ห้องนอนสีชมพู - ห้องนอนสีชมพู นิยาย ห้องนอนสีชมพู : Dek-D.com - Writer

    ห้องนอนสีชมพู

    ความรักทำให้ห้องที่เราเคยนอนอยู่อย่างเดียวดายนั้นกลับกลายเป็นสีชมพู ถ้าทุกคนเปิดใจยอมรับความรักครั้งใหม่นี้ก็มีโอกาสที่จะได้นอนห้องนอนที่เต็มไปด้วยสีชมพู

    ผู้เข้าชมรวม

    1,804

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    1.8K

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  30 ต.ค. 48 / 14:08 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      ห้องนอนสีชมพู
      เช้าของวันใหม่ที่เต็มไปด้วยของเดิมๆไม่ได้มีอะไรที่แปลกไปจากเดิมสักเท่าไหร่  ห้องนอนก็ยังคงมีแต่เพียงร่างกายและจิตใจของชายคนหนึ่ง  ผู้ที่เต็มไปด้วยความเดียวดาย  ความว้าเหว่  เหมือนดังว่าในโลกใบนี้มีเพียงแต่ตัวเขาเท่านั้นที่อยู่บนโลกใบนี้  กินคนเดียว เดินคนเดียว ทำทุกอย่างเพียงคนเดียว  ไม่ใช่เขาอยากจะอยู่คนเดียวอยากจะทำอะไรด้วยตนเองสักเท่าไรหลอก  แต่ก็ด้วยประสบการณ์อันเจ็บช้ำนั้นมันยังตราตรึงอยู่ในจิตใจของเขาอยู่ทุกวัน  มันเป็นเสมือนภาพหลอน  เวลาเขาหลับตาลงคราใดมันก็มาหลอกมาหลอนอยู่เป็นประจำ  ไม่เว้นแต่ละวัน  แต่ยังดีอยู่ว่าในโลกนี้ยาชนิดหนึ่งที่ขายดีในหมู่ของคนเป็นโรคประสาท  นั้นก็คือ ยานอนหลับนั่นเองที่คอยช่วยให้เขานั้นได้หลับได้พักผ่อน  แต่ก็ช่วยได้แต่เพียงแค่หลับเท่านั้น  พอเขาหลับมันก็ตามมาหลอกหลอนเขาในฝันอีก  นี้เองจึงทำให้ร่างกายเขาซูบผอมเป็นไม่เสียบผีอยู่ทุกวันนี้  
      สิ่งที่มันตามมาหลอกหลอนเขาอยู่ทุกวันนี้ก็คือ ภาพของหญิงสาวผู้หนึ่งที่เขาหลงจนทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างให้ผู้หญิงคนนั้น  เสียทั้งตัวทั้งวิญญาณทั้งทรัพย์สินทุกๆอย่างที่เขามี  จนทุกวันนี้เขาเหลืออยู่เพียงร่างกายและจิตใจที่ไม่ค่อยจะสมประกอบ  จิตใจก็เป็นจิตใจที่เหี่ยวแห้งซึ่งขาดน้ำหล่อเลี้ยงหัวใจที่ดี ก็คือความรักแท้  เมื่อจิตใจที่มันขาดความรักมันก็ห่อเหี่ยวแล้วก็ยังฉุดให้ร่างกายนั้นให้ทรุดโทรมลงไปอย่างรวดเร็วอีก  นี้คือ ความร้ายกาจของความหลงที่เขานั้นมีให้กับหญิงสาวผู้นั้น  โดยที่เขาคิดมาตลอดเวลา 7 ปีเลยว่ามันเป็นความรัก  แต่พึ่งจะมารู้สึกตัวว่ามันเป็นความหลงงมงายอย่างคนตาบอด  ก็เมื่อตอนที่เขาคิดฆ่าตัวตายแล้วรอดมาได้ด้วยเทคโนโลยีของทางวิทยาศาสตร์ที่ช่วยเขาไว้  
