คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : Chapter 13 : ขี่ม้าชิงเมือง
Chapter 13 : ขี่ม้าชิงเมือง
และแล้ววันที่หลายคนรอคอยก็มาถึง งานกีฬาประจำหอพักถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ที่สนามของมหาวิทยาลัย รอบสนามถูกจัดเป็นสแตนเชียร์ของแต่ละหอ ส่วนนักกีฬานั้นกำลังวอร์มร่างกายกันอยู่รอบสนาม โดยเกมแรกที่จะแข่งขันกันนั้นเป็นกีฬาประเภทเดี่ยวซึ่งมีอยู่สี่เกมด้วยกัน
เสียงเชียร์จากเด็กหอของมาวิทยาลัยนั้นดังสนั่น เมื่อนักกีฬาประเภทเดี่ยวของเกมแรกเดินลงสนาม งานนี้สงวนสิทธิ์เฉพาะผู้ที่พักอยู่ในหอพักของทางมหาวิทยาลัยเท่านั้น ส่วนนักศึกษาไปกลับไม่มีสิทธิ์ร่วมกิจกรรมไม่ว่าจะกรณีใดๆ
คะแนนในการตัดสินจะนับตามอันดับที่ได้ซึ่งมีห้าอันดับด้วยกัน ในกีฬาประเภทเดี่ยวผู้ชนะเลิศจะได้ห้าคะแนน ที่สองสี่คะแนนไล่ตามลำดับลงมาเรื่อยๆจนถึงที่ห้าจะได้หนึ่งคะแนน ส่วนกีฬาประเภทคู่ผู้ชนะเลิศจะได้สิบคะแนน ที่สองแปดคะแนน ไล่ตามลำดับลงมาเรื่อยๆจนถึงที่ห้าได้สองคะแนน ส่วนหอที่ไม่ติดห้าอันดับจะไม่ได้คะแนนสะสม
การแข่งขันดำเนินต่อไปเรื่อยๆจนมาถึงเกมสุดท้ายของกีฬาประเภทเดี่ยว ซึ่งทั้งสามเกมที่ผ่านมานั้นทุกหอได้คะแนนเฉลี่ยพอๆกัน พลัดกันแพ้พลัดกันชนะ แต่ในเกมสุดท้ายนี้นักกีฬาที่ถูกจับตามองที่สุดคงหนีไม่พ้นหอสิบสาม หอสุดท้ายของมหาวิทยาลัย ซึ่งหุ่นของนักกีฬาหอนี้ดูท่าจะได้เปรียบอยู่มากทีเดียว
“ชินดงสู้ตาย” รูมเมทตัวเล็กของชินดงให้กำลังพร้อมกับยิ้มน่ารักไปให้ เพื่อนๆร่วมหอสิบสามชั้นสี่ต่างก็พากันมาให้กำลังใจกันเต็มที่
“เกมนี้นายชนะชัวร์ชินดง” อีทึกตบไหล่เพื่อนเบาๆพร้อมกับชูนิ้วโป้งให้
“ฉันจะเอาห้าคะแนนมาเป็นของหอเราให้ได้” ทำท่าสู้ตายพร้อมกับยิ้มให้เพื่อนๆก่อนจะเดินลงสนามไปท่ามกลางเสียงเชียร์จากหอสิบสามที่ดังแข่งกับหออื่นๆ
เกมนี้มีชื่อว่าชิงธง โดยให้นักกีฬาผูกเชือกไว้ที่เอวแล้วต้องดึงตัวเองไปหาของกินให้ได้ จากนั้นต้องกินให้หมดจึงจะสามารถหยิบธงมาได้ จะถือว่าเป็นผู้ชนะ
นักกีฬาทั้งสิบสามคนของสิบสามหอลงสนามพร้อมกันโดยไม่มีการแบ่งเป็นรอบถือว่าเป็นเกมที่โหดพอตัวเลย ถ้าใครไม่แข็งแรงหรือแรงไม่เยอะจริงต้องโดนดึงไถลไปกับพื้นเป็นแน่
เชือกแต่ละเส้นถูกผูกไว้ที่เอวของนักกีฬาทุกคนโดยปล่อยความยาวให้เท่าๆกันโดยที่ปลายเชือกทุกเส้นนั้นจะมัดรวมกันอยู่ตรงกลางเหมือนกังหันที่มีสิบสามแฉก ของกินถูกวางอยู่ด้านหน้าของนักกีฬาห่างออกไปหนึ่งเมตร ส่วนธงจะวางถัดไปจากของกินอีกหนึ่งฟุต
“ระวัง!” เสียงของกรรมการดังขึ้นเป็นสัญญาณให้นักกีฬาเตรียมตัว ต่างคนก็ต่างมองไปที่ของกินเตรียมพละกำลังเพื่อให้พุ่งตัวออกไปให้แรงที่สุด
ปี๊ด!
