[fan fic] KRISLAY - ดาวกระดาษ - [fan fic] KRISLAY - ดาวกระดาษ นิยาย [fan fic] KRISLAY - ดาวกระดาษ : Dek-D.com - Writer

    [fan fic] KRISLAY - ดาวกระดาษ

    โดย Diamond-B

    เป็นนายคนเดียว เป็นนายตั้งแต่แรก.....

    ผู้เข้าชมรวม

    2,400

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    10

    ผู้เข้าชมรวม


    2.4K

    ความคิดเห็น


    17

    คนติดตาม


    37
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  29 ส.ค. 56 / 23:09 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้

    ดาวกระดาษ




    “สวัสดีครับ อู๋อี้ฟาน วิศวกรรมศาสตร์ เอกไฟฟ้า” 
    “สวัสดีครับ ผมจางอี้ชิง วิศวกรรมศาสตร์ สาขาเคมี ฝากตัวด้วยครับ” 
    .
    .
    .
    “กูหมั่นไส้” 




     
    //


    เห้ นึกครึ้มแต่งช็อตฟิค แต่งด้วยความเปลี่ยวล้วนๆ 
    แค่อยากให้พี่คริสกับอี้ชิงไปประกวดเดือนวิดวะ แอร๊ยยยย
    ขอบคุณที่ทนอ่านค่าา 


    ด้วยความเปลี่ยว จากใจเรยยยย
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ


      จิ้มฟังเพลงเสี่ยวๆประกอบฟิค เพิ่มความเปลี่ยว → http://youtu.be/p1z9fux_khc  (คลิกขวาโอเป้นนิวแท็บนะ ^^)




      “ต่อไปเราจะมาโหวตคนที่เป็นเดือนของคณะนะ ...เดือนของแต่ละสาขาออกมา”  เสียงของรุ่นพี่ปีสามประกาศออกไมค์ กลางห้องประชุมใหญ่ของคณะวิศวกรรมศาสตร์

       

      สวัสดีครับ ผมชื่อคริส เอกไฟฟ้า ผมถูกเลือกให้เป็นเดือนของสาขา แล้วตอนนี้ผมกำลังยืนอยู่ด้านหน้าทุกคนในคณะ นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ราวๆแปดร้อยคน เดือนแต่ละสาขาทั้งหมดเจ็ดคนออกมายืนด้านหน้าเหมือนๆกับผม หนึ่งในเจ็ดนอกจากผม มีเพื่อนสนิทของผมด้วย มันชื่อเลย์ เอกเคมี ตอนนี้ผมหมั่นไส้มันมาก ดูมันเดินยิ้มออกมาจนแก้มขวาบุ๋มลงไป  คิดว่าตัวเองหล่อมากหรือไง

       

      “มายืนตรงนี้ เรียงตามสาขา น้องๆทุกคนมีกระดาษหัวใจประจำตัวแล้ว เอามาใส่กล่องที่ด้านหน้าของเดือนคนที่จะโหวตให้” พี่คนเดิมอธิบายกติกาการโหวตเลือกเดือนคณะให้น้องๆได้ทราบ

       

      “อ่ะ ต่อไปจะเป็นการแนะนำตัวแล้วก็โชว์เล็กๆ น้อยๆ ของเดือนแต่ละสาขานะ”

       

      พวกเดือนๆหน้าตาดีทั้งหลายก็พากันแนะนำตัว บางคนก็ร้องเพลงบ้าง เล่นกีตาร์บ้าง

       

      “สวัสดีครับ ผมจางอี้ชิง วิศวกรรมศาสตร์ สาขาเคมี ฝากตัวด้วยครับ” พูดจบมันก็พยักหน้าให้ฝ่ายโสตข้างหลัง แล้วเริ่มออกลีลา เต้นตามสไตล์มัน มันเต้นเก่งครับ หมั่นไส้......  จบด้วยท่าสุดเท่สุดเซ็กซี่ที่สุดในความคิดมัน เสร็จแล้วมันก็ยิ้มโบกมือ ให้สาวๆหนุ่มๆที่นั่งรอโหวต เฮอะ

       

      “เอาล่ะ คนสุดท้าย ไอ้คริสมา”

       

      ผมก้าวออกมาจากที่ยืนปัจจุบันสองก้าว ทำหน้าตาระอาโลกมาตอนนี้ เหอะ หมั่นไส้ไอ้เลย์เชียว คิดว่าตัวเองเท่มากเลยหรือยังไง ดูเถอะ คนมองจ้องเป็นตาเดียว เต้นท่าเซ็กซี่ซะขนาดนั้น

       

      “สวัสดีครับ อู๋อี้ฟาน วิศวกรรมศาสตร์ เอกไฟฟ้า” บอกตามตรงผมไม่ได้เตรียมการแสดงมา ไม่ได้อยากเป็นเดือนคณะ เพราะขี้เกียจไปทำกิจกรรมอีกมากโขที่มันจะตามมา

       

