เรื่องเล่า จาก เเบ็คเเพ็คเกอร์ฝึกหัด
สวัสดีครับ ผมอยากจะเล่าประสบการณ์ท่องเที่ยวในสไตล์เเบ็คเเพ็ค
ซึ่งมีบางสิ่งที่มีค่ามากกว่าการถ่ายรูปตามสถานที่ อยากให้คนอ่านได้เห็นมุมมอง
อะไรดีๆ จากการเที่ยวเเบ็คเเพ็ค
---> ผมจะเที่ยวโดยเน้นรถไฟฟรี + รถไฟที่ราคาถูกที่สุด + นอนไหนได้นอน + เน้นเดิน
มากกว่าครับระหว่างเที่ยว + จำกัดงบ
จังหวัดในภาคเหนือ ที่ได้ไปตะลุย ได้เเก่ ลำพูน - ลำปาง - พะเยา - น่าน - เเพร่ - อุตรดิตถ์
------------> วันที่ 27 ธ.ค. 2557 <--------------
เวลา 11.00 ออกผจญภัย สู่ความงดงามในภาคเหนืออีกครั้ง (ซึ่งผมไปมาเเล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งตอนนั้น ไปเเค่ เชียงใหม่ เชียงราย เเม่ฮ่องสอน) ผมโดยสารรถไฟไปกับ ขบวน 105 (กรุงเทพ - ศิลาอาสน์) เวลาออก 19.50 โดยราคา 98 บาท เเต่ผมเลือกลงนครสวรรค์ เพื่อที่จะได้ โดยสารรถไฟท้องถิ่นฟรี (นครสวรรค์-เชียงใหม่) *ถึงเเม้ว่าใช้เวลานาน เเต่ก็ประหยัดงบใช่ไหมละครับ
--> เริ่มด้วย บรรยากาศบน รถไฟ ขบวน 105 เลยน่ะครับ พอถึงเวลา 19.50 ผมก็ขึ้นไป นั่งตามที่นั่งระบุในตั๋ว เเละ ทักทายกับ 3 คนที่นั่งในล๊อค เดียวกัน
พวกน้าๆ ยายๆ ก็ถามผมต่างๆ นานา ว่าเป็นคนที่ไหน จะไป ไหน อะไรยังไง ผมก็ชวน พวกเขา คุยเรื่อยๆ ผมคิดว่า ผมชวนคุยเก่งเเล้วน่ะครับ 555+
เจอยายคนนี้ ผมนิยอมเลยย ชวยคุยเก่งกว่าผมอีก (นี้คือ อีก 1 เหตุผลที่ทำให้ผมชอบ บรรยากาศบนรถไฟมากๆ) มันเสมือนว่า ถึงเเม้ว่าเราไปคนเดียว เเต่เหมือนเราไม่ได้ไปคนเดียว ได้มิตรภาพระหว่างการโดยสารรถไฟ ผมชอบคำพูดหนึ่งที่ยายเขากล่าวไว้ว่า "มานั่งด้วยกันเเล้วว มีเรื่องอะไรก็คุยๆกันไปเถอะ บรรยากาศจะได้ไม่เงียบเหงา เด่วพอถึงปลายทางต่างคนก็ต่างเเยกย้ายลงกันหมด"
เเล้วก็มาถึง นครสวรรค์ช่วงเวลา 00.20 น.
