วันเวลาที่หายไป
นี่คือเรื่องจริง และเป็นสิ่งที่ยากจะเปลี่ยนแปลง
ผู้เข้าชมรวม
99
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
'รอยยิ้มช่วยโลกได้'
นานมากแล้วครั้งที่ผมได้ยินคำ ๆนี้ (ที่เขียนไว้ข้างต้น) จากปากของผู้หญิงคนหนึ่ง
ชื่อของเธอคือ 'อารียา' ครับ ชื่อเล่นคือ 'ซิน'
เธอเป็นคนน่ารักครับ ใจดี ทำอาหารก็เป็น สรุปโดยรวมก็คือแม่บ้านดี ๆนี่เองครับ
ผมกับเธอรู้จักกันตั้งแต่ ม.2
อ้อ ๆ ขอย้อนไปตั้งแต่ก่อนจะพบเธอสักนิดนะครับ
สมัยก่อนผมเป็นคนที่ไม่ค่อยจะเอาไหน การบ้านไม่ส่ง งานไม่ทำ กิจกรรมไม่สน โดดเรียนเป็นนิจ ติดเพื่อนเป็นตังเม
หลังจากผมได้พบกับเธอเธอก็สอนผมหลายอย่างครับ
เธอสอนให้ผมเข้าใจคำว่า 'หน้าที่' และ 'ความฝัน'
หลังจากนั้นไม่นานผมก็ตั้งใจทำงานทำการบ้านมากขึ้น เพื่อนที่ติดก็ติดน้อยลง (มาติดซินแทน หุหุ) ชั่วโมงเรียนที่โดดบ่อยครั้งก็น้อยลงจนเกือบไม่มี (โดดเฉพาะวิชาภาษาอังกฤษ เพราะเรียนไปแล้วปวดหัว)
ส่วนเรื่องความฝันนั้นเธอเป็นหนึ่งในคนที่จุดประกายให้ผม
'นักเขียนนิยาย'
เป็นอาชีพที่ควรจะทำในเวลาว่าง ซึ่งแม่ผมก็บอกกับผมอย่างนั้น
ผมเขียนนิยายมาแล้ว 702 เรื่อง ฟังดูเยอาะนะครับ แต่ทั้ง 702 เรื่องนั้นแบ่งออกเป็น 5 กลุ่มครับ
กลุ่มที่หนึ่ง
มีแต่หัวเรื่อง มีทั้งหมด 256 เรื่อง
กลุ่มที่สอง
วางโครงเรื่องแต่ยังไม่ได้เขียน มีทั้งหมด 319 เรื่อง
กลุ่มที่สาม
เขียนไป 1 - 20 ตอน แต่ยังไม่จบ มีทั้งหมด 127 เรื่อง
กลุ่มที่สี่
เขียนจบใน 35 - 40 ตอน ไม่มีภาคต่อ มีทั้งหมด 50 เรื่อง
กลุ่มที่ห้า
มีภาคต่อ มีทั้งหมด 16 เรื่อง
ซึ่งไม่นับรวมตอนเดียวจบอีกกว่า 200 เรื่อง ซึ่งใช้เวลาถึง 2 ปีครึ่งถึงจะได้ขนาดนี้
แต่แล้วเธอก็ทิ้งผมไว้คนเดียว
เธอบินไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่น
ผมในตอนนั้นเริ่มรู้ตัวแล้วว่าตัวเองชอบซิน เพราะทั้งชีวิตผมแทบจะไม่เคยร้องไห้เลย ซึ่งในวันนั้นผมร้องไห้ ร้องนานเป็นวันที่เดียว
เมื่อผมหยุดร้อง ผมเลิกล้มที่จะเป็นนักเขียน ผมไม่คิดที่จะทำอีกเลยจนกระทั่งวันที่ผมได้พบกับเออีกครั้ง ซึ่งนั่นก็เกือบ 3 ปีให้หลัง
เธอในตอนนี้ดูสวยขึ้นผิดตา ดูมีเสน่ห์ไปเสียทุกอย่าง ขณะที่ตัวผมก็ยังคงเซอร์เหมือนเดิม
เธอกลับมาครั้งนี้เพื่อมาเยี่ยมพ่อแม่ ซึ่งก็อยู่ไม่นาน ผมจึงขอเธอออกไปเรื่องหนึ่ง
'ขอจูบเธอได้ไหม'
เป็นคำขอที่ดูจะเกินตัวจริง ๆ เพราะผมรู้ตัวดีว่าหน้าตาธรรมดา ๆ แต่งตัวก็เซอร์ ๆ ออกจะซกมกนิด ๆ
แต่เธอก็ยิ้มแล้วให้ตามที่ผมขอ
ผมยังรู้สึกช็อคอยู่ครู่ใหญ่ ขณะที่เธอขอตัสวกลับบ้านไป (บ้านเธออยู่อีกอำเภอหนึ่ง)
หลังจากนั้นทุก ๆ 2 - 3 เดือนผมก็จะได้เจอเธอราว ๆ 3 - 5 วัน
เธอเริ่มสอนผมอีกครั้ง
สอนให้ผมเขียนนิยาย เข้าใจความรู้สึกของคนรอบตัว มองบางสิ่งในมุมที่แตกต่าง และวิธีพูดโน้มน้าวจิตใจคน ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าจะได้ใช้หรือเปล่า
