ค่าเริ่มต้น
- เลื่อนอัตโนมัติ
- ฟอนต์ THSarabunNew
- ฟอนต์ Sarabun
- ฟอนต์ Mali
- ฟอนต์ Trirong
- ฟอนต์ Maitree
- ฟอนต์ Taviraj
- ฟอนต์ Kodchasan
- ฟอนต์ ChakraPetch
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #20 : Rule 15 : (Special Khim x Pete) อาการแพ้
Special Pete Part
ผมพยายามขับไล่ไสส่งให้พี่ขิมไปนั่งที่อื่นแต่ดูเหมือนแรงผมจะไม่พอที่จะทำให้พี่แกลุกออกจากเบาะที่นั่งได้เลย ไอ้มินทร์ที่นั่งอยู่เบาะด้านหลังถัดจากผมสามแถวก็ส่งสายตามาไล่พี่แกไม่หยุด รำคาญไอ้สองคนนี้จริงๆ
ตอนที่ผมเลือกที่นั่งไอ้มินทร์ก็กำลังยกกระเป๋าเล็กๆ ไว้ที่เก็บกระเป๋าบนหัวทำให้พี่ขิมแทรกตัวเข้ามานั่งข้างผม พี่ขิมกับไอ้มินทร์ทะเลาะกันอยู่นานจนไอ้มินทร์ถูกเฉดหัวออกไปนั่งที่อื่นที่ไกลออกไปเพราะเบาะใกล้ๆ ผมถูกคนอื่นจองหมดแล้ว
“พี่ขิม! ถ้าอยากนั่งตรงนี้นักก็นั่งไปเลย ผมจะไปนั่งกับเพื่อน” ผมที่นั่งอยู่ที่นั่งติดกระจกพยายามจะออกไปแต่ขาพี่ขิมก็ยาวจนปิดทางเดินออกเสียมิด
“น้องมินทร์เขานั่งกับคนอื่นไปแล้วน้องพีทก็นั่งอยู่กับพี่นี่แหละ” พี่ขิมยกเข่าขึ้นทำให้ผมเดินข้ามไปไม่ได้
“ผมจะขอเปลี่ยนที่กับคนอื่น มีคนอยากนั่งกับพี่ขิมเยอะแยะไปรับรองว่าผมได้นั่งที่อื่นแน่” ผมพูด
“คนอื่นอยากมานั่งกับพี่พี่ไม่ดีใจเท่าน้องพีทอยากมานั่งกับพี่หรอกครับ” พี่ขิมยิ้มโชว์ฟันเหล็กครบทุกซี่จนตาหยี ไอ้หน้าตาหล่อๆ แบบนี้ผมล่ะอยากจะอัดให้เสียโฉมจริงๆ ชอบเอาหน้าตัวเองไปอ่อยคนนั้นคนนี้ ผมล่ะเบื่อ!
“เรื่องนั้นมันแล้วแต่พี่” ผมทำหน้ารำคาญก่อนผลักขาพี่แกให้พ้นทาง
“กลับมานั่งที่เดิมนี่แหละดีแล้ว” พี่ขิมดึงผมให้กลับลงไปนั่งก่อนจะดันไหล่ผมจนติดหน้าต่างแล้วหยิบเสื้อแจ็กเก็ตขึ้นมาบังไว้และก้มลงมา...
...จูบผม!! อ๊ากกกกกกก!!!!
อะ...ไอ้...ไอ้ควายเอ๊ย!!! จูบกู!! ไอ้สลัดผัก!! กูจะเก็บไว้ให้แฟนคนแรกของกูแล้วมึงมาจูบกูทำไม ไอ้รุ่นพี่เวรตะไลเอ๊ย!!
