My master & I เจ้านายของข้า - My master & I เจ้านายของข้า นิยาย <Yaoi fantasy> My master & I เจ้านายของข้า : Dek-D.com - Writer

    <Yaoi fantasy> My master & I เจ้านายของข้า

    โดย i_fall

    ความรู้สึกของเขาที่มีต่อเจ้านายไม่แน่นอน...เขาเกลียดแต่เขาก็รัก... เขาอยากฆ่าเจ้านายแต่ในอีกทางหนึ่งเขาก็อยากจะโอบกอดและปกป้องไว้...

    ผู้เข้าชมรวม

    512

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    8

    ผู้เข้าชมรวม


    512

    ความคิดเห็น


    3

    คนติดตาม


    1
    หมวด :  แฟนตาซี
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  19 ก.พ. 56 / 19:18 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้




    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

       

                  ริมฝีปากบางสวยทาบลงบนแผ่นอกของชายหนุ่ม ผิวสีขาวเนียนค่อยๆแดงขึ้นเรื่อยๆ ชายบนเตียงฉีกยิ้มอย่างพึงพอใจและถอนหายใจอย่างรุนแรง ดวงตาคู่สวยสีมืดรัตติกาลเอ่อล้นด้วยน้ำตาพร้อมกับร่างกายที่สั่นจากเพลิงไฟรักใคร่ที่ก่อเกิดขึ้นในใจแต่มันกลับแลดูมีเสน่ห์ยิ่งนักสำหรับชายหนุ่มเจ้าของผมสีเงินชายหนุ่มที่ทำให้ชายบนเตียงส่งเสียงร้องคราง...เพียร์โน่

                  ดวงตาสีอ่อนจ้องมองใบหน้าน่าดึงดูดของชายหนุ่มในอ้อมอกที่กำลังส่งเสียงร้องเบาๆที่กำลังยั่วยวนเขา กระตุ้นบางอย่างที่ป่าเถื่อนในร่างกายของมันกำลังปลุกเร้าปีศาจที่หลับใหลในตัวเพียร์โน่

                  “อย่าโลภมากซิเพียร์โน่” นิ้วเรียวยาวถูกทาบไว้บนริมฝีปากของชายผมเงินห้ามปรามหนุ่มผมเงินไม่ให้เกินเลยไปมากกว่านี้

                  “...ข้าเกลียดท่าน” เพียร์โน่กระซิบข้างหูชายนัยต์ตาเข้มก่อนจะกัดนิ้วเรียวยาวนั่นเบาๆ เมื่อชายผมสีเข้มได้ยินเข้ากลับไม่เคืองแถมยังหัวเราะเบาๆส่งสายตาเชิญชวนให้เพียร์โน่มามากกว่าเดิมราวกับชายผมเข้มกำลังหยอกล้อเด็กน้อย

                  “...ฮ่าๆ แต่ข้าคือมาสเตอร์ของเจ้า...เจ้านายของเจ้าและเจ้าเป็นเพียงแค่อาวุธ” เพียร์โน่หรี่ตาลงและก้มลงเก็บปืนที่ออกห่างจากเตียงไม่มากนักขึ้นมาจ่อหัวเจ้านาย ปืนสีเงินแกะสลักอย่างสวยงามบ่งบอกราคาแพงริบหรี่สัมพัสเข้ากับผิวขาวเนียนเรียกเสียงหัวเราะในลำคอเบาๆ

                  “ข้าเกลียดท่าน” เสียงทุ้มเอ่ยอย่างเบาหวิวข้างหูของเจ้านายด้วยน้ำเสียงโกรธแค้น

                  “แต่เจ้าต้องการข้า” นัยต์ตาสีรัตติกาลฉายแววเจ้าเล่ห์และทาบริมฝีปากลงบนริมฝีปากของชายผมเงิน เพียร์โน่หมายจะถอนตัวเองออกมาหากแต่ร่างกายเขากำลังประท้วงและจูบตอบกลับเจ้านายอันเป็นที่รัก...

                  “ท่านคือยาเสพติด... ยาที่ข้าอยากจะเลิกแต่เลิกไม่ได้” เพียร์โน่กล่าวอย่างเกรี้ยวกราด ใจของเขากลับรังเกียจผู้เป็นเจ้านายมากหากแต่ร่างกายเขากำลังโหยหาเรียกร้องที่จะจุมพิตชายผมสีเข้ม อยากจะจับเจ้านายของเขากดลงบนเตียงและให้ไฟใคร่แผดเผาทั้งคืน

                  “เจ้าเป็นเพียงแค่อาวุธ” เมื่อถอนริมฝีปากออกมาชายผมเข้มฉีกยิ้มบางๆและลูบใบหน้าของเพียร์โน่อย่างอ่อนโยน ทุกอย่างไม่สอดคล้องกัน เจ้านายของเขาดูมีเส่นห์เกินหญิงใดจนใครเขาก็ไม่แล เจ้านายของเขาครางออกได้ไพเราะน่ารักจนเขาอยากเก็บไว้ฟังเพียงคนเดียว แต่ในทางกลับกันเจ้านายเป็นหนึ่งในคนที่ทำให้เขาตกต่ำถึงขั้นนี้

                  “...ข้าเกลียดท่าน” เพียร์โน่เอ่ยเบาๆ

                  “...ข้ารู้... แต่ข้าซื้อเจ้าที่เป็นแค่มือสังหารให้มารับใช้ปกป้องข้าด้วยเงินมากมายมหาศาล... ในโลกแห่งนี้เจ้าจงรู้ไว้ซะว่าไม่มีใครที่เจ้าเชื่อใจได้นอกจากกองทรัพย์” ชายผมเข้มกระซิบและลงมาจากเตียงยืนเต็มความสูงเผยเรือนร่างเปลือยเปล่าสมบูรณ์งดงามราวกับรูปปั้นแก่สายตาเพียร์โร่

                  “ข้าคืออาวุธ... ข้าคือมือของท่าน... ข้าคือเท้าของท่าน... ข้าคือคนรับใช้เพียงคนเดียวที่จะไม่หักหลังท่าน... แต่ข้าเองก็เป็นเพียงคนเดียวที่โกรธเกลียดท่านเกินใคร เพราะท่าน...” เพียร์โน่กดเสียงต่ำ ชายผมเข้มหันมาและยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

                  “เจ้าไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ข้ารู้... ข้ารู้ทุกอย่างที่เจ้าคิด”

                  “...” ชายผมเข้มเดินออกจากห้องทิ้งให้หนุ่มผมสีเงินอยู่เพียงคนเดียวกัดริมฝีปากอย่างไม่สบอารมณ์... เมื่อก่อนตอนเด็กเขาถูกลักพาตัวไปและถูกฝึกฝนให้เป็นมือสังหารมืออาชีพจนใครๆก็หวาดผวาเขาแต่จู่ๆวันหนึ่งกลับมีชายเจ้าของนัยต์ตามีเส่นห์เดินเข้ามาและขอซื้อตัวเขาให้มาเป็นผู้คุ้มกันให้กับชายคนนั้น

                  แต่ก่อนที่เขาจะถูกส่งตัวมาเขาถูกฉีดยาอะไรบางอย่างที่ทำให้ร่างกายของเพียร์โน่ต้องการเจ้านายของเขา เหมือนผีดูดเลือดที่กระหายโลหิตหากแต่เปลี่ยนเป็นเขาที่กระหายเจ้านาย... กระหายรอยจูบ โหยหาริมฝีปากนุ่มนิ่มและกลิ่นหอมหวานละมุน

                  ...ช่างน่าสมเพช...

