ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ Fic Naruto ] April Snow เมื่อหิมะ...หลงฤดู

    ลำดับตอนที่ #33 : Chapter 30 : ภารกิจเสร็จสิ้น [100%]

    • อัปเดตล่าสุด 24 พ.ค. 60





    Chapter 30


    ภารกิจเสร็จสิ้น







                ไอ้ชั่ว! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!”


                อายากะร้องโวยวายขณะที่โดนคิจิโร่ลากตัวมายังห้องที่ทำการทดลองเทคโนโลยี ภายในห้องมีมนุษย์เป็นๆ

    หลับไหลอยู่ในหลอดแก้วทำให้คุณหนูสาวรู้สึกตกใจระคนหวาดกลัวเป็นอย่างมาก เธอไม่เคยเห็นอะไรที่ผิดศีลธรรม

    ขนาดนี้มาก่อน และยังเป็นฝีมือของคนที่เธอเคยไว้ใจอีกด้วย


                “บอกให้อยู่เฉยๆไง น่ารำคาญจริง!”


                “นี่แก...ทำเรื่องพวกนี้อย่างนั้นหรือ!”


                “โฮ่ พูดอย่างกับว่าตัวเองดีแสนดีจังนะหลานสาว อย่าลืมสิว่าเธอกับฉันเราลงเรือลำเดียวกันแล้ว! 

    พี่ชายเธอมันยังจะไว้ใจเธออยู่อีกเหรอ!


                ฮึก ไอ้สารเลว แก...หลอกใช้ฉัน


                อายากะสะอื้นฮักพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุด เธอไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองน่าสมเพชเท่านี้มาก่อน 

    ที่เลวร้ายที่สุดสำหรับเธอคือการถูกเกลียดจากคนที่รัก ซึ่งนั้นก็คือบิดาและพี่ชายแท้ๆของเธอ


                “แกมันโง่เองอายากะ หลงผู้ชายจนหน้ามืด เหมือนแม่ของแกไม่มีผิด!”


                คิจิโร่ยิ้มเยาะพร้อมกับมองใบหน้าที่เหมือนกับคนรักของพี่ชายด้วยความสมเพช อายากะมีส่วนคล้ายกับแม่

    ของเธอมาก นั่นทำให้เขารู้สึกเอ็นดูเธออยู่ไม่น้อยในตอนแรก


                “ท่านพ่อ!”


                “ยูมะ!”


                คิจิโร่เรียกชื่อลูกชายที่เพิ่งก้าวผ่านประตูเข้ามา เขาพาร่างตัวเองเข้ามาใกล้บิดามากขึ้นเพื่อเกลี้ยกล่อมให้

    บิดาหยุดทำเรื่องชั่วช้าไปมากกว่านี้


                “พอเถอะครับ ผมขอร้อง...


                “แกไม่ต้องมาพูด! ที่สถานการณ์มันพลิกแบบนี้ก็เป็นเพราะแกคนเดียว! โง่! อีกนิดเดียวแกก็จะได้ทุกอย่าง

    จากไอ้เซอิจิอยู่แล้ว!”


                “แล้วท่านพ่อเคยถามผมหรือเปล่าว่าผมต้องการมันไหม!”


                แกเป็นบ้าไปแล้วหรือไง! แทนที่จะไปจัดการมัน แต่แกกลับมาไล่บีบฉันอยู่ได้ ไอ้ลูกไม่รักดี ฉันน่าจะฆ่าแก

    ตามแม่โสเภณีของแกไปซะถ้ารู้ว่าแกจะมาแว้งกัดฉันแบบนี้!”


                คำพูดของผู้เป็นบิดาตอกย้ำเรื่องที่เซอิจิพูดได้เป็นอย่างดีว่านั่นคือความจริง ร่างกายของเขารู้สึกชาไปทุก

    สัดส่วนจนไม่อาจขยับเขยื้อนได้ ตลอดเวลาคิจิโร่เห็นลูกชายอย่างเขาเป็นแค่หุ่นเชิดเท่านั้น


                “ไอ้คิจิโร่!”


                เซอิจิที่วิ่งตามมาได้ทันก็พุ่งตัวเข้ามาในห้องทดลองอย่างรวดเร็วซึ่งนั่นเป็นเพราะว่าซาสึเกะเปิดทางให้ด้วย

    การกำจัดพวกลูกสมุนที่แห่เข้ามาเล่นงานพวกเขากันเป็นขบวนอยู่ด้านนอก


                แกนี่มันกัดไม่ปล่อยจริงๆเลยนะหลานชาย ฮ่าๆๆ


                คิจิโร่ระเบิดหัวเราะอย่างบ้าคลั่งทันทีที่เห็นเซอิจิ ชายวัยกลางคนกระชับปืนสั้นในมือแน่นพร้อมกับจ่อไปที่

    ขมับของอายากะ


                ปล่อยน้องสาวของฉันเดี๋ยวนี้!”


                อยากให้ปล่อยเหรอ เหอะ งั้นแกกับพ่อแกจะยอมเสียสละไหมล่ะ ทั้งอำนาจ ตำแหน่ง เงินทอง...แกยอมเสีย

    สละเพื่อน้องสาวโง่เง่าของแกไหม!”


                เซอิจิเงียบไปชั่วขณะ ดวงตาสีสนิมมองคนเป็นอาแท้ๆด้วยสายตานิ่งงัน คิจิโร่แสยะยิ้มออกมาเมื่อเห็นท่าที

    นั่นของหลานชาย


                ไง ทำไม่ได้เหรอ ว่าแต่ฉันเห็นแก่ตัว พวกแกก็ไม่ต่าง!”


                “เอาสิ ถ้าแกอยากได้ เพียงแค่ปล่อยอายากะ ฉันจะให้แกทุกอย่าง...


                ท่านพี่…”  


                ความรู้สึกกดดันทำให้อายากะตัดสินใจกัดเข้าที่แขนของคิจิโร่อย่างแรงจนทำให้คิจิโร่เผลอปล่อยมือออก

    เพราะความเจ็บปวด เธอผละตัวเองออกจากอ้อมแขนของผู้เป็นอาแล้ววิ่งไปหาพี่ชายของตัวเองอย่างไม่คิดชีวิต


                ปัง! ปัง ! ปัง !


                “อายากะ!”