เสียงนกหวีดเริ่มการแข่งขัน เสียงเชียร์ดังกระหึ่มขึ้นมาอีกครั้ง ชินดงก้าวกระโดดทีเดียวก็ถึงของกินเป็นที่เรียบร้อยทำให้เสียงเชียร์จากหอสิบสามดังขึ้นเป็นเท่าตัว นักกีฬาตัวเล็กหลายคนถูกลากไปตามแรงดึงของคนที่ตัวใหญ่กว่าแต่กลับไม่มีใครยอมแพ้เลย พยายามฮึดสู้เพื่อดึงตัวเองเข้าไปหาของกินให้ได้ ถึงมันจะไม่ได้ผลเท่าไหร่ก็ตามที
“เอาแล้วครับหอสิบสาม ชินดงฮีของเราคว้าของกินมาได้แล้วครับ พ่อหนุ่มร่างท้วมคนนี้จะสามารถคว้าคะแนนเต็มให้กับหอสิบสามได้หรือไม่” เสียงของพิธีกรภาคสนามดังขึ้นสร้างความครึกครื้นให้กับการแข่งขันเป็นอย่างดี
ชินดงที่คว้าของกินได้คนแรกรีบยัดมันเข้าปากทันที แต่การกินครั้งนี้ไม่ได้สบายเหมือนทุกครั้งๆ แรงดึงจากคนอีกสิบสองคนทำให้ชินดงกินได้ไม่ค่อยถนัดนักจนเกิดความรำคาญ จนกระทั่งของกินเริ่มลดลงไปทีละนิด
“ดูท่าจะเกิดอุปสรรคในการของชินดงซะแล้วล่ะครับ เด็กหอทุกคนสู้ๆ!!!” พิธีกรยังคงทำหน้าที่บรรยายต่อไปพร้อมกับออกท่าทางไปด้วยความอินอย่างสุดๆ
ในช่วงสุดท้ายของการแข่งขันชินดงยัดขนมปังเข้าปากจนหมดรวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายกระชากตัวเองให้พุ่งตัวไปด้านหน้าและสามารถคว้าธงมาได้สำเร็จ
ขนมปังกว่าสี่ห้าก้อนลอยละลิ่วอยู่บนอาการเมื่อชินดงออกแรงกระชาก นักกีฬาหลายคนถลามาตามแรงจนไถลไปกับพื้น บางคนตกใจจนขนมหลุดมือ บางคนล้มลงไปนั่งกองอยู่ที่พื้น เป็นภาพที่สร้างความอึ้งจนทั้งสนามเงียบกริบ และดูเหมือนจะเป็นภาพที่สวยงามที่สุดตั้งแต่มีการแข่งขันมา คนสิบสองคนยอมสิโรราบให้ชินดงผู้ยิ่งใหญ่ เหมือนราชสีห์กับหนูตัวเล็กๆไม่มีผิด
“เอาแล้วครับ!! ในที่สุดชินดงของเราก็สามารถชิงธงมาเป็นคนแรกได้สำเร็จ วู้ว!” เงียบได้ไม่นานพิธีกรภาคสนามก็กลับมาทำหน้าที่อีกครั้ง มาพร้อมกับเสียงเฮดังกระหน่ำมาจากหอสิบสาม ตามด้วยเสียงโห่ร้องด้วยความเสียดายของหออื่นๆ
“ชินดงเก่งที่สุดเลย” รูมเมทตัวเล็กของชินดงวิ่งมาสวมกอดเป็นคนแรกตามด้วยเพื่อนๆและรุ่นพี่ที่เข้ามาแสดงความดีใจ คนแรกที่สามารถคว้าห้าคะแนนมาให้หอได้ย่อมดีใจเป็นธรรมดา
“เป็นไงฝีมือ” ว่าแล้วก็ออกปากชมตัวเองทันทีพร้อมกับยักคิ้วด้วยท่างกวนๆ ก่อนที่เพื่อนๆพี่ๆจะเอาน้ำมาให้และพาชินดงไปนั่งพัก