                  เพียร์โน่เกลียดในการที่เขาเป็นแค่เครื่องมือตั้งแต่เด็ก จนถึงบัดนี้เขายังคงเป็นเพียงแค่เครื่องมืออาวุธของชายที่เขาต้องการและเกลียดในเวลาเดียวกัน.... เพราะยางี่เง่านั่นที่ทำให้เขาขัดขืนเจ้านายเขาไม่ได้

                  หากเขาไม่ได้รับจุมพิตจากเจ้านายเป็นเวลาสามวันร่างกายของเขาเหมือนจะหยุดทำงาน หายใจลำบากราวกับคนขาดอากาศ ขยับเขยื้อนไม่ได้เหมือนหุ่นยนต์ขาดน้ำมัน...เหมือนคนขาดยาอะไรบางอย่าง

                  ...

                  ...

                  น่าสมเพช... ทุกๆสามวันเขาจะน่ามืดตาลายกลายเป็นสัตว์ป่าที่อยากจะกลืนกินเรือนร่างของเจ้านายเขา... น่าสมเพชจริง...

       

       

                 

       

                  “โจเซฟวัยห้าสิบสี่ปี ถูกยิงตาย”นัยต์ตาสีเข้มหรี่ลงและจ้องมองไปยังศพบนพื้นที่ใบหน้าเละจากการถูกทำร้ายอย่างรุนแรนที่ศรีษะแต่คาดว่าสาเหตุการตายมาจากระสุนที่ตัดคั้วหัวใจ โจเซฟเป็นพ่อค้าอภิมหาเศรษฐีที่แน่นอนว่ามีผู้คนรวมถึงลูกหลานที่หวังจะครอบครองทรัพย์สมบัติจนนำมาถึงจุดที่ต้องฆ่าแกงกันเองและโจเซฟก็ต้องจากไป

                  “โจเซฟเป็นพ่อค้าที่ทำงานร่วมกับเรา” ไซเนอร์หันหน้าขึ้นมามองผู้ตามของเขา ชายผมเงินเหลือบไปมองสิ่งบางอย่างที่ศพกุมไว้

                  “... มือ” เพียร์โน่เอ่ยเบาๆ ไซเนอร์หรือชายผมเข้มหันไปมองยังมือของโจเซฟและฉีกยิ้มเล็กน้อย

                  “โจเซฟเจ้าเป็นผู้ชายที่ฉลาด... ฉลาดจนวินาทีสุดท้ายจริงๆ” ไซเนอร์เดินเข้าไปและดึงเศษกระดาษในมือของโจเซฟออกมา

                  “...หืม...” ไซเนอร์สวมถุงมือเพื่อไม่ให้เลือดของผู้ตายเปื้อนกับมือตัวเองและหันหน้าเข้าหาผู้คุ้มกันของเขาและกล่าวด้วยน้ำเสียงๆสบายๆ

                  “ดูเหมือนอีกไม่นานพวกเราจะมีแขกแล้วล่ะเพียร์โน่” ชายผมเข้มกล่าวและยัดแผ่นกระดาษลงไปในมือเพียร์โน่ ไซเนอร์เป็นนายทุนหน้าเลือดที่คอยให้คนกู้เงินที่รวยอันดับต้นๆและแน่นอนเมื่อความรวยเกิดขึ้นจะต้องมีผู้คนหวังจะช่วงชิงมันไปแต่ไซเนอร์ไม่ใช่คนโง่

                  ไซเนอร์กลับฉลาดเกินใครคาดถึงจนหนุ่มผมเงินที่อยู่เคียงข้างกายไซเนอร์มาปีหนึ่งเต็มๆแล้วยังไม่เข้าใจความคิดของผู้เป็นเจ้านาย ทุกครั้งที่ชายผมเข้มนึกอะไรออกดวงตาคู่สวยรูปแอลมอนด์จะฉายแววเจ้าเล่ห์ขี้เล่นในเวลาเดียวกันราวกับเขากำลังสนุกสนานกับเหตุการณ์ทุกอย่าง

                  “กลับคฤหาสน์ของเรากันเถอะ...ก่อนที่ตำรวจจะมา”ไซเนอร์เดินนำออกไปนอกพื้นที่ตายของโจเซฟแต่ก็ไม่วายหันหลังทำท่าอาเมนให้และเดินกลับออกไป เพียร์โน่มองศพที่เริ่มเพิ่งตายได้ไม่ถึงวันนิ่งๆก่อนจะหันหลังเดินตามผู้เป็นเจ้านายออกไป

                  “ท่านคิดว่าการตายครั้งนี้เกี่ยวกับเราหรือเปล่า?”

                  “แน่นอนซิว่าต้อง... มันเกี่ยวกับเราโดยตรงเลยนั่นแหละเพียร์โน่ที่รัก.... โจเซฟเป็นคนฉลาด... ฉลาดจริงๆ” ไซเนอร์ทิ้งปริศนาไว้และหัวเราะเบาๆกับใบหน้างุนงงของบอดี้การ์ดที่รัก ผู้เป็นเจ้านายขึ้นนั้งบนรถคันหรูราคาแพงเพียงแค่ประตูก็เหยียบล้านแล้วและนั้งไขว่ห้างพร้อมกับรถที่ทะยานตัวออกไปทิ้งเพียงประโยคสั้นๆให้เพียร์โน่

                  “หาตัวฆาตากรให้เจอแล้วเอาตัวมันมาให้ฉัน” ดวงตารูปทรงแอลมอนด์สวยเหมือนจะยิ้มเล็กน้อย... ยิ้มที่น่ากลัว

       

       

       

                  ชายผมเงินมองดูกระดาษในซองสีน้ำตาลอย่างเคร่งเครียด... หากสิ่งที่ไซเนอร์พูดคือความจริงว่าเรื่องการตายของโจเซฟเกี่ยวข้องกับเขาและไซเนอร์อะไรคือประเด็นที่ทำให้ฆาตากรลงมือฆ่าโจเซฟ? หากฆาตากรเกลียดไซเนอร์พวกมันควรจ้องจะฆ่าเขาซิเนื่องจากเขาเป็นผู้คุ้มครองไซเนอร์...หากแต่ฆาตากรกลับเลือกที่จะสังหารโจเซฟที่เป็นเพียงแค่ลูกค้ารายหนึ่งขอพวกเขา

                  อะไรไปเหตุจูงใจกันแน่? และเหตุการณ์ครั้งนี้เกี่ยวโยงกับสมบัติของโจเซฟไว้หรือเปล่า

                  “โจเซฟมีภรรยาที่เสียชีวิตไปแล้ว เขามีพี่ชายหนึ่งคน ปีแอร์ สนัทเซอร์ น้องสาวหนึ่งคน แอน จอร์จีนสัน และน้องชายหนึ่งคน ลายบรู๊กซ์ สนัทเซอร์... หลานชายสี่หลานสาวสามคนซึ่งทุกคนได้มารวมตัวที่บ้านโจเซฟเมื่อสามวันก่อนเกิดเหตุในวันเกิดของโจเซฟ” หญิงสาวข้างเพียร์โน่กล่าว

                  “แล้วโจเซฟไม่มีลูกงั้นหรอ?”