      คริสเดินกลับเข้ามาที่เดิม ร่างสูงเดินไปยังคนตัวขาวข้างที่ได้แต่มองงงๆกับคนที่เดินมา คริสเอื้อมมือไปเชยคางคนตรงหน้าแล้วโน้มหน้าเข้าหาอย่างรวดเร็ว  เสียงกรี๊ดเสียงโห่ดังขึ้นทันที

                      ริมฝีปากทั้งสองสัมผัสกัน สัมผัสอุ่นชื้นตรงริมฝีปากเริ่มรุกไล้เข้ามาข้างใน อี้ชิงตกใจในทีแรก และพยายามดันคนตรงหน้าให้ออกห่าง แต่ไม่พ้นมือหนาล็อคไว้ที่คาง อีกมือที่ล้วงกระเป๋าเปลี่ยนมาล็อคเข้าที่เอว คนตัวเล็กกว่าไม่สามารถดิ้นหลุดไปไหนได้ จากที่พยายามผลัก ผ่านมาไม่กี่วิก็เปลี่ยนเป็นจับที่เสื้อของคนตรงหน้า ให้เป็นหลักยึดไว้ไม่ให้ร่วงไปกองกับพื้น พอจูบจนหนำใจร่างสูงก็ละตัวเองออก

       

      “กูหมั่นไส้” พอละริมฝีบางออกจากร่างตรงหน้า คริสก็ก้มลงมากระซิบให้พอได้ยินแค่สองคน ก่อนเดินล้วงกระเป๋าแล้วไปยืนที่เดิม

       

      .

      .

      .

      .

      “ไอ้คริส มึงจูบกูต่อหน้าคนเป็นร้อยๆ หน้าไม่อายนะมึง แฟนกูก็นั่งอยู่นั่นคนอื่นจะคิดยังไงไอ้เหี้ย” อี้ชิงเหวี่ยงกระเป๋าสะพายของตัวเองลงบนโซฟาแล้วทำท่าฟึดฟัดตรงมาเขย่าคอผมทันทีที่ถึงห้อง

       

      “มึงไปเต้นยั่วชาวบ้านเป็นร้อยๆก่อนทำไมล่ะ เห็นแล้วหมั่นไส้ชะมัด” ผมว่า

       

      “แล้วมึงก็เลยได้เป็นเดือนคณะ เชี่ย ไม่ยุติธรรม” ว่าแล้วก็มานั่งแหมะข้างผม อี้ชิงไม่ได้โกรธที่ผมจูบมัน แต่มันคงเคืองที่ผมจูบมันต่อหน้าประชาชี ......ช่วยไม่ได้ ทำตัวเอง

       

      มันเริ่มหยิบขนมของผมกินมือก็กดมือถือคุยไลน์ยิกๆ

       

      “เดี๋ยวยูริจะมาหานะ ” มันบอกผมทั้งๆที่ไม่เงยหน้าขึ้นมา ยูริเป็นเด็กปีหนึ่งเหมือนๆกับผมและอี้ชิง เป็นแฟนสาวของอี้ชิง เราสามคนสนิทกัน แฟนเพื่อนก็เป็นเพื่อน เพื่อนแฟนก็เพื่อนกัน

       

      “ไปนั่งไกลๆตีนกูไป กูจะเล่นเกม กิลด์กูจะวอร์ มึงอย่าเพิ่งกวน”

       

      ยูริมาแล้ว สองคนนั่งคุยกัน ผมเล่นเกม ยูริไปทำกับข้าว พวกเรากินข้าวด้วยกัน หัวเราะด้วยกัน ยูริกับเลย์ทำการบ้าน ผมก็นั่งเล่นเกมต่อ นี่เป็นชีวิตปกติของพวกเราสามคน

       

      ยูริไม่ได้ว่าอะไรที่ผมจูบกับเลย์เมื่อตอนกลางวัน คงจะชินแล้ว แต่คนที่ไม่ชินคือพวกคนในคณะนั่นแหละ

       

      .

      .

      .

      ผมลงจากเบนซ์สีดำคันงามของผม รู้สึกได้ถึงสายตาแปลกๆที่มองมา ผมคือเดือนของคณะวิศวะคนปัจจุบัน ความซวยมาเยือนผมเพราะตำแหน่งเดือนคณะนั่นแหละ โคตรขี้เกียจไปประกวดเดือนม. ข่าวก็คงแพร่ไปแล้ว พร้อมกับสิ่งที่ผมทำไปเมื่อวาน คิดว่าผมแคร์มั๊ย ....ไม่เลย คนไม่รู้อะไรก็ปล่อยให้ไม่รู้อย่างนั้นแหละ  ผมเดินไปเรียนที่อาคารเรียนรวม เลย์ขับรถมาพอดี เบนซ์สีขาวของหมอนั่น จอดเทียบรถของผม มันลงรถมาพร้อมกับยูริ สองคนนี้ไปรับส่งกันมาเรียนทุกวัน

      ไม่แปลกหรอกที่ผมจะเป็นที่สนใจของคนอื่น เด็กปีหนึ่งแต่อยู่หอนอก แถมยังขับรถมาเรียนอีก ห้อยป้ายที่คอหราขนาดนี้ดูก็รู้ว่าปีหนึ่ง

