนสาวอยู่ตั้งแรก  เมื่อเห็นว่าเธอมีทีท่าสนใจกับเพลงที่เขาเล่น  หนุ่มนักดนตรีก็ยิ้มออกมา  แล้วมันเป็นเพลงแรกที่ผมได้ยินตอนพบกับมาเรียนเป็นครั้งแรกด้วย...

     

    อย่ามาระลึกความหลังน่าอายตรงนี้สิ  มาเรียนรีบเอ่ยค้าน  แต่มิเชลก็ไม่หยุดเสียที

     

    ตอนนั้นมาเรียนหนีออกมาจากชั่วโมงไวโอลินใช่ไหมครับ  โดนครูบังคับให้เล่นเพลงที่ไม่ชอบมากเข้า  เลยตัดสินใจหนีออกมาพร้อมไวโอลินซะอย่างนั้น  แต่ก็ไปไหนไม่รอด  สุดท้ายก็เดินวนอยู่ตรงแถวสวนหลังสถานทูตนั่นล่ะ...

     

    มิ...เชล 

     

    มาเรียนเอ่ยชื่อเขาด้วยเสียงลากยาวราวกับแมวน้อยขู่ฟ่อ  ทำเอามิเชลต้องผวาไปเลย

     

    เอ่อ... ก็ได้ครับ  ไม่พูดต่อก็ได้  มิเชลหัวเราะกลบเกลื่อน  ประเด็นที่ผมอยากจะสื่อคือ  ตอนที่ผมได้พบกับมาเรียนเป็นครั้งแรกผมก็ไม่ทราบหรอกนะครับว่ามาเรียนนะเป็นถึงเจ้าหญิงของประเทศตัวเองนะ  ที่ผมรู้ในตอนนั้นคือผมได้พบกับเด็กสาวอายุรุ่นราวคราวเดียวกันที่เล่นไวโอลินได้วิเศษมากเลยล่ะ...

     

    หึ  ก็แค่พูดเอาใจเราเท่านั้นล่ะ...  แต่กระนั้นท่าทางของมาเรียนกลับดูพึงพอใจผิดกับน้ำเสียงคำพูดเหลือเกิน

     

    ไม่หรอกครับ  ผมปรบมือให้มาเรียนด้วยความชื่นชมจากใจจริงเลยนะครับ  ถึงเพลงนั้นจะไม่ใช่เพลงที่เพราะที่สุด  แถมยังมีจุดบกพร่องตั้งหลายที่  แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ทำให้หัวใจของผมสั่นสะท้านไปหมดเลยตอนที่ได้ยินเป็นครั้งแรก  ผมรู้สึกได้ถึงฝีมือที่ซ่อนเร้นในตัวของหญิงสาวคนนั้น  รับรู้ได้ถึงความรักที่มีต่อเสียงเพลงสุดหัวใจของเธอ... มันไม่ใช่เพราะมาเรียนเป็นเจ้าหญิงของประเทศผม  แต่เป็นเพราะผมหวั่นไหวไปกับเสียงเพลงของมาเรียนจริง ๆ นะครับ...

     

    พูดออกมาได้อย่างนี้ไม่รู้สึกอายบ้างเรอะ  ทว่าตัวมาเรียนเองก็แอบเบือนหน้าที่แดงก่ำหนีมิเชลด้วยเช่นเดียวกัน

     

    ก็อายอยู่นะครับ  แต่ถ้าไม่พูดเสียเดี๋ยวมาเรียนก็หาว่าผมเหมือนคนอื่นซี่  ผมนะกว่าจะทราบว่ามาเรียนเป็นเจ้าหญิงก็ปาไปเกือบเดือนหลังจากที่เราพบกัน...

