คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #80 : ◣Fanfic◥ [DoflamingoxLuffy] Akaito (Part9) [END]
Title: Akaito
Pairing: Doflamingo x Luffy
Rate: PG-13
Writer: PINKUHERO
Part: 9/10
แนะนำเปิดเพลงเพื่ออรรถรสได้นะคะ:)
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ในตอนที่ไร้ทางสู้ หมาจนตรอกมักจะทำทุกทางเพื่อให้ตัวเองมีชีวิตรอด
ไคโดรู้สึกชาไปทั่วร่าง อาจด้วยความรู้สึกเหมือนผู้แพ้ที่เข้าปกคลุมจิตใต้สำนึก และความเจ็บปวดจากบาดแผลที่ทำให้โลหิตสีแดงฉานไหลออกมา แต่เจ้าตัวก็ไม่ปล่อยมือจากตัวประกันที่ตัวเล็กกว่าตนอยู่มากโข
โดนเจ้าเด็กนี่ปั่นหัวจนหลงเชื่อโดยไม่คิดสงสัย ตั้งแต่เมื่อไรกันที่มันรู้ความจริงทั้งหมด
เขาเคยทำให้มันสูญเสีย ไร้ที่พึ่งและต้องอยู่ใต้ร่มเงาของตนเสมอมา แต่ในเวลานี้ทุกอย่างกลับย้อนกลับมาเล่นงานตนเสียเอง ไคโดสูญสิ้นทุกอย่างทั้งอำนาจและความมั่งคั่งภายในชั่วข้ามคืน นั่นทำให้บุคลิกที่เคยเงียบขรึมแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธแค้น
ในเมื่อต้องเสียทุกอย่างไป อย่างน้อยเจ้าเด็กตรงหน้าจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต
มันเองก็ต้องเสียของสำคัญที่สุดไปเช่นกัน…
บรรยากาศในยามพลบค่ำชวนให้วังเวง ท้องฟ้ากว้างแปรเปลี่ยนเป็นสีส้มแดงราวกับโลหิต ก่อนที่ความมืดจะคลืบคลานเข้ามาอย่างเชื่องช้า หน้าผาตรงที่คนทั้งสามยืนอยู่มีลมพัดกรรโชก โอบล้อมไปด้วยมหาสมุทรกว้างสุดลูกหูลูกตา
อาศัยจังหวะที่ทุกฝ่ายต่างไม่ทันตั้งตัว แม้ร่างกายจะยังบาดเจ็บแต่ก็รวดเร็วผิดกับกายสูงใหญ่ คนมีอายุกระชากทั้งร่างของหลานชายของการ์ปไปด้วยกัน หวังจะทิ้งน้ำหนักลงไปยังปากเหวลึกเพื่อหนีปัญหาทุกอย่าง
เหตุการณ์ทุกอย่างเกิดขึ้นภายในเสี้ยววินาที เร็วกว่าที่จะรู้ตัว กายสูงโปร่งของดองกิโฮเต้ก็รีบพุ่งเข้าไปถึงตัวคนที่ตนห่วงหา ออกแรงกระชากข้อมือบอบบางนั้นก่อนออกแรงเหวี่ยงกลับมา จนร่างผอมบางล้มลงกระแทกกับพื้นดินได้ทันเวลาก่อนจะตกลงไป
สิ่งที่ทำให้ร่างเล็กรู้สึกราวกับก้อนเนื้อใต้อกถูกบีบรัดอย่างรุนแรงไม่ใช่ความรู้สึกเจ็บเพราะบาดแผลตามตัว ดวงตากลมโตเบิกกว้างพร้อมเสียงในลำคอที่ขาดห้วง เมื่อร่างของคนที่เหวี่ยงเขากลับขึ้นมาบนหน้าผากลับกำลังร่วงลงไปแทนเพราะแรงโน้มถ่วงของโลก
ใบหน้าของโดฟลามิงโก้ระบายยิ้มเศร้า ราวกับว่านั่นเป็นการจากลาระหว่างคนทั้งคู่
เบื้องล่างคือผืนทะเลมืดมิดกว้างสุดลูกหูลูกตา ลึกล้ำเกินกว่าจะคาดเดา กลืนกินทุกอย่างให้เหลือเพียงความว่างเปล่า
“ไม่นะมิงโก้… มิงโก้!”
