ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    My Boo รักหมดใจ มาเฟียตัวร้าย

    ลำดับตอนที่ #3 : My Boo รักหมดใจ มาเฟียตัวร้าย 1 (100%)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 40
      0
      25 เม.ย. 57

    My Boo 1

     

            แสงจันทร์สาดส่องลอดช่องผ้าม่านเข้ามาในเซฟเฮ้าส์สุดหรูใจกลางกรุงโซล  ปรากฏสองร่างที่กำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอย่างเร้าร้อนอยู่กลางห้องนอนใหญ่บนเตียงขนาดคิงไซค์  บทรักครั้งนี้กำลังจะจบลง...แต่

     

     

     

    ก๊อก ก๊อก ก๊อก

     

     

    “เชี่ยยย มีไรว่ะ” ร่างสูงข้างบนหยุดชะงักกลางคัน

     

    “คือนายครับ...คือ...เอ่อ...คือ” เสียงตอบกลับตะกุกตะกัก  เพราะรู้ว่ากำลังขัดจังหวะเจ้านาย

     

    “มีไรก็พูดมาสิว่ะ  คนกำลังเข้าได้เข้าเข็ม” ร่างสูงสบถอย่างโมโห

     

    “คือว่า นายใหญ่มาครับ”

     

    “พ่อมาเหรอ แล้วตอนนี้อยู่ที่ไหน” ร่างสูงตะโกนกลับไปแต่ร่างกายก็ยังไม่หยุดกิจกรรมรักยังคงรักษาระดับไว้อย่างช้าๆ

     

    “ตอนนี้นายใหญ่อยู่ที่คฤหาสน์ครับ”

     

    “งั้นบอกว่ารออยู่ที่นั่นแหละ เดี๋ยวตามไป ขอสานต่อให้เสร็จก่อน”

     

    “ครับนาย”

     

     

     

                            ภายในห้องรับแขกสไตล์ยุโรปของคฤหาสน์ตระกูลคิม  ปรากฎร่างใหญ่ของเจ้าของอาณาจักรแห่งนี้ คิม จินอุน นายใหญ่ของคฤหาสน์หลังนี้  ซึ่งตอนนี้กำลังนั่งจิบกาแฟเพื่อรอลูกชายคนเดียวอยู่  เพราะได้ฟังคำบอกเล่าจากลูกน้องว่า ตอนนี้ลูกชายเค้าอยู่ที่เซฟเฮ้าส์ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจการของตระกูล ตอนนี้กำลังมา เวลาผ่านไปซักพพักใหญ่ๆก็ปรากฏร่างสูงใหญ่ของทายาทมาเฟียรุ่นที่สาม กำลังเดินเข้ามาด้วยอาการไม่เร่งรีบมากนัก การแต่งตัวก็ไม่เรียบร้อยเท่าที่ควรเนื่องจากเสื้อเชิ้ตที่สวมนั้นมันยับจนดูผิดปกติ ค่อยๆเดินเข้ามายังห้องรับแขกที่มีบิดานั่งรออยู่ก่อนแล้ว เข้ามาก็เดินไปที่หน้าต่างพร้อมกับจุดบุหรี่ขึ้นมาสูบ

     

    “ไง ไอ้ลูกชายชั้นไปฮ่องกงมาสามวัน  นอนกับผู้หญิงสามวันเลยมั้ยเนี่ย” ผู้เป็นบิดาทักทายเชิงติดตลก

     

    “พ่อก็รู้อยู่แล้วจะถามทำไม  แหม่เหมือนพ่อไม่เคยทำ” ร่างสูงตอบกลับยิ้มๆพร้อมกับพ่นควันบุหรี่ออกไปทางหน้าต่างพอดี  คนเป็นพ่อได้ยินดังนั้นก็หัวเราะชอบใจเป็นการใจ พร้อมกับเดินเข้าไปตบไหล่กว้างที่ยืนอยู่ตรงหลังโซฟาหรู

     

    “ให้มันเพาๆลงหน่อยนะ  เดี๋ยวจะมาตบตีแย่งชิงกันอีก” บิดาพูดบอก เนื่องจากครั้งที่แล้วที่ตนกลับมาบ้านก็มีผู้หญิงสี่ ห้า คนกำลังตบตีกันอยู่หน้าประตูคฤหาสน์

     

     

    “ทำไงได้ล่ะพ่อ  ลูกชายพ่อมันหล่อนี่นา” ร่างสูงตอบด้วยน้ำเสียงกวนๆ

     

     

    “เออออ หล่อ แต่ความเจ้าชู้นี่ลดลงบ้าง  ชั้นเห็นแล้วปวดหัวแทน” พูดไปส่ายหน้าไป

     

     

