ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    My Queen ตกหลุมรักร้ายยัยสุดซ่าบ้าเต็มขั้น!!!

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 2 : อุต๊ะ! มีคนบาดเจ็บ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.4K
      5
      9 ก.พ. 57

    วันนี้ผมได้รับข้อความลับฉบับหนึ่ง คนเล่าบอกว่าเรื่องราวของผมทำให้เธอนึกถึงเพื่อนของเธอและอยากจะเป็นกำลังใจให้

    เธอขออีเมล์เพราะว่าการส่งคุยกันทางข้อความลับอาจจะทำให้ผมตกหล่นไม่ได้ตอบเธอไปบ้าง เพราะคาดว่าคงจะมีคนมาคุยกับผมเยอะ

    เธอใช้ชื่อว่า ผู้หวังดี และต่อไปนี้ผมจะเรียกเธอว่า ผู้หวังดี เพื่อไม่ให้สับสน

    ผู้หวังดีส่งเมล์มาหา แล้วพูดให้กำลังใจผมว่าย่อท้อ คนเราต้องก้าวเดินไปข้างหน้า อย่าให้เรื่องในอดีตดึงขาของคุณเอาไว้ คนที่จากไปคงอยากเป็นความทรงจำดีๆให้กับผมมากกว่าความทรงจำที่แสนเศร้า

    ตัวผู้หวังดีเองก็มีเพื่อนคนหนึ่งที่เกิดอุบัติเหตุรถคว่ำแล้วตายจากไปในเวลาไล่เลี่ยกับผม เธอเศร้าเสียใจมาก แต่คนที่เสียใจกว่าใครทั้งหมดคงไม่พ้นครอบครัวของเพื่อนเธอ เธอบอกว่า...ทุกคนต้องเจอเรื่องที่ต้องเสียใจทั้งนั้น เวลาจะทำให้ผมดีขึ้น แถมยังถามตบท้ายด้วยว่า...ตอนนี้ผมมีคนที่มองเอาไว้บ้างแล้วหรือยัง

    ผมตอบเธอว่า...มี

    ผู้หญิงคนนี้เธอแตกต่างจากเสียงเพลงโดยสิ้นเชิง เธอเพ้อเจ้อ บ้าบอ เป็นตัวของตัวเอง และอยากเป็นเจ้าหญิง!

    เธอที่ได้รับอีเมล์จากผมตอบกลับมาสั้นๆว่า...

    อยู่กับเจ้าหญิงคนปัจจุบันของคุณเอาไว้ คนที่ทำให้เราหัวเราะได้แม้จะอยู่ในภาวะทุกข์ที่สุข คือคนที่ผมควรจะใส่ใจ

    ก็แหม...รอยยิ้มใช่ว่าใครก็สร้างได้

    แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องบ้าๆก็ตาม อย่างเช่น...ไม่เรียนหมอเพราะอยากเด่น เพื่อให้เป็นที่กล่าวขาญในอนาคต!

     

    2

    อุต๊ะ! มีคนบาดเจ็บ

     

    เพราะท่านชีคไทริลมาเยี่ยมเยียนถึงบ้าน แม่ถึงแม้ว่าจะของขึ้นก็ต้องเก็บอาการสำรวมและพอรู้ว่าเป็นใครแม่ฉันก็ให้การต้อนรับขับสู้อย่างดีไม่มีริ้วรอยแห่งความโกรธบนใบหน้าปนเปื้อนแม้แต่น้อย แต่น่าเจ็บใจนิดหน่อย เพราะพอเจ้าตัวมาถึงก็ถามหาแต่ยัยน้ำ น้องสาวที่แสนขี้ริ้วขี้เหร่ของฉัน และเอาแต่ชวนคุยไม่หยุด ฉันผู้เป็นเจ้าสาวเคืองมากนะขอบอกออกตัวเอาไว้เลย

    “ไม่ได้เจอกันสี่เดือนได้แล้วเนอะ สบายดีมั้ยน้ำ”

    “สบายดีตามอรรถภาพค่ะ”

    “แล้วเรื่องเรียน...”

