ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    KELfer Online

    ลำดับตอนที่ #3 : Training Day

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 450
      3
      14 ก.ย. 56

    KELfer Online

    ตอน 03 - Training Day

    ------------------------------

    ACP

    กันยาทวนซ้ำในสิ่งที่ได้ยินมา โดยมองไปยังแท็บเล็ตพิเศษที่ติดแขนอยู่

    "ใช่ฮะ... Arm Control Panel หรือ ACP มันคืออุปกรณ์พิเศษใช้แสดงสถานะโดยรวมของเราตอนนี้" เมดหนุ่มในเครื่องแบบสาวรับใช้แนะนำ "เราสามารถเลือกวิธีแสดงผลแบบตลอดเวลาได้จากหน้าเมนูนะครับ"

    "อืม..." กันยาขยับนิ้วไปที่เมนูแล้วลากลงมา ซึ่งมันจะมีโหมดแสดงผลให้เลือก

    "นั่นล่ะฮะ" เมดมองตามใกล้ชิด "ลองกดแสดงสถานะแบบตลอดเวลาดูสิฮะ"

    "อย่างนี้นะ" กันยากดตกลง

     

    จากนั้นก็มีกรอบจัตุรัสขนาดหนึ่งศอกปรากฏขึ้นหน้า เยื้องไปทางซ้ายเล็กน้อย มันเป็นเหมือนกระจกโปร่งใส ซึ่งเมื่อลองใช้มือเหยียดไปจับแล้ว มันก็มีสภาพเช่นเดียวกับ ACP ที่ติดแขนเขา

    "อุปกรณ์นี้แสดงสถานะวัตถุพิเศษ ถ้าเปรียบกับคอมฯแล้วก็น่าจะเป็นพวก Read Only อะไรประมาณนั้นล่ะฮะ"

    "เข้าใจล่ะ สามารถเห็นค่าพลังได้ในเวลาสู้โดยไม่บดบังทัศนะการมองเห็น แล้วก็ไม่ต้องกังวลว่าจะมีมอนสเตอร์มาจนแตกด้วยว่างั้นเถอะ"

     

    พอกันยามองตามไปที่กระจกพิเศษนั้น ก็พบว่ามีแถบพลังถึงสี่อย่างด้วยกัน

    "งั้นขออธิบายต่อเลยนะฮะ" เมดรู้งานเล่าต่อโดยกันยาไม่ต้องถาม "HP กับ MP นี่ก็อย่างที่รู้กันนะฮะพลังกายกับพลังเวท แต่สิ่งที่คิดว่าแปลกใหม่หน่อยก็จะเป็นที่ FATIGUE กับ STAMINA สองส่วนนี้มีไว้เพื่อให้เกมสมจริงขึ้น ซึ่งก็มีความหมายตามตัวของมันเลย"

    "ความอ่อนล้า กับพลังกาย?" กันยาถามมีส่วนร่วม

    "ใช่ฮะ FATIGUE นี่ถ้าเปรียบแบบมนุษย์ก็คือการหายใจกับการเต้นของหัวใจ ถ้าออกแรงแล้วมันจะลดลงตามลักษณะการใช้แรงงาน ร่างกายก็จะรู้สึกเหนื่อยตาม เนือยลง บางครั้งอาจเป็นตะคริวได้ด้วย ก็ให้นึกถึงเวลาเล่นกีฬาที่ต้องมีจังหวะผ่อนรับผ่อนรุก ให้ได้พักหายใจด้วยนั่นล่ะ"

    "อืม... พอนึกออก" ถึงจะติดเกมเป็นชีวิตจิตใจ แต่กันยาก็มีไปเตะบอลกับเพื่อนๆบ้าง จึงเข้าใจหลักแนวคิดนี้ดี

    "เช่นเดียวกันว่าเมื่อลดได้มันก็เพิ่มได้ฮะ ง่ายๆเลยด้วย เพียงแค่พักเฉยๆมันก็ฟื้นกลับมาได้แล้ว ช้าหรือเร็วขึ้นกับการอัพพลังของคนๆนั้น ปัจจัยอื่นก็มีผลด้วยเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่นว่า ถ้านั่งย่อมได้ผลดีกว่ายืน อยู่ที่ร่มย่อมได้ผลดีกว่าที่แจ้ง ได้ล้างหน้าย่อมได้ผลดีกว่านั่งเฉยๆ ดื่มน้ำ อาหาร หรือยาพิเศษ ก็คืนสภาพได้ไวขึ้น"

    "สมจริงมากเลยนะ"

    "ก็ไม่เฉพาะสายนักสู้เท่านั้น แต่จอมเวทที่ต้องใช้สมาธิมากๆในการร่าย พลังส่วนนี้ก็ลดเช่นกันฮะ มันเป็นระบบที่ไม่ให้ผู้เล่นเก่งเกินจริงน่ะฮะ แถมยังบีบให้ต้องรู้จักวางแผนการต่อสู้ไปในตัวด้วย "

    "ก็จริงนะ... หมดยุคที่รัวนิ้วอดทนแล้ว ถ้าจะเล่นสมจริงมันก็ต้องเหนื่อยจริงเจ็บจริงแบบนี้ล่ะ" กันยาเห็นด้วยในเรื่องดังกล่าว

     

    เมดหนุ่มยิ้มพอใจที่ฝ่ายผู้เล่นเห็นดีเห็นชอบด้วย จากนั้นก็อธิบายต่อถึงค่าพลังสุดท้าย

    "ต่อไปก็... STAMINA ส่วนนี้ก็เป็นพลังโดยรวมของร่างกาย... หาก FATIGUE มีผลสำคัญในตอนต่อสู้ ส่วนของ STAMINA ก็เป็นวงกลมที่ครอบทับอีกทีหนึ่ง จะพูดว่าเป็นพลังกายในวันนั้นๆทั้งวันก็ได้ฮะ"

    "มีไว้เพื่ออะไรน่ะ?"

    "ก็... เพื่อให้ระบบอาหารและการพักมีความสำคัญไงล่ะฮะ ถ้า FATIGUE ลดลงจนหมดคุณจะเป็นลมไปช่วงสั้นอาจสักหนึ่งชั่วโมง แต่ถ้า STAMINA หมดคุณจะสลบไปเลย นั่นคือจะถูกดีดออกจากเกมเสมือนบังคับ log out นั่นเอง"

    "นานแค่ไหนน่ะ?"

    "ก็จนกว่าพลังจะขึ้นมาสักราวๆ 1 ใน 3 ฮะ ก็อาจใช้เวลาตั้งแต่หนึ่งชั่วโมงไปถึงสามชั่วโมงเป็นอย่างน้อย ขึ้นกับปัจจัยภายนอกและค่าพลังที่อัพด้วย"

    "ถ้าเทียบกับคนจริงๆก็คือในวันหนึ่งย่อมต้องมีความหิว มีช่วงต้องพักบ้างสินะ"

    "ถูกต้องเลยฮะ STAMINA จะลดลงเองเรื่อยๆทุกครั้งที่ทำกิจกรรม แต่มันก็สามารถดีดขึ้นได้ด้วยการพัก การกิน การนอน" เมดพูดพลางผายมือไปที่โรงแรม "ก็แนะนำว่าก่อน log out ก็ให้ไปนอนที่โรงแรมนะฮะ พอฟื้นมาปุ๊บพลังทุกส่วนก็จะกลับคืนสภาพสมบูรณ์ แต่ถ้า log out ที่จุดอื่น เวลากลับเข้าเกมใหม่หลังผ่านไป 6 ชม. แล้ว พลังอาจไม่เต็มที่ดีนะฮะ"

    "เข้าใจล่ะ ละเอียดอ่อนใช้ได้เลย"

     

    กันยามองดูพลังในกรอบจอโปร่งใสเบื้องหน้า

    "สรุปก็คือจะทำอะไรก็ต้องวางแผนกันหน่อย เกมนี้ไม่ได้ง่ายแบบแค่ลากเมาส์ไปมาแล้วกดก็จบนี่เอง"

    "ช่วงแรกอาจดูลำบากไปหน่อย แต่เชื่อว่าถ้าคนเล่นมากขึ้นระบบเข้าที่ขึ้น จะสนุกกับมันไปเองฮะ"

    "แล้ว... เวลาที่นับถอยหลังล่ะ?" กันยามองดูที่ ACP อีกครั้ง มันมีตัวเลขที่ชวนสงสัยมาแต่แรกเริ่มเข้าเกม

    "นั่นคือเวลาที่ออนไลน์ได้ในหนึ่งวันฮะ เกมนี้จะกำหนดที่ 18 ชม. ถ้าหมดนี้แล้วจะเล่นต่อไม่ได้ ต้องให้ผ่านไปก่อน 6 ชม. จึงจะเปิดให้ล็อคอินใหม่ ซึ่งระบบนี้วางไว้เพื่อให้ผู้เล่นได้มีช่วงเวลาพักผ่อนนั่นเอง" เมดหนุ่มอธิบายเสริม "แล้วก็มีบทลงโทษสนับสนุนด้วย ถ้ามีใครตายในเกม ก็จะถูกตัดออกจากระบบอย่างน้อย 1 ชม. เป็นการลงโทษด้วย"

    "อืม... สมจริงใช้ได้เลย จะเล่นแบบไม่คิดไม่ได้เลยนะ"

    "ถ้างั้นจะลองไปสู้ดูเลยไหมล่ะฮะ ถ้าเป็นตอนนี้ล่ะก็คงกำลังดี" เมดแนะนำ

    "หืม...?"

