ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC SJ] รักวุ่นๆ ชุลมุนยกแก๊ง[KYUMIN]

    ลำดับตอนที่ #26 : Chapter 25 : ตอนจบที่เหมือนไม่จบ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 7.32K
      10
      14 ก.ค. 52

                                                    
                                                      
    Chapter 25 ตอนจบที่เหมือนไม่จบ

                    หลังจากที่เล่นน้ำกันจนหนำใจก็ได้เวลากลับ ทุกคนเดินทางมาถึงรีสอร์ทตอนหกโมงเย็นต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันไปพักในบ้านพักของตน
                    ในขณะที่ฮันคยองกำลังเดินกลับบ้านพักของตนก็มีเสียงใสๆที่คุ้นเคยดีร้องเรียกไว้ซะก่อน
                    “ฮันคยอง!”    ฮีชอลที่เดินตามฮันคยองมาตะโกนเรียก
                    “อ้าว! ฮีชอล มีอะไรหรอ”    ฮันคยองหันมาถามพร้อมกับรอยยิ้ม
                    “เอ่อ...คือฉันมีอะไรจะบอกนายน่ะ มากับฉันหน่อยได้มั้ย”    ฮีชอลถามแล้วก้มหน้าลง ใบหน้าเริ่มรู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาทันที แต่ไม่ว่าคำตอบจะออกมาเป็นยังไง เขาก็จะยอมรับมัน
                    “อืม”
                    เมื่อฮีชอลได้รับคำตอบจึงเดินนำหน้าฮันคยองไปบริเวณที่แก๊งหนุ่มหล่อใช้จัดงานเลี้ยง ถึงที่มันจะโล่งแต่เวลาเย็นๆแบบนี้คงไม่มีใครออกมาเดินเท่าไหร่นักเพราะท้องฟ้ามืดเร็วกว่าปกติ และอีกอย่างเหล่าสมาชิกแก๊งทั้งหลายคงจะไปพักผ่อนกันหมดแล้วเพราะพรุ่งนี้ต้องเดินทางกลับ
                    “ฮันคยอง...คือฉัน...”    ฮีชอลเอาแต่ก้มหน้าก้มตา พอถึงเวลาจริงๆกลับไม่กล้าพูดทั้งๆที่ตัดสินใจแล้วแท้ๆ
                    “นายมีอะไรจะบอกฉันงั้นหรอ”    ฮันคอยงถามย้ำอีกครั้งพลางเดินเข้าไปใกล้ๆฮีชอล
                    “ฮันคยอง ฉัน...ฉันชอบนาย...ชอบมากๆ...ฉันชอบนายฮันคยอง ชอบมานานแล้วด้วย”    ฮีชอลตัดสินใจพูดออกมาแล้วเงยหน้าจ้องใบหน้าฮันคยองที่อยู่ตรงหน้าตัวเองพอดิบพอดี
                    “ฉันรู้แล้ว รู้มานานแล้วด้วย”    ฮันคยองตอบยิ้มๆ
                    “ห๊า! นายรู้แล้วหรอ! รู้ได้ไงอ่ะ ก็ฉัน...ไม่เคยบอกนี่นา”    ฮีชอลตาโตทันทีเมื่อฮันคยองพูดจบ คิ้วสวยเริ่มขมวดเป็นปม
                    “ฉันต้องขอโทษด้วยนะฮีชอล ฉันมีคนที่ชอบอยู่แล้วล่ะ”    สีหน้าของฮันคยองเศร้าลงทันทีเมื่อพูดประโยคนี้ออกมา
                    “อ่ะ...อืม”    ฮีชอลพยักหน้ารับรู้ ใบหน้าสวยก้มมองพื้น ความรู้สึกตอนนี้มันตีกันไปหมด
                    “ถ้านายไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอตัวก่อนแล้วกัน ฝันดีนะคืนนี้”    ฮันคยองเดินกลับไปยังบ้านพักของตนแล้วแต่ฮีชอลยังคงยืนอยู่อย่างนั้น
                    “เฮ้อ~”    เสียงถอนหายใจยาวพรืดของฮีชอลดังออกมาเมื่อฮันคยองจากไป ใบหน้าสวยเงยขึ้น สีหน้าเรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์ใดๆออกมา
                    “ไม่มีน้ำตา”    ฮีชอลพึมพำขึ้นมา มือเรียวลูบไล้ไปตามใบหน้าของตัวเอง