                  “มี... แต่ลูกของโจเซฟหายตัวไปนานแล้ว ตั้งแต่วันที่คาเมร่อน สนัทเซอร์ภรรยาของโจเซฟถูกสังหารและทารกในท้องถูกผ่าออกมาด้วยมีดจนบัดนี้ยังหาตัวไม่เจอ คาดว่าน่าจะตายไปนานแล้วเนื่องด้วยตอนที่คาเมร่อนตายทารกมีอายุเพียงหกเดือนนิดๆ” เพียร์โน่ขมวดคิ้ว...แล้วใครจะเอาทารกนั่นไปทำอะไรกัน?

                  “แล้วมีข่าวอะไรเกี่ยวกับภรรยาของโจเซฟอีกไหม?” หญิงสาวผู้ให้ข้อมูลส่ายหน้า

                  “เรื่องทุกอย่างถูกปกปิดไว้โดยโจเซฟ วันงานศพของคาเมร่อนแทบไม่มีใครมาเนื่องด้วยการจากไปของเธอคือความลับ” เพียร์โน่เดินไปยังโต๊ะทำงานของหญิงสาวพร้อมกับหยิบรูปของผู้หญิงผมสีน้ำตาลอ่อน ดวงตากลมโตและริมฝีปากหนาอวบอิ่มฉีกยิ้มให้กับกล้อง ข้างกายของหญิงสาวคือชายหนุ่มร่างไม่สูงมากนะอวบเล็กน้อย ทั้งคู่ในนั่นคือสามีภรรยาแห่งตระกูลสนัทเซอร์

                  “นี่คือรูปจากตอนไหน?” เพียร์โน่ถาม

                  “สองปีก่อนการตายของคาเมร่อน”

                  “...” เขาไม่สามารถปะติดปะต่ออะไรกันได้ทั้งสิ้น... นี่มันอะไรกัน? ทารกน้อยที่หายตัวไป คาเมร่อนหญิงสาวอ่อนโยนที่ถูกสังหารอย่างทารุณ โจเซฟที่ถูกยิง ทรัพย์สมบัติมหาศาล และไซเนอร์ ทุกอย่างมันเกี่ยวโยงกันยังไง

                  “แค่นี่..ขอบใจมากแคทีน่า ส่วนที่เหลือเดียวฉันไปหาข้อมูลเอง” เพียร์โน่ว่าจบก็เดินออกจากห้องทำงานของหญิงสาว

                  “เดี๋ยว... ไซเนอร์ฝากบอกว่าให้นายไปตามสืบเรื่องของ แอน จอร์จีนสันก่อน” แคทีน่าตะโกนตามหลังชายหนุ่ม

                บ้าจริง...เขาเป็นมือสังหารนะไม่ใช่นักสืบ

       

       

       

       

                  นิ้วเรียวยาวกดเข้าที่ออดของบ้านหลังใหญ่ใจกลางเมืองหลวงแห่งประเทศอังกฤษ

                  “พวกเราจากบริษัท พาร์เมนเตอร์ครับ ผมมาซ่อมห้องน้ำครับ” หนุ่มผมเงินสวมหมวกปกปิดใบหน้าและถือกล่องเครื่องมือขึ้นมาให้กับกล้องวงจรปิดของบ้าน

                  “พวกเราไม่ได้เรียกร้องให้ใครมา กลับไป” เสียงตวาดผ่านลำโพงดังขึ้นมา มันเป็นเสียงของหญิงวัยกลางคนแหบพร่า ชายหนุ่มเหลือบมองดูชื่อนามสกุลของบ้าน... จอร์จีนสัน ผู้หญิงคนนี้คือน้องสาวแท้ๆของโจเซฟ แอน จอร์จีนสัน...ในบรรดาพี่น้องสี่คนแอนสนิทกับโจเซฟมากที่สุด และเธอดันบังเอิญอยู่กับโจเซฟในวันที่คาเมร่อนถูกสังหาร

                  “อ้อ... สงสัยผมมาผิดบ้านครับ...ขอโทษทีครับ” เพียร์โน่กล่าวขอโทษและเดินออกมาจากรั้วประตู... หากเขาไม่ให้เข้าบ้านโดยตรงเขาก็จะแอบย่องเข้าไป เขาไม่ได้ถูกฝึกเป็นมือสังหารเล่นๆนะ

                  ชายหนุ่มปีรั้วตรงที่เป็นมุมตายของกล้องวงจรปิดและกระโดดลงไปบนสนามหญ้า เพียร์โน่มองหากล้องวงจรปิดตัวอื่นและเมื่อพหมดทุกตัวชายหนุ่มก็รีบใช้โอกาสที่กล้องหมุนหัวเดินทางเข้าไปยังตัวบ้าน

                  หากแต่เขาไม่ได้ต้องการย่องเข้าไปในบ้าน... เขาต้องการเรียกความสนใจต่างหาก ชายหนุ่มกระโดดไปยังกลางสนามหญ้าใหญ่และเริ่มส่งเสียงโวยวาย

                  “คุณนายจอร์จีนสันครับ.... คุณนายครับ” ทันทีที่เพียร์โน่ออกมากลางสนามหญ้าดึงดูดความสนใจทุกอย่างของยามและคุณนายแห่งบ้าน ภารกิจที่แท้จริงจะเริ่มต้นขึ้น

                  ยามสองนายถือกระบองไม้ยาวออกมาและส่งเสียงร้องเรียกเพียร์โน่

                  “แกเข้ามาได้ยังไง..? ออกไป” ชายหนุ่มผมเงินรีบวิ่งไปในอีกทิศทางด้วยความเร็วหากแต่ยังช้าพอที่ยามทั้งคู่จะยังตามทันก่อนที่ชายหนุ่มวิ่งหักมุมหลบเลี้ยว ยามทั้งคู่กำลังหมกมุ่นในการตามหาเพียร์โน่เนื่องด้วยทั้งคู่ไม่เคยฝึกฝนเพื่อเป็นยามจริงๆหากแต่สัตว์ที่พวกมันเอามาด้วยกลับได้กลิ่นเพียร์โน่อย่างชัดเจนและเห่าไล่เขา

                  “คุณนาย...โจเซฟเสียชีวิตแล้วครับ” เพียร์โน่ร้องลั่น แวบหนึ่งชายหนุ่มเห็นหญิงวัยทองแอบมองผ่านหน้าต่างและผ้าม่านออกมาและทันทีที่เขาโหวกเหวกเรื่องการตายของโจเซฟเธอก็รีบปิดผ้าม่านและเข้าไปทันที...