ส่วนนักกีฬาหออื่นก็ต้องแข่งขันกันต่อไปเพื่อหาผู้ชนะให้ครบห้าอันดับ ดูเป็นเกมที่โหดร้ายสิ้นดี สร้างความเจ็บปวดรวดร้าวให้นักกีฬาเป็นอย่างมาก แข่งเกมนี้เสร็จทีไรนักกีฬาเป็นลมแทบจะทุกปี
ใช้เวลานานพอสวมควรกว่าจะได้ผู้ชนะทั้งห้าอันดับ คะแนนของหอสิบสามตอนนี้ถือว่าอยู่ระดับดีทีเดียว ทำให้ทั้งนักกีฬาและกองเชียร์ฮึกเหิมเป็นอย่างมาก รุ่นพี่ก็ออกปากชมไม่หยุดหย่อน งานนี้ของรางวัลอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแน่นอน
การแข่งขันในช่วงต่อไปเป็นเกมคู่โดยมีกว่าสิบเกมด้วยกัน เริ่มต้นด้วยเกมพื้นฐานอย่างวิ่งสามขา ซึ่งจะเริ่มขึ้นในอีกสิบห้านาทีนี้
ดงแฮที่ต้องลงแข่งขันในเกมนี้ยังคงนั่งกุมขมับอยู่ด้านหลังเพราะเขาไม่เคยได้ซ้อมกับคิบอมเลยซักครั้ง แล้วจะมีโอกาสชนะกับเขาบ้างมั้ยเนี่ย
“ไปเตรียมตัวได้แล้วดงแฮ นัดกับคิบอมดีๆนะว่าจะก้าวขาไหนก่อน” ซองมินเดินเข้ามาเรียกดงแฮให้ออกไปเตรียมตัวด้านนอกเพราะคิบอมรออยู่ที่นั่นแล้ว
“อืม” พยักหน้ารับเบาๆก่อนจะเดินตามซองมินออกไป กองเชียร์ยังคงส่งเสียงเชียร์โดยไม่มีคำว่าเหนื่อย ดงแฮถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อเห็นนักกีฬาของหออื่นกำลังซ้อมกันอย่างขะมักเขม้น แล้วเขาจะรอดมั้ยเนี่ย
“ยืนทำอะไรอยู่ตรงนั้นมาซ้อมสิ” ฮีชอลกวักมือเรียกดงแฮให้เดินมาซ้อม
นักกีฬาขี้อ้อนของเรามีท่าทางอิดออดเล็กน้อยก่อนจะยอมเดินไปหาแต่โดยดี ฮีชอลจัดการผูกขาข้างซ้ายของดงแฮติดกับขาข้างขวาของคิบอม พร้อมกับจับมือคิบอมกอดคอดงแฮและให้ดงแฮกอดเอวคิบอมเอาไว้
“ทำไมต้องกอดด้วยเล่า” พูดจบก็รีบชักมือกลับทันที แอบเหล่ไปมองรูมเมทของตัวเองที่ทำตัวนิ่งเฉยให้คนอื่นจับนู้นทำนี้โดยไม่ว่าอะไร นี่คิบอมโกรธเขาจนต่อมความรู้สึกมันหายไปแล้วหรือไง
“มันเป็นกติกา ทำไม เขินเหรอ” ได้ทีซองมินก็ออกปากแซวทันทีเพราะรอจังหวะแบบนี้มานานแล้ว เขายังเคืองตอนที่ดงแฮแซวเรื่องที่เมมชื่อคยูฮยอนว่าที่รักไม่หายถึงมันจะผ่านมานานแล้วก็เถอะ นึกถึงทีไรมันทำเขาเขินทุกที
“เขินบ้าอะไรเล่า” ว่ากลบเกลื่อนเสียงดังพร้อมกับเมินหน้าหนี
“งั้นก็ซ้อมเร็วๆเข้า จะได้เวลาแข่งแล้วนะ” เรียวอุกจับมือดงแฮมากอดเอวคิบอมไว้เหมือนเดิม ดงแฮเลยได้แต่เบ้ปากทำหน้าบึ้ง พอเงยขึ้นไปมองหน้าคิบอมก็เจอหน้านิ่งๆแบบนั้น ไม่อยากจะเล่นเลยจริงๆ