                    “ไม่เจ็บ”    มือบางเลื่อนลงมาจับที่หน้าอกข้างซ้าย
                    “ไม่ได้รักนายงั้นหรอ”
                    เช้าของวันที่ต้องเดินทางกลับ จากรถตู้สองคันกลับกลายเป็นรถบัสคันใหญ่ ต่างคนต่างวิ่งขึ้นไปจับจองที่นั่งที่ดีที่สุด
                    คู่หัวหน้าแก๊งมีเถียงกันเล็กน้อยแต่สุดท้ายคังอินก็ยอมให้ลีทึกนั่งริมหน้าต่าง ส่วนคิบอมนั้นตามใจดงเฮทุกอย่าง ที่รักอยากนั่งไหนนั้นเลือกตามสบาย เช่นเดียวกับเยซองที่ตามใจเรียวอุกเช่นกัน ฮีชอลนั่งติดริมหน้าต่างฝั่งขวามือด้านหน้าโดยมีซีวอนตามไปนั่งด้วย ฮันคยองนั่งท้ายรถคนเดียว แต่ที่ดูจะวุ่นวายสุดคงจะเป็นคยูฮยอนซองมิน และฮยอกแจ
    ซองมินกับฮยอกแจอยากจะนั่งกับชินดงเพราะมีของกิน แต่คยูฮยอนจะนั่งกับซองมินสุดท้ายก็พยายามจนลากคนน่ารักไปนั่งกับตัวเองได้สำเร็จโดยแย่งขนมมาจากชินดงสองสามห่อ
                    หลังจากนั่งรถกันมาเกือบสามชั่วโมงลุคนขับรถก็พาแต่ละคนไปส่งที่บ้าน ที่สุดท้ายคือบ้านตระกูลลี ซองมินที่ยังคงหลับไม่ตื่นเลยลำบากที่ต้องคยูฮยอนอุ้มเข้าบ้าน
                   
                    เวลาที่ได้หยุดพักผ่อน 1 วันหลังกลับจากการไปเที่ยวเพื่อฉลองวันครบรอบแก๊ง วันนี้ก็มาถึง วันจบการศึกษาของนักเรียนชั้นปีที่ 3 สมาชิกแต่ละแก๊งต่างไปโรงเรียนกันแต่เช้า เพื่อที่จะใช้เวลาในช่วงนี้จดจำความทรงจำดีๆ เอาไว้ เพราะตั้งแต่นี้ไปเหล่ารุ่นพี่ในแก๊งที่อยู่ปี 3 ก็ต้องเกษียรออกไป
                    “วันสุดท้ายแล้วหรอเนี่ย น่าเศร้าใจจัง”    ฮีชอลนั่งอยู่ที่โต๊ะม้าหินอ่อนกับเหล่าสมาชิกแก๊งเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เศร้าสร้อย
                    “แบบนี้แก๊งเราก็เหลือแค่ 3 คนน่ะสิครับ พี่ทึกกับเจ้ฮีออกไปแล้ว เราคง...เหงาแค่เลย”    เรียวอุกพูดด้วยน้ำเสียงไม่ต่างไปจากฮีชอล เมื่อนึกถึงเวลาอีกไม่ถึงชั่วโมงที่พิธีจะเริ่มก็ทำเอาใจหาย
                    “ต่อไปนี้นาย 3 คนก็จะเป็นรุ่นพี่ใหญ่ในโรงเรียนแล้วนะ แล้วก็เป็นรุ่นพี่ใหญ่ในแก๊งด้วย ใครจะได้เป็นหัวหน้าแก๊งนะ พี่อยากรู้จังเลย”    ลีทึกว่ายิ้มพลางลูบหัวซองมินที่ก้มหน้าทำท่าเหมือนจะร้องไห้
                    “ผมไม่อยากให้พวกพี่เรียนจบเลยจริงๆ”    ซองมินเงยหน้าขึ้นมากอดลีทึกแต่คำพูดที่เปล่งออกมานั้นทำเอาฮีชอลจ้องเขม็ง
                    “นี่นายกะจะไม่ให้ฉันไปเจอสิ่งที่มันดีกว่านี้เลยหรือไง”    ฮีชอลว่าอย่างเคืองๆ
                    “แล้วเจอพวกผมมันไม่ดีหรอครับ ผมแค่อยากอยู่กับพวกพี่นี่นา”    ซองมินพูดพลางซุกหัวเข้าไปในอ้อมกอดของลีทึกยกใหญ่ พี่ใหญ่ของแก๊งก็กอดตอบอย่างเต็มใจ
                    “ผมคงคิดถึงพวกพี่มากแน่ๆเลย”    ดงเฮที่นั่งเงียบมานานพูดขึ้น ขอบตาเริ่มแดงๆ
                    “นายอย่าเพิ่งร้องไห้นะดงเฮ รอให้พิธีจอบก่อนสิ ตอนนี้พวกพี่ยังไม่ได้ไปไหนซะหน่อย อย่าเพิ่งร้องสิ! ให้ตายสิ! ถ้าฉันถ่ายรูปออกมาไม่สวยนะนายตายแน่ดงเฮ!”    จากตอนแรกที่พูดดีๆ ประโยคหลังกลับกลายเป็นตะคอกไปซะอย่างนั้น เมื่อเห็นดงเฮเริ่มร้องไห้ แล้วคนอ่อนไหวง่ายอย่างลีทึกจะรอดหรอ พูดจบก็ยกหลังมือปาดน้ำตาออกเบาๆ
