ทำไว้ดูเอง - นิยาย ทำไว้ดูเอง : Dek-D.com - Writer
×

    ทำไว้ดูเอง

    ผู้เข้าชมรวม

    118

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    118

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักอื่น ๆ
    จำนวนตอน :  25 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  18 ก.ย. 60 / 21:12 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ


     ถังเทียนยังทำตัวเหมือนอย่างที่เคย  ยืนเฉื่อยชาอยู่ที่ลานฝึก

    พอเห็นเด็กรุ่นเยาว์และหน้าตาไร้เดียงสาเหล่านั้น เขาถึงกับแค่นเสียง
    เป็นครั้งแรกที่นักเรียนรุ่นเยาว์ที่เข้าสถาบันแอนดรูว์ได้ฝึกฝนภาคสนาม  สถาบันแอนดรูว์เป็นหนึ่งในสิบสำนักเรียนชั้นยอดของเมืองซิงฟง  แม้แต่สิ่งอำนวยความสะดวกในการฝึกฝนภาคพื้นดินจะไม่เทียบเท่ากับสถาบันอันดับหนึ่งอย่างสถาบันรุ่งอรุณก็ตาม แต่พวกเขาก็ยังได้รับการพิจารณาให้อยู่ในอันดับแรกๆ
     
    ยิ่งไปกว่านั้น นี่เป็นบทเรียนภาคปฏิบัติครั้งแรกสำหรับนักเรียนใหม่ และพวกเขาจึงกระตือรือร้นอยากรู้อยากเห็นมาก
     “ทุกสิ่งทุกอย่างมีเขียนไว้ในตำราที่พวกเธอทุกคนได้เรียนมาก่อนหน้านั้นแล้ว  ครูได้อธิบายอย่างละเอียดไปแล้ว  ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป  นอกจากเรียนภาคทฤษฎีแล้ว  เราจะใช้เวลาส่วนใหญ่ฝึกอบรมกันในที่ภาคสนามนี้  ถ้าพวกเธอใฝ่ฝันจะได้เข้าเรียนสถาบันที่ดีกว่า ก็ขอให้พากเพียรขยันขันแข็งในการฝึกแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น  จำไว้เสมอว่า ไม่มีทางลัดสู่ความสำเร็จ  การฝึกฝน ถึงจะน่าเบื่อแสนเบื่อเพียงใดก็ยังจะสำเร็จได้ แต่ก็ไม่ต้องเชื่อถือในโชคลาภ”
    อาจารย์เฉินพูดย้ำจริงจัง ขณะที่เสียงของเขาสะท้อนก้องไปทั้งลานฝึก
    ความกระตือรือร้นและความคาดหวังเต็มเปี่ยมอยู่ในดวงตาของนักเรียนรุ่นเยาว์
     “วันนี้ หลักสูตรของพวกเราก็คือการฝึกวิชากระบี่ขั้นพื้นฐาน วิชาต่อสู้จะเป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์  ถ้าผู้เล่าเรียนเอาแต่ศึกษาภาคทฤษฎีละเลยการฝึกฝนภาคปฏิบัติจริงจัง  อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ทุกคนจะได้เริ่มฝึกฝนด้วยตนเอง  จะให้ถังเทียนนักเรียนรุ่นพี่ของพวกเธอแสดงให้ดูสักครั้งก่อน  รุ่นพี่ถังเทียนคือศิษย์ที่โดดเด่นที่สุดของสถาบันแอนดรูว์ มีทักษะเชี่ยวชาญวิชาต่อสู้ขั้นพื้นฐาน  แม้แต่ครูเองก็ยังเทียบไม่ได้ พวกเธอคอยชมเพลงกระบี่พื้นฐานที่สมบูรณ์แบบให้ดีเถอะ”