“อึ๊! ฮึ่ย!! ทำบ้าอะไรของพี่...!!” ผมดันหน้าพี่ขิมออกอย่างแรงก่อนจะโวยวายแต่พี่ขิมปิดปากผมเอาไว้
“จุ๊ๆ เดี๋ยวคนอื่นก็รู้หรอกว่าเราทำอะไรกัน พี่อุตส่าห์เอาแจ็กเก็ตมาบังไว้แล้วนะ” พี่ขิมกระซิบเบาๆ ถึงตอนนี้ผมโวยวายออกไปก็คงไม่มีใครสนใจเพราะมัวแต่ออกไปดิ้นอีกอย่างเพลงก็เสียงดังกระหึ่มจนต้องตะโกนคุยกัน
“นี่!! ปล่อยผมนะ โว้ย!! รำคาญซะจริง!!” ผมจิกผมสั้นๆ ของพี่ขิมและดันให้พี่แกออกห่างจากผม แต่ดูเหมือนว่ายิ่งดันพี่แกยิ่งเบียดเข้ามาใกล้
จ๊วบ!
พี่ขิมดันร่างกายเข้าก่อนจะคว้าข้อมือของผมไว้ทั้งสองข้างและชะโงกหน้ามาจูบผมอีก เสื้อแจ็กเก็ตที่ถือไว้ตอนแรกตกลงไปปิดหัวเราทั้งสองคนไว้ทำให้ผมหายใจติดขัดมากกว่าเดิม
“พี่ขิม...อึ๊ นี่ ไอ้...ไอ้พี่ขิม อุ๊บ!” ผมพยายามหันหน้าหนีแต่ไม่พ้นโดนพี่ขิมตามจูบปิดปาก จูบไม่พอยังดูดปากผมจนเจ็บไปหมด โอ๊ย ไม่ไหวแล้ว!!
“นี่! มันจะมากเกินไปแล้วนะ!” แจ๊กเก็ตถูกดึงออกก่อนที่พี่ขิมจะถูกกระชากไหล่ออกไปผมจึงรีบสูดลมหายใจให้เต็มปอด เมื่อกี้แทบไม่ได้หายใจ
เพี้ยะ!!
ผมได้สติก่อนจะตบหน้าพี่ขิม ไอ้มินทร์เองก็ทำท่าจะต่อยพี่ขิมเหมือนกันแต่ผมห้ามไว้เพราะผมจะเป็นคนทำเอง ผมกัดฟันกรอดก่อนจะตบหน้าพี่ขิมอีก ผมฟาดมือถี่รัวจนจุดที่พี่ขิมถูกตีแดงขึ้นมาเป็นปื้น
“มินทร์ มึงกลับไปนั่งที่เดิมเถอะ คนเริ่มมองแล้ว” ผมหยุดตีพี่ขิมก่อนจะโบกมือไล่ไอ้มินทร์ ไอ้มินทร์ทำหน้าขัดใจก่อนจะยอมเดินไปแต่โดยดี
ผมถอนหายใจก่อนจะหันหน้าหนีอย่างโกรธเคือง มีอย่างที่ไหนที่จู่ๆ ก็มาจูบกันแบบนี้ ถ้ากล้าจูบผมขนาดนี้แสดงว่าพี่แกเป็นคนที่จูบพร่ำเพรื่อไม่มีความจริงใจ
“น้องพีท พี่ขอโทษ พี่ไม่คิดว่าน้องพีทจะโกรธขนาดนี้” พี่ขิมพูดเสียงอ่อย
“ผมไม่ใช่เด็กของพี่ที่นึกจะทำอะไรก็ทำ ถ้าอยากนักก็ไปหาคนอื่น” ผมพูดเสียงโกรธเคือง
“พี่ไม่อยากทำกับคนอื่นนะ พี่อยากจะทำกับน้องพีทแค่คนเดียว” พี่ขิมกระซิบเบาๆ ที่ข้างหู ผมไม่ชอบใจจึงผลักพี่แกออกจนพี่แกเกือบตกจากเบาะ
“อย่ามาทำรุ่มร่ามกับผม ผมไม่ใช่คนที่จะยอมให้ใครมาทำอะไรง่ายๆ โดยเฉพาะกับคนที่ผมเกลียด” ผมพูดออกไปโดยไม่คิดเพราะความโกรธครอบงำ
“ฮะๆ โดนรังเกียจซะแล้วเรา” พี่ขิมหัวเราะพลางพูดเสียงเศร้าๆ ก่อนจะลุกออกไป และไม่นานไอ้คิทก็มานั่งแทนที่ มันมองผมอย่างรู้ๆ กันก่อนจะหยิบขนมออกมากินโดยไม่ลืมชวนผมกินด้วย