                    “ฮือ...ก็ผมเศร้านี่ครับพี่...ผมเศร้าอยู่นะ...ฮือๆ”    ดงเฮพูดไปร้องไห้ไป
                    “จะร้องกันทำไมเนี่ย! หยุด! อย่าเพิ่งร้อง!”    ฮีชอลได้แต่โวยวาย เพราะเขาเองก็น้ำตาคลอเบ้าแล้วเหมือนกัน และในที่สุดก็ลามไปถึงซองมินและเรียวอุกที่พยายามกลั้นกันอยู่ตั้งนาน
                    5 หนุ่มหน้าหวานเขยิบเข้ามาใกล้กันก่อนจะกอดกันกลม น้ำตาไหลก็ผลัดกันเช็ดให้กัน ดูเหมือนหนุ่มๆที่มายืนดูอยู่ได้ซักพักก็เริ่มจะทนไม่ไหวแล้วเช่นกัน ตอนแรกกะจะมาชวนให้เข้าหอประชุมแต่ตอนนี้ เหล่าสมาชิกแก๊งหนุ่มหล่อกลับรู้สึกร้อนๆที่ขอบตา
                    “มัวแต่ร้องกันอยู่นั่นแหละ ไปเข้าหอประชุมกันได้แล้ว”    คังอินเป็นที่พูดขึ้นก่อนจะดึงตัวสุดที่รักเข้ามาหาตนและประคองเดินไปด้วยกัน
                    “จะเศร้าไปทำไม อยากเจอก็มาหากันได้นี่นา”    คังอินปลอบลีทึก ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาให้อย่างเบามือ
                    “ก็มันเศร้านี่นา”
                    “ไปกันเถอะพิธีใกล้จะเริ่มแล้ว”    คังอินหันกลับมาพูดกับเหล่าสมาชิกแก๊ง ทุกคนพยักหน้ารับ
                    คิบอมเดินไปกับดงเฮ เรียวอุกไปกับเยซอง ซีวอนนั้นรอให้ฮีชอลเดินนำหน้าไปก่อนถึงจะเดินตาม ส่วนซองมินเดินไปตั้งนานแล้วเหลือเพียงคยูฮยอนที่ยืนอยู่กับฮยอกแจ
                    “เฮ้อ~ ไปตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”    คยูฮยอนถอดหายใจยาวพรืด เพราะไม่รู้ซองมินเดินไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ก่อนจะเดินตามเหล่ารุ่นพี่ไปกับฮยอกแจ
                    เหล่าสมาชิกแก๊งหนุ่มหล่อและหน้าหวานนั่งประจำที่เรียบร้อยแล้วไม่กี่นาทีต่อมากิจกรรมก็เริ่มขึ้น เหล่ารุ่นพี่ที่เรียนจบในปีนี้ผลัดกันขึ้นไปรับใบประกาศนียบัตรตามรายชื่อของนักเรียนในแต่ละชั้น
    และมีการประกาศรายชื่อนักเรียนดีเด่น ซึ่งรางวัลนั้นก็ตกเป็นของ ‘ปาร์คจองซู’ หรือ ‘ลีทึก’ ที่ทุกคนรู้จักในนามหัวหน้าแก๊งหน้าหวาน เพราะผลการเรียนที่ผ่านมาตลอด 3 ปีการศึกษาไม่มีใครสามารถทำคะแนนนำลีทึกได้เลยซักคน
    เหมือนกับหัวหน้าแก๊งหน้าหวานทุกคนที่จะได้ตำแหน่งนี้ไปครองเป็นประจำทุกปีซึ่งปีนี้ก็เป็นอย่างที่ทุกคนคาดไว้ไม่มีผิด
     “ฉันว่ากิจกรรมฉันทำเยอะกว่านายนะทึกแต่นายกับได้ตำแหน่งนักเรียนดีเด่นนั้นเฉยเลย อย่างนายก็ดีแต่เรียนเก่ง”    ฮีชอลบ่นกระปอดกระแปด เพราะถึงลีทึกจะเป็นหัวหน้าแก๊งแต่เหมือนกับว่าอำนาจส่วนใหญ่จะตกอยู่ที่เขาซะมากกว่า
     “อย่าพูดมากเลยน่า ผลมันก็ต้องออกมาเป็นแบบนี้อยู่แล้วนี่นา มาถ่ายรูปกันดีกว่า”    ลีทึกดึงฮีชอลเข้ามากอดคอแล้วส่งกล้องให้กับซองมิน
    หลังจากที่พิธีในหอประชุมเสร็จสิ้น ทุกคนก็ออกมาถ่ายรูปกันเพื่อเก็บภาพบรรยากาศในวันนี้ไว้
    แก๊งหน้าหวานต่างผลัดกันถ่ายรูปของกันและกัน เช่นเดียวกับแก๊งหนุ่มหล่อที่กำลังบันทึกภาพแห่งความทรงจำไว้เช่นกัน
