คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 2 : อุต๊ะ! มีคนบาดเจ็บ
วันนี้ผมได้รับข้อความลับฉบับหนึ่ง คนเล่าบอกว่าเรื่องราวของผมทำให้เธอนึกถึงเพื่อนของเธอและอยากจะเป็นกำลังใจให้
เธอขออีเมล์เพราะว่าการส่งคุยกันทางข้อความลับอาจจะทำให้ผมตกหล่นไม่ได้ตอบเธอไปบ้าง เพราะคาดว่าคงจะมีคนมาคุยกับผมเยอะ
เธอใช้ชื่อว่า ‘ผู้หวังดี’ และต่อไปนี้ผมจะเรียกเธอว่า ‘ผู้หวังดี’ เพื่อไม่ให้สับสน
ผู้หวังดีส่งเมล์มาหา แล้วพูดให้กำลังใจผมว่าย่อท้อ คนเราต้องก้าวเดินไปข้างหน้า อย่าให้เรื่องในอดีตดึงขาของคุณเอาไว้ คนที่จากไปคงอยากเป็นความทรงจำดีๆให้กับผมมากกว่าความทรงจำที่แสนเศร้า
ตัวผู้หวังดีเองก็มีเพื่อนคนหนึ่งที่เกิดอุบัติเหตุรถคว่ำแล้วตายจากไปในเวลาไล่เลี่ยกับผม เธอเศร้าเสียใจมาก แต่คนที่เสียใจกว่าใครทั้งหมดคงไม่พ้นครอบครัวของเพื่อนเธอ เธอบอกว่า...ทุกคนต้องเจอเรื่องที่ต้องเสียใจทั้งนั้น เวลาจะทำให้ผมดีขึ้น แถมยังถามตบท้ายด้วยว่า...ตอนนี้ผมมีคนที่มองเอาไว้บ้างแล้วหรือยัง
ผมตอบเธอว่า...มี
ผู้หญิงคนนี้เธอแตกต่างจากเสียงเพลงโดยสิ้นเชิง เธอเพ้อเจ้อ บ้าบอ เป็นตัวของตัวเอง และอยากเป็นเจ้าหญิง!
เธอที่ได้รับอีเมล์จากผมตอบกลับมาสั้นๆว่า...
อยู่กับเจ้าหญิงคนปัจจุบันของคุณเอาไว้ คนที่ทำให้เราหัวเราะได้แม้จะอยู่ในภาวะทุกข์ที่สุข คือคนที่ผมควรจะใส่ใจ
ก็แหม...รอยยิ้มใช่ว่าใครก็สร้างได้
แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องบ้าๆก็ตาม อย่างเช่น...ไม่เรียนหมอเพราะอยากเด่น เพื่อให้เป็นที่กล่าวขาญในอนาคต!
2
อุต๊ะ! มีคนบาดเจ็บ
เพราะท่านชีคไทริลมาเยี่ยมเยียนถึงบ้าน แม่ถึงแม้ว่าจะของขึ้นก็ต้องเก็บอาการสำรวมและพอรู้ว่าเป็นใครแม่ฉันก็ให้การต้อนรับขับสู้อย่างดีไม่มีริ้วรอยแห่งความโกรธบนใบหน้าปนเปื้อนแม้แต่น้อย แต่น่าเจ็บใจนิดหน่อย เพราะพอเจ้าตัวมาถึงก็ถามหาแต่ยัยน้ำ น้องสาวที่แสนขี้ริ้วขี้เหร่ของฉัน และเอาแต่ชวนคุยไม่หยุด ฉันผู้เป็นเจ้าสาวเคืองมากนะขอบอกออกตัวเอาไว้เลย
“ไม่ได้เจอกันสี่เดือนได้แล้วเนอะ สบายดีมั้ยน้ำ”
“สบายดีตามอรรถภาพค่ะ”
“แล้วเรื่องเรียน...”
ทั้งคู่ยังคงคุยกันไม่สนใจชาวบ้านชาวช่องจนฉันต้องกระแอมไอจนต่อมทอลซินที่อักเสบจะกระเด็นมาใส่หน้าแม่ที่นั่งข้างๆอยู่แล้ว
“ถ้าแกจะไอขนาดนี้ ทำไมแกไม่สู้อ้วกออกมาซะเลยล่ะ!”