                เซอิจิตะโกนเรียกชื่อน้องสาวอย่างตกใจ แต่ยูมะกลับพาตัวเองเข้ามาบังร่างอายากะเอาไว้อย่างรวดเร็วจน

    ทำให้ลูกกระสุนนั้นพุ่งเข้าที่ลำตัวสามนัดซ้อนจนเขาทรุดลงไปกองกับพื้น  


                ยูมะ!” 


                  คิจิโร่มองลูกชายพร้อมกับถอยผงะไปข้างหลังอย่างขวัญเสีย มือที่ถือปืนไว้แน่นคลายออกจนปืนร่วงลงสู่พื้น

     ที่ทำไปเพราะเขากะจะเล่นงานอายากะให้ถึงตายด้วยความโมโหแต่ไม่คิดว่ายูมะจะเอาตัวเองมาเป็นโล่แบบนี้



                ถึงยูมะจะไม่ได้เกิดมาด้วยความรัก...แต่สายเลือดครึ่งหนึ่งก็เป็นของเขา...



                ท่านพ่อ...หยุด...เถอะ”  


                ยูมะพูดอย่างเหนื่อยอ่อน มือที่กุมบาดแผลไว้มีเลือดไหลทะลักออกมาไม่ขาดสาย


                ยะ ยูมะ...พ่อไม่ได้ตั้งใจ...


                คิจิโร่เอ่ยอย่างไร้สติไปชั่วขณะ แต่ไม่นานก็กลับมาจ้องมองสองพี่น้องอย่างเจ็บแค้นก่อนจะใช้มีดสั้นกรีดไป

    ที่ข้อมือของตน และเมื่อหยดเลือดไหลลงสู่พื้นที่สลักคล้ายกับอักขระก็ปรากฎแสงสว่างวาบขึ้นมาพร้อมกับคิจิโร่ที่ถูก

    หุ้มด้วยเกราะซามูไรยุคโบราณ จากนั้นเขาก็พุ่งตัวเข้ามาหาเซอิจิอย่างรวดเร็วจนเซอิจิต้องรีบผลักร่างของอายากะ

    ไปให้พ้นทาง


                คิจิโร่กระชากคอเสื้อของเซอิจิแล้วทุ่มลงไปบนพื้นอย่างแรงแล้วทิ่มดาบลงที่ลำคอเซอิจิหมายจะให้ถึงตายใน

    ทีเดียวแต่เซอิจิก็เบี่ยงลำคอหลบได้ทันก่อนจะดีดตัวขึ้นจากพื้น มือหนาขยับไปชักดาบคาตานะออกมาแต่กลับโดน

    ดาบเล่มยักษ์ฟาดเข้าใส่จนดาบคู่ใจลอยละลิ่วออกไปไกล เซอิจิรีบกระโดดหลบทันทีเมื่อคิจิโร่ตรงเข้ามาเล่นงานเขา

    อย่างต่อเนื่อง เขาแปลกใจกับพละกำลังที่มหาศาลของผู้เป็นอามากและเขาก็คิดว่าน่าจะเป็นเพราะเกราะซามูไรที่

    อาของเขาสวมใส่อยู่อย่างแน่นอน


                อายากะ! ส่งดาบมาให้พี่!”


                อายากะที่นั่งหมอบอยู่บนพื้นพยายามประคองตัวเองไปคว้าดาบคาตานะของเซอิจิอย่างกล้าๆกลัวๆ เธอไม่

    เคยอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงตายแบบนี้มาก่อนในชีวิต


                ขณะกำลังจะคว้าดาบได้ คิจิโร่ก็ใช้คาถาลมพัดร่างอายากะกระเด็นไปทางบ่อเคมีที่เอาไว้ใช้กำจัดมนุษย์

    ทดลองที่ไม่ได้คุณภาพจนร่างของเธอเกือบร่วงลงไปในบ่อ มือบางยึดปากขอบไว้แน่นโดยที่ร่างกำลังห้อยโตงเตง

    อย่างหมิ่นเหม่ที่จะร่วงลงไป


                 อายากะ!”


                “ฮึก ท่านพี่!”


                เซอิจิรีบตรงเข้าไปช่วยน้องสาวแต่คิจิโร่ก็เข้ามาขวางทางไว้แล้วเหวี่ยงดาบเข้าใส่อีกระลอก คมดาบยักษ๋

    เฉี่ยวแขนของเขาจนเสื้อคลุมขาดวิ่น เลือดไหลซึมออกมาจากบาดแผลแต่เขาก็ไม่สนใจ


                ปล่อยน้องสาวให้ตายไปก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ โทษฐานที่มันทำให้แกต้องมาพบจุดจบแบบนี้ไง!”


                คิจิโร่ว่าก่อนจะถีบร่างเซอิจิจนไถลไปกับพื้น พละกำลังที่มหาศาลของคิจิโร่ทำให้เขานิ่วหน้าด้วยความจุกจน

    ร่างกายขยับแทบไม่ได้


                ส่วนอายากะที่เริ่มหมดแรงจะรั้งร่างของตัวเองไว้ก็คิดจะปล่อยให้ตัวเองตกลงไปในบ่อสารเคมี อย่างน้อย

    เธอก็จะไม่ต้องมาเป็นภาระให้กับเซอิจิอีกต่อไปเพราะที่ผ่านมามันก็หนักหนามากพอแล้ว


                อายากะหลับตาลงแล้วตัดสินใจปล่อยมือออกจากขอบบ่อ ร่างของเธอร่วงลงสู่บ่อเคมีตามแรงโน้มถ่วง 

    แต่ทว่า


                หมับ!


                อย่าเพิ่งคิดจะตาย เธอต้องกลับไปชดใช้ความผิดทั้งหมดก่อน!”


                “คุณซาสึเกะ!”


                อายากะลืมตามองบุคคลที่กำลังจับแขนของเธอไว้ก่อนร่างจะร่วงลงสู่บ่อสารเคมี จากนั้นเขาก็ออกแรงดึง

    เธอขึ้นมาจนร่างเธอพ้นจากปากบ่ออย่างปลอดภัย ไม่รอช้าซาสึเกะก็หยิบดาบคาตานะของเซอิจิขึ้นแล้วขว้างไปที่

    ร่างของคิจิโร่แต่เขาก็เบี่ยงตัวหลบได้ทัน เซอิจิจึงลุกขึ้นไปคว้าดาบของตัวเองมาไว้ในมือได้อย่างแม่นยำ


                “เซอิจิ! ตัดขั้วพลังงานมันที่กลางหน้าอก!” 