      เหตุที่เขารู้ว่ามันเป็นความหลงนั้นก็เนื่องจากว่าในขณะที่เขาตื่นนอนขึ้นมาในห้องพักฟื้นผู้ป่วย เขาได้ไปเห็นตาแก่ๆคนหนึ่งอายุก็คงราวๆสัก 60 ปีขึ้นไปซึ่งนั่งเฝ้าหญิงผู้หนึ่งอยู่ด้วยความห่วงใย  ด้วยสีหน้าที่เป็นห่วงไร้มารยา ผู้หญิงคนนั้นก็สภาพร่างกายก็คงไม่ได้ต่างไปจากคนที่เฝ้าไข้สักเท่าใดนัก  กระบวนการทางด้านจิตใจเขาก็ตอบสนองให้รับรู้ว่านี้แหละคือ ความรัก  พร้อมทั้งให้เหตุผลว่าความรักที่แท้จริงนั้นมีแต่เพียงความตายเท่านั้นที่จะทำลายมันลงไปได้
      ช่วงเย็นของวันนี้เขาตัดสินใจที่จะก้าวเท้าออกจากห้อง  ซึ่งเป็นครั้งแรกของเขาที่กล้าจะเปิดประตูห้องแล้วเดินออกไปข้างนอก  ทุกๆวันนั้นเขากล้าแค่เพียงเปิดประตูรับอาหารจากเด็กส่งของร้านอาหารข้างล่างเท่านั้น  เขาไม่สามารถที่จะจำได้ว่าเป็นเวลาเท่าไหร่แล้วที่เขาเก็บตัวอยู่แต่ในคอนโด  เขารู้แต่ว่าตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลก็ไม่ได้ก้าวเท้าออกไปจากห้องนี้เลย  
      เขาเดินไปด้วยความหวาดหวั่นและก็เต็มไปด้วยความกลัว  ผู้คนที่เดินผ่านเขาต่างก็รู้สึกแปลกยังกับเห็นคนบ้า  เขาเดินไปด้วยความที่ไม่รู้จักจุดหมายปลายทาง  ไม่สนใจคนที่อยู่รอบข้างตัวเขาว่าจะมองเขาอย่างไร  เขาคิดแต่ว่าวันนี้อาจจะได้พบรักที่มันแท้จริงขึ้นมาก็ได้  นี้เองเป็นเหมือนสิ่งที่หล่อเลี้ยงให้จิตใจและขาของเขามีกำลังเดินต่อไปได้    การเดินของเขานั้นก็เป็นเหมือนกับเด็กอนุบาลที่เดินไปด้วยความกลัว  และด้วยความไม่ระวังบวกกับความที่ไม่ได้เดินตามท้องถนนมานานก็เกิดเหตุการณ์ที่เขาไม่ปรารถนาจะให้เกิด  เขานอนนิ่งอยู่ริมถนนเสื้อที่เก่าๆโทรมๆของเขาก็เปื้อนไปด้วยเลือดที่มีอยู่น้อยนิดของเขา  เด็กส่งข้าวที่คอยช่วยให้เขานั้นมีชีวิตอยู่จนมาถึงวันที่เขาถูกรถชน   นั้นก็วิ่งไปด้วยความกล้าหาญแล้วก็ประจวบกับรถปิ๊กอัพของชายนิรนามใจดีผู้หนึ่งมาจอดอยู่ตรงหน้าของเด็กส่งข้าวผู้ที่เต็มเปลี่ยมไปด้วยความเมตตา  โดยที่เขาไม่ได้นึกไปเลยว่ากลับมาเขาจะถูกเจ้ไล่ออกจากร้านหรือไม่  แล้วรถนั้นก็ออกตัวไม่ต่างกับการแข่งขันบนท้องถนนที่มีอยู่ทุกๆคืน  ด้วยความเป็นห่วงในฐานะของความเป็นมนุษย์ร่วมโลก  เด็กนั้นนั่งประคองตัวของเขาไว้ไม่ให้ได้รับความบอบช้ำไปมากกว่าที่เป็นอยู่  