--> พอมาถึง นครสวรรค์
ผมก็สั่งลา พวกน้าๆยายๆ
พวกเขาใจดีมากครับ มีการอวยพรให้โชคดีระหว่างการเดินทางหลังจากนั้น ผมก็ต้องรอเวลา ถึง 05.00 เพื่อที่จะรอขึ้นรถไฟท้องถิ่นฟรี
(นครสววรค์-เชียงใหม่) เเต่ปลายทางของผมอยู่ที่ลำพูน โดยนอนที่สถานีรถไฟเลยครับ อากาศเย็นสบาย บรรยากาศ บนรถไฟฟรี จากนครสวรรค์ถึงเชียงใหม่ ผมดีใจจริงๆ ที่เห็นบรรยากาศสองข้างทาง ในช่วงเวลากลางวัน เพราะช่วงนั้นผมขึ้นเหนือ ไม่เห็นอะไรเพราะเป็นเวลากลางคืน ผู้คนขึ้นลงอยู่ตลอดทุกสถานีครับ เเต่การไปช่วงกลางวัน เเล้วเปิดกระจก เล่นเอาซะตัวผมมอมเเมม ผมเเข็งยังกับไม้กวาด
------------> วันที่ 28 ธ.ค. 2557 <--------------
-> ทันใดนั่น ผมก็มาถึง ลำพูนในเวลาเกือบประมาณ บ่ายสองกว่าๆ สถานที่เเรก ที่ผมจะไปนั่นคือ ""พระธาตุหริภุญชัย" จากสถานี ผมเดินไปได้ ประมาณ 1โล มีคนเข้ามาทักว่า "จะไปไหน" ผมบอกไป พระธาตุหริภุญชัยครับ เเล้วเขาก็บอกว่า นั่นพี่คิด 20 บาทละกันน เด่วไปส่งถึงที่
ผมเลยโอเคตกลง
เข้าสู่โหมดการผจญภัยอย่างเต็มตัว นครหริภุญไชย จ.ลำพูน
-> พอมาถึง "วัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร" ผมก็ไปสักการะกราบไหว้ขอพรต่างๆ
พอเสร็จภารกิจอะไรเรียบร้อย ผมก็เดินท่องเที่ยวระเเวกนั่น *เเต่เดินเที่ยวได้ไม่มากนัก เพราะว่า ใกล้จะเย็นเเล้ววว (เที่ยวได้น้อยมาก ต้องได้ซ่อมโอกาสหน้าเเน่นอน) ผมเลยรีบมุ่งหน้าไปที่สถานีขนส่งเพื่อจะไปจังหวัดลำปางต่อ
ครับ โดยสารรถทัวร์ ของนครชัยเเอร์ จัดว่าบริการได้โอเครเลยถึงลำปาง ก็เวลา 2ทุ่มกว่าๆ
<บ๊าย บายย นครหริภุญไชย>
เข้าสู่เมืองเเห่งรถม้า จ.ลำปาง
เมืองที่ไม่หมุนตามกาลเวลา
-> ณ ตอนนั้น ผมรุ้เเค่ว่า อยากอาบ น้ำ เเละ อยากพักผ่อน จากความ เหนื่อยล้าที่กว่าจะมาถึงลำพูนได้ เกือบประมาน 20 ชม. เลยมุ่งตรงหา ที่พัก *เน้นถูก* ก็เลยหาที่ไกลผู้ไกล คนพอสมควรเลยครับ สุดท้ายก็ได้ ไปเจอหอหนึ่ง ในราคา 300 บาท เจ้าของหอเป็นกันเองมากครับ สิ่ง อำนวยความสะดวกต่างๆ จัดว่าโอเค เลยย คุ้มค่าราคามากๆ ครับ หลังจาก เช็คอินอะไรเสร็จ ผมก็เดินไปในตัว เมือง นครลำปาง ซึ่งเขาได้จัดสถาน ที่ เล่นไฟ สวยงามอร่ามตามากครับ จัดเตรียมไว้เพื่อรอเทศกาล ส่งท้ายปี เก่า ต้อนรับปีใหม่ อดใจไม่ได้เลยครับ ที่จะต้องถ่ายภาพความประทับใจนั่นมา