    ทั้งคู่ยังคงคุยกันไม่สนใจชาวบ้านชาวช่องจนฉันต้องกระแอมไอจนต่อมทอลซินที่อักเสบจะกระเด็นมาใส่หน้าแม่ที่นั่งข้างๆอยู่แล้ว

    “ถ้าแกจะไอขนาดนี้ ทำไมแกไม่สู้อ้วกออกมาซะเลยล่ะ!

    แม่ที่ขี้ประชดและรู้ทันฉันไปซะหมดทุกอย่างทำให้การกระแอมไอของฉันติดขัดและเลิกไออีกต่อไป ส่วนไทริลที่ได้ยินเราสองแม่ลูกคุยกันเลยหันมาหัวเราะ

    “ลืมไปเลยนะเนี่ย เสียมารยาทจัง เธอเป้นไงบ้างไอซ์”

    ใช่ เขาน่ะเสียมารยาทมากๆ ถ้าไม่ใช่ชีคนี่ตบหัวหลุดติดมือไปแล้วเนี่ย -*- แต่ก็ได้แต่สำรวมอาการแล้วยิ้มให้อย่างซ่อนความรู้สึก แม้จะเจ็บปวดถึงขั้นจิกปลายเท้าก็ตาม

    “สบายดีค่ะ แล้วท่านละคะ วันนี้ยังเพิ่งจะเห็นข่าวอยู่เลยว่าไปเซนต์สัญญาบ่อน้ำมัน แล้วทำไมตอนนี้มาอยุ่ที่นี่ได้”

    “คงเป็นข่าวที่เกิดขึ้นเมื่อวานแล้วเพิ่งมารายงานน่ะ ฉันมาถึงเมืองไทยตั้งแต่เช้ามืดแล้ว”

    “อ๋อ”

    “เอ้อ ได้ยินว่าช่วงนี้ประกาศผลสอบ เป็นยังไงบ้าง”

    ฮิรูฮิรารา คิคิสะระนัง! ก็ไม่ได้อยากจะเข้าข้างตัวเองหรอกนะ แต่เห็นๆกันอยู่ว่าเขาค่อนข้างจะสนใจฉันพอสมควรไม่อย่างนั้นคงไม่รู้หรอกว่าฉันสอบแล้วและผลสอบเป็นยังไงบ้าง

    เขาชอบฉันล่ะ เขาชอบฉันล่ะ เขาชอบฉันล่า!!!!! >O<

    “ฮึ!!!

    เสียงบ่นของแม่ที่ออกมาจากลำคอทำให้ไทริลหันไปมองอย่างสงสัย แม่เลยถือโอกาสเผาฉันราบเป็นหน้ากลอง

    “สอบติดค่ะ!

    “คณะอะไรครับ”

    “สอบติดหมอด้วยคะแนนที่สูงลิบลิ่ว แต่ว่า...”

    ยังไม่ทันที่แม่จะพูดจบ ไทริลก็ปรบมืออย่างทึ่งเหลือเชื่อ

    “เยี่ยมไปเลย ไอซ์ เธอเก่งมากจริงๆ” เขาไม่พูดเปล่าซ้ำยังทำหน้าตาตื่นเต้นเหมือนยินดีมากๆ “รู้มั้ยว่าประชากรประเทศของฉันขาดแคลนทรัพยากรทางการแพทย์มาก ที่นั่นถือว่าเป็นชนชั้นนำมีแต่คนนับหน้าถือตา แม้แต่ฉันเองยังอดใจเต้นไม่ได้ที่ได้รู้ว่าเธอเก่งขนาดที่จะเป็นหมอ”

    “ฟังให้จบก่อนค่ะ ไอ้เด็กคนนี้มัน...”

    “ดิฉันก็คิดว่าหัวสมองของฉันคงจะทำประโยชน์ให้กับคนส่วนใหญ่ได้ จึงเลือกที่จะสอบคณะนี้แล้วก็...ติด”

    “เธอต้องเป็นหมอที่ดีแน่ๆ รู้มั้ยว่าอาชีพนี้เป็นอาชีพในฝันของใครหลายๆคนแม้แต่ฉัน แต่ฉันเก่งไปทางด้านรัฐศาสตร์มากกว่าและด้วยตำแหน่งของฉันแล้วคงไม่เหมาะเท่าไหร่นัก คงดีไม่น้อยถ้าภรรยาในอนาคตของฉันจะมีอาชีพที่ได้ดูแลทุกข์สุขของประชาชนในด้านสุขภาพ”

    “ฉันถึงได้เลือกเรียนไงคะ!

