คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #33 : Chapter 30 : ภารกิจเสร็จสิ้น [100%]
Chapter 30
ภารกิจเสร็จสิ้น
“ไอ้ชั่ว! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!”
อายากะร้องโวยวายขณะที่โดนคิจิโร่ลากตัวมายังห้องที่ทำการทดลองเทคโนโลยี ภายในห้องมีมนุษย์เป็นๆ
หลับไหลอยู่ในหลอดแก้วทำให้คุณหนูสาวรู้สึกตกใจระคนหวาดกลัวเป็นอย่างมาก เธอไม่เคยเห็นอะไรที่ผิดศีลธรรม
ขนาดนี้มาก่อน
และยังเป็นฝีมือของคนที่เธอเคยไว้ใจอีกด้วย
“บอกให้อยู่เฉยๆไง น่ารำคาญจริง!”
“นี่แก...ทำเรื่องพวกนี้อย่างนั้นหรือ!”
“โฮ่ พูดอย่างกับว่าตัวเองดีแสนดีจังนะหลานสาว อย่าลืมสิว่าเธอกับฉันเราลงเรือลำเดียวกันแล้ว!
พี่ชายเธอมันยังจะไว้ใจเธออยู่อีกเหรอ!”
“ฮึก ไอ้สารเลว
แก...หลอกใช้ฉัน”
อายากะสะอื้นฮักพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุด เธอไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองน่าสมเพชเท่านี้มาก่อน
ที่เลวร้ายที่สุดสำหรับเธอคือการถูกเกลียดจากคนที่รัก
ซึ่งนั้นก็คือบิดาและพี่ชายแท้ๆของเธอ
“แกมันโง่เองอายากะ หลงผู้ชายจนหน้ามืด เหมือนแม่ของแกไม่มีผิด!”
คิจิโร่ยิ้มเยาะพร้อมกับมองใบหน้าที่เหมือนกับคนรักของพี่ชายด้วยความสมเพช อายากะมีส่วนคล้ายกับแม่
ของเธอมาก นั่นทำให้เขารู้สึกเอ็นดูเธออยู่ไม่น้อยในตอนแรก
“ท่านพ่อ!”
“ยูมะ!”
คิจิโร่เรียกชื่อลูกชายที่เพิ่งก้าวผ่านประตูเข้ามา เขาพาร่างตัวเองเข้ามาใกล้บิดามากขึ้นเพื่อเกลี้ยกล่อมให้
บิดาหยุดทำเรื่องชั่วช้าไปมากกว่านี้
“พอเถอะครับ ผมขอร้อง...”
“แกไม่ต้องมาพูด! ที่สถานการณ์มันพลิกแบบนี้ก็เป็นเพราะแกคนเดียว! โง่! อีกนิดเดียวแกก็จะได้ทุกอย่าง
จากไอ้เซอิจิอยู่แล้ว!”
“แล้วท่านพ่อเคยถามผมหรือเปล่าว่าผมต้องการมันไหม!”
“แกเป็นบ้าไปแล้วหรือไง! แทนที่จะไปจัดการมัน แต่แกกลับมาไล่บีบฉันอยู่ได้ ไอ้ลูกไม่รักดี ฉันน่าจะฆ่าแก
ตามแม่โสเภณีของแกไปซะถ้ารู้ว่าแกจะมาแว้งกัดฉันแบบนี้!”
คำพูดของผู้เป็นบิดาตอกย้ำเรื่องที่เซอิจิพูดได้เป็นอย่างดีว่านั่นคือความจริง ร่างกายของเขารู้สึกชาไปทุก
สัดส่วนจนไม่อาจขยับเขยื้อนได้
ตลอดเวลาคิจิโร่เห็นลูกชายอย่างเขาเป็นแค่หุ่นเชิดเท่านั้น
“ไอ้คิจิโร่!”
เซอิจิที่วิ่งตามมาได้ทันก็พุ่งตัวเข้ามาในห้องทดลองอย่างรวดเร็วซึ่งนั่นเป็นเพราะว่าซาสึเกะเปิดทางให้ด้วย
การกำจัดพวกลูกสมุนที่แห่เข้ามาเล่นงานพวกเขากันเป็นขบวนอยู่ด้านนอก
“แกนี่มันกัดไม่ปล่อยจริงๆเลยนะหลานชาย
ฮ่าๆๆ”
คิจิโร่ระเบิดหัวเราะอย่างบ้าคลั่งทันทีที่เห็นเซอิจิ ชายวัยกลางคนกระชับปืนสั้นในมือแน่นพร้อมกับจ่อไปที่
ขมับของอายากะ
“ปล่อยน้องสาวของฉันเดี๋ยวนี้!”
“อยากให้ปล่อยเหรอ เหอะ งั้นแกกับพ่อแกจะยอมเสียสละไหมล่ะ ทั้งอำนาจ ตำแหน่ง เงินทอง...แกยอมเสีย
สละเพื่อน้องสาวโง่เง่าของแกไหม!”
เซอิจิเงียบไปชั่วขณะ ดวงตาสีสนิมมองคนเป็นอาแท้ๆด้วยสายตานิ่งงัน คิจิโร่แสยะยิ้มออกมาเมื่อเห็นท่าที
นั่นของหลานชาย
“ไง ทำไม่ได้เหรอ
ว่าแต่ฉันเห็นแก่ตัว พวกแกก็ไม่ต่าง!”
“เอาสิ ถ้าแกอยากได้ เพียงแค่ปล่อยอายากะ ฉันจะให้แกทุกอย่าง...”
“ท่านพี่…”
ความรู้สึกกดดันทำให้อายากะตัดสินใจกัดเข้าที่แขนของคิจิโร่อย่างแรงจนทำให้คิจิโร่เผลอปล่อยมือออก
เพราะความเจ็บปวด เธอผละตัวเองออกจากอ้อมแขนของผู้เป็นอาแล้ววิ่งไปหาพี่ชายของตัวเองอย่างไม่คิดชีวิต
ปัง! ปัง ! ปัง !
“อายากะ!”