ตื่นขึ้นมาอีกทีก็ถึงจุดหมายเสียแล้ว กว่าจะเดินทางมาถึงเชียงใหม่ได้ไม่ใช่ใกล้ๆ เลยแสดงว่าผมหลับไปนานมากพอสมควรเพราะผมไม่ได้ลงแวะปั๊มกับเพื่อนเลย มิน่าล่ะ ปวดฉี่จัง
เอ๊ะ!?! ก่อนที่ผมจะลุกและเดินลงจากรถเสื้อแจ็กเก็ตหนาๆ ตัวโคร่งๆ ก็หล่นจากตัวผมลงบนพื้น เสื้อใครวะ?? แล้วมันมาได้ไง?? ครั้นจะหันไปถามไอ้คิทก็ไม่ทันเพราะมันเดินตัวลอยลงจากรถไปโดยไม่ชวนผม มันเป็นเพื่อนที่แสนดีมากครับ
“แล้ว...เหี้ ย แล้วนี่เสื้อใครวะ!?!” คนอื่นลงจากรถหมดแล้วปล่อยให้ผมยืนโง่คนเดียวโดยไม่รู้ว่าจะเอาเสื้อนี่ไปคืนใคร
“อยู่ห้องละสองคนนะครับ” พี่ดินพูดขณะที่ยืนแจกกุญแจห้องให้ ที่ที่เรามาพักเป็นรีสอร์ทบนดอยที่อากาศโคตรจะดีและโคตรจะหนาว รีสอร์ทหลังหนึ่งมีสามห้องซึ่งแน่นอนว่าพวกเราต้องพักด้วยกันโดยมีรูมเมทไอ้ลิซติดมาด้วยเพราะต้องพักหลังละหกคน
“กูกับเชี่ยคิทจะอยู่ด้วยกัน ที่เหลือพวกมึงไปตกลงกันเอง” ผมควงแขนไอ้คิทก่อนจะรีบลากมันไปที่ห้องพักเพราะตอนนี้ฉี่ผมจะราดอยู่แล้ว
“กูอยู่กับไอ้วานะมึง กูไม่รู้จักรูมเมทมึง” ไอ้มินทร์พูดแล้วลากไอ้วาตามพวกผมมา ดูๆ ไปพวกมึงสองตัวก็เหมาะกันดีนะ ฮ่าๆๆ
หลังจากทำธุระและจัดของเรียบร้อยแล้วพวกเราก็ออกมานั่งเล่นอยู่ระเบียงหน้าบังกะโลและนั่นทำให้ผมรู้จักเพื่อนใหม่อีกคนที่เป็นรูมเมทไอ้ลิซ เนื่องจากผมไม่ได้เรียนอยู่ห้องเดียวกันกับพวกนั้นผมจึงไม่กล้าที่จะคุยกับเพื่อนใหม่คนนั้นนัก
“เออคิท มึงเห็นไหมว่าใครเอาเสื้อนี่มาให้กู” ผมชูเสื้อแจ็กเก็ตตัวโคร่งๆ นั่นขึ้นถามไอ้คิท
“ไอ้คีตะเอามาให้ มึงนอนสั่นซะกูยังตกใจ ก็แอร์มันหนาวนี่เนอะ” ไอ้คิทพูด แล้วพี่คิท...จะเอามาให้กูทำห้าอะไรวะ กูไม่ได้สนิทกับพี่แกขนาดนั้นนี่หว่า
“วา กูฝากคืนพี่มึงหน่อย” ผมหันไปหาไอ้วา
“ไม่ กูงอนเฮียอยู่” ไอ้วาสะบัดหน้าหนีทำหน้างอนเป็นตูดหมา แล้วนี่ไปทะเลาะเชี่ยอะไรกันวะ
“คิทมึง เอาไปคืนให้กูหน่อย กูไม่สนิทกับพี่คิท” ผมหันไปหาไอ้เชี่ยคิทมันจึงรีบโบกมือไปมา
“ไม่ๆ กูทะเลาะกับมันเหมือนกัน แม่ง แย่งกูแดกขนมไม่พอเสือกนอนน้ำลายยืดใส่เสื้อกู แหวะ” ไอ้คิทพูดพลางทำท่าจะอ้วก ทะเลาะกันได้ปัญญาอ่อนฉิบหาย!