แม่ที่ขี้ประชดและรู้ทันฉันไปซะหมดทุกอย่างทำให้การกระแอมไอของฉันติดขัดและเลิกไออีกต่อไป ส่วนไทริลที่ได้ยินเราสองแม่ลูกคุยกันเลยหันมาหัวเราะ
“ลืมไปเลยนะเนี่ย เสียมารยาทจัง เธอเป้นไงบ้างไอซ์”
ใช่ เขาน่ะเสียมารยาทมากๆ ถ้าไม่ใช่ชีคนี่ตบหัวหลุดติดมือไปแล้วเนี่ย -*- แต่ก็ได้แต่สำรวมอาการแล้วยิ้มให้อย่างซ่อนความรู้สึก แม้จะเจ็บปวดถึงขั้นจิกปลายเท้าก็ตาม
“สบายดีค่ะ แล้วท่านละคะ วันนี้ยังเพิ่งจะเห็นข่าวอยู่เลยว่าไปเซนต์สัญญาบ่อน้ำมัน แล้วทำไมตอนนี้มาอยุ่ที่นี่ได้”
“คงเป็นข่าวที่เกิดขึ้นเมื่อวานแล้วเพิ่งมารายงานน่ะ ฉันมาถึงเมืองไทยตั้งแต่เช้ามืดแล้ว”
“อ๋อ”
“เอ้อ ได้ยินว่าช่วงนี้ประกาศผลสอบ เป็นยังไงบ้าง”
ฮิรูฮิรารา คิคิสะระนัง! ก็ไม่ได้อยากจะเข้าข้างตัวเองหรอกนะ แต่เห็นๆกันอยู่ว่าเขาค่อนข้างจะสนใจฉันพอสมควรไม่อย่างนั้นคงไม่รู้หรอกว่าฉันสอบแล้วและผลสอบเป็นยังไงบ้าง
เขาชอบฉันล่ะ เขาชอบฉันล่ะ เขาชอบฉันล่า!!!!! >O<
“ฮึ!!!”
เสียงบ่นของแม่ที่ออกมาจากลำคอทำให้ไทริลหันไปมองอย่างสงสัย แม่เลยถือโอกาสเผาฉันราบเป็นหน้ากลอง
“สอบติดค่ะ!”
“คณะอะไรครับ”
“สอบติดหมอด้วยคะแนนที่สูงลิบลิ่ว แต่ว่า...”
ยังไม่ทันที่แม่จะพูดจบ ไทริลก็ปรบมืออย่างทึ่งเหลือเชื่อ
“เยี่ยมไปเลย ไอซ์ เธอเก่งมากจริงๆ” เขาไม่พูดเปล่าซ้ำยังทำหน้าตาตื่นเต้นเหมือนยินดีมากๆ “รู้มั้ยว่าประชากรประเทศของฉันขาดแคลนทรัพยากรทางการแพทย์มาก ที่นั่นถือว่าเป็นชนชั้นนำมีแต่คนนับหน้าถือตา แม้แต่ฉันเองยังอดใจเต้นไม่ได้ที่ได้รู้ว่าเธอเก่งขนาดที่จะเป็นหมอ”
“ฟังให้จบก่อนค่ะ ไอ้เด็กคนนี้มัน...”
“ดิฉันก็คิดว่าหัวสมองของฉันคงจะทำประโยชน์ให้กับคนส่วนใหญ่ได้ จึงเลือกที่จะสอบคณะนี้แล้วก็...ติด”
“เธอต้องเป็นหมอที่ดีแน่ๆ รู้มั้ยว่าอาชีพนี้เป็นอาชีพในฝันของใครหลายๆคนแม้แต่ฉัน แต่ฉันเก่งไปทางด้านรัฐศาสตร์มากกว่าและด้วยตำแหน่งของฉันแล้วคงไม่เหมาะเท่าไหร่นัก คงดีไม่น้อยถ้าภรรยาในอนาคตของฉันจะมีอาชีพที่ได้ดูแลทุกข์สุขของประชาชนในด้านสุขภาพ”
“ฉันถึงได้เลือกเรียนไงคะ!”