เซอิจิตะโกนเรียกชื่อน้องสาวอย่างตกใจ แต่ยูมะกลับพาตัวเองเข้ามาบังร่างอายากะเอาไว้อย่างรวดเร็วจน
ทำให้ลูกกระสุนนั้นพุ่งเข้าที่ลำตัวสามนัดซ้อนจนเขาทรุดลงไปกองกับพื้น
“ยูมะ!”
คิจิโร่มองลูกชายพร้อมกับถอยผงะไปข้างหลังอย่างขวัญเสีย มือที่ถือปืนไว้แน่นคลายออกจนปืนร่วงลงสู่พื้น
ที่ทำไปเพราะเขากะจะเล่นงานอายากะให้ถึงตายด้วยความโมโหแต่ไม่คิดว่ายูมะจะเอาตัวเองมาเป็นโล่แบบนี้
ถึงยูมะจะไม่ได้เกิดมาด้วยความรัก...แต่สายเลือดครึ่งหนึ่งก็เป็นของเขา...
“ท่านพ่อ...หยุด...เถอะ”
ยูมะพูดอย่างเหนื่อยอ่อน มือที่กุมบาดแผลไว้มีเลือดไหลทะลักออกมาไม่ขาดสาย
“ยะ
ยูมะ...พ่อไม่ได้ตั้งใจ...”
คิจิโร่เอ่ยอย่างไร้สติไปชั่วขณะ แต่ไม่นานก็กลับมาจ้องมองสองพี่น้องอย่างเจ็บแค้นก่อนจะใช้มีดสั้นกรีดไป
ที่ข้อมือของตน และเมื่อหยดเลือดไหลลงสู่พื้นที่สลักคล้ายกับอักขระก็ปรากฎแสงสว่างวาบขึ้นมาพร้อมกับคิจิโร่ที่ถูก
หุ้มด้วยเกราะซามูไรยุคโบราณ จากนั้นเขาก็พุ่งตัวเข้ามาหาเซอิจิอย่างรวดเร็วจนเซอิจิต้องรีบผลักร่างของอายากะ
ไปให้พ้นทาง
คิจิโร่กระชากคอเสื้อของเซอิจิแล้วทุ่มลงไปบนพื้นอย่างแรงแล้วทิ่มดาบลงที่ลำคอเซอิจิหมายจะให้ถึงตายใน
ทีเดียวแต่เซอิจิก็เบี่ยงลำคอหลบได้ทันก่อนจะดีดตัวขึ้นจากพื้น มือหนาขยับไปชักดาบคาตานะออกมาแต่กลับโดน
ดาบเล่มยักษ์ฟาดเข้าใส่จนดาบคู่ใจลอยละลิ่วออกไปไกล เซอิจิรีบกระโดดหลบทันทีเมื่อคิจิโร่ตรงเข้ามาเล่นงานเขา
อย่างต่อเนื่อง เขาแปลกใจกับพละกำลังที่มหาศาลของผู้เป็นอามากและเขาก็คิดว่าน่าจะเป็นเพราะเกราะซามูไรที่
อาของเขาสวมใส่อยู่อย่างแน่นอน
“อายากะ! ส่งดาบมาให้พี่!”
อายากะที่นั่งหมอบอยู่บนพื้นพยายามประคองตัวเองไปคว้าดาบคาตานะของเซอิจิอย่างกล้าๆกลัวๆ เธอไม่
เคยอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงตายแบบนี้มาก่อนในชีวิต
ขณะกำลังจะคว้าดาบได้ คิจิโร่ก็ใช้คาถาลมพัดร่างอายากะกระเด็นไปทางบ่อเคมีที่เอาไว้ใช้กำจัดมนุษย์
ทดลองที่ไม่ได้คุณภาพจนร่างของเธอเกือบร่วงลงไปในบ่อ มือบางยึดปากขอบไว้แน่นโดยที่ร่างกำลังห้อยโตงเตง
อย่างหมิ่นเหม่ที่จะร่วงลงไป
“อายากะ!”
“ฮึก ท่านพี่!”
เซอิจิรีบตรงเข้าไปช่วยน้องสาวแต่คิจิโร่ก็เข้ามาขวางทางไว้แล้วเหวี่ยงดาบเข้าใส่อีกระลอก คมดาบยักษ๋
เฉี่ยวแขนของเขาจนเสื้อคลุมขาดวิ่น เลือดไหลซึมออกมาจากบาดแผลแต่เขาก็ไม่สนใจ
“ปล่อยน้องสาวให้ตายไปก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ
โทษฐานที่มันทำให้แกต้องมาพบจุดจบแบบนี้ไง!”
คิจิโร่ว่าก่อนจะถีบร่างเซอิจิจนไถลไปกับพื้น พละกำลังที่มหาศาลของคิจิโร่ทำให้เขานิ่วหน้าด้วยความจุกจน
ร่างกายขยับแทบไม่ได้
ส่วนอายากะที่เริ่มหมดแรงจะรั้งร่างของตัวเองไว้ก็คิดจะปล่อยให้ตัวเองตกลงไปในบ่อสารเคมี อย่างน้อย
เธอก็จะไม่ต้องมาเป็นภาระให้กับเซอิจิอีกต่อไปเพราะที่ผ่านมามันก็หนักหนามากพอแล้ว
อายากะหลับตาลงแล้วตัดสินใจปล่อยมือออกจากขอบบ่อ ร่างของเธอร่วงลงสู่บ่อเคมีตามแรงโน้มถ่วง
แต่ทว่า…
หมับ!
“อย่าเพิ่งคิดจะตาย
เธอต้องกลับไปชดใช้ความผิดทั้งหมดก่อน!”
“คุณซาสึเกะ!”
อายากะลืมตามองบุคคลที่กำลังจับแขนของเธอไว้ก่อนร่างจะร่วงลงสู่บ่อสารเคมี จากนั้นเขาก็ออกแรงดึง
เธอขึ้นมาจนร่างเธอพ้นจากปากบ่ออย่างปลอดภัย ไม่รอช้าซาสึเกะก็หยิบดาบคาตานะของเซอิจิขึ้นแล้วขว้างไปที่
ร่างของคิจิโร่แต่เขาก็เบี่ยงตัวหลบได้ทัน เซอิจิจึงลุกขึ้นไปคว้าดาบของตัวเองมาไว้ในมือได้อย่างแม่นยำ
“เซอิจิ! ตัดขั้วพลังงานมันที่กลางหน้าอก!”