      เสียงรถเบรกที่ดังออกมาเสมือนบอกพนักงานของโรงพยาบาลให้มารับผู้ป่วยด้วย  ก็เป็นอย่างนั้นจริงๆด้วยความเคยชินและหน้าที่  คนทั้งสองได้พาร่างที่มีวิญญาณอยู่หรือเปล่าก็ไม่รู้เข้าไปที่ห้องฉุกเฉิน  แล้วด้วยความมีจิตสำนึกและจรรยาบรรณอันทรงเกรียติของเหล่าพยาบาลและหมอก็ช่วยกันดำเนินตามกระบวนการทางการแพทย์  
      เวลาผ่านไปประมาณ 7 ชั่วโมงเห็นจะได้เขาก็รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาพร้อมกับภาพที่ปรากฏทางตาแบบขาวดำรางๆเหมือนทีวีในยุค 30-40 ปีที่แล้ว   พร้อมกับเสียงที่เบาและเต็มไปด้วยความนิ่มนวลที่มากระทบกับโสตประสาทที่ยังไม่ถูกทำลายไป  “คุณฟื้นแล้วหรือค่ะ” เสียงพร้อมกับร่างกายของเธอก็เข้ามาใกล้หูของเขามากขึ้น  แล้วเขาก็ได้ยินเสียงนั้นชัดขึ้นพร้อมกันได้เห็นหน้าของพยาบาลผู้นั้นชัดมากกว่าเดิม  แล้วในกระบวนการของจิตใจที่มันตั้งใจที่จะเดินออกมาเพื่อหารักแท้  มันก็ประมวลผลออกมาว่า “นี่หรือรักแท้ของเรา” แต่มันประมวลไปเพื่อเข้าข้างเจ้านายมันมากว่าเพราะว่าเธอนั้นไม่ได้คิดอย่างนั้นเลย  เธอทำไปด้วยหน้าที่ที่เธอรับผิดชอบบวกกับจิตสำนึกที่ดี  ที่เธอทำไปด้วยใจไม่ได้ด้วยเงินอย่างเช่นพยาบาลหน้าเงินคนอื่นๆ  
      ด้วยความที่เขานั้นพอที่จะพูดได้บ้างก็ตอบนางพยาบาลคนสวยนั้นไปด้วยเสียงที่เบาจนฟังไม่รู้เรื่อง แต่ด้วยความที่เข้าใจของเธอว่าเขาฟื้นแล้ว  แล้วเขาก็หลับไปตามเดิมพยาบาลผู้นั้นก็ทำหน้าที่ตามปกติ
      เช้าวันใหม่ที่เขาตื่นขึ้นมานั้นแตกต่างจากทุกๆวันที่เขาตื่น  เขาได้เห็นผู้คนที่อยู่รอบตัวเขา ได้เห็นอะไรมากมายที่เขาไม่ได้เห็นมานาน  แล้วพยาบาลคนเดิมก็เดินมาที่เตียงของเขาพร้อมกับถามไถ่ตามปกติ  แต่ในจิตใจเขาไม่ได้เป็นปกติเลย  มันเหมือนกับว่าจิตใจมันชุ่มไปด้วยน้ำหล่อเลี้ยงหัวใจ  มันรู้มีแรงขึ้นมาทางใจมากกว่าที่เขาเป็นอยู่  แล้วเขาและเธอก็สนทนากันตามประสาของพยาบาลและคนไข้  แล้วเขาก็ขอย้ายไปพักที่ห้องพิเศษด้วยความที่ชอบส่วนตัว  แล้วก็เป็นไปอย่างที่เขาต้องการ  และเขาก็ขอให้เธอนั้นเป็นพยาบาลส่วนตัวด้วย  ทั้งสองอย่างเป็นไปอย่างที่ใจเขาต้องการ