“เอ๋? ( O_O)”
ทุกคนหันมามองหน้าฉันราวกับถูกผีหลอกเพราะไม่เชื่อในสิ่งที่ฉันเพิ่งจะรังสรรค์ทางคำพูดออกไป ฉันยังคงตีหน้าตายแล้วส่งยิ้มให้ไทริลเพื่อสร้างความประทับใจให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
“แปลกใจอะไรกันคะ”
“ก็ไหนพี่บอกว่าพี่จะไม่เรียน...”
“หุบปาก Shut up Girl! เงียบซะถ้าไม่อยากถูกรัก”
“-__- ขายของ” น้ำ
“ฉันแค่บอกว่าตัดสินใจอยู่ว่าจะเรียนดีมั้ย แต่ถ้าแม้แต่ชีคไทริลยังเห็นว่าการที่ฉันเรียนคณะนี้แล้วจะสามารถช่วยเหลือคนมากมายได้ ฉันก็จะเรียน”
“=__= ทุกคน”
“^^” ไทริล
หลังจากคุยกันพอประมาณ ฉันก็ชักชวนให้ไทริลเดินเล่นรอบๆบ้าน ฉันรู้สึกอายนิดหน่อยที่ครอบครัวของฉันฐานะปานกลาง จะพาแขกเหรื่อมาเดินเล่นในบ้าน แค่ก้าวขาสามก้าวก็ถึงกันหมดเลย สำหรับไทริลที่อยู่แต่ในวังใหญ่โตคงจะมองว่าบ้านหลังนี้มีขนาดเท่ารังไข่แมว เดินไปทางนี้ก็เจอกำแพง เดินไปทางโน้นก็เจอผนังบ้าน
“ท่านไม่คิดว่ามาเจอฉันช้าไปหน่อยเหรอคะ”
“ฉันคิดอยู่แล้วว่าเธอจะต้องเคืองเรื่องนี้”
“แน่ล่ะ ฉันต้องเคืองสิ วันนั้นท่านบอกว่ามาเมืองไทยฉันก็รอท่านตั้งนาน รู้มั้ยว่าการรอคอยมันทรมานแค่ไหน”
ถ้าจะให้บรรยายจริงๆรู้มั้ยว่าวันนั้นฉันต้องแคะกระปุกตัวเองรวมถึงขโมยเงินไอ้น้ำไปซื้อเสื้อผ้ามาสวมใส่ใหม่อย่างกลัวว่าถ้าเขามาเห็นแล้วจะกลายเป็นไม่ให้เกียรติ แต่วันนั้นทั้งวันเขาก็ไม่โผล่มา แถมยังขาดการติดต่อไปอีกสองเดือนเต็มๆเพิ่งจะโผล่หน้ามาให้เห็นได้เนี่ย!
“ต้องขอโทษเธอด้วยที่บอกจะมาแล้วไม่ได้มา พอดีว่าติดงานหลวงนิดหน่อย หวังว่าเธอจะไม่ถือสา”
คิดการใหญ่ใจต้องหนักแน่น!!! ฉันบอกกับตัวเองอย่างนั้นแล้วฉีกยิ้ม
“แน่นอนว่าไม่ถือสา แต่รู้สึกน้อยใจบ้างนิดหน่อย”
“แต่ฉันก็มาแล้วนี่ ว่าแต่ขอถามอะไรอย่างสิ”
“ว่าไงคะ”
“ยังเก็บขวดนั่นเอาไว้หรือเปล่า”
“ถ้าหมายถึงขวดแห่งความทรงจำล่ะก็ แน่นอนว่าฉันเก็บเอาไว้อย่างดี ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม ว่าแล้วรออยู่ตรงนี้นะคะ”