“ก้าวขาที่มัดกันไว้ก่อนนะ” อึนฮยอกช่วยนัดแนะและการซ้อมก็ได้เริ่มขึ้นก่อนเวลาแข่งห้านาทีเท่านั้น
ซ้อมไปได้ไม่ถึงหนึ่งนาทีดงแฮก็เริ่มออกอาการโวยวายเพราะหน้านิ่งๆของคิบอมมันทำให้รู้สึกหงุดหงิด แถมยังไม่เคยก้าวขาเท่ากันเลยซักครั้ง ก้าวหนึ่งครั้งจะล้มหนึ่งที ทำเอาเพื่อนๆกุมขมับกันเป็นแถบๆ
และในที่สุดเวลาลงสนามก็มาถึง เสียงเชียร์ยังคงดังกระหึ่มเช่นเคย ทางที่ใช้วิ่งนั้นเป็นระยะหนึ่งร้อยเมตรโดยให้วิ่งทีเดียวทั้งสิบสามทีม ลู่วิ่งของที่นี่จึงถูกจัดทำขึ้นเป็นพิเศษ โดยเป็นลู่วิ่งที่เหล่ารุ่นพี่เป็นคนเขียนขึ้นมานั่นเอง
“กลับมาแล้วคร๊าบบบบ!!! สำหรับการแข่งขันกีฬาประเภทคู่ เกมแรกของเราวันนี้ วิ่งสามขา!!!!” พิธีกรภาคสนามใส่เอคโค่เต็มที่ในการพูด เพียงเท่านี้ก็สร้างเสียงเฮได้อย่างล้นหลาม
นักกีฬาของแต่ละหอเดินลงสนามตามลำดับโดยเชือกที่ใช้ผูกขาตอนซ้อมนั้นต้องแก้ออกก่อนและให้กรรมการภาคสนามผูกให้ใหม่ตอนอยู่ที่ลู่ใครลู่มัน
หลังจากจัดการผูกขาของนักกีฬาติดกันเรียบร้อยทั้งสนามก็ตกอยู่ในความสงบเพื่อรอเสียงให้สัญญาณจากกรรมการ นักกีฬาทุกคนต่างดูมุ่งมั่นกันมาก จะเว้นก็แต่นักกีฬาจากหอสิบสามที่ดูมีสีหน้าเหมือนไม่อยากจะลงแข่งยังไงยังงั้น
ปี๊ด!
เสียงนกหวีดดังขึ้นนักกีฬาทุกหอต่างออกสตาร์ทได้ดีไม่แพ้กัน ดงแฮนั้นเกาะเอวของคิบอมไว้แน่นเพราะเริ่มจะวิ่งไม่ทันขายาวๆของรูมเมทตัวสูงคนนี้
“ช้าๆหน่อยสิคิบอม” ออกปากไปอย่างช่วยไม่ได้เพราะเริ่มจะวิ่งไม่ทันจริงๆ ถ้าเกิดผิดจังหวะขึ้นมาเมื่อไหร่คงล้มหน้าคว่ำทั้งคู่
“นายก็วิ่งให้มันเร็วๆหน่อยสิ” คิบอมตอบกลับมาเหมือนไม่ค่อยจะใส่ใจนัก แต่จริงๆก็คอยก้มมองดงแฮตลอด ดูจังหวะการก้าวไม่ให้มันผิดจังหวะมาก ถ้าเกิดล้มไปต้องเจ็บมากแน่
“ก็ฉันวิ่งไม่ทันหนิ” บอกออกมาเสียงดังคล้ายคนจะงอน แต่ก็พลันคิดได้ว่าตอนนี้ตัวเองโดนคิบอมโกรธอยู่ งอนให้ตายก็คงไม่โดนง้อแน่นอน
“หอเจ็ดนำโด่งมาเลยครับ ตามด้วยหอสามและห้า แล้วนั่นหอสิบสามหยุดวิ่งแล้วล่ะครับ” เสียงของพิธีกรยังคงบรรยากาศเหตุการณ์ในสนามไปเรื่อยๆ ทางด้านดงแฮกับคิบอมก็เหมือนจะเจอปัญหาซะแล้วเมื่ออยู่ๆความเร็วก็ลดลงซะงั้น จนเหมือนว่าทั้งสองคนยืนอยู่กับที่ไม่ไปไหน
“จะหยุดทำไม” คิบอมถามเสียงเรียบเมื่ออยู่ๆดงแฮก็หยุดเดินไปดื้อๆซะอย่างนั้น แถมหน้าตายังบึ้งตึงอีกต่างหาก