“สู่รู้นักนะไอ้อุจิวะ!”
คิจิโร่ว่าอย่างเดือดดาลที่ซาสึเกะรู้จุดอ่อนของชุดเกราะซามูไรนี้ ชายวัยกลางคนเหวี่ยงมีดสั้นไปที่ตู้กระจก
ทั้งหมดที่ข้างในมีมนุษย์ทดลองอยู่จนมันแตกออกเป็นเสี่ยงๆ น้ำสารเคมีไหลออกมาเป็นทางพร้อมกับร่างมนุษย์
ทดลองที่หล่นลงมานอนแน่นิ่งอยู่ที่พื้น ไม่นานร่างนั้นก็ขยับเขยื้อนก่อนจะก่อตัวเป็นรูปของซามูไรเกราะโลหะสีดำ
ทมิฬ พวกมันตรงเข้ามาเล่นงานซาสึเกะอย่างบ้าคลั่งเพราะถูกตั้งโปรแกรมให้ทำลายศัตรูเอาไว้
ตอนนี้ทั้งเซอิจิและซาสึเกะต่างก็เข้าห้ำหั่นกับศัตรูกันอย่างดุเดือด ซาสึเกะที่รู้จุดอ่อนของหุ่นยนต์ซามูไรพวก
นี้ดีอยู่แล้วก็แทงดาบเข้าสู่กลางลำตัวพวกมันอย่างแม่นยำ แต่ด้วยจำนวนที่เยอะทำให้เขาถึงกับหายใจอย่างเหนื่อย
หอบเพราะก่อนหน้าเขาก็สู้กับตัวทดลองที่สมบูรณ์แบบมาแล้วจนเปลืองแรงไปมาก
ด้านคิจิโร่ที่รู้สึกว่าตัวเองกำลังจะจนมุมก็ล่อเซอิจิไปทางบ่อสารเคมี มือที่หุ้มด้วยเกราะโลหะยกร่างเซอิจิที่
เริ่มอ่อนแรงเพราะเสียเลือดขึ้นมาแล้วเหวี่ยงไปทางปากบ่ออย่างน่าหวาดเสียว จากนั้นคิจิโร่ก็ขึ้นคร่อมตัวเซอิจิแล้ว
รัวหมัดใส่ไม่ยั้งจนใบหน้าแตกยับ อายากะที่เห็นพี่ชายตัวเองกำลังเพลี่ยงพล้ำก็เคลื่อนมือไปดึงอาวุธที่เธอเก็บไว้
ติดตัวตลอดออกมา มันเป็นมีดสั้นของซาสึเกะที่เขาเคยใช้ช่วยเธอตอนที่ถูกโจรป่าดักปล้น มีดสั้นที่สลักตราตระกูล
อุจิวะถูกขว้างไปยังคิจิโร่จนใบมีดปักทะลุเข้าที่โลหะและบาดลึกถึงเนื้อข้างในเพราะความคมของมัน
“นังบ้าเอ้ย!”
คิจิโร่สบถอย่างหัวเสียที่โดนขัดจังหวะในการจัดการเซอิจิ เขากางมือไปทางอายากะหวังจะให้เข็มพิษที่ซ่อน
อยู่ในถุงมือเกราะปลิดชีวิตตัวน่ารำคาญอย่างเธอ ซึ่งนั่นเป็นการเปิดโอกาสให้เซอิจิได้สร้างแท่งน้ำแข็งขึ้นมาในมือ
ก่อนจะแทงมันเข้าไปที่กลางอกอันเป็นจุดรวมพลังงานอย่างแม่นยำจนคิจิโร่กระอักเลือดออกมา จากนั้นเขาก็เหวี่ยง
ร่างของคิจิโร่ลงไปยังบ่อสารเคมีอย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้คิจิโร่ได้ทันตั้งตัว
ขณะที่ร่างกำลังร่วงสู่ก้นบ่อคิจิโร่ก็ตัดสินกดปุ่มอะไรบางอย่างที่แขนแล้วแสยะยิ้มร้ายให้เซอิจิก่อนร่างของ
ตัวเองจมดิ่งลงไปยังเบื้องลึกของผิวน้ำ เซอิจิมองคิจิโร่อย่างรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีกับรอยยิ้มนั่น
ไม่นานนักเขาก็ได้รับคำตอบเมื่อฐานลับเริ่มสั่นคลอนอย่างรุนแรงก่อนฝ้าเพดานจะถล่มลงมาอย่างรวดเร็ว
เซอิจิตรงเข้าไปอุ้มร่างของน้องสาวแล้วเคลื่อนตัวไปยังประตูทางออกที่ซาสึเกะยืนรออยู่ เขาตัดสินใจปล่อยร่าง
อายากะลงแล้ววิ่งเข้าไปหายูมะด้วยความยากลำบากเพราะแรงสั่นสะเทือน แต่พอจะขยับเข้าไปช่วย ยูมะกลับ
ยกมือห้ามแล้วหยิบรีโมทควบคุมขึ้นมากดพร้อมกับเงยหน้ามองเซอิจิด้วยใบหน้าอิดโรยเพราะเสียเลือดมาก
“ฉันเปิดประตูทางออกไว้ให้หมดแล้ว รีบออกไป!”
“แล้วแก...”
ตูมมมมมมม!
เซอิจิยังพูดไม่ทันจบเสาต้นใหญ่ก็ล้มครืนลงมาผ่ากลางระหว่างยูมะและเขา เซอิจิเบิกตากว้างอย่างตกใจ
ต่อเหตุการณ์ตรงหน้า เขาขบฟันแน่นอย่างเจ็บใจก่อนจะถอยหลังกลับไปเมื่อห้องทดลองเทคโนโลยีถล่มลงมาอย่าง
รุนแรงมากขึ้น
ซาสึเกะวิ่งนำเซอิจิที่อุ้มอายากะกลับมาที่ห้องโถงอีกครั้งเพื่อไปหาซากุระ ซึ่งระหว่างทาง ฐานลับได้เกิดการ
สั่นไหวอีกหลายระลอกเพราะระเบิดที่ติดตั้งไว้เริ่มทำงานต่อกันเป็นทอดๆ
“ซากุระ!”