    “เอ๋? (  O_O)

    ทุกคนหันมามองหน้าฉันราวกับถูกผีหลอกเพราะไม่เชื่อในสิ่งที่ฉันเพิ่งจะรังสรรค์ทางคำพูดออกไป ฉันยังคงตีหน้าตายแล้วส่งยิ้มให้ไทริลเพื่อสร้างความประทับใจให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้

    “แปลกใจอะไรกันคะ”

    “ก็ไหนพี่บอกว่าพี่จะไม่เรียน...”

    “หุบปาก Shut up Girl! เงียบซะถ้าไม่อยากถูกรัก”

    -__- ขายของ” น้ำ    

    “ฉันแค่บอกว่าตัดสินใจอยู่ว่าจะเรียนดีมั้ย แต่ถ้าแม้แต่ชีคไทริลยังเห็นว่าการที่ฉันเรียนคณะนี้แล้วจะสามารถช่วยเหลือคนมากมายได้ ฉันก็จะเรียน”

    =__= ทุกคน”

    ^^” ไทริล

                   

    หลังจากคุยกันพอประมาณ ฉันก็ชักชวนให้ไทริลเดินเล่นรอบๆบ้าน ฉันรู้สึกอายนิดหน่อยที่ครอบครัวของฉันฐานะปานกลาง จะพาแขกเหรื่อมาเดินเล่นในบ้าน แค่ก้าวขาสามก้าวก็ถึงกันหมดเลย สำหรับไทริลที่อยู่แต่ในวังใหญ่โตคงจะมองว่าบ้านหลังนี้มีขนาดเท่ารังไข่แมว เดินไปทางนี้ก็เจอกำแพง เดินไปทางโน้นก็เจอผนังบ้าน

    “ท่านไม่คิดว่ามาเจอฉันช้าไปหน่อยเหรอคะ”

    “ฉันคิดอยู่แล้วว่าเธอจะต้องเคืองเรื่องนี้”

    “แน่ล่ะ ฉันต้องเคืองสิ วันนั้นท่านบอกว่ามาเมืองไทยฉันก็รอท่านตั้งนาน รู้มั้ยว่าการรอคอยมันทรมานแค่ไหน”

    ถ้าจะให้บรรยายจริงๆรู้มั้ยว่าวันนั้นฉันต้องแคะกระปุกตัวเองรวมถึงขโมยเงินไอ้น้ำไปซื้อเสื้อผ้ามาสวมใส่ใหม่อย่างกลัวว่าถ้าเขามาเห็นแล้วจะกลายเป็นไม่ให้เกียรติ แต่วันนั้นทั้งวันเขาก็ไม่โผล่มา แถมยังขาดการติดต่อไปอีกสองเดือนเต็มๆเพิ่งจะโผล่หน้ามาให้เห็นได้เนี่ย!

    “ต้องขอโทษเธอด้วยที่บอกจะมาแล้วไม่ได้มา พอดีว่าติดงานหลวงนิดหน่อย หวังว่าเธอจะไม่ถือสา”

    คิดการใหญ่ใจต้องหนักแน่น!!! ฉันบอกกับตัวเองอย่างนั้นแล้วฉีกยิ้ม

    “แน่นอนว่าไม่ถือสา แต่รู้สึกน้อยใจบ้างนิดหน่อย”

    “แต่ฉันก็มาแล้วนี่ ว่าแต่ขอถามอะไรอย่างสิ”

    “ว่าไงคะ”

    “ยังเก็บขวดนั่นเอาไว้หรือเปล่า”

    “ถ้าหมายถึงขวดแห่งความทรงจำล่ะก็ แน่นอนว่าฉันเก็บเอาไว้อย่างดี ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม ว่าแล้วรออยู่ตรงนี้นะคะ”

    ฉันรีบวิ่งขึ้นไปข้างบนอย่างรวดเร็วเพื่อหยิบขวดที่ไทริลเคยโยนลงทะเลแล้วฉันต้องใช้ความบ้าบิ่นของตัวเองลงไปงมจนตัวดำเมี่ยมเป็นเงาะป่าบ้าใบ้ =__=  พอหยิบเสร็จก็รีบเอามาอวดเจ้าของอย่างรวดเร็ว