“มึงคืนเองดิพีท เฮียไม่กัดมึงหรอก” ไอ้ลิซพูดพลางชี้ไปที่กลุ่มผู้ชายที่ผมไม่อยากเข้าไปอยู่ใกล้เพราะมันจะทำให้ความหล่อของผมถูกบดบัง แค่นี้ก็ไม่เหลือพอให้บังละขืนเข้าไปในดงคนหล่อแบบนั้นผมดับอนาถแน่ แค่อยู่ในกลุ่มเดียวกับไอ้สามตัว มินทร์ วา ลิซ ผมยังไม่มีช่องให้โผล่ นับประสาอะไรกับกลุ่มพวกพี่คิท
ผมถอนหายใจก่อนจะวางเสื้อไว้บนโต๊ะเมื่อเห็นหน้าพี่ขิม เพราะมีพี่ขิมนี่แหละความหล่อของคนอื่นๆ จึงลดลงเกือบ 50% เห็นหน้าแล้วไม่สบอารมณ์
“เดี๋ยวกูเอาไปคืนให้เอง” ไอ้มินทร์พูดพลางหยิบเสื้อขึ้นมาและเดินไปหาพวกพี่ๆ คือ...ยืนกับไอ้เชี่ยมินทร์ผมว่าผมเตี้ยแล้วนะเพราะเชี่ยนี่สูงกว่าผมพอสมควรแต่พอไอ้มินทร์ไปยืนท่ามกลางกลุ่มพวกพี่ๆ ไอ้เชี่ยนี่เตี้ยเลย ผมว่าถ้าผมยืนอยู่ในกลุ่มนั้นผมต้องกลายเป็นคนแคระแน่ๆ โดยเฉพาะกับพี่คิทที่สูงโด่กว่าเพื่อน เออ แล้วถ้าไอ้คิทไปยืนในกลุ่มนั้นล่ะจะเป็นอย่างไร?? ไอ้เชี่ยคิทเตี้ยกว่าผมอีกนะ ฮ่าๆๆ ตอนมันยืนคู่กับพี่คิทแล้วเหมือนพ่อกับลูกเลย ฮ่าๆๆ นึกแล้วก็ขำ
“พี่คิทครับ นี่เสื้อของพี่ใช่ไหมครับ?” ไอ้มินทร์เดินไปตรงหน้าพี่คิทแล้วเงยหน้าถาม ต้องเงยหน้าเลยอ่ะ
“หืม?? ไม่ใช่ครับ นี่เสื้อไอ้...” พี่คิททำท่าจะปฏิเสธแต่โดนพี่ขิมเตะขาซะก่อนพี่มันจึงรีบรับเสื้อจากไอ้มินทร์ รู้เลยว่าเสื้อตัวนั้นไม่ใช่ของพี่คิทแต่เป็นของไอ้พี่ขิม ชิ! สงสัยผมต้องอาบน้ำล้างตัวซักร้อยรอบซะแล้ว
“อ้อ พวกน้องๆ ครับ อีกสิบห้านาทีให้ไปรวมกันที่หน้ารีสอร์ทนะครับ เราจะเล่นเกมกัน” พี่ดินพูดก่อนจะรีบเดินตามกลุ่มตัวเองไป เกมเหรอ?? เห?? น่าสนใจแฮะ
“เกมไรวะ น่าสนุกจัง” ไอ้วาพูดอย่างตื่นเต้น ผมก็ตื่นเต้น
พวกผมมานั่งรวมกันกับนักเรียนม.4คนอื่นๆ ที่หน้ารีสอร์ทโดยมีพวกพี่กรรมการนักเรียนและอาจารย์อีกสามท่านยืนอยู่ตรงหน้าพร้อมกับโทรโข่ง