<รวมภาพความประทับใจในงาน>
------------> วันที่ 29 ธ.ค. 2557 <--------------
-> ผมตื่น ตั้งเเต่ 6 โมง เที่ยวสไตล์เเบ็คเเพ็ค ทุกนาทีมีค่ามากๆ ครับ กองทัพต้องเดินด้วยท้องจริงไหมครับ? เลยจัดบะหมี่ต้มยำราคา 40 บาท พร้อมกาเเฟเเก้วหนึ่ง 20 บ. อิ่มหน่ำพร้อมตะลุย สถานที่เเห่งเเรกที่ไป คือ "วัดพระธาตุลำปางหลวง" การจะไปที่เเห่งนี้ รถไปไม่ถึงหน้าวัดครับ เลยตกลงราคา กันที่ 120 บาทส่งถึงหน้าวัด พอถึงที่หมาย ก็สักการะกราบไหว้ขอพร เเละ ดูเงาพระธาตุกลับหัว ซึ่งสถานที่เข้าไปนั้น จะมีป้ายเขียนบอกว่า "ผู้หญิงห้ามเข้า"
พอเสร็จภารกิจ ก็เลยไปถามเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยที่อยู่หน้าวัด ว่ามีรถไปในตัวเมืองเปล่าครับ ..ลุงตอบมาว่าไม่มี.. คุยกันไปคุยกันมา ลุงเขาเลยขออาสาพาผมไปส่งที่ถนนเส้นใหญ่ เเล้วนั่งรถสองเเถว ราคา 20 บ. ต่อเข้าตัวเมือง ผมจึงขอบคุณลุงเขา เเละ
เลยให้ค่าน้ำมันลุง ไป 30 บาทครับ
หลังเช็คเอ้าท์เสร็จเรียบร้อย สถานที่เที่ยวต่อไป นั่นคือ ที่เที่ยวเเบบ Unseen Thailand ""วัดเฉลิมพระเกียรติพระจอมเกล้าราชานุสรณ์"" เเต่หนทางจากตัวเมืองไปลำบากเอาเรื่องพอสมควรครับ ถ้าไม่มีรถส่วนตัว การเดินทางไปที่หมายนั่น ต้องเริ่มจาก นั่งรถสองเเถว (ผมขึ้นรถตอนเวลา 13.45 น.) ไปตลาดเเจ้ห่ม ในราคา 30 บาท เเต่ถ้าเหมาไปนั่น ราคาเกือบหลักพันครับ ""ผมไปคนเดียวสู้ราคาไม่ไหวจริงๆ"" เเล้วจากตลาดเเจ้ห่ม จะไปวัด ไม่มีรถไปครับ สุดท้ายเเล้วต้องเหมาครับ ในราคา 250 บาท ส่งถึงตีนเขา พอถึงนั่นจะต้องต่อรถของทางวัดขับขึ้นเขาไปอีก คนละ 60 บาท บรรยากาศในรถเฮฮามากครับ เพราะว่ารถขับรถขึ้นเขา เสียว มันส์ๆ ทุกวินาทีเลยครับ ไม่เหงาเลยจริงๆ ที่ไปคนเดียว (ถึงเวลาประมาน 15.00 น.)
หมดระยะทางเเล้ว ต่อไปนี้จะเป็นการวัดกำลังใจล้วนๆ เลยครับ เดินขึ้นเขาด้วยเท้าของเรา
ใช้เวลาเดินไม่ถึง 1 ชม. ก็ถึงยอดเขา บอกได้เลยว่าขึ้นมาเเล้วหายเหนื่อยเลย ลมเย็น วิวดี มองเห็นทิวทัศน์รอบๆเเบบ 360องศา เลยครับ จัดว่า คุ้มค่าทุกหยดเหงื่อเเน่นอนครับ
ช่วงที่อยู่บนเขา มีลุงคนหนึ่งเข้ามาคุยกับผม ..ลุงเขาชื่อ ลุง จิต.. มากับหลานสาวครับ ก็คุยเรื่อยๆตั้งเเต่ บนเขา ยัน ลงเขา รอรถ ลุงเเกคุยดี มีความสุภาพมากครับ ซักถามผมในหลายๆเรื่อยย พร้อมทั้งบอกอีกว่า ""ดีเเล้ว !! ทีได้ท่องเที่ยวสไตล์