    “ผู้ชายไม่เจ้าชู้ก็เหมือนงูไม่มีพิษ  แต่ลูกชายพ่อนี่เป็นพญาอสรพิษเลยนี่สิ” จบประโยคสองพ่อลูกก็หัวเราะดังลั่นห้องรับแขก

     

    “ว่าแต่พ่อมีอะไรหรือเปล่า ผมว่าพ่อคงไม่ได้มาแค่จะมาแซวผมล่ะมั้ง” ร่างสูงถามขึ้นเพราะไม่ค่อยได้มีเวลามานั่งคุยเล่นกับพ่อแบบนี้ซักเท่าไหร่  เพราะต่างคนต่างก็ต้องยุ่งกันทั้งคู่  โดยเฉพาะพ่อนี่ไม่ค่อยได้อยู่เกาหลีมากนัก เนื่องจากชอบเดินทางไปเจรจาการค้ากับต่างประเทศโดยที่บิดาให้เหตุผลว่า ไปทำงานแล้วก็ได้ไปเที่ยวด้วยในตัว เผื่อจะได้แหม่มหัวทองกลับมาเป็นแม่ใหม่ผมอีกคน

     

     

    “แกถามมาก็ดีล่ะ ชั้นจะให้แกแต่งงาน” เสียงทุ้มเอ่ย

     

     

    “ผมเนี่ยนะแต่งงาน” ร่างสูงสบถลั่น

     

     

    “ใช่ แกหมั้นกันมานานแล้ว  ถึงเวลาต้องแต่งงานซักที” เค้าเคยบอกกับลูกชายนานแล้วว่าตนได้หมั้นหมายให้ตั้งแต่เด็กๆรอให้พร้อมแล้วจะให้แต่งงานกัน

     

     

    “หมั้นหรอ...อ๋อ นึกว่าจะให้แต่งกับใคร  ว่าแต่ผมไม่ได้เจอน้องมาสิบห้าปีแล้วนะ” ร่างสูงพูดบอกพร้อมรอยยิ้ม เมื่อนึกถึงบุคคลที่กำลังจะมาเป็นเจ้าสาวในอนาคตของเค้า

     

    “ก็นี่ไงคยองซูกำลังจะกลับมาจากอังกฤษ  อาทิตย์หน้าแกไปรับน้องด้วยล่ะ ชั้นเลยมาบอกก่อนให้แกเตรียมตัว แกพร้อมจะแต่งงานรึยัง”

     

     

    “ผมพร้อมเสมอแหละพ่อ  เอาจริงๆเลยนะผมพร้อมมานานแล้ว”ร่างสูงพูดพร้อมกับผิวปากแล้วอัดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ 

     

     

    “นี่เราจะได้เจอกันแล้วหรอ คิดถึงจะตายอยู่แล้ว โด คยองซู”

     

    40%





     


                    หลังจากงานเลี้ยงวันเกิดฉลองวันเกิดของทายาทตระกูลคิมครบรอบสิบสองปี  เด็กน้อยวัยเก้าปีทายาทคนเดียวของตระกูลโดก็ถูกส่งไปเรียนต่อที่ต่างประเทศกับญาติ   ทำให้ทั้งสองไม่ได้เจอกันอีกเลย ล่วงเลยมาเป็นเวลาสิบห้าปี  ณ  ตอนนั้นก็เปรียบเสมือนความรักของเด็กๆ  ที่ต่างคนก็ต่างขาดด้วยกันทั้งคู่  ด้วยความที่เป็นลูกคนเดียวและขาดแม่กันตั้งแต่ยังเล็ก  ทำให้ทั้งสองสนิทกันได้อย่างรวดเร็วและแน่นแฟ้น จนความผูกพันนั้นค่อยๆกลายมาเป็นความรัก  แต่ใครจะรู้ว่าทั้งคู่รอคอยเพื่อนจะได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง

     

     


     

                        และในวันนี้เป็นอีกวันหนึ่งวันที่คนคนหนึ่งกำลังจะกลับมาหลังจากที่ได้รับคำสั่งของบิดาให้ไปเรียนต่อที่อังกฤษ เป็นเวลาสิบห้าปีที่ไม่เคยได้เหยียบแผ่นดินบ้านเกิดของตัวเอง  และตอนนี้ก็ถึงเวลากลับมาแล้ว กลับมาเพื่อสืบทอดกิจการธุรกิจต่างๆของครอบครัว และกลับมาเพื่อนสานต่อเจตนารมณ์ของผู้เป็นบิดากับเพื่อนสนิทที่ได้ตกลงกันไว้นานแล้ว ตัวเค้าเองก็รู้อยู่แล้วว่าต้องแต่งงานกับลูกชายของเพื่อนสนิทบิดา  ผู้เป็นเสมือนพี่ชายและเป็นรักแรกของเค้า ในตอนที่บิดามาบอกว่าต้องไปเรียนที่ต่างประเทศ  เค้าเสียใจมากร้องไห้เป็นการใหญ่  เเต่ไม่ได้เสียใจที่ต้องไปใช้ชีวิตอยู่ต่างบ้านคนเดียว แต่เสียใจที่ไม่ได้เจอกับร่างสูงผู้เป็นรักแรกคนนี้อีก  

