คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : Chapter 11...ด้วยหัวใจทั้งหมดที่มี
Chapter 11
“หา! ว่าไงนะ”
“อย่ามาทำเป็นละครหลังข่าวได้ไหม ทั้งๆที่ตัวเองก็ฟังออกชัดแจ๋วจะให้พูดซ้ำทำไมนักหนา”
ฉันกลับมาถึงก็เล่าเรื่องที่ประสบพบเจอให้แพทฟังเล่นเอานั่งไม่ติดเบาะเลยทีเดียว
“มันจะเป็นไปได้ยังไงเมอ้วน ฉันไม่เคยไปทำท่าแสดงความรักต่อยัยยักษ์ขมูขีนั่นเลยนะ ทำไมยัยนั่นมันคิดได้ไกลโพ้นขนาดนี้เนี่ย”
“เพราะนายดันทะลึ่งทำตัวเป็นน้องสุดที่รักเขามั้ง เขายังบอกกับฉันเลยนะว่ารอยยิ้มของนายกับท่าทางเหมือนคนที่คุ้นเคย”
“ยิ่งถ้าคุ้นเคยยิ่งต้องไม่ชอบฉันสิ ปกติเห็นเกลียดฉันออกจะตายไป โอ๊ย! นี่มันเกิดอาเพทอะไรขึ้นมาเนี่ย ไหนจะแยกร่างมาอยู่ในร่างพี่ชายแฟน ไหนจะมีแฟนที่ฉันไม่เคยจีบ แล้วไหนจะยังมีคนแอบชอบที่กลับกลายมาเป็นพี่สาวตัวเองอีก โอย...พรหมลิขิตเล่นบ้าอะไรอยู่เนี่ยท่าน! “
แพทเริ่มเอะอะมะเทิ่งเสียงดัง ฉันจึงรีบเอามืออุดปากโดยไวเดี๋ยวใครมาได้ยินเข้าโดยเฉพาะพ่อกับแม่ด้วยแล้วเดี๋ยวจะหาว่าเราบ้ากันไปอีก
“ฉันว่าเราจะอยู่เฉยๆไม่ได้แล้วล่ะ ต้องทำอะไรสักอย่าง”
“ทำอะไรล่ะ”
ในตอนนี้คิดอะไรไม่ออกทั้งสิ้น สายตาเหลือบไปเห็นโทรศัพท์มือถือที่ข้างหัวเตียงพอดี สิ่งที่ได้จากการมองเห็นโทรศัพท์ก็คือ...โทรออก(มันก็มีแต่รับเข้ากับโทรออกน่ะนะ) นิ้วจิ้มอัติโนมัติโดยที่สมองแทบไม่ต้องสั่งการ เสียงรอสายเป็นเพลงไพเราะดังขึ้นในการรอก่อนจะกลับกลายมาเป็นเสียงคนรับ
“แก๊...ไอ้นาช่วยฉันด้วย!”
“อะไรฟะ! โทรมาก็อาละวาดใส่เลยเกิดอะไรขึ้น”
“เรื่องมันกลับตาลปัตรไปหมดแล้วแกต้องช่วยนะเฟ้ย”
พยายามเรียบเรียงเหตุการณ์ให้เพื่อนสนิทหัวไวฟังอย่างรวดเร็ว ได้ยินแต่เสียง “อือฮึ” กลับมาเป็นบางครั้งเหมือนกำลังใช้ความคิดบางอย่าง
“ฉันว่า...ใช้แผนรถไฟชนกันไปเลยสิง่ายดี”
“รถไฟชนกัน?”
