คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 3 : ปัง ปัง ปัง!!!
ดูเหมือนว่าชีวิตของผมจะมีอะไรใหม่ๆให้ทำอีกแล้ว...นั่นก็คือตอบจดหมายให้กับ ‘ผู้หวังดี’ ที่ทุกวันนี้มักจะส่งเมล์มาถามสารทุกข์สุกดิบทุกวัน ยอมรับว่าผมปลื้มนะ อย่างน้อยๆก็ได้รู้ว่ามีใครคนหนึ่งที่เราไม่รู้จักแม้แต่รูปร่างหน้าตาเป็นห่วงเราแม้จะผ่านตัวอักษรก็เถอะ
ผมมักจะเล่าชีวิตประจำวันของตัวเองให้ ‘ผู้หวังดี’ เสมอว่าวันนี้ทำอะไรบ้าง ตอนนี้ก็เช่นกัน ผมพิมพ์บอกกับเธอไปว่า วันนี้ผมจะต้องไปเจอกับเจ้าหญิงบ๊องๆคนหนึ่ง ซึ่งเจ้าตัวไม่รู้หรอกว่าทุกการกระทำ ทุกการแสดงออกของเธอนั้นตลกแค่ไหนเวลาทำตัวสูงส่งแต่จริงๆแล้วดูตลก
ผู้หวังดีบอกกับผมว่า...ผมควรจะอยู่ติดกับเจ้าหญิงบ๊องๆของตัวเองเอาไว้
เวลาที่ผมเศร้าให้ผมมองเจ้าหญิงบ๊องคนนั้น
ถ้าใครทำให้ผมมีความสุขผมก็ควรจะอยู่ติดกับเขาไปซะ
เริ่มต้นใหม่ได้...ก็รักกับเจ้าหญิงบ๊องคนนั้นไปได้เลยยิ่งดี
ถ้าความรักมันเริ่มต้นใหม่ง่ายๆ...ความรักเก่าที่ยังจำฝังใจคงจะเสียใจไม่น้อย
เสียงเพลง...เธอจะโกรธพี่มั้ยนะ ที่วันนี้พี่พยายามมีความสุขด้วยการอยู่กับผู้หญิงอีกคน...
ผู้หญิงที่ไม่มีวันมาแทนเธอได้
แต่พี่กำลังพยายามจะเอาเขามาแทนที่เธอ
3
ปัง ปัง ปัง!!!
อะไรกัน ไหนบอกว่าจะพาฉันมาสูดอากาศทำไมฉันต้องมายืนเป็นนางแบบอยู่ในโรงพยาบาลแบบนี้ด้วย -__- แล้วดูสิ คนพลุกพล่านไปมา ถ้าเกิดมีใครตั้งใจมองหน้าฉัน แล้วอนาคตจำได้ว่า ชีคกาของท่านชีคไทริลเคยมาโรงพยาบาลนี้มาก่อนจะถูกนำไปพูดต่างๆนาๆว่ายังไง
เป็นฝีที่ตูด
เป็นหูดที่ตับ
กระจับเป็นพิษ
กระจับ? เอ๊ะมันมีโรคแบบนีด้วยเหรอ ไม่รู้ล่ะ (>< )( ><) ไม่ว่าโรคอะไรก็ไม่สมควรอย่างยิ่ง ฉันไม่สมควรจะถูกร่ำลือไปในทางที่ไม่ดี การมาโรงพยาบาลสำหรับฉันก็เหมือนมาในสถานที่อโคจรนั่นแหละ ทำอะไรก็มีแต่เสื่อมเสีย ที่นี่มีแต่โรค!! (เอาหน้ากากพยาบาลปกปิดหน้าอย่างโอเว่อร์)
“เป็นอะไร ยื่นหมุนไปหมุนมาอยู่ได้”
“มาสักที นี่มันบ้าอะไรกันเนี่ย ไหนบอกจะพาฉันมานั่งรถเล่นสูดอากาศ ทำไมอยู่ๆกลายมาเป็นพลเมืองดีปอเต๊กตึ๊งช่วยคนนั้นที คนโน้นที”
“เห็นคนเจ็บป่วยก็ต้องช่วยเหลือสิ”
“ก็ควรจะช่วยตอนที่ฉันไม่อยู่สิ!”