“ก็คิบอมเดินเร็วฉันเดินไม่ทันหนิ มันเหนื่อยนะ” ว่าหน้าง้ำหน้างอ พลางยืนหอบ
“ไปต่อได้แล้ว” ถอนหายใจไปหนึ่งทีพร้อมกับทำท่าจะออกเดิน แต่ดงแฮยังคงยืนนิ่ง
“ถ้าไม่เดินดีๆจะลากแล้วนะ” ออกปากขู่เมื่ออีกฝ่ายยังคงยืนท้าวเอวหอบอยู่ ตอนนี้หออื่นเดินนำจะเข้าเส้นชัยกันอยู่แล้ว แต่เขากับดงแฮยังมาได้แค่ครึ่งทางเท่านั้น
เมื่อเห็นว่าดงแฮยังคงยืนนิ่งคิบอมเลยออกเดินไปข้างหน้าทำให้ดงแฮต้องเดินไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้ เลยกลายเป็นว่าคิบอมลากดงแฮให้เดินตามไปด้วย คนหนึ่งก้าวอีกขา อีกคนก็ก้าวอีกขา ไม่ได้จังหวะการเดินที่ลงตัวเดินไปได้ไม่ไกลขาก็พันกันเองจนล้มขมำลงไปทั้งคู่
“ที่หนึ่งมาแล้วครับหอเจ็ด ตามด้วย เฮ้ย!!! เลิฟซีน!!” พิธีกรที่กำลังบรรยายอันดับผู้ชนะเหลือบมาเห็นนักกีฬาหอสิบสามล้มทับกันอยู่กลางสนามเลยโผลงออกมาเสียงดังทำเอานักศึกษาทั้งสนามจ้องมองไปที่ดงแฮกับคิบอมเป็นตาเดียว ไม่เว้นแม้แต่นักกีฬาที่กำลังจะเดินเข้าเส้นชัยก็ต้องหยุดมอง
ดงแฮเบิกตากว้างเพราะว่าตัวเองล้มทับคิบอมอยู่แถมปากยังประกบกับปากของคิบอมเต็มๆ แต่ก็ดูเหมือนจะยังอึ้งอยู่เลยไม่ยอมลุกขึ้นมาซักที ตอนนี้คนทั้งสนามเริ่มส่งเสียงฮือฮา ช่างภาพเปลี่ยนจากถ่ายรูปนักกีฬาที่กำลังเข้าเส้นชัยมาโฟกัสดงแฮกับคิบอมแทน
“เฮ้ย!! ลุกขึ้นดิวะ!! วิ่งต่อ!!” เสียงของรุ่นพี่ที่ดังแทรกเข้ามาทำให้ดงแฮได้สติรีบลุกขึ้นมาด้วยท่าทางเลิ่กลั่กที่ใครมองก็อดยิ้มไม่ได้ จะเว้นก็แต่รุ่นพี่ที่ชักเริ่มเครียด ตกลงมันจะมาเล่นเกมหรือมาถ่ายฉากรักกันแน่วะไอ้คู่นี้
คิบอมลุกขึ้นตามดงแฮในวินาทีต่อมาและพร้อมจะกลับมาวิ่งอีกครั้งแต่ดูเหมือนดงแฮจะยังไม่พร้อม สติสตางค์เริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ใบหน้าขาวใสแดงจัดด้วยความเขินอาย นี่เขาจูบกับคิบอมต่อหน้าคนทั้งมหาวิทยาลัยเลยนะ!!
“จะวิ่งต่อได้ยัง” คิบอมหันไปถามเสียงเรียบ เมื่อกี้ก็ใช่ว่าเขาจะไม่เขิน แต่คนอย่างเขาไม่แสดงออกมาให้ใครเห็นหรอก จูบกันต่อหน้าคนเป็นพันแบบนี้ใครไม่เขินก็บ้า
แต่พอดงแฮหันมามองหน้าคิบอมอีกครั้งจากที่กำลังจะหายเขินกลับเขินหนักเข้าไปอีก ลองมานับดีๆแล้วเกือบห้าวินาทีเลยนะที่ปากประกบกันอยู่ ห้าวินาทีเลยนะ!