     

    ก็มิเชลบื้อเองนี่นา  มาเรียนแอบขำ  แถมตอนแรกยังพยายามคุยกับเราด้วยภาษาพวกแยงกี้อีก  หน้าเราเหมือนพวกแยงกี้ขนาดนั้นเลยเหรอ

     

    ก็ใครจะไปนึกว่าลูกนักการทูตกระจอกอย่างผมจะได้พบกับองค์หญิงผู้สูงศักดิ์ในที่อย่างนั้นนี่ครับ  แถมใครจะไปนึกว่าได้พบกับคนถิ่นเดียวกันในที่อย่างนั้นด้วย  มิเชลเริ่มพรมนิ้วบรรเลงโน้ตเพลงสี่ห้องสุดท้ายอย่างคล่องแคล่ว  ก็เห็นออกมาพบกันได้ตลอดเกือบทุกวันก็เลยนึกว่าเป็นลูกสาวพ่อค้าที่ไหนสักแห่ง  มิน่า  ตอนที่พ่อเห็นมาเรียนที่ผมพามาเล่นเปียโนที่บ้านถึงได้ทำตาโตตกใจขนาดนั้นน่ะ

     

    แล้วมิเชลก็โดนองครักษ์เราจับหมอบกับพื้นซะแย่เลย

     

    ใช่ครับ  มันเจ็บมากเลยล่ะ  ผมล่ะตกใจแทบแย่ที่จู่ ๆ พวกชายชุดดำโผล่มาในเวลานัดแทนที่จะเป็นมาเรียนนะ  แต่ผมดีใจนะที่มาเรียนรีบมาช่วยแก้ต่างให้ผมทันที  ไม่งั้นผมคงโดนยัดเข้าตารางโทษฐานโจรลักพาตัวไปแล้วล่ะ

     

    น่าเสียดาย  รู้งี้ปล่อยให้โดนจับเสียก็ดีหรอก  มาเรียนหัวเราะท่ามกลางเสียงคัดค้านจากมิเชล  ก่อนจะค่อย ๆ ขยับมานั่งบนเก้าอี้เปียโนข้างมิเชลอีกครั้ง  สรุปแล้วเธอจะบอกว่าเราฝีมือดีอย่างนั้นล่ะสิ 

     

    มิเชลดีดโน้ตตัวสุดท้ายก่อนจะเกาศีรษะอย่างเขินอาย  ใช่ครับ  ผมรับรองได้จากใจเลย  หรือมาเรียนจะบอกว่าตัวผมที่บื้อมาตลอดเกือบเดือนโกหกอย่างนั้นสิ   

     

    เห... นึกว่ามิเชลจะหาเรื่องจีบเราเสียอีก...

     

    มิเชลนั้นสะอึกซะจนแทบนึกคำพูดฉลาด ๆ โต้ตอบไม่ออกเลย  แต่กระนั้นมิเชลก็ไม่ต้องเป็นห่วงอะไรอีกแล้ว  เพราะบัดนี้ใบหน้าขององค์หญิงเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่สดชื่นคู่ควรกับใบหน้าของเธอแล้ว

     

    จ....จริงสิครับ  เกือบลืมไปแน่ะ  มิเชลรีบหันเหความสนใจโดยการล้วงของสิ่งหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อ  มันเป็นห่อของขวัญเล็ก ๆ ขนาดฝ่ามือ ที่ถูกมัดด้วยริบบิ้นสีชมพูหวาน  เขายื่นมันให้กับมาเรียน

     

    ให้เรา...อย่างนั้นเหรอ  มาเรียนถาม

     

    ของขวัญอวยพรสำหรับคอนเสิร์ตวันนี้นะครับ  มิเชลกล่าว  ผมเองก็เพิ่งทราบข่าวไม่นานเลยไม่มีเวลาเตรียมหาของขวัญให้ล่วงหน้า...

