ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    KELfer Online

    ลำดับตอนที่ #4 : Tale of KELfer

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 346
      3
      21 ต.ค. 56

    KELfer Online

    ตอน 04 - Tale of KELfer

    ------------------------------

    ต้องขอประทานอภัยจริงๆนะฮะ!!

    เมด NPC ขอโทษขอโพยกันยาเป็นการใหญ่ หลังจากที่ได้ยินเรื่องที่กันยาเกือบตายด้วยระบบความเหนื่อย และยังมีเรื่องปลีกย่อยที่ตกหล่นไม่ได้อธิบายอย่าง Fetal Death Hit ด้วย

    เขามองว่าเป็นความบกพร่องในการทำงานอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อคิดว่ากันยาเป็นลูกค้ารายแรกแล้วพบกับเรื่องแบบนี้เข้าก็ยิ่งทำให้รู้สึกแย่เข้าไปใหญ่

     

    แต่ในความจริงแล้วกันยาไม่ได้คิดติดใจอะไรเลย เพราะเขามองว่าเป็นเรื่องปกติของเกมใหม่ที่มีระบบแตกต่างจากของเดิม และน่าจะมีอีกหลายเรื่องที่ต้องค่อยๆเรียนรู้ ซึ่งน่าจะเข้าใจได้ง่ายและจำได้ฝังใจกว่ามานั่งเลกเชอร์เอาเอง

    "ไม่เป็นไรน่า... ต่อให้นายบอกหมด ฉันก็จำได้ไม่หมดอยู่ดีล่ะ" กันยาพูดพลางยกมือปราบเมดที่โค้งตัวแสดงท่าทีรับผิดชอบไม่ยอมเลิก

    "แต่ว่า... ในฐานะที่เป็นผู้ให้คำแนะนำ แถมคุณก็ยังเป็นคนแรกอีก การเกิดข้อผิดพลาดจนเกือบตายแบบนี้มันก็..." เขาคิดแบบจริงจังและจริงใจ

    "ไม่ใช่ความผิดนายน่าบอกแล้วไง ฉันเองก็ใจร้อนเล่นด้วยเลยไม่ได้ฟังพื้นฐานให้หมด" กันยาปลอบพลางเปลี่ยนเรื่องที่น่าจะทำให้อีกฝ่ายสบายใจ "อีกอย่างคำแนะนำของนายเรื่องทำเควสก็ช่วยได้เยอะเลยนะ"

     

    กันยากดปุ่มเรียกเอาถุงไอเท็มออกมา

    "นี่ไง เควสที่ว่านอกจากจะได้เงินแล้วยังได้ผลไม้มาเพียบเลย"

    "อา..." เมดเงยหน้ามอง

    "ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ตะกี้อยากลองของใหม่เลยใจร้อนไปหน่อย แต่ตอนนี้อยากจะพักแล้ว เรามานั่งคุยกันสบายๆเถอะนะ" กันยายิ้มพลางล้วงมือลงไปในถุง "เรื่องพลาดแล้วก็แล้วกันไป ก็เป็นบทเรียนของแต่ละฝ่ายไป ตอนนี้เรามาเก็บตกเรื่องที่พลาดไปให้ครบถ้วนถึงจะถูกจริงไหม?"

    "ถ้าคุณ Emic ต้องการแบบนั้นล่ะก็..." เมดเริ่มจะคล้อยตามที่กันยาโน้มน้าว

     

    แต่ยังไม่ทันที่จะพูดได้จบดี กันยาก็ร้อง อี๋ ขึ้นเสียงดังพร้อมชักมือออกจากถุงด้วยอาการสะดุ้งตกใจ

    "อะไรเนี่ย!?"

    "อะไรฮะ!?" เมดก็พาลสะดุ้งตามไปอีกคนแล้วมองไปที่มือของกันยา

     

    ความที่ต่อสู้ไม่ได้คิดอะไร ตอนเก็บไอเท็มเลยไม่ทันได้สังเกต และเพียงแค่ใช้นิ้วจิ้มแตะไอเท็มก็ถูกเก็บเข้ากระเป๋าพิเศษไปแล้ว ก็ไม่รู้ว่าสภาพเป็นเช่นไร มีเพียงแค่ความหนักเท่านั้นที่เพิ่มขึ้น

    จนกระทั่งได้มาล้วงดูสิ่งของที่หามาได้จากมอนสเตอร์ทั้งสไลม์และนกคลั่ง เขาถึงได้รู้ว่าสภาพไอเท็มนั้นไม่โสภาเอาเสียเลย

     

    กันยาดูมือขวาตัวเองที่เลอะเมือกเหนียวคาว... ซึ่งพอมองย้อนลงไปในถุงใส่ผลไม้ที่เก็บมาจากมอนสเตอร์ก็พบว่าเกือบทั้งหมดสภาพดูไม่สู้ดีทั้งรูปลักษณ์และน่าจะรวมไปถึงรสชาติ

    กันยาใช้ปลายนิ้วโป้งกับชี้หยิบขั้วแอ็ปเปิ้ลลูกหนึ่งออกมาวางบนโต๊ะ ก็เห็นได้ชัดว่าสภาพผลไม้ลูกนั้นมีเมือกหุ้มไปกว่าครึ่ง ดูแล้วเหนียวและแน่นอนว่ามีกลิ่นคาวเฉพาะอยู่...

    "ไม่ใช่ว่าไอเท็มดร็อปแล้วสภาพมันจะดีพร้อมกินหรือน่ะ...?" เขาบ่นขึ้นด้วยสีหน้าแหยๆ

    "เฉพาะไอเท็มทั่วไปน่ะฮะ ก็ขึ้นกับดวงและวิธีกำจัดด้วย แต่ถ้าเป็นพวกไอเท็มพิเศษที่เป็นรางวัลเฉพาะเช่นพวก MVP พวกนั้นที่จะเข้ากระเป๋าผู้โจมตีคนแรกและทำแดเมจได้สูงสุดโดยอัตโนมัติและในสภาพที่สมบูรณ์ด้วย"

    "แต่ว่า... ทานแล้วมันก็ได้พลังงานกลับคืนมาอยู่นะฮะ ถึงภายนอกจะไม่สวยก็เถอะ รสชาติภายในก็ยังโอเคอยู่"

    "งั้นเหรอ..." กันยามองดูยาวขาวขุ่นที่กำลังยืดย้วยจากกลางผลลงไปแหมะที่พื้น "แต่ได้มาแบบนี้ก็ไม่มีความหมายสิ... ใครจะกินลงกัน"

    "ถ้างั้นจะให้ปอกเปลือกไหมฮะ?"

     

    เมด NPC เสนอทางเลือกพร้อมไม่รอช้าหยิบมีดทำครัวขึ้นมาจากกระเป๋าลับสักแห่งทางด้านหลัง

    "เฮ้ย!" กันยาสะดุ้งทั้งมีดปริศนาและทีท่าเอาจริงเอาจัง

    "ไม่ต้องห่วงฮะ เห็นแบบนี้แต่ผมมืดมีดฉมังที่สุดในบ้านแล้ว รับรองปอกเปลือกได้เนียนแล้วแถมสลักเป็นรูปคุณกระต่ายก็ยังได้"

    "แต่ว่า... เมือกมันก็ยังติดตาอยู่ดีนั่นล่ะ" เขาสลัดภาพเมือกสไลม์ไม่หลุด

     

    กันยาเหลือบมองไปฟากตรงข้ามของถนน มี NPC ขายผลไม้อยู่ ก็ทำให้เกิดไอเดียดีๆขึ้นมา

    "เอาเป็นว่า... ฉันขายพวกนี้แล้วซื้อใหม่ดีกว่านะ"

    "เอ๋... แต่ว่าของที่ขายราคาอาจจะตกไปมากกว่า 50% เลยนะฮะ" เมดแสดงสีหน้าผิดหวัง "ทำแบบนั้นก็ขาดทุนเปล่าๆสิฮะ...?"

    "ไม่หรอกยังไงก็ได้มาฟรีอยู่แล้วนี่ อีกอย่างฉันกินไม่หมดหรอก ถือโอกาสทำให้ตัวเบาไปเลยก็แล้วกัน แล้วก็เลือกกินเฉพาะผลไม้ที่อยากด้วย"

    "แต่ว่า..." เมดก้มหน้าสลดอีกครั้ง ตอนแรกรู้สึกผิดที่แนะนำไม่หมด ตอนนี้ก็ผิดที่บริการได้ไม่เต็มที ถูกปฏิเสธความหวังดี

    "น่าๆ เดี๋ยวมานั่งคุยด้วย รออยู่ที่นี่ก่อนก็แล้วกัน" กันยาทำท่าจะเดินแยกออกไปแล้วหันมากำชับ "ระหว่างนี้เตรียมคำอธิบายไว้เลยนะเรื่องหลักๆ Fetal Death Hit แล้วเรื่องรองๆเดี๋ยวฉันจะถามต่อเอง"

    "กะ... ก็ได้ฮะ" พอได้รับการตอบสนองด้วยงานแล้วถึงจะเศร้าๆอยู่ แต่เมดก็แสดงสีหน้าดูมีชีวิตชีวาขึ้นอีกนิด

    "ดีมาก"

     

    กันยาเดินข้ามถนนเส้นเล็กๆมาพลางแอบนึกในใจ

    "ว่าแต่... ทำไมตูต้องมานั่งปลอบ NPC ด้วยฟะเนี่ย?"

     

    ที่ผ่านมาเคยเจอบอทพูดคุยอัตโนมัติก็หลายประเภทอยู่ แต่บอทที่เนียนได้ขนาดนี้นี่ถือเป็นครั้งแรกจริงๆ มันเป็นระบบตอบโต้สมจริงมากจนเขาคุ้นหัว ทำเอาอยากหาโอกาสเจาะระบบเข้าไปแกะดูโค้ดเสียให้รู้แล้วรู้รอดสักที...

     

    ...............................................

     

    ใช้เวลาไม่นานนัก กันยาก็เดินข้ามฟากกลับมาพร้อมถุงผลไม้เล็กๆถุงหนึ่ง

    ขนาดถุงแตกต่างจากที่ยกไปขายมาก ก็เป็นจริงตามที่พูดไว้ว่าซื้อมาแค่พอเป็นประมาณ โดยผลไม้ส่วนใหญ่จะราคาแตกต่างกันตามแต่ประเภท ซึ่งกันยาก็เชื่อว่าคงแปรผันตามสภาพภูมิประเทศอีกเช่นกัน...

     

    กันยาวางถุงลงที่ม้าหินอ่อนใต้ต้นไม้ข้างโรงแรม

    "ฟู่... เอาล่ะพักกันหน่อย" กันยากวักมือเรียกให้เมดเข้ามาใกล้ๆ "มานั่งหลบแดดแล้วคุยกันสบายๆกันเถอะ"

    "ฮะ"

     

    เมดอาจจะมีพื้นที่ทำการจำเพาะเลยห่างไม่ได้มากนัก แต่แค่ม้านั่งหินอ่อนนั้นไม่ได้ไกลจากจุดเดิมเท่าไรนัก จึงสามารถปลีกตัวออกมาได้

    เมดนั่งลงอย่างสุภาพจนกันยารู้สึกสงสัยว่าที่เมดพูดว่าตนเป็นผู้ชายแท้ๆ จิตใจก็ผู้ชายนั้น ฟังดูขัดกับสิ่งที่เห็นอยู่มาก... ถึงจะบอกว่ามีเหตุจำเป็นต้องแต่งหญิงก็ตาม แต่บุคลิกนั้นสมจริงราวกับถูกฝึกมา ไม่ก็ฝักใฝ่อยากเป็นเมดชัดๆ

     

    จนเห็นเมดนั่งฟากตรงข้ามแต่มีโค้งตัวเล็กน้อยลดความสูงลงแสดงความเคารพมันก็เริ่มสร้างความอึดอัดขึ้นมานิดๆ

    "สบายๆน่า ไม่ต้องนอบน้อมมากก็ได้" กันยาพูดพลางหยิบแอ็ปเปิ้ลลูกหนึ่งขึ้นมามอง "แต่ก็นะ... อย่างที่นายว่าเลย... ราคาแอ็ปเปิ้ลตกลงจริงๆด้วย เพียงแต่ว่าราคามันเหมือนจะสุ่มๆนะ แถมต่อรองกับพ่อค้าได้อีก ปกติแล้วมันต้องใช้สกิลสายอาชีพพ่อค้าถึงจะทำได้ไม่ใช่เหรอ?"