“จะเขินกันอีกนานมั้ยครับนั่น” พิธีกรภาคสนามถามออกไมค์เพราะหออื่นเดินเข้าเส้นชัยกันหมดแล้ว แต่คู่นี้ยังมัวแต่ยืนเขินกันอยู่กลางสนาม
โดนทักแบบนี้ทั้งสองเลยต้องรีบพับความเขินเก็บเข้ากระเป๋าไปหันมาสามัคคีกันเดินเข้าเส้นชัย ถึงจะช้ากว่าคู่อื่น ถึงจะไม่ได้คะแนนสะสมให้กับหอ แค่ได้เข้าเส้นชัยก็ถือว่าสมเกียรตินักกีฬาจำเป็นแล้วล่ะ
พอเดินมาถึงเส้นชัยมือที่กอดกันอยู่ก็ปล่อยออกทันทีต่างคนต่างหันหน้าไปคนละด้านเตรียมจะเดินกันไปคนละทาง แต่คงลืมไปว่าเชือกที่ผูกขาติดกันไว้ยังไม่ได้แกะออก เลยทำให้ทั้งสองคนล้มขมำเอสตัววัดพื้นกันอีกรอบ เพียงแค่ไม่ได้ล้มทับกันเหมือนเดิมเท่านั้น
“เอ้า! เล่นกันไม่เลิกนะครับคู่นี้” พิธีกรภาคสนามที่หันมาเห็นเข้าก็ออกปากแซวทันที ทำเอานักศึกษาทั้งสนามอดจะขำออกมาไม่ได้ สงสัยจะเขินกันจนทำตัวไม่ถูกแล้วตอนนี้
เพื่อนๆที่เห็นท่าไม่ค่อยดีรีบวิ่งเข้ามาช่วยแก้เชือกและพยุงทั้งสองคนให้ลุกขึ้นก่อนจะพาไปพักที่สแตนของหอ แล้วการแข่งขันกีฬาต่อไปก็เริ่มขึ้น
“ไหนว่าแค่เพื่อนแต่จูบกันกลางสนามเลยนะ” ซองมินที่ได้ทีก็แซวไม่เลิก ทำเอาดงแฮหน้าแดงแล้วหน้าแดงอีก แถมยังไม่กล้าเถียงอะไรกลับมาซะด้วย เพราะภาพมันฟ้องอยู่ตำตาถึงจะเป็นแค่อุบัติเหตุก็เถอะ
“อย่าไปแซวเพื่อนสิซองมินแค่นี้ดงแฮก็เขินจะแย่อยู่แล้ว” เรียวอุกเข้ามาเสริมทัพเหมือนจะเป็นพวกดงแฮแต่ไม่ใช่เลย พูดไปก็หัวเราะไปกลายเป็นว่ามาช่วยซองมินแซวซะมากกว่า
“หยุดพูดนะ” เถียงอะไรกลับไม่ได้เลยใช้วิธีเดินหนีแทน ทำเอาซองมินกับเรียวอุกหัวเราะชอบใจ ก่อนจะเดินไปรวมกับเพื่อนๆเพื่อเชียร์กีฬาชนิดต่อไป ส่วนดงแฮกับคิบอมก็แทบจะไม่มองหน้ากันเลย มองเมื่อไหร่เลือดในร่างกายมันสูบฉีดดีเกินไปทุกที
การแข่งขันดำเนินมาเรื่อยๆจนมาถึงเกมสุดท้ายของช่วงเช้านั่นก็คือเกมขี่ม้าชิงเมือง ซึ่งผู้เข้าแข่งขันของหอสิบสามคือฮีชอลกับซีวอน กติกาของเกมนี้คือ ให้ปิดตาคนที่เป็นม้าและให้อีกคนขี่คอโดยที่มียันแปะไว้ที่หน้าผาก คนขี่จะเป็นคนคอยบอกทางและต้องแย่งยันฝ่ายตรงข้ามมาให้ได้
เกมนี้ฮีชอลกับซีวอนเคยซ้อมด้วยกันครั้งหนึ่งก็ถือว่าพอใช้ได้ เพราะฮีชอลนั้นตัวเล็ก ซีวอนเลยสามารถแบกได้อย่างสบายๆ
นักกีฬาของแต่ละหอต่างเดินลงมาเตรียมพร้อมกันที่สนาม โดยให้แต่ละทีมยืนบริเวณริมสนามเมื่อกรรมการให้สัญญาณถึงจะได้เวลาเริ่มเกม
กรรมการภาคนำผ้ามาปิดตาของคนที่กลายเป็นม้าให้หนุ่มๆตัวเล็กทั้งหลายได้ตบตีแย่งชิงยันกัน เมื่อปิดตาเสร็จเรียบร้อยซีวอนจึงนั่งยองๆเพื่อให้ฮีชอลได้ขึ้นมาขี่คอก่อนจะลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางที่สบายๆอย่างกับว่าที่เขาแบกอยู่เป็นนุ่นไม่ใช่คน
“เอาล่ะครับ เกมนี้อีกเกมที่หลายๆคนรอดูอยู่ เรามาดูกันว่าหอไหนจะสามารถแย่งยันมาได้ก่อนและเก็บสิบคะแนนไปได้ มาดุกันเลยคร๊าบบบบ!!!” พิธีกรภาคสนามยังคงทำหน้าที่ได้ดีอย่างไม่มีขาดตกบกพร่องถึงแม้เสียงจะแหบไปบ้างก็ตาม
ปี๊ด!