    “นี่ค่ะ ขวดของท่านที่ฉันเก็บได้”

    “เธอเป็นคนรักษาของดีจริงๆ” เขารับไปสำรวจแล้วคืนมาให้ฉัน “เก็บเอาไว้นะ ถือซะว่าฉันฝาก ว่าแต่เคยแกะดูหรือยังว่าในนี้มีอะไร”

    “ยังไม่ได้แกะค่ะ”

    “ดีจัง มันเป็นการพิสูจน์ว่าเธอเป็นคนไม่ก้าวก่ายเรื่องของใครฉันชอบ”

    “ท่านชอบฉันก็ดีใจ”

    “ยูอาร์มายเดสตินี่”

    “ยูทู”

     

    วันต่อมา

    โฮะๆ รู้สึกจะคลั่งตาย ในที่สุดความรู้สึกของฉันก็ไดรับการตอบสนอง บันไดแห่งการจะได้ขึ้นเป็นชีคกาอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม ไม่เสียแรงที่ดำลงไปใต้ทะเลเพื่อหาสิ่งนี้จนเกือบจะจมน้ำตาย ลัลล้า! ถ้ารู้ว่างมหาขวดแล้วจะได้เป็นราชนิกูลแต่แรก ฉันคงไม่ไปสมัครร้องเพลงให้เมื่อยตุ้มหรอก

    ระหว่างที่นั่งดูเดอะโว้ย (ยังคงดูรายการนี้อยู่) ตั้งใจว่าจะดูแล้วหัดเต้นสักนิดหน่อยแล้วค่อยทำกิจกรรมโน่นนั่นนี่ อยู่ๆยัยน้องสาวที่ฉันไม่คิดว่ามันจะเกิดด้วยการคลานตามกันมาจากช่องเดียวกับฉันก็มาเอะอะโวยวายเหมือนถูกผีเข้า

          “พี่ผีบ้า”

          “อะไรของแก”

          “คนอย่างพี่น่ะเหรอจะเป็นหมอ ผีเข้าผีออกอย่างนี้อย่าไปเรียนเลย สงสารคนไข้”

          “คนไร้ความสามารถอย่างแกมีสิทธิ์วิพากษ์วิจารย์ด้วยเหรอ แล้วฉันจะเรียนหมอมันไปหนักส่วนไหนของแกไม่ทราบ”

          “มันต้องหนักสิ ก็พี่เรียนเป็นหมอ คนที่ไปรักษาต้องเจอหมอแบบพี่ชีวิตจะรอดมั้ย ตัดสินใจอะไรไม่เด็ดขาด”

          “ทำไมจะไม่เด็ดขาด แกก็เห็นแล้วนี่ว่าฉันตัดสินใจเรียนหมอภายในเสี้ยววินาที”

          “ใช่สิ วินาทีที่ผู้ชายปรบมือแล้วยินดีปรีดาที่พี่สอบติดพี่ก็ตัดสินใจเลยว่าจะจับผู้ชายเพียงเพราะสอบติดหมอ ไร้จรรยาบรรณที่สุด”

          “ถ้าไม่อยากถูกเตะติดกำแพงไสหัวไปให้พ้นเลยนะ คนกำลังอารมณ์ดีๆ เดี๋ยวก็ตัดสินใจไม่เรียนอีกรอบหรอก”

          “แม่ได้เตะพี่แน่”

          “แม่จะเตะแกก่อนเพราะฉันไม่อยากเรียนเนื่องมาจากแกต่อว่า!           

          “ไอ้พี่สาวผีบ้า”

          “ไอ้น้องสาวผีปอบ!