เหตุการณ์ทุกอย่างคลี่คลายกลับเข้าสู่สถานการณ์ปกติ หมดสิ้นซึ่งอำนาจของไคโดที่ปกครองเมือง ประชาชนที่ถูกกดขี่ได้กลับมาใช้ชีวิตอย่างที่ตนพึงมีอีกครั้ง
ความสัมพันธ์ระหว่างสองตระกูลใหญ่อย่างมังกี้และดองกิโฮเต้ถูกเปิดเผยแก่สาธารณชนว่าพวกเขาร่วมมือกันปั่นหัวอิทธิพลใหญ่มาโดยตลอด แท้จริงแล้วหัวหน้าครอบครัวจากทั้งสองตระกูลซ้อนแผนของไคโดว่ามีปัญหาไม่ลงรอย ความจริงแล้วต่างก็นำหลักฐานที่ตนได้มาแลกเปลี่ยนกันอยู่ไม่ขาด
ดองกิโฮเต้ โดฟลามิงโก้รอบคอบพอที่จะสร้างหลักฐานปลอมนำไปมอบให้กับไคโดเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายจะต้องทำลายทิ้ง ส่วนของจริงถูกเก็บรักษาไว้อย่างดีกับการ์ปตั้งแต่แรก ทั้งเหตุการณ์โกลด์ โรเจอร์และคดีไฟไหม้เมื่อเกือบยี่สิบปีก่อน
ภายหลังเหตุการณ์ชิงตัวประกันเกิดขึ้นได้เพียงวันเดียว ตำรวจก็พบร่างของไคโดนอนบาดเจ็บสาหัสอยู่ที่ริมชายหาด อาจเพราะแก่งบริเวณนั้นมีต้นไม้คอยดูดซับแรงกระแทกได้เยอะ ชายผู้นั้นจึงรอดชีวิตกลับมาได้อย่างปาฏิหาริย์
เขาได้รับการรักษาจนหายและกลับมารับโทษที่ตนกระทำอย่างเหมาะสม
หากแต่ใครอีกคนกลับหายสาบสูญ ไม่พบแม้แต่ร่องรอยการมีชีวิตอยู่…
ฤดูใบไม้ผลิของหมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้วนกลับมาอีกครั้ง เป็นดังเช่นทุกปีที่ท้องถนนจะปกคลุมไปด้วยต้นไม้ที่มีเพียงกลีบดอกสีชมพูหวานละมุน กลิ่นหอมอ่อนๆ โชยมากับสายลม เข้าปะทะใบหน้าและผิวกายให้รู้สึกถึงความหนาวเย็น
กายบอบบางทิ้งตัวลงนั่งในสวนดอกไม้ของตระกูลยิ่งใหญ่ที่ปัจจุบันก็ยังเป็นเช่นนั้น หัวหน้าตระกูลดังกล่าวหายสาบสูญไปกว่าครึ่งปีแต่ก็ไม่มีข่าวคราวว่าจะแต่งตั้งผู้สืบทอดคนต่อไปขึ้นมาทดแทน ราวกับพวกเขากำลังเฝ้ารอการกลับมาของชายผู้นั้นแม้จะไร้ความหวัง
ตามความตั้งใจเดิมของโดฟลามิงโก้ สวนดอกไม้สีชมพูแห่งนี้อนุญาตแค่เพียงหลานชายของการ์ปที่สามารถเยื้องย่างเข้ามาได้เท่านั้น ฝ่ามือเล็กลูบสัมผัสไปกับพื้นหญ้าที่มีกลีบดอกไม้ร่วงหล่นอยู่ประปราย ดวงตากลมโตจ้องมองเข้าไปในศาลเจ้าเก่าๆ อย่างไร้จุดหมาย
ราวกับว่าเหตุการณ์แบบนี้เคยเกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้ว
การที่ใครคนหนึ่งต้องถูกทิ้งให้เฝ้ารออย่างไม่มีวันสิ้นสุด…
หากโชคชะตามีอยู่จริง ก็ช่างโหดร้ายเสียเหลือเกิน