       

      “คริสรอกูด้วยดิวะ” เลย์ลากแขนยูริหลังจากที่เธอลงจากรถ แล้วเราสามคนก็เดินด้วยกันขึ้นไปทีห้องเรียน ปีหนึ่งเรียนวิชาม. พวกเราเลยต้องเรียนรวม ยังไม่ไม่แยกสาขา

       

      “กูจะทำของขวัญวันครบรอบให้ยูริ มึงพับดาวให้กูด้วยนะ สอนกูพับด้วยก็ดี” เลย์หันมากระซิบผมตอนเรียน มันนั่งกลางผมอยู่ซ้าย ส่วนยูรินั่งทางด้านขวาของมัน

       

      ไม่ว่าจะดาวหรือเดือน มึงอยากได้อะไรกูหาให้มึงได้ทั้งนั้นแหละ

       

      มันเป็นอย่างงี้ตลอด จะทำอะไรก็พึ่งผมเสมอ แต่ผมก็เต็มใจที่จะช่วยมันทุกครั้ง ผมรู้ว่ามันมีแฟนแล้ว ผมรู้ว่ามันมีคู่หมั้นอยู่ แต่ผมก็อยู่ข้างมันตลอด ผมยังไม่อยากมีแฟน เพราะถ้ามีแฟนใครจะดูแลมันจริงไหม? อย่างคราวนี้ ถ้าไม่มีผมใครจะพับดาวให้มัน บางวันผมไปส่งยูริแทนมันเพราะมันรับน้องในสาขาเลิกดึก เวลาไปเที่ยวกับเพื่อนผมจะไม่ยอมเมาเพราะถ้าเมา ใครจะแบกมันกลับ แต่มันก็ช่วยผมนะในบางครั้งถึงแม้มันจะไม่รู้ตัวก็เถอะ อย่างตอนที่มีคนมาจีบผม รุ่นพี่คณะอื่นบ้าง ผมก็ทำเป็นติดกระดุมเสื้อให้มัน เขี่ยแก้มมันแล้วจับข้อมือมันเดินหนี เท่านี้คนที่มาจีบผมก็หนีหายจ้อย

       

      เรื่องคู่หมั้นผมไม่รู้ว่ายูริรู้หรือเปล่า ถ้าเธอรู้จะเสียใจแค่ไหนที่เธอจะไม่ใช่คู่ชีวิตของเลย์มัน ว่ากันตามจริง ผมก็ไม่รู้ว่าคู่หมั้นของเลย์เป็นใคร รู้แค่ว่าหมอนั่นมีคู่หมั้น

       

      “คริสๆ กูเอานี่มาให้” เจ้าของเสียงเคาะห้องป๊อกๆ ก่อนจะเปิดประตูเข้ามาเอง มันหอบผลไม้มาหาผม วันนี้ยูริไม่มา มันนั่งปอกผลไม้ให้ผมกิน มันก็กินด้วย ส่วนผม นั่งพับดาว

       

      “มึงมานั่งนี่ดิ๊ กูเมื่อย” ผมเรียกมันมานั่งข้างๆผม มันเดินมาอย่างว่าง่าย ในปากมันคาบแอปเปิ้ลไว้อยู่ มันนั่งลงผมก็กินแอปเปิ้ล จากปากมันนั่นแหละ แล้วผมก็เอาตักมันมาต่างหมอน นอนเคี้ยวแอปเปิ้ล พับดาวอยู่บนตักมัน

       

      “มึงรู้อะไรมั๊ย ถ้าไม่มีกูมึงต้องทำอะไรเอง” ผมบอก

       

      “พูดงี้มึงกำลังจะมีแฟน?” มันถามผม สงสัยในที

       

      “เปล่า กูแค่บอกไว้ เรียนจบมึงต้องแต่งงาน จากนั้นกูก็จะไม่ได้มาอยู่ในชีวิตมึงแล้ว มึงต้องดูแลตัวเองเข้าใจไหม?” มันเงียบไป เพราะปกติผมไม่ค่อยพูดเท่าไหร่ แค่สั่งมันทำโน่นทำนี้ มันก็เลยแลดูตั้งใจฟังมาก

       

      “กูรู้จักกับมึงมานาน กูไม่ทิ้งมึงหรอก แต่ในวันที่มึงมีครอบครัวกูจะกลายเป็นคนอื่น” ผมว่าต่อ

       

      “นี่มันเรื่องสี่ปีต่อจากนี้ ตอนนี้มึงยังเป็นเพื่อนกูอยู่ มึงอย่าคิดมากดิ” เลย์บอกกับผมแบบนั้น

       

      แต่กูไม่อยากเป็นเพื่อนมึงแล้ว รู้ไหม

       

      ดาวดวงสุดท้ายถูกโยนใส่ในโหลแก้ว ดาวดวงเล็กๆหลากสีสันฝีมือผมพร้อมจะเป็นของขวัญให้กับยูริแล้ว จะเหลือก็แค่ผูกโบว์ แล้วก็เขียนการ์ด ของแบบนี้มันมีคุณค่าทางจิตใจให้เจ้าตัวทำเองจะดีกว่า

       

      อีกสองสัปดาห์จะมีเฟรชชี่ไนท์ ผมต้องไปเตรียมการแสดงประกวดดาวเดือนของมหาลัย กลับดึกทุกวัน ผมไม่ค่อยได้เจอเลย์กับยูริอีกช่วงนี้ นอกจากเวลาไปเรียน

       

      .