ซากุระหันมามองตามเสียงขณะประคองร่างไดสุเกะขึ้นเพื่อพาหนีออกไปจากห้อง ทว่าเสียงครืนที่ดังมาจาก
ฝ้าเพดานก็ทำให้เธอต้องเงยหน้าขึ้นไปมองก่อนจะพบว่าเพดานได้ถล่มลงมาอย่างรวดเร็ว เธอหลับตาเตรียมรับ
ความเจ็บปวดแล้วกอดร่างไดสุเกะไว้แน่นเพื่อไม่ให้เขาเป็นอันตราย
ซาสึเกะรีบพุ่งตัวเข้าไปหาซากุระพร้อมกับใช้ซูซาโนะเข้ามาเป็นเกราะกำบังได้อย่างทันท่วงที ร่างของซากุระ
และไดสุเกะถูกผนึกเข้าไปอยู่ในปริซึมห้าเหลี่ยมโดยมีซาสึเกะคอยบังคับการอยู่ จากนั้นเทพวายุก็บินทะยานออกไป
นอกประตูทางออกพร้อมกับอินทรีย์น้ำแข็งของเซอิจิที่พาตัวเองกับน้องสาวทะยานออกไปที่ประตูทางออกเช่นกัน
ตูมมมมมมมมมมมมมม !
และหลังจากนั้นไม่นาน ฐานลับขนาดใหญ่ก็ถล่มลงมาพร้อมกับโรงน้ำชาด้านบนที่ยุบตัวลงมาคล้ายเป็น
หลุมอวกาศ ข้าวของทุกอย่างพังระเนระนาดเสียหายไปจนหมด เหล่าผู้คนที่หนีตายออกมาได้ทันมองดูซากปรักหัก
พังด้วยความตื่นตระหนกไม่หาย เซอิจิกอดปลอบน้องสาวพลางมองไปยังพื้นเบื้องล่างเพื่อมองหาใครบางคนที่เขา
หวังว่าจะยังมีชีวิตอยู่...
……………………………………………………
กลุ่มของเซอิจิเดินทางกลับมาถึงคฤหาสน์หลังจากที่หน่วยซามูไรได้เข้าไปทำการช่วยเหลือและตรวจสอบ
ซากปรักหักพังเพื่อหาหลักฐาน เก็นจิโร่ที่ออกมายืนรอรับอยู่หน้าคฤหาสน์มองไปยังลูกๆของตนด้วยสีหน้าเครียดขึง
เซอิจิรับรู้ได้ทันทีว่าเขาจะต้องโดนบิดาตำหนิเรื่องพวกนี้อีกแน่…
ทว่า...เก็นจิโร่กลับเดินเข้ามาหาเขาและน้องสาวก่อนจะคว้าตัวทั้งคู่ไปกอดไว้แน่น ความเปียกชื้นที่แผ่นหลัง
ทำให้เขารับรู้ได้ว่าบิดากำลังหลั่งน้ำตาออกมาอย่างเงียบๆ
“ท่านพ่อ...”
“พ่อขอโทษนะ...ขอโทษที่ปกป้องพวกลูกๆไม่ได้ พ่อมันเป็นพ่อที่แย่จริงๆ”
เก็นจิโร่ระบายความรู้สึกออกมาหลังจากคลายอ้อมกอดจากลูกๆ ดวงตาสีสนิมสบตาลูกชายด้วยความรู้สึก
ผิดอย่างแท้จริงจนเซอิจิถึงกับพูดอะไรไม่ออก ส่วนอายากะกลับไม่กล้าสบตาบิดา เธอเช็ดน้ำตาที่หลั่งไหลออกมาอีก
ครั้งก่อนจะคุกเข่าลงตรงหน้าของเก็นจิโร่
“ลูกทำผิดไปแล้วค่ะท่านพ่อ
ฮึก ลูกทำผิด...”
เก็นจิโร่ก้มลงมองลูกสาวคนเล็กด้วยสายตาปวดร้าว...
ตอนที่ได้รู้เรื่องราวทั้งหมดจากหน่วยซามูไรเขาแทบจะล้มทั้งยืนเพราะไม่คิดว่าอายากะจะเป็นคนที่มีส่วน
ร่วมในเรื่องเลวร้ายพวกนั้นเพราะที่ผ่านมา เธอเป็นลูกสาวที่น่ารักของเขามาโดยตลอด...
ทว่าเมื่อลูกทำผิด...คนเป็นพ่ออย่างเขาก็ต้องลงโทษ...
“อายากะ...พ่อจำเป็นต้องให้บทเรียนแก่ลูก” เก็นจิโร่พูดขึ้นพร้อมกับกำมือแน่นเพื่อระงับความเสียใจ
“นับแต่นี้...ลูกจะถูกปลดออกจากตำแหน่งคุณหนูแห่งตระกูลทากะฮาชิ จะเป็นเพียงแค่อายากะ... ที่มีฐานะเป็นคน
ธรรมดา ไม่มีอำนาจสั่งการคนอื่นอีก และลูก...จะต้องออกไปทำประโยชน์โดยไม่ได้รับความช่วยเหลือใดๆจากทาง
คนของตระกูลอย่างไม่มีกำหนด”
คำสั่งที่เฉียบขาดจากเก็นจิโร่ทำให้เซอิจิหันไปมองบิดาอย่างคาดไม่ถึง เขาไม่คิดว่าบิดาจะกล้าลงโทษ
อายากะถึงขนาดนี้ ทว่าเขาก็ไม่ได้เอ่ยขัดอะไรบิดา น้องสาวของเขาถูกกางปีกปกป้องมานาน ถึงเวลาแล้วที่อายากะ
ควรออกไปเผชิญหน้าด้วยตัวเองเสียที...