    ทำไมทุกคนแลดูวุ่นวายกับชีวิตของฉันมากมายนักนะ ก็ในเมื่อฉันตัดสินใจจะเรียนแล้วยังจะมีปัญหากันอีก ด้วยอารามเบื่อหน่ายฉันเลยออกไปเดินเล่นสูดอากาศ แน่นอนว่าฉันไม่มีวันแวะกินกาแฟร้านข้างทางที่ไอ้น้ำชอบกิน ไม่เคยเข้าใจกินกันเข้าไปได้ยังไง กาแฟสำเร็จรูปมาชงแก้วละสามสิบบาท กำไรบานแบะรสชาติอย่างกับน้ำล้างเท้า (เหล่มองร้านน้ำที่รังเกียจพร้อมจิกปลายเท้าด้วยความขยะแขยงขณะเดินผ่านร้าน) ฉันก็ไม่อยากจะอวดหรอกนะว่ารสนิยมของฉันเหมาะกับกาแฟแท้ๆ ต้องมาจากอินเดียเท่านั้น และเมล็ดที่ดีต้องเป็นเมล็ดกาแฟจากอาราบิก้า กินอย่างอื่นไม่ได้จริงๆ เจ้าหญิงเลี่ยน

    จ่อกกกกก

    แต่เจ้าหญิงหิวข้าวจังเลย...อ๊ะ แวะกินร้านที่ราคาถูก สะอาด และคู่ควรดีกว่า

    “ขนมจีนกะทิ เหมือนเดิมค่ะป้า”

    “นึกว่าวันนี้จะไม่มากินซะแล้ว”

    “ฉันต้องกินสิ ตั้งแต่กินมาฉันรู้สึกว่าป้าทำได้อร่อย สะอาด ถูกหลักอนามัย และที่สำคัญ ป้าใช้ชื่อร้านว่า ขนมจีน Princess

    จริงๆชื่อร้านน่ะมีส่วนสำคัญกับร้านมากเลยนะฉันจะบอก และที่ฉันเลือกกินร้านนี้เพราะตอนแรกสะดุกับชื่อเลยล่ะ!

    “ทำไมวันนี้มาคนเดียวล่ะ หนุ่มรูปหล่อที่ชอบเดินตามต้อยๆหายไปไหน”

    “วันนี้ทั้งวันฉันยังไม่เห็นหน้าเขาเลย แต่ก็ดีแล้ว อย่ามาให้เจอบ่อยมาก เบื่อ”

    “เขาน่ารักดีออกนะ ดูก็รู้ว่าเขาชอบเรามาก สวยกับหล่อ เข้ากั๊นเข้ากัน”

    “อุตส่าห์ชมว่าป้าทำอร่อยอย่าให้ต้องรู้สึกอ้วกเลยค่ะ หล่อแล้วทำอะไรได้คะป้า มันทำให้คุณภาพชีวิตมันดีขึ้นหรือไง” ฉันวางจานขนมจีนที่ยังไม่ทันตักเข้าปากแล้วคุยกับป้าคนขายอย่างจริงจัง “ป้าดูสิ ตั้งแต่หัวจรดเท้าของฉันเต็มไปด้วยความเพอร์เฟค”

    “อืมๆ”

    “แล้วความเพอร์เฟคนั้นจำเป็นจะต้องมอบให้คนหล่อที่วันๆไม่ทำอะไรเอาแต่เดินตามต้อยผู้หญิงเหรอคะ อย่างฉันน่ะต้องได้อะไรที่ดีที่สุด เดอะเบสท์”

    “เลือกมากมักได้แร่นะ คนที่ดีเลิศเพอร์เฟคอย่างทีเราต้องการบางทีเขาอาจจะไม่ได้เกิดมาเพื่อเราก็ได้”

    “แต่ฉันมั่นใจว่าฉันเกิดมาเพื่อคนปะเภทนั้น พระเจ้าสร้างให้ฉันเพอร์เฟค”

    “เมื่อก่อนป้าก็คิดอย่างเรา หล่อด้วย รวยด้วย มีทุกอย่างที่ผู้หญิงต้องการ แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้หยุดที่เรา และเพราะเราดีไม่เท่าเขาก็เลยต้องเลิกรากันไป”

    ฉันมองป้าที่ขายขนมจีนด้วยหางตาพร้อมทั้งจิกปลายเท้า...(จิกบ่อยไปนะ) ไม่อยากจะเชื่อ ว่าคนอย่างป้าจะเจอผู้ชายที่ดีเลิศขนาดนั้น -__-+

    “ป้าได้เจออะไรแบบนั้นด้วยเหรอคะ”

    “แน่ล่ะ ป้าก็สวยเลือกได้นะ”

