นางแบบจำเป็น...
เธอนั่งอยู่เพียงลำพังในย่านใจกลางแหล่งวัยรุ่น และเขา ชายหนุ่มรูปงามเข้ามาทักทายเธอไปถ่ายแบบ เธอจะปฏิเสธได้อย่างไรแม้ใจไม่ต้องการเป็นนางแบบ
ผู้เข้าชมรวม
395
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
นางแบบจำเป็น
ภัทร์ชนม์.
เซ็นเตอร์พ้อยท์ ใจกลางมหานครกรุงเทพฯ เวลาประมาณ 17.30 น.
“นี่ฉันเป็นบ้าไปแล้วหรือนี่?” ฉันนั่งถามตัวเองเบา ๆ ขณะที่สายตามองไปรอบ ๆ บริเวณ ฉันสังเกตได้ไม่ยากว่าสถานที่แห่งนี้มีทั้งเด็กวัยรุ่น วัยเรียน วัยศึกษา มีทั้งที่แต่งกายชุดแฟชั่นตามยุคสมัยและสวมชุดนักเรียนนักศึกษาเดินควงกันเป็นคู่ ๆ บ้างก็จับกลุ่มกันตามร้านเครื่องดื่ม และที่นั่งซื้อ-ขายสินค้าบนลานกว้างนั้นก็มีไม่น้อย บ้างก็นั่งจับคู่หยอกเย้ากันอย่างมีความสุข
ฉันก็เป็นหนึ่งในผู้หญิงที่แต่งชุดนักศึกษาฟิตเปรี๊ยะ กระโปรงสั้นสุด ๆ ตามสมัยนิยม แต่งหน้า ทาลิปสติกบาง ๆ ไม่เหมือนอย่างวัยรุ่นบางคนที่ชอบโปะแป้งแต่งหน้าราวกับหลุดมาจากโรงงิ้ว โรงลิเกก็ไม่ปาน
ฉันนั่งกระสับกระส่ายเพียงลำพังอยู่ที่หน้าร้านขายเครื่องดื่มที่วัยรุ่นชอบเข้ามาใช้บริการ นั่งดื่มเครื่องดื่มประเภทกาแฟและน้ำผลไม้ราคาแพง จู๋จี๋กันเป็นเวลานาน ๆ ฉันยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกาแก้เขินเมื่อเห็นสายตาของ วัยรุ่นชายหลายคนปรายมองมาที่ฉันอย่างมีความหมายพร้อมกับยิ้มน้อย ๆ กรุ้มกริ่มให้ฉันทำนองทอดสะพาน ทำเอาฉันแอบอมยิ้มน้อย ๆ ด้วยความภาคภูมิใจอยู่ลึก ๆ เหมือนกัน
คนที่รู้จักฉันทุกคน ล้วนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าฉันมีหน้าตาและผิวพรรณดูอ่อนกว่าวัย สมัยที่ฉันเรียนอยู่ชั้นมัธยมปลายใคร ๆ ก็คิดว่าฉันเรียนอยู่เพียงชั้นมัธยมต้น และเมื่อฉันเรียนในระดับมหาวิทยาลัย ใคร ๆ ก็หาว่าฉันเพิ่งจะขึ้นมัธยมปลาย มีอย่างเดียวที่ออกจะดูเกินหน้าเกินตา คือหน้าอกหน้าใจที่มันล้นจนแทบจะทะลัก อย่างที่หลาย ๆ คนชอบพูดกันว่า
“หน้าประถม นมมหา’ลัย”
แรก ๆ ฉันก็หนักใจที่หน้าตาของฉันมันไม่ยอมพัฒนาเป็นผู้ใหญ่ตามหน้าอก แต่เมื่อฉันเห็นเพื่อน ๆ ผู้หญิงของฉันล้วนพากันอิจฉาสรีระที่พระเจ้าบรรจงสร้างมาให้ ฉันก็เริ่มจะยอมรับ และพออกพอใจไปกับสิ่งที่มันเกิดขึ้นกับตัวเอง
สติกลับคืนมาเมื่อได้ยินเสียงเรียกแจ้ว ๆ ดังอยู่ข้าง ๆ โต๊ะที่ฉันนั่งอยู่ เมื่อฉันเหลียวมองก็พบกับเด็กผู้ชายตัวกะเปี๊ยก อายุไม่น่าจะเกินห้าขวบ ยืนถือดอกกุหลาบก้านยาวดอกหนึ่งยืนจ้องหน้าฉันตาแป๋ว
“พี่ฉาวฮับ...” แกเรียกฉันว่าพี่สาวครับ นั่นเอง
“พี่น่ายักจังเยย” อุ๊ย! เด็กปากเสีย มาเรียกเราว่าหน้ายักษ์ แต่พอคิด ๆ ดูอีกทีแกคงพูดไม่ชัด ออกเสียง ร. เรือ , ล. ลิง ผิดพลาดก็ให้อภัยแล้วยิ้มให้ พลางลูบศีรษะแกเบา ๆ ด้วยความเอ็นดู
“มีอะไรหรือจ๊ะ?”