“คุณหนู...” คาซูโกะเดินเข้ามาหาเจ้านายของเธอด้วยสายตาเศร้าสร้อย
“ฉันไม่ใช่คุณหนูของเธออีกแล้วนะ” อายากะยิ้มน้อยๆให้กับสาวใช้คนสนิท จากนั้นเธอก็เดินตรงเข้ามาหา
ซากุระพร้อมกับคุกเข่าลงแล้วก้มหัวให้กับผู้หญิงตรงหน้าเช่นเดียวที่ทำกับเก็นจิโร่
“คุณซากุระ...ฉัน...ขอโทษจริงๆค่ะ”
ซากุระนิ่งอึ้งไปซักพักเพราะไม่คิดว่าอายากะจะก้มหัวให้เธอซึ่งเป็นการแสดงความขอโทษแบบขั้นสูงสุด
เธอย่อตัวลงไปจนอยู่ในระดับเดียวกันพร้อมกับยื่นมือไปแตะบ่าอายากะเบาๆ
“ความรู้สึกของเธอกับฉัน...คงจะไม่สามารถกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้ในตอนนี้ แต่หลังจากนี้...เธอคงจะได้
บทเรียนอีกเยอะนะ...อายากะ”
คำเรียกชื่อที่ดูห่างเหินทำให้อายากะรู้สึกเสียใจไม่น้อยเพราะลึกๆแล้วเธอก็รู้สึกดีที่ได้มีซากุระมาเติมเต็มคำ
ว่าเพื่อนที่เธอไม่เคยได้รับจากใคร แต่เพราะความหลงมันบังตา ทำให้เธอได้ทำเรื่องที่ไม่น่าให้อภัยไปจนเสียสาย
สัมพันธ์ที่น่าจะดำเนินไปด้วยดีระหว่างเธอและซากุระ...
....................................................................
หลังจากเหตุการณ์วันนั้น หลักฐานคดีต่างๆของคิจิโร่ก็ถูกเผยออกมาให้ประชาชนในแคว้นรับรู้ ทว่ามันไม่ใช่
ฝีมือของเซอิจิ แต่เพราะเสาหลักอย่างคิจิโร่หายสาบสูญไปทำให้พวกเครือข่ายของคิจิโร่ล้มครืนไม่เป็นท่า
พวกที่ให้ความร่วมมือกับคิจิโร่ต่างพากันโดนหางเลขไปกันจนหมด และนั่นทำให้พวกชาวบ้านหันมาให้ความเคารพ
กับเซอิจิมากขึ้นหลังจากที่โดนใส่ร้ายป้ายสีอยู่นานจนสูญเสียความน่าเชื่อถือ
“นายน้อย…จะทำอย่างไรกับคดีของท่านยูมะหรือขอรับ”
ไดสุเกะถามขึ้นขณะที่มารอให้เซอิจิเซ็นเอกสารเรื่องคดีความของคิจิโร่ มือหนาที่จับพู่กันอยู่หยุดนิ่งไปซักพัก
ในวันนั้นเขาได้ส่งหน่วยซามูไรเข้าไปตรวจสอบหาคนเสียชีวิตซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นลิ่วล้อของคิจิโร่ ชาวบ้านทั่วไปที่อยู่
ในโรงน้ำชาหนีออกมาได้ทันทุกคนแต่ก็มีบางส่วนที่บาดเจ็บ
และที่น่าแปลกคือพวกเขาไม่พบศพของยูมะ พบเพียงคราบเลือดปริศนาที่หยดเป็นทางหายเข้าไปในป่าทว่า
ไม่พบเจ้าของรอยเลือดเลยแม้แต่เงา...
“ถึงหมอนั่นจะไม่เต็มใจทำ... แต่ยังไงความผิดก็ต้องว่าไปตามผิด”
“หมายความว่าถ้าเจอตัวท่านยูมะ...ก็ต้องนำกลับมารับโทษหรือขอรับ”
“ก็ถ้าเจอตัวมันน่ะนะ…”
ไดสุเกะได้ฟังแบบนั้นก็ยิ้มออกมาเล็กน้อยเพราะรู้ว่าเจ้านายหนุ่มจงใจไม่ตามล่าตัวยูมะอยู่แล้วตั้งแต่ต้น
เพราะถ้าเกิดจับยูมะได้จริงๆ พวกหน่วยงานต่างๆของแคว้นคงไม่เอาไว้แน่เพราะเขาเป็นลูกของคิจิโร่ บทลงโทษขั้น
ร้ายแรงสุดคือสั่งประหาร...และน้อยสุดคือติดคุกตลอดชีวิต...
ความจริงเซอิจิจะให้ซามูไรตามหายูมะตั้งแต่วันนั้นเลยก็ได้แต่เขากลับไม่ทำ แถมยังพยายามหาหลักฐานมา
แก้ต่างให้ยูมะด้วยตัวเองตลอดหลายวันที่ต้องสะสางเรื่องคดีของคิจิโร่
“เอ่อ...อีกเรื่องนึงขอรับ...พวกคุณซาสึเกะและซากุระจะเข้าพบพวกผู้บริหารเพื่อรายงานคดีในวันมะรืน
หลังจากนั้นพวกเขาจะเดินทางออกจากแคว้นทันทีหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจ ซึ่งมันก็ตรงกับวันแต่งตั้งผู้ครองแคว้น
พอดี
แล้ววันพรุ่งนี้นายน้อยก็ต้องซ้อมพิธีรับตำแหน่งทั้งวัน
กระผมเกรงว่า...นายน้อยอาจจะไม่ได้เจอคุณซากุระอีก”
คำว่าไม่ได้เจอทำให้เซอิจิวางพู่กันในมือลงบนโต๊ะอย่างถาวร ตั้งแต่จบเรื่องวันนั้น...เซอิจิและซากุระก็ไม่
เจอกันอีกเลยหลังจากเธอรักษาบาดแผลให้เขา เขาเอนตัวลงไปพิงพนักเก้าอี้คล้ายกับคนหมดแรง ดวงตาสีสนิมมอง
ไปยังขวดยาแคปซูลหลายกระปุกที่ซากุระทำให้ด้วยความรู้สึกใจหาย
เขายังจำได้ถึงวันแรกที่เจอกับซากุระได้ดี... ผู้หญิงคนนั้นเข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นหัวหน้าพวกเก็บส่วย
ชาวบ้าน เธอตรงเข้ามาทำร้ายเขาอย่างไม่ลังเล ตอนนั้นเขาเกลียดเธอแทบบ้าและภาวนาว่าขอให้ไม่ได้เจอผู้หญิง
อย่างเธออีก
แต่บางครั้งโลกก็กลมจนน่าหงุดหงิด...