      .

      .

      .

      B9 อู๋อี้ฟาน วิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมไฟฟ้า” พิธีกรประกาศชื่อคริสให้ออกไปโชว์ตัวพร้อมทำการแสดง

      การแสดงของคริสเป็นการโชว์สกิลแร๊พที่เขาถนัด ดนตรีจากดีเจที่เป็นเพื่อนในคณะที่มีความสามารถด้านนี้อาสามาจัดให้ เสียงแร๊พแหบทุ้มที่ทรงสเน่ทำให้คริสเป็นที่ชื่นชอบ และหลงใหลของทุกคน คริสเท่และดูดีมากในวันนี้

      อี้ชิงและยูริก็มาดู มาดูคริสขึ้นแสดง การแสดงจบลง เสียงปรบมือและเสียงกรี๊ดดังสนั่น เดือนคณะวิศวะ เป็นเต็งหนึ่งในการประกวดทุกปี ผู้ชายเยอะ หล่อๆก็เยอะ ถ้าขึ้นมาบนเวทีดาวเดือนของมหาลัยได้แสดงว่าผ่านการคัดมาอย่างดี ทั้งหน้าตาและความสามารถ

       

      อี้ชิงกับยูริยืนปรบมือให้กับการแสดงบนเวทีของคริส

       

      คริสได้เป็นเดือนมหาลัย ทุกอย่างเพอร์เฟค คริสเป็นที่รู้จักของทุกคน

      .

      .

      .

      หลังเลิกกิจกรรมเฟรชชี่ไนท์ผมกับคริสแล้วก็พวกรุ่นพี่ไปฉลองกันที่ผับที่ไม่ห่างจากม.เท่าไร ทั้งดื่มทั้งเต้นกันสุดเหวี่ยง ยูริไม่ได้มาด้วย เพราะเลย์พากลับหอตั้งแต่ก่อนจะออกมากับคริส คริสดื่มแบบไม่ยั้ง เมาจนฟุบกับโต๊ะ เลย์แทบไม่เคยเห็นคริสเมาขนาดนี้มาก่อน

       

      “กูเป็นเดือนแล้วนะ .........ต่อไปคงมีอะไรให้ทำเยอะ กูคงไม่ได้อยู่กับมึงตลอดแล้ว” คริสงึมงำ

       

      “กูว่ามึงเมาแล้วคริส กลับเหอะ เดี๋ยวกูจะไปส่งเอง” เลย์บอก จับตัวคนตัวสูงพยุงเดินออกจากร้าน ก้มหัวให้รุ่นพี่เป็นสัญญาณว่ากำลังจะไปแล้ว

       

      “ปล่อยกู”

       

      “คริส ไมมึงเมาเป็นหมาขนาดนี้เลยวะ ปกติมากับกู มึงไม่เคยเมาขนาดนี้นะ”  หรือว่าคริสอกหัก? เลย์ได้แต่คิดในใจ

       

      “กูถามมึงหน่อยนะ สมมติว่าถ้ามึง........ ”

       

      “เงียบก่อนมึง กูเปิดประตูรถก่อน” คนตัวเล็กควานหากุญแจในกระเป๋าก่อนเปิดประตูรถแล้วยัดคริสไปที่เบาะข้างคนขับ แล้วก็ส่งตัวเองเข้ามาอีกฟากรถ ออกรถกลับหอทันที คริสหลับไปแล้ว .....ไม่ถึงยี่สิบนาที ทั้งสองก็กลับมาถึงหอ ลากคริสพาขึ้นลิฟท์ไปที่ห้องของตัวเอง จัดแจงให้คริสนอนที่เตียง

      .

      .

      .

       

      ปวดหัว ....... รู้ตัวอีกทีผมก็มาอยู่ที่ห้องเลย์ ดื่มไปเยอะเหมือนกัน แต่ตอนนี้โอเคขึ้นว่าเดิมแล้ว

       

      เลย์เดินออกมาจากห้องน้ำด้วยสภาพใช่ชุดคลุมอาบน้ำสีขาว ผมเปียกๆมีผ้าขนหนูผืนเล็กวางอยู่บนหัว

       

      “อ่าว ตื่นแล้วเหรอ นึกว่ามึงเมาน็อคไปแล้ว” มันทักผมทันทีที่มันเห็นผม

       