“หนูเอาดอกไม้มาให้...แล้วก็...ขอหอมแก้มพี่ด้วยฮับ”
อี๋...เด็กชีกอ คงต้องมีใครสักคนใช้ให้มันมาแน่ ๆ เชียว เด็กคงคิดเองทำเองไม่เป็นหรอก แต่ก็ได้เพียง แค่คิด ใบหน้าของฉันยังคงยิ้ม พร้อม ๆ กับเอียงแก้มใส ๆโน้มลงให้อยู่ในระดับเดียวกันกับใบหน้าของเด็กน้อย เด็กชีกอยื่นจมูกมาชนแก้มของฉันแล้ววิ่งตื๋อไปอย่างรวดเร็ว ฉันสังเกตเห็นนักศึกษาหนุ่มหลายคนทำท่าเหมือนกับจะละลายไปทั้งตัว บางคนก็กำลังจ้องมาที่หน้าอกของฉัน ตาค้าง อ้าปากหวอ น้ำลายยืดหยดแหมะเป็นปลากระป๋องปุ้มปุ้ย ลืมเช็ดจนเปียกชุ่มทั้งปากทั้งเสื้อ
ฉันหัวเราะน้อย ๆ เป็นหัวเราะน้อย ๆ ที่สดใสครั้งแรกนับตั้งแต่ที่ฉันมานั่งเพียงลำพังที่นี่ พลางสูดดม ดอกกุหลาบแก้เขินโดยไม่สนใจว่ามันจะมาจากไหน หรือใครเป็นคนให้ จนกระทั่งได้ยินเสียงทุ้ม ๆ ดังขึ้นอยู่ข้างหลัง
“ขอโทษครับ...ขอคุยด้วยสักครู่จะได้มั้ยครับ?”
ฉันสะดุ้งเล็กน้อย เหลียวไปมองตามเสียงก็พบกับชายหนุ่ม แต่งกายสุภาพ ดูเป็นคนวัยทำงาน หน้าตาจัดอยู่ในขั้นหล่อทีเดียว อายุประมาณสามสิบต้น ๆ หน้าตาของเขาดูคุ้นเคยไม่น้อย ฉันคงนั่งนึกนานไปหน่อย เขาจึงแนะนำตัว
“ผมชื่อโมทย์ครับ จากสตูดิโอ แอนด์โมเดลลิ่ง...พอดีผ่านมาทางนี้เห็นคุณนั่งอยู่คนเดียวและเห็นว่าคุณมีบุคคลิกหน้าตาตรงตามสเป็คของทางเรา จึงอยากจะขอคุยด้วยสักเล็กน้อย จะรังเกียจมั้ยครับ?”