    นักเรียนทุกคนหันไปจ้องดูถังเทียน  เจ้าคนเกียจคร้านในสายตาของทุกคนได้รับยกสถานะทันที
    ถังเทียนทำตัวเท่ห์และห่างเหินทันที
     “ถังเทียนเริ่มได้”  อาจารย์เฉินสั่ง
     เฮ้อ..” ถังเทียนสนองตอบโดยถอนหายใจและเดินตรงไปที่กล่องเก็บกระบี่ที่มุมหนึ่งและหยิบกระบี่ไม้ ทันทีที่เขาถือกระบี่ไม้  ตาของถังเทียนมีประกายคมกล้าทันทีและกลายเป็นคนเอาจริงเอาจัง ค้านกับท่าทีเกียจคร้านก่อนหน้านั้น
    เขาชักขาซ้ายถอยออกมาครึ่งก้าวย่อเอวเล็กน้อยเก็บข้อศอกขวา  ถังเทียนยกปลายกระบี่ระดับสายตา
    เขาบิดเอวเล็กน้อย ข้อศอกผ่อนคลาย เอวไม่ได้เคลื่อนจากตำแหน่งแม้แต่นิ้วเดียว
    วืด
    มีเสียงแหลมแหวกผ่านอากาศ
    วิชากระบี่โจมตีพื้นฐานของสถาบันแอนดรูว์
    เด็กนักเรียนส่งเสียเชียร์กันสนุกสนาน มีอยู่หลายคนไม่สนใจวิชากระบี่ขั้นพื้นฐาน  ชื่อก็บอกเป็นนัยแล้วว่าวิธีใช้กระบี่ขั้นพื้นฐาน มุ่งสร้างพื้นฐานให้นักเรียนและเป็นขั้นตอนพื้นฐานที่สุดของวิชากระบี่  จึงเป็นเรื่องปกติที่นักเรียนบางส่วนจะไม่ให้ความสนใจ  แต่เมื่อพวกเขาเห็นถังเทียนใช้กระบี่พื้นฐานแต่ละจังหวะได้อย่างเรียบง่าย แต่ก็แฝงไว้ด้วยความสง่างามมีพลัง
    ในชั่ววินาทีเขาก็เอาชนะใจพวกนักเรียนรุ่นเยาว์ได้
    ถังเทียนเพ่งอยู่ที่จุดสูงสุด สืบเท้าข้างหนึ่งอย่างรวดเร็ว ไหล่ของเขายังนิ่งไม่ไหวติง แขนของเขาเป็นเหมือนเชือก เมื่อจู่ๆ แขนก็สั่นขึ้นมา กระบี่ไม้ฟาดลงพื้นอย่างรุนแรง
    วืด!
    เสียงเบาทึบแทบไม่ได้ยินทำให้คนที่ดูถึงกับเกร็ง
    กระบวนท่าพื้นฐานของวิชากระบี่โดยทั่วไปจะมีช่วงที่สั้นกว่าวิชาดาบ  แต่พลังที่ระเบิดออกแข็งแกร่งกว่า  ขณะที่ถังเทียนแสดงจุดโจมตีหลักอย่างฉลาดและชัดเจน พวกนักเรียนก็ได้เห็นกระบี่ไม้ตัดผ่านอากาศได้อย่างชัดเจน
    เป็นอีกครั้งที่นักเรียนต้องปากอ้าตาค้างด้วยความทึ่ง อาจารย์เฉินก็เคยเป็นมาแล้ว  เขาเห็นถังเทียนยืนฝึกภาคปฏิบัติครั้งแล้วครั้งเล่า  เขาเป็นพยานในการฝึกของถังเทียนได้ทุกครั้ง ทำให้เขามักถอนหายใจอยู่เสมอ
    ยกป้องฟัน
    ความเคลื่อนไหวของถังเทียนราวกับเมฆพลิ้วและสายน้ำไหล  ด้วยใจที่สงบ เขาไม่มีความลังเลใจระหว่างใช้กระบี่เลย  เมื่อเขาจบท่วงท่าสุดท้าย นักเรียนทั้งห้องพากันเงียบกริบ
    ถังเทียนกลับคืนสู่สีหน้าเกียจคร้านเช่นเคย และโยนกระบี่ไม้ออกไป  เหมือนกับว่ากระบี่มีนัยน์ตา มันตกลงในกล่องเก็บกระบี่ที่มุมพอดี
    พวกนักเรียนพากันร่าเริง
     “โห!  ยอดเยี่ยมจริง!  วิชากระบี่ขั้นพื้นฐานทรงพลังขนาดนี้จริงๆ”
     เยี่ยมมากงามมาก!”