ลูกเสือส่ายหัวดิกเหมือนกับเอือมระอาหรือเหนื่อยกับฉัน พอฉันเห้นเขาทำอย่างนั้นแล้วรู้สึกยัวะ
“ส่ายหัวทำไมยะ ฉันไม่มีสิทธิ์บ่นหรือไง”
“เธอจะเป็นเจ้าหญิงไม่ใช่เหรอ ก็ควรจะมีเมตตาธรรมค้ำจุนโลกเอาไว้บ้าง ถ้าวันนี้การช่วยเหลือคนประสบความสำเร็จ อนาคตข้างหน้าเกิดมีคนจำเธอได้ เรื่องพระราชกรณียกิจของเจ้าหญิงแบบเธอจะแพร่หลายไปทั่วว่าเธอช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุโดยไม่หวังผล”
ฟุบ!
“=__=”
“โอเค เท่านี้คนก็จำหน้าฉันได้แล้ว” ฉันถอดผ้าปิดปากออกแล้วเดินเฉิดฉาย ได้โปรด ถ่ายรูปฉันสิคะ ถ่ายเลย ถ่ายบัดเดี๋ยวนี้ ฉันมาทำความดีนะฮ้า!!!
“นี่เหรอคนจะเรียนหมอ -__- คนไข้ตายแน่ๆถ้าเธอคิดจะช่วยคนหวังผลตอบแทน”
“ไม่ว่าจะหวังอะไรฉันก็ใช้มันสมองอันชาญฉลาดของฉันรักษาคนให้หายขาดได้ ไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงจิตใจหรอก ว่าแต่คนป่วยเป็นไงบ้าง”
“คุยกับหมอแล้ว หมอบอกว่ากระดูกที่ขาหัก ต้องเข้าเฝือก เธอคนนั้นโชคดีที่เราพามาส่งโรงพยาบาลได้ทัน”
ลูกเสือยิ้มอย่างปลาบปลื้มที่ตัวเองได้ทำความดี ใบหน้าได้รูปนั่นเหมือนกับซาบซึ้งในสิ่งที่ตัวเองทำจนฉันอดมองอย่างทึ่งไม่ได้ คนบนโลกที่ดีก็มีอยู่จริงๆแฮะ
“นายทำดีเพื่อให้ฉันประทับใจเหรอ”
“-__- ถ้าเป็นคนอื่นฉันเชื่อว่าต้องประทับใจแน่ แต่เป็นเธอฉันเลยคิดว่าต่อให้ฉันช่วยคนร้อยคนเธอก็มองว่าเฟค”
“ในเมื่อรู้อย่างนั้นจะช่วยคนมากมายต่อหน้าฉันทำไม”
“เธอต้องเรียนรู้การเป็นคนดีบนโลกใบนี้อีกเยอะเลยล่ะไอซ์”
“อย่ามาเรียกชื่อฉันเปล่าๆปลี้ๆ กรุณาเรียกฉันว่า ‘หม่อมไอซ์’ เป็นการซักซ้อม”
“อ้อเหรอ -__-“
ใครจะไปสน ใครจะไปแคร์ คนบนโลกนี้จะอยู่หรือจะตายก็ไม่ได้กระทบกับชีวิตของฉันสักหน่อย โนบอดี้แคร์! (กรุณาออกเสียงแบบสำเนียงอิงลิชฟุดฟิดฟอไฟ) ฉันมองนาฬิกาข้อมือตัวเองแล้วก็ต้องขมวดคิ้ว ชีวิตคนอื่นจะมาเบียดเบียนเวลาชีวิตของฉันมันเป็นไปไม่ได้
“นี่มันสามทุ่มแล้ว!”
“ดึกขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย”
“วันหลังถ้าจะช่วยคนกรุณาแจ้งล่วงหน้าฉันจะได้ไม่ต้องมา ชีวิตฉันมีอะไรให้ทำอีกเยอะแยะนะ”
“ทำอะไรเยอะแยะหนังสือก็ยังไม่ได้เรียน”
“ผู้ชายต่างหากที่ฉันห่วง”
“-__-“
“วันนี้ไทริลยังไม่โทรหาฉันเลย บางทีเขาอาจจะมาหาฉันที่บ้านแต่ไม่เจอก็เป็นได้นะ ว้าย กลับดีกว่า เสียเวลาจริงๆเลย”
“โอเค”
“โอเคบ้าอะไร นายจะให้ฉันกลับคนเดียวเหรอ”
“ฉันต้องอยู่ดุอาการคนป่วย”
“นายเป็นหมอหรือไง อยู่แล้วได้อะไร ไปส่งฉันก่อน”
“เธอน่าเหลือเชื่อมาก”
“เร็ว!”