                  เหยื่อติดเบ็ดแล้วซินะ

                  เพียร์โร่ยิ้มพร้อมกับประตูรั้วใหญ่เปิดออกและรถคันสีดำราคาแพงหูฉี่ก็แล่นออกไปพร้อมกับคุณนายแห่งบ้านและลูกสาวสองคน

                  ตามที่อ่านไว้เป๊ะๆ เมื่ออันตรายมาเยือนคุณนายคนสวยจะพาลูกสาวทั้งคู่หนีออกจากบ้านและเขาต้องการจะต้อนเธอออกจากบ้าน แต่ถ้าเขาเข้าไปในตัวบ้านและไม่จับตัวเธอสักทีมัวแต่ไปยืนรอให้เธอหนีไปจะทำให้เธอเอะใจและล่วงรู้ว่าเขากำลังพยายามต้อนเธอให้ออกจากบ้าน

                  ไซเนอร์สั่งการมาไม่ให้ทำร้ายหรือวางยาสลบแอน... เขาไม่รู้ทำไมแต่เมื่อเจ้านายสั่งเขาก็ต้องทำตาม

                  เมื่อรถคันดำพุ่งออกไปไม่เหลือแม้แต่ควันเพียร์โน่ก็ชักปืนออกมาหันไปยังยามสองคน

                  “ราตรีสวัสดิ์” พร้อมกับยามทั้งคู่และหมาที่ล้มลงกับพื้นจากปืนยาสลบ... แคทีน่าที่คอยเฝ้ามองเธอปืนสไนเปอร์ไว้ก็เดินเข้ามาจับชีพจรของยามทั้งสอง

                  จริงๆแล้วการฆ่าปิดปากพวกนี้คงง่ายกว่าหากแต่ไซเนอร์กำชับไว้ห้ามให้เขาลงมือสังหารใคร... แต่ทำไมถึงเลือกเขามาเป็นบอดี้การ์ดทั้งๆที่เขาเป็นมือสังหารแถมยังห้ามเขาฆ่าคนอีก

                  “...พวกนี้ยังไม่ตาย นายเข้าไปจัดการเรื่องต่อไปในบ้าน เดี๋ยวฉันจัดการกับพวกนี่เอง” สองชายฉกรรจ์เดินเข้ามาจากข้างนอกและแบกยามทั้งสองนายออกไป แคทีน่าเดินตามชายปริศนาทั้งสองออกไปพร้อมกับเพียร์โน่ที่เดินเข้าบ้านของตระกูลจอร์จีนสัน....

       

       

       

                 

                  เพียร์โน่เดินเข้าห้องทำงานของแอน ก่อนหน้านี้แคทีน่าได้ทำการสืบสวนแผนที่บ้านแห่งนี้ไว้แล้วเพียร์โน่จึงสามารถเดินไปยังห้องของแอนได้อย่างไม่ลำบาก เมื่อถึงห้องทำงานชายหนุ่มก็เปิดหาเอกสารที่อาจเกี่ยวข้องกับคดี แอนไม่ใช่ผู้หญิงที่ฉลาดนัก เธอทิ้งบ้านไปทั้งๆที่ไม่ได้ล็อกกลอนแถมยังทิ้งข้าวของไว้เละ

                  ชายหนุ่มผมเงินเดินต่อไปเรื่อยๆและคอยเปิดของดู หยิบหนังสือจากชั้นหนังสือขนาดใหญ่ออกมาดู

                  แอน จอร์จีนสันเป็นคุณนายของตระกูลที่รวยพอสมควร เธอมีสามีที่ดีซึ่งตอนนี้ทำงานอยู่ที่นิวยอร์ค เธอมีลูกสาวสองคนที่เรียนเก่งนิสัยดี เธอทำงานที่เธอรักนั่นก็คือวาดรูป ว่าง่ายๆชีวิตของหล่อนสบายละสมบูรณ์แบบหากแต่ทำไมไซเนอร์ถึงเอะใจหญิงสาวคนนี้?

                  เพียร์โน่เดินไปยังกองภาพวาด

                  ข้างกองภาพวาดมีหนังสือเก่าๆเล่มหนึ่งตั้งไว้ เพียร์โน่รีบเอื้อมมือไปหยิบมันขึ้นมา

                  ภายหนังสือกลับว่างเปล่ามีเพียงแค่กระดาษแผ่นหนึ่งสอดไว้ เพียร์โน่ดึงกระดาษออกมาและวางหนังสือไว้บนโต๊ะ... กระดาษแผ่นนี้เก่ามาก เก่าจนมันไม่ขาวแต่กลับเหลืองและมีรอยสีน้ำตาลเป็นจ้ำๆ

                  บนกระดาษมีเพียงแค่ประโยคที่ยาวไม่มากสองสามประโยค ลายมือตวัดเขียนอย่างสวยงามที่ไม่เหมือนใคร ลายมือที่แค่แวบเดียวเขาก็ดูออกว่าคนที่เขียนคือไซเนอร์

       

      แอนที่รัก...

                ข้าได้ทำการส่งทารกไปแล้ว... และข้าเองก็ได้ปลูกความทรงจำปลอมให้ลูกของโจเซฟ... หวังว่าเจ้ายังคงสบายดี หวังว่าเจ้าคงเข้าใจว่ากำลังทำอะไรและหวังว่าเจ้าจะบอกโจเซฟแล้วนะแอนที่รัก ว่าลูกของเขากำลังเติบโตด้วยเลือดของข้า

                ทารกที่ว่าเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยตรงอย่างนั้นหรอ? ลูกของโจเซฟจดหมายจากไซเนอร์...

                  เขาต้องไปถามไซเนอร์... ไม่ซิเจ้านายของเขาให้รู้เรื่อง เพียร์โน่บุ่มบ่ามออกจากห้องแต่ก่อนเขาออกจากห้องหนังสือบางอย่างสะดุดตาเขา ชายหนุ่มเอื้อมไปหยิบมันและอ่าน

                  ข้ารับใช้ปีศาจ

                  นี่มันหนังสือเกี่ยวกับอสูรรับใช้ แล้วทำไมมันถึงมาอยู่ในห้องนี้ได้ เพียร์โน่เปิดอ่านหนังสืออย่างรวดเร็ว ทั้งเล่มเกี่ยวกับการอัญเชิญอสูรให้มาเป็นข้ารับใช้และการแลกเปลี่ยนระหว่างมนุษย์และปีศาจ

                  เมื่ออสูรได้รับสิ่งที่ต้องการ อสูรตนนั้นจะกลายเป็นสมบัติแห่งตระกูลที่จะคอยรับใช้เจ้านายอันเป็นที่รักแม้จะต้องยอมพลีชีพก็ตาม

                  เพียร์โน่อ่านหนังสือผ่านๆและมองดูรูปเกี่ยวกับการสังเวยอาหารให้อสูร รูปภาพของอสูรนานาชนิดรูปร่างน่ากลัวหากแต่กลับมีอสูรตนเดียวที่รูปร่างมีเส่นห์

                  ดวงตารูปทรงแอลมอนด์... ผมสีเข้ม... นัยต์ตาสีรัตติกาล...ไซเนอร์

                  ไซเนอร์เป็นอสูรรับใช้ของตระกูลจอร์จีนสันงั้นหรอ? หรือว่าคนที่ฆ่าโจเซฟคือไซเนอร์หากแต่ถ้าไซเนอร์เป็นคนฆ่าโจเซฟทำไมเจ้านายถึงต้องการให้เขาค้นหาคนร้ายด้วย?