     “ทึกกี้ ดีใจด้วยนะ”    คังอินถือช่อดอกไม้ช่อโตไว้ในมือแล้วยื่นให้กับลีทึกที่ยืนอยู่ตรงหน้า ถึงเวลานี้เหล่าหนุ่มหน้าหวานต่างก็โดนจับแยกออกเป็นคู่ๆ
     “ฉันก็ดีใจกับนายเหมือนกันคังอิน แต่ฉันไม่มีดอกไม้ให้นายหรอกนะ”    ลีทึกรีบรับดอกไม้มาไว้ในมือก่อนจะดึงคนรักเข้ามากอด
     “รักนายจัง”    คังอินพูดเบาๆที่ข้างหูลีทึกพลางกอดตอบอย่างแนบแน่น
     “ฉันรู้แล้วล่ะน่า กอดแน่นเกินไปแล้วคังอินเดี๋ยวดอกไม้ก็แบนหมดหรอก.....ฉันก็รักนายเหมือนกันนะ”    ลีทึกดันคังอินออกเบาๆ เมื่อผละออกจากกันแล้ว ลีทึกจึงเอ่ยประโยคหลังแล้วยิ้มให้คนรัก
                    “จูบได้มั้ย”
                    “เอ่อ...เอาสิ”
                    เมื่อได้รับคำตอบคังอินก็ดึงลีทึกเข้ามาประจบปากทันที รุ่นน้องที่กะจะเข้ามาแสดงความดีใจกับทั้งคู่ถึงกับผงะ ได้แต่ยืนหน้าแดงเพราะทั้งคู่ไม่มีทีท่าว่าจะผละออกจากกันซักที
                    “เห็นพวกรุ่นพี่แล้วมีความสุขจัง ปีหน้าด๊องก็จบแล้ว ผมคงเหงาแย่เลย”    คิบอมพูดเสียงอ้อนๆ เอาหัวทุยๆถูกับต้นแขนของดงเฮไปมา
                    “จบไปแล้วไงล่ะ บอมจะทิ้งด๊องหรือไง”    ดงเฮหันมาพูดทำเอาคนที่กำลังทำท่าอ้อนอยู่ กลับมาจ้องหน้าทันที
                    “ทำไมพูดแบบนี้ล่ะครับ น่ารักแบบนี้ใครจะทิ้งลง”    คิบอมพูดพลางกอดดงเฮเอาไว้แน่น
                    “ด๊องรักบอมนะ ลีดงเฮรักคิมคิบอม”    ดงเฮจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีดำสนิทของคิบอมที่จ้องเขาอยู่เช่นกัน
                    “คิมคิบอมก็รักลีดงเฮมากเหมือนกันครับ”    คิบอมขโมยหอมแก้มดงเฮอย่างรวดเร็วก่อนจะยิ้มจนตาเป็นขีด
    ดงเฮเองก็ไม่ได้โวยวายแต่กลับหัวเราะชอบใจซะงั้น ก่อนจะหอมแก้มคิบอมกลับ คิบอมโดนหอมก็หอมกลับดงเฮเองก็เหมือนจะไม่ยอมเลยกลายเป็นผลัดกันหอมแก้มไปเรื่อยๆ ถ้าไม่มีใครคิดที่จะหยุด งานนี้คงไม่มีใครยอมใครแน่ๆ
                    “ถ้าผมไม่อยู่แล้วอุกกี้ของผมต้องดูแลตัวเองดีๆนะครับ”
                    “ก็อยู่มาได้ตั้งสองปี อีกแค่ปีเดียวไม่เป็นไรหรอกน่า”    เรียวกอุกหยิบดอกกุหลาบจากมือเยซองที่มีรุ่นน้องให้มาเพื่อแสดงความยินดีตีหัวของคนหน้ากลมไปหนึ่งทีเพราะฐานพูดอะไรไม่รู้เรื่อง ทั้งที่เพิ่งตกลงเป็นแฟนกันแค่ไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ พูดอย่างกับว่าดูแลเขามาเป็นปี
                    “ผมห่วงจริงๆนะ หวงด้วย นับวันอุกกี้ของผมก็ยิ่งน่ารัก ถ้าผมไม่อยู่คุม เกิดอุกกี้นอกใจผมจะว่าไงล่ะครับ”    เยซองพูดทำหน้าหงอยๆ
                    “นี่เยเย่ไม่เชื่อใจกันหรอ”    เรียวอุกเลยปั้นหน้าบึ้งพูดเสียงงอนๆ โทษฐานที่ไม่ไว้ใจกัน
                    “เพราะรักนะครับถึงได้พูดแบบนี้น่ะ”
                    “รักแล้วต้องเชื่อใจด้วยสิ”
                    “ทั้งรักทั้งเชื่อใจเลยครับ เปิดเทอมหน้าผมจะมารับมาส่งอุกกี้ของผมที่โรงเรียนเองนะครับ”
                    “แล้วแต่เยเย่แล้วกันครับ เพราะรักนะถึงยอมน่ะ”    เรียวอกุพูดยิ้มๆ แก้มแดงขึ้นเรื่อยๆแบบเจ้าตัวไม่รู้ตัวทำเอาเยซองยิ้มหน้าบานกว่าเดิม