เขากับซากุระได้ปะทะคารมกันอีกครั้งเมื่อน้องสาวของเขาขอให้นินจาจากโคโนฮะมาคุ้มกันให้กับเธอ
และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาได้รู้จักกับผู้หญิงที่ชื่อว่าซากุระมากขึ้น...
มากจนกระทั่ง...เขาหลงรักเธอโดยไม่รู้ตัว...
“จะไม่ได้เจอ...อีกแล้วงั้นเหรอ...”
...................................................................
ขณะนี้คฤหาสน์ทากะฮาชิกำลังเต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่นั่งอยู่รายล้อมหน้าลานพิธี วันนี้เป็นวันที่จะมี
การแต่งตั้งผู้ครองแคว้นคนใหม่นั่นก็คือเซอิจิ เขาอยู่ในชุดกิโมโนแบบเต็มยศซึ่งเป็นชุดพิธีแต่งตั้งเจ้าครองแคว้น
เท็ตซึโนะ ที่เพิ่มเข้ามาจากชุดกิโมโนธรรมดาคือผ้าคาดขลิบทองพร้อมเครื่องประดับทองคำที่ตัดกับชุดกิโมโนสีดำ
ทำให้ดูมีสง่าราศี...
ทว่าตอนนี้ผู้ที่เพิ่งจะรับตำแหน่งกลับทำสีหน้าเบื่อโลก มือหนายกขึ้นมาป้องปากขณะกำลังหาวจนน้ำตาซึม
ออกมาทางหางตาซึ่งบ่งบอกว่าเขากำลังง่วงถึงขีดสุด
“วันนี้เป็นวันของแกนะ ทำหน้าให้มันเหมือนมีชีวิตหน่อย”
เก็นจิโร่บอกลูกชายโดยที่สายตายังจับจ้องผู้บริหารอาวุโสที่กำลังกล่าวสุนทรพจน์อยู่กลางลานพิธี
“จะไปมีชีวิตได้ยังไงในเมื่อเมื่อคืนให้ซ้อมพิธีบ้าบออะไรไม่รู้
นอนก็ไม่ได้นอน”
“แค่นี้แกยังไม่อดทน แล้วจะทำหน้าที่อย่างอื่นได้ดีเรอะ!”
เก็นจิโร่หันหน้ามาตำหนิอย่างจริงจังเมื่อเซอิจิยังคงเถียงคำไม่ตกฟาก ไม่รู้ว่าเขาคิดถูกหรือคิดผิดที่สละ
ตำแหน่งให้ลูกชายหัวรั้น ถึงจะได้ปรับความเข้าใจกันได้ในหลายๆเรื่อง แต่การทะเลาะกันก็ยังคงเป็นเอกลักษณ์ของ
สองพ่อลูกอยู่ดี
“ท่านพ่อเลิกบ่นซะทีเถอะน่า” เซอิจิบอกปัดอย่างเบื่อหน่ายที่จะต้องมาทนฟังบิดาสั่งสอนแม้กระทั่งวันงาน
ทันใดนั้นไดสุเกะก็เคลื่อนตัวเข้ามากระซิบข้างหูเจ้านายหนุ่มหลังจากที่ได้รับคำสั่งให้ไปหารอบเรือที่จะเดินทางออก
จากแคว้นในวันนี้
“นายน้อย ตอนนี้พวกเขากำลังจะไปขึ้นเรือกันแล้วขอรับ”
“อย่างนั้นเหรอ”
เซอิจิตอบรับขณะกำลังนั่งมองนางรำที่เริ่มวาดลวดลายอย่างอ่อนช้อยอยู่ด้านหน้าลานพิธี และไม่นานเขาก็
ลุกพรวดออกจากที่นั่งพร้อมกับหันไปหาอายากะที่นั่งอยู่ด้านหลังรวมกับคนอื่นๆ เธอสวมเพียงแค่ชุดกิโมโนสีเรียบ
ไม่ได้มีแต่งชุดสวยหรูเหมือนเมื่อก่อน
“พี่ฝากตรงนี้ด้วยนะ อายากะ”
“เดี๋ยวค่ะ น้องฝากของชิ้นนี้ให้คุณซากุระหน่อยได้ไหมคะ”
อายากะรั้งแขนเสื้อเซอิจิไว้ก่อนจะยื่นปิ่นปักผมรูปดอกซากุระให้พี่ชายของเธอ นี่เป็นเครื่องประดับชิ้นเดียวที่
เธอซื้อมาด้วยเงินของตัวเองจากการไปประกวดจัดดอกไม้ เธอรู้ว่าเซอิจิจะต้องไปหาซากุระอย่างแน่นอน เซอิจิมอง
สิ่งของในมือน้องสาวก่อนจะเงยหน้ามองเธอที่กำลังทำสีหน้าเศร้าหมอง
“ทำไมถึงไม่เอาไปให้เองล่ะ”
“น้องยังไม่พร้อมที่จะสู้หน้าเธอหรอกค่ะ...นะคะ ถ้าเธอไม่รับก็ไม่เป็นไร”
“ก็ได้ งั้นเดี๋ยวพี่กลับมานะ”
เซอิจิรับปิ่นปักผมมาจากมือของอายากะมาถือไว้ จากนั้นเจ้าตัวก็ถอดหมวกซามูไรที่เพิ่งจะสวมไปได้ไม่กี่
นาทีวางไว้บนเก้าอี้ประจำตำแหน่งแล้วพาตัวเองออกไปจากลานพิธีอย่างรวดเร็ว เก็นจิโร่ซึ่งนั่งอยู่ไม่ไกลก็ตะโกน
เรียกลูกชายไว้ทันทีแต่เหมือนจะไม่ได้เข้าหูชายหนุ่มแต่อย่างใด
“นี่แกจะไปไหนน่ะเซอิจิ พิธีมันยังไม่จบนะ!”
………………………………………………..