ในระหว่างนั้นผมได้โดนทางโรงเรียนไล่ออก เพราะคะแนนไม่พอ ผมจึงไปเรียนต่อที่ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน ซึ่งซินก็เข้าใจดีว่าผมเป็นยังไง ทำไมจึงถูกไล่ออก
บางครั้งผมคิดว่าเธอรู้ดีกว่าพ่อแม่ผมเสียด้วยซ้ำไป เพราะเธอรู้กระทั่งว่าผมใส่เสื้อผ้าเบอร์อะไร เวลาไหนทำอะไร
ผมเคยสารภาพรักกับเธอไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่เธอไม่รับ
'ซินอยากจะเห็นอนาคตของท๊อปก่อน'
เธอบอกกับผมอย่างนั้น ซึ่งความหมายของเธอก็คืออยากจะรู้ว่าในอนาคตผมจะมีหน้าที่การงานยังไง ทำตัวยังไง ประมาณนั้น
วันที่ 6 มีนาคม 2549
ครับ เดือนนี้นี่เอง นิยายที่ผมเขียนในคอมหายไปทั้งหมด เพราะไวรัสที่ติดมากับไฟล์หนึ่งที่ผมโหลดมา
ผมหมดอะไรตายอยากครับ หัวสมองไม่แล่น เหมือนกับว่าในหัวมันขาวโพลนไปหมด แต่เธอก็ยังปลอบใจผม
'เคยเขียนได้ครั้งหนึ่งก็ต้องเขียนได้อีก ถึงแม้ว่าจะไม่เหมือนเดิม แต่มันก็อาจจะดีกว่าเดิมนะ'
เธอเป็นนางฟ้าในใจผมจริง ๆ ผมคิดว่าเธอนี่แหละคือคนที่ผมอยากจะแต่งงานด้วย ใช้ชีวิตอยู่ร่วมด้วย
ในเย็นวันเดียวกันเธอก็ขอตัวบินกลับไปญี่ปุ่น เนื่องจากเธอมีงานประจำทำที่โน่น
วันที่ 12 มีนาคม 2549
มีโทรฯทางไกลมาจากญี่ปุ่น ผมนึกว่าเป็นเธอ แต่ไม่ใช่เป็นเพื่อนของเธอที่เป็นคนไทยที่นั่น
'ซินโดนแทง ตอนนี้เธอตายแล้วนะ'
นี่เป็นเรื่องบ้า ๆที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นกับเธอเลย
ซินโดนแทงเพราะขัดขืนโจรที่จี้กระเป๋าเธอ
พูดไปอาจจะเหมือนในหนัง
ผมทรุดลงกับพื้นเอามือทาบอก หัวใจของผมเต้นรัว น้ำตาเอ่อล้นออกจากตาทั้งสองข้าง ภาพส่งต่าง ๆรอบตัวดูเบลอไปหมด
วันที่ผมเขียนนี้คือวันที่ 15 มีนาคม 2549
ผมนั่นเขียนทั้งน้ำตา แต่ผมกลับรู้สึกขำ
ขำในความรู้สึกของตัวเอง
เพราะอะไร ทำไม คนดี ๆถึงได้ตายก่อนคนชั่ว คนที่ผมรักมากมายตายเพราะคนเลว ๆคนหนึ่ง และตัวผมเองที่ไม่มีโอกาศได้ทำอะไรให้ซิน หรือคนที่ผมรักเลย
ในตอนนี้ผมเริ่มทำใจได้แล้ว และเริ่มยิ้มอีกครั้ง
'รอยยิ้มช่วยโลกได้'
มันเป็นคำสั้น ๆที่ก้องอยู่ในหูผมตลอดเวลา ถึงแม้ว่าในใจจะร่ำไห้อย่างมากมายก็ตาม
ชาวโลก, คิริน, และคนที่เคยมาโพสในนิยายของผมในบอร์ดเก่าก็คงจะเคยฟังเรื่องพวกนี้มาบ้าง อ้อ นามปากกาเก่าผมในบอร์ดเก่าคือ 'ฟิลอซโอเปอร์' กับ 'ปีชวดคอปไดโดม่อน&พล'
สุดท้ายนี้ผมก็ขอให้ท่านที่ได้อ่านจงตระหนักไว้เสมอว่า....
'คนที่เรารักนั้นอาจจะอยู่ไม่นานดังที่เราคิด ไม่แน่วันพรุ่งนี้คุณอาจจะไม่ได้พบเขาแล้ว เพราะฉะนั้น ในวันนี้ ชั่วโมงนี้ เวลานี้ วินาทีนี้ จงนำสิ่งดี ๆ สิ่งที่ควรมอบให้แด่คนที่เรารักด้วยใจจริง'
ขอให้พระเจ้าคุ้มครอง
By : ฟิลอซโอเปอร์ (นามปากกาเดิม)
ผลงานอื่นๆ ของ ปราชญ์ติดดิน ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ปราชญ์ติดดิน
ความคิดเห็น