ฉันรีบวิ่งขึ้นไปข้างบนอย่างรวดเร็วเพื่อหยิบขวดที่ไทริลเคยโยนลงทะเลแล้วฉันต้องใช้ความบ้าบิ่นของตัวเองลงไปงมจนตัวดำเมี่ยมเป็นเงาะป่าบ้าใบ้ =__= พอหยิบเสร็จก็รีบเอามาอวดเจ้าของอย่างรวดเร็ว
“นี่ค่ะ ขวดของท่านที่ฉันเก็บได้”
“เธอเป็นคนรักษาของดีจริงๆ” เขารับไปสำรวจแล้วคืนมาให้ฉัน “เก็บเอาไว้นะ ถือซะว่าฉันฝาก ว่าแต่เคยแกะดูหรือยังว่าในนี้มีอะไร”
“ยังไม่ได้แกะค่ะ”
“ดีจัง มันเป็นการพิสูจน์ว่าเธอเป็นคนไม่ก้าวก่ายเรื่องของใครฉันชอบ”
“ท่านชอบฉันก็ดีใจ”
“ยูอาร์มายเดสตินี่”
“ยูทู”
วันต่อมา
โฮะๆ รู้สึกจะคลั่งตาย ในที่สุดความรู้สึกของฉันก็ไดรับการตอบสนอง บันไดแห่งการจะได้ขึ้นเป็นชีคกาอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม ไม่เสียแรงที่ดำลงไปใต้ทะเลเพื่อหาสิ่งนี้จนเกือบจะจมน้ำตาย ลัลล้า! ถ้ารู้ว่างมหาขวดแล้วจะได้เป็นราชนิกูลแต่แรก ฉันคงไม่ไปสมัครร้องเพลงให้เมื่อยตุ้มหรอก
ระหว่างที่นั่งดูเดอะโว้ย (ยังคงดูรายการนี้อยู่) ตั้งใจว่าจะดูแล้วหัดเต้นสักนิดหน่อยแล้วค่อยทำกิจกรรมโน่นนั่นนี่ อยู่ๆยัยน้องสาวที่ฉันไม่คิดว่ามันจะเกิดด้วยการคลานตามกันมาจากช่องเดียวกับฉันก็มาเอะอะโวยวายเหมือนถูกผีเข้า
“พี่ผีบ้า”
“อะไรของแก”
“คนอย่างพี่น่ะเหรอจะเป็นหมอ ผีเข้าผีออกอย่างนี้อย่าไปเรียนเลย สงสารคนไข้”
“คนไร้ความสามารถอย่างแกมีสิทธิ์วิพากษ์วิจารย์ด้วยเหรอ แล้วฉันจะเรียนหมอมันไปหนักส่วนไหนของแกไม่ทราบ”
“มันต้องหนักสิ ก็พี่เรียนเป็นหมอ คนที่ไปรักษาต้องเจอหมอแบบพี่ชีวิตจะรอดมั้ย ตัดสินใจอะไรไม่เด็ดขาด”
“ทำไมจะไม่เด็ดขาด แกก็เห็นแล้วนี่ว่าฉันตัดสินใจเรียนหมอภายในเสี้ยววินาที”
“ใช่สิ วินาทีที่ผู้ชายปรบมือแล้วยินดีปรีดาที่พี่สอบติดพี่ก็ตัดสินใจเลยว่าจะจับผู้ชายเพียงเพราะสอบติดหมอ ไร้จรรยาบรรณที่สุด”
“ถ้าไม่อยากถูกเตะติดกำแพงไสหัวไปให้พ้นเลยนะ คนกำลังอารมณ์ดีๆ เดี๋ยวก็ตัดสินใจไม่เรียนอีกรอบหรอก”
“แม่ได้เตะพี่แน่”
“แม่จะเตะแกก่อนเพราะฉันไม่อยากเรียนเนื่องมาจากแกต่อว่า!”
“ไอ้พี่สาวผีบ้า”
“ไอ้น้องสาวผีปอบ!”