“เออสิ”
“แล้วทำยังไงล่ะ”
หลังจากฟังที่มีนาวางแผนคร่าวๆแล้ว ฉันก็เริ่มปฏิบัติตามแผนโดยไวแม้จะรู้ว่ามันช่างไร้สาระสิ้นดีอย่างกับในละครทีวีหลังข่าว ซึ่งมีฉันเป็นผู้กำกับและมือที่สามในคราวเดียวกัน พอถึงวันเสาร์แน่ใจว่าทุกคนว่างจากงานและภารกิจต่างๆก็นัดพี่อะตอมกับพี่พายออกมาพร้อมๆกัน
“แน่ใจนะเมอ้วนว่ามันจะได้ผล”
“ไม่รู้สิ ก็เจ้าคนวางแผนมันบอกให้ทำอย่างนี้นี่ ”
เรามานั่งกันในร้านอาหารสั่งแค่น้ำเปล่าเหมือนในละครเป๊ะๆ (จริงๆแล้วร้านนี้กาแฟมันแพงเลยสั่งแต่น้ำเปล่าขวดละสิบห้าบาท) มองนาฬิการอแล้วรอเล่าเฝ้าแต่รอว่าตัวละครเอกสองตัวจะมาเมื่อไหร่ เหมือนสวรรค์เป็นใจ ตัวละครตัวแรกก็มาถึงในบัดดล
“โทษทีที่ให้รอ พอดีรถมันติดนิดหน่อยน่ะจ้ะ” พี่อะตอมบอกพลางนั่งลงข้างๆกับแพท ส่งยิ้มให้แพทนิดๆอย่างมีจริตพร้อมทั้งหยิบเมนูที่วางอยู่ตรงหน้า “ไม่สั่งอะไรกันเหรอ”
“คิดว่ารอพี่ก่อนดีกว่าน่ะค่ะ”
ที่จริงแล้ว อันตัวเราไม่มีตังค์พอจะกินอาหารที่แพงหูฉีกขนาดนี้เพราะโดนหักค่าขนมที่พึงได้ไปหมดแล้ว แซ้ดหัวใจT_T
“วันนี้มาแปลกนัดกันออกมาเที่ยวทั้งพี่ทั้งน้องเลย มีอะไรพิเศษหรือเปล่าเนี่ย”
“อ๋อ ก็คือแบบว่ามันเบื่อๆน่ะค่ะพี่โมเลยชวนออกมาเที่ยวเล่น แล้วทีนี้แม่เขาไม่อยากให้ออกมาคนเดียวเมเลยต้องออกมาด้วย”
“อ๋อ”
พี่อะตอมร้องอ๋อพร้อมพยักหน้านิดหนึ่งอย่างเข้าใจ ก้มหน้าก้มตามองเมนูในอาหารต่อเช่นเดิม และตัวละครตัวที่สองก็บรรเจิดขึ้น เดินกรีดกรายเข้ามาในร้านเช่นเดียวกัน พอเห็นฉันกับแพทก็เดินตรงเข้ามาพร้อมด้วยรอยยิ้มที่แจ่มใสตามสไตล์
หัวใจตอนนี้เต้นตุบๆเหมือนมีกลองรบในทรวงอก ละครฉากต่อไปมันจะเป็นไปตามแผนหรือเปล่านะ
‘ขั้นแรกนะ นัดทั้งพี่อะตอมแล้วก็พี่ไอ้ลิงแพทมันออกมาพร้อมกัน’
‘บ้าเหรอ แกรู้จักพี่สาวแพทหรือเปล่า นั่นน่ะตัวชนวนระเบิดเลยนะ’
‘นั่นแหละจุดประสงค์ นัดมาเพื่อจะได้สลัดให้หลุดไปเลยไงทั้งสองคน ยิงกระสุนนัดเดียวได้นกตั้งสองตัว!”
‘สองตัวยังไง?’