    "อ้อ... ไม่หรอกฮะ ทุกอาชีพต่อราคาได้หมด เพียงแต่ว่าโอกาสสำเร็จ หรือมูลค่าต่อรองอาจไม่สูงเท่าอาชีพพ่อค้าเท่านั้นเองฮะ" เมดหนุ่มดูสีหน้าดีและมีชีวิตชีวาอย่างเห็นได้ชัดขึ้นเมื่อได้บริการตอบคำถาม

    "ฟังดูสมจริงดีนะ" เขาถามต่อ "งั้นก็หมายความว่าคงมีค่าความชำนาญการด้านต่างๆ เช่นการต่อรองราคาด้วยสินะ ถ้าต่อบ่อยๆก็มีโอกาสลดราคาได้มาก เพียงแต่ราคาที่ของลงจะไม่เท่ากับพ่อค้าที่มีสกิลสายตรง"

    "ถูกต้องฮะ"

    "ระบบน่าสนใจ แต่ว่าฉันเป็นพวกต่อรองไม่เก่ง แล้วก็ไม่ค่อยชอบเสียเวลาต่อรองด้วย ไว้ค่อยหาพ่อค้ามาโดยตรงเลยน่าจะดีกว่าแฮะ"

    "ได้สิฮะ ไว้ผมจะอธิบายระบบปาร์ตี้ กับสายอาชีพพ่อค้าให้อีกทีนะฮะ น่าจะเป็นประโยชน์ให้คุณ Emic ได้แน่ๆ"

    "อืมๆ"

     

    คุยคร่าวๆแล้วกันยาก็หยิบแอ็ปเปิ้ลลูกหนึ่งขึ้นมากัดชิมหนึ่งคำ

    พอได้เคี้ยวชิมโดยลิ้น รับสัมผัสกรุบกรอบจากฟัน และสูดกลิ่นผ่านจมูกแล้ว... เขาก็อดที่จะทึ่งในระบบที่สมจริงนี้ไม่อยู่

    "โอ๊ะ... อร่อยดีแฮะ" เขามองดูแอ็ปเปิ้ลในมือที่มีรอยฟันและมีน้ำหวานปนเปรี้ยวอ่อนๆที่เปียกจากตรงรอยกัด "รสชาติแอ็ปเปิ้ลเป๊ะๆเลยนี่นา แถมยังสดและชุ่มฉ่ำอีกต่างหาก... ถึงจะบอกว่าเป็นระบบสมจริงก็เถอะแต่ว่าทำได้ยังไงกันนะ?"

     

    ถึงความจำจะยังไม่กลับมาดีแต่ก็ยังนึกเรื่องนี้ออก เพราะมันเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เขาสนใจมากๆจนพอจะปะติดปะต่อได้

    การผสมรสชาติไม่ใช่เรื่องง่ายๆ มันมีองค์ประกอบที่ซับซ้อน ซึ่งการรับรสก็ยังต้องเชื่อมโยงจากลิ้นไปยังสมองด้วย หากจะสร้างรสชาติเสมือนจริงก็อาจสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายในการซื้อรสชาติเฉพาะมาอีก

     

    เห็นกันยาสนใจเช่นนั้นแล้ว เมดก็เข้าสู่โหมดตอบคำถามแล้วไขข้อสงสัยให้ทันทีโดยไม่ต้องให้ถาม

    "มันใช้วิธีการดึงความทรงจำโดยตรงน่ะฮะ"

    "ดึงความทรงจำโดยตรง?"

    "ฮะ! เราใช้วิธีการกระตุ้นไปยังความทรงจำ ถ้ายกตัวอย่างง่ายๆก็เช่น เมื่อเราอยากให้ใครสักคนน้ำลายไหลมากๆ เราก็ใช้วิธีง่ายๆแค่ให้เขาดูภาพคนชิมมะนาวแล้วทำตาหยีๆเข็ดฟัน เพียงเท่านั้นเราก็เปรี้ยวแทนแล้วใช่ไหมล่ะครับ"

    "อืม..." กันยาจับคางคิดตาม

    "หรือว่าอยากให้รสชาติซ่ามากๆ ก็อาจเป็นโซดาที่เห็นฟองเล็กๆซู่ๆ กินแล้วปากสนิทแล้วเผลออ้าร้อง ฮ่า! ให้ได้อารมณ์จากในลำคอ อะไรแบบนั้นก็ทำให้เราจินตนาการได้แล้ว" เมดอธิบายต่อ "หลักการคล้ายกัน ในเกมเราอาจใช้ภาพ กลิ่น กระตุ้นไปยังความทรงจำ เพียงเท่านั้นผู้เล่นก็จะจำลองรสชาติขึ้นประสานกันได้แล้วฮะ โดยระบบเกมใช้เพียงแค่รสชาตินำทางนิดหน่อยก็พอแล้ว เห็นผลได้ดีมากในอาหารพื้นฐานโดยไม่ต้องลำบากเรื่องการผสมรสแล้วสื่อไปยังสมองเลยฮะ"

    "แล้วถ้าเป็นอาหารที่ไม่เคยทานมาก่อนล่ะ?"

    "ถึงตอนนั้นระบบจะใช้รสชาติที่ใกล้เคียงที่สุดออกมาให้ฮะ ซึ่งก็แน่นอนว่ามันอาจไม่เป๊ะเสียทีเดียว หรือถูกปาก เพราะจะต้องขึ้นกับรสนิยมของผู้ทาน แต่ว่าก็ใกล้เคียงกับที่ระบบวางไว้ในระดับหนึ่งเลยล่ะนะฮะ"

    "น่าสนใจ... ว่าแต่ใครคิดกันนะช่างคิดระบบรสชาติแบบนี้"

    "ฮะๆ ถ้าเป็นเรื่องนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นทีมงานสักกลุ่มในอวาต้าร์โปรเจคน่ะฮะ แต่เพราะเป็นโครงการในเรื่องพัฒนาระบบเชื่อมต่อ เลยไม่ค่อยได้ถูกกล่าวถึงนัก แต่อนาคตน่าจะมีโอกาสแพร่หลายขึ้นถ้ามันสมบูรณ์น่ะนะฮะ แบบว่าใครอยากทานอาหารหรูๆหรือวัตถุดิบหายากแค่ไหน ก็เพียงแค่เอาเครื่องนี้ไปไว้ที่บ้านก็ทานอาหารในจินตนาการได้ทั้งโลกแล้ว"

    "น่าปรบมือให้เทคโนโลยีนี้จริงๆนะ"

     

    กันยากินแอ็ปเปิ้ลจนหมดลูก

    ช่วงที่กำลังเลือกอยู่ว่าจะลองอะไรเป็นลำดับต่อไปดีระหว่างส้มกับกล้วยนั้น เขาก็รู้สึกว่าความอิ่มเพิ่มขึ้นพร้อมๆกับพลังกายหรือค่า STAMINA นั่นเอง

     

    พอมองที่เกจพลังแล้วก็เกิดข้อสังเกตเปรียบเทียบบางประการขึ้น

    "จะว่าไปแล้ว... กินอาหารแล้วขึ้นไวกว่านั่งพักจริงๆด้วยแฮะ"

    "นี่ยังแค่เริ่มต้นนะฮะ จริงๆแล้วเกมนี้มีสกิลทำอาหารให้กับอาชีพสาย Creator ด้วย นอกจากรสชาติจะดีและแปลกใหม่มากขึ้น มันก็มีผลโดยตรงกับ STAMINA มากที่สุดฮะ ทั้งขึ้นไว อาหารบางประเภทก็ลดค่านี้รวมไปถึงค่า FATIGUE ลงได้ด้วย ยิ่งอาหารระดับสูงยิ่งลดลงได้มาก... แล้วก็ยังมีอาหารเสริมทานแล้วเพิ่มคุณสมบัติบางประการชั่วคราวอีกนะฮะ... เชื่อว่าอีกหน่อยคงเป็นอีกสายที่น่าจะมีคนเล่นเพราะความแปลกใหม่"

    "อืม... เข้าท่ามาก ตอนแรกนึกว่าสายอาชีพนี้จะไม่มีอะไรเป็นเนื้อเป็นหนังนะนะ ถ้าเป็นระบบนี้ที่พ่วงกับรสชาติสมจริงแล้ว งานนี้อาจได้เห็นคนเล่นอาชีพนี้แล้วสร้างเมนูแปลกใหม่ออกมาอีกให้เพียบเลยนะ"

    "ฮะ" เมดยิ้มรับ

     

    พอพูดถึงเรื่องทักษะการทำอาหารแล้วกันยาก็นึกได้เลยเรียกถามซ้ำเอาตอนนี้ด้วยความสนใจ

    "ว่าแต่เมื่อกี้อยากแสดงฝีมือไม่ใช่เหรอ ฝีมือมีดปอกกับแกะสลักน่ะ?"

    "ใช่ฮะ"

    "งั้นขอฉันดูหน่อยได้ไหม?"

    "ยินดีฮะ! แล้วก็รับประกันได้เลยฮะ!"

     

    เมดหนุ่มรอคำนี้อยู่ลึกๆ พอได้ยินการเรียกร้องแล้วก็ไม่รอช้าที่จะตอบสนอง

    มีดถูกชักออกมาจากกระเป๋าลับที่ด้านหลังในพริบตา คราวนี้แม้กันยาจะเพ่งมองแต่ก็มองการเคลื่อนไหวไม่ทันเช่นเคย จนดูเหมือนว่าเมดผู้นี้จะมีอะไรลึกลับกว่าที่ตนคาดไว้นัก

     

    แอ็ปเปิ้ลถูกปาดส่วนหัวกับท้ายออกก่อนเป็นอันดับแรก ต่อมามีดถูกวางในมุมที่พอเหมาะ ส่วนมืออีกข้างก็จับแอ็บเปิ้ลอย่างสมดุล จากนั้นเมดก็สะบัดมือขึ้นลงปอกเปลือกแนวตั้งออกทีละมุมอย่างรวดเร็ว

    เป็นรูปแบบการปอกที่ผิดจากแนวคิดเก่าที่ใช้การหมุนเป็นวงกลมที่มักใช้แสดงทักษะปอกไม่ให้เปลือกขาด แต่วิธีบาดแนวขวางที่ดูไม่สวยงามเท่าก็เป็นเพิ่มความเร็วขึ้นอย่างมากและได้มุมเรียบกว่าเดิม ลดการบอบช้ำให้กับแอ็ปเปิ้ลได้มาก

    กันยาคุ้นๆว่าเคยเห็นคลิปแบบนี้จากพ่อครัวที่ใช้มีดเก่งๆ แต่ไม่นึกว่าจะได้เห็นกับตาตัวเองจากเมดที่อายุดูอ่อนก่อนตนเองราวๆ 3-4 ปีได้

     

    ใช้เวลาไม่ถึงสองนาที แอ็ปเปิ้ลหนึ่งลูกก็ถูกปอกเปลือก ผ่าเป็นชิ้นๆ ขนาดใกล้เคียงกันและทรงสวยงาม... รวดเร็วจนกันยายังไม่ทันได้หาใบไม้มารองแทนจาน...