ทำไมทุกคนแลดูวุ่นวายกับชีวิตของฉันมากมายนักนะ ก็ในเมื่อฉันตัดสินใจจะเรียนแล้วยังจะมีปัญหากันอีก ด้วยอารามเบื่อหน่ายฉันเลยออกไปเดินเล่นสูดอากาศ แน่นอนว่าฉันไม่มีวันแวะกินกาแฟร้านข้างทางที่ไอ้น้ำชอบกิน ไม่เคยเข้าใจกินกันเข้าไปได้ยังไง กาแฟสำเร็จรูปมาชงแก้วละสามสิบบาท กำไรบานแบะรสชาติอย่างกับน้ำล้างเท้า (เหล่มองร้านน้ำที่รังเกียจพร้อมจิกปลายเท้าด้วยความขยะแขยงขณะเดินผ่านร้าน) ฉันก็ไม่อยากจะอวดหรอกนะว่ารสนิยมของฉันเหมาะกับกาแฟแท้ๆ ต้องมาจากอินเดียเท่านั้น และเมล็ดที่ดีต้องเป็นเมล็ดกาแฟจากอาราบิก้า กินอย่างอื่นไม่ได้จริงๆ เจ้าหญิงเลี่ยน
จ่อกกกกก
แต่เจ้าหญิงหิวข้าวจังเลย...อ๊ะ แวะกินร้านที่ราคาถูก สะอาด และคู่ควรดีกว่า
“ขนมจีนกะทิ เหมือนเดิมค่ะป้า”
“นึกว่าวันนี้จะไม่มากินซะแล้ว”
“ฉันต้องกินสิ ตั้งแต่กินมาฉันรู้สึกว่าป้าทำได้อร่อย สะอาด ถูกหลักอนามัย และที่สำคัญ ป้าใช้ชื่อร้านว่า ขนมจีน Princess”
จริงๆชื่อร้านน่ะมีส่วนสำคัญกับร้านมากเลยนะฉันจะบอก และที่ฉันเลือกกินร้านนี้เพราะตอนแรกสะดุกับชื่อเลยล่ะ!
“ทำไมวันนี้มาคนเดียวล่ะ หนุ่มรูปหล่อที่ชอบเดินตามต้อยๆหายไปไหน”
“วันนี้ทั้งวันฉันยังไม่เห็นหน้าเขาเลย แต่ก็ดีแล้ว อย่ามาให้เจอบ่อยมาก เบื่อ”
“เขาน่ารักดีออกนะ ดูก็รู้ว่าเขาชอบเรามาก สวยกับหล่อ เข้ากั๊นเข้ากัน”
“อุตส่าห์ชมว่าป้าทำอร่อยอย่าให้ต้องรู้สึกอ้วกเลยค่ะ หล่อแล้วทำอะไรได้คะป้า มันทำให้คุณภาพชีวิตมันดีขึ้นหรือไง” ฉันวางจานขนมจีนที่ยังไม่ทันตักเข้าปากแล้วคุยกับป้าคนขายอย่างจริงจัง “ป้าดูสิ ตั้งแต่หัวจรดเท้าของฉันเต็มไปด้วยความเพอร์เฟค”
“อืมๆ”
“แล้วความเพอร์เฟคนั้นจำเป็นจะต้องมอบให้คนหล่อที่วันๆไม่ทำอะไรเอาแต่เดินตามต้อยผู้หญิงเหรอคะ อย่างฉันน่ะต้องได้อะไรที่ดีที่สุด เดอะเบสท์”
“เลือกมากมักได้แร่นะ คนที่ดีเลิศเพอร์เฟคอย่างทีเราต้องการบางทีเขาอาจจะไม่ได้เกิดมาเพื่อเราก็ได้”
“แต่ฉันมั่นใจว่าฉันเกิดมาเพื่อคนปะเภทนั้น พระเจ้าสร้างให้ฉันเพอร์เฟค”
“เมื่อก่อนป้าก็คิดอย่างเรา หล่อด้วย รวยด้วย มีทุกอย่างที่ผู้หญิงต้องการ แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้หยุดที่เรา และเพราะเราดีไม่เท่าเขาก็เลยต้องเลิกรากันไป”