      ความจริงแล้วมันเป็นแผนการของเขาที่จะจีบนางพยาบาลคนสวยนั่นเอง  แต่ก็ด้วยเหตุปัจจัยที่อำนวยก็ช่วยให้เขาได้สมหวังในขั้นแรก แล้วก็เหมือนกับเป็นการบอกกับเขาว่าต่อไปก็เป็นหน้าที่ของนายแล้ว
      ตลอดเวลาที่เขาและเธอคุยกันและได้แรกเปลี่ยนความคิดซึ่งกันและกัน  โดยที่ต่างคนต่างก็ไม่เคยได้เปิดใจคุยกับใครเลย  คนหนึ่งก็มัวแต่ทำงาน อีกคนหนึ่งก็ยึดอยู่กับอดีตที่มันเลวร้ายแล้วปิดตัวเอง  ด้วยความที่คนสองคนได้คุยกันได้แรกเปลี่ยนความคิดเห็นกันก็เกิดเป็นความรู้สึกอย่างหนึ่งที่คนสองคนนั้น ไม่เคยรู้สึกมาก่อนแล้วก็ไม่สามารถที่จะบอกให้ใครต่อใครได้ให้เข้าใจในสิ่งที่เขาและเธอนั้นรู้สึก  มันเป็นความรู้สึกที่จะต้องเกิดขึ้นกับตัวเท่านั้น
      แล้วเขาก็อาศัยจังหวะที่เธอนั้นเดินออกไปทำงานข้างนอกก็ลองคิดทบทวนถึง  สิ่งที่ผ่านมาในอดีต  แล้วเขาก็ได้เห็นความจริงขึ้นมาว่าสิ่งที่ทำให้เขานั้นต้องถูกภาพนั้นหลอกหลอนอยู่ทุกวันนั้นก็มาจากการที่เขานั้นไม่ยอมเปิดประตูห้อง ไม่ยอมเปิดประตูหัวใจมาเผชิญกับความจริง  เขามัวแต่หมกมุ่นอยู่กับอดีตที่มันเลวร้ายที่ไม่มีใครสามารถที่จะแก้ไขและเปลี่ยนแปลงมันได้  เมื่อเขารู้อยู่อย่างนี้แล้วเขาก็ลองหลับตาแล้วสิ่งที่เขาไม่เคยคิดว่ามันจะเกิดขึ้นก็เกิดขึ้นกับตัวเขา ภาพที่เคยหลอนเขาในเวลาที่หลับตานั้นหายไปจากตัวเขาก็ทำให้นอนหลับไปด้วยความสบายใจอย่างที่เขาไม่เคยได้รับมาก่อน  
      แล้วเช้าวันใหม่ก็ทำให้เขาได้เจอเธออีกครั้งในชุดแซ๊กสีชมพูอ่อน  ซึ่งกำลังจัดแจกันดอกไม้อยู่ข้างๆเขาด้วยดอกกุหลายสีชมพู  ทุกๆอย่างที่เขาเห็นนอกจากนั้นมันรู้สึกจะเป็นสีชมพูไปเสียหมด  รวมทั้งห้องที่เขาใช้รักษาร่างกายและจิตใจอยู่ด้วยก็เห็นจะเป็นสีชมพูไปด้วย  พร้อมกับกระบวนการคิดที่ประมวลออกมาว่าถึงแม้ว่าจะเป็นความรักที่แท้จริงหรือไม่นั้นไม่สำคัญอะไร เพราะเขานั้นได้เปิดตัวเปิดใจที่จะรับมัน  ซึ่งมันก็ยังมีโอกาสที่จะได้เจอมากกว่าการที่จะปิดประตูหัวใจอยู่กับความเลวร้ายของอดีต
      อยากให้คนทุกคนเปิดประตูหัวใจเพื่อที่จะได้มีโอกาสจะเจอกับความรักที่แท้จริง  แล้วห้องนอนของทุกๆคนก็จะเป็นสีชมพู  โลกทั้งโลกก็เป็นสีชมพู

      ดินสอสีดำขาว
      ๑๒ ตุลาคม ๒๕๔๘

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×