     “เยี่ยมมากเลย ศิษย์พี่ถังเทียนศิษย์พี่ศิษย์พี่มาทางนี้!” สายตาของนักเรียนหญิงในกลุ่มเป็นประกาย  ถังเทียนมีบุคลิกที่มั่นคง ด้วยวิชากระบี่พื้นฐานนี้ทำให้เขาดูสมบูรณ์แบบโดยไม่เก้อเขินใดๆ ปล่อยให้ทุกคนคิดว่าเขาปรับตัวได้ดี
    ถังเทียนยังคงไม่แยแส
     “เชอะทำหยิ่ง กะอีแค่ร่ายรำพื้นฐานได้สมบูรณ์แบบ  แต่ก็สอบตกมา 5 ปีซ้อน  ศิษย์พี่ถังเทียนผู้ใจเย็นเรียนรู้วิชากระบี่พื้นฐานนี้เมื่อตอนพี่ชายฉันเพิ่งเข้าเรียนในสถาบันอันเต๋อ  พี่ของฉันกำลังจะจบการศึกษาอยู่แล้ว”
    เด็กนักเรียนผู้นี้ปนอยู่ในกลุ่มนักเรียน
    ตามมาด้วยความเงียบและสายตาซึ่งเดิมทีเต็มไปด้วยความชื่นชม เปลี่ยนเป็นจ้องมองทันที
    มีข่าวลือเกี่ยวกับนักเรียนผู้ต้องเรียนซ้ำชั้นในสถาบันแอนดรูว์ และทุกคนที่ทราบเรื่องนี้จะพากันหัวเราะไม่ยั้ง   หลายคนมาด้วยความตั้งใจจะถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่พวกเขาไม่เคยคิดว่านักเรียนที่ซ้ำชั้นครั้งแล้วครั้งเล่าจะยืนอยู่ต่อหน้าพวกเขา พี่ถังเทียนผู้ยืนยงนี่เอง
    เขารู้แล้วว่าจะกลายเป็นเช่นนี้....
    ถังเทียนเบ้ปาก  เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นทุกปี  เขาเจอจนชินเสียแล้ว  เขายังคงเดินผ่านสายตาที่ไม่เป็นมิตรด้วยอารมณ์ที่เฉยเมย
    บางทีพี่ของแกคงไม่ได้บอก  ว่าฉันเอาชนะเขามาก่อนนั้นแล้ว
    ถังเทียนตัดสินใจแล้วว่าเดี๋ยวค่อยสะสางกับเจ้านั่นหลังเลิกเรียน  แต่บางทีเขาไม่ต้องรอนาน
    ถังเทียนหยีตา และพูดอย่างอารมณ์ไม่ดี “ใครอนุญาตให้นายก่อกวนในเวลาเรียนอ้อ..จริงสิ ฉันลืมบอกพวกเธอทุกคนไป ฉันเป็นผู้ช่วยสอนของอาจารย์เฉิน  และฉันยังต้องปรับปรุงทัศนคติของเธอ  ใครทำได้ไม่ดี ฉันจะเรียกมาสู้ด้วย แก...แกนั่นแหละอยากจะออกมาซ้อมมือกันหน่อยไหมเล่า?