ทุกอย่างเชื่อมโยงถึงกันทั้งหมด จุดเริ่มต้นทุกอย่างเกิดขึ้นที่สวนซากุระแห่งนี้และบรรจบลงที่นี่เช่นเดียวกัน ในตอนที่รู้สึกได้ว่าตัวตนของตนกลับมายังที่แห่งนี้อีกครั้ง กลับกลายเป็นว่าจะต้องสูญเสียใครอีกคนไปในเวลาเดียวกัน
จะไม่มีวันได้ลงเอยอยู่ด้วยกันเลยอย่างนั้นหรือ…
หลายครั้งที่ลูฟี่กลับมาที่สวนดอกไม้แห่งนี้จนกลายเป็นกิจวัตรประจำวัน
เขาใช้เวลากว่าค่อนวันทิ้งกายลงนั่งอยู่หน้าศาลเจ้าร้าง บ้างก็ทิ้งตัวลงนอนกับพื้นและทอดมองไปยังทะเลสาบกว้างเบื้องหน้า ที่แห่งนี้ให้ความสบายใจแก่เด็กหนุ่มเสมอมา
อากาศในฤดูใบไม้ผลิค่อนข้างหนาวเย็น ทั้งที่มักจะแต่งกายมิดชิด แต่กลับมีความทรงจำหนึ่งไหลเข้ามาในหัวว่าอีกฝ่ายเคยบ่นว่ายูกาตะสีม่วงของเขาบางเกินไป ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเคยไปสวมชุดแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไร แต่พลันนึกถึงทีไรก็อดพาให้อมยิ้มไม่ได้ทุกที
ไปอยู่ที่ไหนกันนะ…จะกลับมาหรือเปล่า
หรือคราวนี้เป็นคราวของเขาที่จะต้องเฝ้ารอแทนกันนะ…
เวลาค่อยๆ ไหลผ่านไปอย่างเชื่องช้า เข้าสู่ช่วงเดือนที่ฤดูใบไม้ผลิใกล้จะจบลง
อากาศที่เคยหนาวเย็นเริ่มอบอุ่นขึ้นอีกครั้ง สัญญาณแห่งฤดูร้อนกำลังหมุนเปลี่ยนเข้ามาทดแทน
มีหลายสิ่งเปลี่ยนแปลงไปในเวลาแค่ไม่กี่เดือน แต่หลานชายตัวเล็กของเขาก็ยังคงใช้เวลาช่วงกลางวันอยู่ที่สวนดอกไม้ของตระกูลดองกิโฮเต้ราวกับเป็นบ้านหลังที่สอง
ไม่ใช่ว่าจะไม่เข้าใจเหตุการณ์ทุกอย่างเสียทีเดียว โดฟลามิงโก้ที่ผิดเงื่อนไขที่เคยตกลงกับเขาอยู่ซ้ำๆ เพียงเพื่อจะได้พบเจอกับลูฟี่แม้เพียงช่วงเวลาสั้นๆ กับหลานชายตัวดีที่ไม่เป็นอันทำอะไรตั้งแต่เจ้าตัวหายไปอย่างไร้ร่องรอย
เกิดขึ้นตั้งแต่ตอนไหนกันนะ… ความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่
เขาเองก็เห็นหัวหน้าตระกูลคนนั้นมาตั้งแต่วัยรุ่น จนเจ้าตัวสร้างทุกอย่างเป็นของตัวเอง เป็นชายเจ้าเล่ห์ที่ไม่ว่าใครก็ตามเกมไม่ทันหากไม่ได้รู้จักกันดี
ชายสูงอายุทอดมองแผ่นหลังบอบบางที่นั่งมองนกกระยางกำลังจับปลาในทะเลสาบด้วยความสนใจ สายลมโชยอ่อนพัดกระทบกลุ่มผมนุ่มให้พัดปลิว เขาพาร่างสูงใหญ่ของตนลงไปทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ กับหลานชายอย่างแผ่วเบา
“แกยังรอมันกลับมาอยู่อีกงั้นหรอ” วางฝ่ามือใหญ่ลงบนศีรษะทุยก่อนออกแรงโยกเบาๆ คนที่เพิ่งรู้ตัวหันหน้ากลับมามองก่อนย่นคิ้วเล็กน้อย
“ฉันเชื่อนะว่าเขายังไม่ตาย ใครจะว่าบ้าก็ช่าง”