                 สู่รู้นักนะไอ้อุจิวะ!”


                คิจิโร่ว่าอย่างเดือดดาลที่ซาสึเกะรู้จุดอ่อนของชุดเกราะซามูไรนี้ ชายวัยกลางคนเหวี่ยงมีดสั้นไปที่ตู้กระจก

    ทั้งหมดที่ข้างในมีมนุษย์ทดลองอยู่จนมันแตกออกเป็นเสี่ยงๆ น้ำสารเคมีไหลออกมาเป็นทางพร้อมกับร่างมนุษย์

    ทดลองที่หล่นลงมานอนแน่นิ่งอยู่ที่พื้น ไม่นานร่างนั้นก็ขยับเขยื้อนก่อนจะก่อตัวเป็นรูปของซามูไรเกราะโลหะสีดำ

    ทมิฬ พวกมันตรงเข้ามาเล่นงานซาสึเกะอย่างบ้าคลั่งเพราะถูกตั้งโปรแกรมให้ทำลายศัตรูเอาไว้


                ตอนนี้ทั้งเซอิจิและซาสึเกะต่างก็เข้าห้ำหั่นกับศัตรูกันอย่างดุเดือด ซาสึเกะที่รู้จุดอ่อนของหุ่นยนต์ซามูไรพวก

    นี้ดีอยู่แล้วก็แทงดาบเข้าสู่กลางลำตัวพวกมันอย่างแม่นยำ แต่ด้วยจำนวนที่เยอะทำให้เขาถึงกับหายใจอย่างเหนื่อย

    หอบเพราะก่อนหน้าเขาก็สู้กับตัวทดลองที่สมบูรณ์แบบมาแล้วจนเปลืองแรงไปมาก


                ด้านคิจิโร่ที่รู้สึกว่าตัวเองกำลังจะจนมุมก็ล่อเซอิจิไปทางบ่อสารเคมี มือที่หุ้มด้วยเกราะโลหะยกร่างเซอิจิที่

    เริ่มอ่อนแรงเพราะเสียเลือดขึ้นมาแล้วเหวี่ยงไปทางปากบ่ออย่างน่าหวาดเสียว จากนั้นคิจิโร่ก็ขึ้นคร่อมตัวเซอิจิแล้ว

    รัวหมัดใส่ไม่ยั้งจนใบหน้าแตกยับ อายากะที่เห็นพี่ชายตัวเองกำลังเพลี่ยงพล้ำก็เคลื่อนมือไปดึงอาวุธที่เธอเก็บไว้

    ติดตัวตลอดออกมา มันเป็นมีดสั้นของซาสึเกะที่เขาเคยใช้ช่วยเธอตอนที่ถูกโจรป่าดักปล้น มีดสั้นที่สลักตราตระกูล

    อุจิวะถูกขว้างไปยังคิจิโร่จนใบมีดปักทะลุเข้าที่โลหะและบาดลึกถึงเนื้อข้างในเพราะความคมของมัน


                นังบ้าเอ้ย!”


                คิจิโร่สบถอย่างหัวเสียที่โดนขัดจังหวะในการจัดการเซอิจิ เขากางมือไปทางอายากะหวังจะให้เข็มพิษที่ซ่อน

    อยู่ในถุงมือเกราะปลิดชีวิตตัวน่ารำคาญอย่างเธอ ซึ่งนั่นเป็นการเปิดโอกาสให้เซอิจิได้สร้างแท่งน้ำแข็งขึ้นมาในมือ

    ก่อนจะแทงมันเข้าไปที่กลางอกอันเป็นจุดรวมพลังงานอย่างแม่นยำจนคิจิโร่กระอักเลือดออกมา จากนั้นเขาก็เหวี่ยง

    ร่างของคิจิโร่ลงไปยังบ่อสารเคมีอย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้คิจิโร่ได้ทันตั้งตัว


                ขณะที่ร่างกำลังร่วงสู่ก้นบ่อคิจิโร่ก็ตัดสินกดปุ่มอะไรบางอย่างที่แขนแล้วแสยะยิ้มร้ายให้เซอิจิก่อนร่างของ

    ตัวเองจมดิ่งลงไปยังเบื้องลึกของผิวน้ำ  เซอิจิมองคิจิโร่อย่างรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีกับรอยยิ้มนั่น


                ไม่นานนักเขาก็ได้รับคำตอบเมื่อฐานลับเริ่มสั่นคลอนอย่างรุนแรงก่อนฝ้าเพดานจะถล่มลงมาอย่างรวดเร็ว

     เซอิจิตรงเข้าไปอุ้มร่างของน้องสาวแล้วเคลื่อนตัวไปยังประตูทางออกที่ซาสึเกะยืนรออยู่ เขาตัดสินใจปล่อยร่าง

    อายากะลงแล้ววิ่งเข้าไปหายูมะด้วยความยากลำบากเพราะแรงสั่นสะเทือน แต่พอจะขยับเข้าไปช่วย ยูมะกลับ

    ยกมือห้ามแล้วหยิบรีโมทควบคุมขึ้นมากดพร้อมกับเงยหน้ามองเซอิจิด้วยใบหน้าอิดโรยเพราะเสียเลือดมาก


                “ฉันเปิดประตูทางออกไว้ให้หมดแล้ว รีบออกไป!”


                แล้วแก...


                ตูมมมมมมม!


                เซอิจิยังพูดไม่ทันจบเสาต้นใหญ่ก็ล้มครืนลงมาผ่ากลางระหว่างยูมะและเขา เซอิจิเบิกตากว้างอย่างตกใจ

    ต่อเหตุการณ์ตรงหน้า  เขาขบฟันแน่นอย่างเจ็บใจก่อนจะถอยหลังกลับไปเมื่อห้องทดลองเทคโนโลยีถล่มลงมาอย่าง

    รุนแรงมากขึ้น


                ซาสึเกะวิ่งนำเซอิจิที่อุ้มอายากะกลับมาที่ห้องโถงอีกครั้งเพื่อไปหาซากุระ ซึ่งระหว่างทาง ฐานลับได้เกิดการ

    สั่นไหวอีกหลายระลอกเพราะระเบิดที่ติดตั้งไว้เริ่มทำงานต่อกันเป็นทอดๆ


                “ซากุระ!”


