ลำดับตอนที่ #6
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : [ฤดูกาลที่ 5] เวทีพรีเมียร์ลีคปีที่ 1 ศึกยุโรปรายการเล็กและศึกบอลถ้วยภายใน
ยังคงอยู่ในฤดูกาล 2005/2006
จากผลงานในลีคที่เรียกว่าเกินความคาดหมาย เพราะหวังไว้แค่ว่ารอดตนชั้นถึงกลางตาราง หวังสูงสักหน่อยคือโอกาสไปยูโรป้าคัพสมัยที่ 2
แต่ไปๆมาๆกลับทำได้ดีจนเกือบลุ้นแชมป์ ก่อนที่จะมาหยุดตรงอันดับ 4 เพียงพอสำหรับไปแข่งขัน UCL ในปีหน้า แม้จะเริ่มจากรอบคัดเลือกก็ตาม
แต่นอกจากอันดับในลีคแล้ว
การแข่งปีนี้ก็ยังมีเรื่องน่าอัศจรรย์และประทับใจ 2 เรื่องอยู่ นั่นก็คือบอลถ้วนที่เรียกได้ว่าสร้างประวัติศาสตร์ของสโมสรๆไปเลย
เรื่องแรกคือ League Cup
ถ้วยที่ทำให้เราได้โอกาสมาเตะในรายการยุโรปทันทีที่ขึ้นมาถึงพรีเมียร์ลีคนั่นเอง
ปีนี้ก็ดูเหมือนว่า Northwich Victoria ก็ยังถูกชะตากับรายการที่ว่า มาดูเส้นทางการแข่งขันกันเลยดีกว่า
การแข่งของทีมเริ่มจากรอบที่ 3 เลย ซึ่งก็จับฉลากเจอกับ Rotherham ทีมระดับดิวิชัน 1
ถึงจะเจอทีมในระดับใกล้กัน แต่รูปเกมถือว่าขาดเลยทีเดียว เพราะทีมยิงไปถึง 25 ลูกและเข้ากรอบ 11 ลูก เป็นเหตุทำให้โกล์อีกฝ่ายได้คะแนนถึง 9 เลยทีเดียว เซฟกระจายแบบนั้น
แต่ในมุมกลับอีกฝ่ายยิง 5 ลูก เข้ากรอบ 1 ลูก ได้ 1 ประตู ก็เป็นอะไรที่น่าคิดเหมือนกันกับกองหลังและประตูเรา
รอบ 4 เจอทีม Bristol C ทีมระดับพรีเมียร์เหมือนกัน แต่เล่นนอกบ้าน
ทว่าผลก็ออกมาดีเกินคาด เมื่อชนะได้สบายๆ ถึง 4-1เลย
จริงๆแล้วก็เป็นเกมที่เหนื่อยเหมือนกันเพราะยิงนำไปก่อนก็จริง แต่โดนตีเสมอ 1-1 ในต้นครึ่งหลัง จนมีการแก้เกมนิดหน่อย 3 ลูกที่สร้างความแตกต่างถึงมาใน 10 นาทีสุดท้ายล้วนๆ
ในรอบนี้ก็ถือว่ามีการล้มยักษ์มากมาย
นิวคาสเซิ่ลแพ้ อาร์เซน่อลร่วง ลีดส์พ่าย เชลซีรองแชมป์ปีก่อนก็โดนล้มยักษ์ ลิเวอร์พูลก็ไปปราชัยเอาช่วงต่อเวลาพิเศษ
สรุปว่าแค่รอบ 4 เท่านั้นทีมแข็งๆก็ต้องถอนตัวกันยกใหญ่ เปิดโอกาสให้มีลุ้นแชมป์มากขึ้น
ทะลุมาถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายเจอกับ W.B.A. ที่ชื่อชั้นไม่ได้น่ากลัว แต่ผลงานลีคคัพก็ไม่เบาเลย เพราะผ่านมาได้ทั้งแมนยู และลีดส์ในรอบก่อนหน้า
แต่โชคดีที่เราได้เล่นในบ้านจึงได้เปรียบขึ้นมาอีกหน่อย
โดนยิงนำไปก่อนนาทีที่ 11 แต่ก็ยิงเสมอได้นาทีที่ 24 และก็นาทีที่ 40 ก็ได้ประตูเฉือนชนะ 2-1 มา
ได้เข้าสู่รอบ 4 ทีมสุดท้ายต่อไป
ในรอบ 4 ทีมสุดท้าย Northwich Vic. เจอกับ Burnley ทีมดิวิชั่น 1 ส่วนทีม Charlton เจอกับ Bolton ทีมระดับพรีเมียร์ลีคเหมือนกัน
โอกาสเป็นใจเหลือเกิน นัดแรกชนะฝืนนิดหน่อย 3-2 แต่นัดสองไปเยือนก็กดไป 4-2 ประตูรวม 7-4 ได้ชิงชนะเลิศกับชาร์ลตันที่ชนะโลตันด้วยประตูรวม 4-3
และแล้วทีมก็หลุดมาถึงรอบชิงด้วยฝีมือผสมโชค ที่ทีมใหญ่ๆทะยอยร่วงไปหมด เส้นทางสู่รอบสุดท้ายจึงไม่ยากเกินเอื้อม