‘ตัวแรกก็คือพี่พาย พอเขารู้ว่าพี่โมมีแฟนแล้วก็ต้องกระเจิงไป’
‘แล้วตัวที่สองล่ะ’
‘คนอ่อนไหวอย่างพี่อะตอมพอรู้ว่ามีผู้หญิงที่นัดซ้อนเข้ามาอีกคนต้องเกิดอาการเฮิร์ทเป็นนางเอกมิวสิควีดีโอแน่นอนโดยที่แกไม่ต้องทำอะไรเลย ง่ายมะ? แล้วนางเอกตัวจริงอย่างแกก็ครองรักกับแพทไปได้โดยดุษฏี’
เสียงของมีนาดังลั่นในโสตประสาทเหมือนเล่นเทปคาสเซ็ท(เก่ามาก) หยิบแก้วน้ำตรงหน้าแล้วกลืนน้ำอึกๆลงคออย่างไม่รู้จะทำอะไรดีแก้เครียด พี่พายก็เดินตรงเข้ามาที่โต๊ะเสียแล้ว
“ดีจ้ะเมอ้วน ดีจ้ะโม แล้วนี่...” พี่พายกล่าวทักทายกับพวกเราทุกคน ก่อนจะชะงักเมื่อมองไปทางพี่อะตอมที่มองมายังพี่พายอย่างสงสัยเช่นกัน
“พี่อะตอมค่ะ”
พี่พายยังคงไม่พูดอะไรมองตรงไปยังพี่อะตอมอย่างแปลกใจ ฉันพอจะเดาออกว่าพี่พายกำลังคิดอะไรคาดว่าในใจคงสงสัยว่าทำไมพี่อะตอมถึงได้นั่งฝั่งเดียวกับแพท
“นั่งก่อนดีไหมคะพี่พาย”
พี่พายยอมนั่งตามคำเชิญของฉันเป็นที่เรียบร้อย จ้องมองไปยังบุคคลตรงหน้าที่เลิ่กคิ้วสงสัยกับการมองของพี่พาย
“มีอะไรติดหน้าอะตอมหรือเปล่าคะ”
“ไม่ค่ะ คุณน่ารักดี และเราก็เคยเจอกันมาแล้วครั้งหนึ่งที่โรงพยาบาล”
ทำไมกันนะ...เหมือนรู้สึกได้ถึงออร่าที่แผ่ออกมารายร้อมทั่วอาณาบริเวณโต๊ะอาหารขณะนี้ รู้สึกเย็นเยียบไปจนถึงไขสันหลัง ประหนึ่งว่าเจอผีกระสือกับผีปอบแย่งกันกินไส้อะไรอย่างนั้นเลย
“เอ่อ พี่ๆคะขอแนะนำอย่างเป็นทางการหน่อยแล้วกันนะคะ”
‘ขั้นที่สอง แนะนำให้ชัดๆกันไปเลย’
เสียงแนะนำของมีนาดังขึ้นอีกครั้ง แล้วตอนนี้กำลังใจที่จะพูดของฉันมันหายไปไหนหมดนะ!
“คนนี้ชื่อพี่พายค่ะ เป็นพี่สาวของเพื่อนสนิทเมเอง” แนะนำตัวออกจะแนวเป็นทางการนิดส์นึง แล้วผายมือไปยังฝั่งตรงข้าม “ส่วนคนนี้คือพี่อะตอม...”
‘ขั้นที่สอง แนะนำให้ชัดๆกันไปเลย’
จะแนะนำตัวได้ ต้องใช้กำลังใจพอดูเลยนะเนี่ย
“เป็นแฟนฉันเอง”
เสียงของบุคคลที่สาม...ไม่สิ สี่ดีกว่าแทรกขึ้นมาเหมือนระฆังช่วยไม่ให้ฉันหัวใจวายเพราะความตื่นเต้นไปซะก่อน พี่อะตอมที่ได้ยินอย่างนั้นก็ยิ้มนิดๆตามจริตผู้หญิงจะพึงมี
จริตแห่งชัยชนะน่ะ!
ฉันมองไปยังแพทไม่รู้ว่าควรจะโกรธหรือว่าควรจะดีใจ ถ้าแพทพูดขึ้นเองบางทีอาจจะทำอะไรๆให้มันง่ายขึ้นก็เป็นได้
“โฮะๆ จริงเหรอเนี่ย ก็ว่าสิทำไมนั่งฝั่งเดียวกัน”
“เอ๋?”
อยู่ดีๆพี่พายก็หัวเราะร่วนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ฉันกับแพทมองตากันอย่างทำอะไรไม่ถูกในสถานการณ์นี้
“น่ารักจังเหมาะกับโมด้วยประการทั้งปวงโฮะๆ”
“นั่นสิคะ ฮิฮิ”
ที่น่าแปลกยิ่งกว่านั่นก็คือพี่อะตอมที่หัวเราะออกมาอย่างกับแม่มด! โอ้ว มาย ก้อด!