เเบบนี้จะได้เปิดโลกทัศน์ของตนให้กว้างขึ้น"" เเละ ลุงเขาก็ถามอีกว่า จะไปไหนต่อ ผมตอบว่า จะไปในตัวเมือง เเต่ยังไม่มีรถลงเลยครับ ผมเลยขอรบกวนให้ลุงไปส่งที่ ตัวเมืองนครลำปางลุงเเกใจดีจริงๆ ก็บอกผมว่า ได้เลยย ไม่ต้องเกรงใจ ไปหยิบสัมภาระ เเล้วขึ้นรถได้เลยย
ถึงตัวเมืองลำปาง เวลา 19.30 น. ผมเลยสั่งลาเเละขอบคุณ ลุง เเละ หลานของลุง เเล้วก็เเยกย้ายกันไป
ผมดิ่งตรงที่เขาจัดงาน
(ถูกบ้าง หลงทางบ้าง คือความงดของการผจญภัย)
---> งานเลิกประมาณเที่ยงคืน ผมรีบดิ่งไปที่ บขส. เพราะว่า ค่ำคืนนี้ผมจะนอนที่นั่น
ประหยัดค่าใช้จ่ายผมไปได้อีก ฮ่าๆ ณ เพลานี้ รอเวลาที่จะเตรียมตัวไปเมืองพะเยาเเล้ว
เข้าสู่เมืองพยาว จ.พะเยา
------------> วันที่ 30 ธ.ค. 2557 <--------------
เรื่องเล่าจากผมเองนี้ที่ จ.พะเยา " กว๊านพะเยาเเหล่งชีวิต ศักดิ์สิทธิ์พระเจ้าตนหลวง "
อากาศจัดว่าหนาวพอสมควรเลยครับ เเต่บรรยากาศดีจริงๆครับ ..เเนะนำเลยครับ..
ผมเดินเที่ยวไหว้ตามวัดต่างๆนาๆ เพื่อรอเวลา จะไปชมพระอาทิตย์ตกที่กว๊านพะเยาเเละเดินเที่ยวเทศกาล ดอกไม้สวย พลุงาม ที่กว๊านพะเยา ครั้งที่ 2
< มีคนเคยผมถามว่า การเที่ยว ก็ต้องมาพักผ่อน จะมาลำบากทำไหม ??
เเต่ถ้าการเที่ยวเเล้วลำบาก เเต่กลับได้เห็นอะไรใหม่ๆ ประสบการณ์ใหม่ๆ มันก็คุ้มค่าน่ะครับ >
ยามเย็น ณ กว๊านพะเยา -> กราบไหว้บูชาพ่อขุนงำเมือง สิ่งสักการะสำคัญคู่บ้านคู่เมืองพะเยาชมพระอาทิตย์ตก ผมบอกได้ว่า ถ้าใครยังไม่เคยมา ต้องได้มาสัมผัสบรรยากาศดีๆจาก
ริมกว๊านพะเยา ครับ เพลาที่อาทิตย์ลับขอบฟ้า เเสงกระทบกับผืนน้ำ
เป็นอะไรที่สวยมากจริงๆครับ
เทศกาล ดอกไม้สวย พลุงาม ที่กว๊านพะเยา ครั้งที่ 2 ชมศิลปหัตถกรรมพื้นบ้านจ.พะเยา เพลิดเพลินกับการถ่ายรูปกับดอกไม้นานาชนิด อิ่มหน่ำสำราญกับอาหารพื้นเมือง
ตระการตาไปกับ พลุ พลุน้ำ เเละ การเเสดง จากชาวพะเยา
---ผู้คนในงาน ที่เข้ามาทักทาย อัธยาศัยดี เเละ ยิ้มเเย้มเเจ่มใสมากๆเลยครับ .ประทับใจ.
งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกลาครับ !! โอกาสหน้าฟ้าใหม่ต้องได้มาอีกอย่างเเน่นอนครับ
สถานีต่อไปของผม "น่าน" อ้อมกอดเเห่งขุนเขา เมืองต้องห้าม....ห้ามพลาดจริงๆครับ..