และผลงานการพบกับชาร์ลตันเองก็ค่อยข้างเป็นไปในทางบวกเสียด้วย เรียกได้ว่ามีโอกาสชนะสูงกว่าแพ้ แต่ก็ไม่ประมาทในการจัดตัวล่ะนะ
เป็นการมาเหยียบในเวมบลีย์สองปีติด และปีนี้เด่นขึ้นเพราะมาในฐานะทีมแชมป์เก่าที่ปกป้องแชมป์อีกด้วย โดยมีผู้ชมเป็นสักขีพยานถึงหกหมื่นคนเป็นอย่างน้อย
รูปเกมครึ่งแรกออกไปในเชิงน่าอึดอัด เพราะทำอะไรกันไม่ได้ แม้ว่าทีมเราจะบุกหนักมากกว่า แต่ก็น่ากลัวจังหวะบอลสวนกลับอยู่เหมือนกัน
จนในนาทีที่ 48 มิคโคลี่ก็ยิงปลดล็อคให้ทีมนำ และในนาทีที่ 71 สกาลิดิสก็ซัดอีกตูมให้ทิ้งห่าง ก่อนที่กิสเลซันจะยิงฝังสนิทในนาทีที่ 82
ชนะ 3-0 และทำการป้องกันแชมป์ได้สำเร็จ! ด้วยทรงเกมที่แตกต่าง พยายามยิงประตู 21 ต่อ 3 กันเลยทีเดียว
ปีที่แล้วทีมระดับดิวิชัน1 หลุดมาคว้าชัยเหนือเชลซีได้แชมป์ว่าปาฏิหาริย์แล้ว
ปีนี้ทีมเดิมหลุดมาถึงรอบชิงได้อีก และคว้าแชมป์สมัยที่สองต่อกันได้ ถือว่าเป็นเรื่องที่อัศจรรย์ติดกันจริงๆ
เรื่องสองที่ต้องพูดถึงอีกก็คือ Eufa Cup
นี่ถือเป็นรายการบอลยุโรปอย่างเป็นทางการรายการแรกที่ทีมได้เข้าร่วม แถมแซงทีมในพรีเมียร์ลีคอันดับ 5-6 ที่ควรได้มาในฤดูกาลก่อนเสียด้วย
อย่างไรก็ดี ทีมเราได้สิทธิจากผู้ชนะบอลถ้วยจึงทำให้ต้องมาเริ่มจากรอบแรกเลย ซึ่งผลการจับฉลากก็ไปชนกับทีม Shakhter Soligorsk ทีมจากเบลารุส
ดูจากทีมแล้วน่าจะแบเบลอ แต่ว่าต้นฤดูกาลที่ทีมยังจูนไม่เข้าที่ก็เป็นปัญหากว่าที่คิด นัดแรกชนะ 5-0 ในบ้านคิดว่าลอยลำง่ายๆแล้ว แต่นัดสองที่ไปเยือนนั้นเกือบงานเข้าเพราะโดนนำไปก่อน 2-0 ว่าแย่ซ้ำด้วยกองกลางรับดันไปโดนใบแดงแต่ต้อนเกม กองหน้าที่ตั้งใจจะให้เกิดอย่าง Mellor ก็มาเจ็บตั้งแต่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงแรก แถมผู้รักษาประตูอีกฝ่ายก็ยังองค์ลงอีก ขนาดตีตื้นได้ 1 ประตู ยังได้ฟอร์ม 9 คว้าแมนออฟเดอะแมชต์ไปซะงั้น
แต่โดยรวมแล้วก็ยังถือว่าโอเค ชนะเข้ารอบได้ด้วยประตูรวม 6-3
นัดแห่งความเฮงซวย แต่โชคดีที่ตุนมาไว้เยอะ
ในรอบสอง ก็ได้เจอกับทีม Grasshopper Club Zurich ทีมจากสวิตเซอร์แลนด์ ที่มีประสบการณ์ทุกปีทั้งEufa และ UCL
แต่ว่าทางนี้เองในฐานะผู้จัดการทีมก็ผ่านประสบการณ์นี้มาโชกโชนไม่แพ้กัน เลยจัดทีมไม่ประมาทและเน้นผลไว้ก่อน ทำให้นัดแรกเก็บมาได้พอใจ 4-1
ส่วนนัดไปเยือนก็ชนะ 1-0 ทำให้ประตูรวม 5-1 เข้ารอบสามไปแบบสบายตัว
รอบที่สามได้ไปเจอกับทีม Halmstad BK จากลีคสวีเดน
เป็นทีมที่ไม่ค่อยคุ้นชื่อนักเพราะถ้าพูดถึงสวีเดนแล้วชื่อต้นๆที่คิดถึงมักจะเป็น Goteborg หรือ AIK มากกว่า
แต่เพราะความเป็นม้ามืดแบบนี้ล่ะที่น่ากลัว
ในเกมเปิดบ้านนั้นรูปเกมถือว่าสูสีมาก และทีมก็เอาตัวรอดด้วยการเบียดชนะได้ 2-1
มันเป็นสกอร์ที่ไม่น่าโล่งเอาเอาเสียเลย เพราะถ้านัดหน้าเกิดไปแพ้ 0-1 ก็ตกรอบได้เลย...