ลูกเสือขับรถพาฉันมาส่งบ้านในอีก 30 นาทีต่อมาแล้วก็ต้องเกิดอาการเซ็งงั่ก! เมื่อสิ่งที่ฉันคาดการณ์เอาไว้เป็นจริง ชีคไทริลเพิ่งจะกลับไปเมื่อสิบนาทีแล้ว
“เพราะนายคนเดียว!”
“ฉันก็มาส่งแล้วไง”
“ย้าก!”
“มันเจ็บนะเฮ้ย!”
ฉันกระโดดเอาเล็บข่วนหน้าเขาแล้วทุบตีโดยไม่สนใจสายตาของพ่อกับแม่ที่ยืนมอง ให้ตายสิ ฉันควรจะกลับบ้านมานั่งเซ็งก่อนเพื่อจะได้รอไทริล ฉันไม่น่าไปหลงเชื่อคำชวนของลูกเสือเลย!
“ถ้าฉันกลับมารอที่บ้าน ป่านนี้ฉันได้นัดทานข้าวกับเขาแล้ว!”
“กับอีแค่ไม่ได้ทานข้าวด้วยกันมันอะไรนักหนา”
“เฮ้ยๆ พี่ไอซ์ ในทีวีนั่นพี่หรือเปล่า O_o”
ข่าวหลังจบละครรายงานเกี่ยวกับรถที่คว่ำในวันนี้ และในกล้องนั่นติดฉันเข้าไปด้วย มีการรายงานว่ามีผู้หวังดีพาคนเจ็บมาส่งโรงพยาบาล ฉันได้แต่ยืนมองดูทีวีด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว ฉันไม่ได้แต่งหน้าด้วยซ้ำ ย้ากกกก!
“นี่ทีวีระบบดิจิตอลหรือยัง HD หรือเปล่า ทำไมหนังหน้าฉันมันชัดขนาดนี้ ฉันไม่ได้แต่งหน้าด้วยซ้ำ!”
ฉันหันไปเตะลูกเสือแต่กระดูกของเขาช่างแข็งเลยทำให้ฉันต้องเป็นฝ่ายเจ็บเอง แม่กับพ่อมองฉันอย่างประทับใจ
“ไม่น่าเชื่อว่าแกจะเป็นคนจิตใจเมตตา ที่หายไปทั้งวันนี่ไปช่วยเหลือคนเหรอ”
“ก็ไม่ได้อยากจะช่วยหรอก อยู่ๆไอ้บ้านี่...โอ๊ย ใครโทรมาอีก ฮัลโหล!”
[เฮ้]
“เฮ้เฮ้ออะไรกัน ใครกันโทรมาแล้วทักทายเสียมารยาทอย่างนี้”
[ไทริล -__-]
“อุ๊ต๊ะ เซย์ไฮฮัลโหลโห่ฮิ้ววววว” แล้วทำไมไม่แนะนำตัวก่อนวะ ฉันรีบกลับคำพูดแล้วบิดเสียงนุ่มนวลน่ารัก “ได้ยินว่าท่านมาหาถึงบ้าน ขอโทษด้วยที่ไม่ได้อยู่ต้อนรับ”
[ไม่เป็นไรหรอก ฉันรู้ว่าเธอคงกำลังยุ่งเกี่ยวกับการช่วยเหลือผู้คน ตอนนี้ฉันกำลังดูข่าวอยู่]
หน้าฉันโทรมมากใช่มั้ยคะ!!! แน่นอนว่าอยากถามแต่ไม่ได้ถาม T^T
“ต้องขอโทษจริงๆ...”
[ขอโทษทำไม เธอทำดีแล้ว ฉันประทับใจมากเลยนะ]
อุต๊ะ!!!
“อันที่จริงการช่วยเหลือคนมันเป็นหน้าที่ของคนทุกคนอยู่แล้วค่ะ ไม่เห็นต้องชื่นชมอะไรเลย ต่อให้เป็นท่านไทริลก็ต้องช่วยจริงมั้ยคะ”
[เธอช่างเป็นคนจิตใจงดงาม...เอาอย่างนี้ พรุ่งนี้เราไปทานอาหารกัน เป็นการขอบคุณแทนคนที่เธอไปช่วยเหลือเขา]
“ท่านไม่เห็นต้องทำถึงขนาดนั้นเลย”
[แต่ไม่กินก็ได้นะ]
“กินค่ะ!”