     

    ทว่า  มาเรียนมิได้สนคำแก้ตัวน้ำท่วมทุ่งนั่นเลย  เธอรีบคว้ามันมาไว้อย่างตื่นเต้น  แกะเลยได้ไหม  เมื่อมิเชลพยักหน้าตอบรับ  องค์หญิงก็รีบแกะห่อขวัญทันที

     

    ที่คล้องรูปกุญแจเสียงฟา...  มาเรียนจ้องมองพวงกุญแจไม้รูปกุญแจเสียงฟาที่คล้องพู่สีแดงไว้    นี่มิเชลทำเองเหรอ 

     

    ครับ  ผมให้คุณพ่อช่วยด้วยนิดหน่อย  แต่โดยส่วนใหญ่แล้วผมเป็นคนทำทั้งหมดล่ะครับ

     

    มิน่า  ทำไมมันดูเบี้ยวชอบกล  มาเรียนตอบโดยที่เธอยังมองของขวัญนั่นด้วยความตื่นเต้น 

     

    ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ที่ไม่ได้เตรียมของขวัญที่ดีกว่านี้มาให้นะครับ

     

    ไม่หรอก  มาเรียนส่ายหัวทั้งรอยยิ้ม  เราถูกใจมันมากเลยล่ะ  แต่เราสงสัยว่าทำไมเป็นถึงให้กุญแจฟาล่ะ ?

     

    อ๋อ  ผมยังไม่ได้อธิบายความหมายของมันสินะครับ  ว่าแล้วมิเชลก็หยิบพวงกัญแจอีกอันหนึ่งออกมา  มันเป็นพวงกุญแจรูปกุญแจเสียงซอลที่แกะจากไม้เช่นเดียวกัน  ผมทำพวงกุญนี่ขึ้นมาสองอันนะครับ  ที่ผมให้กุญแจฟาไปก็เพื่อเปรียบเหมือนกับความรู้สึกของผมที่คอยเกื้อหนุนมาเรียนไปตลอด  เหมือนกับเสียงเบสที่สนับสนุนเมโลดี้เพลงให้ไพเราะยิ่งขึ้นนะครับ

     

    แล้วเจ้ากุญแจซอลนั่นล่ะ

     

    อ๋อ  อันนี้ผมจะเก็บไว้เองครับ  เป็นตัวแทนของมาเรียนที่เปรียบเสมือนเสียงเมโลดี้หลักที่เป็นหัวใจของเพลงคอยทำให้หัวใจของผมชุ่มชื้นตลอดนะครับ

     

    แหวะ  ไม่รู้สึกเลี่ยนบ้างเหรอตอนพูดอย่างนั้นออกมานะ  ถึงจะกล่าวอย่างนั้น  ใบหน้าของมาเรียนกลับเต็มไปด้วยความยินดี  เธอรีบลุกไปผูกพวงกุญแจไว้ที่ไวโอลินตัวโปรด  พลางยกมันขึ้นมาอวดให้มิเชลได้รับชม  เป็นไง  ดูเข้ากันไหม

     

    ภาพที่มิเชลเห็น ณ ตอนนี้คือหญิงสาวที่เปล่งประกายท่ามกลางแสงตะวันที่สดใสราวกับเทพีแห่งฤดูใบไม้ผลิ  มันทำให้มิเชลตะลึงจนเผลอจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าไปพักหนึ่งเลยทีเดียว

     

    ส... สวยมากเลยครับ 

     

    มาเรียนนั้นไม่มีทางทราบได้ว่าสิ่งที่มิเชลหลุดปากออกมาหมายถึงอะไรกันแน่  แต่หล่อนก็เพียงแต่ยิ้มกว้างอย่างไร้เดียงสา  พลางเดินเข้าหาชายหนุ่มที่อยู่ในภวังค์มนต์สะกดอยู่

     

    ถ้าอย่างนั้นเราเองก็ต้องมีของขวัญอะไรให้มิเชลบ้างแล้วสิ  เธอก้มหน้ามองชายหนุ่มจนทำให้ชายคอเสื้อย้อยลงมา  ทำให้มิเชลต้องรีบเบือนหน้าหนีบังคับมิให้สายตาจับจ้องเนินอกสีขาวผ่องคู่นั้น ว่าแต่มิเชลไปงานคอนเสิร์ตไม่ได้จริง ๆ เหรอ

     