ฉันมองป้าที่ขายขนมจีนด้วยหางตาพร้อมทั้งจิกปลายเท้า...(จิกบ่อยไปนะ) ไม่อยากจะเชื่อ ว่าคนอย่างป้าจะเจอผู้ชายที่ดีเลิศขนาดนั้น -__-+
“ป้าได้เจออะไรแบบนั้นด้วยเหรอคะ”
“แน่ล่ะ ป้าก็สวยเลือกได้นะ”
“หาไม่เจอ”
“อะไรนะ”
“เปล่าค่ะ หาผักไม่เจอในจาน เล่าต่อสิคะ”
“แล้วพอป้าได้เขามาครอบครอง ป้าก็ต้องเหน็ดเหนื่อยกับการได้ครอบครองเขา เพราะเขาดีเกินไป เลิศเกินไป วิเศษวิโสเกินไป ความเหนื่อยทำให้ป้าต้องอัปเปหิตัวเองออกมา”
“นั่นเป็นสิ่งที่คนธรรมดาคิดกันค่ะเพราะเอาแต่ดูถูกตัวเองว่าไม่มีวันครอบครองเขาได้เพราะตัวเองด้อยกว่า แต่ฉันไม่” ฉันยืดอกอย่างมั่นใจ “ฉันดีพร้อม คนที่ได้ฉันไปเหมือนได้เพชรเม็ดงาม”
“สุดท้ายแล้วคนเราจะอยากได้อะไรมากไปกว่าความสงบสุข ความเรียบง่าย และการใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างมีความสุข”
“นั่นคือความคิดของคนที่ไม่มีจุดมุ่งหมายในชีวิต” ฉันรู้สึกว่าขนมจีนที่กินอยู่เริ่มไม่อร่อย ราวกับเราทั้งคู่กำลังคุยการเมือง เมื่อโต้เถียงกันถึงรสนิยมที่แตกต่างมันเลยทำให้ฉันค่อนข้างจะไม่ย่อย “อิ่มแล้วค่ะ จ่ายตังค์ตามหน้าที่”
ฉันยื่นเงินไปจ่ายแต่ทว่ากลับถูกปัดมือออกอย่างงงๆ และคนที่ปัดคือลูกเสือที่โผล่หน้าสลอนมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
“ฉันจ่ายให้เอง”
“มาตอนไหนเนี่ย”
“มาได้แป๊บเดียวทันเธอจ่ายเงินพอดี ไม่เป็นไรนะเจ้าหญิง เจ้าชายจะจ่ายให้”
“อี๋ๆ กล้าเรียกตัวเองว่าเจ้าชายได้ยังไงหน้าอย่างกับสังคัง”
“แรง -__-“ ป้าขายขนมจีน
“คิดซะว่าฉันเลี้ยงขอบใจทีเธอไม่ทำให้หัวอกของคนเป็นแม่ระเบิดตายเพียงเพราะลูกไม่เรียนต่อก็แล้วกัน ในที่สุดเธอก็ยอมเรียนแพทย์ เย้ๆ”
“ว้าว”
ป้าร้านขนมจีนปรบมือด้วยเมื่อได้ยินอย่างนั้น ฉันมองลูกเสืออย่างรำคาญที่เขาวุ่นวายเสียเหลือเกิน จะเที่ยวป่าวประกาศไปถึงไหนว่าฉันสอบติด บอกคนอื่นแล้วฉันจะได้เป็นหมอพรุ่งนี้เลยหรือไงก็ไม่รู้!
“อะไรทำให้เธอเปลี่ยนใจได้เนี่ย”
“ไหนๆก็รู้แล้วนี่ว่าฉันตกลงใจจะเรียนหมอ ก็น่าจะรู้เหตุผลมาบ้างแล้วไม่ใช่เหรอ”
“น้ำไม่ได้บอก บอกให้ฉันมาถามเธอเอง”
“เพราะมันรู้ไงว่าฉันบอก นายจะต้องอกแตกตาย!”
“มีอะไรทำให้ฉันอกแตกตายได้เรอะ”
“ชีคไทริล”
เพล้ง!