ค่ำคืนนี้ พักหลับนอน ณ บขส.พะเยา ประหยัดงบได้เยอะเลย ฮ่าๆ
ประสบการณ์ใหม่ๆ ณ เมืองตำนานกระซิบรักบันลือโลก จ.น่าน
------------> วันที่ 31 ธ.ค. 2557 <--------------
เรื่องจริงผ่านจอ ที่ดินเเดน"กระซิบรักน่าน" กับผม เเบ็คเเพ็กเกอร์ฝึกหัด รายงาน
ปล. ในส่วน น่าน ผมจะเล่าเยอะพอสมควรน่ะครับ เพราะ เป็นที่ ที่ได้ประสบการณ์ใหม่ สังคมที่นี้เป็นสังคมที่ผมต้องการมากๆ เเละเป็นที่ผมได้ครอบครัวเพิ่ม ..ติดตามชมต่อไปได้เลยครับ..
----> ผมมาถึง น่าน เวลา 11.00 น. รีบลงรถ ตระเวนไหว้พระทุกวัดในย่านนี้ .บอกเลยครับ มาน่าน ได้ไหว้พระครบ 9 วัดเเน่นอน ที่นี้วัดเยอะจริงๆครับ เเละ วัดเเต่ละที่ก็ไม่ไกลกันมาก.
สำหรับผมเเล้ว ถ้าได้มาเมืองน่าน นอกจากจะมาเที่ยวดอยที่เป็นจุดดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวในน่าน อีกอย่างที่เเนะนำ วัดวาอารมที่น่านก็งดงามไม่เเพ้เช่นกันครับ
เช่น ภายใน วัดภูมินทร์ จะมีภาพประติมากรรมตำนานกระซิบรักบันลือโลก ปู่ม่านย่าม่าน
เเละวัดพระธาตุช้างคำวรวิหาร จะมีเรื่องเล่าขานผ่านอารามเเก่กลางเมือง
ยามบ่าย ณ ดินเเดนกระซิบรัก กินข้าวชาร์ตพลัง กับ ผัดกระเพราหมูสับ+ไข่ดาว เเละ โอวัลตินเย็น กินเสร็จเดินต่อไปยันสถานที่ พิพิธภัณฑสถานเเห่งชาติ น่าน ซึ่งภายในพิพิธภัณฑ์ได้มีการเก็บรักษา "งาช้างดำ" ที่ว่ามาเมืองน่าน ต้องได้เห็นงาข้างดำสักครั้ง
เสร็จจากชมในพิพิธภัณฑ์ เวลาปิดทำการ 16.00 น. เดินออกมาบริเวณด้านหน้าพิพิธภัณฑ์ จะมีซุ้มต้นลีลาวดี เป็นสถานที่นักท่องเที่ยวไปถ่ายรูปกันเยอะมากครับ
มาถึง ณ เพลานี้ ผมนี้รู้สึก ฮักน่าน...นาน นาน เลย
ที่เที่ยวสุดท้ายเเห่งวันนี้ ผมว่าจะปิดด้วยการไปกราบไหว้สักการะ "พระธาตุเเช่เเห้ง"
เลยรีบเร่งฝีเท้า มุ่งหน้าไปยังจุดหมายที่ต้องการ
บทสนทนาจากนี้เป็นต้นไป เป็นประสบการณ์เเบ็คเเพ็คที่ล้ำค่าที่สุดของผมเลย สังคมเมืองน่าน เป็นเมืองที่น่าอาศัยอยู่มากๆ ทำให้ผมรู้สึกหลงรักเมืองน่านจังๆเเล้ว
เเละยิ่งได้มารับรู้ถึงน้ำจิตน้ำใจ ยิ้มเเย่มเเจ่มใส อัธยาศัยดี ของคนเมืองน่าน