                ซากุระหันมามองตามเสียงขณะประคองร่างไดสุเกะขึ้นเพื่อพาหนีออกไปจากห้อง ทว่าเสียงครืนที่ดังมาจาก

    ฝ้าเพดานก็ทำให้เธอต้องเงยหน้าขึ้นไปมองก่อนจะพบว่าเพดานได้ถล่มลงมาอย่างรวดเร็ว เธอหลับตาเตรียมรับ

    ความเจ็บปวดแล้วกอดร่างไดสุเกะไว้แน่นเพื่อไม่ให้เขาเป็นอันตราย


                ซาสึเกะรีบพุ่งตัวเข้าไปหาซากุระพร้อมกับใช้ซูซาโนะเข้ามาเป็นเกราะกำบังได้อย่างทันท่วงที ร่างของซากุระ

    และไดสุเกะถูกผนึกเข้าไปอยู่ในปริซึมห้าเหลี่ยมโดยมีซาสึเกะคอยบังคับการอยู่ จากนั้นเทพวายุก็บินทะยานออกไป

    นอกประตูทางออกพร้อมกับอินทรีย์น้ำแข็งของเซอิจิที่พาตัวเองกับน้องสาวทะยานออกไปที่ประตูทางออกเช่นกัน


                 

                 ตูมมมมมมมมมมมมมม ! 



               และหลังจากนั้นไม่นาน ฐานลับขนาดใหญ่ก็ถล่มลงมาพร้อมกับโรงน้ำชาด้านบนที่ยุบตัวลงมาคล้ายเป็น

    หลุมอวกาศ ข้าวของทุกอย่างพังระเนระนาดเสียหายไปจนหมด เหล่าผู้คนที่หนีตายออกมาได้ทันมองดูซากปรักหัก

    พังด้วยความตื่นตระหนกไม่หาย เซอิจิกอดปลอบน้องสาวพลางมองไปยังพื้นเบื้องล่างเพื่อมองหาใครบางคนที่เขา

    หวังว่าจะยังมีชีวิตอยู่...



     


    ……………………………………………………





                  กลุ่มของเซอิจิเดินทางกลับมาถึงคฤหาสน์หลังจากที่หน่วยซามูไรได้เข้าไปทำการช่วยเหลือและตรวจสอบ

    ซากปรักหักพังเพื่อหาหลักฐาน เก็นจิโร่ที่ออกมายืนรอรับอยู่หน้าคฤหาสน์มองไปยังลูกๆของตนด้วยสีหน้าเครียดขึง


                เซอิจิรับรู้ได้ทันทีว่าเขาจะต้องโดนบิดาตำหนิเรื่องพวกนี้อีกแน่


                ทว่า...เก็นจิโร่กลับเดินเข้ามาหาเขาและน้องสาวก่อนจะคว้าตัวทั้งคู่ไปกอดไว้แน่น ความเปียกชื้นที่แผ่นหลัง

    ทำให้เขารับรู้ได้ว่าบิดากำลังหลั่งน้ำตาออกมาอย่างเงียบๆ


                “ท่านพ่อ...” 


                “พ่อขอโทษนะ...ขอโทษที่ปกป้องพวกลูกๆไม่ได้ พ่อมันเป็นพ่อที่แย่จริงๆ


                เก็นจิโร่ระบายความรู้สึกออกมาหลังจากคลายอ้อมกอดจากลูกๆ ดวงตาสีสนิมสบตาลูกชายด้วยความรู้สึก

    ผิดอย่างแท้จริงจนเซอิจิถึงกับพูดอะไรไม่ออก ส่วนอายากะกลับไม่กล้าสบตาบิดา เธอเช็ดน้ำตาที่หลั่งไหลออกมาอีก

    ครั้งก่อนจะคุกเข่าลงตรงหน้าของเก็นจิโร่


                ลูกทำผิดไปแล้วค่ะท่านพ่อ ฮึก ลูกทำผิด...


                เก็นจิโร่ก้มลงมองลูกสาวคนเล็กด้วยสายตาปวดร้าว...


                 ตอนที่ได้รู้เรื่องราวทั้งหมดจากหน่วยซามูไรเขาแทบจะล้มทั้งยืนเพราะไม่คิดว่าอายากะจะเป็นคนที่มีส่วน

    ร่วมในเรื่องเลวร้ายพวกนั้นเพราะที่ผ่านมา เธอเป็นลูกสาวที่น่ารักของเขามาโดยตลอด...

                   

                   


                ทว่าเมื่อลูกทำผิด...คนเป็นพ่ออย่างเขาก็ต้องลงโทษ...



               อายากะ...พ่อจำเป็นต้องให้บทเรียนแก่ลูกเก็นจิโร่พูดขึ้นพร้อมกับกำมือแน่นเพื่อระงับความเสียใจ

    นับแต่นี้...ลูกจะถูกปลดออกจากตำแหน่งคุณหนูแห่งตระกูลทากะฮาชิ จะเป็นเพียงแค่อายากะ... ที่มีฐานะเป็นคน

    ธรรมดา ไม่มีอำนาจสั่งการคนอื่นอีก และลูก...จะต้องออกไปทำประโยชน์โดยไม่ได้รับความช่วยเหลือใดๆจากทาง

    คนของตระกูลอย่างไม่มีกำหนด


                คำสั่งที่เฉียบขาดจากเก็นจิโร่ทำให้เซอิจิหันไปมองบิดาอย่างคาดไม่ถึง เขาไม่คิดว่าบิดาจะกล้าลงโทษ

    อายากะถึงขนาดนี้  ทว่าเขาก็ไม่ได้เอ่ยขัดอะไรบิดา น้องสาวของเขาถูกกางปีกปกป้องมานาน ถึงเวลาแล้วที่อายากะ

    ควรออกไปเผชิญหน้าด้วยตัวเองเสียที...