    ค...ครับ  มิเชลยังเบือนหน้าหลบด้วยแก้มที่แดงก่ำ คาบเรียนที่โรงเรียนก็จะเปิดอยู่ไม่กี่วันแล้ว  ถ้าผมไม่ไปวันนี้มันจะไม่ทันนะครับ

     

    น่าเสียดายจริง  งั้นเราคงต้องหาของขวัญอย่างอื่นให้เสียแล้วสิ

     

    ไม่ต้องก็ได้ครับ  แค่มาเรียนชอบพวกกุญแจนั่นก็ถือเป็นของขวัญชิ้นสำคัญที่ล้ำค่าที่สุดแล้วล่ะ

     

    ไม่ได้หรอก  มาเรียนยกนิ้วแตะปากครุ่นคิดอย่างหนักก่อนที่เธอจะลืมตาเหมือนนึกอะไรบางอย่างออก

     

    งั้น  มิเชลหลับตาหน่อยสิ 

     

    ห...หา ?  มิเชลลืมตาโผลงด้วยความตื่นเต้น

     

    เอาน่า  เราไม่แกล้งอะไรหรอก 

     

    เมื่อมาเรียนยืนยันเช่นนั้น  มิเชลจึงไม่มีทางเลือกนอกจากจะหลับตาตามคำสั่ง

     

    ต้องหลับนานแค่ไหนครับ 

     

    อีกสักครู่จ้า  มาเรียนตอบระหว่างกำลังทำอะไรตะกุกตะกักอยู่ไม่ห่าง  ส่วนมิเชลได้แต่ใจเต้นโครมครามกับของรางวัลที่มาเรียนจะให้  มันจะเหมือนกับที่เขาเคยอ่านเจอในนิยายหรือเปล่า  ที่หญิงสาวให้หลับตาแล้วมอบจุมพิตให้น่ะ...

     

    เอาล่ะ  ห้ามลืมตานะ

     

    ว่าแล้วมิเชลก็รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างนุ่ม ๆ สัมผัสที่ริมฝีปาก  นี่มันหรือว่าจะเป็นอย่างที่เขาคิดจริง ๆ !  เท่านั้นไม่พอ  เขารู้สึกได้เหมือนลิ้นกำลังชอนไชในปากของเขาด้วย

     

    ม...มาเรียน  ถ้ามากกว่านี้มันจะไม่ดีนะ !”

     

    มิเชลรีบผละตัวออกอย่างรวดเร็วพร้อมกับหัวใจที่ระส่ำระส่าย ...

     

    เขาลืมตาขึ้นมา 

     

    ก่อนจะพบกับใบหน้าของเจ้าโมนาร์ทกำลังแล่บลิ้นให้เขาอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว

     

    ไหนบอกว่าจะไม่แกล้งผมไงล่ะครับ !”  มิเชลรีบควักผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดปากอย่างลนลาน  ส่วนมาเรียนที่อุ้มเจ้าโมนาร์ทอยู่นั้นก็หัวเราะเสียงดังลั่นไม่สมกับกิริยาของราชนิกูลเลยแม้แต่น้อย

     

    ก็เราไม่ได้แกล้งจริง ๆ นี่นา  เจ้าโมนาร์ทต่างหากที่เลียหน้าเธอนะ  มาเรียนปล่อยโมนาร์ทที่กำลังกระดิกหางอย่างแรงลงกับพื้น  ก่อนจะเดินเข้าหามิเชลอีกครั้ง  เป็นการแก้แค้นที่ทำให้เราเขินเมื่อสักครู่ไง 

     

    ใจร้าย  มิเชลกล่าวอย่างน้อยใจ  ผมอุตส่าห์เชื่อใจนะ

     

    เอาน่า  งั้นคราวนี้ของจริงล่ะ

     