     

     


     

                             ในวันนี้ร่างสูงอีกคนหนึ่งก็กำลังรอคอยการกลับมาของผู้เป็นรักแรกของตน เค้าไม่เคยรู้จักความรักหรอกว่ามันเป็นแบบไหน เค้าใช้ชีวิตอย่างอิสระ อยากทำอะไรก็ได้ทำ ไม่เคยลังเลที่จะลงมือทำอะไรตามที่ตัวเองอยากจะทำหรืออยากจะได้ ทุกๆอย่างมันดูเหมือนง่ายไปหมด ยกเว้นเรื่องเดียวคือ  ร่างน้อยๆที่หนีเค้าไปเรียนต่อต่างประเทศอย่างกะทันหัน  โดยไม่มีการล่ำลากันซักคำ อาจจะเป็นเพราะมันคือการไม่ได้ดั่งใจครั้งแรกที่เค้าไม่สามารถให้เป็นไปตามอย่างที่ตัวเองได้คิดเอาไว้  แต่ภายในใจเค้าเองแล้วก็ไม่รู้ทำไมว่ายังคงรอคอยร่างน้อยๆคนนั้นอยู่

     

     


     

                           คู่หมั้นเค้าจะมาถึงราวๆค่ำของวันนี้ และเค้าก็ตั้งใจไว้แล้วว่าจะไปรับด้วยตัวเอง แต่ตอนนี้พึ่งเลยช่วงเที่ยงมาเป็นเวลาไม่นาน  ร่างสูงขอใช้เวลาทุกวินาทีให้มีคุณค่ามากที่สุดก็แล้วกัน  ให้สมกับที่เป็นพญาอสรพิษหน่อย

     

     
     

    “จะทันหรอครับนาย  ทุ่มนึงนายต้องไปถึงสนามบินนี่ครับ” ลูกน้องคนสนิทอย่างแจซึงเอ่ยบอก

     

     

    “ทันสิ ชั้นระดับไหนแล้ว ชั้นไปรอข้างบนนะ” เสียงทุ้มเอ่ยเสร็จก็ผิวปากอย่างอารมณ์ดีพร้อมกับเดินขึ้นบันไดไปชั้นบนของเซฟเฮ้าส์ ที่เมื่อคืนก็พึ่งจะเรียบร้อยกันมา และในตอนนี้ก็จะเป็นสนามรบอีกครั้ง มีคนมากมายอยากเข้ามาเป็นที่รองรับอารมณ์ของมาเฟียอันหล่อเหลาและมีอิทธิพลมากที่สุดไม่ว่าจะเป็นดาราอันดับต้นๆหรือลูกหลานทายาทไฮโซก็ดาหน้าเข้ามาติดต่อกับลูกน้องเสมอว่าถ้าร่างสูงต้องการเมื่อไหร่ก็สามารถเรียกใช้ได้ทุกเมื่อ

     


     

     

                               ผ่านไปซักพักใหญ่ๆใกล้เวลานัดเข้าไปทุกที  ปรากฏร่างสง่างามด้วยเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มของอามานี่พับแขนเสื้อขึ้นเล็กน้อยพอให้สบายตัวสวมทับด้วยกางเกงสแลคพร้อมด้วยเข็มขัดหรูจากลาคอส กับรองเท้าหนังสุดหรู เพื่อเตรียมตัวจะไปสนามบิน หลังจากเสร็จกิจกรรมเรียกเหงื่อก็รีบเดินออกมาข้างนอกเซฟเฮ้าส์พร้อมที่ขึ้นรถทันที

     

     

    “ไปได้แล้วเดี๋ยวไม่ทัน” เสียงทุ้มเอ่ยสั่งคนขับรถ  

     

     

    “ครับนาย” ในขณะที่กำลังจะเคลื่อนตัวตัวรถ ก็มีร่างใหญ่มาเคาะกระจกข้างเอาไว้

     

     

    “เดี๋ยวครัวนาย...แล้วคุณแองจี้ที่นอนอยู่ข้างบนให้ทำยังไงครับ” เสียงลูกน้องอีกคนดังขึ้น

     

     

    “ก็ทำเหมือนที่เคยทำ” ร่างสูงพูดแบบไม่ได้ใส่ใจอะไร

     