      “กูสร่างละ แต่ปวดหัวอยู่ กูจะกลับห้อง” ผมลุกขึ้น ไม่ขออยู่ที่นี่นาน ถึงจะเป็นเพื่อนกัน แม้จะถึงตัวกันบ่อย แต่สภาพมันตอนนี้จะทำผมหลับไม่ลง ผมกลัวใจตัวเอง

       

      “มึงอยู่นี่แหละ ห้องมึงก็ถัดห้องกูเอง นอนที่ไหนก็เหมือนกัน ปวดหัวอยู่ไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวก็หยิบยาให้” ว่าแล้วเลย์ก็เดินไปหยิบยากับน้ำ จัดแจงให้ผมเสร็จสรรพ

       

      “ขอบใจ”

       

      “ก่อนขึ้นรถ มึงจะพูดอะไรกับกูนะ ถ้าสมมติว่ากูทำไมนะ” เลย์มันถามผมพลางขยี้ผ้าขนหนูเช็ดผมตัวเอง หน้าตามันสงสัยแล้วก็ติดใจเอามากๆ

       

      “กูแค่จะถามมึงว่า สมมติว่ามึงไปรักคนที่ไม่สมควรรัก มึงจะทำยังไง”

       

      “ที่แท้มึงกินเหล้าหนักเพราะอกหักนี่เอง ไปรักใครเข้าล่ะ” มันไม่ตอบคำถามผม แต่มันถามผมกลับ

       

      “เรื่องของกูเหอะน่า กูถามมึงว่าถ้าเป็นมึงจะทำยังไง” ผมชักกลับประเด็นเดิม

       

      “เขารักกับคนอื่นอยู่ กูไม่สมควร ถึงได้ลงเอยกับกู มันก็ไม่ใช่ว่าเขาจะหยุดที่กูตลอดไป กูทำดีกับเขา แต่มันก็เท่านั้น ความรู้สึกกูส่งไปไม่ถึง” ผมว่าต่อ

       

      “มึงไปชอบคนเจ้าชู้เข้าหรือไงวะ ถ้ามีคู่ มึงก็ไม่ควรไปยุ่งป่ะวะ ถึงมึงจะระดับเดือนมหาลัย แต่แย่งคนอื่นก็ไหวนะเว่ย แล้วคนที่มึงชอบอ่ะ เขามีใจให้มึงหรือเปล่าล่ะ” เลย์ถามผมอีก

       

      “เขาก็เหมือนจะดีกับกู เพราะเห็นเป็นกูมั๊งเลยแสดงออกแบบนั้น”

       

      “เข้าข่ายคบชู้เลยนะมึง ไม่กลัวแฟนเขาว่าอะไรเหรอ ทางที่ดี มึงชอบคนอื่นเถอะ ว่าแต่มึงไปชอบเขาเมื่อไรวะ กูเห็นมึงหวงชีวิตโสด” เลย์ซักอีก

       

      “ก็ชอบมานานแล้ว” ผมบอก

       

      “มึงอย่าเลย มันจะเสียไปหมด” เลย์บอกกับผมมาแบบนี้

       

      “แต่มึงเข้าใจมั๊ยว่ายิ่งนานวันกูยิ่งจะทนไม่ไหว กูทนมานานแล้ว” อยู่ดีๆผมก็กรุ่น เผลอใส่อารมณ์ในน้ำเสียง ผมไม่ได้ตั้งใจตะคอกเลย์ แต่ด้วยเสียงที่เป็นแบบนั้นกับอาการมึนๆเหมือนจะควบคุมตัวเองไม่ได้

       

      “แล้วแต่มึงละกัน ถ้ามึงยังเห็นกูเป็นเพื่อน มึงก็น่าจะฟังคำเตือนกู กูรู้ว่ารักคนที่ไม่สมควรจะรักมันเป็นยังไง ถ้าเลือกได้ กูจะไม่บอกเขาเพราะกูกลัวเสียเขาไป! เลย์ก็เหลืออด เราสองคนเริ่มตะโกนใส่กัน

       

      “มึงจะไปรู้อะไร” ผมลุกขึ้นยืน แล้วคว้ามือคนตรงหน้าไว้ หวังจะเอามือเล็กๆนั่นมาแนบที่อกข้างซ้ายของผม แต่เลย์ก็สวนขึ้นมาก่อน

       

      “ทำไมกูจะไม่รู้คริส .....กูขอ ถ้ามึงยังเห็นกูเป็นเพื่อน” เลย์สบตากับผม มันพูดเสียงเบาลง

       

      “งั้นมึงกับกูก็ไม่ต้องเป็นเพื่อนกัน” ผมบอกไว้แค่นี้ ปล่อยมือที่จับมือเล็กๆของเลย์ แล้วเดินออกจากห้องไป

      .

      .

      .

      .