ซึ่งมันก็ยากสมกับที่กังวล เมื่อนัดที่ไปเยือนที่สวีเดนนั้น เกมเปิดหน้าแลกกันเลย
จังหวะทีมยังดีอยู่พอตัวที่ Skalidis กองหน้าตัวกลั่นที่ตั้งหวังไว้หายกลับมาแล้ว และก็ทำผลงานได้โดดเด่นในนัดนี้ด้วย
สกอร์สำหรับเข้ารอบต้องหวังขั้นต่ำที่เสมอเท่านั้น หรือถ้าแพ้ก็แพ้ด้วยการยิงประตูที่ 2 ลูกขึ้นไป
แต่ในนาทีที่ 17 Halmstad ก็ยิงนำไวไป 1-0 ทำให้ทางนี้ต้องรับความกดดันว่าถ้าไม่ตีตื้นก็จะตกรอบด้วยกฎ away goal ทันที
Gislason กองหน้าประจำทีมตั้งแต่ฤดูกาลก่อนก็ช่วยปลดความกดดันด้วยลูกตีเสมอในนาทีที่ 21
แต่ด้วยจุดโทษนาทีที่ 36 ทำให้ Halmstad พลิกนำอีกแล้ว แต่ก็ไม่เครียดมากแล้วเพราะประตูรวมคือ 3-3 จากนี้จะเข้ารอบหรือไม่ก็ขึ้นกับว่าใครจะยิงเพิ่มได้ โดยเฉพาะกับเรา แม้ว่าถ้าจะแพ้ 4-3 แต่ก็จะถือว่าได้ AG เข้ารอบไป ผลักภาระกดดันกลับไปทีมเจ้าบ้านทันที
ทว่าในนาทีที่ 44 เจ้าบ้านก็ยิงเพิ่มได้เป็น 3-1 และประตูรวมนำไปแล้ว ถ้าไม่ทำอะไรเพื่อกอบกู้ก็เตรียมตกรอบได้เลย เช่นนั้นแล้ว Skalidis ที่เพิ่งหายเจ็บมาหมาดๆก็ได้เคาะสนามลงในครึ่งหลังนี้เอง
และแล้วรูปเกมก็เปลี่ยนไป จากการปรับเกมและปรับตัวนักเตะ
เมื่อในนาทีที่ 47 Roman ปีกสเปนดาวรุ่งจากฤดูกาลก่อนก็ยิงตีตื้นมา 3-2 ทำให้กลับมาอยู่ในพื้นที่กฎ AG อีกครั้ง และพระเอกของทีม Skalidis ก็ยิงปิดฉากในนาทีที่ 80 ทำให้ทีมกลับมาเสมออีกครั้ง และชนะด้วยประตูทีมรวมไป 5-4 แบบสุดเหนื่อย
ผ่านเกมสุดเหนื่อยมาถึงรอบ 5 ได้ แต่งานนี้ก็ยังคงยากเสมอ เมื่อต้องมาเจอกับทีม Betis จากสเปน
ทีมอันดับ 5 ของลีคสเปนในปีก่อน ในทีมเองก็มีดาวเด่นอย่าง เดนิลสัน และโรนัลดินโญ่ด้วย กองกลางเป็นอัสซุนเซา กองหน้าก็คือดาวรุ่งสุดฮอตอย่างเฟอร์นันโด ตอเรส กองหลังก็มีแมสเซลเดอร์ วิงแบ็กอย่างโจอาควิน ซานเชสอีก เรียกได้ว่าน่ากลัวแทบทุกตำแหน่ง
แต่ทว่าพอเล่นแล้วรูปเกมกลับไม่แตกต่าง อาจเป็นเพราะเบติสเล่นแผน 4-5-1 ห้อยกองหน้าตัวเดียวแบบรัดกุมไว้เป็นตัวตั้งต้น ทีมเราเลยไม่เจอเกมรุกที่กดดันอะไรแล้ว
แล้วจังหวะก็แสนเป็นใจ เมื่อเกมนี้ดุดันจนใบเหลืองกระจาย และใบแดงว่อน
ชนะแบบสบายๆ 2-0 ทำให้ได้ตุนทั้งประตู และตัดกำลังด้วยนักเตะอีกฝ่ายที่จะถูกแบนในนัดหน้า ซึ่งทั้งแมสเซลเดอร์ และอัสซุนเซาก็เป็นตัวสำคัญของเบติสจริงๆครับ โจอาควินเองก็โดนใบเหลืองครบโควต้าทำให้ถูกแบนอีกคน
ในนัดที่ 2 จึงดูสบาย ยิ่งอีกฝ่ายเน้นเกมรับด้วยแล้ว พอมาถึงฝืนรุกทั้งที่ทีมไม่พร้อม ก็เลยดูไม่เป็นระบบนัก
แล้ว Skalidis เป็นผู้สร้างความแตกต่างด้วยการยิง 2 ลูกให้ทีมพลิกชนะ 2-1 ประตูรวม 4-1 ในรูปเกมที่เหนือกว่า
ผ่านทีมแกร่งจากสเปนมาได้ ก็มีงานหนักรออยู่ต่อเนื่อง เมื่อรอบที่ 6 นั้นต้องเจอกับทีม Olympiakos ยอดทีมยักษ์ใหญ่แห่งกรีซ ที่เคยทำประวัติคว้าแชมป์ลีค 9 ปีติดตั้งแต่ปี 1996 ถึง 2004
แต่ส่วนตัวแล้วไม่ได้คิดว่าจะเป็นการแข่งที่ขับเคี่ยวอะไรขนาดนั้น เพราะต้นฤดูกาลก็เพิ่งเจอกันในนัดกระชับมิตรมา แล้วทีมเราก็ชนะไป 4-0 แบบขาดลอย แม้ตอนนั้นจะไม่ใช่ชุดจริงทั้งหมดก็เถอะ แต่ทางเราเองก็ไม่ได้จริงทั้งหมดเหมือนกัน
และผลการแข่งนัดแรกก็เป็นเช่นที่คิด
ชนะ 3-0 ในรูปเกมที่แตกต่างชัดเจน
2ลูกจาก Skalidis และ 1 ลูกจาก Gislason ในถิ่นของ กอส ทำให้ทีมมีลุ้นผ่านรอบต่อไปมากๆ
และนัด 2 ในบ้านเราเองก็เปิดเกมรุกใส่ไม่ยั้งเช่นกัน
แม้ว่าจะจบที่ 1-0 แค่ประตูรวม 4-0 ก็ขาดได้ใจแล้วล่ะ
รุกไม่รุก ดูคะแนนโกล์ของกอสก็ชี้ชัดล่ะครับ
ยอมรับเลยว่าดูจากทีมที่เข้ารอบแล้วไม่ได้หวังสูงขนาดได้แชมป์เลย แม้ว่าจะใกล้ปลายทางเต็มที อีกแค่ 3 นัดเท่านั้น... นั่นเป็นเพราะเข้าใจถึงความแตกต่างของคุณภาพนักเตะอยู่
ตอนนี้ผลการจับคู่รอบ 4 ทีมสุดท้าย Northwich Vic. เจอกับทีม Roma ของอิตาลี ขณะที่อีกฟากเป็น Bayern ยอดทีมจากเยอรมันก็จะพบกับ Juventus ยอดทีมอิตาลี แลดูทีมเราจะรองบ่อนสุดเลย
แต่ฟุตบอลลูกกลมๆ อะไรก็เกิดขึ้นได้
ในนัดแรกที่ต้องไปเยือนสนามโอลิมปิโก้... โรม่าจัดเต็มมาก ส่งลงทั้ง เดลลาส โทมาซี่ มอนเตล่า นอยวิล...