ผมบอกตรงๆเลยครับว่า ฮักน่านที่สุดเลย เเละ ฮัก นาน นาน เลยครับ
--> เข้าเรื่องเลยน่ะครับ ตอนนั้นผมต้องเร่งฝีเท้าเพราะกลัวมืดค่ำซะก่อน ทันใดนั่นมีพี่ผู้หญิงคนหนึ่งขี่มอเตอร์ไซต์มา เเล้วจอดข้างๆผมเเล้วพูดว่า พี่ : น้องจะไปไหนหรอ ? / ผม : จะไปพระธาตุเเช่เเห้งครับ / พี่ : มันไกลมากเลยน่ะค่ะน้อง เหลืออีกตั้ง 3-4 กิโล พี่เห็นน้องเดินผ่านจากหน้าร้านพี่เเล้ว นั่นเดี๋ยวพี่ให้ยืมรถมอเตอร์ไซต์ ขี่ไปพระธาตุ ละกัน
ผม : ขอบคุณพี่จริงๆครับ เเล้วผมก็ขี่รถไปถึงจุดหมายที่ต้องการได้ทันเวลา เพราะ พี่คนนั้นที่ช่วยเหลือผม
ถ้าใครที่ได้มาเมืองน่าน ผมว่าไม่ควรพลาดที่จะมากราบไหว้ขอพรพระธาตุคู่บ้านคู่เมืองเเห่งน่านเเละยังเป็นพระธาตุประจำปีผู้เกิดปีเถาะ อีกด้วยน่ะครับ
---> พอเสร็จภารกิจ ผมก็นำรถมาคืนพี่เขาครับ เเล้วพี่เขาก็พาผมไปร้าน ของพี่เขา
นำผมไปรู้จักกับพี่ๆ เเม่ เเละ ยาย ของพี่เขาครับ เเม่พี่เขา เป็นคนกันเองมากครับ ถามผมมาเรื่อยๆ เเม่พี่ : มาเที่ยวน่านคนเดียวหรอ เก่งน่ะตัวเเค่นี้เที่ยวคนเดียวได้
ผม : ใช่ๆครับ มาคนเดียว / เเม่พี่ : เเล้วนี้กินอะไรมายัง ? / ผม : ยังเลยครับ /
เเม่พี่ : นั่นเอ้า !! กินเลยเต็มที่ไม่ต้องเกรงใจ ส้มตำ ! น้ำตก ! ข้าวเหนียว ! ผักน้ำจิ้ม ! น้ำอยุ่นี้ เต็มที่เลย / ผม : ขอบคุณมากๆๆครับ / เเม่พี่ : เเล้วอาบน้ำยังเนี่ย ? / ผม : ยังเลยครับไม่มีที่ให้อาบมา 2 วันเเล้วครับนอนเเต่ บขส. / เเม่พี่ : ไปอาบน้ำบ้านของเเม่ก่อนเลย เเล้วมากินข้าว / ผม : ขอบคุณอีกครั้งมากๆจริงๆครับ
---> พอผมอาบน้ำเสร็จ ออกมาเจอยายของพี่ ผมลงไปกราบท่าน เเล้วบอกว่า สวัสดีปีใหม่น่ะครับ ขอให้สุขภาพร่างกายเเข็งเเรงน่ะครับ / ยายพี่ เขาก็ให้พร มาว่า ขอบคุณเจ้า ขอให้เรียนเก่งๆ เรียนขอให้ได้เลข 1 ต้องเลข 1 อย่างเดียวนะ
ยายพี่ เป็นคนพื้นเมืองน่าน โดยกำเนิดครับ นิสัยคนน่านน่ารักจริงๆครับ // ผมคอนเฟริมเลย
---> ผมก็กลับมาที่ร้าน กินข้าวกินปลาอะไรเสร็จเรียบร้อย เเม่พี่ : เเล้วคืนนี้มีที่นอนยัง ?