    “หาไม่เจอ”

    “อะไรนะ”

    “เปล่าค่ะ หาผักไม่เจอในจาน เล่าต่อสิคะ”

    “แล้วพอป้าได้เขามาครอบครอง ป้าก็ต้องเหน็ดเหนื่อยกับการได้ครอบครองเขา เพราะเขาดีเกินไป เลิศเกินไป วิเศษวิโสเกินไป ความเหนื่อยทำให้ป้าต้องอัปเปหิตัวเองออกมา”

    “นั่นเป็นสิ่งที่คนธรรมดาคิดกันค่ะเพราะเอาแต่ดูถูกตัวเองว่าไม่มีวันครอบครองเขาได้เพราะตัวเองด้อยกว่า แต่ฉันไม่” ฉันยืดอกอย่างมั่นใจ “ฉันดีพร้อม คนที่ได้ฉันไปเหมือนได้เพชรเม็ดงาม”

    “สุดท้ายแล้วคนเราจะอยากได้อะไรมากไปกว่าความสงบสุข ความเรียบง่าย และการใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างมีความสุข”

    “นั่นคือความคิดของคนที่ไม่มีจุดมุ่งหมายในชีวิต” ฉันรู้สึกว่าขนมจีนที่กินอยู่เริ่มไม่อร่อย ราวกับเราทั้งคู่กำลังคุยการเมือง เมื่อโต้เถียงกันถึงรสนิยมที่แตกต่างมันเลยทำให้ฉันค่อนข้างจะไม่ย่อย “อิ่มแล้วค่ะ จ่ายตังค์ตามหน้าที่”

    ฉันยื่นเงินไปจ่ายแต่ทว่ากลับถูกปัดมือออกอย่างงงๆ และคนที่ปัดคือลูกเสือที่โผล่หน้าสลอนมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้

    “ฉันจ่ายให้เอง”

    “มาตอนไหนเนี่ย”                                                 

    “มาได้แป๊บเดียวทันเธอจ่ายเงินพอดี ไม่เป็นไรนะเจ้าหญิง เจ้าชายจะจ่ายให้”

    “อี๋ๆ กล้าเรียกตัวเองว่าเจ้าชายได้ยังไงหน้าอย่างกับสังคัง”

    “แรง -__-“ ป้าขายขนมจีน

    “คิดซะว่าฉันเลี้ยงขอบใจทีเธอไม่ทำให้หัวอกของคนเป็นแม่ระเบิดตายเพียงเพราะลูกไม่เรียนต่อก็แล้วกัน ในที่สุดเธอก็ยอมเรียนแพทย์ เย้ๆ”

    “ว้าว”

    ป้าร้านขนมจีนปรบมือด้วยเมื่อได้ยินอย่างนั้น ฉันมองลูกเสืออย่างรำคาญที่เขาวุ่นวายเสียเหลือเกิน จะเที่ยวป่าวประกาศไปถึงไหนว่าฉันสอบติด บอกคนอื่นแล้วฉันจะได้เป็นหมอพรุ่งนี้เลยหรือไงก็ไม่รู้!

    “อะไรทำให้เธอเปลี่ยนใจได้เนี่ย”

    “ไหนๆก็รู้แล้วนี่ว่าฉันตกลงใจจะเรียนหมอ ก็น่าจะรู้เหตุผลมาบ้างแล้วไม่ใช่เหรอ”

    “น้ำไม่ได้บอก บอกให้ฉันมาถามเธอเอง”

    “เพราะมันรู้ไงว่าฉันบอก นายจะต้องอกแตกตาย!

    “มีอะไรทำให้ฉันอกแตกตายได้เรอะ”

    “ชีคไทริล”

    เพล้ง!