    พอได้ชิมดูแล้วรสชาติก็อร่อยในแบบตัวเอง ซึ่งก็เคี้ยวง่ายขึ้นเพราะไม่มีเปลือกเหนียวๆสากๆมาทำลายจังหวะการกิน

    "ว่าแต่... NPC บริการแบบนี้... ระบบเขาไม่ว่าอะไรหรือน่ะ?" กันยาทานไปชิ้นหนึ่งแล้วถามขึ้น

    "ถ้าเรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงฮะ..." เมดตอบพลางปอกแอ็ปเปิ้ลอีกสองลูกที่เหลือโดยไม่เสียสมาธิ "ผมทำได้มากสุดก็แค่นี้เอง ไม่เกินเลยไปกว่านั้น อีกอย่างถึงปอกเปลือกหรือตกแต่งมันก็ไม่ได้ส่งผลกับพลังหรือค่าความเหนื่อยแต่อย่างใด แค่ทำให้ทานง่ายขึ้นเท่านั้น แถมทำแบบนี้ก็จะได้แนะนำความพิเศษของสายอาชีพทำอาหารไปในตัวอีกด้วยไงล่ะฮะ เมดบริการทั้งหมดก็ทำกันได้นะฮะ ต่างแค่ความชำนาญเท่านั้นเอง แล้วก็อยู่ที่ว่ายูเซอร์จะเรียกให้ทำหรือเปล่าเท่านั้นเอง"

    "งั้นเหรอ... ก็รัดกุมรอบคอบดีนะ"

     

    แอ็ปเปิ้ลกว่าสามลูกวางลงกลางโต๊ะหินอ่อน ขณะที่เมดหนุ่มมองผลงานตัวเองอย่างพึงพอใจและหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งมารีดเช็ดให้สะอาดแล้วเก็บเข้ากระเป๋าลับอย่างรวดเร็ว

    พอเห็นทีท่าแบบนั้นแล้วกันยาก็ถือโอกาสนี้ชวนทานด้วยกันทั้งตามมารยาทและอยากทดสอบระบบบางอย่าง

    "ไหนๆก็ไหนๆแล้วมากินด้วยกันสิ" เขามองหน้าแล้วเชิญตรงๆ

    "เอ่อ... ไม่ดีกว่าฮะ..." แต่เมดก็ปฏิเสธตามแบบที่คาดไว้ "เชิญคุณ Emic ทานตามสบายเลยฮะ"

    "อะไรกัน หรือว่า NPC กินอะไรไม่ได้" กันยายังไม่ยอมแพ้ เขาอยากดูว่าระบบตอบโต้นี้จะไปได้ขนาดไหนและเปิดช่องไว้เพียงใด

    "เปล่าฮะ แค่ไม่อยากเปลี่ยนฐานะตัวเอง ยกตนขึ้นเสมอนายน่ะฮะ"

    "นายอะไรกัน ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้" เขาต่อรองให้ดูยากขึ้นเพื่อดูการประเมินผลของอีกฝ่าย "ทำตัวตามหน้าที่มันก็ดี แต่จริงจังเกินเหตุแบบนั้นฉันก็เกร็งเหมือนกันนะ"

    "มันก็ใช่อยู่หรอกฮะ แต่ว่าผม..."

    "งั้นงานก็เรื่องหนึ่ง บริการก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่ตอนนี้ฉันอยากให้นายเป็นเพื่อนคุยสบายๆเท่านั้น นายก็ทำตัวปกติไป แต่ถ้าเมื่อไหร่ฉันจะเรียกใช้บริการฝากของหรือเซฟอะไรนายค่อยปฏิบัติหรือวางตัวตามหน้าที่เอา... แยกบทบาทตามนี้ จะได้เป็นกันเองมากขึ้น ฉันจะได้วางตัวเป็นธรรมชาติมากขึ้น สงสัยอะไรจะได้ถามแบบไม่ตกหล่น นายเองก็จะได้แนะนำได้ง่ายขึ้นด้วย ตกลงไหม?"

    "อา... " เมดครุ่นคิด

    "ตกลงไหม?" กันยาเพิ่มน้ำหนักให้ตัดสินใจง่ายขึ้น

     

    ซึ่งก็ได้ผลจากนั้นแล้วเมดก็พยักหน้าหนึ่งทีแล้วตอบรับ

    "ถ้าเป็นกันเองแค่ตอนคุยก็... คงได้ล่ะนะฮะ ไม่น่ามีปัญหาอะไร"

    "ดีมาก งั้นก็เริ่มจากนี่เลย" ว่าชายกันยาก็หยิบแอ็ปเปิ้ลชิ้นหนึ่งให้ "แทนคำขอบคุณของฉัน"

    "จะดีจริงๆหรือฮะ?"

    "ปกติควรเป็นพวกน้ำผลไม้ พวกเหล้าประสาคนมีอายุน่ะนะ แต่นี่เป็นเกมออนไลน์ ใช้ผลไม้ในเกมแทนอาหารกระชับสัมพันธ์ก็ไม่เลวจริงฮะ" กันยาเปรียบเทียบได้เข้าท่า

    "ฮะๆ นั่นสิฮะ งั้นก็ขอรับด้วยความเต็มใจเลยนะฮะ"

     

    คราวนี้เมดหนุ่มรับมาทานด้วยสีหน้าที่ดูดีใจที่ได้รับการยอมรับและเมตตาอย่างจริงใจ

    กันยาเห็นแบบนั้นก็พอใจ ส่วนหนึ่งก็สนุกที่ได้เห็นคาแรกเตอร์ในอีกแบบของเมด อีกส่วนก็ศึกษาคิดตามถึงรูปแบบการประมวลผลของโปรแกรม

    "ว่าแต่เรียกกันห้วนๆแบบนี้ก็กระไรอยู่ ขอเรียกชื่อแทนเลยได้ไหม?" กันยารุกต่อ

    "จะ... จะดีหรือฮะ?" เมดดูยอมเปิดใจขึ้นแต่ก็ยังติดลูกลังเลนิสัยเดิม "ผมเป็นแค่ NPC เท่านั้นเอง"

    "ฉันก็เป็นแค่อวาต้าร์เหมือนกันล่ะน่า ตัวจริงอยู่ข้างนอกเกมโน่นแถมคนละชื่อในนี้ด้วย แต่ในเมื่ออยู่โลกเดียวกันพูดคุยภาษาเดียวกัน จะเรียกชื่อแทนตัวเองก็ไม่เห็นแปลกตรงไหนนี่ อีกอย่างฉันรู้สึกว่านายเป็นมากกว่า NPC นะ แถมพูดคุยกันก็สนุกได้เรื่องราวด้วย ไม่เหมือน NPC ทั่วไป"

    "อืม... มันก็..." เมดคิดหนักขึ้น

    "ถ้าจะต้องคุยกันบ่อยๆก็เรียกชื่อกันไปเลยน่าจะสนิทใจกว่านะ" กันยาลงท้ายด้วยคำพูดกึ่งๆชี้นำเช่นเดิม

    "ถ้างั้นก็... ยินดีฮะ"

     

    ที่สุดแล้วเมดก็ยอมรับคำขอ เขาส่งยิ้มหนึ่งทีแล้วตอบอย่างสุภาพตามนิสัยเดิมแม้จะเป็นการเปิดใจกว่าเดิมก็ตาม

    "ผมชื่อว่า คาน่อน ฮะ"

    "คาน่อนสินะ"

    "ฮะ" เธอพยักหน้ายืนยัน

    "งั้นก็เรียกฉันว่าอิมิคแบบเดิมก็ได้นะ" กันยาเสนอให้เรียกชื่อแบบเป็นกันเอง "ถึงจะชื่อเดิมแต่ก็เรียกตามที่ถนัดละกันจะอิมิคเฉยๆ หรือมีคุณก็แล้วแต่นายละกัน ฉันได้ทั้งนั้นล่ะ"

    "ฮะคุณอิมิค"

     

    เมด... คาน่อน ตกลงใจที่จะเรียกชื่อลูกค้ารายแรกด้วยภาษาเดิมๆ

    แต่ที่เปลี่ยนไปก็คือความตึงเครียดดูหายไปมาก แล้วก็รู้สึกเข้าหน้าพูดคุยกันอย่างเป็นธรรมชาติขึ้นอย่างเห็นได้ชัด...

     

    ...............................................(1/3)

     

     

    พอทานแอ็ปเปิ้ลได้อร่อยปาก การคุยกำลังจะเริ่มออกรส แดดก็พาลเริ่มส่องกราดลงมามากขึ้น จนรู้สึกได้ชัด...

     

    แดดในเกมไม่ได้มีผลแค่ความสว่างเท่านั้น แต่ยังให้ความรู้สึกที่สมจริงอีกด้วย แม้นั่งเฉยๆก็เริ่มมีเหงื่อเม็ดเล็กๆผุดออกมา

    ก่อนที่จะร้อนจนคุยไม่รู้เรื่องกันยาเลยต้องชวนคาน่อนย้ายที่นั่งพักมาโต๊ะหินอ่อนอีกตัวแทนไปก่อน ซึ่งเมดหนุ่มเองก็รู้งานช่วยเก็บสัมภาระกับเศษขยะเปลือกผลไม้เรียบร้อยในเวลาอันสั้น

     

    ทั้งสองมานั่งที่เก้าอี้หินอ่อนฟากตรงข้ามแต่ยังอยู่ในโซนเดียวกัน

    "จะว่าไปแล้ว... ดวงอาทิตย์มีเปลี่ยนตำแหน่งด้วยแฮะ" กันยาพูดพลางเงยหน้ามองร่มไม้ใหญ่ที่พอเห็นแสงทะลุรำไร

    "ใช่ฮะ... ระบบธรรมชาติสมจริง มีกลางวันกลางคืน มีฝนตกแดดออก พายุเข้า ขึ้นกับจังหวะแล้วก็ภูมิประเทศเป็นหลักฮะ"

    "มีผลกับการเล่นด้วยสินะ?" กันยาเริ่มจับทางได้

    "แน่นอนที่สุดฮะ สู้ตอนกลางวันเหนื่อยง่ายกว่าตอนกลางคืน แต่สู้ตอนกลางคืนก็อาจมีปัญหาเรื่องทัศนวิสัยกว่ากลางวันเช่นกัน สู้ตอนฝนตกจะเหนื่อยน้อยกว่าสู้วันที่แดดแรง แต่ร่างกายก็อ่อนแอลงพอตัวเป็นค่าพลังที่ไม่ปรากฎในเกม ภาพรวมคือมีโอกาสติดสถานะผิดปกติมากขึ้นอีกหน่อยฮะ เช่นกันว่าพื้นที่เปียกโคลนหรือลื่นก็อาจเป็นอุปสรรค์ต่อการเคลื่อนไหวด้วย"

    "อย่าบอกนะว่า... มีความละเอียดขนาด ฝนเข้าตาได้ เสื้อเปียกแล้วหนักขึ้นทำนองนั้นน่ะ"

    "โอ... หัวไวสมเป็นคุณอิมิคจริงๆ เรื่องนี้ต้องมีแน่นอนสิฮะ สมจริงขนาดนี้ จะพลาดได้ยังไง" คาน่อนปรบมือชอบใจโดยที่ไม่ได้รู้ตัวเลยว่ากันยาพูดนั้นด้วยอารมณ์ลำบากใจลึกๆ

    "เอาเถอะ... รู้ไว้ก่อนก็ดี จะได้มีการวางแผนให้รัดกุมขึ้นล่ะนะ" เขาพูดสนใจครึ่งปลงครึ่ง "อย่างน้อยเวลาเก็บเลเวลจะได้ไม่เบื่อกับบรรยากาศซ้ำซาก"

     

    กันยาหยิบแอ็ปเปิ้ลอีกชิ้นขึ้นมาเคี้ยวแล้วก็กลับไปยังประเด็นแรกสุดที่ยังไม่ได้คำตอบเพราะคาน่อนเอาแต่พูดสำนึกผิด

    "เข้าเรื่องเดิมหน่อยดีกว่า FDH นี่ว่าน่ะคืออะไรนะ?" เขาพูดนำแล้วขยายความเพื่อให้ได้คำตอบอีกคำตอบในเวลาเดียวกัน "ฉันว่าฉันนับพลังคร่าวๆแล้วนะ โจมตี FDH จังหวะสุดท้ายนั้นยังไงก็ไม่มากกว่า HP ของนกคลั่งแน่ๆ แต่โดนทีเดียวมันกลับร่วงน็อคซะงั้น?"