ผม : ยังเลยครับ ! / เเม่พี่ : นั่นมานอนบ้านเเม่ก็ได้ ไม่ต้องเกรงใจ เเม่ชอบช่วยเหลือ เด่วเเม่ให้นอนข้างล่าง เดี๋ยว เเม่จะเอาที่นอน หมอน ผ้าห่มมาให้ / ผม : ประทับใจมากๆ ได้เเต่พูดคำว่า ขอบคุณมากๆๆๆจริงครับ
****นี้คืออีกสิ่ง ที่การันตีว่า คนน่ารักนิสันน่ารักจริงๆครับ หลังจากนั้นผมก้ตอบรับไปอาศัยหลับนอนบ้านพี่เขาครับ เเล้วกลางคืนที่น่าน หนาวมากครับ ผ้าห่มมันบางผืนเดียวเอาไม่อยู่ครับ เเต่ตอนนั้นผมหลับไปเเล้วน่ะครับ พี่เขาก็ผ้าห่มอีกผืนมาให้ห่มให้ผม****
------------> วันที่ 1 ม.ค. 2558 <--------------
เช้าวันนี้ หนาวมากๆ ข้างนอกบ้าน เป็นหมอกเลยครับ พวกพี่ๆ วันนี้ไม่ไปขายของครับ บอกจะจัด กินเลี้ยงฉลองปีใหม่ เเล้วพวกพี่เขาก็ชวนผมกินนู้นนี่นั่น อาหารบางสิ่งผมไม่เคยได้กิน ก็ได้กิน อันไหนผมไม่รู้ ก็ได้รู้ //ผมน้ำตาเเทบไหล พอกินเสร็จอิ่มหน่ำสำราญ พวกพี่ๆก็
พาผม ไปเที่ยว พระธาตุเขาน้อย ดูวิวก่อนอาทิตย์ตกดิน สวยงามมากๆครับ
หลังจากเที่ยวเสร็จเรียบร้อยกลับมาถึงบ้าน ยายอาด ทำกับข้าวรอเสร็จเรียบร้อย
ใครคนอื่นจะมองว่า กับข้าวไม่หรู
เเต่สำหรับผมเเล้ว
ถือว่า มันหรูมากๆครับ
มีค่าทางจิตใจต่อผมมาก
ผมซึ้งใจมากๆ เขาดูเเล
ผมเสมือนลูกคนหนึ่งเลย
------------> วันที่ 2 ม.ค. 2558 <--------------
มาจน เพลานี้ ผมก็อาศัยบ้านพวกพี่เขาหลับนอน เป็นเวลา 3 วัน 2 คืนเเล้ว
ผมก็ตอบเเทนพระคุณ พวกพี่ๆ เขาด้วยการช่วย
เลี้ยงลูกเขา / สอนการบ้านลูกเขา / ช่วยยกตะกร้าพุทรา / ไปช่วยขายพุทรานมสด
>> โปรโมท หน่อยน่ะครับ ใครที่ได้ไปเมืองน่าน เกือบถึง วัดมิ่งเมือง ฝั่งตรงข้าม โรงเรียนราชานุบาล พุทรานมสด อร่อยจริงๆน่ะครับ สดจากไร่ ใครเเวะเวียนไปเเถวอย่าลืมซื้อน่ะครับ
บางสิ่งบางอย่าง ผมไม่รู้ พวกพี่ๆ เขาก็สอนให้ผมได้รู้ ได้ลองทำ สิ่งนั้นๆ
------------> วันที่ 3 ม.ค. 2558 <--------------
บรรยากาศ ยามเช้า เหมือนเดิมครับ ..หนาวๆๆๆ.. เเต่สิ่งที่ไม่ได้เหมือนเดิม คือ ประสบการณ์ใหม่ๆ ที่จะได้รับในวันนี้ ตื่นเช้า มาก็ช่วยพวกพี่ๆ เขาล้างพุทรา ยกไปตั้ง เเล้วนำไปวางขาย
พอถึงเวลา พี่เขาบอกให้ผม นำพุทราไปให้ร้านส้ม เเละ ร้านขายข้าวหลาม