                  เพียร์โน่มุ่งออกจากบ้านขึ้นรถและเหยียบคันเร่งเต็มที่หมายจะไปตามหาเจ้านายเพื่อหาคำตอบให้พบ

       

       

       

       

                  เมื่อกลับมายังคฤหาสน์เพียร์โน่ต้องขมวดคิ้ว รถคันดำราคาแพงของแอนอยู่หน้าคฤหาสน์ของเจ้านาย... เชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีเงินสวยสาวเท้าเข้าไปยังสวนหลังคฤหาสน์ มันเป็นที่ๆไซเนอร์ชื่นชอบดื่มชารับแขกและอย่างที่คาดไว้แอนนั้งอยู่บนเก้าอี้สวยตรงกันข้ามกับไซเนอร์ที่กำลังดื่มชายังสบายอารมณ์

                  “ข้าต้องการคำอธิบาย” เพียร์โน่ทุบโต๊ะข้างหน้าไซเนอร์และวางกระดาษแผ่นบางๆลงบนโต๊ะ

                  “อารมณ์ร้อนจังนะเพียร์โน่ หรือเมื่อคืนยังไม่สะใจนายหืม?” ไซเนอร์เงยหน้าขึ้นมาและฉีกยิ้มเล็กน้อย ชายผมเข้มวางแก้วชาลงบนโต๊ะอย่างเบามือและหันหน้ากลับมายังเพียร์โน่อีกครั้ง

                  “อธิบาย ท่านเป็นอสูรอย่างงั้นหรอ?”

                  “ชู่ว์... ไม่ต้องพูดดังก็ได้นะเพียร์โน่ที่รัก” ไซเนอร์คว้าคอเสื้อของเพียร์โน่กระชากหนุ่มผมเงินให้ลงมาต่ำและทาบริมฝีปากลงไป ชายผมเข้มขยับริมฝีปากของตัวเองอย่างรวดเร็วและเหมือนเคยมันกระตุ้นความอยากของเพียร์โน่อีกครั้ง ชายผมเงินดึงตัวเจ้านายเข้ามาใกล้ยิ่งขึ้นและจูบตอบกลับอย่างหนักหน่วงไม่เว้นหายผู้เป็นเจ้านายได้พักหายใจ

                  ทุกครั้งที่เขาได้สัมพัสกับไซเนอร์มันเหมือนเขาไม่ใช่ตัวเขา เขาไม่สนซะด้วยซ้ำว่าแอนจะนั้งมองพวกเขาทั้งคู่อยู่เขายังคงไม่ถอนริมฝีปากออกมิหนำซ้ำยังสอดบางอย่างเข้าไปสำรวจในปากของเจ้านายเสริมสร้างความเร่าร้อน เขากำลังกระหายอีกครั้ง... กระหายจนอยากจะกลืนเจ้านายทั้งเป็นจริงๆ

                  เนิ่นนานที่ทั้งคู่จูบกันจนกระทั่งไฟความใคร่ก็เริ่มหรี่ลง

                  “อะแฮ่ม” แอนไอเสียงกระแอมเล็กน้อย เพียร์โน่เหมือนเพิ่งได้สติว่าตัวเองทำอะไรลงไปต่อหน้าผู้คนและถอนริมฝีปากออกพร้อมกับยืนตัวตรงด้วยใบหน้าแดงก่ำ

                  “... ฮ่าๆ เพียร์โน่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปเลยจริงๆสินะ ตั้งแต่เด็กจนโต” แอนหัวเราะเบาๆ

                  “นั่นสินะ หัวร้อนยิ่งกว่าอะไร” ไซเนอร์ยิ้มกลับ เจ้านายของเขาไม่ใช่คนรูปร่างผอมเพรียวแต่กลับเต็มไปด้วยหมัดกล้ามที่กำลังพอดีไม่มากหรือน้อยเกินไปซึ่งไม่น่าแปลกใจหากจะมีผู้หญิงมาหลงชายผมเข้มหัวปักหัวปำหากแต่รอยนี้คนที่เข้ามาติดใจไซเนอร์กลับไม่ใช่หญิงซะงั้น แอนนึกและหัวเราะ

                  “ข้าต้องการคำอธิบาย... ทำไมแอนถึงอยู่ที่นี่ ทำไมโจเซฟถึงตาย ทำไมท่านถึงหน้าตาเหมือนอสูรรับใช้” ชายหนุ่มผมเงินถามด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ แว๊บหนึ่งสีหน้าของไซเนอร์แสดงถึงความเจ็บปวด เจ็บปวดมากหากแต่ภายในไม่ช้ามันก็ถูกกลบเกลื่อนด้วยรอยยิ้ม... รอยยิ้มเสแสร้ง

                  “แอนกลับไปเถอะ” แอนพยักหน้าและเดินเข้าคฤหาสน์ไปตามหาลูกสาวทั้งสองของเธอเตรียมกลับคฤหาสน์ เพียร์โน่ทำท่าจะเอ่ยปากห้ามปรามไม่ให้หญิงวัยกลางคนเดินไปแต่กลับถูกหยุดโดยไซเนอร์

                  “คืนนี้...หลังจากเจอกันที่ห้องของข้า... ข้าจะเล่าให้หมดทุกอย่าง ทุกสิ่งที่เจ้าสงสัย” ไซเนอร์ยืนขึ้นและทาบริมฝีปากของตัวเองบนหน้าผากของเพียร์โน่

                  “...”

                  “ขอแค่อีกคืนเดียวจริงๆ” ไซเนอร์ฝืนยิ้มและเงยหน้าขึ้นมา เจ้านายของเขากำลังเผยใบหน้าที่ไม่เคยปรากฏขึ้นสักครั้ง ทำไมถึงไซเนอร์ถึงแลดูเจ็บปวดขนาดนี้? แล้วเรื่องที่ไซเนอร์กำลังปิดบังเขามันสำคัญมากงั้นหรอ... ไซเนอร์ส่งยิ้มเศร้าๆให้กับเพียร์โน่และหันหลังเดินเข้าคฤหาสน์

                  ทำไมเจ้านายถึงทำหน้าเศร้าขนาดนั้น?.... แล้วทำไมเขาต้องเศร้าตามเจ้านายทั้งๆที่เขาไม่ควรเศร้า... เขาเกลียดเจ้านายจะตายไป เกลียดเจ้านายที่ซื้อเขามาเหมือนของใช้ เกลียดเจ้านายที่ฉีดยาบางอย่างที่ทำให้เขาโหยหาเรือนร่างของไซเนอร์... แล้วทำไมเขาถึงรู้สึกเหมือนน้ำตาจะไหล?