ครึ่งแรกเกมทำท่าจะสูสี แต่แล้วก็มีจุดเปลี่ยนเกิดขึ้นเมื่อโรม่าเหลือ 10 คน จากการที่เดลลาส กองหลังสุดแกร่งของทีมถูกไล่ออกในนาทีที่ 40
และในนาทีที่ 51 มิคโลลี่ก็ยิงประตูชัยให้ทีมชนะได้แบบเหนือความคาดหมาย
ภารกิจสำเร็จไปค่อนทาง
พอนัดที่ 2 โรม่ามาเยือนถิ่้น Wincham Park นัดนี้ทีมขวัญกำลังใจดีเยี่ยม ในนาทีที่ 10 แบ็กขวา Rowson ก็ยิงนำไปก่อน จากนั้นกองกลางรุก Henderson ก็ซัดอีกตูมให้ห่าง 2-0 สกอร์รวม 3-0 เท่ากับว่าหากโรม่าจะชนะให้ได้ต้องยิงถึง 3 ประตูเพื่อเสมอ 3-3 แล้วผ่านไปด้วย AG
แต่ทรงเกมเป็นใจ แม้ว่าครึ่งหลังจะถูกไล่ออกไปคน แต่โรม่าก็ตีมาได้แค่ 1 ลูกเท่านั้น
ประตูรวม 3-1 เข้ารอบชิงไปแบบที่หลายคนคาดไม่ถึง
และในอีกฟาก Juventus ก็ผ่าน Bayern มาได้ด้วยสกอร์รวม 3-2 ได้คู่รอบชิงแล้ว..
Northwich Vic เจอกับ Juventus ในวันที่ 17 พฤษภาคม 2006 ณ สนาม Hampden Park ของเมือง Grasgow
ก่อนจะแข่งนั้นก็ต้องว่าทีมคู่แข่งเป็นทีมแปลกๆอย่าง จูเว่เป็นยอดทีมของอิตาลีแน่นอน และคว้าพื้นที่ไป UCL ได้ตลอดในปี 2001/2 จบอันดับ 4 ในลีค ต่อมาในปี 2002/3 และ 2003/4 ได้อันดับ3 แต่ในปี 2004/5 ผลงานดรอปไปพอตัวอยู่อันดับ 6
แต่ในปีนี้ ผลงานกลับแย่สุดขั้นจนอยู่ในโซนตกชั้น และตกจริงๆหลังลีคปิดฤดูกาลด้วย อันดับ 16
อย่างไรก็ดี ผลงานในลีคกับในถ้วยก็ไม่อยากใช้วัดกันได้ เพราะบอลนัดเดียวอะไรก็เกิดขึ้นได้
ยูเว่ยังมีนักเตะระดับโลกและเก่งๆอยู่เต็มทีม ผู้รักษาประตูบุฟฟ่อน กองหลัง ยูเรียโน่ กองกลางมีทัคคินาดี้ ซามบรอสต้า คิลลี่กอนซาเลส ฟิโอเร่ คอนไซเซา กองหน้าก็ยังดุดันทั้ง เดลปิเอโร่ ดิวาโย่ ซาลาส และ เทรเซเก้ต์
ดูจากตัวนักเตะแล้ว ถ้าบอกว่าผลงานสุดท้ายจะตกชั้น พูดไปก็คงเชื่อไมลง
แต่หากจะมีจุดได้เปรียบคือขวัญกำลังใจของนักเตะล่ะนะ เพราะทางเรากำลังฮึกเหิมเต็มที่ มีลุ้นถึง 3 ถ้วยเลย และก่อนหน้านี้ก็เพิ่งคว้าลีคคัพไปหมาด ขณะที่ยูเว่ยังต้องลุ้นหนีตกชั้นแทน
และการลงสนามแบบฟูลทีมทั้งสองฝ่าย ก็เห็นผลแตกต่างแต่ครึ่งแรกเลย เมื่อนาทีที่ 3 Gislason ยิงนำไปอย่างรวดเร็ว
Henderson ยิงเพิ่มในนาทีที่ 63 แล้วฝังซ้ำด้วย Gislason คนเดิมในนาทีที่ 83 ก่อนที่ Salas จะตีไข่แตกให้ยูเว่เป็น 3-1 ในนาทีที่ 85 แต่ก็สายเกินไปแล้ว
เมื่อครบ 90 นาที ชัยชนะก็ตกเป็นของทีม Nothwich Vic. อย่างเป็นเอกฉันท์
ซึ่งจริงน่าจะแน่นอนตั้งแต่ลูกที่ 2 นาทีที่ 63 แล้ว
รูปแบบขาดอย่างชัดเจน ท่าทางจะช็อตจริงๆ และใช้แรงฮึดไปหมดกับนัดเจอบาเยิร์นแล้ว นัดนี้เลยเป็นจังหวะดีของทีมเรา
และก็ทำให้คว้าแชมป์ Eufa มาครองสำเร็จในสมัยแรกที่ได้เข้าร่วม ซึ่งเป็นถ้วยที่ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้เอามาสะสมในตู้ได้อีกไหม เพราะทีมเข้าที่แล้วก็อาจได้ไป UCL แทน และโอกาสทะลุมาถึงรอบนี้ได้ก็ไม่ใช่ง่ายๆ
ก็ถือว่าเป็นปีแห่งความสำเร็จจริงๆ ปีเดียวได้ทั้งผลงานในลีค และกวาดมา 2 ถ้วยสำคัญในฤดูกาลเดียว
ผลงานภาพรวมก็พุ่งทะยานขึ้นอันดับ 2 เลยทีเดียว เป็นของ ปรันเดลลี่ ของปาร์ม่าที่ทำทีมคว้าแชมป์ UCL ได้
ปีหน้าชื่อเสียงคงยกระดับจาก Superb ในลีคเป็น World Class ก็เป็นได้
ส่วนระดับโลกแล้วอาจขยับจาก Good เป็นดีกว่านั้นแทน