เสียงนกหวีดเริ่มการแข่งขันดังขึ้นอีกครั้ง เหล่าม้าหนุ่มร่างบึกบึนต่างพากันวิ่งเข้าไปในสนามโดยมีหนุ่มๆร่างบางคอยบอกทางให้
“ซ้ายๆๆๆ เฮ้ย! ไม่ใช่ ขวาๆ” จากที่ตอนแรกมือของฮีชอลจับอยู่ที่ไหลของฮีชอลกลับกลายมาคว้าเอาที่ผมข้างหน้าดึงไปซ้ายทีขวาทีตามทางที่ตัวเองบอกออกมา เพราะต่างคนก็ต่างวิ่งกันไม่รู้ทิศทาง คนนั้นคนนี้วิ่งกันหน้าเดี๋ยวก็ได้ล้มกันพอดี
“โอ้ย!! ยัยขี้โวยวายอย่าดึงผมฉันได้มั้ย มันเจ็บ! แล้วจะเอาทางไหนขอซักทาง” เพราะแรงที่ดึงนั้นไม่ใช่น้อยๆเลย ซีวอนเลยได้แต่ทำหน้าเหยเกแหกปากร้องไปตลอดทางที่วิ่งไป ผมคนนะไม่ใช่พวงมาลัยรถบิดซ้ายทีขวาที
“เว้ย! ไอ้ยันนี่ก็เกะกะชะมัด” ฮีชอลยกมือขึ้นปัดยันที่ปลิวมาบังตาออก มีของให้แย่งตั้งเยอะแยะไม่แย่งดันให้มาแย่งยัน แล้วเอามาแปะไว้ที่หน้าผากแบบนี้มันจะมองเห็นถนัดได้ยังไงกัน
“ทางไหนๆ” วีวอนหันซ้ายหันขวาเพราะไม่รู้จะวิ่งไปตรงไหน ฮีชอลก็เอาแต่วุ่นวายอยู่กับยันที่มันมาปิดตาตัวเองจนลืมไปทางซีวอนไปซะอย่างนั้น
“เฮ้ยๆ! ซีวอนหลบซ้าย!” พอเงยหน้าขึ้นมาอีกทีก็มีม้าสองคนพุ่งถลามาทางฮีชอลกับซีวอน ยัยขี้โวยวายเลยทำการดึงผมม้าของตัวเองไปด้านซ้ายเป็นการบอกให้หลบ
“โอ้ย! เจ็บ!” เบี่ยงหลบได้ทันอย่างหวุดหวิดซีวอนละมือที่จับขาฮีชอลมาลูบผมตัวเอง นี่ยัยนี่จะถอดผมเขาเลยใช่มั้ยดึงแรงขนาดนี้
“เกิดการปะทะซะแล้วล่ะครับ หอสี่กับหอแปดล้มไปซะแล้ว” เสียงอินแบบออกนอกหน้าของพิธีกรยังคงบรรยายออกมาอย่างต่อเนื่อง และการแข่งขันก็ดำเนินต่อไปอย่างเข้มข้นเช่นกัน
“ไอ้โรคจิต! วิ่งตรงไปข้างหน้าเลย” ฮีชอลละมือข้างหนึ่งจากผมซีวอนชี้ไปด้านหน้า เมื่อได้ฟังคำสั่งซีวอนก็ออกวิ่งทันที
“เฮ้ย! เบรกๆ” วิ่งไปได้ไม่ถึงสามเมตร ฮีชอลก็ดึงผมของซีวอนมาด้านหลังจนแทบจะสุดแรง ทำเอาซีวอนต้องรีบเบรกกะทันหันด้วยความเจ็บปวด หัวเขาต้องระบมแน่จบเกมนี้
“เอาล่ะครับตอนนี้เราได้ที่หนึ่งกับที่สองมาแล้ว มาดูกันว่าหอไหนเป็นได้เป็นที่สาม” เสียงของพิธีกรทำให้ฮีชอลหันขวับไปมองทันที เกมนี้เขาต้องติดหนึ่งในห้าให้ได้ ไม่งั้นเสียชื่อฮีชอลกันพอดี
“ขวาๆ เร็วๆ” ฮีชอลกระชากผมซีวอนขึ้นลงอย่างเร่งรีบเมื่อมองเห็นจังหวะที่จะสามารถแย่งยันของหออื่นมาได้
“เบาๆ!!” ถึงปากจะร้องห้ามแต่ขาก็ยังคงวิ่งได้ดี ซีวอนวิ่งไปตามทางที่ฮีชอลบอกก็ชนเขากับใครคนหนึ่งที่หัวไหล่