       

       

       

                  ตกค่ำ

                  หลังจากเพียร์โน่ชำระล้างร่างกายตัวเองเสร็จเรียบร้อยเขาก็เดินทางมายังห้องเขาไซเนอร์

                  เมื่อเปิดประตูเข้าไปเขาก็พบว่าไซเนอร์นอนรอเขาอยู่บนเตียง

                  “ข้ากำลังรอเจ้าอยู่เชียว” ไซเนอร์พูดด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์และลุกขึ้นยืนแตกต่างจากไซเนอร์ตอนกลางวันโดยสิ้นเชิง มันไม่มีวี่แววของคนเศร้าเลยแม้แต่น้อย

                  “คำอธิบาย” เพียร์โน่พูดสั้นๆ

                  “หืม อย่าใจร้อนนักสิ เรามาสนุกกันก่อนแล้วค่อยว่ากัน” ไซเนอร์ส่งสายตายั่วเพียร์โน่ ชายผมเงินสูดหายใจเข้าลึก... และค่อยๆกดไซเนอร์ลงบนเตียงพร้อมกับทาบริมฝีปากของตัวเองลงไปบนชายผมเข้ม

                  ไซเนอร์ครางออกมาเบาๆส่งเสียงไพเราะเสนาะหู ดวงตารูปทรงแอลมอนด์กำลังสั่นไหวเล็กน้อยและเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา ชายที่นอนราบบนเตียงหายใจอย่างนักหน่วงทุกครั้งที่ชายผมสีเงินทาบริมฝีปากบนเรือนร่างของเขา

                  อูณภูมิร้อนจากตัวของเพียร์โน่กำลังค่อยๆแทรกซึมเข้าไปผิวหนังของชายผมสีเข้ม ไซเนอร์เงยหน้ามองพนังและพยายามกักกั้นเสียงร้องของตัวเอง

                  “หึหึ วันนี้ท่านเหมือนจะอ่อนไหวเป็นพิเศษนะ” เพียร์โน่กดเสียงต่ำและหัวเราะเบาๆ

                  “ฮ่าๆ อย่างงั้นหรอ” ไซเนอร์ตอบรับพร้อมกับริมฝีปากร้อนที่ทาบลงมาจนไซเนอร์ไหววูบ จุมพิตที่ทั้งหอมหวานอ่อนละมุนแต่กลับเร่าร้อนกำลังปลุกเร้าชายผมเงิน

                  ทำไมเจ้านายของเขาถึงหน้าตางามยิ่งกว่าหญิงใดในโลก? ทำไมไซเนอร์ถึงเซ็กซี่ขนาดนี้ เพียร์โน่ไม่กักความรู้สึกหรือพยายามอ่อนโยนลงแล้ว เขาจูบชายข้างหน้าอย่างหนักหน่วง ไฟในใจกำลังลุกโชติช่วงยากที่จะดับ

      ความอุ่นของอูณภูมิริมฝีปากเขาอ้อยอิง

                  หยดน้ำตาที่ไหลเป็นสายจากความพอใจของไซเนอร์

                  ทุกอย่างกำลังทำให้เขาบ้าคลั่ง เขาไม่ต้องการแค่นี้... เขาต้องการ... ต้องการมากกว่านื้ เพียร์โน่เลื่อนหน้าต่ำลงมาและเลียผิวกายของเจ้านายและพรมจูบทั่วทั้งร่งกายไม่เหลือสักที่ที่ยังไม่ถูกสำรวจ... ไม่เหลือสักที่

                  ทุกครั้งที่กายของเขาขยับตามอารมณ์ มันเหมือนเขากำลังเป็นสัตว์ป่า กล้ามเนื้อเจ้านายช่างน่าลูบไล้ เขาไม่ใช่แค่อยากจะกลืนกินไซเนอร์หากแต่เขากำลังกินอยู่เลยต่างหาก... ใช่...

                  เสียงครางดังระงมทั่วทั้งห้องแม้ไซเนอร์จะพยายามกักกั้นมันมากมายเพียงใดมันก็ไร้ผล มันเหมือนร่างกายของชายผมเข้มไม่ได้อยู่ใต้การควบคุมของสติแต่กลับถูกควบคุมโดยไฟอยาก...ไฟที่แผดเผาจนร่างกายเขาสั่นเหมือนลูกนก

                  “อย่าปิดตาซิ..ไซเนอร์” เพียร์โน่กระซิบข้างหูของชายผมเข้มเบาๆ

                  “...”

                  “เรียกชื่อข้า... มองข้า... อย่าปิดตา”

                  “เจ้าก็อย่าปิดด้วยล่ะกันเพียร์โน่ที่รัก” ไซเนอร์กัดริมฝีปากของชายผมเงินราวกับตนไม่ยอมเสียเชิงชายพ่ายแพ้ให้แก่มือสังหารหนุ่มผู้นี้   

       

       

       

       

       

       

       

                  “เหมือนเจ้าจะไม่ได้กักอะไรไว้เลยจริงๆสินะ ฮ่าๆ” หลังจากกิจกรรมที่พวกเขาทำกันเป็นเวลานานจนเอวของชายผมเข้มโอดครวญทั้งคู่จึงได้นั้งพักบนเตียงและคุยกัน

                  “... คราวนี้ท่านอธิบายมาได้แล้ว...”

                  “ไม่ต้องเรียกข้าว่าท่านอีกแล้ว เรียกข้าว่าไซเนอร์ก็พอแล้ว”

                  “ไซเนอร์อธิบาย...”

                  “เจ้าคงรู้เรื่องแล้วซินะว่าโจเซฟมีลูกคนหนึ่งและภรรยาชื่อคาเมร่อน... เมื่อนานๆมาแล้วโจเซฟได้ก่อตั้งตัวเองจนรวยล้นฟ้าและมีภรรยาอันเป็นที่รักคอยอยู่เคียงข้างกาย หากแต่วันหนึ่งโจเซฟล่วงรู้เข้าว่าพี่ชายและน้องชายของเขากำลังคิดจะช่วงชิงทรัพย์สมบัติของโจเซฟเขาจึงพยายามคิดหาวิธี... วิธีที่จะปกป้องภรรยาของเขา”

                  “...”