เเล้วร้านข้ามหลาม กับ ร้านส้ม ก้จะนำสิ่งของมาให้ เหมือนเเลกเปลี่ยนซึ่งกันเเละกัน
ผมประทับใจ ในสังคมเเบบนี้มาก สังคมเเบบนี้ที่ผมใฝ่ฝันในปัจจุบันนี้
ผมอยู่มาจน 4 วันเเล้ว ผมได้พูดได้คุยกับคนในซอย ทุกคน น่ารัก อัธยาศัยไมตรีดี เป็นกํนเองจริงๆครับ ยิ้มเเย้ม เฮฮา มาถึง จุดนี้เเล้ว ผมลั่นวาจา ว่า น่าน คือ เมืองที่หลงรักหัวปรักหัวปรำ สุดยอดทั้งสถานที่เเละน้ำจิตน้ำใจของผู้คนในจังหวัดนี้
*** ผมขอโปรโมทหน่อยน่ะครับ ฝั่งตรงข้ามหน้า รร.ราชานุบาล เช่นกันครับ ร้านข้าวหลาม ต้องเจ้านี้เเน่นอนครับ อร่อยผมรับประกันเลย รสชาติหน้าตาจะเเตกต่างจากข้าวหลามหนองมนค เเละ ร้านส้ม จะเป็น ส้มสีทอง มาน่านทั้งที่ต้องลองต้องชิมจริงๆครับ "เเดนดินส้มสีทอง"
------------> วันที่ 4 ม.ค. 2558 <--------------
(มีวันพบ ก็ต้องมีวันจากลา)
วันนี้วันสุดท้าย ที่ผมจะได้อาศัยอยู่ในเมืองน่าน
..ยังอยากอยู่อีกนานๆเลย.. เเต่ผมยังต้องไปต่อ ที่ จ.เเพร่
ช่วงเช้า ช่วยพี่เขาขายของตามปกติ ช่วงบ่ายๆ พี่เขาขออาสา จะไปส่งผมที่เเพร่
(ผมซึ้งมาก พวกๆพี่ยังดูเเลผมดีไม่ขาดสาย)
เวลา 15.00 น. ล้อหมุน ออกจากดินเเดนกระซิบรักเมืองน่าน ระหว่างทาง พี่ไก่ ก็ชวนผมคุยไปเรื่อย จนกระทั่งพี่ไก่ พูดว่า " อยู่ด้วยกัน มา 5 วัน ก็เป็นคนครอบครัวเดียวกันเเล้ว พี่ก็รักเเกเหมือนลูกคนหนึ่ง เป็นห่วง ถ้าคิดถึงเเม่ ก็เเวะมาหาได้ น่าน , เชียงใหม่ , นครพนม เเม่นก ยายอาด ยินดีต้อนรับลูกเสมอเเละ "
ผมได้ยินประโยคนี้ขึ้นมา ผมถึงกับน้ำตาไหล เเล้วพูดว่า " ขอบคุณมากๆน่ะครับ เเม่ไก่ ที่คอยดูเเล ช่วยเหลือผมในวันนั่น สำหรับผม ชลบุรี , สมุทรปราการ , สุพรรณบุรี ยินดีต้อนรับพวกเเม่ๆ เช่นกันน่ะครับ เเล้วเเม่ไก่ก็พูดว่า ขอกอดลูกที่หนึ่ง ก่อนลงจากรถ
พอลงจากรถ พี่เขาลงมาส่ง ผมเดินได้สักเเปบ เเล้ววิ่งเข้าไปกอด อันนี้ผมร้องไห้เลยจริงๆ ผมรู้สึกว่าคำขอบคุณมันไม่พอจริงๆ ที่ดูเเลผมตลอด 5 วัน
เเต่ผมคงทำได้เเค่ พูดว่า "ผมขอบคุณ ขอบคุณ เเม่ไก่มากๆๆๆน่ะครับ ถ้าผมไม่ได้เเม่ช่วยวันนั้นผมไม่รู้จะยังไงเเล้ว ขอขอบคุณสำหรับทุกๆสิ่งทุกๆอย่างจริงๆครับ"
ความคิดเห็น