ซาสึเกะและซากุระกำลังคอยเรือออกจากท่าซึ่งเหลือเวลาอีกประมาณสิบห้านาที พวกสัมภาระถูกนำไปวาง
ไว้ในห้องโดยสารเรียบร้อยแล้ว ซากุระท้าวแขนลงบนขอบเรือขณะที่สายตาก็จับจ้องไปยังบ้านเมืองของแคว้นเท็ตซึ
โนะที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวโพลน เธอหวังว่าซักวันแคว้นแห่งนี้จะมีฤดูร้อนอันแสนอบอุ่นเข้ามาเยือนบ้าง
“จะว่าไปก็รู้สึกผูกพันธ์กับที่นี่เหมือนกันเนอะ”
“คงเป็นความรู้สึกของเธอคนเดียวมั้ง”
ซาสึเกะตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ซากุระก็รู้ว่าอารมณ์ของเขาไม่ปกติ เธอหันหลังกลับมามองชาย
หนุ่มที่กำลังตีสีหน้าเย็นชาอยู่
“นี่เธอยังไม่เลิกงอนฉันอีกเหรอ”
“งอนอะไรของเธอ”
“ก็ที่เธอทำอยู่เขาเรียกว่างอนนะรู้รึเปล่า”
“อย่ามาไร้สาระ”
“โธ่ ซาสึเกะคุง กลับมาเป็นเหมือนเดิมเถอะน้า~”
ขณะที่ทั้งคู่กำลังเล่นบทพ่อแง่แม่งอน...อันที่จริงแล้วจะต้องเรียกว่าเป็นพ่อที่งอนอย่างเดียวเสียมากกว่า
อยู่นั้น กลุ่มผู้โดยสารบนเรือก็พร้อมใจกันแหวกทางให้กับบุคคลหนึ่งที่กำลังตรงมาหาซากุระและซาสึเกะที่ยืนอยู่
ด้วยกันตรงท้ายเรือ ชุดกิโมโนสีเข้มที่เต็มไปด้วยเครื่องประดับสีทองนั้นทำให้เจ้าตัวดูมีรัศมีพอที่จะทำให้คนหลบ
หลีกได้
ใบหน้าหล่อเหลามองหญิงสาวเรือนผมสีชมพูที่กำลังจ้องมองเขากลับมาอย่างแปลกใจเช่นกัน
“อ้าว พิธียังไม่เสร็จไม่ใช่เหรอ ทำไมมาอยู่ที่นี่ล่ะ!”
“ก็ยังไม่เสร็จหรอก แต่ฉันเบื่อ ก็เลย...แวบมาหาเธอนี่แหละ” เมื่อพูดจบเซอิจิก็รับรู้ได้ถึงรังสีอำมหิตที่ส่งผ่าน
มาจากผู้ชายเรือนผมสีดำที่ยืนอยู่ด้านข้างซากุระ นั่นทำให้เขากระตุกยิ้มออกมาเล็กน้อยให้กับท่าทีที่เหมือนกับหมา
หวงก้างของซาสึเกะ
“อะไร ก็แค่แวะมาอำลา ไม่ต้องทำหน้าบูดขนาดนั้นก็ได้น่า”
“...”
ซาสึเกะไม่ตอบอะไรแต่เลือกที่จะเดินไปพิงผนังห้องโดยสาร ดวงตาสองสีทอดมองไปทางอื่นราวกับว่าไม่ได้
ใส่ใจ
ซากุระจึงหันสายตามากลับมามองคนที่ควรจะอยู่ในพิธีแต่งตั้งแทน
“นี่ นายจะเป็นเจ้าแคว้นอยู่แล้ว ยังทำตัวเป็นเด็กอยู่อีก”
“บ่นเป็นคนแก่เลยยัยเถิก”
“อย่ามาเรียกฉันแบบนี่นะ!”
ซากุระว่าอย่างไม่พอใจที่เขากลับมาเรียกเธอว่ายัยเถิกอีกครั้ง เธอแทบจะนับได้เลยว่าเขาเรียกชื่อจริงๆของ
เธอไปกี่ครั้ง นอกเหนือจากนั้นก็เป็นสารพัดชื่อหยาบคายที่เขาตั้งให้
“ฉันมีของจะให้เธอ”
จู่ๆเซอิจิก็เปลี่ยนเรื่องพูดอย่างหน้าตาเฉยจนทำเอาซากุระมึนงงไปชั่วขณะ แต่ก็คงจะไม่แปลกอะไรเพราะ
เขาก็มีนิสัยชอบกวนประสาทเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
“หือ อะไรงั้นเหรอ”
“ความจริงแล้วอายากะฝากมาให้
ยัยนั่นไม่กล้าเอามาให้ด้วยตัวเองเพราะยังไม่กล้าสู้หน้าเธอน่ะ”
ซากุระมองปิ่นปักผมที่เป็นช่อดอกซากุระในมือของเซอิจิ มันดูสวยงามและน่ารักเพราะอายากะเป็นคนช่าง
เลือก
และดูเหมือนว่าเธอจะตั้งใจเลือกมาให้ซากุระจริงๆ
“เธอจะรับหรือไม่ก็เป็นสิทธิ์ของเธอนะ
ฉันไม่บังคับหรอก”
เซอิจิบอกเพราะรู้ดีว่าน้องสาวของตัวเองทำเรื่องไม่น่าให้อภัยเอาไว้มาก ถ้าหากหญิงสาวตรงหน้าไม่รับเขาก็
จะไม่ว่าอะไรเธอเลย
ซากุระชั่งใจอยู่ไม่นานก็เอื้อมมือไปรับปิ่นปักผมนั่นมาไว้ในมือ ที่เธอรับไว้เพราะกลัวอายากะจะรู้สึกเสียใจ
และเธอก็เชื่อว่าคุณหนูสาวรู้สึกผิดแล้วจริงๆ
เพราะฉะนั้นการให้อภัยก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเธอ
“ฝากบอกเธอด้วยว่าฉันขอบใจมาก...แล้วถ้ามีโอกาสก็ชวนเธอไปเที่ยวที่หมู่บ้านของฉันบ้างนะ”
ซากุระบอกพร้อมกับยิ้มกว้างให้เซอิจิ ส่วนเขาก็ยิ้มตอบรับให้เธออย่างจริงใจเช่นกัน
”ซากุระ…ฉันขอบใจเธอมากนะ”
“ขอบใจเรื่องอะไรหรือ”
“ทุกเรื่อง...ที่เธอช่วยฉัน”
“ขนลุกชะมัดที่เห็นนายพูดอะไรแบบนี้”
“แล้วก็...ครั้งนั้น...ฉันไม่ได้ตั้งใจจะจูบเธอ” เซอิจิว่าพร้อมกับขยับเข้าไปใกล้เธอมากขึ้น ดวงตาสีสนิมมอง
เธออย่างมีความหมาย “แต่ครั้งนี้...ฉันตั้งใจนะ”
เมื่อพูดจบเขาโน้มใบหน้าคมคายลงมาจุมพิตที่แก้มเธออย่างแผ่วเบาจนซากุระถึงกับยืนแข็งทื่อเป็นหิน
เพราะไม่ทันได้ตั้งตัว
“นี่แก…!”