       

      ทำไมผมไม่รู้ ว่าคริสชอบใครมานานขนาดไหน เราอยู่ด้วยกันเกือบตลอด หรือจะเป็นตอนไปซ้อมการแสดง ? ทำไมน้ำตาผมไหลออกมามากมายขนาดนี้ เพื่อนรักของผมที่ไม่คิดว่าจะทะเลาะกันด้วยเรื่องเล็กน้อยๆแบบนี้ อยู่ดีๆก็พูดว่าจะเลิกคบ หรือคริสเมาไป พรุ่งนี้คงจะคุยดีๆกันได้

       

       

      6 พฤศจิกายน วันนี้วันเกิดคริส เราไม่ได้คุยกันเลย ไม่ได้คุยกันมาเกือบจะสองเดือนแล้ว ไม่ได้นั่งเรียนข้างกัน  อาจมีเจอกันบ้างหน้าห้อง แต่คริสไม่ทัก หรือผมจะเสียเพื่อนไปแล้วจริงๆ

       

       

       

      “แกจะไม่บอกเขาเหรอ เขาพูดขนาดนั้นแสดงว่าเตรียมเอาใจออกห่างแกแล้วนะ” ยูริถามผม ผมเล่าเรื่องที่คริสเคยพูดกับผมให้เธอฟัง

                  ยูริเป็นลูกพี่ลูกน้องของผม มาเรียนคณะเดียวกัน พ่อแม่ของยูริอยู่ต่างประเทศฝากให้ผมดูแลเธอ ให้เธอเล่นบทเป็นแฟนของผม เพื่อที่จะไม่ให้ใครเข้ามายุ่มย่ามกับยูริ ยิ่งเรียนวิศวะแล้วด้วย

      เรื่องคู่หมั้นของผม แน่นอนว่ายูริรู้ แถมรู้ดีกว่าคริสอีกต่างหาก เธอรู้ว่าคู่หมั้นของผมเป็นใคร ผมรักเขา รักมานานแล้ว เพราะอยู่ด้วยกันมานาน เขารู้ใจและดูแลผมดี แต่อาจจะด้วยความเป็นเพื่อนเขาเลยทำแบบนั้น ผมไม่รู้ แค่ภายในสี่ปีนี้ที่ผมกำลังเรียนอยู่ ถ้าเขารักผมขึ้นมาบ้างก็คงจะดี แต่ถ้าไม่ การแต่งงานจะไม่เกิดขึ้น ทุกอย่างจะเป็นความลับต่อไป

       

      คริสคือคู่หมั้นของผม

       

      ทางผู้ใหญ่หมายหมั้นเราตั้งแต่ยังไม่เกิด

       

      “เราไม่รู้ เราไม่อยากเสียเพื่อน” ผมบอกยูริออกไป

       

      “หัวใจของแกนะ เล่นบทเพื่อนได้ไม่นานหรอก อย่าไปคิดถึงเรื่องคู่หมั้นหรือแต่งงานอะไรนั่น คิดแค่ว่าตอนนี้แกกับคริสอยากอยู่ด้วยกันในฐานะอะไร ที่มันเป็นอยู่ทุกวันนี้มันก็เกินเพื่อนแล้วนะ”

       

      “โอเคแกอาจจะพอใจ แต่สุดท้ายพอเรียนจบ ถ้าคริสมันไม่ยอมรับแกก็เสียเพื่อนเหมือนเดิม คิดเอา จะทำใจตั้งแต่เนิ่นๆแล้วเริ่มใหม่ หรือจะมีความสุขไปก่อนแล้วทุกข์ตลอดชีวิต ใจแกนะ” ยูริพูดจบก็ทิ้งไว้ให้ผมคิดอยู่คนเดียวในห้องเงียบๆ

       

      นี่เป็นเหตุผลที่ยูริไม่ว่าอะไรที่คริสกับผมจะใกล้ชิดกันเกินเพื่อน เพราะเธอไม่ได้เป็นอะไรกับผม ไม่หึงหวงอยู่แล้ว

       

      ใช่ว่าที่คริสจูบผม กอดผม นอนหนุนตักผม หรือแสดงความห่วงใยผม ผมจะไม่รู้สึกอะไร แต่มันเป็นความสามารถในการปั้นหน้าเฉยของผมเอง ผมถนัดที่จะยิ้มให้คนอื่น แต่ผมไม่ถนัดที่จะยิ้มให้คริส ใจผมสั่น ทุกอย่างมันเลยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็อย่างนั้นแหละ ผมคิดว่าที่คริสทำน่ะ เพราะสนิทกัน เพราะคริสหมั่นไส้ผม ก็เลยอยากจะแกล้งแรงๆประสาเพื่อน

       

      ที่คริสเมามาวันนั้น พูดกับผมว่าไปรักใครคนหนึ่งเข้า ใช่ว่าผมจะไม่เจ็บ เพราะผมเข้าใจว่าอาการของคริสน่ะเป็นยังไง ผมเลยเลือกที่จะทำแบบนี้ ผมยังไม่ได้บอกไป ยังไม่ได้ทำอะไร ผมก็เสียเพื่อนไปแล้ว คริสไม่ได้รักผม คริสไม่ได้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร คริสไม่รู้ว่าผมรู้สักยังไงกับเขา ...........ความรู้สึกผมส่งไปไม่ถึงเขา

       

      What should I do ?

       

      .

      .

      .