“เราจะให้น้องๆ เล่นเกมนะครับ ก่อนอื่นเราจะต้องแบ่งกลุ่มกันก่อนนะฮะ พี่คิทครับเอาใบรายชื่อมาให้ผมหน่อยครับ” พี่ดินพูดใส่โทรโข่งพลางหันไปแบมือขอใบรายชื่อจากพี่คิท อยู่ต่อหน้าคนอื่นๆ เรียกกันซะน่ารักเชียว ลับหลังงี้หยาบโลนซะผมอาย
“จะแบ่งกลุ่มตามรีสอร์ทนะครับ หนึ่งกลุ่มจะมีสิบสองคน นักเรียนม.4มี156จึงแบ่งได้เป็นสิบสามกลุ่มพอดี ให้แต่ละรีสอร์ทส่งตัวแทนมาจับฉลากนะครับว่าจะได้อยู่กับรีสอร์ทไหน ถ้าจับได้เลขเดียวกันก็อยู่กลุ่มด้วยกันนะครับ” พี่ดินพูดพลางหยิบกล่องใบเล็กๆ ที่บรรจุกระดาษเขียนเลขมา รีสอร์ทของผมส่งไอ้วาไปจับซึ่งได้เลขกลุ่มเดียวกันกับไอ้บิล
ให้ตายเถอะ!!! อะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้น!!
อย่างที่รู้ๆ กันว่าไอ้เชี่ยบิลชอบพี่คิทมากและมันก็หมั่นไส้ไอ้คิทมากที่ไอ้คิทสนิทกันกับพี่คิทในแบบแปลกๆ ไอ้บิลนั้นอยู่ห้องสุดท้ายของสายชั้นม.4 หรือจะเรียกว่าห้องที่อ่อนที่สุดในสายเลยก็ว่าได้ อย่างไอ้บิลน่ะหรือ...ไม่มีอะไรดีหรอก ไอ้คิทดีกว่าเห็นๆ (เชียร์เพื่อนสุดตีน)
“เกมนี้คือเกมหาของตามคำใบ้นะครับ แต่ละกลุ่มจะได้รับคำใบ้ ให้น้องๆ หาสถานที่ที่คำใบ้บอกและน้องๆ จะเห็นคำใบ้อีกคำและทำตามคำใบ้ที่บอก ใบสุดท้ายจะบอกสิ่งที่พวกน้องต้องหามา กลุ่มไหนเสร็จกลุ่มแรกชนะ เรามีรางวัลเล็กๆ น้อยๆ ให้ด้วยนะครับ” ไอ้พี่ขิมพูดพลางโชว์ Teddy Bear ตัวเท่าฝ่ามือขึ้น กรรมการชุดนี้ทุ่มทุนสร้างจริงๆ ลงทุนซื้อหมีแพงๆ มาแจกกันตั้งสิบสองตัว
“ขอให้โชคดีนะครับ อ้อ ใครเสร็จเป็นกลุ่มสุดท้ายมีบทลงโทษนะครับ” พี่บอลพูดก่อนพวกเราจะได้รับคำใบ้มา
ไอ้บิลเป็นคนเดินไปรับกระดาษคำใบ้จากพี่คิทก่อนจะเอาไปดูแค่กลุ่มตัวเองโดยไม่ให้พวกผมดูเลย พวกผมยืนเบะปากอย่างไม่พอใจกับการกระทำของพวกบ้านั่น
พวกนั้นใช้เวลาตีความจากคำใบ้สักพักก่อนจะหันมาหาเรื่องพวกผม ตอนนี้ไอ้คิทกับกลุ่มพวกนั้นตั้งท่าจะตีกันอยู่รอมร่อ
“พวกมึงน่ะ เอาแต่ยืนอยู่นั่นแหละ ทำไมไม่มาช่วยกันตีความหมาย ไร้ประโยชน์จริงๆ” ไอ้บิลพูดขึ้นทำเอาผมยัวะ แต่ดูเหมือนไอ้คิทจะยัวะกว่า