“ขอหกคะแนนให้ฉันล่ะนะ” ว่าแล้วฮีชอลก็ทำการคว้าเอาหัวของทีมตรงข้ามเข้ามาก่อนจะกระชากยันที่หน้าผากออกมา พอได้ของที่ต้องการแล้วร้องออกมาอย่างดีใจ
“ได้แล้วๆ” พอรู้เท่านั้นว่าชนะแล้วซีวอนก็รีบนั่งลงให้ฮีชอลลงไปทันที ผ้าปิดตาถูกดึงออกอย่างรวดเร็ว มือทั้งสองข้างยกขึ้นจับบริเวณผมหน้าที่โดนดึงแล้วหันไปมองรูมเมทขี้โวยวายตาเขียว
“ดีใจมั้ยได้ที่สาม” บอกพลางยักคิ้วให้อย่างกวนประสาทก่อนจะเดินหนีออกไปจากสนามทันที ซีวอนเลยได้แต่มองตามอย่างเจ็บผมและเจ็บใจก่อนจะเดินตามออกไป เพราะขืนยังยืนอยู่ในสนามอาจจะโดนทีมที่เหลือชนเอาได้
“วิบากกรรมของแกเลยนะเนี่ยได้เล่นเกมนี้” เมื่อเพื่นอรักเดินมาถึงสแตนของหอฮันคยองก็รีบทักทันที โชคดีจริงๆที่เขาไม่ได้เล่นเกมนี้ไม่งั้นผมด้านหน้าคงหลุดออกมาเป็นกระจุกแน่
“อย่ามาซ้ำเติมเว้ย! อย่างน้อยฉันก็เก็บคะแนนให้หอได้ล่ะวะ” พูดด้วยความภูมิใจ ถึงจะเจ็บแค่ไหน เพื่อหอได้งานนี้
“รอดูตาฉันแล้วกัน จะเอาสิบคะแนนมาให้ดู” ยักคิ้วให้ซีวอนด้วยท่าทางที่ดูกวนประสาทไม่น้อย ซีวอนเลยได้แต่จิ๊ปากอย่างไม่สบอารมณ์ คอยดูเถอะท่ามันไม่ได้คะแนนกลับมาเขาจะซ้ำเติมให้จมดินเลย
และแล้วเกมขี่ม้าชิงเมืองก็จบลง จากนี้ไปเป็นเวลารับประทานอาหารมื้อกลางวันของนักศึกษาก่อนจะกลับมาแข่งกันต่อให่ช่วงบ่าย เหล่าสมาชิกหอสิบสามชั้นสี่พากันไปนั่งทานข้าวเที่ยงกันใต้ต้นไม้ของมหาวิทยาลัยซึ่งอยู่ด้านข้างของสนาม บรรยากาศตอนนี้ไม่ร้อนมากจนเกินไปถึงจะเป็นตอนเที่ยงวันก็ตาม
เยซองและคยูฮยอนที่ถูกบังคับให้เป็นคนไปซื้อข้าวกล่องเดินหอบถุงข้าวกลับมาก่อนจะแจกจ่ายให้เพื่อนๆได้คลายความหิวกัน ส่วนฮันคยอง คังอิน และคิบอมอาสาเป็นคนไปซื้อน้ำให้ กลับมาก็ตั้งวงกินข้าวกันอย่างสนุกสนาน ชินดงกับซีวอนได้สิทธิ์ไม่ต้องช่วยงานเพราะสามารถทำคะแนนเก็บให้หอได้ และดูเหมือนซีวอนจะยังระบมที่โดนฮีชอลดึงผมไม่หาย
หัวข้อสนทนาในครั้งนี้ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องของดงแฮกับคิบอมที่กลายเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ไปแล้วตอนนี้ ไม่ว่าจะเด็กหอไหนก็ต่างพูดถึงเรื่องนี้กันทั้งนั้น แต่สำหรับเหล่าหอสิบสามชั้นสี่แล้วเหมือนมันจะกลายเป็นเรื่องธรรมดาเสียแล้ว เพราะทุกคนต่างรู้กันดีว่าสองคนนี้คงไม่รู้สึกต่อกันแค่เพื่อนธรรมดาอย่างแน่นอน
---------------------------------------------
ความคิดเห็น