       

                      กล่องของขวัญไม่เล็กไม่ใหญ่วางอยู่หน้าห้องของคริส บนกล่องมีการ์ดเสียบไว้อยู่ คริสที่กำลังจะออกไปฉลองวันเกิดกับเพื่อนๆ ชะงักฝีเท้าอยู่ที่หน้าห้อง แล้วหยิบกล่องของขวัญขึ้นมา ไม่ได้เปิดอ่านการ์ด แต่เขาเลือกที่จะแกะกล่องของขวัญ ข้างในเป็นโหลแก้วบรรจุดาวกระดาษหลากสี มันทั้งดวงเล็กดวงใหญ่ถูกวางไล่โทนสีไว้อย่างบรรจง ดาวบางดวงยังไม่ค่อยสมประกอบ บางดวงก็สวยมุมคมกริบ บ่งบอกว่าคนทำนั้นหัดทำเรื่อยจนกระทั่งทำเป็น คริสยิ้มให้กับตัวเอง ก่อนหยิบโทรศัพท์โทรไปยกเลิกปาร์ตี้วันเกิดของตัวเองที่ผับ จะมีใครกล้าล้มงานวันเกิดตัวเอง ถ้าไม่ใช่คริส

      คริสหยิบการ์ดออกมาอ่าน ลายมือที่คุ้นเคยทำให้คริสรู้ทันทีว่าเจ้าของของขวัญนี้เป็นใคร

       

                              กูไม่รู้ว่าเมื่อไรมึงจะเลิกโกรธกู แต่กูไม่อยากให้มึงเป็นแบบนี้ เราเป็นเพื่อนกันมานานนะ

                      กูไม่สบายใจที่มึงไม่คุยกับกู ถ้ากูทำอะไรผิด กูขอโทษ ที่มึงบอกให้กูดูแลตัวเองเพราะแบบนี้ใช่ไหม

                  มึงรู้อยู่แล้วว่ามึงจะไม่คุยกับกู กูขอโทษนะ มีอีกเรื่องที่กูจะบอกมึง ไหนๆมึงก็เลิกคบกูแล้ว

                      มึงรู้อะไรมั๊ย ที่กูบอกว่ากูเข้าใจมึง ว่าการไปรักคนที่ไม่สมควรรักมันเป็นยังไง เพราะกูกำลังเป็นอยู่

                  กูรักเพื่อนกู เพื่อนที่กูสนิทมากๆ แต่กูเลือกที่จะไม่บอกเขา เพราะกูกลัวเสียเพื่อน มันลำบากใจ

                  ที่จะทนมองเพื่อนที่ตัวเองแอบรักทุกวัน แต่กูก็ทำ เพราะกูไม่อยากเสียเขาไป

                  ไม่ว่าคนที่มึงแอบรักจะเป็นใคร กูขอให้มึงคิดดีๆนะ ก่อนที่มันจะเสียหายแล้วกระทบไปทุกอย่าง

                      สุขสันต์วันเกิดนะคริส ....กูรักมึง

                 

                                                                                                      เลย์เพื่อนมึง          

       

       

       

      ทันทีที่ผมอ่านจบ ผมออกจากห้องแล้วตรงไปที่ห้องของเลย์ทันที ผมอดทนมาตลอดสองเดือน ไม่คุย ไม่อะไรกับมันเลย ผมพยายามตัดใจ ผมไม่รู้ว่ามันก็ชอบผม เป็นผมเองที่มัวโง่ ไม่บอกออกไปตั้งแต่แรก แต่มันไม่ได้แสดงอะไรออกมาเลยว่ามันก็ชอบผม นอกจากยอมให้ผมกอด จูบ ถึงเนื้อถึงตัว ที่ผมทำเพราะผมจะแสดงความรัก แต่ผมไม่รู้ว่าที่มันยอม เพราะมันก็คิดเหมือนกับผมหรือเปล่า หรือแค่คิดว่าสนิทกันก็เลยทำได้

       

      ผมเห็นมันนั่งอยู่ที่โซฟาในห้องของมัน ยูริก็อยู่ด้วย

       

      “มึง......” ผมจับต้นแขนให้มันลุกขึ้นมา ตามันแดงๆท่าทางเหมือนคนหมดแรง ผมไม่ได้อยู่ดูแลมันแค่นี้ รู้สึกว่ามันผอมลง แล้วก็ดูโทรมขึ้นอีกด้วย ผมผิดเอง ทุกอย่างเพราะผมเอง ผมไม่น่าทิ้งเลย์ไว้เลย เพราะผมเห็นแก่ตัวหนีไปตัดใจคนเดียวเงียบๆ ไม่ได้คิดเลยว่าคนตัวเล็กนี้จะเหงาแค่ไหน  ร่างเล็กลุกขึ้นตามแรงดึงของผม แค่นั้น ผมก็คว้ามันเข้ามากอดไว้

       

      “ไอ้โง่” ผมกระซิบลงบนหัวมันที่ซุกอกผมอยู่ สิ้นคำพูดผมมันก็ปล่อยโฮออกมา สัมผัสชื้นๆที่อกยืนยันได้ว่า ไอ้คนข้างหน้านี้กำลังร้องไห้ใส่ผม