[โอเค ตามนั้น พรุ่งนี้เจอกัน ฉันจะไปรับเธอที่บ้าน]
พอวางสาย ฉันก็สังเกตได้ถึงสายตาของทุกคนจับจ้องมาที่ฉันด้วยความรู้สึกเอือมระอา อะไรกัน อิจฉากันเหรอเนี่ย
“ตอนอยู่โรงพยาบาล เธอบ่นได้บ่นดี” ลูกเสือ
“กลับมาบ้าน ยังมาบ่นว่าตัวเองไม่ได้แต่งหน้าออกสื่อ” ไอ้น้ำ
“แล้วยังกล้าไปรับความดีความชอบ” แม่
“ทำไมทุกคนต้องทำแบบนี้ด้วย ยังไงซะฉันก้อยู่ในเหตุการณ์ตรงนั้น ถึงจะไม่ได้ช่วยโดยตรง แต่ก็คอยบอกวิธีปฐมพยาบาลที่ถูกต้อง!” ฉันเชิดหน้าอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร
“แล้วนี่นัดไปกินข้าวกันที่ไหน” ลูกเสือ
“ทำไมฉันต้องบอกนายด้วย”
“เพราะคนที่สมควรถูกเลี้ยงข้าวมันควรจะเป็นฉัน ไทริลตั้งใจเลี้ยงข้าวเธอเพราะเธอทำความดีมาไม่ใช่หรือไง?”
“เสียมารยาทแอบฟังโทรศัพท์”
“ใครฟังแกก็รู้ทั้งนั้นแหละว่าปลายสายเขาพูดอะไรมาบ้าง คุยเสียงดังไม่ได้กลัวคนอื่นจะได้ยิน!” แม่ขัด ฉันก็เลยทำน้ำเสียงกระฟัดกระเฟียดเป็นการเบี่ยงเบนความสนใจ
“ไม่คุยด้วยแล้ว นายก็กลับบ้านไปได้แล้วไป ฉันเหนื่อย จะนอน พรุ่งนี้ฉันหน้าบวมไม่ได้ จะต้องสวย โอเค้?”
ฉันตัดบท ขึ้นข้างบนอาบน้ำนอนแต่หัววัน
ไม่ได้หรอก ฉันจะไม่พลาดเรื่องใบหน้าเหมือนอย่างวันนี้ ไม่แน่...การที่ฉันได้ไปทานข้าวกับชีคไทริลอาจจะมีปาปารัสซี่มาแอบถ่าย ดังนั้นฉันจะต้องหน้าผอมเพรียวเฟี้ยวเงาะ
ราตรีสวัสดิ์!!!!
ยามอรุณรุ่งทอแสงมาสู่สู่สถานบ้านเกิดของฉัน ฮัดช่า!!!
เสื้อผ้าที่แพงที่สุด ดีที่สุด และฉันตั้งใจว่าใส่ครั้งเดียวทิ้ง ตอนนี้อยู่บนตัวของฉันแล้ว และนี่คือเสื้อผ้าที่ฉันบอกเล่าเก้าสิบไปตั้งแต่ตอนที่แล้วนั่นแหละว่าฉันต้องทุบกระปุกและขโมยเงินของไอ้น้ำเพื่อไปซื้อต้อนรับการมาของไทริลแต่เขาไม่มา
อะฮ้า!! แต่วันนี้ฉันจะได้ไปนัดทานอาหารแสนหรูกับท่านชีคแล้ว ฉันจะต้องสร้างความประทับใจให้ได้มากถึงมากที่สุด ฮิรารา (เสียงหัวเราะอย่างมีเสน่ห์)
ฉันออกมายืนรอตรงหน้าบ้าน และเชื่อเหลือเกินว่าเขาจะมาตรงเวลา แต่ทว่า...คนที่ฉันไม่อยากเจอดันโผล่มาเสียก่อน
“ทำไมต้องเป็นนายคนแรกในทุกสิ่ง”
“หมายวามว่ายังไง” ลูกเสือที่มายืนดักรออยู่ตรงหน้าบ้านยักคิ้วให้ฉันพร้อมทั้งถอดแว่นตาดำออกราวกับเล่นซีรี่ย์วัยรุ่นตอนพระเอกเปิดตัว “แต่ต้องเป็นความหมายดีแน่ๆ คนแรกในทุกสิ่งและเป็นคนแรกในทุกอย่าง”
“ไม่ต้องตีความมากย่ะน่ารำคาญ ทำไมนายจะต้องโผล่หน้ามาเสมอไม่ว่าฉันจะเริ่มต้นทำอะไรในแต่ละวัน ไม่มีอะไรทำหรือไง ครอบครัวไม่กินข้าวด้วย พ่อแม่ไม่รัก? บ้านไม่มี? เป็นขอทาน?”