“คะ?...เอ่อ...เชิญค่ะ” ฉันลุกขึ้นแล้วเชิญให้เขานั่งลง ฉันลอบสังเกตดูเหล่าหนุ่ม ๆ นักศึกษาที่อยู่ในบริเวณโดยรอบ พวกเขาต่างทำท่าประหนึ่งว่าได้ดูหนังขาดตอน
“คุณ...เอ่อ...” คุณโมทย์ เริ่มการสนทนาด้วยการถามชื่อของฉัน
“แพ็ตค่ะ...” ฉันตอบยิ้ม ๆ แต่จริง ๆ แล้วฉันรู้สึกประหม่ามากกว่า
จากนั้นเขาก็ชวนฉันคุยเรื่องราวจิปาถะ เช่นเรื่องดินฟ้าอากาศ ,แฟชั่น , วงการบันเทิง , ดารานักร้อง , ภาพยนตร์เรื่องใหม่ล่าสุดทั้งในและต่างประเทศ จนกระทั่งฉันหายจากอาการประหม่า และเริ่มแลกเปลี่ยนทัศนคติ โต้ตอบกันไปมาอย่างเป็นกันเองมากขึ้น และเห็นว่าเขาเป็นผู้ชายที่คุยสนุกและมีเสน่ห์มากคนหนึ่ง
กระทั่งเขาเริ่มวกเข้ามาพูดเรื่องงาน ซึ่งเป็นจุดประสงค์ที่เขาเข้ามาทักทายฉัน เขาอธิบายอย่างผู้ช่ำชองในวงการ ประมาณว่าต้องการให้ฉันเป็นนางแบบขึ้นหน้าปกหนังสือแฟชั่นวัยรุ่น เจาะกลุ่มนักศึกษาในรั้วมหาวิทยาลัยโดยเฉพาะ มิใช่เพื่อการถ่ายนู้ดเพื่อศิลปะแต่อย่างใด ซึ่งฉันก็สนใจไม่น้อย เมื่อเขาเห็นว่าฉันให้ความสนใจ และไม่ปฏิเสธที่จะร่วมงาน เขาจึงสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ ก่อนจะพูดออกมาอย่างเกรงใจ
“เอ่อ...วันนี้คุณพอจะมีเวลาให้ทางสตูดิโอของผมมั้ยครับ คือว่าผมอยากจะเชิญคุณไปแคสติ้งวันนี้เลย จะได้ไม่เป็นการเสียเวลา และหากผ่าน ผมจะได้นัดถ่ายแบบขึ้นปกให้ทันปิดเล่มฉบับต้นเดือนหน้านี้เลย”
“อุ๊ย!...ไม่เร็วไปหรือคะ? แพ็ตยังไม่ได้เตรียมตัวเลยนะคะ”
“น้ำขึ้นให้รีบตักนะครับ ขืนช้าไปสักวันหรือสองวัน ถ้ามีคนอื่นมาแคสติ้งก่อน เกรงว่าคุณแพ็ตจะเสียโอกาส”
ฉันนิ่งคิดตรึกตรองอยู่หลายนาที แต่เมื่อมองดูแววตาอ้อนวอนของเขาแล้วก็ใจอ่อน จึงตอบตกลงด้วยความเกรงใจ
“ตกลงค่ะ...แต่วันนี้ แพ็ตไม่ได้เอารถมานะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ” เขาตอบรับ ท่าทางกระฉับกระเฉงขึ้น
“ไปรถของผมก็ได้...ผมจอดอยู่ทางด้านโน้น...เชิญครับ” เขาลุกขึ้น ขยับเก้าอี้ให้ฉันอย่างสุภาพบุรุษ ฉันพบกับสายตาของเหล่านักศึกษาชายทั้งหลายที่ลอบมองฉันมานาน หลายคนมองฉันด้วยแววตาละห้อยเสียดาย หลายคนทำท่ากระเหี้ยนกระหือรือ ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน คล้ายกับอยากจะเข้ามาแย่งตัวฉันไปจากแมวมองหนุ่มเสียเหลือเกิน
คุณโมทย์ พาฉันมาที่รถเก๋งคันงามของเขา มองปราดดูรุ่นและยี่ห้อก็รู้ว่าราคาหลักล้านกว่าขึ้นไปอย่างแน่นอน เขาเปิดประตูฝั่งตรงข้ามคนขับให้ฉัน ก่อนจะปิดประตูรถ แล้วพาตัวเองมานั่งประจำตำแหน่งคนขับ
“สตูดิโอฯ ของคุณอยู่ไกลมั้ยคะ?” ฉันถามเขาขณะที่เขากำลังสตาร์ทรถ เครื่องยนต์ดังเบา ๆ เขาเปิดแอร์เย็นฉ่ำ แล้วหันมายิ้มให้ฉัน เป็นรอยยิ้มที่ดูเท่ห์ มีเสน่ห์ไม่หยอก
“อยู่แถว ๆ ลาดพร้าวครับ...ทำใจให้สบายนะครับ ไม่ต้องตื่นเต้น ผมรับรองว่าคุณจะต้องเด่นที่สุดในงาน...เอ๊ย! ในสตูดิโอฯ อย่างแน่นอนครับ”
เขาขับรถพาฉันไปยังโรงแรมหรูระดับห้าดาวแห่งหนึ่งย่านลาดพร้าว ซึ่งเขาอ้างว่าได้เช่าไว้สำหรับเปิด สตูดิโอฯ เพื่อวันนี้โดยเฉพาะ เมื่อเขาจอดรถในที่จอดรถแล้ว ก็พาขึ้นเดินเข้ามายังห้อง ๆ หนึ่ง ซึ่งมีพื้นที่กว้างขวาง มีการจัดตกแต่งสถานที่อย่างสวยงาม ผู้คนแต่งกายคล้ายอยู่ในงานแฟนซี เดินขวักไขว่
“เฮ้ย! ไอ้โมทย์...แกไปหลอกหิ้วนักศึกษามาจากที่ไหนวะนั่น?”