                    “แฟนใครเนี่ยเขินน่ารักจังเลย”    เยซองจับบิดแก้มเรียวอุกเบาๆ แล้วเอนตัวลงนอนตักนุ่มๆ
                    “พูดมากน่า”    เรียวอุกถูแก้มตัวเองไปมา แล้วเสยผมของคนที่นอนตักตัวเองอยู่เล่นด้วยความเพลิดเพลิน
                    คนนอนก็มีความสุขส่วนคนให้ยืมตักก็มีความสุข ทั้งสองเลยได้สร้างโลกส่วนตัวไว้เรียบร้อยแล้ว เพื่อกันคนที่จะเข้ามาขัดขวางความสุขของเขาทั้งสองคน
                   
                    “ดอกไม้ของผมจะมีที่ว่างให้พี่ถือมั้ยล่ะครับเนี่ย”    ซีวอนพูดยิ้มกับคนที่ถือช่อดอกไม้พะลุงพะลังเต็มมือเพราะรุ่นน้องที่ต่างเข้ามาแสดงความยินดีด้วย ระดับซินเดอเรลล่าของโรงเรียนทั้งทีมีหรือที่จะไม่ได้รับความสนใจ
                    “ก็ถ้านายให้ฉัน ฉันก็จะรับไว้”    ฮีชอลพูดเหมือนไม่ได้สนใจอะไรมากนัก ก่อนจะค่อยๆวางช่อดอกไม้ทั้งหลายไว้ที่โต๊ะข้างๆตัว
                    “ดอกไม้ช่อนี้คือความรักของผมนะครับ เพราะฉะนั้นก็ถือว่าพี่รับรักของผม ผมให้พี่ครับ ต้องรับนะครับ พี่พูดเอง”    ซีวอนยิ้มจนไม่รู้ว่าจะหุบยิ้มได้เมื่อไหร่เมื่อเห็นสีหน้าของฮีชอล ท่าทางเขินๆที่ทำท่าจะโวยวายเมื่อเขาพูดออกไปแบบนั้น
                    “อะไรของนายเนี่ยซีวอน! บ้าที่สุด! ฉันขอเปลี่ยนคำพูด!”    ฮีชอลหน้าแดงจัด เริ่มทำอะไรไม่ค่อยถูก ได้แต่โวยวายไปก่อน
                    “อย่ากลับคำซิครับ มันไม่ดีเลยนะ รับนะครับ”    ซีวอนยื่นดอกไม้ไปตรงหน้าฮีชอล คนโดนขอความรักตรงๆ แทบทำอะไรไม่ถูก ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาไม่พอใจคงโดนอะไรหนักๆเข้าที่หน้าแน่ๆ
                    “แค่รับก็พอใช่มั้ย”    ฮีชอลรับดอกไม้มาแล้วทำท่าจะเดินหนี เพราะมันเขินเกินบรรยายแถมคนยังมองกันเพียบ
                    “รับแล้วรักมั้ยครับ”    ซีวอนเดินเข้าไปกอดฮีชอลจากด้านหลัง กระซิบข้างๆหูที่แดงเถือก ทำเอาคนที่โดนกอดถึงกับก้มหน้านิ่งทำอะไรไม่ถูก
     ‘ซินเดอเรลล่ากับเจ้าชายจะได้สมหวังกันซักที’ นี่คือความคิดของคนที่ยืนมองดูกันอยู่ ใบหน้าของแต่ละคนมีรอยยิ้มผุดขึ้นมากับภาพที่ได้เห็นตรงหน้า
     “.........”
     “ไม่ตอบแสดงว่า.....”    เมื่อไม่มีเสียงตอบรับซีวอนเลยรุกต่อ
     “.........”    แต่สิ่งที่ได้ก็คือความเงียบเหมือนเดิม
     “พี่ฮีชอลครับ”     ซีวอนกระซิบเบาๆที่ข้างหู
     “ถ้าไม่รักแล้วจะรับมั้ยล่ะ...นายนี่โง่ชะมัด”     ประโยคแรกเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน ส่วนประโยคหลังนั้นหันหน้ากลับมาพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ จนคนฟังถึงกับยิ้มไม่หุบ
     “ฮ่าๆๆๆ น่ารักที่สุดเลยครับ....ผมมีแฟนแล้วนะครับทุกคน”    ซีวอนดึงฮีชอลเข้ามากอดอีกครั้ง ก่อนจะหันไปพูดกับคนที่มองดูเขาสองคนอยู่ เขาเหล่านั้นต่างส่งเสียงเฮกันยกใหญ่
     “แล้วซองมินเมื่อไหร่จะรับรักผมบ้างล่ะครับ”     คยูฮยอนกับซองมินที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่เหมือนกัน เมื่อสบโอกาส น้องเล็กแห่งแก๊งหนุ่มหล่อก็ปฏิบัติการรักของตัวเองต่อจากรุ่นพี่ที่เพิ่งสมหวังทันที