เซอิจิกระโดดหลบคมดาบของซาสึเกะที่ฟาดฟันลงมาอย่างรวดเร็วก่อนจะพาตัวเองพุ่งทะยานกลับไปยืนบน
พื้นน้ำแข็งของแคว้นตามเดิมอีกครั้ง
“อย่านะ ซาสึเกะคุง!” ซากุระที่เพิ่งได้สติรีบเข้ามารั้งร่างซาสึเกะเอาไว้ก่อนที่เขาจะกระโดดออกจากเรือตาม
ไปฆ่าเซอิจิที่ยืนยิ้มหน้าระรื่นพลางโบกมืออำลาให้เขาอย่างกวนประสาท
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะซากุระ!
นี่เธอเข้าข้างมันอีกแล้วเหรอ!”
ซาสึเกะที่กำลังโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงตวัดสายตากลับมามองซากุระอย่างขุ่นเคืองก่อนเจ้าตัวจะเก็บดาบเข้า
ฝักตามเดิม
จากนั้นก็เดินหนีไปยังหัวเรือโดยไม่ยอมหันมามองเธอที่พยายามเรียกชื่อเขาแม้แต่นิด
“โธ่เอ้ย
โดนงอนอีกแล้วเหรอเนี่ย!”
ซากุระบ่นอุบ มือบางยกขึ้นลูบใบหน้าอย่างเหนื่อยใจ สุดท้ายแล้วเธอก็ก้าวขาวิ่งตามร่างสูงของซาสึเกะออก
ไปอย่างช่วยไม่ได้
“ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ได้บอกความรู้สึกออกไปสินะขอรับ”
ไดสุเกะเอ่ยกับเจ้านายหนุ่ม เขามองใบหน้าด้านข้างของเซอิจิที่ยังคงมองผู้หญิงเรือนผมสีชมพูวิ่งตามชาย
คนนั้นออกไป
ภายใต้ท่าทีเรียบเฉยนั่นคิดอะไรอยู่เขาก็ไม่สามารถอ่านได้
“เรื่องบางเรื่องไม่ต้องบอกไปน่ะดีแล้ว...”
เซอิจิบอกพร้อมกับยิ้มออกมาบางๆ ซากุระสอนให้เขาเรียนรู้ที่จะรักใครซักคน แม้จะรู้ว่าต้องผิดหวังแต่เขาก็
ไม่ได้เจ็บอย่างที่คิด จะยอมรับก็ได้ว่านึกเสียดายเธออยู่ไม่น้อย แต่เขากลับรู้สึกว่าไม่ได้อยากจะแย่งเธอมาแต่
อย่างใดเพราะเขาเชื่อว่าผู้ชายคนนั้นคงทำหน้าที่ได้ดีอยู่แล้ว ดวงตาสีสนิมมองเรือลำใหญ่แล่นออกไปจนสุดสายตา
“นี่ ไดสุเกะ หมู่บ้านโคโนฮะเนี่ย...มันอยู่ไกลแค่ไหนเหรอ"
“เอ่อ ถ้าใช้เวลาเดินทางจากแคว้นของเราจนถึงหมู่บ้านโคโนฮะก็ประมาณเกือบครึ่งเดือนน่ะขอรับ”
“งั้นเหรอ... เอาไว้สะสางเรื่องวุ่นวายเสร็จ ฉันคงมีโอกาสได้แวะไปเยือนบ้างนะ”
ไดสุเกะเลิกคิ้วสูงอย่างไม่ค่อยเข้าใจความหมายในประโยคนั่น เซอิจิจึงหันสายตาจากท่าเรือมามองเขา
“ในฐานะพันธมิตรน่ะ”
เจ้าแคว้นหนุ่มพูดทิ้งท้ายก่อนจะหมุนตัวกลับไปยังทางไปลานพิธีต่อ ทิ้งให้ไดสุเกะยืนปลื้มปริ่มอยู่กับ
ประโยคนั่นเพียงลำพัง ไม่นานเขาก็ยกมือขึ้นมาขยับแว่นตาให้เข้าที่แล้ววิ่งตามเซอิจิไปอย่างรวดเร็ว
“รอกระผมด้วยขอรับ
นายน้อย!”
.........................................................................................
-TO BE CONTINUED-
Ps1. จบแล้ววววว ไม่ได้จบเนื้อเรื่องนะ จบแค่พาร์ทแคว้นหิมะ (ทำยังกะเป็นซี่รี่ส์ผจญภัย 555+) ยังไงก็ขอลาแก๊งซามูไรไปในตอนนี้แล้วกันนะคะ คิดถึงทุกตัวละครตัวทั้งเซอิจิ ไดสุเกะ อายากะ แล้วก็ยูมะ ดีไม่ดีอาจจะเอาออกมาโผล่ในตอนอื่นๆด้วยก็ได้ แต่ใครจะไปโผล่นั้น รอติดตามนะคะ อิอิ
Ps2. ตอนหน้าจะเริ่มเป็นพาร์ทใหม่แล้วนะคะ ส่วนอิเกะจะพาซากุระไปตะลอนที่ไหนต่อนั้นเดี๋ยวรู้กัน ขอบคุณที่ติดตามค่าาาา ! XD
24.05.60
ความคิดเห็น