    "ได้ฮะ...!" คาน่อนสะดุดเล็กๆเมื่อเรื่องเดิมกลับเวียนมา แต่อย่างไรเสียความรู้สึกผิดก็ได้แปรเป็นความรับผิดชอบไปแล้ว โดยหนนี้เขาตั้งใจจะอธิบายให้หมดเปลือกไปเลย

     

    FDH นั้นเป็นคำย่อสั้นๆของคำว่า Fetal Death Hit ความหมายก็ตรงตามตัวคือ ทีเดียวดับ!

    ในระบบเกมออนไลน์รวมไปถึง RPG เดิมนั้นจะมีการโจมตีแบบ คริติคอล (Critical) อยู่ซึ่งจะเป็นการโจมตีแบบสูงสุดและไม่สนพลังป้องกัน มีข้อดีคือสร้างความเสียหายได้สูงมากๆ ถ้าออกรัวๆก็สามารถล้มศัตรูได้ในไม่กี่ครั้งโจมตี แต่ปัญหาคือการโจมตีลักษณะนี้ออกได้ยาก ซึ่งขึ้นกับค่าของดวงในเกมและดวงในชีวิตจริง...

     

    KELfer Online ได้เพิ่มอีกระบบหนึ่งขึ้นมาคือ FDH ให้สมจริงมากขึ้นและให้การต่อสู้ดูน่าสนุกขึ้น และเป็นค่าที่แรงกว่าการโจมตีแบบคริติคอล

    ระบบนี้เปรียบได้ดั่งการโจมตีเข้าจุดตาย คนๆหนึ่งถ้าถูกโจมตีที่แขนขาอาจยังมีชีวิตอยู่ได้พักใหญ่ และถ้าหัวใจหรือสมองถูกเล่นงานอย่างรุนแรงแล้ว อาจเสียชีวิตได้ทันที

    FDH คือการโจมตีในลักษณะดังกล่าว เพื่อให้ผู้เล่นเลเวลน้อยๆสามารถเอาชนะผู้เล่นหรือศัตรูเลเวลสูงกว่ามากที่ประมาทหรือแพ้ทางได้

    แต่อย่างไรเสีย มันก็ต้องขึ้นกับความสามารถ จังหวะ และดวงอยู่พอตัว เพราะเงื่อนไขหลักๆมี 2 ประการคือ

    (1) โจมตีให้เข้าที่จุดอ่อนของศัตรู และ

    (2) ต้องโจมตีด้วยกำลังที่มากพอ ซึ่งถ้าไม่ใช้สกิลเสริมก็ต้องอาศัยดวงให้เกิดการ Critical แล้วการโจมตีจะเปลี่ยนเป็น FDH ให้โดยอัตโนมัติ ผลคือศัตรูตายในทันที

     

    ดูมีประโยชน์ แต่โอกาสติด FDH นั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะต้องทำสองข้อข้างต้นให้สำเร็จในคราวเดียวกัน

    ความยากจะอยู่ที่จุดอ่อนของศัตรูที่ถึงแม้จะรู้ได้ผ่านไอเท็มแว่นขยาย แต่นั่นก็เป็นภาพรวม เช่นอยู่ที่หน้าอก แต่จุดตายของศัตรูนั้นก็จะสุ่มไปเรื่อยในช่วงหน้าอกนั้น ซึ่งขนาดมันเพียงประมาณผลส้มเท่านั้น ถ้าโจมตีไม่โดนอย่างน้อย 50% ของจุดดังกล่าว ก็จะไม่มีโอกาสติด FHD เลย (แต่ก็ยังถือว่าโจมตีเข้าจุดอ่อนและได้ค่าความเสียหายสูงกว่าปกติอยู่)

    หนึ่งในอาชีพที่ได้เปรียบก็คือพ่อค้า ซึ่งจะมีสกิล Analysis ช่วยทำให้เห็นจุดดังกล่าวอย่างชัดเจน แต่กระนั้นอาชีพพ่อค้าก็ไม่ใช่สายลุย โอกาสโจมตีให้เกิดผลที่รุนแรงก็ยังเป็นรองสายนักสู้อยู่มาก ซึ่งก็รวมไปถึงความคงทนและความคล่องตัว กับความชำนาญของอาวุธด้วย

     

    FDH คือการโจมตีในฝันแบบของผู้เล่น เสมือนที่พระเอกหนังแอ็กชันหลายเรื่องโจมตีทีเดียวแล้วศัตรูตายนั่นเอง โอกาสเกิดขึ้นน้อยมากๆ และมีความเสี่ยงอยู่มาก เพราะจุดอ่อนของศัตรูมักอยู่ในจุดที่อันตรายที่สุดในการโจมตี แต่ถ้าทำได้ก็ถือว่าคุ้มนัก...

    นอกจากนี้แล้ว FDH ก็มิใช่ว่าจะต้องหวัลผลแค่การฟันทีเดียวตายเสมอไป การโจมตีในครั้งแรกๆก็สามารถติดค่านี้ได้เช่นกัน เพียงแต่ว่าศัตรูจะไม่ตายเท่านั้น ทว่านั่นก็ทำให้ศัตรูสาหัสได้พอตัว...

    เพราะผลแท้จริงของ FDH คือโอกาสสร้างความเสียหายมากกว่าที่เห็น เช่นถ้าโจมตีได้ 15 ค่าจริงอาจมากถึง 20 เป็นต้น การที่กันยาตีนกคลั่งได้น้อยกว่าตัวเลขพลังที่เหลืออยู่เล็กน้อยจึงส่งผลเทียบเท่าการตีจนพลังนกคลั่งหมดนั่นเอง...

    มันเป็นเหมือนโบนัสพิเศษที่แถมค่าความเสียหายมาตอนหลัง ความแรงดังกล่าวขึ้นกับพลังโจมตี อาวุธ มุมโจมตีและพลังเสริม เทียบกับช่องว่างและการตั้งตัวของศัตรู ถ้าจังหวะลงตัวสุดๆแล้ว กับศัตรูทั่วไปที่เลเวลใกล้เคียงกันแล้ว FDH อาจช่วยให้สังหารได้แม้ศัตรูจะมีพลังเหลือราวครึ่งต่อครึ่งก็เป็นไปได้

    ทั้งนี้ก็เพื่อเปิดระบบให้ใช้กับบอสได้ ซึ่งแม้จะไม่ตายในการโจมตีชุดแรกๆ แต่ก็อาจมีผลข้างเคียงที่เป็นประโยชน์ตามมาได้ เช่นติดสถานะมึนงง (Stun) เลือดไหลออกมาอย่างต่อเนื่องช่วงเวลาหนึ่งๆลดพลังไปเรื่อยๆ (Bleeding) ได้

     

    มันเป็นการโจมตีที่ยั่วยวนผู้เล่นสายบู๊มาก แต่ก็ต้องกล้าพอที่จะเสี่ยงการโจมตีของศัตรูเพื่อเข้าไปเล่นงานที่จุดดังกล่าวเช่นกัน...

     

    ...............................................

     

    ได้ยินรายละเอียดของ FDH เข้าแล้วกันยาก็รู้สึกคึกคักขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด

    "ถ้าเทียบกับพวกเกมแนว CS (Counter Strike) แล้ว FDH ก็เหมือนกับการยิง Headshot เลยสิ! โป้งเดียวร่วง!!" เขาพยักหน้า

    "ใช่ฮะ แต่จะต่างกันก็ตรงที่เกม CS นั้นมีปืนที่เล็งจากระยะไกลได้ และเป้าก็มีแค่ส่วนหัวเหมือนกัน แต่เกมนี้จะล็อคเป็นจุดๆไป บางจุดก็อยู่อับโจมตียาก บางจุดก็ปิดทางโจมตีเลย เช่นจอมเวทใช้เวทสายฟ้าที่ต้องยิงจากบนลงล่าง ถ้าศัตรูเป็นแบบนกคลั่งที่จุดตายที่อกที่ก้มเป็นส่วนใหญ่ล่ะก็ โจมตีสายฟ้ามากแค่ไหนก็ไม่เข้าจุดตายฮะ โดนแต่กลางหลังตลอด"

    "น่าทึ่งนะ" กันยาพยักหน้า

    "ใช่ไหมล่ะฮะ" คาน่อนภูมิใจในเกมมากประหนึ่งจะสำคัญตัวในฐานะ NPC ลูกจ้างคนหนึ่งในเกม

    "แต่... ที่น่าทึ่งก็นายด้วยล่ะ" กันยาสะกิดใจกับคำตอบเมื่อครู่

    "ผม...? ผมทำไมฮะ!?"

    "ฉันหลุดปากเรื่อง CS ไป แต่ไม่นึกว่านายจะรู้จักด้วยน่ะสิ มันเกมเก่าแล้วนะ แถมคนละแนวกับที่เล่นตอนนี้อีกต่างหาก"

    "แหม...!" คานอนนั่งกอดอกแล้วเชิดหน้านิดๆ "เห็นแบบนี้แต่ผมก็มีระบบเชื่อมต่อและทำความเข้าใจกับข้อมูลในโลกอินเตอร์เน็ตนะฮะ แค่สืบค้นแล้วตีความไม่ใช่เรื่องยากเลย"

    "เห..." กันยาสนใจอีกครา "ฟังดูเข้าท่านี่ จะบอกว่านายเชื่อมต่อข้อมูลได้สินะ?"