    "คือ... ผมมองว่าถ้าปล่อยให้เวลาผ่านไปนานกว่านี้จนคนเล่นเยอะ อาจมีปัญหาเรื่องการแย่งพื้นที่เก็บเลเวลน่ะฮะ ถึงเกมนี้จะมีระบบป้องกันการ Loot หรือบทลงโทษพวก Jam แต่มันคงจะดีกว่าถ้าคุณเล่นอย่างสนุกไม่เจอเรื่องพวกนี้"

    "แหม... หวังดีเสียด้วย น่าดีใจจัง" กันยายิ้มพอใจ

    "มะ... มันเป็นหน้าที่น่ะฮะ..." เมดเองก็ดูจะเขินอายเหมือนผู้หญิงคนหนึ่ง

    "ว่าแต่... พูดเรื่องคนเล่นเยอะแล้วก็ชักสนใจแล้วสิ... เธอพอจะเช็คได้ไหมว่ามีคนออนไลน์แล้วกี่คนน่ะ?"

    "สักครู่นะฮะ"

     

    เมดหลับตาลงพร้อมยกมือขึ้นใช้นิ้วชี้จับขมับตนเองสองข้าง แสดงท่าทางเสมือนกำลังเชื่อมต่อกับระบบ

    ช่วงสั้นๆเขาก็ลืมตาขึ้นแล้วบอกตอบ

    "ตอนนี้ก็... 2,817 คน จากจำนวนที่ลงทะเบียนไว้ 5,000 คนฮะ"

    "โห... ขนาดเพิ่มเปิดได้ไม่ถึงชั่วโมงนะน่ะ ออนไลน์เข้ามาเกินครึ่งแล้วหรือ?"

    "คงเพราะเป็นเกมเสมือนจริงเกมแรกของโลกน่ะฮะ"

    "ดีล่ะ... ชักน่าสนุกขึ้นมาแล้วสิ"

     

    ว่าแล้วกันยาก็ลุกขึ้น ก่อนที่จะบิดตัวให้ร่างกายเข้าที่แล้วเตรียมเผชิญกับโลกแห่งแฟนตาซีแบบเต็มตัว

    "ขอบใจสำหรับคำแนะนำมากเลยนะ" เขาหันมาบอกลา "งั้นฉันไปลุยก่อนล่ะนะ แล้วเดี๋ยวเจอกัน"

    "โชคดีฮะ คุณ Emic"

     

    กันยาตบดาบไม้พลางพูดกระตุ้นกับตัวเองลอยๆ

    "ดาบไม้นี่ดูไม่เจ๋งเลยแฮะ แต่ช่างเถอะแล้วเดี๋ยวจะเปลี่ยนให้เป็นดาบเหล็กสมฐานะให้ดู" เขาพูดสร้างเป้าหมายเล็กๆขึ้น "คงต้องเสียเวลาสะสมทุนพอตัว แต่ก็มีแค่ทางนี้เท่านั้นล่ะนะ"

     

    แต่ว่ายังไม่ทันที่จะได้เดินออกไปดี เมดหนุ่มก็ยกมือทักขึ้นมาเสียก่อน

    "อ๊ะ... จริงสิ! พอคุณ Emic พูดขึ้นมาแล้วผมก็นึกได้ว่ามีเรื่องหนึ่งที่ควรทำก่อนไปเก็บเลเวลนะฮะ"

    "เรื่องที่ควรทำก่อน?" กันยาหันมอง

     

    ...............................................

     

    บริเวณประตูด้านข้างจะมีบาร์ขนาดเล็กอยู่

    กันยาเดินเข้าไปข้างในตามที่เมดแนะนำ ซึ่งก็พบว่ามี NPC จำนวนหนึ่งนั่งกระจายไปทั่วร้าน

     

    พอกวาดสายตามองสักพักก็พบชายคนที่เมดแนะนำได้ไม่ยาก

    เขารีบเดินไปหา NPC ที่เป็นลุงอ้วนๆไว้หนวดเคราซึ่งกำลังซดเบียร์ด้วยสีหน้าเซ็งชีวิต

    "เอ้อ... ลุงครับ" กันยาชวนคุย

    "มีอะไรงั้นเรอะ...?" NPC วางแก้วเบียร์แล้วหันมอง

    "ผมได้ยินมาว่าลุงกำลังต้องความช่วยเหลือ" กันยาพูดตามคำแนะนำของเมด

    "เจ้าต่อสู้เป็นใช่ไหม?"

    "พอได้ครับ"

    "แล้วชอบเดินทางหรือเปล่า?"

    "แน่นอน"

    "งั้นเจ้าคงช่วยข้าได้" ลุงอ้วนหันมองด้วยสีหน้าเมาแต่ก็ดูมีสติอยู่บ้าง "ยังไงก็ช่วยฟังเรื่องของข้าก่อนเถอะนะ..."

    "ยินดีครับ" กันยาพยักหน้า

     

    จากนั้นแล้ว NPC คนดังกล่าวก็อธิบายโดยคร่าวๆว่า ตนมีอาชีพเป็นพ่อค้าที่รับขนส่งสินค้า โดยเฉพาะพวกผลไม้ แต่ช่วงหลังมานี้ได้มีมอนสเตอร์มาป่วนบ่อยๆ บางทีก็แอบมาขโมยผลไม้จากกระบะรถลากตอนที่จอดหรือคนขี่ม้าเผลอ บางทีก็มากระแทกให้ล้มแล้วรุมแย่งไปเลยก็มี

    ถึงจะไม่ได้สร้างความเสียหายกับพ่อค้า แต่ก็ทำให้สินค้าเสียหายอยู่พอตัว และยิ่งมีแบบนี้มากเท่าไหร่ กำไรก็เริ่มหดหายลงไปทุกที... เขาเคยนึกจะไปจ้างพวกนักล่าแต่ก็คิดว่ามันเป็นงานกระจอกไม่คุ้มค่าเหนื่อย หรือเป็นการลดระดับตัวเองลงไป

    เช่นนั้นแล้วถ้าเป็นมือใหม่และยิ่งชอบผจญภัยด้วยแล้ว ถ้าไปไล่จัดการมอนสเตอร์ระหว่างทางให้ล่ะก็ มันน่าจะเป็นการดีทั้งสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งก็ได้เงินไปในตัว อีกฝ่ายก็จะเดินทางปลอดภัยขึ้น

     

    ลุงพ่อค้าเล่าเสร็จแล้วก็ถามรวดรัดตรงไปตรงมา

    "ขอแค่เจ้าจัดการมอนสเตอร์ได้ตัวหนึ่ง ข้าก็จะมีเงินให้ตามสมควร ถึงจะไม่มากนักก็ถือว่าช่วยเหลือข้าหน่อยเถอะนะ" เขาเสนอเงื่อนไข "เจ้าจะช่วยข้าหน่อยได้ไหม?"

     

    กันยามีความเห็นว่าไม่ว่าจะมองในจุดไหนเควสนี้ก็จะมีแต่เป็นประโยชน์ โดยเฉพาะสำหรับการเริ่มต้นจากไม่มีเงินสักเหรียญเดียว เช่นนั้นแล้วก็จึงไม่มีความลังเลเลยที่จะเลือกคำตอบนี้

    "ตกลงครับลุง ผมจะช่วยลุงเท่าที่ทำได้ก็แล้วกันนะครับ"

    "ฝากด้วยล่ะเจ้าหนุ่ม" NPC ยิ้มรับแล้วหันกลับไปดื่มเบียร์ต่อ

     

    ไม่กี่วินาทีจากนั้นก็มีเสียงเอฟเฟคหนึ่งดังขึ้นสั้นๆ พร้อมๆกับมีการเตือนเรื่องข่าวสารขึ้นที่ ACP

    "ไวทันใจจริงๆแฮะ" กันยาก้มมองแล้วกดดูรายละเอียดที่ถูกส่งมา

     

    ซึ่งพอกดดูแล้วก็ดีดไปกรอบรายละเอียดพิเศษ มีสาระว่า...