    ถังเทียนชี้เด็กคนที่ใช้คำพูดเหน็บแนมเขา จากนั้นรวบกำปั้นดัดนิ้วจนมีเสียงกระดูกลั่น
    เด็กนักเรียนชายหน้าซีดทันที และทันใดนั้นเขานึกถึงชื่อเสียงร้ายกาจของถังเทียนได้ทันที  เขาจึงได้แต่เงียบและวิ่งไปฝึกอยู่ด้านข้าง
    นักเรียนอื่นสังเกตเห็น จึงรีบเริ่มฝึกด้วยท่าทางเก้ๆ กังๆ
    ถึงตอนนี้ อาจารย์เฉินเอ่ยขึ้น “ถ้าพวกเธอมีคำถาม ก็ถามศิษย์พี่ถังเทียนของพวกเธอได้ตามสบาย  จงฝึกให้มากไว้ อย่าเกียจครั้น ถังเทียนเธอคอยเฝ้าดูการฝึกฝนด้วย”
     “ขอรับ!” ถังเทียนตะโกนตอบ
    อาจารย์เฉินพยักหน้าด้วยความพอใจและหมุนตัวเดินจากไป
    ไม่มีผู้ใดกล้าหือจนกระทั่งหมดเวลาฝึก  ถังเทียนผิดหวังเล็กน้อยขณะที่เขาพึมพำและเดินจากไป
    ทันทีที่หมดเวลาเรียน  ทุกคนก็มารุมล้อมเด็กคนนั้น
     “เร็วเล่าให้พวกเราฟังต่อซิ เรื่องที่นายเล่าค้างไว้ก่อนนั้น”
     “ได้ได้เลย..”
    นักเรียนคนนั้นพูดต่ออย่างถือดี “รุ่นพี่ถังเทียนนี้ถือว่าเป็นตำนานของสถาบันแอนดรูว์  และสถาบันแอนดรูว์ก็มักผลิตนักเรียนจบการศึกษาออกมาตลอด แล้วผู้ที่ซ้ำชั้นล่ะรุ่นพี่ถังเทียนของพวกเรายังคงอยู่ แล้วตอนนี้เขาอยู่มา เอ่อ.. ขอนับดูก่อนนะ ห้าปีแล้ว  คิดดูสิ อยู่ในสถาบันแอนดรูว์มาห้าปี แล้วจะให้คิดยังไง?เขาเป็นคนแรกที่ทำได้อย่างนั้น”
     “ทำไมเขาถึงอยู่มานานนักเล่า?  ใครคนหนึ่งอดที่จะถามขึ้นไม่ได้  “แม้ว่าเขาจะไม่สามารถเข้าสถาบันที่มีชื่อเสียงได้  แต่ถ้าเป็นโรงเรียนโดยทั่วไปแล้วเป็นเรื่องง่ายนี่”
    เรื่องซุบซิบทำให้พวกนักเรียนกระตือรือร้นมากขึ้น “พวกเธอรู้ไหมว่าทำไมเอ่อรุ่นพี่ถังเทียนของเราถึงไม่ได้เรียนวิทยายุทธระดับสูงในช่วงห้าปีมานี้   เขาได้แต่เป็นผู้เชี่ยวชาญในวิชาต่อสู้ขั้นพื้นฐานเท่านั้น ในช่วงห้าปีมานี้ แค่วิชาต่อสู้ขั้นพื้นฐานจะทำอะไรได้?  ถ้าพวกนายต้องการจะเป็นพ่อครัว นายต้องรู้เรื่องมีดให้มากกว่าสักอย่างหรือสองอย่าง ถ้านายต้องการจะขึ้นเหลาร้านอาหารระดับสูง  นายต้องมีความอ่อนน้อมและมีทักษะใช้มือในระดับสูง  ส่วนการจะเป็นนักผสมเหล้าในร้านอาหารกลางคืนไม่เพียงแต่ต้องมีทักษะระดับสูงเท่านั้น นายยังต้องมีผู้เชื่อมโยงติดต่อด้วย  ปราศจากสิ่งเหล่านี้ก็คงไม่มีใครเหลียวมองนายเป็นครั้งที่สองหรอก  บอกฉันซิว่า แค่มีวิชาฝีมือระดับพื้นฐานจะทำอะไรได้?  แม้แต่โรงเรียนระดับแย่ที่สุดก็ยังต้องการผู้มีฝีมือต่อสู้อย่างน้อยก็ต้องระดับขั้นที่สอง