แม้น้ำเสียงจะดูไม่ยอมรับแต่ใบหน้าหวานกลับแสดงสีหน้าไม่มั่นใจในคำพูดของตน นานแค่ไหนแล้วนะที่เขาเฝ้ารอคนๆ นั้นกลับมาแม้จะไม่มีความหวังก็ตาม
“แกชอบมันขนาดนั้นเลยหรอ”
คำพูดของปู่ทำให้ลูฟี่ชะงัก เขามองหน้าคนสูงอายุก่อนกระพริบตาปริบๆ เชิงไม่เข้าใจ ก่อนดวงตากลมโตจะเปลี่ยนกลับมาสนใจทะเลสาบตรงหน้าอีกครั้ง นิ้วเรียวทั้งห้ากำเข้ากับอกเสื้อของตนแน่น ก้อนเนื้อที่อยู่ข้างในนี้มันกำลังเต้นตึกตักและบีบตัวแน่นจนเจ็บไปหมด
“ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงผูกพันขนาดนี้เหมือนกัน”
ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและมิงโก้มันประหลาด ราวกับมีบางสิ่งพันผูกให้ต้องกลับมาเจอกันอีกครั้งไม่ว่าอย่างไรก็ตาม
“ตั้งแต่ครั้งแรก มันเหมือนกับว่าฉันต้องกลับมาเจอเขาให้ได้”
ขนาดไคโดยังรอดกลับมาได้ แต่เด็กหนุ่มไม่สามารถรู้ได้เลยว่าในตอนนี้อีกฝ่ายหายไปอยู่ที่ใด…
การ์ปมองท่าทางของหลานชายแล้วทำได้เพียงลูบศีรษะทุยนั้นราวกับต้องการปลอมประโลม กับบางสิ่งบางครั้งมันก็หาเหตุผลมารองรับได้ยาก หากการได้รักใครซักคนแล้วต่อให้เป็นคนมีเหตุผลสักแค่ไหน คนๆ นั้นก็กลายเป็นเด็กไปได้ในชั่ววินาที
ลูฟี่เติบโตจนถึงวัยที่มีความรู้สึกแบบนี้กับเขาแล้วสินะ…
“ฟ้าจวนจะมืดแล้ว แกเองก็กลับไปได้แล้วล่ะนะ” เขายันตัวขึ้นยืน ก่อนยื่นมือข้างหนึ่งไปไว้ตรงหน้าเด็กน้อย บรรยากาศรอบตัวเริ่มปกคลุมไปด้วยความมืดมิดของยามค่ำคืนอย่างเจ้าตัวว่า
คนทั้งคู่เดินข้างกันไปจนเกือบออกจากสวนซากุระของดองกิโฮเต้ แต่แล้วปลายเท้าทั้งคู่ก็พลันต้องชะงักลงเพราะร่างหนึ่งที่ปรากฏขึ้นมาตรงหน้า
“ฉันก็รอเธออยู่เหมือนกัน …รอมานานแล้ว”
ดวงตาของทั้งปู่และหลานเบิกกว้างขึ้น เมื่อภาพเบื้องหน้าทำให้ประหลาดใจจนหน้าถอดสี ใครคนหนึ่งที่มีร่างกายสูงโปร่งยืนกอดอกอยู่ในชุดยูกาตะ เขาระบายยิ้มน้อยๆ ให้ราวกับกำลังทักทาย
“ในที่สุดก็ไม่ต้องรออีกแล้วล่ะนะ”
แม้ร่างกายจะไม่ได้บุบสลาย แต่ใบหน้าคมกลับมีรอยขีดข่วนให้เห็นอยู่ประปราย ผ้าพันแผลปรากฏให้เห็นตามกล้ามเนื้อสมส่วนที่โผล่พ้นชุดยูกาตะสีครึ้ม คนมองริมฝีปากสั่นระริก คำพูดมากมายที่อยู่ในหัวกลับมลายหายไปจนไม่อาจเอ่ยออกมาได้ ก่อนดวงตากลมโตจะเริ่มเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา ร่วงเผาะลงมาเป็นสายอย่างไม่อาจกลั้น