    Quest - Monster Make Money

    รายละเอียด - ทุกครั้งที่ปราบมอนสเตอร์เลเวล 1-10 ก็จะได้เงินรางวัลตอบแทนอัตโนมัติ โดยที่เงินส่วนนั้นจะแรนด้อมด้วย LV ของมอนสเตอร์ บวกลบแล้วแต่ดวง และมีโอกาสเล็กน้อยที่จะได้รับผลไม้จากมอนสเตอร์ตัวนั้น

     

    นี่คือเควสรูปแบบหนึ่ง ซึ่งมีได้ทั่วไปในเกมหลายๆแบบ โดยเฉพาะพวกออนไลน์ หรือ RPG สำหรับเกม K-On แล้วนี่เป็นอีกเควสที่ซ่อนอยู่ ไม่มีใครรู้นอกจากจะมาบังเอิญพูดคุยหรือได้คำแนะนำมาโดยเฉพาะ

    ซึ่งกันยาคือคนแรกที่ค้นพบเควสดังกล่าว

    "เควสทำเงินนี่เอง แบบนี้ต้องขอบคุณคุณเมดแล้วล่ะ"

     

    ก่อนจะแยกออกไปนั้นกันยาก็ได้บอกลาลุง NPC ที่ให้เควสนี้มา

    "ไปก่อนนะครับลุง"

    "ฝากด้วยล่ะเจ้าหนุ่ม" NPC คนดังกล่าวหันมาตอบ

    "แล้วจะจัดการให้นะ จากนี้ลุงเดินทางสบายแน่" เขาแซว

    "ฝากด้วยล่ะเจ้าหนุ่ม" แต่ NPC ก็ยังพูดประโยคเดิม

     

    กันยาที่กำลังจะเดินออกจาบาร์หยุดหันมอง ความรู้สึกระหว่าง NPC เควสตัวนี้ดูแตกต่างจาก NPC เมดอยู่มาก

    "เอ่อ... ลุงครับ" เขาลองทักใหม่แบบไม่เกี่ยวกับประเด็นเควส

    "ฝากด้วยล่ะเจ้าหนุ่ม" ทว่าลุง NPC ก็ยังคงไม่เปลี่ยนคำพูด

     

    เมื่อดูว่าเปล่าประโยชน์ที่จะคุยต่อ กันยาก็จึงเดินแยกออกมาพลางนึกถึง NPC เมด...

    เห็นได้ชัดเจนเลยว่ารูปแบบแตกต่างกัน NPC เควสดูเหมือนจะมีการให้อิสระในการพูดคุยบ้าง แต่จากนั้นก็จะมีรูปแบบตายตัว ซึ่งก็เหมือนกับ NPC ในเกมทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ที่เมื่อถึงจุดหนึ่งก็จะพูดวนซ้ำคำเดิมไปเรื่อยๆไปจนกว่าจะมีภารกิจใหม่เข้ามา

    ตรงข้ามกับ NPC เมดที่ดูๆไปก็เหมือนจะเป็นเพื่อนคนหนึ่งได้เลย เพราะพูดคุยตอบโต้ได้อย่างไม่มีจุดหมาย ซึ่งกันยาคิดว่าถ้าถามเรื่องยากๆอาจมีคำพูดเฉพาะที่ใช้ตัดบทหรือตอบแบบปัดไป แต่ถ้าเป็นเรื่องทั่วไปแล้วล่ะก็ อาจพูดน้ำไหลไฟดับได้แบบคนทั่วไป

    "ชักเริ่มจับทางได้หน่อยๆแล้วนิ" เขาพยักหน้าพอใจ "ยังไงก็เถอะได้เควสมาแบบนี้คงทำให้การเก็บเงินช่วงแรกสะดวกขึ้นเยอะเลย เสร็จงานนี้แล้วคงต้องขอบคุณเมดเค้าหน่อยล่ะนะ!"

     

    กันยาพูดพลางเดินผ่านประตูที่กำแพงเมือง ออกไปสู่โลกภายนอก และชักดาบไม้ออกมา พร้อมที่จะลุยเก็บเลเวลเต็มแก่

     

    ............................................... (1/3)

     

     

    กันยามายืนที่ทุ่งหญ้าฝั่งประตูทางทิศตะวันตกของเมือง อันเป็นแม็ปกว้างอีกที่

    ตอนนี้มีคนเบาบางมาก เพราะผู้เล่นส่วนใหญ่ยังคงสนุกกับการสร้างความคุ้นเคยกับสถานที่แรกพบ โดยเฉพาะประตูใหญ่ทางทิศใต้ และกลุ่มเมดที่คอยตอบคำถาม

    ถึงตอนนี้ผู้เล่นจะยังดูบางตา แต่กันยาเชื่อที่เมดแนะนำว่าถ้าไม่รีบสู้ให้เลเวลสูงกว่านี้แล้วล่ะก็ อาจต้องมาแย่งกันตีมอนสเตอร์กับผู้เล่นคนอื่นเอาได้

     

    พอมองกวาดสายไปยังที่โล่งกว้างเบื้องหน้าแล้ว ก็เห็นมอนสเตอร์สองถึงสามประเภทกระจายตัวอยู่ประปราย

    แรกสุดกันยาเล็งไปที่ สไลม์... มอนสเตอร์พื้นฐานในเกม RPG หลายๆเกม และถือว่าเลเวลต่ำสุดด้วย ลักษณะมันเหมือนก้อนเมือกสีเขียว ขนาดประมาณหมูตัวหนึ่ง แต่เคลื่อนที่ช้ากว่ามาก มีดวงตาที่เหมือนจะมองเห็นได้ไม่ไกล ปากก็เหมือนจะไม่มีฟัน น่าจะกินอาหารโดยการค่อยๆย่อยสลายแล้วดูดซึม

    ดูน่าขยะแขยงไปบ้าง แต่ก็ถือเป็นมอนสเตอร์ที่ปราบได้ง่ายที่สุดในหลายๆเกม

     

    ในข้อเท็จจริงควรเป็นเช่นนั้น เพียงแต่ว่านี่คือเกมใหม่... ภาพที่ผู้เล่นหน้าใหม่ถูกสไลม์อัดจนตายต่อหน้าก็แลดูเป็นสิ่งเตือนใจว่าจะประมาทกับความคุ้นเคยเดิมไม่ได้...  อย่างน้อยๆเกมนี้ก็เป็นระบบสมจริงที่สุดที่เคยมีมา ฉะนั้นถ้าคิดว่าแต่เข้าไปตีแลกส่งๆแล้วจะจบก็ดูจะเป็นวิธีคิดที่ผิดมหันต์

    เพื่อความมั่นใจ ก่อนจะจัดหนัก กันยาได้กดปุ่มเปิดช่องเก็บไอเท็มใช้งาน เขาสไลด์นิ้วไล่ดูไอเท็มที่เมดแนะนำมา ซึ่งก็เป็นไอเท็มติดตัวมาแต่แรก สำหรับผู้เล่นใหม่ โดยมีเพียงของใช้จำเป็นพื้นฐานแค่สามอย่าง อย่างละสองชิ้นคือ พลาสเตอร์แปะแผล แว่นขยาย และขนนกกลับจุดเซฟ

    พอกดเลือกที่แว่นขยาย... พลันนั้นก็มีแว่นขยายอันหนึ่งค่อยๆก่อร่างขึ้นมาในมือเขาในช่วงเวลาอันนั้น

    "นี่สินะ ไอเท็มใช้สำรวจ..."

     

    กันยาไม่รอช้าหลับตาลงหนึ่งข้างเพื่อมองผ่านเลนส์กลมๆนั้น สักพักก็ปรากฎข้อมูลคร่าวๆของมอนสเตอร์ที่เล็งไว้

    Slime

    LV - 1

    HP - 30

    Weakness Point - Head

    Weakness Element - Fire , Thunder

     

    กันยาเม้มปากพินิจและทึ่ง

    "รายละเอียดที่แว่นบอกจะขึ้นกับดวง ระยะห่างแล้วก็ระยะเวลาส่องอย่างที่เมดว่าจริงด้วยแฮะ..." เขาดูคร่าวๆแล้วขยับแว่นหลบ จากนั้นแว่นก็ค่อยๆสลายไปตามระยะเวลาใช้งาน

     

    กันยาอยากเก็บรายละเอียดอีกนิด แต่เมดเตือนว่าถ้าเข้าไปใช้ไอเท็มดังกล่าวใกล้กว่านี้ ก็อาจจะมีทำให้อีกฝ่ายระแวงและเป็นฝ่ายเปิดฉากโจมตีก่อนได้ เขาไม่เสี่ยงให้โดนเล่นงานก่อน ลำพังข้อมูลเพียงเท่านี้ก็น่าจะมากเกินพอแล้วสำหรับการเปิดศึก

    "เอาล่ะนะ!"  เขาไม่รอช้าถือดาบไม้แล้ววิ่งตรงไปยังสไลม์เบื้องหน้า

     

    เมื่อระยะห่างลดลงถึงจุดหนึ่ง สไลม์ก็มีการตอบสนองแบบอัตโนมัติ มันหันมองแล้วเกร็งร่างกายพร้อมสู้เช่นกัน แต่เป็นฝ่ายของกันยาที่ไวกว่า ดาบไม้ถูกฟาดลงไปยังจุดที่คิดว่าจะเป็นส่วนหัว อันเป็นจุดอ่อนที่แว่นขยายบอกมา

     

    ปุบ!!