“แต่ความเหมาะสมมันไม่พอกับความรักมั้งคะ โฮะๆ”
“แล้วอะไรที่บอกว่าพอล่ะคะ แน่นอนว่าเราทั้งคู่ เอิ่ม...หมายถึงทั้งฉันและโมมีมากกว่าความเหมาะสม ฮิฮิ”
“กำลังจะบอกว่าความรักเหรอคะ โฮะๆ”
“ฮิฮิ ค่ะถูกต้องที่สุด เรามีทั้งความรัก ความหลง เล่นเอามือที่สาม ที่สี่เข้ามาแทรกแซงไม่ได้เลยล่ะค่ะ ฮิฮิ”
เอ่อ...โทษที ได้ข่าวพวกคุณทั้งคู่คือมือที่สามที่สี่ไม่ใช่เหรอคะ -_-
นั่งมองตากับแพทอย่างอึดอัดใจเมื่อเห็นสองเสือกำลังจะฆ่ากันเอง ณ ร้านอาหารที่แพงหูฉีก ท่านหนึ่งคือสตรีสาวผู้เพียบพร้อมไปด้วยความเรียบร้อยน่ารัก อีกหนึ่งคือหญิงห้าวขี้เล่นแต่ตอนนี้เผ็ดยิ่งกว่าพริกขี้หนู คงจะมีแต่ฉันเท่านั้นที่อยู่ในฐานะคนกลาง...อ้อ! ลืมไปอีกอย่างว่าคนกลางอย่างฉันคือตัวจริง เหอะๆ (หัวเราะอย่างไม่ค่อยภูมิใจเท่าไหร่)
“เอ่อ สั่งอะไรกันหรือยังคะ เห็นมองเมนูอยู่นานแล้ว”
“อะไรที่โมกินพี่ก็กินจ้ะ”
พี่พายบอกทางฉันยิ้มๆแล้วส่งตาหวานหยาดเยิ้มไปทางแพท แพทยิ้มเจื่อนนิดหน่อยก่อนจะหันหน้าไปอีกทาง และจากการที่คบกันมานานจึงมองออกว่าแพทหันไป...
แหวะ !
“โมมักจะกินอะไรที่อะตอมสั่งอยู่เสมอน่ะค่ะ ฮิฮิ ใช่ไหมจ๊ะโม”
งานนี้พี่อะตอมชนะไปแล้ว 1-0
“แต่วันเวลามันหมุนเวียนเปลี่ยนไป อะไรเก่าๆโมก็คงจะเบื่อไปแล้วงั้นพายสั่งให้โมนะคะ โฮะๆ”
พี่พายชนะ เป็นแต้มเสมอ 1-1
“แต่ฉันชอบอะไรที่เมอ้วนสั่งมากกว่า”
ทุกสายตาจับจ้องไปที่แพทเป็นตาเดียวด้วยความแปลกใจ แต่แพทก็ได้แต่ยิ้มแล้วหันมายักคิ้วให้ฉัน
“ความรักของฉันไม่รู้ว่าเหมาะสมหรือไม่แต่ฉันให้เมอ้วนทั้งใจคนเดียว”
สรุปม้ามืดอย่างฉันก็น็อครอบกินเรียบ ชนะขาดลอยเรียบร้อยโรงเรียนจีน
งานเลี้ยงจบลงด้วยความเงียบ...เกินไปจนน่ากลัว ไม่มีการอาละวาดจากพี่พาย ไม่มีการโวยวายจากพี่อะตอม คนทั้งคู่เงียบเป็นเป่าสาก ส่วนฉันยิ่งเงียบยิ่งกระวนกระวายใจ หันควับไปทางแพทอย่างรวดเร็ว เจ้าตัวก่อปัญหา ขยันหาเรื่องจริงๆ
“ไปพูดแบบนั้นต่อหน้าสองคนนั่นได้ไง ถ้าเขาเข้าใจผิดจะว่าไง”
“เข้าใจผิดอะไรล่ะ ฉันพูดให้เข้าใจเราทั้งคู่มากขึ้นต่างหาก”
“ัยังไง”
“ก็ให้รู้ไปเลยว่าฉันรักเมอ้วน จะได้เลิกยุ่งกันสักทีฉันเบื่อจะตาย งุงิ” แพทเอามือเกาะไหล่ฉันพลางทำปากจู๋เหมือนหมูก็มิปาน แหม...น่ารักตายแหละ
“แต่นายกำลังทำให้เรื่องมันวุ่นวายมากกว่าเดิมรู้หรือเปล่า”
“อะไรวุ่นวาย ฉันไม่เห็นมันจะมีอะไรผิดปกติเลย สองคนนั้นเขาก็รับฟังดีออกเธอไม่เห็นเหรอ เงียบกันไปหมดไม่เห็นมีใครโวยวาย”
“นั่นแหละที่ฉันกลัว เพราะสองคนนั้นเงียบเกินไปต่างหาก!”