กายบอบบางวิ่งเข้าไปสวมกอคนที่เฝ้าถวิลหาทันทีที่รู้สึกตัว อุณหภูมิร่างกายของอีกฝ่ายที่อบอุ่น เป็นการยืนยันว่าเขาไม่ได้ฝันไป ฝ่ามือใหญ่ที่กอดตอบเพื่อปลอบประโลม เขารู้สึกถึงมันได้ทั้งหมด
เด็กน้อยร้องไห้สะอึกสะอื้น งึมงำคำพูดอยู่ในลำคอจนฟังไม่ได้ศัพท์ ส่วนคนตัวสูงทำได้เพียงมองร่างที่เล็กกว่าพร้อมรอยยิ้ม
“นายหายไปไหนมา!” กว่าจะรวบรวมคำพูดออกมาได้ เจ้าตัวก็เสียน้ำตาไปเยอะเสียจนเสียงเล็กนั้นขึ้นจมูก ไม่ใช่แค่ลูฟี่ที่ประหลาดใจ แต่การ์ปเองก็ปรับอารมณ์ตามไม่ทันเช่นกัน
ชายที่หายสาบสูญไปค่อนปี ดองกิโฮเต้ โดฟลามิงโก้ มายืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาแล้ว…
จริงอยู่ว่าพื้นที่แห่งนั้นคือแก่งที่มีลักษณะเป็นเหวลึก แต่ก็มีกิ่งไม้มากมายยื่นออกมาคอยดูดซับความเสียหายที่จะเกิดขึ้นให้เบาลง อย่างไรก็ตามเบื้องล่างก็ยังคงเป็นทะเลลึกในยามค่ำคืน อุณหภูมิที่เย็นเฉียบขนาดนั้นให้คิดอย่างไรก็ไม่มีวันอยากตกลงไปอีก
“ตกจากที่สูงขนาดนั้น ฉันเองก็ต้องรักษาตัวเองสิ”
ไคโดบาดเจ็บสาหัส เขาเองก็บาดเจ็บสาหัสเช่นเดียวกัน แค่พาตัวเองกลับมาในสภาพสมบูรณ์ได้ขนาดนี้ก็เก่งแล้ว
ใช้เวลานานกว่าที่คิด กว่าร่างกายจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม เพราะอย่างนั้นจึงหายไปโดยไม่ได้บอกใครเลย
ปล่อยให้อีกฝ่ายรอจนได้สินะ… แต่เขาก็ดีใจที่เด็กหนุ่มยังรอเขาอยู่จนทุกวันนี้
เพราะไม่ว่าอย่างไรก็จะกลับมาหา ไม่ว่าจะกี่ครั้ง หรือนานเท่าใดก็ตาม…
“อย่าหายไปไหนอีกนะ …ไม่ว่าจะตอนนี้หรือตอนไหน” เห็นใบหน้าหวานที่ยังเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาก็อดยิ้มด้วยความเอ็นดูไม่ได้ มือใหญ่ยื่นเข้าไปค่อยๆ ใช้แขนเสื้อยูกาตะซับน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน
เข้าใจความหมายในสิ่งที่อีกฝ่ายจะสื่อได้ในทันที
ไม่ใช่เพียงเหตุการณ์ครั้งนี้… แต่หมายถึงทั้งในอดีตที่โชคชะตาเคยพรากคนทั้งคู่ออกจากกันมาแล้วครั้งหนึ่ง
“เธอก็เหมือนกัน…”
บางสิ่งขีดเส้นมาให้พวกเขาต้องมาพบกัน และพันผูกกันไว้ด้วยด้ายสีแดง
จะไม่มีครั้งต่อไป ไม่ว่าอย่างไรเขาก็จะไม่ยอมเสียคนๆ นี้ไปอีกตลอดกาล…
และนี่คือเรื่องราวความรักระหว่างคนทั้งคู่ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงโชคชะตาได้
ไม่ว่าอย่างไรด้ายแดงเส้นนี้ก็จะเชื่อมคนทั้งคู่ให้กลับมาพบกันสักวันหนึ่ง
เพื่อให้พวกเขาได้อยู่เคียงคู่กันตลอดไป…
ความคิดเห็น