    จานในมือของป้าร้านขายขนมจีนหล่นร่วงลงมาราวกับนกปีกหัก ฉันสะดุ้งกับเสียงตกแตกของมันเลยหันไปมองด้วยความแปลกใจ

    “ป้าไม่สบายเหรอ”

    “ป...เปล่า”

    แล้วป้าก็ก้มลงเก็บส่วนฉันก็หันมาคุยกับลูกเสือต่อ ซึ่งแน่นอนพอได้ยินว่าไทริล หน้าลูกเสือก็แลดูเซ็งเหมือนกินยาฆ่าหญ้า

    “ทำไม ไทริลมันชอบคนเรียนหมอเหรอ”

    “เยส พอฉันได้ยิน ฉันก็ตัดสินใจจะเรียนหมอทันที ไทริลต้องการภริยาที่มีความรู้ความสามารถ รักษาประชากรของเค้า”

    “นอกจากจะมีเมียไปเป็นแม่พันธุ์แล้วยังต้องการให้ไปรักษาคนอื่น”

    “หยาบ! เขาก็แค่เลือกในสิ่งที่ดีที่สุด และฉันก็คือสิ่งที่ดีที่สุดที่เหมาะกับเขา”

    “แล้วเขามองเห็นว่าเธอดีเลิศประเสริฐศรีที่สุดหรือเปล่าล่ะ ขนาดไปงมหาขวดแก้วในทะเลจนตัวติดแห ฉันก็ไม่เห็นว่าไทริลจะสนใจในตัวเธอเลย”

    “นายไม่รู้อะไร เขาเรียกฉันว่า มายเดสตินี่แล้ว”

    “แปลว่าอะไร”

    “โง่”

    “มันด่าเธอว่าโง่เหรอ”

    “ฉันหมายถึงนายย่ะ ไม่อยากคุยด้วยแล้ว วันนี้อะไรๆก็ไม่เป็นดั่งใจฉันเลย ฮึ่ย”

    ฉันที่เดินหนีลูกเสือออกมาทำให้คนตัวใหญ่วิ่งมาขวางหน้าแล้วฉีกยิ้มให้อย่างกวนๆ

    “งั้นเพื่อเป็นการไถ่โทษที่เธออารมณ์เสีย วันนี้ฉันจะพาเธอไปนั่งรถเล่น”

    “ฉันไม่ใช่ตุ๊กตาหน้ารถ คิดจะชวนไปไหนก็ไป”

    “แล้วเธอมีที่ไปเหรอกลับบ้านก็เจอน้องสาวกับแม่ อยู่กับฉันข้างนอกเธอยังพอโขกสับได้บ้างนะ”

    “นายโรคจิตเหรอชอบโดนโขกสับ”

    “ไปหรือเปล่าล่ะ”

    “ไม่ไป!!!

     

    ไม่ไปซะเมื่อไหร่กันล่ะ! ก็จริงอย่างที่ลูกเสือบอกนั่นแหละ กลับไปบ้านก็ต้องไปปะทะอารมณ์กับแม่และยัยน้องสาวที่ชอบมาวุ่นวายจุ้นจ้านกับชีวิตของฉันสู้ออกมานั่งรถเล่นเที่ยวตะละแลตแต๊ดชึ่งซะยังดีกว่า

    “นายคงรวยมากสินะ วันๆไม่ไปเรียนหนังสือหรือทำงานให้มันเป็นสาระ แต่กลับเที่ยวพาฉันมานั่งรถกินลมชมวิว”

    “พูดกันจริงๆแล้วบ้านฉันรวยมากนะ ฉันมั่นใจว่าถ้าเราคบกัน แต่งงานกัน ฉันจะหาเลี้ยงเธอได้ตลอดชีวิต”

    “ฉันไม่ชอบคนธรรมดาสามัญ”

    “ฉันจะลองไปค้นประวัติครอบครัวตัวเองดูว่ามีเชื้อสายอะไรบ้างหรือเปล่า ไม่แน่ฉันอาจจะเป็น มรว. อะไรแบบนี้ก็ได้นะ”

    “หน้านายมันไพร่มาก อย่าพยายามเลย”

    “เธอนี่หน้าสวยแต่ปากเสียจริงๆ -__-

                อ้อ คุยกันมาตั้งนานเกี่ยวกับตัวของฉันเลยยังไม่ทันได้อธิบายสินะว่าลูกเสือเป็นใคร อันที่จริง...ฉันก็ไม่ได้รู้จักอะไรเขามากมายนักหรอก =__= (อ้าว) เราบังเอิญเจอกันที่งานเดอะโว้ย ฉันไม่เคยถามเขาด้วยซ้ำว่าไปโผล่ที่นั่นทำไม เรามีปากเสียงกันเล็กน้อยและดูเหมือนฉันไปสร้างความประทับใจอะไรให้กับเขาก็ไม่รู้ถึงได้มาตามติดฉันแจ แต่ด้วยความที่ไม่สนใจไงเลยไม่คิดจะถามอะไรให้มากความ