ก็ต้องมาดูต่อในผลงานทีมชาติกันครับ ซึ่งเมื่อปลายปี 2005 ผมได้สมัครเป็น ผู้จัดการทีมชาติอเมริกา ดู และทางอเมริกาก็ตอบรับเสียด้วยสิ
ซึ่งงานที่รออยู่ก็คือ บอลโลกในปี 2006 นี้เอง
จากผลงานในลีคที่เรียกว่าเกินความคาดหมาย เพราะหวังไว้แค่ว่ารอดตนชั้นถึงกลางตาราง หวังสูงสักหน่อยคือโอกาสไปยูโรป้าคัพสมัยที่ 2
แต่ไปๆมาๆกลับทำได้ดีจนเกือบลุ้นแชมป์ ก่อนที่จะมาหยุดตรงอันดับ 4 เพียงพอสำหรับไปแข่งขัน UCL ในปีหน้า แม้จะเริ่มจากรอบคัดเลือกก็ตาม
แต่นอกจากอันดับในลีคแล้ว
การแข่งปีนี้ก็ยังมีเรื่องน่าอัศจรรย์และประทับใจ 2 เรื่องอยู่ นั่นก็คือบอลถ้วนที่เรียกได้ว่าสร้างประวัติศาสตร์ของสโมสรๆไปเลย
เรื่องแรกคือ League Cup
ถ้วยที่ทำให้เราได้โอกาสมาเตะในรายการยุโรปทันทีที่ขึ้นมาถึงพรีเมียร์ลีคนั่นเอง
ปีนี้ก็ดูเหมือนว่า Northwich Victoria ก็ยังถูกชะตากับรายการที่ว่า มาดูเส้นทางการแข่งขันกันเลยดีกว่า
การแข่งของทีมเริ่มจากรอบที่ 3 เลย ซึ่งก็จับฉลากเจอกับ Rotherham ทีมระดับดิวิชัน 1
ถึงจะเจอทีมในระดับใกล้กัน แต่รูปเกมถือว่าขาดเลยทีเดียว เพราะทีมยิงไปถึง 25 ลูกและเข้ากรอบ 11 ลูก เป็นเหตุทำให้โกล์อีกฝ่ายได้คะแนนถึง 9 เลยทีเดียว เซฟกระจายแบบนั้น
แต่ในมุมกลับอีกฝ่ายยิง 5 ลูก เข้ากรอบ 1 ลูก ได้ 1 ประตู ก็เป็นอะไรที่น่าคิดเหมือนกันกับกองหลังและประตูเรา
รอบ 4 เจอทีม Bristol C ทีมระดับพรีเมียร์เหมือนกัน แต่เล่นนอกบ้าน
ทว่าผลก็ออกมาดีเกินคาด เมื่อชนะได้สบายๆ ถึง 4-1เลย
จริงๆแล้วก็เป็นเกมที่เหนื่อยเหมือนกันเพราะยิงนำไปก่อนก็จริง แต่โดนตีเสมอ 1-1 ในต้นครึ่งหลัง จนมีการแก้เกมนิดหน่อย 3 ลูกที่สร้างความแตกต่างถึงมาใน 10 นาทีสุดท้ายล้วนๆ
ในรอบนี้ก็ถือว่ามีการล้มยักษ์มากมาย
นิวคาสเซิ่ลแพ้ อาร์เซน่อลร่วง ลีดส์พ่าย เชลซีรองแชมป์ปีก่อนก็โดนล้มยักษ์ ลิเวอร์พูลก็ไปปราชัยเอาช่วงต่อเวลาพิเศษ
สรุปว่าแค่รอบ 4 เท่านั้นทีมแข็งๆก็ต้องถอนตัวกันยกใหญ่ เปิดโอกาสให้มีลุ้นแชมป์มากขึ้น
ทะลุมาถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายเจอกับ W.B.A. ที่ชื่อชั้นไม่ได้น่ากลัว แต่ผลงานลีคคัพก็ไม่เบาเลย เพราะผ่านมาได้ทั้งแมนยู และลีดส์ในรอบก่อนหน้า
แต่โชคดีที่เราได้เล่นในบ้านจึงได้เปรียบขึ้นมาอีกหน่อย
โดนยิงนำไปก่อนนาทีที่ 11 แต่ก็ยิงเสมอได้นาทีที่ 24 และก็นาทีที่ 40 ก็ได้ประตูเฉือนชนะ 2-1 มา
ได้เข้าสู่รอบ 4 ทีมสุดท้ายต่อไป
ในรอบ 4 ทีมสุดท้าย Northwich Vic. เจอกับ Burnley ทีมดิวิชั่น 1 ส่วนทีม Charlton เจอกับ Bolton ทีมระดับพรีเมียร์ลีคเหมือนกัน
โอกาสเป็นใจเหลือเกิน นัดแรกชนะฝืนนิดหน่อย 3-2 แต่นัดสองไปเยือนก็กดไป 4-2 ประตูรวม 7-4 ได้ชิงชนะเลิศกับชาร์ลตันที่ชนะโลตันด้วยประตูรวม 4-3
และแล้วทีมก็หลุดมาถึงรอบชิงด้วยฝีมือผสมโชค ที่ทีมใหญ่ๆทะยอยร่วงไปหมด เส้นทางสู่รอบสุดท้ายจึงไม่ยากเกินเอื้อม
และผลงานการพบกับชาร์ลตันเองก็ค่อยข้างเป็นไปในทางบวกเสียด้วย เรียกได้ว่ามีโอกาสชนะสูงกว่าแพ้ แต่ก็ไม่ประมาทในการจัดตัวล่ะนะ
เป็นการมาเหยียบในเวมบลีย์สองปีติด และปีนี้เด่นขึ้นเพราะมาในฐานะทีมแชมป์เก่าที่ปกป้องแชมป์อีกด้วย โดยมีผู้ชมเป็นสักขีพยานถึงหกหมื่นคนเป็นอย่างน้อย