     “นายเคยให้รักฉันเมื่อไหร่”     ซองมินพูดออกมาหน้าตาย
     “นี่ไม่รู้ตัวเลยหรอ”    คยูฮยอนเองก็งงกับคำตอบของซองมินเช่นกัน ใบหน้าที่เหวอเต็มสตรีมเลยทำให้ซองมินหลุดขำออกมาแต่ก็พยายามเก๊กไว้
     “รู้แล้วจะถามหรือไง อย่าโง่เหมือนซีวอนสิ”    ซองมินแกล้งด่าคยูฮยอนอ้อมๆแต่ก็ไม่อ้อมจนคนที่โดนด่าจะจับไม่ได้ จริงๆเขาก็ไม่ใช่ว่าไม่รู้หรอกว่าคยูฮยอนน่ะจีบเขาอยู่ แต่แค่อยากจะแกล้งเท่านั้น
     “นายต่างหากล่ะที่โง่”    คยูฮยอนว่าด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูแล้วเคืองคนที่สนทนาอยู่ด้วยซะมากๆ
     “นี่นายกล้าว่าฉันหรอคยู!”    ซองมินท้าวเอวถามอย่างเอาเรื่อง จากที่พูดกันอยู่ดีๆ กลับกลายเป็นเถียงกันไปซะงั้น
     “รักน่ะได้ยินมั้ย รักจะบ้าตายอยู่แล้ว”    คยูฮยอนดึงซองมินเข้ามากอด พูดให้คนที่ทำเป็นไม่รู้เรื่องให้ได้ยินกันชัดไปเลย
                    “อ่ะ...เอ่อ...ตรงไปมั้ย”    ซองมินหน้าแดงขึ้นทันที
                    “ก็จะได้รู้ซักทีไง...แล้วคำตอบล่ะ”
                    “ถามใหม่สิ เมื่อกี้นายไม่ได้ถามฉันซักหน่อย”    ซองมินหันหน้าหนีเพื่อหลบสายตาของคยูฮยอน
    คนที่ทำให้เขาลืมเรื่องทุกข์ได้ตลอดเวลา คนที่ทำให้เขาสบายใจได้เสมอ คนที่ทำให้ใจเต้นแรงได้ขนาดนี้...คำตอบ...อย่างที่นายต้องการ...ฉันจะบอกนายวันนี้แล้วนะ...คยูฮยอน
     “ฉันรักนายซองมิน นายจะรับรักฉันหรือเปล่า”     คยูฮยอนจับหน้าซองมินให้หันมามองหน้าเขา ใบหน้าที่ตอนนี้แดงก่ำทำเอาเขาแทบอดใจไม่ไหว
     “รับสิ ยอมรับตั้งนานแล้ว ถ้านายถามฉัน”    ซองมินตอบเสร็จก็หันหน้าหลบทันที
     “พูดคำนั้นสิ ฉันอยากฟัง”    คยูฮยอนจับหน้าซองมินให้หันมาอีกครั้ง
     “รักนาย....คยูฮยอน”    คราวนี้ซองมินไม่ได้หันหน้าหนีแต่อย่างใด คยูฮยอนเองก็ยิ้มจนปากแทบจะฉีกถึงหู ใบหน้าหล่อกับใบหน้าหวานค่อยเลื่อนเข้าใกล้กันเรื่อยๆ
     “หยุดๆ นายสองคนน่ะ มาถ่ายรูปก่อน นอนบ้านเดียวกันไม่ใช่หรอ คืนนี้ค่อยไปว่ากันก็ได้” เสียงนรกที่ดังมาจากปากของคนที่ได้กลายเป็นอดีตหัวหน้าแก๊งหนุ่มหล่อไปเรียบร้อยแล้วเอ่ยขึ้นขัดความสุขของคนที่เพิ่งได้มอบรักและรับรักของกันและกัน
    คยูฮยอนส่ายหน้าอย่างเซ็งๆก่อนจะดึงซองมินให้เดินเข้าไปรวมกลุ่มกับเพื่อนๆที่มากันครบกันหมดทุกคนแล้ว เขาไม่รู้หรอกว่าคังอินรู้เรื่องที่เขาอยู่บ้านเดียวกับซองมินได้ยังไง แต่ตอนนี้ก็ไม่สนใจอะไรแล้ว เพราะกลับบ้านไปเขามีเวลาอีกยาวนาน
    ภาพของแก๊งหนุ่มกับแก๊งหน้าหวานที่นานๆกว่าจะอยู่รวมกันหาได้ยากนัก เหล่านักเรียนส่วนใหญ่เลยเข้ามารุมถ่ายรูปเพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึก ส่วนตากล้องจำเป็นของสมาชิกแก๊งเลยตกเป็นหน้าที่ของฮยอกแจไปโดยปริยาย ฮันคยองที่ยืนดูอยู่ก็อดไม่ได้ที่จะหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองมาบันทึกภาพไว้เช่นกัน