    แต่ไปๆมาๆฉันรู้จักเขามาได้  4 เดือนแล้วนะตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งนั้น เขาแวะไปเวียนมาอยู่กับฉันราวกับเขาเป็นหนูแล้วฉันเป็นกาวที่ฉันทำกับดักเอาไว้ บางครั้งก็อยากจะถามออกไปตรงๆว่าทำไมต้องเป็นฉัน ฉันไปทำอะไรให้เขาประทับใจหนักหนาเหรอ แต่ถ้าถามเดี๋ยวจะหาว่าสนใจมากเกินไปเลยได้เก็บคำถามนั่นเอาไว้ในใจเท่านั้น

    “คิดอะไรอยู่”

    “เปล่า”

    “คิดถึงฉันอยู่เหรอ”

    “อี๋!!!

    “เรารู้จักกันมา 4 เดือนแล้วนะ”

    “อุต๊ะ!

    ที่ฉันอุทานออกมาไม่ใช่อะไรหรอกนะ แค่แปลกใจว่าฉันเองก็กำลังคิดเรื่องระยะเวลาที่ได้รู้จักกับเขาแล้วเขาก็โพล่งขึ้นมา มันช่างบังเอิญอะไรเช่นนี้

    “เธอไม่คิดจะเก็บฉันไว้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสักหน่อยเหรอ”

    “ไม่ล่ะ”

    “ปฎิเสธเร็วจัง -__-

    “ฉันเป็นคนที่มีเป้าหมายใหญ่ หน้าตาไม่ใช่ประเด็นแม้มันจะจำเป็นเวลาทำลูกก็เถอะ แต่สำหรับฉันนายธรรมดาเกินไป”

                “เพราะเธอได้มายากฉันถึงได้ตามเธอแจอย่างนี้ไง”

    “มีคนแบบนี้ด้วยเหรอ”

    “เธอทำให้ฉันนึกเปรียบเทียบกับใครอีกคน ที่อยากได้เขาคืนมาแทบตายก็ไม่มีทางได้ เขายากกว่าเธออีก”

    “มีคนยากกว่าฉันอีกเหรอ น่าโมโหนะเนี่ย”

                    หมอนี่กำลังเอาฉันไปเปรียบเทียบกับใครกัน บนโลกนี้มีคนที่สวยและเรื่องมากกว่าฉันอีกเหรอ อะจะแว้กกกก >O<

    พลั่ก!

    หน้าฉันกระแทกเข้ากระจกหน้าเพราะลืมคาดเข็มขัดนิรภัย กำลังจะอ้าปากด่าลูกเสือที่อยุ่ๆก็เบรคแต่เจ้าตัวลงจากรถแล้ววิ่งข้ามถนนไปอย่างรวดเร็วจนฉันมึนงงไปหมด

    “เฮ้ย นายจะไปไหนน่ะ O_o

    ฉันลงจากรถแล้วชะเง้อคอมอง ก็พบว่าลูกเสือวิ่งไปตรงที่รอกระบะกำลังหงายเงิบอยู่ตรงข้างทาง ด้วยอารามตกใจฉันเลยวิ่งข้ามถนนไปดูก็เห็นลูกเสือพยายามจะดึงคนออกมาจากรถ

    “ทำอะไรน่ะ”

    “มีคนติดอยู่ในรถ...รถคว่ำ”

    O_O นายขยับตัวคนเจ็บ เดี๋ยวเป็นอะไรมากกว่านี้หรอก”

    “แล้วจะให้ทำยังไงเล่า!

    ลูกเสือตวาดใส่ฉัน น้ำตาของเขาไหลเป็นทางอย่างน่าตกใจ ฉันมองอาการของเขาแล้วรู้สึกใจสั่นอย่างบอกไม่ถูก เลยได้แต่บอกให้เขาหยุดเคลื่อนไหวคนบาดเจ็บ

    “ฉันจะเรียกรถพยาบาล”

    “ก็เรียกสิ!

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×