    ก่อนที่มิเชลจะได้ทันตั้งตัว  มาเรียน  ราชธิดาในราชตระกูลบูบัวร์แห่งราชอาณาจักร  ก็ปรี่ตัวเข้าหาพลางจุมพิตเข้าที่ริมฝีปากของชายหนุ่มอย่างนุ่มนวล  โดยมิได้นึกรังเกียจว่าริมฝีปากนั้นจะเพิ่งเปื้อนน้ำลายสุนัขมาเลย

     

    คราวนี้เราก็เปื้อนน้ำลายเจ้าโมนาร์ทเหมือนกันแล้ว  ถือว่าหายกันนะ  มาเรียนที่หน้าแดงก่ำค่อย ๆ ถอนตัวออกมา  มือของเธอสัมผัสริมฝีปากแดงเรื่อยอย่างเขินอาย

     

    มิเชลนั้นพูดอะไรไม่ออกเลย  เขาได้แต่อ้าปากหวอเหมือนปลาทองที่วิ่งไล่งับขี้ตัวเองอย่างน่าสมเพส  กระนั้น  ในหัวของเขาก็นึกอะไรไม่ออกอีกแล้ว

     

    .........................................................

    ...........................................

    ................................

    ..........

     

    และแล้วมันก็ถึงเวลาแห่งการลาจาก  มิเชลต้องรีบไปขึ้นรถไฟเพื่อต่อไปยังท่าเรือ  ส่วนมาเรียนเองก็ต้องเตรียมพร้อมสำหรับคอนเสิร์ตคืนนี้  มิเชลนั้นในตอนแรกวางแผนจะเดินไปสถานีรถไฟด้วยตัวเอง  แต่หัวหน้าพ่อบ้านยืนยันว่าขอให้คนขับรถของวังขับไปส่งให้  ในที่สุดมิเชลก็ต้องยอมแพ้  โดยสารไปยังสถานีรถไฟโดยรถของวัง

     

    ระหว่างที่มิเชลจะออกเดินทาง  มาเรียนก็รีบวิ่งมาโบกมืออำลาจากระเบียงชั้นสองในชุดที่จะออกงานคอนเสิร์ต  สำหรับมิเชลแล้วหญิงสาวเบื้องหน้าดูราวกับนางฟ้าเลยทีเดียว  ประกายแสงจากฟ้าส่องผ่านเมฆเป็นลำแสงลงมาบริเวณที่เธอยืนอยู่พอดี  สะท้อนประกายกากเพชรบนเส้นผมให้แวววาวราวกับอัญมณีล้ำค่า

     

    มิเชล  คราวหน้าห้ามพลาดคอนเสิร์ตของเรานะ  เราจะส่งบัตรเชิญไปถึงที่โน่นเลย 

     

    ครับผม  ผมจะรอซื้อแผ่นเสียงตั้งแต่วันแรกเลยนะครับ 

     

    หนุ่มสาวทั้งสองส่งสายตาแห่งความอาลัยให้กันอีกครั้ง  มาเรียนเหมือนจะพยายามกล่าวอะไรบางอย่าง...บางอย่างที่เธอพยายามหักห้ามไว้ในหัวใจ  มันช่างดูทรมานเหลือเกิน  แต่ในที่สุดเธอก็เอาชนะมันได้  เจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์เพียงแต่ยิ้มอำลาให้กับสหายหนุ่มเบื้องล่าง

     

    อย่าลืมเขียนจดหมายหาเราทุกอาทิตย์ด้วยล่ะ  ได้ที่อยู่เราแล้วใช่ไหม

     

    ครับผม  ผมสัญญา !”

     

    แล้วอย่าลืมซ้อมเปียโนให้มาก ๆ ล่ะ  คราวนี้จะได้มาเล่นด้วยกันใหม่

     

    ผมจะพยายามครับ

     

    มิเชลยิ้มตอบกลับด้วยหัวใจที่พองโตอย่างที่เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อน

     

    และนั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่ทั้งสองจะได้พบกันในลักษณะนี้...

     

    ด้วยรอยยิ้มที่สดใสราวกับแสงตะวันที่ส่องสว่างกลางฟากฟ้า

    b

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×