     

    เสียงโจมตีเหมือนท่อนไม้กระแทกลงบนถุงใส่น้ำ กันยารู้สึกได้ถึงแรงสะท้อนที่ราวกับว่าตัวตนที่มีชีวิตอยู่จริง จังหวะต่อเนื่องกันก็มีตัวเลขสีน้ำเงินปรากฎขึ้นเป็นเลข 5 แสดงผลโจมตีที่กระทำได้

    "ใช้ได้! อีกแค่ห้าที!" เขาพยักหน้าพอใจแล้วสำหรับการโจมตีของเลเวล 1 ที่มีอาวุธพื้นฐานที่สุด

     

    แต่ทว่า... ตอนที่ชักดาบไม้กลับก็มีสิ่งที่เหนือความคาดหมายเกิดขึ้น

    กันยารู้สึกว่าดาบนั้นมีการหน่วงหนืดอยู่ ซึ่งที่มาก็ไม่ใช่อะไรอื่น มันเป็นเพราะร่างของสไลม์ที่มีลักษณะเหนียวเหมือนโคลนกำลังดูดติดดาบไว้

    "บ้าน่า... มีผลข้างเคียงการโจมตีด้วยเรอะ!?" เขาขบฟันออกแรงดึงอาวุธกลับ "สัมผัสมันสมจริงอะไรแบบนี้!"

     

    สภาพตอนนี้ถ้าให้กันยาพูดคงบอกได้คำเดียวว่า ดูไม่จืด

    มันเป็นการยื้อระหว่างคนกับมอนเตอร์ ดาบกำลังถูกดูด ให้ความรู้สึกเหมือนแขนจมลงไปในโคลนจริงๆ นาทีนี้ไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมพ่อค้าถึงบ่นเรื่องผลไม้ถูกขโมย แต่กลับไม่ยอมสู้เพื่อปราบให้จบๆไป

    แท้จริงแล้วมอนสเตอร์เลเวล 1 ก็มีความน่ากลัวในแบบฉบับตัวเองอยู่... สไลม์ที่ดูอ่อนแอมีลูกเล่นซ่อนเอาไว้...

     

    หลังจากเล่นชักกะเย่อยื้อดาบอยู่สักพัก กันยาจึงกระชากดาบจนหลุดออกมาได้สำเร็จ แต่มันก็ทำให้เขาเสียหลักตามไปด้วย

    สไลม์ฉวยจังหวะนั้นใช้ส่วนท้องที่หนืดที่สุดสร้างแรงดีดตัวเองเหมือนกับหนอนตัวเล็กๆที่กระโดดได้  กันยาไม่คุ้นกับการโจมตีนี้จึงไม่ได้ทั้งหลบหลีกหรือป้องกัน...

     

    ปึ้ก!!

     

    สไลม์กระแทกเข้ากลางลำตัวเต็มๆ ทำเอาร่างที่ยืนหยัดอยู่นั้นงอเป็นกุ้งและถอยกรูดออกมาหลายก้าวอย่างห้ามเสียไม่ได้

    "แค่ก...! ถะ... ถึงขั้นจุกเลยหรือนี่!" ความเจ็บปวดอาจไม่มากเหมือนถูกชกเต็มหมัดก็จริง แต่การที่ถูกเล่นอย่างไม่ทันตั้งตัวก็ทำให้หน้ามืดได้ไม่น้อย และเขาก็รู้ซึ้งขึ้นมาเลยทีเดียวว่าทำไมในเกมบางเกม เวลาตัวละครถูกอัดแล้วถึงได้ผงะ หรือมีการหน่วงการเคลื่อนไหวเกิดขึ้น...

     

    กันยาเหลือบมองไปที่หน้าจอแสดงผล ก็เห็นค่าพลังที่กำลังลดฮวบพร้อมๆกับมีเลขของการโจมตี 8 เด้งขึ้นมา พลังจาก 60 ลดลงมาหยุดตรงที่ 52...

    "ให้ตายสิ... ประมาทไปเพราะมองมันเป็นแค่มอนสเตอร์ที่เลเวลหนึ่ง แต่ว่าเราเองก็หนึ่งหนึ่งด้วยเหมือนกัน... โดนทีหนักเอาเรื่องเลย..."

     

    กันยาต้องรีบตั้งสติใหม่ ซึ่งโชคก็ยังดีอยู่บ้างที่มอนสเตอร์ระดับเลเวล 1 นั้นมีไว้สำหรับผู้เล่นหน้าใหม่ ความเร็วของมันจึงน้อย และเปิดโอกาสให้ได้พักหายใจหายคอบ้าง

    แต่อย่างไรเสียความยากสำหรับผู้เริ่มต้นนั้นก็มีสิ่งที่ซ่อนอยู่ และก็อาจส่งผลถึงความตายได้ หากมองข้ามรายละเอียดบางอย่างไป...

     

    ช่วงที่กำลังเพ่งอยู่แต่ทางด้านหน้านั้น จู่ๆแล้วก็มีการโจมตีที่คาดไม่ถึงจากด้านหลัง

     

    บึก!!

     

    คราวนี้กันยาเซจนคะมำไปทางด้านหน้าบ้าง...

    แต่ความที่ตั้งสติพร้อมสู้อยู่แล้ว ทำให้เขารีบลุกขึ้นมาได้ไว และเมื่อหันไปก็ต้องอึ้งเมื่อ ตอนนี้มีสไลม์อีกตัวเข้ามาร่วมวงต่อสู้ด้วย...

    "อะไรเนี่ย!? มีรูปแบบการรุมด้วยงั้นเหรอ!?" เขาเครียดหนักขึ้น

     

    เกมออนไลน์มักจะมีระบบมอนสเตอร์รุม หรือช่วยมอนสเตอร์อีกตัวที่ถูกทำร้ายอยู่ก็จริง เพียงแต่ว่าเขาไม่เคยเห็นเกมไหนที่มอนสเตอร์ระดับเลเวลต้นๆจะมีลักษณะนี้มาก่อน

     

    อย่างไรก็ดีพอเห็นสไลม์สองตัวกำลังเคลื่อนที่เข้ามาจากทางสองข้าง เขาก็รีบลุกขึ้นมาเพื่อระวังป้องกัน เตรียมคิดแผนการโดยด่วน

    การโจมตีจากทางด้านหลังเมื่อครู่ส่งผลแรงกว่าด้านหน้าเกือบเท่าตัว ทำเอาพลังตอนนี้เหลือเพียงแค่ 36 เท่านั้น  และถ้ามองแบบภาพรวมแล้ว เพียงแค่โดนโจมตีสองครั้งเท่านั้น พลังก็ลดไปถึงครึ่ง... แลดูเป็นผลการต่อสู้ที่ไม่น่าไว้ใจอย่างที่สุด

    พอได้สัมผัสกับตัวเองเช่นนี้แล้ว เขาไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงเห็นผู้เล่นหน้าใหม่ตายกันเป็นว่าเล่น...

     

    สถานการณ์ดูเป็นรอง หากคิดจะหนีก็สามารถใช้ขนนกมาโบกก็สามารถหนีได้แล้ว แต่กันยายังไม่ยอมแพ้ และยังคิดว่าสามารถสู้ต่อไปได้อีก นาทีนี้เขาพยายามใช้สิ่งที่ถนัดที่สุด ซึ่งก็คือการวิเคราะห์และตีความ โดยเฉพาะรูปแบบการเคลื่อนที่และโจมตีเมื่อครู่

     

    สไลม์ยังคงค่อยๆคืบคลานเข้าหา กันยาก็ค่อยๆก้าวถอยหลังรักษาห่างเพื่อซื้อเวลาในการคำนวณ

    จนกระทั่งถึงจุดหนึ่งที่เริ่มสรุปได้ และอยู่ในพื้นที่ๆโล่งพอและไม่มีสไลม์ตัวอื่นมาเพิ่มภาระแล้ว เขาก็ตัดสินใจทดสอบด้วยการก้าวไปข้างหน้าสองก้าวเพื่อลดระยะลง

     

    พลันนั้นเองสไลม์ทั้งคู่ก็ดีดตัวเข้าใส่พร้อมๆกัน

    "นั่นไงล่ะ! จังหวะนี้จริงด้วย"

     

     กันยาขบฟันสะใจที่คิดได้ถูกต้อง จากนั้นก็จึงสนองด้วยการก้าวเอียงข้างเพียงเล็กน้อยเท่านั้น สไลม์ทั้งสองก็พุ่งผ่านตัวไปแบบไม่สร้างความเสียหายแต่อย่างใด

    "ไม่ปล่อยให้โจมตีข้างเดียวหรอกน่า!" เขาฟาดดาบสวนสไลม์ตัวหนึ่งที่ใกล้ที่สุด

     

    ป้าบ!!