    "แน่นอนฮะ เพื่อความสะดวกของผู้เล่นในกรณีที่มีข้อสงสัยอื่นนอกจากคู่มือเกม หรือคู่มือเกมไม่อาจอธิบายได้ชัดเจน"

     

    กันยามองคาน่อนแล้วก็ยิ้มชอบใจ ยิ่งทีตนยิ่งชอบในตัวเมดคนนี้

    ไม่ใช่เพราะเพศที่เป็นปริศนา แต่เพราะความหลักแหลม สมจริง การแสดงออกสอดคล้องกับสีหน้า และยังมีการเก็บข้อมูลพร้อมเรียนรู้ตัวเองได้ด้วย

    น่าเสียดายที่มีปัญหาเรื่องการ Login ทำให้เขานึกอะไรไม่ค่อยออกนัก แต่มันลางๆว่าเคยมีเรื่องหรืองานวิจัยอะไรแบบนี้มาก่อน และถ้าจำไม่ผิดเขาก็คุ้นว่าเคยสนใจเรื่องแบบนี้มากๆจนเอาไปเขียนเป็นโปรแกรมสำเร็จรูปแจกจ่ายฟรีให้คนเอาไปเล่นต่อยอดด้วยซ้ำ เพียงแต่ไม่ออกมาหรูขนาดนี้เท่านั้นเอง

     

    พอคาน่อนเห็นกันยามองหน้านานเข้าแล้วเธอก็เริ่มเขินขึ้นมา (ซึ่งจริงๆแล้วกันยากำลังคิดเรื่องโปรแกรมอยู่)

    "มะ... มีอะไรติดหน้าผมหรือฮะ จ้องแบบนี้มากๆผมก็อายเหมือนกันนะฮะ"

    "อะ... เปล่านะ ไม่ใช่สักหน่อย" กันยาสะดุ้งที่ถูกทักแถมยังเข้าใจผิดอีก

    "ก็จ้องหน้ากันอยู่ชัดๆนี่นา"

    "ไม่ใช่น่า..." ถึงจุดนี้มันก็ยิ่งสร้างความประหลาดใจเข้าไปใหญ่ว่าสามารถกำหนดคาแรกเตอร์สาวน้อยให้กับ NPC หนุ่มได้สมจริงขนาดนี้เชียวหรือ ซึ่งไม่รู้ว่าจะเป็นปริศนาของเกม หรือแค่เอาฮาเท่านั้น...

     

    พอเริ่มจะถูกเซ้าซี้มากขึ้น กันยาเลยหาทางเบี่ยงประเด็นไปเรื่องอื่นแทน

    "พูดถึงที่ว่าเชื่อมต่อได้นี่ นายทำได้ทั้งอินเตอร์เน็ต รวมถึงไประบบฐานข้อมูลของเกมเลยหรือเปล่า?" กันยาถามจริงจังขึ้น ไม่ใช่เพราะอยากเปลี่ยนเรื่องเท่านั้น แต่ก็ยังมีข้อสงสัยสุดๆอีกเรื่องอยู่

    "หมายความว่ายังไงฮะ จะให้เจาะฐานข้อมูลหรือฮะ แบบนั้นมันผิดกฎหมาย..."

    "ไม่ใช่แบบนั้นสิ ฉันหมายถึงข้อมูลที่เปิดเผยได้ แต่ยังไม่มีการประกาศขึ้นบอร์ดหรือเว็บอย่างเป็นทางการต่างหากล่ะ"

    "ถ้าส่วนกลางไม่อนุญาตก็คงไม่ได้หรอกฮะ ขนาดรายละเอียดเกี่ยวกับมอนสเตอร์ยังประกาศไม่ได้เลยฮะ จนกว่าจะผ่านสองเดือนแรกไป หรือมีคนเคลียร์ได้ก่อน เพื่อไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำกันในช่วงเริ่มต้น ยิ่งเดิมพันเงินสูงด้วยยิ่งแล้วใหญ่"

    "เรื่องนั้นเข้าใจแหล่ะ ที่สงสัยก็คือเราพอจะเช็คพวกสถิติได้ไหม?"

    "สถิติเหรอฮะ?"

    "อื้อ... พอดีนอกจากเคลียร์เกมแล้ว ฉันมีงานอดิเรกในการชอบทำสถิติน่ะ" กันยาชี้นิ้วยกตัวอย่าง "แต่ละเกมจะมีการจัดอันดับอยู่ใช่ไหมล่ะ บางเกมก็ใส่คำสั่งเช็คได้เลย บางเกมก็ต้องออกไปดูที่หน้าเว็บรวม แล้วเกมนี้ล่ะมีการจัดอันดับด้วยใช่ไหม?"

    "ถ้าเป็นอันดับล่ะก็ มีแน่นอนอยู่แล้วฮะ... กรุณารอการสืบค้นสักครู่นะฮะ เดี๋ยวจะเช็คกับส่วนกลางหน่อย"

     

    คาน่อนหลับตาลงเชื่อมต่อช่วงสั้นๆ จากนั้นก็ลืมตาขึ้นมองพร้อมอธิบาย

    "จะว่าไปแล้วมันจะมีบอร์ดกลางอยู่ที่กลางเมืองแต่ละเมืองฮะ ตรงนั้นจะมีแผ่นหินใหญ่จัดทำเนียบ 10อันดับแรกของประเภทต่างๆอยู่ แต่เช็คดูแล้วข้อมูลยังไม่อัพเดทดีนะฮะ เพราะว่าบางตัวต้องรอให้เข้าเกณฑ์กว่านี้หน่อยถึงจะประเมินได้"

    "หืม... ขอดูผ่านนายได้ไหม เอาแค่ตัวที่พอประเมินได้ในตอนนี้ก็พอน่ะ?"

    "ผมมีแต่ข้อมูลน่ะฮะ เหมือนการแจ้งเวียนให้ทราบถึงกัน บอกได้แค่ว่าใครที่เท่าไหร่แบบปากเปล่าเท่านั้นเองนะฮะ แต่ถ้าจะดูเป็นเอกสาร หรือเป็นหลักฐานชัดเจนเลยต้องไปกลางเมืองที่ว่าฮะ"

    "อืมๆ แค่นั้นก็พอแล้วล่ะ ว่าแต่ในเกมมีจัดอันดับอะไรบ้างล่ะ?" กันยาถามต่อ

    "หลายอย่างเลยฮะ ตั้งแต่การหลบหลีกแบบสมบูรณ์แบบ การโจมตีแบบคริติคัล จำนวนครั้งการทำFDH ช่วงแรกคงมีประมาณนี้ล่ะฮะ จริงๆแล้วมีอีกเยอะแต่ต่างตนต่างเล่นใหม่เลยวัดอะไรไม่ได้ บางตัวก็ต้องมีเงื่อนไขก่อนเช่น การดวลแบบตัวต่อตัว (PVP)"

    "แล้วเรื่องเฉพาะตัวอย่างจำนวนเงิน?"

    "เงินเป็นเรื่องปกปิดฮะ เพราะคิดว่าน่าจะมีผลกับอำนาจต่อรอง แล้วในเกมยังมีระบบประมูลด้วย ถ้ารู้จำนวนเงินอาจส่งผลกับเงินฝืดเงินเฟ้อของตลาดได้ ใครรวยสุดเลยไม่ถูกนับรวมกับสถิติด้วย"

    "รัดกุมกันจริงๆแฮะ สรุปว่าช่วงวันแรกนี่คงวัดอะไรไม่ได้เลยสินะ"

    "อย่างว่าล่ะฮะ ช่วงต้นเกมก็คงยังไม่เห็นความแตกต่างนักหรอกฮะ ถ้าจะมีก็คงเป็นเลเวล ซึ่งผู้เล่นมากพอและมีความแตกต่างพอจะจัดอันดับได้แล้ว"

    "โฮ่... ยังไงบ้างน่ะ?" กันยาสนใจ

    "ตอนนี้คุณอิมิคเลเวลสูงสุดเลยนะฮะ" คาน่อนมองหน้ากันยาแล้วยิ้มชอบใจ

    "เลเวล 9 นี่สูงสุดแล้วเรอะ?" กันยาแปลกใจนิดๆ "นี่ก็ผ่านมาหลายชั่วโมงได้แล้วมั้งน่ะ ฉันเองก็ไม่ใช่คนแรกที่เข้าเกมด้วย ก็นึกว่ามีคนแซงไปแล้วหลายคนเสียอีก"

    "ถ้าไม่นับคุณอิมิคล่ะก็ ล่าสุดที่ตามมายังเลเวล 6 อยู่เลยฮะ"

    "โห... ห่างกันเยอะขนาดนั้นเลยเหรอ?"

    "เห... นี่คุณอิมิคไม่รู้เลยเหรอครับว่าระบบเกมนี้มันยากในช่วงเริ่มต้นเอาเรื่อง" คาน่อนประหลาดใจที่กันยาพูดเหมือนง่าย

    "ยากไหมก็ยากแหล่ะ... เพียงแต่ถ้าจับหลักได้มันก็ดูง่ายขึ้นนะ นี่ฉันก็ได้อะไรมาเยอะแล้วด้วย ถึงได้แปลกใจน่ะว่าทำไมมันทิ้งขาดแบบนี้"

    "คุณอิมิคไม่ธรรมดามากกว่าล่ะมั้งฮะ..." คาน่อนแซว "ถ้าไม่เป็นการเสียมารยาทล่ะก็อยากจะค้นประวัติจังเลย สงสัยว่าต้องเป็นเซียนเกมมาก่อนแน่ๆ"

    "ฮะๆ ไม่หรอกน่า ก็เล่นไปตามเรื่อง น่าจะเพราะนิสัยชอบขสังเกตด้วยล่ะมั้งเลยทำให้จับทางได้ไวกว่าใคร"

    "นั่นสินะฮะ สำหรับการเริ่มต้นแล้ว ถ้าใครปรับตัวได้ไวเรียนรู้ได้ไวก็จะได้เปรียบมาก"

     

    พอเห็นว่าเลเวลยังทิ้งขาดอยู่มาก กันยาก็จึงถือโอกาสนี้พักให้เต็มที่แบบไม่เร่งรนอะไร เพราะจากที่ฟังคาน่อนพูดมาก่อนหน้านั้น เกมนี้จะเปลี่ยนอาชีพได้เมื่อเลเวลถึง 10 อีกทั้งอาชีพอัศวินที่ต้องการก็เปลี่ยนได้ที่เมืองนี้ด้วย เลยทำให้ไม่ต้องลำบากอะไรมากนัก แม้จะมีผ่อนจังหวะไปบ้างแต่กันยาก็เชื่อว่าตนจะยังเป็นผู้บุกเบิกรายแรกๆได้อยู่ดี

    "ไหนๆก็พักเหนื่อยอยู่ทั้งที ฉันขอฟัง ตำนานของเกม นี้หน่อยได้ไหม?"

    "ตำนานหรือฮะ?"

    "ใช่... แต่ละเกมก็ต้องมีเรื่องเล่าของตัวเองใช่ไหมล่ะ ซึ่งมันจะชี้นำไปถึงภารกิจหรือสิ่งที่ต้องทำเพื่อเคลียร์เกมหรือเป้าหมาย" กันยาอธิบาย "เกมนี้ถึงขั้นกำหนดเงินรางวัลหลักล้าน แสดงว่าการปราบบอสใหญ่ในเกมก็น่าจะเป็นเนื้อสุดท้ายนะ อย่างน้อยก็ใน patch แรกนี้น่ะ"

    "ใช่ตามนั้นเลยฮะ" คาน่อนทึ่งการวิเคราะห์ที่ฟังดูง่ายๆ แต่ตรงเผงแทบทุกประเด็น

    "ถ้าทุกอย่างเป็นปริศนาเพราะไม่อนุญาตให้ทำคู่มือสรุปออกมา งั้นจุดเริ่มต้นก็ต้องดูที่ตำนานของเรื่องกันนี่แหล่ะ" กันยาเค้นสมองหาข้อมูลประกอบ "จะว่าไปแล้วเคยได้ยินว่าเกมนี้สร้างมาจากนิยายสองเรื่องคือ... เอ..."