รูปเกมครึ่งแรกออกไปในเชิงน่าอึดอัด เพราะทำอะไรกันไม่ได้ แม้ว่าทีมเราจะบุกหนักมากกว่า แต่ก็น่ากลัวจังหวะบอลสวนกลับอยู่เหมือนกัน
จนในนาทีที่ 48 มิคโคลี่ก็ยิงปลดล็อคให้ทีมนำ และในนาทีที่ 71 สกาลิดิสก็ซัดอีกตูมให้ทิ้งห่าง ก่อนที่กิสเลซันจะยิงฝังสนิทในนาทีที่ 82
ชนะ 3-0 และทำการป้องกันแชมป์ได้สำเร็จ! ด้วยทรงเกมที่แตกต่าง พยายามยิงประตู 21 ต่อ 3 กันเลยทีเดียว
ปีที่แล้วทีมระดับดิวิชัน1 หลุดมาคว้าชัยเหนือเชลซีได้แชมป์ว่าปาฏิหาริย์แล้ว
ปีนี้ทีมเดิมหลุดมาถึงรอบชิงได้อีก และคว้าแชมป์สมัยที่สองต่อกันได้ ถือว่าเป็นเรื่องที่อัศจรรย์ติดกันจริงๆ
เรื่องสองที่ต้องพูดถึงอีกก็คือ Eufa Cup
นี่ถือเป็นรายการบอลยุโรปอย่างเป็นทางการรายการแรกที่ทีมได้เข้าร่วม แถมแซงทีมในพรีเมียร์ลีคอันดับ 5-6 ที่ควรได้มาในฤดูกาลก่อนเสียด้วย
อย่างไรก็ดี ทีมเราได้สิทธิจากผู้ชนะบอลถ้วยจึงทำให้ต้องมาเริ่มจากรอบแรกเลย ซึ่งผลการจับฉลากก็ไปชนกับทีม Shakhter Soligorsk ทีมจากเบลารุส
ดูจากทีมแล้วน่าจะแบเบลอ แต่ว่าต้นฤดูกาลที่ทีมยังจูนไม่เข้าที่ก็เป็นปัญหากว่าที่คิด นัดแรกชนะ 5-0 ในบ้านคิดว่าลอยลำง่ายๆแล้ว แต่นัดสองที่ไปเยือนนั้นเกือบงานเข้าเพราะโดนนำไปก่อน 2-0 ว่าแย่ซ้ำด้วยกองกลางรับดันไปโดนใบแดงแต่ต้อนเกม กองหน้าที่ตั้งใจจะให้เกิดอย่าง Mellor ก็มาเจ็บตั้งแต่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงแรก แถมผู้รักษาประตูอีกฝ่ายก็ยังองค์ลงอีก ขนาดตีตื้นได้ 1 ประตู ยังได้ฟอร์ม 9 คว้าแมนออฟเดอะแมชต์ไปซะงั้น
แต่โดยรวมแล้วก็ยังถือว่าโอเค ชนะเข้ารอบได้ด้วยประตูรวม 6-3
นัดแห่งความเฮงซวย แต่โชคดีที่ตุนมาไว้เยอะ
ในรอบสอง ก็ได้เจอกับทีม Grasshopper Club Zurich ทีมจากสวิตเซอร์แลนด์ ที่มีประสบการณ์ทุกปีทั้งEufa และ UCL
แต่ว่าทางนี้เองในฐานะผู้จัดการทีมก็ผ่านประสบการณ์นี้มาโชกโชนไม่แพ้กัน เลยจัดทีมไม่ประมาทและเน้นผลไว้ก่อน ทำให้นัดแรกเก็บมาได้พอใจ 4-1
ส่วนนัดไปเยือนก็ชนะ 1-0 ทำให้ประตูรวม 5-1 เข้ารอบสามไปแบบสบายตัว
รอบที่สามได้ไปเจอกับทีม Halmstad BK จากลีคสวีเดน
เป็นทีมที่ไม่ค่อยคุ้นชื่อนักเพราะถ้าพูดถึงสวีเดนแล้วชื่อต้นๆที่คิดถึงมักจะเป็น Goteborg หรือ AIK มากกว่า
แต่เพราะความเป็นม้ามืดแบบนี้ล่ะที่น่ากลัว
ในเกมเปิดบ้านนั้นรูปเกมถือว่าสูสีมาก และทีมก็เอาตัวรอดด้วยการเบียดชนะได้ 2-1
มันเป็นสกอร์ที่ไม่น่าโล่งเอาเอาเสียเลย เพราะถ้านัดหน้าเกิดไปแพ้ 0-1 ก็ตกรอบได้เลย...
ซึ่งมันก็ยากสมกับที่กังวล เมื่อนัดที่ไปเยือนที่สวีเดนนั้น เกมเปิดหน้าแลกกันเลย
จังหวะทีมยังดีอยู่พอตัวที่ Skalidis กองหน้าตัวกลั่นที่ตั้งหวังไว้หายกลับมาแล้ว และก็ทำผลงานได้โดดเด่นในนัดนี้ด้วย
สกอร์สำหรับเข้ารอบต้องหวังขั้นต่ำที่เสมอเท่านั้น หรือถ้าแพ้ก็แพ้ด้วยการยิงประตูที่ 2 ลูกขึ้นไป
แต่ในนาทีที่ 17 Halmstad ก็ยิงนำไวไป 1-0 ทำให้ทางนี้ต้องรับความกดดันว่าถ้าไม่ตีตื้นก็จะตกรอบด้วยกฎ away goal ทันที
Gislason กองหน้าประจำทีมตั้งแต่ฤดูกาลก่อนก็ช่วยปลดความกดดันด้วยลูกตีเสมอในนาทีที่ 21
แต่ด้วยจุดโทษนาทีที่ 36 ทำให้ Halmstad พลิกนำอีกแล้ว แต่ก็ไม่เครียดมากแล้วเพราะประตูรวมคือ 3-3 จากนี้จะเข้ารอบหรือไม่ก็ขึ้นกับว่าใครจะยิงเพิ่มได้ โดยเฉพาะกับเรา แม้ว่าถ้าจะแพ้ 4-3 แต่ก็จะถือว่าได้ AG เข้ารอบไป ผลักภาระกดดันกลับไปทีมเจ้าบ้านทันที