“แล้วหมาตัวไหนที่ไม่ยอมให้พวกกูดูคำใบ้ ทำเป็นอวดเก่ง” ไอ้คิทพูดพลางมองพวกนั้นอย่างเหยียดหยาม ฮึๆๆ สะใจโว้ย
“เก่งนักงั้นมึงก็ลองเอาไปแปลดูสิ อย่ามาบอกว่าไม่รู้ทีหลังก็แล้วกัน” คนหนึ่งในกลุ่มไอ้บิลพูดก่อนจะยัดกระดาษคำใบ้ใส่มือไอ้คิท
“ทุกชีวิตจำต้องพึ่ง ทั้งยังช่วยบำบัดจิต” ไอ้คิทอ่านออกมาเสียงดังพอจะให้เราได้ยิน
“สิ่งที่เราต้องพึ่งงั้นหรือ??” ไอ้วาเอ่ยขึ้นพลางคิด
“ฮึ! ง่ายๆ แค่นี้ทำไมต้องใช้เวลาคิดนานล่ะ สิ่งที่ทุกชีวิตขาดไม่ได้คือสิ่งที่ทำให้เราสามารถดำรงชีวิตอยู่ต่อไปได้ น้ำไง น้ำเป็นสิ่งสำคัญที่ทั้งคนสัตว์พืชจำเป็นต้องใช้ในการดำรงชีวิต อีกอย่างน้ำสามารถช่วยบำบัดจิตได้ด้วย นักกีฬาว่ายน้ำมีสุขภาพจิตดีก็เพราะอยู่กับน้ำไงล่ะ” ไอ้คิทพูดขึ้น เออว่ะ เชี่ยนี่มันเก่งเรื่องปัญหาเชาว์ซะด้วย ฮึๆๆ คราวนี้พวกไอ้บิลหน้าแตกกันยกใหญ่เลย
“ตอนเข้ามาในรีสอร์ทชั้นเห็นสระว่ายน้ำอยู่ด้านซ้ายมือ เรารีบไปกันเถอะ” ไอ้วาพูดก่อนพวกเราจะรีบวิ่งไปที่สระว่ายน้ำ
พอมาถึงสระว่ายน้ำขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไปพวกไอ้บิลก็โยนภาระมาให้พวกผมอีกครั้ง ก้นสระมันจะมีขวดแก้วเล็กๆ จมอยู่ซึ่งด้านในน่าจะมีกระดาษคำใบ้ของสถานที่ต่อไป เพราะมันอยู่ในน้ำจึงไม่มีใครอยากลงอีกอย่างอากาศที่นี่ก็หนาวด้วย ใครวะที่คิดฐานพิสดารแบบนี้ ให้ลงไปในน้ำทั้งๆ ที่อากาศหนาวฉิบหายเนี่ยนะ
“มึงน่ะ แต่งตัวสบายสุดแล้วก็ลงไปเอาสิ” เพื่อนไอ้บิลพูดใส่ไอ้คิทเพราะมันแต่งตัวสบายกว่าคนอื่น มันใส่กางเกงผ้าขายาวเท่าเข่ากับเสื้อยืดคอวีแขนสั้นพร้อมกับรองเท้าแตะ ในขณะที่คนอื่นใส่กางเกงยีนส์รองเท้าผ้าใบ
“โง่แล้วไร้ประโยชน์จริงๆ” ไอ้คิทแสยะยิ้มก่อนจะถอดเสื้อออกหมดและถอดกางเกงจนเหลือเพียงบ๊อกเซอร์ตัวเล็กๆ คำพูดของไอ้คิททำให้พวกนั้นหน้าเสียแต่พวกผมกลับยิ้มสะใจ ทำไมพวกเราต้องมาอยู่กลุ่มกับพวกมันด้วยวะ สวรรค์คิดไงเนี่ย??