                คุณหนู...” คาซูโกะเดินเข้ามาหาเจ้านายของเธอด้วยสายตาเศร้าสร้อย 


                “ฉันไม่ใช่คุณหนูของเธออีกแล้วนะ อายากะยิ้มน้อยๆให้กับสาวใช้คนสนิท จากนั้นเธอก็เดินตรงเข้ามาหา

    ซากุระพร้อมกับคุกเข่าลงแล้วก้มหัวให้กับผู้หญิงตรงหน้าเช่นเดียวที่ทำกับเก็นจิโร่


                คุณซากุระ...ฉัน...ขอโทษจริงๆค่ะ


                ซากุระนิ่งอึ้งไปซักพักเพราะไม่คิดว่าอายากะจะก้มหัวให้เธอซึ่งเป็นการแสดงความขอโทษแบบขั้นสูงสุด 

    เธอย่อตัวลงไปจนอยู่ในระดับเดียวกันพร้อมกับยื่นมือไปแตะบ่าอายากะเบาๆ


                “ความรู้สึกของเธอกับฉัน...คงจะไม่สามารถกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้ในตอนนี้ แต่หลังจากนี้...เธอคงจะได้

    บทเรียนอีกเยอะนะ...อายากะ


                คำเรียกชื่อที่ดูห่างเหินทำให้อายากะรู้สึกเสียใจไม่น้อยเพราะลึกๆแล้วเธอก็รู้สึกดีที่ได้มีซากุระมาเติมเต็มคำ

    ว่าเพื่อนที่เธอไม่เคยได้รับจากใคร แต่เพราะความหลงมันบังตา ทำให้เธอได้ทำเรื่องที่ไม่น่าให้อภัยไปจนเสียสาย

    สัมพันธ์ที่น่าจะดำเนินไปด้วยดีระหว่างเธอและซากุระ...





    ....................................................................

     




                หลังจากเหตุการณ์วันนั้น หลักฐานคดีต่างๆของคิจิโร่ก็ถูกเผยออกมาให้ประชาชนในแคว้นรับรู้ ทว่ามันไม่ใช่

    ฝีมือของเซอิจิ แต่เพราะเสาหลักอย่างคิจิโร่หายสาบสูญไปทำให้พวกเครือข่ายของคิจิโร่ล้มครืนไม่เป็นท่า 

    พวกที่ให้ความร่วมมือกับคิจิโร่ต่างพากันโดนหางเลขไปกันจนหมด และนั่นทำให้พวกชาวบ้านหันมาให้ความเคารพ

    กับเซอิจิมากขึ้นหลังจากที่โดนใส่ร้ายป้ายสีอยู่นานจนสูญเสียความน่าเชื่อถือ



                นายน้อยจะทำอย่างไรกับคดีของท่านยูมะหรือขอรับ



                ไดสุเกะถามขึ้นขณะที่มารอให้เซอิจิเซ็นเอกสารเรื่องคดีความของคิจิโร่ มือหนาที่จับพู่กันอยู่หยุดนิ่งไปซักพัก

     ในวันนั้นเขาได้ส่งหน่วยซามูไรเข้าไปตรวจสอบหาคนเสียชีวิตซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นลิ่วล้อของคิจิโร่ ชาวบ้านทั่วไปที่อยู่

    ในโรงน้ำชาหนีออกมาได้ทันทุกคนแต่ก็มีบางส่วนที่บาดเจ็บ 

                 และที่น่าแปลกคือพวกเขาไม่พบศพของยูมะ พบเพียงคราบเลือดปริศนาที่หยดเป็นทางหายเข้าไปในป่าทว่า

    ไม่พบเจ้าของรอยเลือดเลยแม้แต่เงา...


                “ถึงหมอนั่นจะไม่เต็มใจทำ... แต่ยังไงความผิดก็ต้องว่าไปตามผิด


                “หมายความว่าถ้าเจอตัวท่านยูมะ...ก็ต้องนำกลับมารับโทษหรือขอรับ


                “ก็ถ้าเจอตัวมันน่ะนะ…”


                 ไดสุเกะได้ฟังแบบนั้นก็ยิ้มออกมาเล็กน้อยเพราะรู้ว่าเจ้านายหนุ่มจงใจไม่ตามล่าตัวยูมะอยู่แล้วตั้งแต่ต้น 

    เพราะถ้าเกิดจับยูมะได้จริงๆ พวกหน่วยงานต่างๆของแคว้นคงไม่เอาไว้แน่เพราะเขาเป็นลูกของคิจิโร่ บทลงโทษขั้น

    ร้ายแรงสุดคือสั่งประหาร...และน้อยสุดคือติดคุกตลอดชีวิต...


                 ความจริงเซอิจิจะให้ซามูไรตามหายูมะตั้งแต่วันนั้นเลยก็ได้แต่เขากลับไม่ทำ แถมยังพยายามหาหลักฐานมา

    แก้ต่างให้ยูมะด้วยตัวเองตลอดหลายวันที่ต้องสะสางเรื่องคดีของคิจิโร่


                “เอ่อ...อีกเรื่องนึงขอรับ...พวกคุณซาสึเกะและซากุระจะเข้าพบพวกผู้บริหารเพื่อรายงานคดีในวันมะรืน 

    หลังจากนั้นพวกเขาจะเดินทางออกจากแคว้นทันทีหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจ ซึ่งมันก็ตรงกับวันแต่งตั้งผู้ครองแคว้น

    พอดี แล้ววันพรุ่งนี้นายน้อยก็ต้องซ้อมพิธีรับตำแหน่งทั้งวัน กระผมเกรงว่า...นายน้อยอาจจะไม่ได้เจอคุณซากุระอีก


                คำว่าไม่ได้เจอทำให้เซอิจิวางพู่กันในมือลงบนโต๊ะอย่างถาวร  ตั้งแต่จบเรื่องวันนั้น...เซอิจิและซากุระก็ไม่

    เจอกันอีกเลยหลังจากเธอรักษาบาดแผลให้เขา เขาเอนตัวลงไปพิงพนักเก้าอี้คล้ายกับคนหมดแรง ดวงตาสีสนิมมอง

    ไปยังขวดยาแคปซูลหลายกระปุกที่ซากุระทำให้ด้วยความรู้สึกใจหาย


                เขายังจำได้ถึงวันแรกที่เจอกับซากุระได้ดี... ผู้หญิงคนนั้นเข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นหัวหน้าพวกเก็บส่วย

    ชาวบ้าน เธอตรงเข้ามาทำร้ายเขาอย่างไม่ลังเล ตอนนั้นเขาเกลียดเธอแทบบ้าและภาวนาว่าขอให้ไม่ได้เจอผู้หญิง

    อย่างเธออีก 


                แต่บางครั้งโลกก็กลมจนน่าหงุดหงิด...