     

    การฟันแบบไม่เน้นจุดอ่อน และการออกดาบแบบเชิงสะบัดก็ทำให้ความรุนแรงลดไปมาก

     

    2

     

    เป็นตัวเลขที่ไม่น่าพอใจนัก แต่เมื่อเทียบกับว่าโจมตีได้อย่างปลอดภัย และดาบก็ไม่ถูกดูดกระชากไปด้วยแล้ว ก็ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีใช้ได้

    "จับหลักได้ล่ะ! ที่เหลือก็ลุยให้ชนะ!!"

     

    กันยาเรียกความมั่นใจกลับมาได้อีกครั้งและเปิดฉากลุยอย่างเป็นระบบ โดยไม่หวั่นว่าจะโดนรุมอยู่ก็ตาม

     

    ...............................................

     

    Hit & Away หรือที่เรียกกันแบบบ้านๆว่า ตีหัวเข้าบ้าน ก็ยังคงเป็นกลยุทธ์ที่ใช้ได้ดีเสมอกับเกมทุกยุคทุกสมัย แม้แต่เกมเสมือนจริงก็ยังใช้วิธีนี้ได้ผล....

    ถ้าเป็นเกมยุคเก่าก็ขอเพียงให้มือไว และคุมจังหวะอยู่ ก็สามารถเอาชนะได้โดยแทบไม่ได้รับความเสียหายได้เลย ซึ่งก็จะลดความสมจริงและอาจเกิดเป็นบักใช้ประโยชน์ได้

    แต่อย่างไรเสีย KELfer Online อาจยังสนับสนุนกลยุทธ์ดังกล่าว แต่กระนั้นก็มีการกลบจุดอ่อนเดิมๆไปแล้ว ซึ่งจะรู้ได้ก็ต่อเมื่อมาเล่นเองเท่านั้น และตอนนี้กันยาก็กำลังจะได้เจอกับวิธีการอุดช่องว่างดังกล่าว

     

    หลังจากที่ไล่ต้อนสไลม์ทั้งสองจนพลังพวกมันพร่องไปมากแล้ว ปัญหาใหม่ที่กันยาไม่เคยเจอมาก่อนก็บังเกิดขึ้น

    เสียงเตือนดังกลางๆ ตี๊ด ขึ้นสองทีจากหน้าจอแสดงผลพลัง กันยาเหลือบไปมองก็พบว่าค่า FATIGUE ลดฮวบไปกว่าครึ่ง จากสีเขียวก็กลายเป็นสีเหลือง ยังผลให้สัญญาณเตือนระดับแรกดังขึ้น...

    จากนั้นแล้วสิ่งที่ตามมาต่อเนื่องก็คือความล้า...

     

    กันยารู้สึกได้เลยว่าแขนขาเริ่มอ่อนแรง ลมหายใจเองก็เริ่มหอบถี่ขึ้น กระทั่งเหงื่อก็เริ่มผุดออกมามากขึ้น  มันคือความเหนื่อยเสมือนจริงในโลกเกมออนไลน์...

    "นะ... นี่น่ะเหรอ ผลของความล้า..."

     

    พอได้สัมผัสกับตัวเอง ณ จุดนี้เขายิ่งเข้าใจเลยว่าทำไมถึงมีผู้เล่นตายเพราะสไลม์ได้ ระบบความเหนื่อยที่ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่ถ้ามันลดถึงจุดหนึ่งแล้วมันอาจทำให้ร่างกายเนือยลง และนำไปสู่ความตายเอาได้ง่ายๆ แม้จะสู้กับมอนสเตอร์ที่กระจอกมากก็ตาม...

    และปัญหาที่กันยากำลังเจอก็เป็นอะไรที่ทำให้ต้องคิดหนักขึ้นเป็นสองเท่า เพราะเขาต้องต่อสู้กับสไลม์ถึงสองตัวในเวลาเดียวกัน โดยที่ค่าความเหนื่อยกำลังจะลงไปยังจุดวิกฤตแล้ว...

    "ให้ตายสิ... จะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยากวุ้ย...!"

     

    ออกจะน่าชวนหงุดหงิดไปบ้างที่แค่ต่อสู้กับสไลม์ยังจะต้องวางแผนให้มากความ  แต่กันยาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจำต้องปรับแผนการต่อสู้ใหม่ เพื่อให้ผ่านช่วงเวลาที่เลวร้ายนี้ไปให้ได้

     

    ...............................................(2/3)

     

    ถึงจะเป็นรองทั้งเรื่องที่ถูกรุมและเรื่องที่ร่างกายมีขีดจำกัดความเหนื่อยล้า แต่พอคุ้นกับระบบแล้ว กันยาก็พอรักษาทรงให้คงที่ได้

    ค่าของ FATIGUE นั้นมีการขยับขึ้นเรื่อยๆถ้าร่างกายหยุดนิ่ง หรือเคลื่อนไหวให้น้อยลง เปรียบเหมือนชีวิตจริงที่ยืนพักเฉยๆหรือเคลื่อนไหวให้น้อยลงก็จะหายเหนื่อยได้เอง แต่ถ้ากลับมาเคลื่อนไหวหนักๆอีกก็จะกลับไปเหนื่อยใหม่

    ความสมจริงเช่นนี้ก็ทำให้หาทางรับมือได้ไม่ยาก โดยเฉพาะคนที่มีงานอดิเรกคือการเล่นกีฬา ซึ่งจะคุ้นกับความเหนื่อยและวิธีการพักเหนื่อย คืนกำลังเป็นพิเศษ...

    ด้วยหลักนั้นเอง กันยาจึงใช้วิธีพักการโจมตีและหลบฉากเพียงอย่างเดียวไปก่อน

    สไลม์อาจจะพุ่งชนได้น่ากลัว แต่มันก็เป็นวิถีเส้นตรง ซึ่งกันยาจับหลักได้กระทั่งการกระโดดสร้างจังหวะก่อนพุ่งชนด้วยซ้ำ ดังนั้นตราบที่สมาธิยังดีอยู่ เขาก็สามารถหลบได้ทุกครั้งเสมอ และยิ่งหลบก็ยิ่งคุ้นเคย พื้นที่การก้าวขาและโยกตัวก็น้อยตามไปด้วย

     

    ชายหนุ่มที่ใช้อวาต้าร์ Emic อดทนหลบแบบพักหายใจไปพร้อมๆกันจนในที่สุดค่า FATIGUE กลับขึ้นมาในระดับประมาณ 70% ถึงจุดนี้แล้วเขาก็วัดใจทุ่มสุดตัวเข้าโจมตีให้จบๆไป

    "เอาล่ะนะ!!"

     

    โผล๊ะ!!

     

    กันยารัวฟาดเฉือนสามทีติดกันก็เอาชนะสไลม์ได้ตัวหนึ่ง โดยมันแตกกระจายเหมือนเยลลี่ถูกระเบิด

    มีตารางค่าประสบการณ์ และเงินที่ได้รับ แสดงขึ้นมาเป็นกรอบเล็กๆ แต่เขายังไม่มีเวลาดูรายละเอียด เพราะตอนนี้ยังเหลือสไลม์อีกตัวให้กำจัดก่อน

     

    กันยาหันมองไปทางศัตรูตัวสุดท้าย แล้วเหลือบมองดูค่าความเหนื่อยเพื่อคำนวณระดับความต่อเนื่องในการโจมตี ซึ่งเมื่ออยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ เขาก็ระดมฟันสลับหลบอย่างต่อเนื่อง ทำให้ค่าความเหนื่อยกลับมาตกอยู่ในโซนสีเหลืองอีกครั้ง

    ค่าความเหนื่อยร่วงเข้าสู่เกณฑ์ไม่ปลอดภัย และตามมาด้วยอาการหอบ แต่หนนี้เขาไม่พักจังหวะอีกต่อไป หากแต่รัวโจมตีต่อไปเรื่อยๆ จนเกจพลังลงสีแดง ที่เปลี่ยนจาก Caution เป็น Danger!!

     

    ณ จุดนี้กันยารู้สึกเลยว่าคอแห้ง ขาล้าเหมือนจะเป็นตะคริว ขาก็เริ่มแข็งจนก้าวไม่ออก แต่ก็ยังไม่ยอมถอย ด้วยความมั่นใจว่าศัตรูเองอาการหนักยิ่งกว่า และในที่สุดดาบสุดท้ายก็สัมฤทธิ์ผลดังที่ต้องการเสียที

     

    โผล๊ะ...!!