ไอ้คิทกระโดดลงน้ำก่อนจะดำลงไปเอาขวดแก้วบรรจุกระดาษขึ้นมา ไอ้คิทมันหนาวจนหน้าซีดปากสั่น อากาศก็หนาว ตัวก็เปียก กลัวมันจะไม่สบายจังเลยแฮะ ผมน่าจะหยิบแจ็กเก็ตมาด้วย
“พวกมึง เพื่อนหนาวขนาดนี้พวกมึงไม่มีน้ำใจให้ยืมเสื้อเลยรึไงวะ” ไอ้ลิซหันไปพูดกับพวกไอ้บิลอย่างโมโห เพราะพวกผมไม่มีใครใส่แจ็กเก็ตเลยแต่พวกนั้นใส่กันเกือบทุกคนแต่พวกมันไม่คิดจะให้ไอ้คิทยืมเสื้อใส่เลย
“ไม่ใช่เพื่อนกู” พวกมันพูดแทบจะพร้อมกัน ไอ้ลิซยัวะทำท่าจะเข้าไปหาเรื่องแต่ไอ้วารั้งไว้ทัน โอ้ว เพิ่งเคยเห็นไอ้ลิซโกรธจนจะต่อยคน ไอ้ลิซนี่รักเพื่อนจริงๆ แฮะ
“คิท!?! แต่งตัวแบบนี้ยังลงไปในน้ำอีกเหรอ??” พี่ดินที่เดินมาตรวจการเห็นเข้าจึงรีบถอดเสื้อแจ็กเก็ตของตัวเองมาให้ไอ้คิทใส่ พวกไอ้บิลกัดฟันกรอดเพราะพี่ดินแกก็ป๊อบไม่แพ้พี่คิท
“ขอบคุณครับพี่ดิน” ไอ้คิทยิ้มขอบคุณ
“ไม่เป็นไรๆ เพื่อนในกลุ่มเดียวกันก็ดูแลเพื่อนด้วยล่ะ อุตส่าห์เสียสละลงน้ำทั้งๆ ที่อากาศหนาวแบบนี้” พี่ดินพูดก่อนจะเดินไปตรวจที่อื่น พวกผมเบะปากใส่ไอ้พวกนั้นก่อนจะเป็นคนเปิดคำใบ้อ่าน ขืนให้พวกบ้านั่นอ่านกว่าจะแปลความหมายออกคงต้องรอไปอีกสิบชาติ
“สินค้าโด่งดัง รสหวานอมเปรี้ยว” ไอ้วาอ่านก่อนพวกผมจะร้องอ๋อออกมาพร้อมกัน
“แล้วสวนสตรอเบอร์รี่มันอยู่ส่วนไหนของรีสอร์ทวะ” ผมถาม ก็ผมหลับตลอดทางที่นั่งรถเข้ามาในรีสอร์ทผมคงจำได้หรอก
“ตอนที่ขี่รถอ้อมรีสอร์ทกูเห็นอยู่แวบๆ มันอยู่ข้างๆ ห้องอาหารที่อยู่ติดโรงแรมน่ะ” ไอ้มินทร์พูดก่อนจะเดินนำ ส่วนผมต้องเป็นผู้ตามที่ดีเพราะไอ้โรงแรมที่อยู่ภายในรีสอร์ทแห่งนี้มันตั้งอยู่ตรงไหนผมยังไม่รู้เลย
พวกผมต้องทำตามคำใบ้อีกห้าคำและใบนี้เป็นใบสุดท้ายแล้วที่จะทำให้พวกผมได้รู้เสียทีว่าไอ้สิ่งของที่พวกผมต้องหาคืออะไร พวกผมล่ะเซ็ง คำใบ้แต่ละใบพวกผมช่วยกันแปลความหมายกันทุกคนยกเว้นพวกไอ้เชี่ยบิลที่ทำท่าทางเหมือนจะได้แต่สุดท้ายก็แปลผิด
“อะไรก็ได้ที่เป็นของของนายขจร หรือขิม...” ไอ้ลิซอ่านสิ่งที่พวกผมต้องไปหามาเพื่อที่จะชนะเกม