                เขากับซากุระได้ปะทะคารมกันอีกครั้งเมื่อน้องสาวของเขาขอให้นินจาจากโคโนฮะมาคุ้มกันให้กับเธอ 

    และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาได้รู้จักกับผู้หญิงที่ชื่อว่าซากุระมากขึ้น...


                มากจนกระทั่ง...เขาหลงรักเธอโดยไม่รู้ตัว...



                จะไม่ได้เจอ...อีกแล้วงั้นเหรอ...




    ...................................................................




                 ขณะนี้คฤหาสน์ทากะฮาชิกำลังเต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่นั่งอยู่รายล้อมหน้าลานพิธี วันนี้เป็นวันที่จะมี

    การแต่งตั้งผู้ครองแคว้นคนใหม่นั่นก็คือเซอิจิ เขาอยู่ในชุดกิโมโนแบบเต็มยศซึ่งเป็นชุดพิธีแต่งตั้งเจ้าครองแคว้น

    เท็ตซึโนะ ที่เพิ่มเข้ามาจากชุดกิโมโนธรรมดาคือผ้าคาดขลิบทองพร้อมเครื่องประดับทองคำที่ตัดกับชุดกิโมโนสีดำ

    ทำให้ดูมีสง่าราศี...  

                 ทว่าตอนนี้ผู้ที่เพิ่งจะรับตำแหน่งกลับทำสีหน้าเบื่อโลก มือหนายกขึ้นมาป้องปากขณะกำลังหาวจนน้ำตาซึม

    ออกมาทางหางตาซึ่งบ่งบอกว่าเขากำลังง่วงถึงขีดสุด


                “วันนี้เป็นวันของแกนะ ทำหน้าให้มันเหมือนมีชีวิตหน่อย


                เก็นจิโร่บอกลูกชายโดยที่สายตายังจับจ้องผู้บริหารอาวุโสที่กำลังกล่าวสุนทรพจน์อยู่กลางลานพิธี


                “จะไปมีชีวิตได้ยังไงในเมื่อเมื่อคืนให้ซ้อมพิธีบ้าบออะไรไม่รู้ นอนก็ไม่ได้นอน


                “แค่นี้แกยังไม่อดทน แล้วจะทำหน้าที่อย่างอื่นได้ดีเรอะ!”


                เก็นจิโร่หันหน้ามาตำหนิอย่างจริงจังเมื่อเซอิจิยังคงเถียงคำไม่ตกฟาก ไม่รู้ว่าเขาคิดถูกหรือคิดผิดที่สล

    ตำแหน่งให้ลูกชายหัวรั้น ถึงจะได้ปรับความเข้าใจกันได้ในหลายๆเรื่อง แต่การทะเลาะกันก็ยังคงเป็นเอกลักษณ์ของ

    สองพ่อลูกอยู่ดี


                “ท่านพ่อเลิกบ่นซะทีเถอะน่าเซอิจิบอกปัดอย่างเบื่อหน่ายที่จะต้องมาทนฟังบิดาสั่งสอนแม้กระทั่งวันงาน 

    ทันใดนั้นไดสุเกะก็เคลื่อนตัวเข้ามากระซิบข้างหูเจ้านายหนุ่มหลังจากที่ได้รับคำสั่งให้ไปหารอบเรือที่จะเดินทางออก

    จากแคว้นในวันนี้


                “นายน้อย ตอนนี้พวกเขากำลังจะไปขึ้นเรือกันแล้วขอรับ


                “อย่างนั้นเหรอ


                เซอิจิตอบรับขณะกำลังนั่งมองนางรำที่เริ่มวาดลวดลายอย่างอ่อนช้อยอยู่ด้านหน้าลานพิธี และไม่นานเขาก็

    ลุกพรวดออกจากที่นั่งพร้อมกับหันไปหาอายากะที่นั่งอยู่ด้านหลังรวมกับคนอื่นๆ เธอสวมเพียงแค่ชุดกิโมโนสีเรียบ 

    ไม่ได้มีแต่งชุดสวยหรูเหมือนเมื่อก่อน


                “พี่ฝากตรงนี้ด้วยนะ อายากะ


                “เดี๋ยวค่ะ น้องฝากของชิ้นนี้ให้คุณซากุระหน่อยได้ไหมคะ


                อายากะรั้งแขนเสื้อเซอิจิไว้ก่อนจะยื่นปิ่นปักผมรูปดอกซากุระให้พี่ชายของเธอ นี่เป็นเครื่องประดับชิ้นเดียวที่

    เธอซื้อมาด้วยเงินของตัวเองจากการไปประกวดจัดดอกไม้ เธอรู้ว่าเซอิจิจะต้องไปหาซากุระอย่างแน่นอน เซอิจิมอง

    สิ่งของในมือน้องสาวก่อนจะเงยหน้ามองเธอที่กำลังทำสีหน้าเศร้าหมอง


                “ทำไมถึงไม่เอาไปให้เองล่ะ


                “น้องยังไม่พร้อมที่จะสู้หน้าเธอหรอกค่ะ...นะคะ ถ้าเธอไม่รับก็ไม่เป็นไร


                “ก็ได้ งั้นเดี๋ยวพี่กลับมานะ


                เซอิจิรับปิ่นปักผมมาจากมือของอายากะมาถือไว้ จากนั้นเจ้าตัวก็ถอดหมวกซามูไรที่เพิ่งจะสวมไปได้ไม่กี่

    นาทีวางไว้บนเก้าอี้ประจำตำแหน่งแล้วพาตัวเองออกไปจากลานพิธีอย่างรวดเร็ว เก็นจิโร่ซึ่งนั่งอยู่ไม่ไกลก็ตะโกน

    เรียกลูกชายไว้ทันทีแต่เหมือนจะไม่ได้เข้าหูชายหนุ่มแต่อย่างใด 


                “นี่แกจะไปไหนน่ะเซอิจิ พิธีมันยังไม่จบนะ!”




                ………………………………………………..