ทว่าในนาทีที่ 44 เจ้าบ้านก็ยิงเพิ่มได้เป็น 3-1 และประตูรวมนำไปแล้ว ถ้าไม่ทำอะไรเพื่อกอบกู้ก็เตรียมตกรอบได้เลย เช่นนั้นแล้ว Skalidis ที่เพิ่งหายเจ็บมาหมาดๆก็ได้เคาะสนามลงในครึ่งหลังนี้เอง
และแล้วรูปเกมก็เปลี่ยนไป จากการปรับเกมและปรับตัวนักเตะ
เมื่อในนาทีที่ 47 Roman ปีกสเปนดาวรุ่งจากฤดูกาลก่อนก็ยิงตีตื้นมา 3-2 ทำให้กลับมาอยู่ในพื้นที่กฎ AG อีกครั้ง และพระเอกของทีม Skalidis ก็ยิงปิดฉากในนาทีที่ 80 ทำให้ทีมกลับมาเสมออีกครั้ง และชนะด้วยประตูทีมรวมไป 5-4 แบบสุดเหนื่อย
ผ่านเกมสุดเหนื่อยมาถึงรอบ 5 ได้ แต่งานนี้ก็ยังคงยากเสมอ เมื่อต้องมาเจอกับทีม Betis จากสเปน
ทีมอันดับ 5 ของลีคสเปนในปีก่อน ในทีมเองก็มีดาวเด่นอย่าง เดนิลสัน และโรนัลดินโญ่ด้วย กองกลางเป็นอัสซุนเซา กองหน้าก็คือดาวรุ่งสุดฮอตอย่างเฟอร์นันโด ตอเรส กองหลังก็มีแมสเซลเดอร์ วิงแบ็กอย่างโจอาควิน ซานเชสอีก เรียกได้ว่าน่ากลัวแทบทุกตำแหน่ง
แต่ทว่าพอเล่นแล้วรูปเกมกลับไม่แตกต่าง อาจเป็นเพราะเบติสเล่นแผน 4-5-1 ห้อยกองหน้าตัวเดียวแบบรัดกุมไว้เป็นตัวตั้งต้น ทีมเราเลยไม่เจอเกมรุกที่กดดันอะไรแล้ว
แล้วจังหวะก็แสนเป็นใจ เมื่อเกมนี้ดุดันจนใบเหลืองกระจาย และใบแดงว่อน
ชนะแบบสบายๆ 2-0 ทำให้ได้ตุนทั้งประตู และตัดกำลังด้วยนักเตะอีกฝ่ายที่จะถูกแบนในนัดหน้า ซึ่งทั้งแมสเซลเดอร์ และอัสซุนเซาก็เป็นตัวสำคัญของเบติสจริงๆครับ โจอาควินเองก็โดนใบเหลืองครบโควต้าทำให้ถูกแบนอีกคน
ในนัดที่ 2 จึงดูสบาย ยิ่งอีกฝ่ายเน้นเกมรับด้วยแล้ว พอมาถึงฝืนรุกทั้งที่ทีมไม่พร้อม ก็เลยดูไม่เป็นระบบนัก
แล้ว Skalidis เป็นผู้สร้างความแตกต่างด้วยการยิง 2 ลูกให้ทีมพลิกชนะ 2-1 ประตูรวม 4-1 ในรูปเกมที่เหนือกว่า
ผ่านทีมแกร่งจากสเปนมาได้ ก็มีงานหนักรออยู่ต่อเนื่อง เมื่อรอบที่ 6 นั้นต้องเจอกับทีม Olympiakos ยอดทีมยักษ์ใหญ่แห่งกรีซ ที่เคยทำประวัติคว้าแชมป์ลีค 9 ปีติดตั้งแต่ปี 1996 ถึง 2004
แต่ส่วนตัวแล้วไม่ได้คิดว่าจะเป็นการแข่งที่ขับเคี่ยวอะไรขนาดนั้น เพราะต้นฤดูกาลก็เพิ่งเจอกันในนัดกระชับมิตรมา แล้วทีมเราก็ชนะไป 4-0 แบบขาดลอย แม้ตอนนั้นจะไม่ใช่ชุดจริงทั้งหมดก็เถอะ แต่ทางเราเองก็ไม่ได้จริงทั้งหมดเหมือนกัน
และผลการแข่งนัดแรกก็เป็นเช่นที่คิด
ชนะ 3-0 ในรูปเกมที่แตกต่างชัดเจน
2ลูกจาก Skalidis และ 1 ลูกจาก Gislason ในถิ่นของ กอส ทำให้ทีมมีลุ้นผ่านรอบต่อไปมากๆ
และนัด 2 ในบ้านเราเองก็เปิดเกมรุกใส่ไม่ยั้งเช่นกัน
แม้ว่าจะจบที่ 1-0 แค่ประตูรวม 4-0 ก็ขาดได้ใจแล้วล่ะ
รุกไม่รุก ดูคะแนนโกล์ของกอสก็ชี้ชัดล่ะครับ
ยอมรับเลยว่าดูจากทีมที่เข้ารอบแล้วไม่ได้หวังสูงขนาดได้แชมป์เลย แม้ว่าจะใกล้ปลายทางเต็มที อีกแค่ 3 นัดเท่านั้น... นั่นเป็นเพราะเข้าใจถึงความแตกต่างของคุณภาพนักเตะอยู่
ตอนนี้ผลการจับคู่รอบ 4 ทีมสุดท้าย Northwich Vic. เจอกับทีม Roma ของอิตาลี ขณะที่อีกฟากเป็น Bayern ยอดทีมจากเยอรมันก็จะพบกับ Juventus ยอดทีมอิตาลี แลดูทีมเราจะรองบ่อนสุดเลย
แต่ฟุตบอลลูกกลมๆ อะไรก็เกิดขึ้นได้
ในนัดแรกที่ต้องไปเยือนสนามโอลิมปิโก้... โรม่าจัดเต็มมาก ส่งลงทั้ง เดลลาส โทมาซี่ มอนเตล่า นอยวิล...