     

    กันยาจำได้ว่ามันเป็นนิยายโปรดทั้งคู่ เพียงแต่ผลของการเชื่อมต่อที่ไม่ลงตัวนักก็ทำให้จำได้แต่ตัวละครกับเนื้อเรื่องหลักแบบลางๆเท่า ส่วนชื่อเหมือนจะติดที่ริมฝีปากแต่ก็พูดไม่ออก

     

    เห็นเข้าเช่นนั้นแล้วคาน่อนก็ไม่รอช้า ชิงปฏิบัติหน้าที่อย่างทันใดราวกับรอจังหวะอยู่

    "มีอา -มังกรน้อยปาฏิหาริย์- นิยายดังเมื่อไม่กี่ปีก่อนน่ะฮะ เกมนี้ได้เค้าโครงมาจากนิยายเรื่องที่ว่า แล้วก็มาผสมกับแนวระบบเกมออนไลน์ยุคแรกอย่าง Ragnarok Online ซึ่งก็ใช้แฟนฟิคเกมนี้ ซีรี่ย์นิยายตำนานรักอามัตสึ หลายๆภาคมาเชื่อมรวมกันด้วย

    "เออใช่! ฟิคมังกรน้อย กับ แฟนฟิค RO ชุดตำนานรักอามัตสึ" กันยาดีดนิ้วเปาะใหญ่นึกออกเสียที

    "เพราะอยากให้เป็นออริจินัลมากกว่า ทางค่ายเกมจึงกำหนดให้ใช้ธีมของนิยายมังกรน้อยเป็นหลักฮะ แต่ระบบบางอย่างอาจมีอิงหลักแนวคิดแบบทางเกมออนไลน์ต้นฉบับข้างต้นบ้าง รูปแบบเลยออกมาผสมผสานอย่างที่เห็นนี่ล่ะฮะ"

    "เข้าใจล่ะ ทีนี้ก็หายสงสัยสักทีว่าทำไมเล่นแล้วมันตะงิดใจเหมือนคุ้นเคย... เป็นระบบเหมือน RO แต่พล็อตเรื่องจากมังกรน้อยนี่เอง"

    "ใช่ฮะ แต่ถึงจะใช้ต้นแบบมาเป็นพื้นบ้าง แต่เกมก็มีปรับอะไรหลายอย่างเหมือนกัน เพื่อให้เข้ากันขึ้น และดูเป็นปริศนามากขึ้นฮะ อาจไม่เหมือนนิยายทั้งสองแบบเป๊ๆนัก แต่ภาพรวมกับกลิ่นอายคงไม่แปลกแยกแน่นอนฮะ"

    "ก็จริงนะ... เดิมทีมังกรน้อยเป็นนิยายแนวแฟนตาซีกึ่งผจญภัยมีสงครามปน ไม่ได้เน้นเก็บเลเวลแบบนี้ ถ้าใช้ตรงๆเห็นจะยาก แถมเกมนี้ก็ยังดูไม่ได้เน้นมังกรด้วย... แต่เล่นๆไปก็รู้สึกเหมือนอยู่ในโลกมังกรน้อยด้วยสิ"

    "เกมนี้ใช้ชื่อตามดาวที่พระเอกในนิยายอยู่ฮะ เป็นโลกที่มีสิ่งมีชีวิตหลายเผ่าอยู่ แน่นอนว่ามังกรก็มีนะฮะ เพียงแต่จะน้อยไปหน่อยเท่านั้นเอง แถมอยู่ในพื้นที่เฉพาะด้วย"

    "อืม... เข้าใจล่ะ"

    "งั้นทีนี้ก็มาฟังตำนานของเกมกันนะฮะ"

    "โอ้... จัดมาได้เลย"

     

    เห็นกันยาสนใจเช่นนั้นแล้ว คาน่อนก็พยักหน้าพอใจ แล้วจึงหลับตาลงสูดลมหายใจเข้าออก ปรับสภาพความคิดจิตใจให้พร้อม

    จากนั้นแล้วเขาก็ได้ลืมตาขึ้นแล้วเริ่มต้นเล่าเรื่องด้วยน้ำเสียงและอาารมณ์ราวกับเป็นนักเล่านิทานมืออาชีพ

     

    ...............................................(2/3)

     

    ในอดีตกาลบนดาวเคลเฟอร์นั้น บรรดาสิ่งมีชีวิตผสมหลากหลายชนิดเผ่าพันธุ์ มังกร ถือเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลัง และมีห้วงอายุที่ยาวนานที่สุด

    แต่อย่างไรเสียธรรมชาติก็สร้างสมดุลให้ตัวเอง มังกรที่ว่าเก่งๆเองก็มีจุดอ่อนร้ายแรงอยู่...  ว่ากันว่าถ้ามังกรนั้นอยู่คลุกคลีกับมนุษย์ไปนานเกินพอ และไม่ทำพันธสัญญากับมนุษย์แล้วล่ะก็ จะเกิดโรคๆหนึ่งที่เรียกว่า พิษมังกร ออกมา ทำให้มังกรตัวนั้นป่วยและตายในที่สุด

    การทำสัญญากับมนุษย์นั้นส่งผลให้มนุษย์สามารถบงการมังกรได้ โดยการออกคำสั่งอย่างจริงจัง และมังกรก็จะต้องปฏิบัติตามอย่างไม่อาจเลี่ยงได้

    อีวา คือมังกรตัวแรกของเคลเฟอร์ เป็นมังกรแบบพิเศษที่สามารถจำแลงร่างเป็นมนุษย์ได้

    เธอหลงรักพรานที่ชื่ออดัมส์ แล้วก็พลาดท่าเข้าไปชิดใกล้จนป่วยเป็นพิษมังกรแสดงออกมา แต่อดัมส์เองก็รักอีวาเช่นกัน เลยลงทุนบุกป่าฝ่าดงปีนเขาเพื่อไปยังถ้ำที่อีวาอยู่ จากนั้นก็ตกลงทำสัญญากันเพื่อช่วยชีวิตเธอไว้

     

    แม้จะต่างเผ่าพันธุ์แต่อดัมส์ก็ปฏิบัติกับอีวาดีเสมือนว่าเป็นภรรยาที่เป็นมนุษย์จริงๆคนหนึ่ง

    จนกระทั่งมีบุตรด้วยกันเป็นมนุษย์สายเลือดมังกรที่ดูภายนอกไม่ออกเลยว่ามีเลือดมังกรผสมอยู่ เพราะทุกอย่างเป็นมนุษย์หมดไม่ว่าท่าทางหรือนิสัย ส่วนอีกคนเป็นมังกรสายเลือดมนุษย์ที่ลักษณะเหมือนอีวาร่างจำแลงที่มีเขา มีหาง หูเรียว นัยน์ตาเรียว และสามารถแปลงร่างกลับเป็นมังกรได้

    การผสมสายเลือดข้ามไปข้ามมา ทำให้เกิดมังกรสองแบบคือมังกรที่จำแลงร่างได้ กับมังกรที่จำแลงร่างไม่ได้  เกิดความแตกต่างที่แปลกแยกมากขึ้น กระนั้นมังกรทั้งหลายก็ยังคงใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในโลกใบนี้ จนกระทั่งเกิดเหตุล่าอาณานิยมจากอาณาจักรทางเหนือ ทวีปไฮแลนด์

     

    ผลของสงครามทำให้มังกรถูกใช้เป็นเครื่องมือรบ และก็มีมังกรล้มตายไปมาก... อีวาผู้เป็นมารดาของมังกรทั้งปวงสลดใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นมาก จึงตัดสินใจไปจัดการทำลายจักรวรรดิ์ไฮแลนด์ จากนั้นก็พามังกรสายเลือดผสมทั้งหมด รวมถึงมังกรสายเลือดอ่อนที่จำแลงร่างไม่ได้ เท่าที่จะเรียกหาทางจิตได้ให้ไปรวมตัวที่ทวีปน้ำแข็งทางตะวันตก จากนั้นก็เปิดประตูมิติพามังกรย้ายถิ่นฐานไปอย่างถาวร

    มังกรจึงเหลืออยู่จำนวนน้อยนิดและส่วนใหญ่จะเป็นมังกรทั่วไปที่มีห้วงอายุไม่ต่างกับมนุษย์ กำลังกายอาจจะมากกว่า แต่ก็ไม่ได้ฉลาดไปกว่ากัน เป็นเพียงสัตว์ประเภทหนึ่งที่จับมาเลี้ยงได้เหมือนช้างม้า

    แต่อย่างไรเสียในบรรดามังกรทั้งหมดที่ย้ายไปนั้น ก็ยังคงมีมังกรชั้นสูงตัวหนึ่งอยู่... นั่นคือ มิเร่อร์... มังกรที่ถูกยกว่าเป็นมังกรสายเลือดผสมที่เก่งที่สุดในเคลเฟอร์

    แม้ว่าจะไม่สามารถจำแลงเป็นมนุษย์ได้ แต่ก็มีพลังพิเศษ มีพลังกาย ความทนทานที่สูงกว่าใครเพื่อน ไม่เคยถูกทำสัญญามาก่อน แต่ก็ไม่ก้มหัวให้ใคร เป็นมังกรที่ใช้ชีวิตอิสระไม่ถูกผูกมัด และไม่คิดอยู่ร่วมกับมนุษย์ และอาศัยอยู่แถบชายแดนฝั่งทวีปทางตะวันตก

    และด้วยความที่ไม่พึ่งใครและไม่ถูกชะตากับมนุษย์นั่นเอง จึงทำให้มีการรุกล้ำพื้นที่มนุษย์อยู่บ่อยครั้ง บางก็ทำร้ายมนุษย์ที่รุกรานเขตแดน บ้างก็มาจับสัตว์เลี้ยงมนุษย์เป็นอาหาร

    มิเร่อร์รู้ในจุดอ่อนตัวเองดี การสังหารมนุษย์จึงเน้นที่ความรวดเร็วเด็ดขาด ฆ่าแล้วหนี ไม่อยู่ให้นานพอจนเกิดพิษแสดงออก ซึ่งวิธีนี้ก็ใช้ได้ผลเสมอมา

    จนในที่สุดแล้วกองทัพของประเทศดังกล่าวก็เหลืออดจึงคิดกำจัดโดยส่งกองทหารหลายสิบมาจัดการ ซึ่งการต่อสู้ก็เป็นไปอย่างดุเดือด มิเร่อร์เก่งสมกับที่ถูกยกให้เป็นมังกรอันดับหนึ่ง มันสังหารทหารมังกรไปมาก แต่กระนั้นน้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ เมื่อถูกเล่นงานเล็กน้อยหลายครั้งเข้า ผลก็รุนแรงเพิ่มขึ้น...

    มิเร่อร์บาดเจ็บหนัก จึงฝืนบินหนีไปเขตทวีปน้ำแข็ง ช่วงนั้นพายุหิมะโบกพัดรุนแรง ทหารมังกรจึงตามต่อไปไม่ได้ ส่วนมิเร่อร์เองก็พลางตัวเข้าไปได้ไม่นาน ผลของบาดแผลและอุณหภูมิที่ลดลงฉับพลัน มิเร่อร์ก็ร่วงลงไปยังจุดหนึ่งของทวีปน้ำแข็ง จากนั้นความเย็นก็หยุดการทำงานของร่างกายมันไว้ ให้คงสภาพกึ่งเป็นกึ่งตายทั้งแบบนั้น...