                  “จนกระทั่งมาถึงวันหนึ่งโจเซฟได้ไปปรึกษากับน้องสาวคนเดียวที่ไม่คิดจะทำร้ายเขา น้องสาวที่ว่านายก็น่าจะรู้มันคือแอน แอนจึงแนะนำให้เรียกใช้อสูรรับใช้มาปกป้องพวกเขาและแน่นอนโจเซฟหมดหนทางแล้วจริงๆโจเซฟจึงเลือกใช้วิธีนี้”

                  “...”

                  “แต่กฏมีอยู่ว่าหากจะเรียกใช้อสูร อสูรจะเอาบางอย่างที่สำคัญอย่างหนึ่งจากผู้อัญเชิญไปและน่าเสียดายอสูรตนนั้นกลับเลือกที่จะเอาคาเมร่อนไป มันเป็นช่วงเวลาที่คาเมร่อนตั้งท้องพอดี”

                  “...”

                  “และทารกน้อยก็ได้สิ้นชีวาไปตั้งแต่มารดาถูกฆ่าตายหากแต่อสูรตนนั่นไม่ได้ตั้งใจจะสังหารทารกน้อย เพราะกฏมีอยู่ว่าโจเซฟต้องสังเวยเพียงแค่อย่างเดียว”

                  “...”

                  “อสูรตนนั้นจึงเอาเลือดของมันให้ทารกน้อยดื่ม...ทารกน้อยจึงกลับมาจากความตายและถูกส่งตัวไปฝึกเป็นมือสังหาร แต่มีข้อแม้ว่าทารกน้อยต้องคอยดื่มเลือดของอสูรตนนั่นทุกๆสามวันไม่งั้นไม่งั้นทารกน้อยจะหยุดหายใจ... เมื่อโจเซฟได้ข่าวเรื่องภรรยาและลูกชายของเขาโจเซฟก็ตัดสินใจให้อสูรคอยดูแลเด็กน้อยห่างๆแต่ในเวลาเดียวโจเซฟก็สั่งไม่ให้อสูรตนนั้นปรากฏขึ้นให้แก่เด็กน้อย”

                  “...”

                  “อสูรตนนั้นได้ทำการปลูกถ่ายความทรงจำปลอมเข้าไปในหัวของทารกน้อย ความทรงจำที่ว่าเด็กน้อยถูกลักพาตัวไปจากพ่อแม่อันเป็นที่รัก... เด็กน้อยถูกฝึกฝนให้เป็นมือสังหารเพื่อฝึกฝนฝีมือในการป้องกันตัว ทุกๆสามคืนตอนเด็กน้อยหลับอสูรตนนั้นจะฉีดเลือดของตัวเองให้แก่เด็กน้อยที่เริ่มโต”

                  “...”

                  “จนกระทั่งเด็กน้อยโตและพี่น้องสนัทเซอร์ค้นพบเรื่องลูกชายที่รอดของโจเซฟพวกเขาก็หมายจะสังหารลูกชายคนนั่นหากแต่โจเซฟรู้เรื่องทันและสั่งให้อสูรไปรับตัวลูกชายของเขากลับมายังคฤหาสน์ของอสูรตนนั้นเพื่อที่อสูรตนนั้นจะได้ดูแลลูกชายเพียงคนเดียวอย่างใกล้ชิด แล้วทำไมโจเซฟถึงไม่สั่งให้อสูรฆ่าๆพี่น้องนั่นทิ้งน่ะหรอ? ก็เพราะโจเซฟไม่อยากฆ่าพี่น้องกันเองยังไงล่ะ”

                  “...”

                  “และเด็กน้อยคนนั้นก็ได้โตเป็นหนุ่มซะแล้ว... ชายหนุ่มผู้นั้นไม่จำเป็นต้องดื่มเลือดของอสูรก็ได้หากแต่สัมพัสทางร่างกายก็เพียงพอ ทุกๆสามคืนอสูรตนนั้นจึงมาหาชายหนุ่มผู้นั้น”

                  “...”

                  “แต่จู่ๆวันหนึ่งสองพี่น้องกลับทนไม่ไหวและฆ่าโจเซฟทิ้งหมายจะเอาสมบัติ แต่ก่อนตายโจเซฟเขียนคำว่าแอนในภาษาปีศาจโบราณไว้ในกระดาษที่ในกระดาษที่ศพกำไว้ทำให้อสูรต้องการที่จะพบแอน อสูรตนนั้นจึงสั่งให้เด็กหนุ่มไปยังบ้านของแอนเพื่อเป็นสัญญานบอกให้แอนทราบว่าอสูรตนนั้นต้องการที่จะพบเธอ”

                  “...”

                  “... นายพอเดาเรื่องออกแล้วใช่ไหม?” สายตาของไซเนอร์ฉายแววเศร้าสร้อย

                  “...แล้วทำไม...ท่านถึงไม่ส่งข้าไปที่ไกลๆและไปพบแอนคนเดียว ไม่ก็ใช้คนอื่น?” แม้ทุกอย่างจะน่าตกใจแต่ชายหนุ่มยังคงถามต่อไป

                  “โจเซฟ... โจเซฟเป็นคนออกคำสั่ง... ตอนที่โจเซฟสั่งให้ข้าดูแลเจ้า” ไซเนอร์ลูบใบหน้าของเพียร์โน่เบาๆ “โจเซฟบอกว่าหากโจเซฟเป็นอะไรไปเขาต้องการให้ข้าส่งเจ้าไปพบแอนน้องสาวเพียงคนเดียวของเขา และหากอสูรรับใช้ไม่ฟังตามคำสั่งของเจ้านายมันจะตาย” ไซเนอร์ยิ้มอย่างอ่อนล้า

                  “...แล้วทำไมท่านไม่ส่งให้ข้าไปอยู่กับแอนล่ะ?”

                  “... ข้าไม่อยากให้เจ้าจากข้าไป... ข้าเลยแค่สั่งให้เจ้าไปบ้านแอนเพียงครู่เดียวและกลับมาหาข้าแต่เจ้าดันเข้าไปเจอหนังสือ... เจอจดหมาย เจอหลักฐานมัดตัวข้าไว้... และเจ้าอยากรู้อะไรบางอย่างไหม?” ไซเนอร์กระซิบ เพียร์โน่หันมาพยายามจะมองใบหน้าไซเนอร์ทว่าชายผมเข้มกลับปิดตาชายผมเงิน

                  “ท่านปิดตาข้าทำไม”

                  “... แอนไม่รู้ซะด้วยซ้ำว่าข้าเป็นตัวอะไร... แอนเคยเห็นเจ้าตอนเด็กๆครั้งหนึ่งตอนที่โจเซฟเอารูปของเจ้าให้แอนดู เธอคิดว่าข้าเป็นเพียงแค่เพื่อนสนิทของโจเซฟที่ตกลงจะปกป้องโจเซฟและเจ้า”

                  “...”

                  “และสาเหตุที่ข้าไม่ได้บอกใครว่าข้าเป็นใครก็เพราะว่ากฏเหล็กของเหล่าอสูร... ห้ามใครรู้ว่าข้าเป็นอสูรหากผู้นั้นไม่ใช่ผู้อัญเชิญ”

                  “แต่ท่านบอกข้า?”