“ของเหี้ยอะไรวะ ไร้สาระจริงๆ” ไอ้มินทร์ขยำกระดาษใบสุดท้ายก่อนจะปามันทิ้งลงพื้นอย่างฉุนๆ
“ใจเย็นดิเชี่ยมินทร์ เห็นอะไรเกี่ยวกับพี่ขิมไม่ได้เลยนะมึง” ไอ้วาส่ายหน้าเบาๆ อย่างระอา
“ชิ! ใครจะไปเอาของไอ้หมอนี่ก็ไปนะ แต่กูไม่ขอไปยุ่ง” ไอ้มินทร์กอดอกก่อนจะสะบัดหน้าไปทางอื่น
“เออๆ เดี๋ยวกูแอบเข้าไปในห้องพี่แกแล้วจิ๊กของมาละกัน” ไอ้วาพูดพลางยิ้มกริ่มเหมือนคิดอะไรพิเรนทร์ๆ ได้ก่อนจะรีบวิ่งไปทางรีสอร์ทของพวกพี่ๆ
พวกผมอ้าปากค้าง ทั้งอยากหัวเราะทั้งอยากร้องไห้เมื่อสิ่งที่ไอ้วามันเอาออกมาคือกางเกงในสีดำของไอ้พี่ขิม ฮ่าๆๆ ให้ตายเถอะ ผมอยากเห็นหน้าของพี่แกตอนรู้ว่าพวกผมเอากางเกงในของพี่แกมาจังเลย
เมื่อได้ของพวกผมก็รีบวิ่งกลับไปรวมกันที่หน้ารีสอร์ทเหมือนเดิม วะฮู้ววววว!!! ให้ตายเถอะ!!! พวกผมมาเป็นกลุ่มแรกเลย เยส!!
“ขอคำใบ้ทุกคำเลยนะ” อาจารย์ที่ยืนที่อยู่ตรงนั้นยิ้มเมื่อเห็นพวกผมมาถึง
“นี่ครับอาจารย์ ครบทุกแผ่นเลยครับ” ไอ้วายื่นกระดาษคำใบ้ให้อาจารย์
“ต้องรอพวกกรรมการนักเรียนกลับมาก่อนนะ จะได้พิสูจน์ว่าของที่พวกเธอเอามาใช่ของเขาจริงหรือเปล่า” อาจารย์พูดก่อนจะให้พวกผมนั่งเรียงแถวรอ
กว่าพวกกรรมการนักเรียนจะกลับมากลุ่มอื่นๆ ก็กลับมากันครบหมดแล้ว กลุ่มพวกผมยืนขึ้นเพราะมาถึงเป็นกลุ่มแรกและมีกลุ่มอีกกลุ่มยืนขึ้นเพราะมาเป็นกลุ่มสุดท้าย
“กลุ่มที่มาถึงกลุ่มแรกได้อะไรมาครับ?” พี่ดินถามก่อนจะหันไปขอกระดาษคำใบ้ของกลุ่มพวกผม
“ได้กางเกงในของพี่ขิมคร้าบ!!” ไอ้วาตอบเสียงดังฟังชัดก่อนจะชูกางเกงในขึ้น เมื่อหลักฐานปรากฏเสียงหัวเราะก็ดังสนั่นลั่นบริเวณหน้ารีสอร์ท พี่ขิมอ้าปากค้างก่อนจะรีบแย่งกางเกงในของตัวเองไปเก็บไว้
ผมเพิ่งมารู้ทีหลังว่าสิ่งของที่ทุกกลุ่มต้องไปหาคือของของกรรมการนักเรียน แล้วแต่ใครจะเอาอะไรมา มีกลุ่มผมกลุ่มเดียวนี่แหละครับที่เอากางเกงในมาซึ่งมันก็เป็นที่ถูกอกถูกใจของทุกๆ คน
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
อิพี่ขิม รุกเร็วไปนะ
น้องพีทยังไม่ทันตั้งตัวเลย ฮ่าๆๆๆ
ปล.มีคำผิดเตือนด้วยเน้อ
B B
61ความคิดเห็น