“แรงไปนะเธอ -__- ฉันก็แค่จะแวะมาดูว่าเธอเตรียมพร้อมแค่ไหน แต่ จุ๊ๆ เธอเตรียมพร้อมมากจริงๆ ว้าว...สวยนะเนี่ย”
ฉันสะบัดผมราวกับเล่นโฆษณา
“แน่ล่ะ ฉันเตรียมพร้อมเพื่อรอวันนี้มานาน อย่ามาทำเสียอารมณ์ อ๊ะ ไทริลมาแล้ว”
“น่ารำคาญชะมัด”
“ไปไป๊!”
รถลีมูซีนคันยาวเป็นรถไฟจอดเทียบท่าหน้าบ้านฉัน จากด้านหน้าของรถวัดความยาวไปทางด้านหลังมันทำให้ฉันรู้สึก...ประเมินมิได้ ยาวจริงๆ จะเลยรั้วบ้านฉันไปแล้วเนี่ย =__= คนขับรถของไทริลเดินลงมาเปิดประตูให้เขาท่านชีคที่วันนี้ใส่สูดสีน้ำราลอ่อนกับเชิตสีดำตัดกันอย่างมีสไตล์
“วันนี้เธอสวยมากเลย”
“ขอบคุณค่ะ วันนี้ท่านชีคก็ดูดีมาก”
“เอ๊ะ นายหน้าคุ้นๆ” ชีคมองไปทางลูกเสือแล้วทำท่าจะทัก ส่วนลูกเสือเองพร้อมจะออกมาแสตนด์บายเสนอหน้า แต่ฉันรีบตัดบท จะรู้จักกันไปทำไม ไร้สาระ -*-
“รีบไปกันดีกว่าค่ะ ฉันตื่นแต่เช้ามาแต่งตัวคอยท่านหิวจะแย่แล้ว”
“เอาอย่างนั้นเหรอ โอเคๆ”
ไทริลแม้จะงงๆอยู่บ้างแต่ก็ยอมทำตาม เขาเปิดประตูรถให้ฉันอย่างสุภาพบุรุษ จังหวะที่ฉันจะขึ้นรถฉันก็ถูกกดหัวจากชีคทันที
“หลบ!”
ปัง ปัง ปัง
เสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหวทำให้ฉันที่เตรียมจะไปเดตขี้แทบแตกเลอะกระโปรง! ลูกเสือเองก็หมอบลงต่ำแล้วคลานมาหาฉันอย่างเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรใช่มั้ย เธอเจ็บตรงไหนหรือเปล่า”
“ฉันไม่เป็นไร T^T”
ท่านชีคลุกขึ้นแล้วมองตามรถมอเตอร์ไซด์ที่ยิงอย่างอุกอาจด้วยแววตาโกรธแค้น ลูกเสือลุกขึ้นแล้วกระชากคอเสื้อชีคอย่างโมโห
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ทำไมมีปืนด้วย”
องครักษ์ของชีคที่มาในมาดของคนขับรถพุ่งเข้าไปจับตัวลูกเสืออย่างรวดเร็ว แต่ไทริลโบกมือห้ามเอาไว้
“ปล่อยเขา เราสมควรถูกเขาโกรธ” ไทริลยังคงใจเย็นมาก เหมือนกับว่าเขาเจอเรื่องนี้มาจนเคยชินแล้ว “ถ้าเราไม่มาที่นี่ พวกเขาก็คงไม่ได้รับอันตราย สมควรแล้ว...สมควร”
“มันอะไรกัน...คะ”
“ฉันถูกลอบฆ่า”
“หา!!!”
“ผู้ยิ่งใหญ่ก็เป็นอย่างนี้ทุกคนแหละ ^^”
โอ้ไม่นะ!!! มันต้องมีสักคนที่ไม่ถูกลอบทำร้ายสิ มายก้อดดดดดด TT^TT
ความคิดเห็น