    เสียงซุบซิบลุกลามเหมือนเชื้อไฟในหมู่นักเรียน หนึ่งในพวกเขาทำท่าเหมือนเป็นผู้เชี่ยวชาญพูด “วิชาต่อสู้ขั้นพื้นฐานก็เป็นรากฐานของพวกชาวไร่ชาวนานั่นเอง นายก็แค่เรียนเอาพอให้รู้เท่านั้น  ก่อนที่นายจะเริ่มฝึกฝนวิชาต่อสู้ในระดับสองจะดีกว่า  นั่นคือวิธีทำที่ถูกต้อง  บรรดาโรงเรียนที่มีชื่อเสียงเหล่านั้นสร้างเด็กอัจฉริยะที่สามารถฝึกฝนวิทยายุทธในระดับสูงตอนที่อายุยังน้อย  หากนายอายุสิบสี่และได้เรียนวิทยายุทธระดับ 2 มา อย่างนั้นนายก็สามารถเข้าเรียนได้ในสถาบันทั่วไป  อายุสิบสี่ปีและสำเร็จวิทยายุทธระดับสาม นายก็ได้เข้าเรียนในสถาบันที่ดีกว่า  และถ้าอายุสิบสี่ปี นายเชี่ยวชาญวิทยายุทธระดับสามได้ทั้งหมด นายก็จะได้เข้าเรียนในสถาบันอันทรงเกียรติ”
     ฉันก็ได้ยินเช่นนั้นมาก่อนเหมือนกัน”  ใครบางคนพูด
     “แต่ปีนี้ฉันอายุสิบสาม  ฉันต้องการเข้าเรียนในสถาบันที่ทรงเกียรติ” ใครบางคนพูดอย่างท้อแท้
     “ฝันไปเถอะความจริงนายน่าจะพอใจที่ได้เข้าสถาบันที่ดีได้นะ”
    พอเห็นคนอื่นๆ เห็นด้วยกับเขา  เด็กผู้ชายที่เริ่มเรื่องนินทาก็หยิ่งเพิ่มขึ้นกว่าเดิม  “เฮ้อแต่วิชาต่อสู้ขั้นพื้นฐานก็พอใช้งานได้นะ  ถ้านายไม่เรียนฝึกฝนให้ดี นายจะไม่มีทางฝึกวิทยายุทธระดับสองได้”
    พอเห็นเขาหยิ่งยโสมากยิ่งขึ้น  มีนักเรียนคนหนึ่งยืนขึ้นและหัวเราะอย่างเยือกเย็น “นี่แต่ฉันได้ยินมาว่ารุ่นพี่ของเราไม่ค่อยชอบเด็กผู้ชายนะ  เขาไว้วางใจแต่เด็กผู้หญิง พอรู้ว่านายไม่แสดงความนับถือเขาในวันนี้ นายเตรียมตัวไว้ดีกว่า เกรงว่าเขาจะหาเรื่องกับนาย
    หน้าของนักเรียนที่แอบนินทากลายเป็นหมองคล้ำ  ขณะที่เขาจำได้ถึงตอนที่ถังเทียนจ้องมองเขา ถึงกับทำให้ใจสั่นสะท้าน
    นักเรียนคนอื่นก็ยิ่งสงสัย ถามอีกว่า “เขารู้แค่เพียงวิทยายุทธขั้นพื้นฐานเท่านั้นไม่ใช่หรือทำไมเขาถึงได้ภูมิใจนักเล่า?