“นี่...” แพทพูดขึ้นก่อนจะดึงแขนฉันเอาไว้ให้หยุดอยู่กับที่
“อะไร?”
“ไหนๆก็ออกมาข้างนอกด้วยกันแล้ว” แพททำตาแป๋วคล้ายๆกับมีความคิดอะไรอยู่ในหัว
“อะฮะ”
“เราไปเดทกันเถอะ!”
ยังไม่ทันจะได้ตอบตกลงอะไรออกไปก็ถูกฝ่ายตรงข้ามดึงมือไปซะแล้ว น่าแปลกเหมือนกันที่แพทดูท่าทางไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองอยู่เลย คงเพราะแพทเป็นคนไม่เคยคิดอะไรมากมั้งถึงได้สดใสอยู่ตลอดเวลา ก็ยังดีอย่างน้อยเขายังยิ้มได้
เราทั้งคู่ตัดสินใจดูหนังด้วยกันรอบหนึ่ง หนังที่เลือกแน่นอนต้องเป็นรักโรแมนติก
“ชอบจริงๆเลยนะไอ้หนังโรแมนติกเนี่ย ไม่เบื่อบ้างเหรอไง” ฉันถามแพทที่นั่งข้างๆกำลังบิดขี้เกียจเสียงกระดูกลั่นดังกรอบแกรบ
“ไม่เบื่อหรอก ก็ตั้งใจจะโรแมนติกกับแฟนนี่นา งุงิ” แพทเอาหัวไถไปมากับไหล่ฉันเหมือนหมาที่ชอบอ้อนเจ้าของ ฉันขมวดคิ้วใส่ก่อนจะยิ้มนิดๆกับความขี้อ้อน ก็เป็นอย่างนี้ซะทุกทีพอรู้ว่าฉันชอบคนเอาใจก็ทำใหญ่
สักพักหนังก็ฉาย หนังเรื่องนี้ค่อนข้างจะหวานสักหน่อย เพราะแต่ละคำที่ตัวละครพูดออกมาทำเอาคนที่นั่งดูเขินแทนได้เลย โดยเฉพาะคำนี้ที่ทำเอาหน้าฉันร้อนผ่าวอย่างไม่ตั้งใจ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม
‘ผมรักคุณ คุณคือหัวใจของผม คุณคือวิญญาณของผม และแน่นอนว่าผมขาดคุณไม่ได้’
“ฉันชอบท่อนนี้จัง” ฉันพูดขึ้นลอยๆตั้งใจให้คนข้างๆได้ยิน แพทหันมาทางฉันเล็กน้อย
“ท่อนไหน”
“เมื่อกี๊ไง ‘ผมรักคุณ’” พูดพร้อมทั้งยิ้มเขินๆ
“แต่ฉันก็บอกรักเมอ้วนทุกวันนี่นา”
“มันไม่เหมือนกันหรอก ไม่รู้สิ ที่เขาพูดเมื่อกี๊มันให้ความรู้สึกหวาน...โรแมนติกดี คำว่า ‘ผม’ เวลาผู้ชายพูดแทนตัวเองแบบนี้ดูมันเป็นทางการ ไม่รู้สิอธิบายไม่ถูก”
แพทฟังเฉยๆไม่ตอบอะไร และไม่ช้าหนังก็จบลงในอีกสองชั่วโมงถัดมา
เพิ่งได้สังเกตนาฬิกาตัวเองเหมือนกันว่าเวลามันล่วงเลยจนมาถึงหนึ่งทุ่มกับอีกยี่สิบนาที หวา ~ แม่ฆ่าฉันแน่เลย เอาพี่โม(ที่แม่เข้าใจ)มาเที่ยวเตร่จนเย็นขนาดนี้
“แพท วันนี้กลับรถแท็กซี่เถอะ”
หลังจากที่ยืนรอรถเมล์อยู่นานก็เบนเข็มไปโบกแท็กซี่แทน ท้องฟ้าในยามนี้ถูกสีดำสนิทปกคลุมเป็นผืนเดียวหมดแล้ว แสงสว่างจริงๆก็คงจะมีแต่แสงไฟนีออนของป้ายรถเมล์กับไฟหน้ารถที่วิ่งผ่านไปผ่านมาเท่านั้น ไม่ช้าก็เรียกแท็กซี่เขียวเหลืองได้ จัดแจงบอกสถานที่แล้วขึ้นรถโดยไว
“ทำไมรีบร้อนจังเมอ้วน”
“แม่ฆ่าฉันแน่เลย เอานายมาเที่ยวเล่นจนค่ำมืดดึกดื่นป่านนี้”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า เดี๋ยวฉันบอกแม่เธอเองว่าฉันอยากดูหนังเปิดหูเปิดตาบ้าง”
รถค่อยๆขยับเพราะสภาพการจราจรแน่นขนัดไปด้วยรถเต็มท้องถนน ไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่าติดไฟแดง หรือติดเพราะชนกัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นช่วยเร็วๆได้ไหมเนี่ย ฉันอยากกลับบ้าน!