    หลังจากที่ถ่ายรูปกันจนหนำใจก็ถึงเวลาที่ทุกคนไม่อยากให้ถึง ความสุขมักจะผ่านไปเร็วเสมอ งานเลี้ยงต้องมีการเลิกรา ในเวลาช่วงเย็นของวันเหล่าสมาชิกแก๊งเลยนัดกันเพื่อไปกินเลี้ยงเหมือนในทุกๆปี จะต่างก็ตรงที่เป็นการกินเลี้ยงที่แก๊งหนุ่มกับแก๊งหน้าหวานไปด้วยกันในปีนี้
     “ฉันอยากชวนฮันคยองไปด้วย”    คังอินพูดขึ้นก่อนทุกคนจะได้ก้าวออกจากรั่วโรงเรียน
     “งั้นก็ไปตามสิ”    ลีทึกพูด
     “ไอ้ไก่นายไปตามดิ๊”    คังอินหันไปสั่งฮยอกแจที่ยืนอยู่ข้างๆคยูฮยอน เพราะดูเจ้านั่นจะสบายสุด แถมไม่มีคนให้ต้องดูแลเหมือนสมาชิกแก๊งคนอื่น ส่วนเขาก็ถือดอกไม้ของตัวเองกับลีทึกอยู่เต็มมือจะให้ไปก็ลำบาก
     “หา! ผมหรอ ไม่ไปหรอก”    ฮยอกแจส่ายหน้าปฏิเสธทันที จะให้เค้าไปเจอกับนายโรคจิตคนนั้นเค้าไม่เอาเด็ดขาด
     “ถ้าแกไม่ไปก็ไม่ต้องไปกับพวกฉัน เลือกเอาแล้วกัน”    คังอินพูดเสียงเรียบๆ คาดว่าขู่แบบนี้ฮยอกแจต้องไปชัวร์
     “ครับๆ ไปก็ได้”    ฮยอกแจต้องยอมรับไปตามฮันคยองอย่างช่วยไม่ได้ ไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไม    คังอินถึงไม่ชอบใจอะไรเขานักหนา
    ฮยอกแจเดินเข้าไปในโรงเรียนอีกครั้งพลางเดินหาฮันคยอง นักเรียนเริ่มบางตาลงมากแล้ว ฮยอกแจเห็นฮันคยองที่กำลังรับดอกไม้จากรุ่นร้องคนหนึ่งเลยรีบเดินเข้าไปหาทันที
     “ว่าไงฮยอกแจ”    ฮันคยองที่เห็นฮยอกแจเดินเข้ามาหาเลยชิงทักเสียก่อนที่ฮยอกแจจะได้พูดอะไร
     “พี่คังอินให้มาตามไปกินเลี้ยงกับแก๊ง ห้ามปฏิเสธเด็ดขาด ไม่งั้นฉันโดนพี่คังอินเล่นงานแน่ๆ เดินตามเร็วๆด้วย”    ฮยอกแจพูดจบก็หันหลังให้ฮันคยองแล้วเดินไปทันทีเพราะเขาไม่อยากจะอยู่ใกล้ๆฮันคยองเท่าไหร่นัก รีบพูดๆให้เสร็จจะได้ไปกันซักที
     “อะไรของเขาเนี่ย”    ฮันคยองส่ายหน้าน้อยๆ แล้วเดินตามฮยอกแจไป ถึงจะไม่อยากเจอใครบางคนแต่เขาก็ไม่อยากให้คังอินเล่นงานฮยอกแจเหมือนกัน
    ฮยอกแจเดินนำหน้าฮันคยองมาแต่ไกลพอทุกคนมารวมตัวกันครบ ฮีชอลก็โทรบอกชินดงให้จองร้านประจำที่แก๊งจะไปเลี้ยงที่นั่นในทุกๆปี หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยทุกคนก็ออกเคลื่อนพลไปยังร้านอาหาร
    เมื่อมาถึงร้านอาหารก็พบกับชินดงนั่งยิ้มแฉ่งให้อยู่พร้อมกับที่นั่งพิเศษครบตามจำนวนคน ร้านอาหารแห่งนี้เป็นร้านที่บรรยากาศดีมากแถมอาหารยังอร่อยคนถึงแน่นร้านทุกวัน ถ้าพวกเขาไม่ใช่แขกพิเศษจริงๆ วันนี้คงไม่ได้มาฉลองกันที่นี่แน่เพราะถ้าหากจะมาทานทาการที่ร้านนี้ต้องจองก่อนล่วงหน้าเป็นวัน
     “เชิญเลยครับคุณๆทั้งหลาย ผมสั่งอาหารไปเรียบร้อยแล้วครับ อีกซักพักคงจะมาเสิร์ฟ”    ชินดงพูดอย่างอารมณ์พลางเชิญให้ทุกคนนั่งประจำที่
    ทุกคนต่างนั่งกันเป็นคู่ๆสุดท้ายก็เหลืออยู่แค่สามคนคือ ชินดง ฮันคยองและฮยอกแจ ชินดงนั้นเดินไปนั่งข้างๆฮีชอลเพราะมีที่ว่างเหลืออยู่ ฮยอกแจเลยต้องนั่งกับฮันคยองไปโดยปริยาย
    ไม่นานนักอาหารมากมายหลายอย่างก็มาเสิร์ฟอยู่ตรงหน้า คนรักกันต่างพากันตักอาหารป้อนให้กัน ส่วนชินดงก็กำลังเพลิดเพลินอยู่กับการกิน ถึงแม้จะไม่มีใครมาตักให้หรือป้อนให้ก็ตาม
     “จะไม่กินอะไรเลยหรอ”    ฮันคยองที่เห็นฮยอกแจไม่ตักอะไรมาทานซักทีเลยถามขึ้น