    เด็กนักเรียนอีกคนหัวเราะและพูดอย่างเยือกเย็น “พวกเธอทุกคนก็เพิ่งจะเห็นแล้วนี่ กระบี่ของเขาสามารถต่อสู้กับคนสามคนได้อย่างไม่มีปัญหา  เขาเคยสู้และแสดงท่าทีโกรธไปด้วย กับใครก็ตามที่ยั่วโมโหเขา แล้วก็โดนกำราบยับเยิน  นอกจากอาจารย์เฉินแล้ว  เขาไม่เคยเห็นแก่หน้าอาจารย์คนอื่น  ต่อให้คนที่แข็งแกร่งที่สุดในโรงเรียนเราก็ยังไม่อาจรับมือเขาได้เลย”
     นายพูดจริงหรือเขาร้ายกาจขนาดนั้นเชียวหรือ?   นักเรียนไม่กี่คนไม่ยอมเชื่อเขาเลยแม้แต่น้อย
     “เขามีรูปร่างที่ดีและเป็นคนเหี้ยมหาญ  ขณะที่เรื่องเลือดตกยางออกเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของเขาไปแล้ว ฉันเคยเห็นคนที่แข็งแกร่งกว่าเขา  แต่ความเหี้ยมหาญของเขากลับมีระดับที่แตกต่างกัน  ตอนนี้เขาเอาชนะได้ทุกๆ การต่อสู้ที่เขาร่วมด้วย แม้แต่การต่อสู้ที่หนักหนาที่สุด   ก็ยังจบลงด้วยการบาดเจ็บทั้งสองฝ่าย และเขาก็ยังไม่แพ้ด้วย  การต่อสู้เช่นนั้นเป็นที่นิยมของพวกรุ่นพี่”  หนึ่งในนักเรียนเตือนว่า  “ดีที่สุด คือนายอย่าไปยั่วโมโหเขา”
    นักเรียนทุกคนถึงกับหดคอ หลายคนทอดสายตาแสดงความรู้สึกสมเพชนักเรียนที่นินทาที่ตอนนี้หน้าซีดขาว
    ใบหน้าของเด็กนักเรียนหญิงที่เดิมทีเป็นประกายระยิบระยับสายตาที่เปี่ยมแววนิยมชมชอบหายไปจากดวงตาเจ้าหล่อนทันที  บางคนถึงกับปรากฏแววเหยียดหยามเล็กน้อย บ้างก็แสดงความเห็นอกเห็นใจ บ้างก็แสดงสีหน้าเบื่อหน่ายขณะกระซิบคุยกัน
     “งั้นเขาก็นับว่าเป็นตัวโง่เง่าจริงๆ  เขาเกือบจะหลอกเราได้แล้ว  ร่างกายอย่างนั้นต้องมีความอดทนแน่นอน”
     “เขาเป็นพวกนักเลงขี้หงุดหงิด คนอย่างนั้นก้าวร้าวและหยาบคาย”
     “หา.. นี่ก็พูดรุนแรงเกินไป ฝันของนายสลายไปอย่างรวดเร็วเสียแล้ว ทั้งที่เพิ่งจะเริ่มขึ้นเท่านั้นเอง
     “หึหึ สาวเล็กสาวน้อยรู้สึกจะหลงใหลเขาแล้วนะ...”
    นักเรียนใหม่ที่กำลังถูกพูดถึงไม่สามารถทนต่อไปได้และพูดว่า “จำไว้เลยไม่ต้องฝันเลย เขาอาจต้องฝึกซ้ำชั้นอีกก็ได้  และเขาก็ไม่ได้คิดอะไรกับพวกเธอเลยแม้แต่น้อย”
     “แล้วไงล่ะ! ฮึ ถ้าเขาไม่มีรูปร่างที่ดีอย่างนั้น  ฉันคงไม่เหลียวมองเขาเป็นครั้งที่สองหรอก”  เด็กนักเรียนหญิงปากจัดมองเหยียดหยามเขา
    นักเรียนใหม่มองดูเด็กสาวด้วยความชิงชังยิ่งขึ้น “อย่างเธอน่ะ ไม่อาจเทียบได้แม้ปลายเส้นผมคุณหนูเชียนฮุ่ยได้เลย  ในสายตาของเขามีแต่คุณหนูเชียนฮุ่ยเท่านั้น  แล้วเขาจะสนใจเธอได้อย่างไร?