     

    นั่นคือเรื่องราวของมิเร่อร์ที่ถูกเล่าขานกัน ในยุคก่อนที่อีวาจะหนีไปดาวอีเทอร์โร่ได้ไม่กี่ปี...

     

    ...............................................

     

    กันยานั่งฟังด้วยความสนใจ คาน่อนเล่าได้เห็นภาพมาก ทั้งจุดที่เหมือนและจุดที่ต่าง

     

    แต่ในฐานะที่เป็นในแฟนพันธุ์แท้มังกรน้อยแล้ว พอฟังถึงจุดนี้เข้า เขาก็อดที่จะยกมือถามในเรื่องที่สงสัยเรื่องหนึ่งไม่ได้

    "เอ้อ... โทษทีที่ขัดนะ พอดีมีอะไรอยากถามหน่อยน่ะ" เขาพูดนำ

    "อะไรเหรอฮะ?" เมดหยุดเล่าแล้วหันมอง รอยยิ้มยังคงปรากฎบนใบหน้า แม้จะถูกแทรกระหว่างเล่าเรื่อง แต่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเพลิดเพลินและเข้าใจดีแล้ว เธอก็ยิ่งภูมิใจ

    "มิเร่อร์นี่ดูบทจะเปลี่ยนไปจากต้นฉบับนะ?"

    "ใช่เลยฮะ อย่างที่ว่าต้องมีการแปลงเพื่อให้แปลกใหม่และเข้ากับระบบ"

    "แล้วถ้าไทม์ไลน์ที่นายเล่าเป็นแบบนั้นจริง ตอนที่อีวาจะไปดาวอีเทอร์โร่นั้น เธอไม่รู้ตัวเลยเหรอว่ามีลูกหลานถูกแช่แข็งอยู่แถวนั้นน่ะ?"

    "ไม่ฮะ... จังหวะที่มิเร่อร์ร่วงไปนั้นอุณหภูมิเปลี่ยนฉับพลัน ถ้าให้ยกตัวอย่างก็เหมือนที่แมมมอธถูกแช่แข็งอย่างสมบูรณ์นั่นล่ะฮะ แถมถูกหิมะทับด้วย อีวาเลยจับสัมผัสการมีชีวิตไม่ได้และมองข้ามไป"

    "งั้นก็หมายความว่า จากนี้ไปคือเนื้อเรื่องจริงของเกมที่ไม่เกี่ยวกับนิยายมังกรน้อยแล้วสินะ"

    "ใช่ฮะ"

    "โอเค... เข้าใจล่ะ ส่วนนี้ไปคือออริจินัลแล้ว" กันยาพยักหน้าแล้วยกมือบอก "งั้นเล่าต่อเลย กำลังเพลินเชียว"

    "ได้เลยฮะ" คาน่อนยิ้มแล้วปฏิบัติตามนั้น

     

    หลังจากที่อีวาพามังกรไปดาวคู่แฝดแล้วนั้น เคลเฟอร์ก็สงบขึ้นมาก แต่ละประเทศก็บริหารจัดการภายในกันเอง มีความเป็นปึกแผ่น เกิดสังคมสงบ มีการค้าขาย แลกเปลี่ยน เรียนรู้ตามที่ควรจะเป็น

    ทว่าหลังจากนั้นได้ร้อยปี ก็มีจอมเวทชั่วร้ายนามว่ากอร์ด้อนปรากฎตัวขึ้น

    กอร์ด้อน เป็นจอมเวทที่ถูกขับออกจากสมาคมเพราะหมกมุ่นในศาสตร์ด้านมืดเกินไป มีการใช้คนมาทดลอง สังเวย บูชายันต์หลายครั้ง จนเกิดข่าวลือว่าชายผู้นี้สามารถใช้เวทเปิดประตูิมิติดึงปีศาจจากต่างมิติมาได้ บ้างก็ว่าเขาสามารถบงการล้างสมองผู้คนให้ทำตามได้

    พอเวลาผ่านไป ผู้คนถึงได้รู้ว่าสิ่งที่ร่ำลือนั้น... มันเป็นเรื่องจริง

    กอร์ด้อนได้พาลูกน้องไปที่ทวีปน้ำแข็ง เป้าหมายก็คือการหาตัวมิเร่อร์ และนำมาเป็นทาสรับใช้ผู้ซื่อสัตย์ ด้วยความเชื่อที่ว่าตัวเองนั้นมีสายเลือดมังกรอันจะทำสัญญากับมังกรพิเศษได้ ซ้ำยังมีวิชาล้างสมองด้วย

     

    กอร์ด้อนค้นหามิเร่อร์จนเจอในที่สุด...  มังกรผู้บาดเจ็บและโดนความเย็นให้หลับไหลอยู่ที่มุมหนึ่งของผาที่ติดกับหุบเขาน้ำแข็ง

    กอร์ด้อนอาจจะมีพลังมากพอที่จะทำให้มิเร่อร์มาเป็นทาสรับใช้ได้ แต่เขาก็ประมาทเกินไปที่คิดว่ามังกรสาหัสตัวนี้จะปางตายจนทำอะไรไม่ได้

    พอน้ำแข็งถูกละลายและกระตุ้นชีวิตกลับตื่นคืนอีกครั้ง สมองของมิเร่อร์ก็จดจำเรื่องราวก่อนถูกแช่แข็งได้ว่ากำลังถูกไล่ล่า พอเหลือบไปเป็นกอร์ด้อนและปีศาจลูกน้องสองตัวเข้าแล้ว มันก็สู้ตายอย่างเอาจริงเอาจังเดิมพันด้วยชีวิต ผลก็คือมิเร่อร์จัดการลูกน้องของกอร์ด้อนได้ และก็บีบให้กอร์ด้อนจะใช้เวทเข้าสู้

     

    นั่นเองที่ทำให้กอร์ด้อนรู้ว่าตนพลาดเรื่องสำคัญไปที่ไม่รู้ว่าเกล็ดกว่าครึ่งของมิเร่อร์นั้นทั้งแข็งแกร่งและต้านทานเวทได้ จากที่โจมตีเต็มกำลังความเสียหายก็ลดลงเหลือไม่ถึงครึ่ง ขณะที่การโจมตีตรงๆของมิเร่อร์ก็หนักหน่วงรุนแรงเหลือคณา เขาไม่แปลกใจเลยว่าทำไมต้องใช้มังกรหลายสิบตัวเพื่อจัดการมังกรแค่ตัวเดียว...

    หลังจากสู้กันอยู่พักใหญ่กอร์ด้อนก็บาดเจ็บสาหัส มิเร่อร์เองก็ปางตายมากขึ้นทุกที... ต่างฝ่ายต่างรู้ตัวว่าอาจจะไม่รอดอีกแล้ว

    กอร์ด้อนไม่ยอมแพ้และวัดใจใช้คาถาสุดท้ายคือรวมร่าง... เวทด้านมืดลึกลับที่ผสานรวมสองชีวิตเป็นหนึ่ง และมีผลคือบงการครอบงำร่างนั้นได้อย่างสมบูรณ์ เขามองว่าอย่างน้อยถ้าหยุดมังกรพยศนี้ได้ นอกจากจะรอดคู่แล้ว ยังสามารถบงการแทนตนเองได้ และหากฟื้นตัวได้จริงก็น่าจะหาหนทางแยกร่างกลับเป็นมนุษย์ดังเดิมได้

    แต่อย่างไรเสียเวทโบราณก็มีความยากและความเสี่ยงของตัวเอง มันจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเวทที่ดูจะทรงอานุภาพแบบนี้ถึงได้ถูกลบหายลืมเลือนไปจากประวัติศาสตร์... กอร์ด้อนใช้เวทได้สำเร็จ แต่เขาคุมผลข้างเคียงไม่ได้ ทำให้รวมร่างได้จริงหากแต่ร่างนั้นกลับถูกสั่งการโดยตัวของมิเร่อร์เอง...

     

    และการผสมของวิญญาณก็ทำให้มิเร่อร์ดูฉลาดขึ้นบ้าง ไหวพริบดีกว่าเดิม แต่ก็ยังคงนิสัยบ้าคลั่ง และเห็นมนุษย์เป็นศัตรู

     

    ...............................................

     

    กันยาจับคางแล้วฟังอย่างตั้งใจ

    "อืม... พลาดจริงๆ... จากจะไปยึดร่างเขา แต่สุดท้ายก็ถูกยึดร่างเสียเองนี่นะ..." เขาพูดขึ้นด้วยอารมณ์ที่เข้าถึงเรื่องเล่า "จุดจบของพวกทะเยอะทะยานโดยแท้"

    "ฮะ... แล้วนั่นล่ะคือบอสของภาคนี้" คาน่อนเสริม

    "เป็นมังกรที่มีคุณสมบัติของจอมเวทสินะ?"

     

    คาน่อนพยักหน้าแล้วเล่าต่อ

     

    จากนั้นพอมิเร่อร์หายดีก็เริ่มกลับมาทวีปที่อบอุ่นอีกครั้ง

    และเช่นเดิมประสามังกรคือออกล่าหาเหยื่อใช้ชีวิตไปวันๆ แต่ช่วงหลังจะพ่วงด้วยพฤติกรรมการล่ามนุษย์หรือทำลายหมู่บ้านขยายอาณาเขตไปด้วย

    การรุกรานของมังกรที่ถูกยกระดับด้วยสามัญสำนึกที่สูงขึ้นและมีพลังเวทที่นานวันก็ยิ่งใช้ได้คล่องขึ้นนั้นทำให้มิเร่อร์กลายเป็นศัตรูที่น่ากลัวที่สุดของเคลเฟอร์ไปแล้ว แม้กองกำลังนับร้อยก็ไม่อาจเอาชนะมังกรตัวนี้ได้อีก

    ก่อนที่วิกฤตจะลุกลามเกินจะคุมไหว ทุกประเทศจึงตกลงที่จะลืมเรื่องบาดหมางและการตักตวงผลประโยชน์ของกันและกันและคิดหาทางต่อสู้กับมังกรตัวนี้อย่างจริงจัง ในที่สุดก็จึงทำการเฟ้นหาและฝึกฝนทหารของตนเองให้เป็นสุดยอดสายอาชีพและเป็นทัพหน้าในการบุกสู้

    ด้วยความร่วมมืออย่างจริงใจและตั้งใจจริง ปาร์ตี้เฉพาะกิจที่รวมหัวกะทิสุดยอดนักสู้ก็เข้าประหัตถ์กับมิเร่อร์และต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย

    กำลังพลที่สบทบไปด้วยล้มหายตายจากไปมาก แม้แต่ปาร์ตี้นำที่เก่งกาจก็บาดเจ็บกันถ้วนหน้า แต่นั่นก็ถือว่าคุ้มที่ทำให้มิเร่อร์บาดเจ็บหนักไม่ต่างกัน

     

    และก็เหมือนเดจาวูคือมิเร่อร์หนีไปทวีปน้ำแข็งอีกครั้ง... หนนี้กองทัพมนุษย์ไม่ยอมให้กลับไปเป็นแบบเดิมอีก และตั้งใจจะฆ่าให้ตายสนิทจึงระดมเรือพากันบุกต่อถึงทวีปน้ำแข็ง

    แล้วมันก็ไม่เหมือนเดิมตามนั้น เพราะมิเร่อร์ไม่ได้หนีหัวซุกหัวซุน มันกลับไปพักฟื้นก็จริง แต่ก็ใช้พลังประตูมิติของกอร์ด้อนเรียกปีศาจ และสัตว์อสูรจำนวนมากมาบนเกาะดังกล่าว...