     

    สไลม์ที่สองระเบิดออกก่อนที่เขาจะหมดแรงจริง และในหนนี้ก็มีสิ่งที่แตกต่างออกไปจากชัยชนะครั้งแรก เมื่อมีลูกบอลกลมๆปรากฎขึ้นเหนือศีรษะ

    จากนั้นแล้วมันก็เปิดออก เป็นกระดาษเงินและเกล็ดทองตกกระจายลงมา พร้อมๆกับมีเสียงประกอบแสดงถึงสัญลักษณ์ว่าเลเวลอัพจาก 1 เป็น 2

     

    พลังถูกดีดขึ้นเต็มเป็นโบนัสพิเศษ เช่นเดียวกับค่าความเหนื่อยที่กลับมาเต็มเปี่ยมอีกครั้ง กันยารู้สึกกระชุ่มกระชวยขึ้นมาทันทีอย่างอัศจรรย์

    "เล่นเกมมาก็มาก แต่ไม่เคยนึกดีใจที่เลเวลอัพเท่าครั้งนี้มาก่อนเลยผับผ่าสิ" เขาเงยหน้าถอนหายใจ มือข้างซ้ายเผลอเอาขึ้นปาดเหงื่อที่ชุ่มมาแต่เมื่อครู่

     

    ...............................................

     

    พอเลเวลอัพแล้วกันยาก็หยุดสู้ชั่วคราวแล้วมาดูเรื่องค่าพลังที่จะกดเพิ่ม

    เกมนี้ไม่เหมือนเกมอื่นตรงที่ค่าพลังช่วงแรกยังไม่ได้ขึ้นกับสายอาชีพใดๆ ซึ่งทุกอย่างจะเป็น 1 หมด เหมือนคนที่เริ่มจากไม่มีอะไรเลยจริงๆ และการจะเปลี่ยนอาชีพก็ต้องเล่นไปจนถึงเลเวล 10 ก่อน

    ดังนั้นผู้เล่นเองก็ควรที่จะวางแผนอัพเลเวลให้เข้ากับสายอาชีพแต่เนิ่นๆ เพื่อให้เปลี่ยนอาชีพแล้วจะสามารถใช้ศักยภาพออกมาอย่างเต็มที่

    มีค่า STAT อยู่ทั้งหมด 6 แบบ แต่ละอย่างก็จะส่งผลกับความสามารถที่แจกจ่างกันไป กันยาเพิ่มพลังในส่วนของ Power เป็นอันดับแรก ซึ่งคิดว่าน่าจะตอบโจทย์ความต้องการมากที่สุด

     

    พอ STAT ถูกเพิ่ม ก็รู้สึกว่าดาบเบาขึ้นมาอีกนิด อันเป็นผลของการเพิ่มพลังให้กับร่างกาย

    "ได้เสียล่ะงานนี้" เขาพยักหน้าพลางเม้มปากพอใจที่ตัดสินใจเลือกไม่ผิดตัว

     

    ว่าแล้วสายตาก็เหลือบมองไปกับสไลม์ตัวอื่นๆที่กระจายอยู่ทั่วไปบนผืนทุ่งหญ้ากว้าง

     

    ...............................................

     

    การเข้ามาเล่นเป็นคนแรกๆ และศึกษาข้อมูลดี และการสู้โดยไม่ตายหรือเจ็บหนักอีกก็ทำให้เกิดความต่อเนื่อง

    กันยาใช้เวลาอยู่นานนับชั่วโมงกับสถานที่เดิม การเล่นในช่วงแรกเอื้อต่อการขึ้นเลเวล ซึ่งสิ่งที่มีประโยชน์มากๆก็คือโบนัสพลังและค่าความเหนื่อยเต็มอัตโนมัติ ทำให้สามารถเล่นได้ต่อเนื่องโดยไม่สะดุดนัก ยิ่งหลังๆที่คุ้นกับความเหนื่อยแล้ว ก็ทำให้โจมตีได้โดยไม่ฝืนร่างกายเกินไป

    การเพิ่มค่าพลังก็ทำให้ร่ายกายยกระดับขึ้นอีกเรื่อยๆ จนเห็นความแตกต่างชัดเจนขึ้น จากเลเวล 1 ที่อัดจนเหนื่อยกลิ้นห้อยว่าจะปราบสไลม์ได้สักตัว แต่พอพลังมากขึ้นและคุ้นมากขึ้นแล้ว เขาใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งนาทีก็สามารถทุบสไลม์ให้เละได้โดยแทบไม่เหนื่อยและไม่บาดเจ็บเลย

     

    ชายหนุ่มเพลิดเพลินกับการต่อสู้ มารู้ตัวอีกทีก็พบว่าเลเวลดีดไปอยู่ที่ 8 แล้ว... ซึ่งถือว่าเป็นคนที่เลเวลสูงที่สุด ในเกม ณ เวลานี้ด้วย... และคิดว่าน่าจะได้เวลากลับเข้าเมืองเพื่อจัดหาอุปกรณ์ใหม่ๆแล้วออกลุยเก็บเลเวลในที่ๆยากกว่านี้และให้ค่าประสบการณ์สูงกว่านี้

    แต่ว่าก่อนที่จะไป กันยาก็เหลือบเห็นนกตัวหนึ่งที่มีขนาดพอๆกับนกกระจอกเทศ แต่หุ่นหนากว่ามาก และเป็นมอนสเตอร์ที่ดูแปลกแยกเพียงตัวเดียวในแม็ปนี้

    "คาใจเจ้านกตัวนี้ตั้งแต่เมื่อล่ะ... ก่อนจะไปก็ขอลองทิ้งทวนกับเจ้านกนี้ดูละกัน" เขาตัดสินใจเลือกเป้าหมายสุดท้ายของชั่วโมงนี้

     

    เช่นเดิมว่าก่อนจะสู้กับสิ่งที่ไม่มักคุ้นก็จำต้องศึกษาก่อน แว่นขยายอันสุดท้ายถูกหยิบขึ้นมาใช้ส่องตามนิสัยรอบคอบ วางแผนก่อนลงมือ

     

    Crazy Bird

    LV - 10

    HP - 150

     

    ข้อมูลกำลังเริ่มทยอยปรากฏขึ้นเรื่อยๆตามลำดับ แต่จังหวะก็ไม่เป็นใจนัก ยังไม่ทันที่ข้อมูลจุดอ่อนจะแสดงออกมา นกคลั่งก็เกิดเคลื่อนที่มาทางกันยาพอดี จากนั้นแล้วมันก็เข้าสู่โหมดโจมตีแล้วจ้ำเข้าใส่ทันที

    "แกว๊ก!!" มันร้องลั่นแล้ววิ่งตรงและขยับหัวให้จะงอยปากที่แหลมคมมายังลำตัวของกันยา

    "เฮ้ย!?"

     

    กันยาถึงกับผวากับการโจมตีที่คาดไม่ถึง แต่กระนั้นด้วยสัญชาตญาณของเกมเมอร์สายลุย มือขวาก็พาลขยับไปพร้อมๆกับขา แม้จังหวะไม่ดีนักแต่ก็ทำให้หลบการโจมตีพร้อมสวนกลับได้อย่างน่าปรบมือ

     

    โป๊ก!

     

    ดาบไม้ฟาดเข้ากลางหน้าผากของนักตัวนั้น ค่าความเสียหายขึ้นที่ 8

    ไม่น้อยเกินไป แต่ก็ไม่มากในระดับที่พอใจ เมื่อเทียบกับพลังที่มอนสเตอร์ตัวนี้มีอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่การโจมตีของศัตรูแต่ละครั้งก็ดูรุนแรงมาก แค่จิกเฉี่ยวไปยังได้ยินเสียงวูบดูน่ากลัว

     

    พอกันยาจะถอยมาตั้งหลัก นกคลั่งก็ขยับตัวเข้าหาได้ในช่วงเวลาอันสั้น ถูกเป็นความเร็วที่เหนือกว่าสไลม์อย่างเทียบกันไม่ได้

     

    ผั๊วะ!!

     

    เขาจำต้องใช้ดาบไม้ฟาดที่ข้างลำคอของนกตัวนั้นเพื่อให้การโจมตีเบี่ยงทิศไป ถือเป็นการทดสอบป้องกันตัวในวิธีหนึ่งที่ไม่มีในเกมใดๆ

     

    ปกติแล้วการเอาตัวรอดการโจมตีในเกมจะใช้วิธีหลบหลีก ไม่ก็ใช้โล่ แต่ชีวิตจริงนั้นสามารถทำได้หลากหลายแบบกว่า เช่นเอาอาวุธขึ้นรับ ใช้อาวุธปัด หรือเล่นงานไปยังตัวผู้โจมตีเพื่อให้เสียจังหวะ หรือเซผิดทิศไป รูปแบบนั้นมากมาย แต่ด้วยข้อจำกัดเรื่องมิติแล้ววิธีการป้องกันแบบอื่นๆจึงถูกตัดออกไป

    ความที่ถูกรุกประชิดไวกันยาไม่มีทางเลือกในการหลบ จึงต้องเสี่ยงวิธีดังกล่าวดู หากไม่สำเร็จก็เตรียมใจที่จะรับความเสียหายที่เกิดขึ้น

    แต่ทว่าผลกลับออกมาดีผิดคาด...  การโจมตีอัดไปที่คอนอกจากจะทำให้ศัตรูเบี่ยงทิศไปได้แล้ว ยังสร้างความเสียหายอีกเล็กน้อยไปในเวลาเดียวกัน โดยที่ความเหนื่อยไม่ลดลงนัก

    "ต้องขอบคุณคนออกแบบเกมจริงๆ ที่เก็บรายละเอียดได้ขนาดนี้ สมจริงมาก... ถ้าเป็นแบบนี้ล่ะก็ ต่อให้ศัตรูเหนือกว่าสัก 2-3 เลเวลก็ไม่น่าจะยากเกินรับได้แน่ๆ" เขาขบฟันพอใจปนคึกคัก

     

    ...............................................