ครึ่งแรกเกมทำท่าจะสูสี แต่แล้วก็มีจุดเปลี่ยนเกิดขึ้นเมื่อโรม่าเหลือ 10 คน จากการที่เดลลาส กองหลังสุดแกร่งของทีมถูกไล่ออกในนาทีที่ 40
และในนาทีที่ 51 มิคโลลี่ก็ยิงประตูชัยให้ทีมชนะได้แบบเหนือความคาดหมาย
ภารกิจสำเร็จไปค่อนทาง
พอนัดที่ 2 โรม่ามาเยือนถิ่้น Wincham Park นัดนี้ทีมขวัญกำลังใจดีเยี่ยม ในนาทีที่ 10 แบ็กขวา Rowson ก็ยิงนำไปก่อน จากนั้นกองกลางรุก Henderson ก็ซัดอีกตูมให้ห่าง 2-0 สกอร์รวม 3-0 เท่ากับว่าหากโรม่าจะชนะให้ได้ต้องยิงถึง 3 ประตูเพื่อเสมอ 3-3 แล้วผ่านไปด้วย AG
แต่ทรงเกมเป็นใจ แม้ว่าครึ่งหลังจะถูกไล่ออกไปคน แต่โรม่าก็ตีมาได้แค่ 1 ลูกเท่านั้น
ประตูรวม 3-1 เข้ารอบชิงไปแบบที่หลายคนคาดไม่ถึง
และในอีกฟาก Juventus ก็ผ่าน Bayern มาได้ด้วยสกอร์รวม 3-2 ได้คู่รอบชิงแล้ว..
Northwich Vic เจอกับ Juventus ในวันที่ 17 พฤษภาคม 2006 ณ สนาม Hampden Park ของเมือง Grasgow
ก่อนจะแข่งนั้นก็ต้องว่าทีมคู่แข่งเป็นทีมแปลกๆอย่าง จูเว่เป็นยอดทีมของอิตาลีแน่นอน และคว้าพื้นที่ไป UCL ได้ตลอดในปี 2001/2 จบอันดับ 4 ในลีค ต่อมาในปี 2002/3 และ 2003/4 ได้อันดับ3 แต่ในปี 2004/5 ผลงานดรอปไปพอตัวอยู่อันดับ 6
แต่ในปีนี้ ผลงานกลับแย่สุดขั้นจนอยู่ในโซนตกชั้น และตกจริงๆหลังลีคปิดฤดูกาลด้วย อันดับ 16
อย่างไรก็ดี ผลงานในลีคกับในถ้วยก็ไม่อยากใช้วัดกันได้ เพราะบอลนัดเดียวอะไรก็เกิดขึ้นได้
ยูเว่ยังมีนักเตะระดับโลกและเก่งๆอยู่เต็มทีม ผู้รักษาประตูบุฟฟ่อน กองหลัง ยูเรียโน่ กองกลางมีทัคคินาดี้ ซามบรอสต้า คิลลี่กอนซาเลส ฟิโอเร่ คอนไซเซา กองหน้าก็ยังดุดันทั้ง เดลปิเอโร่ ดิวาโย่ ซาลาส และ เทรเซเก้ต์
ดูจากตัวนักเตะแล้ว ถ้าบอกว่าผลงานสุดท้ายจะตกชั้น พูดไปก็คงเชื่อไมลง
แต่หากจะมีจุดได้เปรียบคือขวัญกำลังใจของนักเตะล่ะนะ เพราะทางเรากำลังฮึกเหิมเต็มที่ มีลุ้นถึง 3 ถ้วยเลย และก่อนหน้านี้ก็เพิ่งคว้าลีคคัพไปหมาด ขณะที่ยูเว่ยังต้องลุ้นหนีตกชั้นแทน
และการลงสนามแบบฟูลทีมทั้งสองฝ่าย ก็เห็นผลแตกต่างแต่ครึ่งแรกเลย เมื่อนาทีที่ 3 Gislason ยิงนำไปอย่างรวดเร็ว
Henderson ยิงเพิ่มในนาทีที่ 63 แล้วฝังซ้ำด้วย Gislason คนเดิมในนาทีที่ 83 ก่อนที่ Salas จะตีไข่แตกให้ยูเว่เป็น 3-1 ในนาทีที่ 85 แต่ก็สายเกินไปแล้ว
เมื่อครบ 90 นาที ชัยชนะก็ตกเป็นของทีม Nothwich Vic. อย่างเป็นเอกฉันท์
ซึ่งจริงน่าจะแน่นอนตั้งแต่ลูกที่ 2 นาทีที่ 63 แล้ว
รูปแบบขาดอย่างชัดเจน ท่าทางจะช็อตจริงๆ และใช้แรงฮึดไปหมดกับนัดเจอบาเยิร์นแล้ว นัดนี้เลยเป็นจังหวะดีของทีมเรา
และก็ทำให้คว้าแชมป์ Eufa มาครองสำเร็จในสมัยแรกที่ได้เข้าร่วม ซึ่งเป็นถ้วยที่ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้เอามาสะสมในตู้ได้อีกไหม เพราะทีมเข้าที่แล้วก็อาจได้ไป UCL แทน และโอกาสทะลุมาถึงรอบนี้ได้ก็ไม่ใช่ง่ายๆ
ก็ถือว่าเป็นปีแห่งความสำเร็จจริงๆ ปีเดียวได้ทั้งผลงานในลีค และกวาดมา 2 ถ้วยสำคัญในฤดูกาลเดียว
ผลงานภาพรวมก็พุ่งทะยานขึ้นอันดับ 2 เลยทีเดียว เป็นของ ปรันเดลลี่ ของปาร์ม่าที่ทำทีมคว้าแชมป์ UCL ได้
ปีหน้าชื่อเสียงคงยกระดับจาก Superb ในลีคเป็น World Class ก็เป็นได้
ส่วนระดับโลกแล้วอาจขยับจาก Good เป็นดีกว่านั้นแทน
ก็ต้องมาดูต่อในผลงานทีมชาติกันครับ ซึ่งเมื่อปลายปี 2005 ผมได้สมัครเป็น ผู้จัดการทีมชาติอเมริกา ดู และทางอเมริกาก็ตอบรับเสียด้วยสิ
ซึ่งงานที่รออยู่ก็คือ บอลโลกในปี 2006 นี้เอง
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น