                ซาสึเกะและซากุระกำลังคอยเรือออกจากท่าซึ่งเหลือเวลาอีกประมาณสิบห้านาที พวกสัมภาระถูกนำไปวาง

    ไว้ในห้องโดยสารเรียบร้อยแล้ว ซากุระท้าวแขนลงบนขอบเรือขณะที่สายตาก็จับจ้องไปยังบ้านเมืองของแคว้นเท็ตซึ

    โนะที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวโพลน เธอหวังว่าซักวันแคว้นแห่งนี้จะมีฤดูร้อนอันแสนอบอุ่นเข้ามาเยือนบ้าง


                “จะว่าไปก็รู้สึกผูกพันธ์กับที่นี่เหมือนกันเนอะ


                “คงเป็นความรู้สึกของเธอคนเดียวมั้ง” 


                  ซาสึเกะตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ซากุระก็รู้ว่าอารมณ์ของเขาไม่ปกติ เธอหันหลังกลับมามองชาย

    หนุ่มที่กำลังตีสีหน้าเย็นชาอยู่



                “นี่เธอยังไม่เลิกงอนฉันอีกเหรอ


                “งอนอะไรของเธอ


                “ก็ที่เธอทำอยู่เขาเรียกว่างอนนะรู้รึเปล่า


                “อย่ามาไร้สาระ


                โธ่ ซาสึเกะคุง กลับมาเป็นเหมือนเดิมเถอะน้า~”


                ขณะที่ทั้งคู่กำลังเล่นบทพ่อแง่แม่งอน...อันที่จริงแล้วจะต้องเรียกว่าเป็นพ่อที่งอนอย่างเดียวเสียมากกว่า

    อยู่นั้น กลุ่มผู้โดยสารบนเรือก็พร้อมใจกันแหวกทางให้กับบุคคลหนึ่งที่กำลังตรงมาหาซากุระและซาสึเกะที่ยืนอยู่

    ด้วยกันตรงท้ายเรือ ชุดกิโมโนสีเข้มที่เต็มไปด้วยเครื่องประดับสีทองนั้นทำให้เจ้าตัวดูมีรัศมีพอที่จะทำให้คนหลบ

    หลีกได้ ใบหน้าหล่อเหลามองหญิงสาวเรือนผมสีชมพูที่กำลังจ้องมองเขากลับมาอย่างแปลกใจเช่นกัน


                “อ้าว พิธียังไม่เสร็จไม่ใช่เหรอ ทำไมมาอยู่ที่นี่ล่ะ!


                “ก็ยังไม่เสร็จหรอก แต่ฉันเบื่อ ก็เลย...แวบมาหาเธอนี่แหละเมื่อพูดจบเซอิจิก็รับรู้ได้ถึงรังสีอำมหิตที่ส่งผ่าน

    มาจากผู้ชายเรือนผมสีดำที่ยืนอยู่ด้านข้างซากุระ นั่นทำให้เขากระตุกยิ้มออกมาเล็กน้อยให้กับท่าทีที่เหมือนกับหมา

    หวงก้างของซาสึเกะ


                “อะไร ก็แค่แวะมาอำลา ไม่ต้องทำหน้าบูดขนาดนั้นก็ได้น่า


                 ...


                ซาสึเกะไม่ตอบอะไรแต่เลือกที่จะเดินไปพิงผนังห้องโดยสาร ดวงตาสองสีทอดมองไปทางอื่นราวกับว่าไม่ได้

    ใส่ใจ ซากุระจึงหันสายตามากลับมามองคนที่ควรจะอยู่ในพิธีแต่งตั้งแทน


                “นี่ นายจะเป็นเจ้าแคว้นอยู่แล้ว ยังทำตัวเป็นเด็กอยู่อีก


                “บ่นเป็นคนแก่เลยยัยเถิก” 


                “อย่ามาเรียกฉันแบบนี่นะ!”


                ซากุระว่าอย่างไม่พอใจที่เขากลับมาเรียกเธอว่ายัยเถิกอีกครั้ง เธอแทบจะนับได้เลยว่าเขาเรียกชื่อจริงๆของ

    เธอไปกี่ครั้ง นอกเหนือจากนั้นก็เป็นสารพัดชื่อหยาบคายที่เขาตั้งให้


                “ฉันมีของจะให้เธอ


                จู่ๆเซอิจิก็เปลี่ยนเรื่องพูดอย่างหน้าตาเฉยจนทำเอาซากุระมึนงงไปชั่วขณะ แต่ก็คงจะไม่แปลกอะไรเพราะ

    เขาก็มีนิสัยชอบกวนประสาทเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว


                “หือ อะไรงั้นเหรอ


                “ความจริงแล้วอายากะฝากมาให้  ยัยนั่นไม่กล้าเอามาให้ด้วยตัวเองเพราะยังไม่กล้าสู้หน้าเธอน่ะ


                ซากุระมองปิ่นปักผมที่เป็นช่อดอกซากุระในมือของเซอิจิ มันดูสวยงามและน่ารักเพราะอายากะเป็นคนช่าง

    เลือก และดูเหมือนว่าเธอจะตั้งใจเลือกมาให้ซากุระจริงๆ


                เธอจะรับหรือไม่ก็เป็นสิทธิ์ของเธอนะ ฉันไม่บังคับหรอก


                เซอิจิบอกเพราะรู้ดีว่าน้องสาวของตัวเองทำเรื่องไม่น่าให้อภัยเอาไว้มาก ถ้าหากหญิงสาวตรงหน้าไม่รับเขาก็

    จะไม่ว่าอะไรเธอเลย


                ซากุระชั่งใจอยู่ไม่นานก็เอื้อมมือไปรับปิ่นปักผมนั่นมาไว้ในมือ ที่เธอรับไว้เพราะกลัวอายากะจะรู้สึกเสียใจ

     และเธอก็เชื่อว่าคุณหนูสาวรู้สึกผิดแล้วจริงๆ เพราะฉะนั้นการให้อภัยก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเธอ


                ฝากบอกเธอด้วยว่าฉันขอบใจมาก...แล้วถ้ามีโอกาสก็ชวนเธอไปเที่ยวที่หมู่บ้านของฉันบ้างนะ

                  