                  “...ข้าไม่ชอบโกหกเจ้า” ไซเนอร์ยิ้มน้อยๆ

                  “แต่ท่านทำประจำ” เพียร์โน่ขมวดคิ้ว

                  “ที่ข้าโกหกปิดบังเจ้าก็เพื่อเจ้า เจ้าจะได้ไม่ก้าวเข้ามาในโลกอันแปดเปื้อนของข้า ข้าคือคนที่สังหารมารดาเจ้า และยาที่ทำให้เจ้าต้องการข้าอะไรนั้นก็แค่ความทรงจำปลอมอีกอย่างที่ข้าใส่ลงไปให้เจ้า เจ้าแค่ต้องการสัมพัสกายข้าเพราะร่างกายเจ้า”

                  “แต่...”

                  “รับนี้ไว้ซะ” ไซเนอร์ยื่นสร้อยรูปแปลกประหลาดให้กับหนุ่มผมเงิน

                  “มันคืออะไร?”

                  “ข้าควรทำแบบนี้มาตั้งนานแล้ว... สร้อยเส้นนี้ทำมาจากร่างกายส่วนหนึ่งของข้า ถ้าเจ้าสวมมันไว้เจ้าจะไม่มีความต้องการที่จะสัมพัสข้าหรือต้องดื่มเลือด ข้าควรให้สร้อยเส้นนี้แก่เจ้าตั้งแต่เจ้ายังเด็กแต่ข้าก็ไม่ได้ให้ แต่ข้าอยากให้เจ้ามีของดูต่างหน้า... ฮ่าๆถึงเจ้าไม่อยากก็ตาม” เพียร์โน่กระชากสร้อยเส้นนั้นและโยนมันออกไปยังอีกฟากของห้อง

                  “ท่านทำไมพูดเหมือนท่านจะจากข้าไป”

                  “ฮ่าๆ นั่นสินะ...ข้าแค่รักเจ้า รักเจ้าตั้งแต่เจ้าเด็ก ตั้งแต่ข้าสังหารเจ้าเลยล่ะมั้ง คอยดูเจ้าเติบโต อยากจะกอดเจ้าไว้ อยากจะเก็บเจ้าไว้แต่ข้าก็ไม่มีโอกาสได้ทำเพราะคำสั่งของโจเซฟ แต่เมื่อเขาได้สั่งให้ข้าเจอเจ้าได้ข้าก็ฉวยโอกาสเอาเปรียบร่างนั้นของเจ้า ทำให้เจ้าต้องการข้า...ต้องการข้าเพียงคนใด...ทำให้เจ้ามองแต่ข้าหลงข้าจนไม่สามารถมองหญิงอื่นได้... ให้ตายซิความรู้สึกผิดกำลังจะทำให้ข้าคลั่ง...”

                  “...”

                  “แต่อีกไม่นานข้าก็ต้องไปแล้ว” ไซเนอร์มองชายหนุ่มอย่างเศร้าๆ ดวงตาทั้งคู่เอ่อล้นด้วยน้ำตาและอมความโศกเสียใจไว้

                  “ท่านจะไปไหน?” เพียร์โน่ตะโกน

                  “เพราะข้าบอกเจ้าว่าข้าเป็นอสูร... อีกไม่นาน อีกไม่นานพวกมันจะมาเอาข้าไป” ไซเนอร์ถอนหายใจและทาบริมฝีปากของตัวเองบนของเพียร์โน่อีกครั้ง

                  และพลันกระจกของห้องก็แตกออกพร้อมกับร่างยักษ์สองตัวกระชากร่างของไซเนอร์ออกไปนอกหน้าต่าง ร่างยักษ์ที่ว่าสวมเสื้อผ้าปกปิดทุกส่วนของร่างกาย เนื้อผ้ามืดมิดกลมดลืนกับความมืดของภายนอก ไซเนอร์ถูกมัดโดยโซ่หนามที่แทงลึกเข้ายังผิวหนังของชายผมเข้ม

                  “พวกแกจะพาเจ้านายข้าไปไหน” เพียร์โน่กระโจนออกนอกหน้าต่างแต่ไม่เร็วพอที่จะคว้าตัวไซเนอร์กลับ ยักษ์ตัวหนึ่งยกขวานขึ้นเหนือหัวเตรียมจาบลงบนคอของเพียร์โน่ที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวตั้งรับ

                  “เดี๋ยว” แต่ไซเนอร์กลับร้องเรียกความสนใจของพวกมันสองตัว “ข้าขอพูดกับชายผู้นั้นอีกเพียงรอบเดียว” ปีศาจร่างยักษ์ทั้งสองสบตากันเหมือนจะลังเล มันหันหน้ามายังไซเนอร์

                  “แค่แป๊ปเดียว” เสียงต่ำสั่งบงการ

                  “เพียร์โน่ เจ้าลืมข้าเสียเถิด... ข้ากำลังจะไปเข้าคุกเฉยๆ ข้าไม่ตายหรอก เจ้ายังมีอนาคตอันสดใสได้.... ลืมข้าซะ ข้ามันก็แค่เจ้านายเลวๆที่หลอกลวงฆ่ามารดาของเจ้า...” ไซเนอร์ยิ้มพร้อมกับหน้าตาที่ไหลรินออกมา มันเป็นครั้งแรกที่ชายผมเงินได้เห็นเจ้านายของเขาร้องไห้จากความเศร้า

                  เมื่อพูดจบร่างทั้งสามของยักษ์สองตัวและไซเนอร์ก็สลายตัวไปในความมืดมิดเดินทางไปยังโลกอสูร...

                  เพียร์โน่ทิ้งตัวลงนั้งอย่างหมดแรง

                  เขาถูกปลดปล่อยแล้วหากแต่เขากลับรู้สึกเศร้า... เศร้าจนน้ำรสเข็มไหลอาบแกม เขากุมสร้อยที่ไซเนอร์มอบไว้ให้และทาบริมฝีปากลงไป... ทำไมน้ำตาถึงไหลทั้งๆที่เขาเกลียดเจ้านายเขาจะตาย... ทำไมกัน ทำไม?

                  “ข้าจะตามหาตัวเจ้าไซเนอร์... ข้าจะแก้แค้นแทนมารดาของข้า... ข้าจะลากเจ้าออกมาจากคุก...”

                  เพียร์โน่ยืนขึ้นและมองพระจันทร์เต็มดวงด้วยใบหน้าปะปนไปด้วยความเคียดแค้นและเสียใจ... เขาไม่ได้รักไซเนอร์เขาแค่ต้องการจะลงโทษชายผู้นั้นที่กล้าหลอกใช้เขาแค่นั้น...เขาไม่ได้รักไซเนอร์ ไม่เลย...

                  แต่ร่างกายเขากลับสวนความคิดของชายหนุ่ม... น้ำตายังคงไม่ยอมหยุดไหล

                  “ข้าจะตามหาเจ้าไซเนอร์”....

                    

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×