“พี่ครับช่วยจอดตรงนี้ด้วย”
แท็กซี่ชิดซ้ายจอดข้างทาง ฉันมองแพทอย่างไม่เข้าใจเท่าไหร่นัก
“จอดทำไมแพท ยิ่งรีบๆอยู่นะ”
“ไปโรงเรียนกัน”
“หา?”
“เถอะน่า”
ไม่เข้าใจความคิดแพทเท่าไหร่เลย อยู่ดีๆบอกจะไปโรงเรียน มีแต่คนเขาไปเรียนตอนแปดโมงเช้า อีตานี่พาฉันมาโรงเรียนตอนสองทุ่ม นั่นมันคนละรอบกับหน้าปัดนาฬิกาโลกเลยนะ
เพิ่งสังเกตเหมือนกันว่าแท็กซี่มาจอดอยู่ตำแหน่งหลังโรงเรียนสมัยมัธยมพอดี ลักษณะโรงเรียนในขณะนี้บูรณะซะจนฉันจำไม่ได้แล้วว่านี่คือโรงเรียนเก่าที่ฉันเคยใช้ชีวิตการศึกษามาตั้ง 12 เทอม หรือ 6 ปีเต็มๆ
“เข้าไปกันเถอะ”
“หา? ได้เหรอ”
“ฉันทำบ่อยๆ อิอิ”
แพทลากฉันไปยังซอยข้างๆที่มีโอ่งมังกรที่ชำรุดทรุดโทรมตั้งใกล้ๆกำแพง แพทปีนขึ้นโอ่งก่อนจะข้ามกำแพงเข้าไปเพื่อเป็นตัวอย่างให้ฉันข้ามตามไปด้วย ฉันยังลังเลนิดหน่อยแต่พอแพททำหน้าน่าสงสารฉันก็อดใจอ่อนไม่ได้ทุกที
“ทำไมซนอย่างนี้นะแพท”
“อิอิ”
ก้าวข้ามกำแพงไปได้แล้ว ด้านหน้าก็เป็นสนามปูนกว้างใหญ่ที่สำหรับไว้ใช้เป็นลานกิจกรรม สังเกตจากแป้นบาสคาดว่าเอาไว้สอนวิชาพละด้วย
“เปลี่ยนไปเยอะเลยนะ”
“นั่นสิ” ฉันว่าตาม แพทคว้าข้อมือฉันให้เดินตามไป แสงสปอร์ตไลท์กับไฟนีออนตามต้นไม้ที่ติดเอาไว้ให้มองเห็นทางนั้นสร้างบรรยากาศโรแมนติกได้อย่างแปลกๆ
“ทำไมถึงรู้ล่ะว่าที่ตรงนี้ปีนเข้ามาได้”
“แหม...” แพทลากเสียงยาวเพราะไม่รู้จะต่อว่าอะไรดี
“โดดเรียนบ่อยนะสิ”
“แหะๆ อุ้ย! ลูกบาสล่ะ” แพทเปลี่ยนเรื่องปล่อยข้อมือฉันวิ่งถลาไปที่ลูกบาส เสียงเดาะบาสดังก้องแทนความเงียบฉันมองรอบๆอย่างสงสัย
“ภารโรง รปภ. พวกนี้เขาหายไปไหนหมด”
“ช่างเขาเถอะ เรามาเล่นบาสกันดีกว่า”
“ไม่ล่ะ” มองนาฬิกาข้อมืออย่างกระวนกระวาย “แพท เรากลับกันเถอะ แม่ต้องโกรธมากแน่เลย”
คิ้วฉันแทบจะผูกติดกันอยู่แล้ว อากาศในฤดูหนาวยามค่ำคืนแบบนี้หนาวจับใจดีแท้ เอามือถูกันเองก่อนจะยืนกอดอกเผื่อจะได้รับความอุ่นเพิ่มมากขึ้น ก้มหน้าเอาเท้าเขี่ยก้อนหินเล่นเพลินๆ