     

    “แต่...คือ...คุณเองจี้เค้าเป็นลูกสามรัฐมนตรีนะครับนาย”

     

     

    “เค้าไม่กล้าหือกับนายหรอก ไป หลีกไปนายจะรีบไปสนามบิน”เสียงของคนสนิทอย่างแจซึงสั่งบอกลูกน้องแทนเจ้านายที่ตอนนี้หน้าตาไม่สบอารมณ์อย่างแรง คนที่พามาพอหมดประโยชน์แล้วก็ให้เงินซักก้อนพร้อมกับไปส่งที่บ้านแค่นี้ก็จบ และก็ไม่เคยมีปัญหาจะมีก็แต่เค้าไปตบตีกันเอง

     

     



     

         ไม่นานก็ถึงสนามบินเป็นเวลาหนึ่งทุ่มพอดี  ร่างสูงพร้อมด้วยแจซึงและลูกน้องอีกห้าคนที่ขับรถตามมาอีกคันหนึ่งก็เดินกันไปยังอาคารผู้โดยสารขาเข้า จากไฟล์บินที่มาจากประเทศอังกฤษ ลำพังแค่ร่างสูงหล่อสง่าคนนี้ก็เดินเข้ามาก็เป็นจุดสนใจอย่างมากอยู่แล้วแต่นี่ยังมีชายชุดดำอีกหกคนเดินตามหลังตลอดยิ่งเป็นจุดสนใจเข้าไปกันใหญ่  แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครกล้าสบตากับร่างสูงซักคนเพราะแววตาอันดุดันนั้นจ้องมองไปยังทางออกจากเครื่องอย่างใจจดใจจ่อ

     

     

    “ขอโทษนะครับนาย  นายรู้ใช่มั้ยครับว่าคุณคู่หมั้นเป็นคนไหน” แจซึงถาม

     
     

    “รู้สิ ถึงแม้ว่าเราจะไม่เจอกันนานแล้ว แต่ชั้นมั่นใจว่าเค้าต้องน่ารักเหมือนเดิม” พูดไปยิ้มไป

     

     
     

                  เวลาผ่านไป ผู้โดยสารเดินออกมาจนหมด  แต่ทำไมยังไม่มีคนที่เค้าตั้งใจมารอ  ร่างสูงสบถออกมาอย่างหัวเสียพร้อมกับจะเดินเข้าไปข้างใน

     
     

    “นายใจเย็นๆครับ” แจซึงรับห้ามเจ้านาย 

     


     

                 ไม่ทันขาดคำก็ปรากฏร่างเล็กในชุดเสื้อไหมพรมสีแดงเลือดหมูกับกางเกงยีนส์สีเข้มพอดีตัว เดินออกมาคนสุดท้ายพร้อมด้วยกระเป๋าลากใบใหญ่และเสื้อโค้ชสีดำที่พาดอยู่บนแขนซ้ายพร้อมกับกระเป๋า ส่วนมือขวาก็กำลังถือโทรศัพท์เพื่อสนทนากับปลายสายอยู่ และคนสนิทอย่างเขารู้ทันทีเลยว่านี่เป็นคนที่เจ้านายเค้ารอแน่ๆเพราะเจ้านายมองตาไม่กระพริบเลย ตอกย้ำด้วยบทสนทนาที่ชี้ให้ชัดเจนว่าร่างเล็กคนนี้คือคู่หมั้นตัวน้อยที่ตั้งใจมารอรับจริงๆ

     


     

    “ลูกถึงแล้วฮะคุณพ่อ  พ่อดีว่าลูกไปเข้าห้องน้ำมาฮะถึงมาช้า” เสียงใสพูดบอกเจื้อยแจ้ว “คุณพ่ออยู่ตรงไหนฮะ .... อ้าว ....ใครมารับลูกนะฮะ แล้วลูกจะจำพี่เค้าได้มั้ยเนี่ย  คุณพ่อ คุณพ่อ อ้าวว โถ่คุณพ่อแล้วพี่เค้าจะจำคยองได้หรอเนี่ย” ร่างเล็กมัวแต่ก้มหน้าก้มตากับการคุยโทรศัพท์ จึงไม่เห็นสายตาที่มองมาอย่างอาวรณ์ ที่มองทุกๆการกระทำและทุกๆบทสนทนา อยู่ในสายตาของร่างสูงทั้งหมด




     

    “ทำไมพี่จะจำคยองไม่ได้ล่ะ  พี่ไม่เคยลืมคยองเลยต่างหาก ไม่เสียเที่ยวเลยที่มารอ”



     

    100%

     



     

    ฝากด้วยนะค่ะ

    ขอบคุณค่ะ

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×