       

      “ไอ้เหี้ย ...อึก มึงทิ้ง  กูทำไม มึงรู้ไหมกูเหงา มึงต้องอยู่ดูแลกูจนกว่า ...ฮึก ...จะถึงปีสี่สิ” มันพูดด้วย สะอื้นไปด้วย

       

      “กูขอโทษ เลย์ กูขอโทษ” ผมได้แต่พร่ำบอก ไอ้คนตรงหน้ายืนตัวสั่นในอ้อมกอดผม

       

      “มึงจะรักใคร กูไม่ได้ห้าม แค่มึงอย่าทิ้งกู เข้าใจมั๊ยไอ้เชี่ยคริส” มันพึมพำ

       

      “กูจะไปบอกเขา ว่ากูรักเขา”

       

      “มึงก็ยังไม่เชื่อกูอยู่ดี..... ไอ้คริส ... กูเตือนมึงเพราะกูรักมึงนะ”

       

      “มึงฟังกูดีๆนะเลย์ ...กูรักมึง”

       

      “มึงว่าไงนะ” มันหยุดสั่นแล้วเงยหน้าที่น้ำตาอาบแก้มมาสบตาผม

       

      “กูรักมึงเลย์ แต่มึงมีแฟนแล้ว ถึงมึงจะรักกู สุดท้ายมึงก็ไม่ได้หยุดอยู่ที่กู ยังไงมึงก็ต้องแต่งงานกับคู่หมั้นของมึง” ผมพูดซ้ำ พร้อมอธิบาย

       

      “เป็นมึงคนเดียว เป็นมึงตั้งแต่แรก” ผมบอก

       

      “ไอ้เชี่ยคริส มึงทนได้ไง” เลย์เอามือปิดหน้าแล้วปล่อยโฮออกมาเงียบๆ

       

      “กูไม่รู้ แต่กูต้องทน มึงเข้ามหาลัยมาพร้อมกับยูริ มึงจะให้กูทำไง กูรักมึงไปแล้ว”

       

      “คริส..... ” ยูริเรียกผม ทำให้ผมระลึกตัวเองได้ว่าตรงนั้นยังมียูริอยู่

       

      ยูริเล่าเรื่องของตัวเองให้ฟัง มันทำให้ผมสบายใจขึ้นมาก นึกว่าจะต้องรู้สึกผิดแล้วก็เสียเพื่อนไปอีกคน

      เลย์หยุดเศร้าแล้ว มันหันหน้ามาหาผม ทำทาเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง มันปลดแหวนจากสร้อยที่คอมัน เป็นแหวนลักษณะเดียวกันที่มันสวมไว้ที่นิ้วนางข้างซ้าย แหวนทองคำขาวมีเพชรฝังไปในตัวแหวนหนึ่งเม็ด ทำให้แหวนไม่ดูหวานเกินไป ออกจะเท่ด้วยซ้ำ  พอปลดแหวนออกมันก็จับมือข้างซ้ายของผมให้แบออก แล้ววางแหวนลงบนมือ

       

      “นี่ของมึง คุณคู่หมั้น” หน้าตามันดีขึ้นเยอะ กลับมาทำหน้ามึนๆแบบปกติได้แล้ว ถึงแม้ว่าตามันยังเป่งๆ แล้วแก้มยังมีคราบน้ำตาให้เห็น

       

      “มึงมาหมั้นกับกูทำไม นี่แหวนของคู่หมั้นมึง เอาคืนไปเถอะ” มันส่ายหัวเมื่อผมพูดจบ

       

      “นี่แหวนของมึง มึงคือคู่หมั้นกู ตั้งแต่แรก เป็นมึงมาตั้งแต่แรก” มันพูด

       

      “แล้วแต่มึงนะว่ามึงจะใส่หรือไม่ใส่ จากนี้ไปกูฝากตัวด้วย  ....มึงจำไว้นะ กูจะหยุดอยู่ที่มึง” มันพูดต่อ

       

      ผมยื่นแหวนให้เลย์  เลย์มองหน้าผมแล้วทำท่าเหมือนจะร้องไห้อีกรอบ มันรับแหวนไว้ ผมจึงคว่ำมือแล้วยื่นไปตรงหน้ามัน

       

      “สวมให้กู”

       

      .

      .

      .

      .

       

       

       

       

      “แล้วมึงจะให้กูพับดาวกระดาษทำไม?” คริสถาม

      “กูก็แค่อยากให้มึงพับให้กู” เลย์ยิ้มแล้วตอบกลับไป รอยยิ้มแบบนี้แหละที่ผมต้องการ ยิ้มให้กับผม ไม่ใช่ยิ้มให้คนอื่น

       



       

      END -

       

      //

      ชอบกันปร้ะ #ยังหน้าด้านถาม อ่านแก้เซ็งนะคะ
      รักคนอ่าน จรุ๊บ -3-

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×