จานในมือของป้าร้านขายขนมจีนหล่นร่วงลงมาราวกับนกปีกหัก ฉันสะดุ้งกับเสียงตกแตกของมันเลยหันไปมองด้วยความแปลกใจ
“ป้าไม่สบายเหรอ”
“ป...เปล่า”
แล้วป้าก็ก้มลงเก็บส่วนฉันก็หันมาคุยกับลูกเสือต่อ ซึ่งแน่นอนพอได้ยินว่าไทริล หน้าลูกเสือก็แลดูเซ็งเหมือนกินยาฆ่าหญ้า
“ทำไม ไทริลมันชอบคนเรียนหมอเหรอ”
“เยส พอฉันได้ยิน ฉันก็ตัดสินใจจะเรียนหมอทันที ไทริลต้องการภริยาที่มีความรู้ความสามารถ รักษาประชากรของเค้า”
“นอกจากจะมีเมียไปเป็นแม่พันธุ์แล้วยังต้องการให้ไปรักษาคนอื่น”
“หยาบ! เขาก็แค่เลือกในสิ่งที่ดีที่สุด และฉันก็คือสิ่งที่ดีที่สุดที่เหมาะกับเขา”
“แล้วเขามองเห็นว่าเธอดีเลิศประเสริฐศรีที่สุดหรือเปล่าล่ะ ขนาดไปงมหาขวดแก้วในทะเลจนตัวติดแห ฉันก็ไม่เห็นว่าไทริลจะสนใจในตัวเธอเลย”
“นายไม่รู้อะไร เขาเรียกฉันว่า ‘มายเดสตินี่’ แล้ว”
“แปลว่าอะไร”
“โง่”
“มันด่าเธอว่าโง่เหรอ”
“ฉันหมายถึงนายย่ะ ไม่อยากคุยด้วยแล้ว วันนี้อะไรๆก็ไม่เป็นดั่งใจฉันเลย ฮึ่ย”
ฉันที่เดินหนีลูกเสือออกมาทำให้คนตัวใหญ่วิ่งมาขวางหน้าแล้วฉีกยิ้มให้อย่างกวนๆ
“งั้นเพื่อเป็นการไถ่โทษที่เธออารมณ์เสีย วันนี้ฉันจะพาเธอไปนั่งรถเล่น”
“ฉันไม่ใช่ตุ๊กตาหน้ารถ คิดจะชวนไปไหนก็ไป”
“แล้วเธอมีที่ไปเหรอกลับบ้านก็เจอน้องสาวกับแม่ อยู่กับฉันข้างนอกเธอยังพอโขกสับได้บ้างนะ”
“นายโรคจิตเหรอชอบโดนโขกสับ”
“ไปหรือเปล่าล่ะ”
“ไม่ไป!!!”
ไม่ไปซะเมื่อไหร่กันล่ะ! ก็จริงอย่างที่ลูกเสือบอกนั่นแหละ กลับไปบ้านก็ต้องไปปะทะอารมณ์กับแม่และยัยน้องสาวที่ชอบมาวุ่นวายจุ้นจ้านกับชีวิตของฉันสู้ออกมานั่งรถเล่นเที่ยวตะละแลตแต๊ดชึ่งซะยังดีกว่า
“นายคงรวยมากสินะ วันๆไม่ไปเรียนหนังสือหรือทำงานให้มันเป็นสาระ แต่กลับเที่ยวพาฉันมานั่งรถกินลมชมวิว”
“พูดกันจริงๆแล้วบ้านฉันรวยมากนะ ฉันมั่นใจว่าถ้าเราคบกัน แต่งงานกัน ฉันจะหาเลี้ยงเธอได้ตลอดชีวิต”
“ฉันไม่ชอบคนธรรมดาสามัญ”
“ฉันจะลองไปค้นประวัติครอบครัวตัวเองดูว่ามีเชื้อสายอะไรบ้างหรือเปล่า ไม่แน่ฉันอาจจะเป็น มรว. อะไรแบบนี้ก็ได้นะ”
“หน้านายมันไพร่มาก อย่าพยายามเลย”
“เธอนี่หน้าสวยแต่ปากเสียจริงๆ -__-“
อ้อ คุยกันมาตั้งนานเกี่ยวกับตัวของฉันเลยยังไม่ทันได้อธิบายสินะว่าลูกเสือเป็นใคร อันที่จริง...ฉันก็ไม่ได้รู้จักอะไรเขามากมายนักหรอก =__= (อ้าว) เราบังเอิญเจอกันที่งานเดอะโว้ย ฉันไม่เคยถามเขาด้วยซ้ำว่าไปโผล่ที่นั่นทำไม เรามีปากเสียงกันเล็กน้อยและดูเหมือนฉันไปสร้างความประทับใจอะไรให้กับเขาก็ไม่รู้ถึงได้มาตามติดฉันแจ แต่ด้วยความที่ไม่สนใจไงเลยไม่คิดจะถามอะไรให้มากความ
แต่ไปๆมาๆฉันรู้จักเขามาได้ 4 เดือนแล้วนะตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งนั้น เขาแวะไปเวียนมาอยู่กับฉันราวกับเขาเป็นหนูแล้วฉันเป็นกาวที่ฉันทำกับดักเอาไว้ บางครั้งก็อยากจะถามออกไปตรงๆว่าทำไมต้องเป็นฉัน ฉันไปทำอะไรให้เขาประทับใจหนักหนาเหรอ แต่ถ้าถามเดี๋ยวจะหาว่าสนใจมากเกินไปเลยได้เก็บคำถามนั่นเอาไว้ในใจเท่านั้น
“คิดอะไรอยู่”
“เปล่า”
“คิดถึงฉันอยู่เหรอ”
“อี๋!!!”