เสียงเดาะลูกบาสหายไป แปรเปลี่ยนเป็นเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาแทนเงยหน้ามองร่างสูงที่จ้องมองมาทางฉันด้วยสายตาอบอุ่น
“ฉันเรียกที่นี่ว่า ‘ความทรงจำ’”
“หือ? ความทรงจำ? ทำไมล่ะ”
“จำได้ไหม ตรงนี้คือที่ที่ฉันบอกรักเมอ้วนต่อหน้าเพื่อนๆทั้งสนามเลย”
จริงด้วย...ฉันลืมไปสนิท มองไปยังรอบๆแม้จะไม่ค่อยเหมือนสมัยที่ฉันเรียนอยู่สักเท่าไหร่แต่บรรยากาศเก่าๆแบบนี้ทำให้ฉันคุ้นเคยเหมือนยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
แพทแหงนหน้ามองไปบนท้องฟ้าที่มีแต่สีดำปกคลุมไปทั่วอาณาบริเวณ มีเพียงดวงจันทร์สีนวลที่สาดส่องแลดูเด่นที่สุดในท้องฟ้ายามนี้
“เมอ้วนยืนอยู่ตรงนี้”แพทเลิกเงยหน้ามองท้องฟ้าแล้วชี้ไปยังจุดที่บอกตำแหน่งฉันยืน “ส่วนฉันก็มองเมอ้วนในมุมมองที่ชาวบ้านเขาไม่มองกัน”
“หือ? ยังไง”
“ก็ฉันมองเมอ้วนในมุมกลับคนเดียว หัวของฉันอยู่ตำแหน่งเดียวกับขาของเธอ หัวของเมอ้วนอยู่ตำแหน่งขาของฉัน”
“อ๋อ ฮะฮะ”
แพทคงจะหมายถึงตอนที่เดินหกสูงเข้ามาหาฉันด้วยมือทั้งสองข้างที่เพื่อนๆต่างพากันโห่ด้วยความทึ่ง แพทไม่ว่าเปล่าทำท่าตีลังกาหกสูงให้ฉันดูด้วย
“เฮ้ยๆไม่ต้องทำขนาดนั้น ยิ่งไม่ค่อยสบายอยู่”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า เมอ้วนไปยืนอยู่ตำแหน่งเดิมสิ ฉันจะรื้อฟื้นความจำสักหน่อย”
ฉันยิ้มกับความพยายามของแพทก่อนจะเดินไปยังตำแหน่งที่แพทบอก แพทค่อยๆใช้มือเดินแทนขาเข้ามาหาฉัน
“ตอนนั้นมีดอกไม้ด้วยนะ สงสัยนายจะลืมไปมั้งแพท”
“ฉันมีอย่างอื่นแทนดอกไม้”
“หือ? อะไร”
“นั่งยองๆแล้วมองฉันใกล้ๆสิเมอ้วน”
คิ้วฉันย่นลงเล็กน้อยด้วยความสงสัยแต่ก็ทำตามคำขอของคนที่มากไปด้วยความพยายาม
“อ้ะ! ไหนล่ะ จะให้อะไรแทนดอกไม้”
“ผมรักคุณ”
หัวใจตัวเองเริ่มเต้นเป็นกลองแต๊ก จากรัวน้อยๆกลายเป็นหนักหน่วงอย่างยากจะห้ามได้ พูดไม่ออกสักคำเหมือนความอายแทรกเข้ามากลางใจทำเป็นมองไปทางอื่นแทนด้วยความเขิน
“บ...บ้า”
“ยิ้มให้ผมได้ไหม คุณคือดวงใจของผมนะ”
“...”