                 ซากุระบอกพร้อมกับยิ้มกว้างให้เซอิจิ ส่วนเขาก็ยิ้มตอบรับให้เธออย่างจริงใจเช่นกัน


                ซากุระฉันขอบใจเธอมากนะ


                “ขอบใจเรื่องอะไรหรือ


                “ทุกเรื่อง...ที่เธอช่วยฉัน


                “ขนลุกชะมัดที่เห็นนายพูดอะไรแบบนี้”  

              

                “แล้วก็...ครั้งนั้น...ฉันไม่ได้ตั้งใจจะจูบเธอเซอิจิว่าพร้อมกับขยับเข้าไปใกล้เธอมากขึ้น ดวงตาสีสนิมมอง

    เธออย่างมีความหมาย แต่ครั้งนี้...ฉันตั้งใจนะ


                เมื่อพูดจบเขาโน้มใบหน้าคมคายลงมาจุมพิตที่แก้มเธออย่างแผ่วเบาจนซากุระถึงกับยืนแข็งทื่อเป็นหิน

    เพราะไม่ทันได้ตั้งตัว


                “นี่แก…!”


                เซอิจิกระโดดหลบคมดาบของซาสึเกะที่ฟาดฟันลงมาอย่างรวดเร็วก่อนจะพาตัวเองพุ่งทะยานกลับไปยืนบน

    พื้นน้ำแข็งของแคว้นตามเดิมอีกครั้ง


                “อย่านะ ซาสึเกะคุง!” ซากุระที่เพิ่งได้สติรีบเข้ามารั้งร่างซาสึเกะเอาไว้ก่อนที่เขาจะกระโดดออกจากเรือตาม

    ไปฆ่าเซอิจิที่ยืนยิ้มหน้าระรื่นพลางโบกมืออำลาให้เขาอย่างกวนประสาท


                ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะซากุระ! นี่เธอเข้าข้างมันอีกแล้วเหรอ!”


                ซาสึเกะที่กำลังโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงตวัดสายตากลับมามองซากุระอย่างขุ่นเคืองก่อนเจ้าตัวจะเก็บดาบเข้า

    ฝักตามเดิม จากนั้นก็เดินหนีไปยังหัวเรือโดยไม่ยอมหันมามองเธอที่พยายามเรียกชื่อเขาแม้แต่นิด


                โธ่เอ้ย โดนงอนอีกแล้วเหรอเนี่ย!”


                ซากุระบ่นอุบ มือบางยกขึ้นลูบใบหน้าอย่างเหนื่อยใจ สุดท้ายแล้วเธอก็ก้าวขาวิ่งตามร่างสูงของซาสึเกะออก

    ไปอย่างช่วยไม่ได้





                “ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ได้บอกความรู้สึกออกไปสินะขอรับ


                ไดสุเกะเอ่ยกับเจ้านายหนุ่ม เขามองใบหน้าด้านข้างของเซอิจิที่ยังคงมองผู้หญิงเรือนผมสีชมพูวิ่งตามชาย

    คนนั้นออกไป ภายใต้ท่าทีเรียบเฉยนั่นคิดอะไรอยู่เขาก็ไม่สามารถอ่านได้



                “เรื่องบางเรื่องไม่ต้องบอกไปน่ะดีแล้ว...


                เซอิจิบอกพร้อมกับยิ้มออกมาบางๆ ซากุระสอนให้เขาเรียนรู้ที่จะรักใครซักคน แม้จะรู้ว่าต้องผิดหวังแต่เขาก็

    ไม่ได้เจ็บอย่างที่คิด จะยอมรับก็ได้ว่านึกเสียดายเธออยู่ไม่น้อย แต่เขากลับรู้สึกว่าไม่ได้อยากจะแย่งเธอมาแต่

    อย่างใดเพราะเขาเชื่อว่าผู้ชายคนนั้นคงทำหน้าที่ได้ดีอยู่แล้ว ดวงตาสีสนิมมองเรือลำใหญ่แล่นออกไปจนสุดสายตา


                นี่ ไดสุเกะ หมู่บ้านโคโนฮะเนี่ย...มันอยู่ไกลแค่ไหนเหรอ"


                “เอ่อ ถ้าใช้เวลาเดินทางจากแคว้นของเราจนถึงหมู่บ้านโคโนฮะก็ประมาณเกือบครึ่งเดือนน่ะขอรับ


                “งั้นเหรอ... เอาไว้สะสางเรื่องวุ่นวายเสร็จ ฉันคงมีโอกาสได้แวะไปเยือนบ้างนะ



                ไดสุเกะเลิกคิ้วสูงอย่างไม่ค่อยเข้าใจความหมายในประโยคนั่น เซอิจิจึงหันสายตาจากท่าเรือมามองเขา 


                  

                  ในฐานะพันธมิตรน่ะ



                เจ้าแคว้นหนุ่มพูดทิ้งท้ายก่อนจะหมุนตัวกลับไปยังทางไปลานพิธีต่อ ทิ้งให้ไดสุเกะยืนปลื้มปริ่มอยู่กับ

    ประโยคนั่นเพียงลำพัง ไม่นานเขาก็ยกมือขึ้นมาขยับแว่นตาให้เข้าที่แล้ววิ่งตามเซอิจิไปอย่างรวดเร็ว



                รอกระผมด้วยขอรับ นายน้อย!”








    .........................................................................................


    -TO BE CONTINUED-


         Ps1. จบแล้ววววว ไม่ได้จบเนื้อเรื่องนะ จบแค่พาร์ทแคว้นหิมะ (ทำยังกะเป็นซี่รี่ส์ผจญภัย 555+) ยังไงก็ขอลาแก๊งซามูไรไปในตอนนี้แล้วกันนะคะ คิดถึงทุกตัวละครตัวทั้งเซอิจิ ไดสุเกะ อายากะ แล้วก็ยูมะ ดีไม่ดีอาจจะเอาออกมาโผล่ในตอนอื่นๆด้วยก็ได้ แต่ใครจะไปโผล่นั้น รอติดตามนะคะ อิอิ 

         Ps2. ตอนหน้าจะเริ่มเป็นพาร์ทใหม่แล้วนะคะ ส่วนอิเกะจะพาซากุระไปตะลอนที่ไหนต่อนั้นเดี๋ยวรู้กัน ขอบคุณที่ติดตามค่าาาา ! XD 

     24.05.60




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×