     “เรื่องของฉันน่า”    ฮยอกแจตอบไปส่งๆพลางมองหาของที่ตนเองอยากกิน
     “งั้นกินนี่ก็แล้วกัน ฉันว่านายคงอยากจะกินมัน”    ฮันคยองตักน่องไก่ทอดใส่ในจานของฮยอกแจแล้วยิ้มตาหยี
    ฮยอกแจหันไปมองค้อนนิดๆแต่ก็ยอมกินแต่โดยดี ก็ไอ้ที่เขาเล็งไว้ก็น่องไก่ทอดนี่แหละ        ฮันคยองนี่รู้ใจเขาจริงๆ
    งานเลี้ยงส่งอดีตสมาชิกแก๊งหนุ่มและหน้าหวานเป็นไปด้วยความสนุกสนาน งานนี้ไม่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพราะลองแต่ละคนได้ดื่มมันเข้าไปงานนี้ร้านได้พังเป็นแน่
     “ซองมินคืนนี้คุณมานอนกับผมนะ”    คยูฮยอนเอียงหัวซบไหล่ซองมินพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนๆ คืนนี้อยากจะนอนกอดหมอนข้างนุ่มๆ
     “นอน?”    ซองมินหันไปถามย้ำอีกครั้ง ต้องการแน่ใจว่าแค่นั้นจริงๆไม่ได้มีอะไรแอบแฝง
     “ครับ แค่นอนให้ผมกอดก็พอนะครับ”   คยูฮยอนอ้อนอีกรอบทำเอาซองมินต้องรีบหันหน้าหนี เวลาคยูฮยอนทำท่าอ้อนนี่มันตลกจนเขาแทบรับไม่ได้ การพูดการจาก็เพราะขึ้น
     “อืม”    ซองมินพยักหน้ารับเบาๆ แล้วตักนู้นตักนี่กินต่อไป คยูฮยอนเลยเข้าไปหอมแก้มขาวๆนั่นด้วยความดีใจ
     “ต่อไปทุกวันด้วยนะครับ”
     “อืม”
    คราวนี้คยูฮยอนดึงซองมินเข้ามากอด แล้วประกบจูบอย่างนุ่มนวลริมฝีปากที่เขาอยากจะสัมผัส ซึ่งซองมินก็ไม่ได้มีท่าทีขัดขืนใดแถมยังจูบตอบอีกต่างหาก
     “อุกกี้ เยเย่อยากได้แบบคยูบ้างอ่ะ ขอบ้างนะครับ”    เยซองเห็นคู่คยูฮยอนกับซองมินทำสวีทต่อหน้าต่อตาเลยอยากจะทำบ้าง
     “จะบ้าหรอเยเย่”    เรียวอุกตอบหน้าแดง
     “พี่ครับผมก็อยากได้บ้างจัง”    ลามไปถึงซีวอน
     “มะเงกสิ”
     “จูบกันนะครับ”    และก็ลามไปถึงคิบอม
     “ครับ”    ดงเฮตอบรับยิ้มๆเมื่อได้คำตอบคิบอมก็เข้าประกบปากทันที
     “ทึกกี้คร๊าบบบบบ”    และก็หนีไม่พ้นคังอิน
    ลีทึกหันไปยิ้มให้แฟนหนุ่มก่อนจะโน้มคอคนรักลงมาจูบอย่างดูดดื่ม
     “เกรงใจกันบ้างมั้ยเนี่ย”    ฮยอกแจพูดหน้าแดงแล้วก้มหน้าก้มตาเพื่อจะได้มองไม่เห็นฉากสวีทที่มันบาดตาเหลือเกิน
     “ผมยังว่างนะ สนใจมั้ยล่ะครับ”    ฮันคยองก้มลงไปกระซิบที่ข้างหูฮยอกแจ ทำเอาฮยอกแจหน้าแดงจนลามไปถึงหูรีบเงยหน้าขึ้นมาผลักฮันคยองออกทันที
     “ไม่สนเว้ย!”    ฮยอกแจตะโกนใส่หน้าฮันคยองแต่เหมือนฮันคยองจะไม่มีทีท่าโกรธเลยซักนิดกลับขำออกมาซะด้วยซ้ำ
    ส่วนชินดงงานนี้ไม่สนใจใครทั้งนั้น อาหารมากมายวางเรียงอยู่ตรงหน้า ไม่มีอะไรที่มันน่าสนใจกว่านี้อีกแล้ว
    ความบาดหมาง...ความวุ่นวายที่ผ่านมา....วันเวลาเปลี่ยนทุกสิ่งทุกอย่างให้กลายเป็นความรักความผูกผันและความสุข
    +++++++++++++++THE END++++++++++++++++

    kr...Talk
    และแล้วก้อแก้มาถึงตอนจบของภาคแรกแล้ว
    อย่าลืมนะ ว่าเราได้ทำเป็นหนังสือแล้ว
    ช่วยอุดหนุนกันเยอะๆนะ


    มีเรื่องจะเมาส์ด้วย
    เมื่อวานไปดูคิมฮีแถลงข่าว12+
    น่ารัก&สวยว่ะอ่ะ
    ชั้นเปลี่ยนใจมารักคิมฮีแทนคยู แล้วตาโจจะน้อยใจไหมเนี่ย


    MusicPlaylist
    Music Playlist at MixPod.com

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×