    ปาร์ตี้เฉพาะกิจและกองทหารที่เหลืออยู่ได้รับคำสั่งมาว่าต้องฆ่ามิเร่อร์ให้ได้ ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ซึ่งพวกเขาเองก็เจตนาเช่นนั้นเหมือนกัน การต่อสู้ที่ควรจะจบลงง่ายก็กลับต้องเปิดฉากอีกครั้งและโหดอำมหิตกว่าเดิม

    แต่ปีศาจและสัตว์อสูรที่ถูกเรียกมานั้นก็ร้ายเกินใครจะคาดถึง ปาร์ตี้พิเศษเอาชนะไปจนเกือบถึงมิเร่อร์ที่เหลือกำลังเพียงแค่นอนหายใจรวนริน แต่ก็ยังเหลือปีศาจระดับสูงที่คุ้มกันพื้นที่อยู่ ประตูมิติเองก็ยังคงเปิดอยู่และไม่มีทีท่าว่าจะปิด ปีศาจยังคงถูกเรียกออกมาเรื่อยๆ เช่นเดียวกับมิเร่อร์ที่กำลังฟื้นตัวขึ้นเรื่อยๆ

    โอกาสชนะของผู้กล้าปาร์ตี้พิเศษไม่เหลืออีกแล้ว...

    พวกเขาตกลงใจว่าถ้าชนะไม่ได้อย่างน้อยๆก็แพ้ไม่ได้เช่นกัน ดังนั้นพวกเขาจึงทำการผนึกเกาะที่ทวีปน้ำแข็งนี้ไว้ด้วยกำลังที่เหลืออยู่ และไอเท็มปิดผนึกที่เอามาเผื่อเป็นทางเลือกสุดท้าย...

    พลังเวทที่ถูกผสมผสานอย่างลงตัวหลายชั้นหลอมเป็นหนึ่ง กลายเป็นเกราะโปร่งแสงที่คลุมเกาะนั้นไว้เหมือนตาข่าย ไม่ให้สิ่งมีชีวิตตั้งแต่มนุษย์ไปจนถึงสัตว์ขนาดใหญ่เช่นมังกรอย่างมิเร่อร์หลุดออกมาได้

    มังกรที่ชั่วร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ก็จึงถูกผนึกนับจากนั้นมาเป็นเวลากว่าหนึ่งร้อยปี... ความสงบสุขก็กลับมาสู่เคลเฟอร์อีกครั้ง...

    ว่ากันว่าผู้กล้านั้นมีห้าคนและก็มีไอเท็มบางอย่างแทนกุญแจเวทที่จะเปิดสลายเกราะอยู่ พวกเขาเก็บรักษามันไว้เพื่อไม่ให้มีใครเอาชีวิตไปทิ้งที่เกาะน้ำแข็งแห่งความตายนั่นอีก และจะไม่ยอมให้มีกรณีเหตุการณ์แบบกอร์ด้อนที่ทำให้เรื่องเลวร้ายมากขึ้นด้วย

    เกาะแห่งนั้นถูกพันธการด้วยเวทปิดกั้นที่มองไม่เห็นอยู่ และมันจะคงสภาพได้นานอีกหลายร้อยปี ส่วนกุญแจนั้นลูกหลานของเหล่าผู้กล้าได้เก็บมันไว้ในที่ปลอดภัย เพื่อรอวันหนึ่งที่จะมีผู้กล้าทีเก่งกาจกว่าบรรพบุรุษของตนปรากฏตัวขึ้น และเสนอตัวเพื่อที่จะสะสางภารกิจสุดท้ายของวีรชนที่ล่วงลับให้สำเร็จลงอย่างสมบูรณ์เสียที

     

    ...............................................

     

    เล่าจนจบแล้วคาน่อนก็ถอยหายใจเฮือกใหญ่ผ่อนคลายอิริยาบถและลดความตึงเครียดและจริงจังลง กันยาเองก็ปรบมือแทนการขอบคุณ ทำเอาเมดหนุ่มยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ชอบใจ

     

    จากนั้นแล้วกันยาก็ชวนคาน่อนมานั่งคุยและวิจารณ์ถึงเรื่องดังกล่าว

    "อา... เป็นตำนานพื้นฐานดีนะ แต่ก็เล่าได้สนุกมาก"

    "หุๆ" คาน่อนยิ้มรับคำชมแบบเรียบๆ

    "ก็ถือว่าปรับจากต้นฉบับไปเยอะเลยนะ แล้วก็เหมือนมีการผสมแฟนฟิคอามัตสึเข้าด้วย"

    "จะว่าไปแล้ว... คุณอิมิคก็อ่านนิยายเรื่องมังกรน้อยกับตำนานรักอามัตสึด้วยหรือฮะ?" คาน่อนเอะใจ "นอกจากรู้เรื่องราวของมังกรน้อยแล้ว ชื่ออิมิคที่คุณใช้ก็มาจากแฟนฟิค RO ด้วยสิ"

    "ก็... ถ้า RO นี่อ่านเอง ส่วนมังกรน้อยมีเหตุให้ต้องอ่านล่ะนะ แต่อ่านไปแล้วสนุกจนติดเลยล่ะ กลายเป็นนิยายอีกเรื่องที่ขึ้นหิ้งพอๆกับนิยายแฟนฟิค RO เลย"

    "บังเอิญจังเลยนะฮะ นิยายโปรดสองเรื่องกลายเป็นคอนเซฟท์ของเกมนี้ แบบนี้คงเล่นสนุกขึ้นแน่ๆเลย"

    "ฮะๆ มันก็นะ" กันยาข้ามกลับไปเรื่องเดิม "ว่าแต่... กับมิเร่อร์ในเกมนี้นี่... สรุปคร่าวๆคือในเมื่อฆ่าไม่ได้ก็ขังมันซะเลยงั้นสินะ?"

    "ใช่ฮะ... มันก็เลยเป็นภารกิจที่เว้นช่วงมานานรอให้ผู้กล้าใหม่ๆเช่นคุณอิมิคปรากฎตัวแบบนี้ไงฮะ" เขากล่าวอารมณ์อินไปกับบทเหมือนมีชีวิตจริงๆอยู่ในโลกนี้

    "งั้นก็หมายความว่า... บอสใหญ่คือมังกรเวทชื่อมิเร่อร์... อยู่ที่ทวีปน้ำแข็งทางทิศตะวันตก ซึ่งก็มีบาเรียกันเกราะอยู่ ถ้าจะเข้าต้องหากุญแจผนึกให้ได้... แล้วกุญแจนั้นน่าจะอยู่ในรูปของไอเท็ม ซึ่งน่าจะมี 5 ชิ้นเท่ากับจำนวนผู้กล้า... แบบนี้ถูกไหม?" กันยาถามแบบลำดับเรื่องราวและความน่าจะเป็นมาทีละอย่าง

     

    ได้ยินเช่นนั้นแล้วคาน่อนก็มองกันยาด้วยความประหลาดใจและประทับใจมากขึ้น

    "มะ... ไม่น่าเชื่อ... วิเคราะห์ได้เป๊ะมากเลยฮะ!" แม้จะถูกคำสั่งว่าห้ามบอกความลับของเกม แต่ NPC ก็ ได้รับอนุญาตให้ชี้นำไปสู่สถานที่ดังกล่าว หรือตอบรับในบางเรื่องได้ "ถ้าตามภาพรวมก็เช่นนั้นเลยฮะ แต่ว่าถ้าเป็นสถานที่ไปหาครอบครัวลูกหลานวีรชน หรือที่เก็บไอเท็มนั้น คุณอิมิคต้องไปหาข่าวเอาเองในเมืองนั้นๆนะฮะ"

    "อืม... พอจะเริ่มจับทางได้ล่ะ ก่อนจะเจอบอสใหญ่ที่สุดของเกมได้ คงต้องไปตบบอสตัวอื่นๆอีกซึ่งงานนี้คงไม่ง่ายแน่ๆ" กันยากำหมัดแน่น "เอาล่ะชักคึกขึ้นมาแล้วสิ! เดี๋ยวกินผลไม้หมดนี่แล้วไปลุยอีกหน่อยดีกว่า"

     

    พอจัดการกล้วยผลสุดท้ายแล้ว กันยาก็ลุกขึ้นทำท่าจะบอกลาคาน่อนแล้วหาซื้ออาวุธเพื่อไปเก็บเลเวลอีกเฮือกให้เข้าเกณฑ์เปลี่ยนอาชีพได้

    ในตอนนั้นเองจู่ๆเขาก็ถูกสวมกอดจากทางด้านหลังจนแทบจะล้มไปข้างหน้า

    "เฮ้ๆๆ" กันยายันมือกับโต๊ะหินอ่อนแล้วทำท่าจะหันมาโวยว่าใครเข้ามาเล่นอะไรพิเรนๆ

     

    พอหันไปบุคคลที่มากอดก็คลายตัวออกแล้วเงยหน้ามองไปทางกันยาให้ชัดและมั่นใจยิ่งขึ้น

    ทางด้านกันยาพอมองกลับลงมาก็เห็นเด็กผู้หญิงที่เซ็ตไว้ให้มีอายุวัยราวๆสิบห้าถึงสิบหกปีเท่านั้น เธอเลือกเผ่าครึ่งมนุษย์ครึ่งมังกรอันมีเอกลักษณ์เด่นคือมีเขา หูแหลม นัยน์ตาเรียว มีหางเรียวแต่ทรงเหมือนเกล็ดจระเข้

    สาวเจ้าไว้ผมยาวสีชมพู สร้างความรู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก

     

    ด้วยความที่เจอหน้ากันครั้งแรกแต่กลับทักทายแบบสนิทสนม กันยาจึงมองไปที่หน้าให้ชัดๆ จากนั้นก็จึงได้มีชื่อของผู้เล่นดังกล่าวปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของสาวเจ้า

    -MeA-

    ชื่อง่ายๆสั้นๆสะกดแบบแปลกๆ และเติมขีดเพื่อให้ตัวอักษรเกิน 4 ตัวอันเป็นขั้นต่ำที่ระบบอนุญาตเพื่อไม่ให้ชื่อมั่วเกินไป

     

    กันยาคุ้นทันทีว่านี่คือชื่อของนางเอกในเรื่องมังกรน้อย ซึ่งไม่แปลกถ้าจะมีคนใช้ชื่อนี้เพราะถือเป็นเรื่องดังและเป็นเค้าโครงให้เกมเอาไปใช้

    "พี่คะ!" ว่าแล้วสาวเจ้าก็เอ่ยปากทักขึ้น

     

    ระบบเกมใช้น้ำเสียงในโทนเดียวกับที่บุคคลจริงเป็น ได้ยินเข้าเช่นนั้นกันยาหูผึ่งขึ้นมาตาม เขาดูชื่อแล้วมองไปที่ใบหน้าของตัวละครดังกล่าว

    "เธอ..."

     

    บุคลิก ใบหน้า ท่าทาง ชื่อ MeA และเมื่อรวมกับน้ำเสียงแล้ว มันก็สร้างความคุ้นเคยในทันตา

    เรื่องอื่นอาจจะจำๆลืมๆ แต่กับเรื่องนี้เท่านั้นที่เขาคิดว่ามันไม่ลืมไปได้ง่ายๆแน่

    "มีนางั้นเหรอ?"

     

    กันยาไม่ได้เรียกชื่อตามอวาต้าร์ หากแต่เรื่องจริงของผู้เล่นคนนั้นออกมา...

     

    ชื่อของน้องสาวแท้ๆของตน...

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×