     

    Crazy Bird นั้นเป็นมอนสเตอร์ที่เลเวลสูงที่สุดในแม็ปปัจจุบัน และด้วยเหตุนี้สัดส่วนของมันจึงมีน้อยมากเมื่อเทียบกับสไลม์ จึงเป็นผลดีต่อกันยาที่สามารถสู้ได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องพะวงว่าจะถูกรุม ที่เขาต้องระวังก็แค่จะงอยปากของนกตัวดังกล่าว และเท้าของตัวเองไม่ให้ไปเผลอเตะใส่สไลม์เพียงเท่านั้น...

    กันยาคุ้นจังหวะมากขึ้นและโจมตีได้มากขึ้น โดยที่สงวนพลังและค่าความเหนื่อยไว้ได้

    แม้ต้องทำตัวเสมือนนักมวยที่แบกน้ำหนักขึ้นสู้กับรุ่นใหญ่กว่า แต่เกมนี้ก็วางระบบมาดี ด้วยความเปิดกว้างในหลายด้าน ถ้าวางแผนได้ฉลาดและรู้วิธีสู้แล้วล่ะก็ เลเวลที่แตกต่างกันไม่มากนักก็ทำให้สู้ได้ทั้งทางทฤษฎีและปฏิบัติ...

     

    ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี กันยาประมาณว่าศัตรูเองก็น่าจะเหลือพลังไม่น่าเกิน 40 แล้ว ขอแค่ไม่มีปัญหาอะไร ในอีกไม่เกินห้านาทีนี้เขาน่าจะปราบมอนสเตอร์ได้แบบไร้ปัญหา

    แต่ทว่า... ความคาดหวังนั้นก็ไม่ได้เป็นจริง เมื่อเขามองข้ามปัจจัยหนึ่งไป และเมดเองก็ไม่ได้บอกเตือนเรื่องนี้ด้วยเพราะยังเห็นว่าเป็นเรื่องไกลตัว...

    ซึ่งเรื่องที่ถูกมองข้ามไปนั้นก็คือ โอกาสที่อาวุธจะพังหรือถูกทำลาย...

     

    ในจังหวะที่กันยาตีดาบไม้สวนกับการโจมตีของนกคลั่งเพื่อใช้แรงบวกเพิ่มพลังโจมตีนั้นเอง

    พอดาบไม้ที่กระแทกถูกกลางอกก็มีคำว่า Critical เด้งขึ้นมาพร้อมกันเลข 15 ซึ่งถือว่าเป็นการโจมตีด้วยกำลังสูงสุด ณ เวลานี้

    เป็นตัวเลขที่น่าพอใจ อย่างน้อยพลังของศัตรูก็ควรจะลดมาเหลือประมาณ 25 ได้แล้ว ถ้าโจมตีจังๆได้สักสี่ถึงห้าครั้งก็น่าจะจบศึกได้ แต่ทว่ากันยาก็ไม่ได้มีสีหน้าที่พอใจแม้แต่น้อย ตรงข้ามมันกลับแย่ลงไปเมื่อได้ยินเสียงๆหนึ่ง

     

    กร็อบ!!

     

    ดาบไม้หักสะบั้นออกเป็นสองท่อน และมันก็ถูกยืนยันสถานภาพพร้อมๆกับคำเตือนว่า Weapon Break!!

     

    กันยามองดูดาบไม้ในตัวเองที่เหลือเพียงครึ่งเดียวแบบ มันเป็นการหักครึ่งที่มีเศษเสี้ยน สะท้อนถึงการหมดสภาพอย่างสมบูรณ์ ดาบไม้อีกครึ่งปลิวหมุนไปบนฟ้า จากนั้นก็ตกลงพื้นแล้วค่อยๆสลายเป็นละอองไป

    จากนั้นไม่กี่อึดใจดาบในมือของเขาก็เป็นอันต้องตกในสภาพเดียวกัน... เสียงเอฟเฟคเหมือนฟองก๊าซดังขึ้นพร้อมๆกับสัมผัสในมือที่หลวมลงเมื่อดาบที่กำอยู่ค่อยแปรสภาพเป็นอากาศธาตุลงต่อหน้า

    "บ้าน่า...! มีอาวุธพังแบบนี้ด้วยเรอะ!?"

     

    นกคลั่งไม่เปิดโอกาสให้คู่ต่อสู้ได้รำพันนัก มักวิ่งตรงแล้วจิกเข้าใส่เป้าหมายทันที

     

    ปึ้ก!!

     

    เสียงจะงอยปักเข้ากลางอกกันยา  พร้อมกับสัญลักษณ์ Critical แสดงถึงการโจมตีสูงสุด จังหวะดูไม่เป็นใจราวกับว่าบาปกรรมนั้นได้หวนคืนเข้าให้ในทันตา

    "อ๊อก!!" กันยาปลิวออกมาแล้วกลิ้งหลายตลบ

     

    การโจมตีล่าสุดส่งผลเกินความคาดหมาย โดนเข้าไปทีเดียวถึง 80 และที่แย่ยิ่งกว่าคือผลของ Critical ก็ทำเอาค่าความเหนื่อยลดลงมาด้วยจนเหลือไม่ถึงครึ่ง

     

    อาการบาดเจ็บต่อเนื่องทำเอาหายใจไม่ทั่วท้อง อาการจุกยังคงคาอยู่ นกคลั่งอาศัยความได้เปรียบรุกเข้าเล่นงานต่อเนื่อง มันวิ่งเข้ามาและโจมตีใส่ทั้งที่กันยายังนอนกองกับพื้น

    การวิ่งมาจากทางด้านหลังของอาทิตย์ทำให้เห็นเงาพาดผ่าน นั่นเองที่ทำให้กันยารู้ตัวแล้วว่าจะอยู่เฉยไม่ได้จนต้องกลิ้งตัวให้พ้นจากตำแหน่งเดิม...

     

    ตูม!!

     

    จะงอยปากแหลมๆจิกลงกับพื้นเสียงดังฟังชัด และเมื่องัดปากขึ้นมาก็ขุดดิ้นกระจายฟุ้ง แสดงให้เห็นถึงอำนาจทำลายล้างที่น่ากลัว

     

    นกคลั่งไม่เลิกโจมตีง่ายๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออีกฝ่ายกำลังตั้งตัวไม่ผิด มันระดมจิกรัวเป็นชุด กันยาก็ทำได้แค่กลิ้งวนไปเรื่อยๆจนตัวเองก็ยังรู้สึกอนาถ...

    จะหนีดีไหม?

    คำถามนี้ผุดขึ้นมาเองในใจ... และไวทันกันมือเขาก็กดสั่งการเรียกขนนกมาถือไว้แล้ว... จะเหลือก็แค่สะบัดมันให้เริ่มทำงานเพียงเท่านั้น...

     

    ...............................................

     

    นกคลั่งโจมตีได้คลั่งสมชื่อ พอกันยาลุกไม่ได้มันก็กระหน่ำจิกซ้ำแล้วซ้ำอีก ครั้งหนึ่งก็ลดพลังไปถึง  25 - 30  แม้พลังของเขาจะมีมากขึ้น 560 แต่การถูกโจมตีต่อเนื่องก็ทำให้มันลดจากขีดเหลือง ลงมายังขีดแดง ในที่สุด...

    ตอนนี้มีสัญญาณเตือนอันตรายดังขึ้นทั้งจากค่า HP ต่ำจนเกือบหมดหลอดพลัง และค่า FATIGUE ที่เหลือให้พอโจมตีได้ไม่เกินสองครั้ง...

    ถึงแม้ว่าเกมจะเปิดช่องให้สู้กับมอนสเตอร์ที่เลเวลสูงกว่าได้ก็จริง แต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลงก็คือความเสี่ยงที่ต้องแบกรับ... มอนสเตอร์ที่โหดก็ยังโหดอยู่วันยังค่ำ และผู้เล่นที่ไม่มีอาวุธดีๆติดตัว ก็ยังเป็นรองยิ่งกว่าไม่เปลี่ยนแปลง...