“เรารู้จักกันมา 4 เดือนแล้วนะ”
“อุต๊ะ!”
ที่ฉันอุทานออกมาไม่ใช่อะไรหรอกนะ แค่แปลกใจว่าฉันเองก็กำลังคิดเรื่องระยะเวลาที่ได้รู้จักกับเขาแล้วเขาก็โพล่งขึ้นมา มันช่างบังเอิญอะไรเช่นนี้
“เธอไม่คิดจะเก็บฉันไว้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสักหน่อยเหรอ”
“ไม่ล่ะ”
“ปฎิเสธเร็วจัง -__-“
“ฉันเป็นคนที่มีเป้าหมายใหญ่ หน้าตาไม่ใช่ประเด็นแม้มันจะจำเป็นเวลาทำลูกก็เถอะ แต่สำหรับฉันนายธรรมดาเกินไป”
“เพราะเธอได้มายากฉันถึงได้ตามเธอแจอย่างนี้ไง”
“มีคนแบบนี้ด้วยเหรอ”
“เธอทำให้ฉันนึกเปรียบเทียบกับใครอีกคน ที่อยากได้เขาคืนมาแทบตายก็ไม่มีทางได้ เขายากกว่าเธออีก”
“มีคนยากกว่าฉันอีกเหรอ น่าโมโหนะเนี่ย”
หมอนี่กำลังเอาฉันไปเปรียบเทียบกับใครกัน บนโลกนี้มีคนที่สวยและเรื่องมากกว่าฉันอีกเหรอ อะจะแว้กกกก >O<
พลั่ก!
หน้าฉันกระแทกเข้ากระจกหน้าเพราะลืมคาดเข็มขัดนิรภัย กำลังจะอ้าปากด่าลูกเสือที่อยุ่ๆก็เบรคแต่เจ้าตัวลงจากรถแล้ววิ่งข้ามถนนไปอย่างรวดเร็วจนฉันมึนงงไปหมด
“เฮ้ย นายจะไปไหนน่ะ O_o”
ฉันลงจากรถแล้วชะเง้อคอมอง ก็พบว่าลูกเสือวิ่งไปตรงที่รอกระบะกำลังหงายเงิบอยู่ตรงข้างทาง ด้วยอารามตกใจฉันเลยวิ่งข้ามถนนไปดูก็เห็นลูกเสือพยายามจะดึงคนออกมาจากรถ
“ทำอะไรน่ะ”
“มีคนติดอยู่ในรถ...รถคว่ำ”
“O_O นายขยับตัวคนเจ็บ เดี๋ยวเป็นอะไรมากกว่านี้หรอก”
“แล้วจะให้ทำยังไงเล่า!”
ลูกเสือตวาดใส่ฉัน น้ำตาของเขาไหลเป็นทางอย่างน่าตกใจ ฉันมองอาการของเขาแล้วรู้สึกใจสั่นอย่างบอกไม่ถูก เลยได้แต่บอกให้เขาหยุดเคลื่อนไหวคนบาดเจ็บ
“ฉันจะเรียกรถพยาบาล”
“ก็เรียกสิ!”
ความคิดเห็น