เสียงชายคนหนึ่งทักขึ้นด้วยเสียงอันดัง เมื่อฉันและคุณโมทย์หันไปมองตามเสียงก็พบกับชายคนหนึ่ง ในชุด ”แฟนซีตัวตลก” ควงคู่กับสุภาพสตรีผู้หนึ่งในชุด ”แคทวูแมน”
ทันทีที่ตัวตลกและแคทวูแมนเห็นหน้าฉันอย่างชัดเจนต่างก็อุทาน เป็นเสียงเดียวกัน
“อุ๊ยตาย!
แพ็ตเองหรือนี่ นึกว่าไอ้โมทย์มันนอกใจ ควงเด็กมหา’ลัยออกงาน ทิ้งให้เมียหน้าเด็กอยู่เฝ้าบ้านซะอีก”
ค่ะ...งานนี้เป็นงานรวมรุ่นศิษย์เก่าของเจ้าประคุณปราโมทย์ สามีสุดที่รักของฉันเอง เขาปรารถนาเป็นอย่างยิ่งที่จะเห็นฉันอยู่ในชุดนักศึกษา โดยให้เหตุผลว่าหน้าตาของฉันยังเหมาะที่จะแต่งชุดนักศึกษาอยู่ เพราะหน้าตายังดูอ่อนเยาว์กว่าอายุจริงมากนัก จึงใช้โอกาสงานแฟนซีเลี้ยงรุ่นเป็นเหตุให้แต่งชุดนักศึกษา แล้วที่ฉันต้องไปนั่งเตร็ดเตร่อยู่ที่เซ็นเตอร์พ้อยท์ก็เพราะว่าเรานัดพบกันที่นั่นในตอนเย็น เนื่องจากตอนเช้าสามีฉันต้องไปทำงาน แล้วขี้เกียจแวะเข้าไปรับฉันที่บ้าน ค่าน้ำมันรถก็ยิ่งแพง ๆ อยู่ด้วย อีกประการหนึ่ง เพื่อเป็นการเช็คเรทติ้งดูว่า อายุฉันขนาดนี้ มีสามีแล้ว ยังจะพอแต่งชุดนักศึกษาอยู่ได้หรือเปล่า
ฉันแยกตัวออกมาสนทนากับเหล่าภรรยาของเพื่อนสามีที่ส่วนใหญ่ก็จะคุ้นเคยกันแล้ว แต่ยังไม่วาย ได้ยินเสียงพ่อทูนหัวคุยโม้กับเพื่อน ๆ ของเขา
“พวกนักศึกษาแถวเซ็นเตอร์พ้อยท์ มองเมียกันตาเป็นมัน น้ำลายงี้เยิ้มเชียว ถ้ารู้ว่าเมียกันอายุสามสิบแล้วคงช็อคซีนีม่า... เอ ! กันว่า ปีหน้า จะให้เมียกันแต่งชุดพยาบาลบ้างดีกว่าว่ะ เปลี่ยนบรรยากาศ...ฮ่า ๆ ๆ”
เฮ้อ! ฉันคงต้องเป็น “นางแบบจำเป็น” ให้สามีสุดที่รักแบบนี้ทุกปีเลยสิคะเนี่ยะ...
ปล. สำหรับคู่สมรสที่อยากจะลองทำแบบคู่ของฉันเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศก็เชิญได้เลยนะคะ รับรองได้ว่ามันน่าตื่นเต้นดีทีเดียว...ไม่สงวนลิขสิทธิ์ค่ะ
---------------------------------------
ผลงานอื่นๆ ของ ภัทร์ชนม์ ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ภัทร์ชนม์
ความคิดเห็น