     

    กันยาหลบแบบทุลักทุเลจนในที่สุดก็ยืนขึ้นได้ แต่ก็โดยสภาพที่หลังพิงต้นไม้ที่ติดชิดกับแนวป่า...

    ด้านหลังนั้นดูเหมือนเป็นกำแพงป่า แต่ก็พอเดินลัดเลาะเข้าไปได้ และน่าจะเชื่อมต่อไปยังแม็ปถัดไป... ดูน่าจะเหมาะกับการซ่อนตัว แต่ก็ไม่อาจยืนยันได้ว่านกจะตามเข้าไปเล่นงานได้หรือไม่...

     

    กันยาหยิบขนนกขึ้นมองชั่งใจว่าจะถอยดีไหม  พลังของเขาลดฮวบจนเหลือไม่ถึง 30 โดนโจมตีแบบเดิมสองครั้งก็อาจจบลงที่ความตายได้... เมื่ออาวุธก็ไม่มีแล้วการถอยไปตั้งหลักน่าจะเป็นการฉลาดกว่า แต่กระนั้นกับศัตรูที่พลังเหลือไม่ถึง 1/5 มันก็น่าเสียดายหากไม่สามารถเอาชนะได้... และมันจะยิ่งเจ็บปวดเป็นเท่าตัวถ้าช่วงที่กลับไปพักนั้นมีคนมาเก็บตกและเอาชนะไปได้แบบหมูหก...

     

    นกคลั่งเองก็มีเหนื่อยจากการโจมตีเช่นกัน ช่วงนี้มันพักหายใจ เปิดโอกาสให้กันยาได้ตั้งตัวและตัดสินใจอนาคตตัวเอง

    และในจังหวะที่กำลังจะหันมองว่าจะพอทำอะไรได้บ้างนั้นเอง แก้มเขาก็ไปชนกับกิ่งไม้อันหนึ่งจนผงะ...

    "อุ๊บ...!" กันยาสะบัดหน้ากลับหงุดหงิดตัวเอง "บ้าเอ้ย...!! ตกใจหมด...!!"

     

    ยังดีที่ความเสียหายทางกายภาพนั้นจะนับเฉพาะการโจมตีจากมอนสเตอร์เท่านั้น มิเช่นนั้นเขาอาจเสียพลังไปโดยใช่เหตุ... แต่นั่นเองที่ทำให้เขาเกิดเอะใจอะไรบางอย่างขึ้น

    "เดี๋ยวก่อน... เกมเสมือนจริงงั้นเหรอ... ถ้าคนเขียนเกมเก็บรายละเอียดดีจริงล่ะก็ ของแบบนี้ก็ต้องเป็นอาวุธได้สิ!"

     

    ว่าแล้วกันยาก็เหยียดแขนขวาไปยังกิ่งไม้ใกล้ตัวท่อนนั้น แล้วจึงออกแรงเต็มที่หักมันออกมา...

    พลันนั้นก็มีสัญญาณเสียงเตือนถึงการติดตั้งอาวุธ พร้อมๆกับคำเอฟเฟคขึ้นที่หน้าจอ

     

    Acquired Weapon

     

    กันยาสไลด์นิ้วดูการสวมใส่ยืนยันความมั่นใจ ก็พบว่าตอนนี้ท่อนไม้ในมือกลายเป็นอาวุธได้แล้วจริงๆ... เพียงแต่ว่าก็มีคำเตือนเล็กๆเรื่องความไม่เสถียรในการโจมตี และโอกาสพังที่สูงมากๆ ไม่เหมาะสมที่จะนำมาใช้งานหนัก

    "ก็ยังดีวะ..." เขาพูดเหมือนปลงชีวิต แต่ในหนึ่งก็หวังเช่นนั้นจริงๆ อย่างน้อยถ้าสู้ใกล้ป่าก็น่าจะหาอาวุธเฉพาะหน้ามาใช้แทนได้ " ขอโอกาสอีกสักครั้งเถอะ ถ้าคราวนี้ไม่ได้ผลอีกก็จะยอมตัดใจแล้ว..."

     

    ชายหนุ่มตั้งท่าสู้โดยใช้มือขวากำท่อนไม้ไว้ มันอาจไม่เหมือนดาบ แต่ถ้ามองว่าใช้ฟาดแบบไม้หน้าสามแล้วล่ะก็ ฝ่ายที่โดนก็น่าจะเจ็บหนักได้ไม่แพ้กัน แต่เมื่อมองความแข็งแกร่งและพลังทำลายแล้ว เขาคิดควรจะเลือกจุดที่หวังผลได้มากที่สุด ซึ่งตอนนี้ก็มีเล็งจุดหนึ่งไว้แล้ว

    เขาสูดลมหายใจเตรียมพร้อมหนึ่งครั้ง ซึ่งก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ Crazy Bird หายเหนื่อยไปมากเช่นกัน

     

    พอจ้องตากันช่วงสั้นๆแล้ว ต่างฝ่ายต่างก็ออกวิ่งเป็นเส้นตรงเข้าหากันเหมือนไม่มีแผนอะไร วัดกันด้วยกำลังเพียงเท่านั้น

    "แกว๊ก!!" นกคลั่งร้องขู่

    "เป็นไงเป็นกันสิวะ...!!" กันยาเองก็คำรามกลับและใช้กำลังที่เหลืออยู่วิ่งให้สุดตัว

     

    ระยะห่างก็หดสั้นลงไปในชั่วพริบตา

    จนเมื่อเข้าระยะจู่โจม นกคลั่งก็ก็เอนตัวไปข้างหลังเล็กน้อยเพื่อเพิ่มพื้นที่ จากนั้นก็โถมไปข้างหน้าสุดตัว จิกตรงเข้าหาเป้าหมาย เป็นการโจมตีในรูปแบบเดิม

    ซึ่งในจุดนั้นเอง กันยาได้พลิกรูปแบบการโจมตีใหม่ เขาไม่ได้หลบหรือโจมตีแลก หากแต่ทิ้งตัวลงด้วยการเอนไปข้างหลังให้แกนการเคลื่อนที่เปลี่ยนไป จากที่ต้องหยุดหลบหรือฟาดตรงๆ ก็กลายเป็นกว่ากันยาสไลด์ตัวเองให้ไถลไปกับพื้น ผลก็คือทำให้ความสูงลดลงในพริบตา สามารถหลบการโจมตีได้อย่างง่ายดาย และในเวลาเดียวกันก็เห็นช่องให้โจมตีได้มากมาย

    "ว้าก!!!" เขาเล็งไปที่ช่วงอกของนกคลั่งแล้วก็ไม่ลังเลใจที่จะฟาดท่อนไม้ไปจุดนั้นอย่างสุดกำลังที่มีอยู่

     

    โผล๊ะ!!

     

    ท่อนไม้ใช้เป็นอาวุธเฉพาะหน้าได้ แต่ก็ไม่มีความคงทนเท่าดาบไม้จริงตามที่รายละเอียดเขียนไว้ แต่การโจมตีวัดใจครั้งสุดท้ายนี้ก็ออกมาดีเกินคาด

     

    20

     

    ตัวเลขสีแดงดีดขึ้นมา มันยังไม่มากพอที่จะทำให้พลังของอีกฝ่ายเหลือ 0  แต่ทว่าหลังจากตัวเลขความเสียหายขึ้นแล้วก็มีคำหนึ่งเด้งต่อหลัง

    Fetal Death Hit !!

    สิ้นข้อความเตือนนกตัวดังกล่าวก็กรีดร้องดังลั่น จากนั้นแล้วก็ได้ทรุดตัวลงนอน พร้อมกับมีลูกบอลแสดงความยินดีที่เลเวลอัพเหนือตัวกันยาเป็นรางวัลตอบแทนความเสี่ยงที่คุ้มค่า

    "นี่มัน... อะไรกัน..." เขาหงายหน้าสุดมองดูด้านหลังเห็นนกคลั่งกำลังสลายตัวไปอย่างช้าๆ "พลังมันไม่น่าจะหมดนี่นา... จะเกี่ยวอะไรกับที่เด้งขึ้นเมื่อกี้หรือเปล่าหว่า...?"

     

    กันยาที่ยังคงนอนแผ่บนพื้นหญ้ามองท้องฟ้าด้วยความงงงวย...

    "เอาเถอะ... ตอนนี้พอแค่นี้ก่อนดีกว่า... ดูท่าว่ามีเรื่องต้องถามเมดอีกเป็นกระบุงเลย..." เขาหลับตาลงถอยหายใจโล่งอกที่รอดมาได้แบบฉิวเฉียด แม้กายจะไม่เหนื่อยด้วยโบนัสการฟื้นพลังแต่ใจนั้นเพลียอย่างบอกไม่ถูก

     
     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×