“ที่รัก”
แพทค่อยๆกลับลงมาอยู่ในท่าเดิมแล้วนั่งยองๆลงตรงข้ามกับฉันที่อายจนพูดอะไรก็ไม่ออก ทำอะไรก็ไม่ถูก จังหวะที่กระพริบตาใบหน้าที่คุ้นเคยก็ผุดขึ้นมาจนฉันตกใจ
“แพท”
นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่ฉันมองเห็นแพทซ้อนในร่างของพี่ชายฉัน
แพทยื่นหน้าเข้ามาช้าๆ ใกล้เข้ามาจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจ ฉันเผลอหลับตาพริ้มเหมือนจะรู้ว่าจะต้องเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อริมฝีปากนั่นเลื่อนมาประทับที่จมูกตัวเองอย่างแผ่วเบา
“ทำไม...”
“ไว้ฉันกลับร่างตัวเองได้เมื่อไหร่ ค่อยจุ๊บเมอ้วนแล้วกัน ตอนนี้ฉันอยู่ในร่างพี่ชายเธอนี่นา”
“คิดได้แบบนั้นก็ดี”
“งั้นถ้ากลับร่างเดิมแล้วฉันจุ๊บเมอ้วนนะ”
“กลับบ้านเถอะ”ฉันเปลี่ยนเรื่องไม่อยากจะตอบคำถามแบบนี้สักเท่าไหร่ แพทเองก็คงรู้เหมือนกันว่าฉันจะเลี่ยงจึงดึงมือฉันไว้ก่อน
“ยัง”
“จะทำไมอีกล่ะ”
หันไปทางเขาอย่างสงสัย แพทชูสองนิ้วทำเป็นหูกระต่ายไว้บนหัวเอียงคอเล็กน้อยแล้วยิ้มขี้เล่นในแบบที่ชอบทำ
“ฉันยังไม่ได้ฟังเธอบอกรักฉันเลย”
ฉันเกาหัวตัวเองแกรกๆ อายก็อาย แต่ถ้าไม่ทำก็ไม่ได้กลับบ้านแน่ๆ
“ไม่บอก ไม่ใช่เรื่อง แบ้!”
รีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วเดินจ้ำอ้าวจะหนี แพทรีบเดินตามอย่างไม่ลดละเช่นกัน จากเดินช้าเป็นเร็ว จากเดินเร็วเป็นวิ่ง
“อย่าตามมานะ”
“ไม่ได้นะเธอต้องบอกรักฉันบ้างสิ”
“แบ้”
เราวิ่งไล่กันตรงสนามปูนอย่างไม่มีใครยอมแพ้ใคร เสียงหัวเราะของเราสองคนทำลายความเงียบในโรงเรียนที่ไม่มีคนอย่างนี้ได้เป็นอย่างดี
[ปี๊ดๆๆๆๆๆ]
เสียงละม้ายคล้ายนกหวีดดังขึ้น ใจแทบจะตกลงไปอยู่ในตาตุ่ม หยุดวิ่งก่อนจะหันไปมองที่ต้นเสียง
“หวา รปภ.ล่ะแพท” ฉันบอกหน้าตาตื่น
“หนีเถอะ!”
แพทคว้าข้อมือฉันได้ก็ใส่เกียร์หมาทันที แพทวิ่งไปก็หัวเราะไปไม่ได้ทุกข์ร้อนใจที่มียามมาวิ่งตามอย่างนี้ ฉันเองที่เก๊กมานานพอรู้สึกว่าสนุกก็อดที่จะขำตามไม่ได้ อาศัยจังหวะที่ชุลมุนพูดสิ่งที่ตรงกับใจออกมาเป็นครั้งแรก
“ผู้หญิงคนนี้ก็รักคุณ”
พูดเบาๆแพทเหมือนจะฟังไม่ชัดนักวิ่งไปก็ถามไป
“อะไรนะ”
“ของดีฉายรอบเดียว”
ฉันไม่ตอบอะไรให้มากความเพราะจะเสียพลังงานไปโดยใช่เหตุ ถ้าเขาสื่อสารทางใจกับฉันได้ก็คงดี เพราะฉันคนนี้จะบอกกับเขาว่า...
ผู้หญิงคนนี้ก็รักคุณ...ด้วยหัวใจทั้งหมดที่เธอมี
ความคิดเห็น