    คุณหนูเชียนฮุ่ย
    นักเรียนหญิงบางส่วนทำอะไรไม่ถูกได้แต่ปากอ้าตาค้าง  ซ่างกวนเชียนฮุ่ยเป็นเหมือนตำนานของเมืองซิงฟง เป็นแบบอย่างของนักเรียนหญิงทุกคน เป็นคนรักในอุดมคติของนักเรียนชายทุกคน  ความงามของเธอไม่มีหญิงใดเทียบได้  ขณะที่เธอเป็นคนน่าคบหา  นอกจากนี้ยังประสบความสำเร็จทำคะแนนสูงสุดในการทดสอบในสถาบันแอนดรูว์  ได้รับความยอมรับในสถาบัน เธอครองตำแหน่งอันดับหนึ่งตลอดช่วงเวลาที่อยู่ในสถาบันแอน  จนสถาบันแอนดรูว์ได้รับการจัดอันดับที่สูง  แต่ปีที่แล้ว เมื่อเธอออกจากสถาบันแอนดรูว์ไป  สถาบันก็มีอันดับตกฮวบทันที
    นักเรียนหญิงคนนั้นหยุดพูด  ถ้าเธอกล้าพูดไม่ดีถึงคุณหนูเชียนฮุ่ย  จะมีผู้ชมอย่างน้อยครึ่งหนึ่งเข้ามาทำร้ายนาง
     คุณเชียนฮุ่ยชอบคนที่ไม่มีศักยภาพอย่างนี้ได้อย่างไร?” นักเรียนบางคนไม่อาจทำใจเชื่อเรื่องนี้ได้
    เด็กนักเรียนชายคนหนึ่งมีสีหน้าซับซ้อน ขณะที่เขาส่ายศีรษะและถอนหายใจ “ฉันก็อยากรู้เหมือนกัน!  ฉันขอบอกนายเลยนะ  เพราะการคุกคามของคุณเชียนฮุ่ย จะไม่มียอดฝีมือแม้แต่คนเดียวกล้าตามพัวพันเขา”
    แม้ว่าจะผ่านมาหนึ่งปีแล้วที่เชียนฮุ่ยไปจากสถาบันนี้  แต่ตำนานของเธอยังคงเหลืออยู่  ไม่เคยจางหายไปจากเมืองชิงฟงเลย
    ในห้องทำงาน  อาจารย์เฉินยืนอยู่ริมหน้าต่างมองดูภาพทั้งหมดชัดเจน  เขาไม่แสดงอารมณ์ความรู้สึกที่จะตรวจพบในดวงตาสีฟ้าของเขาได้  ได้แต่ทอดถอนหายใจเบาๆ
    ในโลกนี้ ใช่ว่าจะโชคดีเหมือนกันทุกคน
    เขาชื่นชอบถังเทียน และนี่ทำให้เขาห่วงกังวลเกี่ยวกับเขา  ถังเทียนอายุสิบเจ็ดปีแล้ว ก็ยังอยู่รวมกลุ่มกับเด็กวัย 13-14 นี่เป็นเหมือนการนับเวลาถอยหลังของเขา
    ในวัยของถังเทียนน่าจะจบการศึกษาไปแล้ว  ปีถัดไปเขาจะแก่เกินกว่าที่จะอยู่ในโรงเรียน  นั่นหมายความว่าถังเทียนจะต้องถูกบังคับให้ใช้ชีวิตแบบผู้ใหญ่  สิ่งที่น่ากังวลก็คือ ด้วยศักยภาพของถังเทียน เป็นไปไม่ได้ที่จะหางานเลี้ยงตัวเอง
    ไม่มีใครยอมรับคนผู้รู้วิชากระบี่แค่พื้นฐานเข้าทำงาน
    ถ้าเขารู้วิทยายุทธระดับ 2  อย่างน้อยเขาก็สามารถรับงานรายได้ขั้นต่ำซึ่งก็ยังนับว่าไม่เลว  แม้ว่าวันข้างหน้าจะยากลำบาก  แต่อย่างน้อยก็เลี้ยงชีวิตเขาได้
    ถ้าเพียงแต่เขามีความสามารถได้อย่างเชียนฮุ่ยสักหนึ่งในสิบ  นั่นก็ควรเป็นเรื่องดี

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น