ค่าเริ่มต้น
- เลื่อนอัตโนมัติ
- ฟอนต์ THSarabunNew
- ฟอนต์ Sarabun
- ฟอนต์ Mali
- ฟอนต์ Trirong
- ฟอนต์ Maitree
- ฟอนต์ Taviraj
- ฟอนต์ Kodchasan
- ฟอนต์ ChakraPetch
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : Rule 13 : รักของเพื่อนสนิท+พี่ชาย
Special Lizz Part
ผมยืนมองไอ้วาที่นั่งก้มหน้าเศร้าๆ อย่างสงสาร เป็นธรรมดาที่คนอกหักจะมีพฤติกรรมแบบนี้ ไอ้วาหลงรักคิทตี้หลังจากที่ถูกต่อย ทั้งๆ ที่ไม่รู้จักกันแท้ๆ แต่กลับมาต่อยนั่นทำให้ไอ้วาถูกใจคิทตี้เต็มๆ
ผมกับไอ้วาเป็นเพื่อนกันตั้งแต่จำความได้ เรียนอยู่ที่เดียวกันมาโดยตลอด เวลามีอะไรพวกเราก็เปิดเผยให้กันรู้โดยไม่ปิดบัง...แต่ผม...กลับมีบางอย่างที่ปิดมันและผมก็ไม่คิดที่จะบอกออกไปเพราะถ้าบอกออกไปผมมั่นใจว่าความสัมพันธ์ของเรามันต้องจบลงแน่ๆ ใช่...ผมรักมัน
ตอนเด็กๆ ไอ้วาตัวเล็กมาก เพราะทั้งตัวเล็กน่ารักและอ่อนแอทำให้มีแต่คนรังแกผมจึงช่วยปกป้องมันเสมอมา ตอนเด็กๆ มันก็ชอบอ้อนผมอยู่เสมอ ผมเอ็นดูในความน่ารักของมัน แต่แล้ววันหนึ่งผมก็รู้สึกแปลกไป ช่วงม.ต้น ไอ้วาที่ตัวเล็กน่ารักน่าชังกลับตัวสูงขึ้นและตัวใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนตัวโตกว่าผม ไอ้วาที่เคยอ่อนแอที่มักจะถูกผมปกป้องเสมอกลับแข็งแกร่งขึ้นจนผมสู้ไม่ได้ และนั่นก็ทำให้ผมตกหลุมรักมันอย่างเต็มเปา
“ลิซ กูไม่เคยรู้สึกอย่างนี้มาก่อนเลยว่ะ” เงียบไปนานกว่าไอ้วาจะเอ่ยขึ้น
“กูเข้าใจ แต่มึงจะฝืนไอ้คิทก็ไม่ได้นะ” ผมเดินไปนั่งข้างๆ มันก่อนจะตบบ่าเบาๆ
“การถูกคนอื่นปฏิเสธมันเจ็บปวดแบบนี้นี่เอง นี่เป็นครั้งแรกเลยว่ะที่กูถูกปฏิเสธและเป็นครั้งแรก...ที่กูเสียใจมากมายขนาดนี้” เสียงไอ้วาเริ่มสั่นเครือ มึงอย่าร้องไห้นะวา กูเห็นน้ำตาของมึงทีไรกูจะร้องไห้ตามทุกที
หลังจากที่ไอ้วาเข้มแข็งขึ้นผมก็ไม่เคยเห็นน้ำตาของมันอีกเลย ตอนเด็กๆ เวลาไอ้วาร้องไห้หนักๆ ทีไรผมก็พาลจะร้องตามไปด้วยทุกทีเพราะผมสงสารมัน
“วา นี่มันเป็นเรื่องธรรมดามึงต้องทำใจให้ได้ อย่างน้อยมึงก็ได้บอกความรู้สึกของมึงออกไป แต่ถ้าไม่ได้บอก...มันเจ็บกว่านะมึงรู้ไหม” ผมก้มหน้าสลดลง มันเจ็บจริงๆ เจ็บจนอยากจะระบายออกมาบ้างซักนิดแต่มันก็ทำไม่ได้ซักที
“ไม่รู้ล่ะ ตอนนี้กูเสียใจ” ไอ้วาพูดก่อนจะเอี้ยวตัวมากอดผม ผมอึ้ง อ้าปากค้างก่อนจะก้มหน้าลงและเอื้อมมือไปลูบหัวมันเบาๆ
ลมหายใจหนักๆ พ่นรดต้นคอของผมทำให้เลือดลมผมสูบฉีดจนแทบจะระเบิดออกมา แต่ตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์มาเขินหรอก เพราะตอนนี้ไอ้วามันกำลังเสียใจอย่างมาก ผมจะต้องปลอบมัน
“วา กูเข้าใจมึงนะ แต่กูก็เข้าใจไอ้คิทมัน มันก็คงเจ็บปวดไม่น้อยไปกว่ามึง ความรู้สึกที่อยากจะรักษาความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนเอาไว้น่ะมันอึดอัดมากแค่ไหนกูเข้าใจดี” ผมกอดไอ้วาเบาๆ ไอ้วาถอนหายใจก่อนจะทิ้งน้ำหนักลงมาที่ผมจนผมแทบจะรับน้ำหนักมันไม่ไหว มึงคงจะเหนื่อยมากสินะ
“แล้วกูควรจะทำยังไงดี กูรักคิท รักจนจะห้ามใจไม่ไหว แค่เห็นมันนอนหลับอยู่เตียงข้างๆ กูก็แทบจะอยากกระโจนเข้าไปกอด กูอยากทำมากกว่าหอมแก้มมัน” ไอ้วาพูดเสียงเบาเหมือนกระซิบ คำพูดของมันทิ่มแทงจิตใจผมอย่างสุดซึ้ง
“แล้วต่อจากนี้จะทำยังไงล่ะ พวกมึงจะมองหน้ากันติดไหม?”
“กูไม่รู้ กูไม่อยากคิดอะไรทั้งนั้น เวลานี้กูมีแค่มึงว่ะลิซ” ไอ้วาซบหน้าลงกับไหล่ผมก่อนจะกอดผมแน่น วา...กูดีใจที่มึงนึกถึงกูอยู่เสมอแต่เวลาแบบนี้กูกลับไม่ดีใจเลยเพราะหัวใจมึงมีแต่ไอ้คิทเต็มไปหมด
Special end
ผมเดินออกจากโรงยิมพร้อมกับไอ้คีตะ ในหัวของผมเต็มไปด้วยความสับสน สิ่งที่ผมกลัวมันได้เกิดขึ้นแล้วจริงๆ ทั้งๆ ที่เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันแท้ๆ แต่ทำไมไอ้วาต้องทำแบบนี้ด้วย ผมได้แต่หวังว่าพรุ่งนี้เช้าสิ่งที่เกิดขึ้นมาทั้งหมดมันจะเป็นเพียงความฝัน
“เฮ้อ” ผมรู้สึกอึดอัดมากจึงทรุดลงนั่งยองๆ ระหว่างทางกลับหอ
“นายคงไม่เกลียดไอ้วาหรอกนะ” ไอ้คีตะหยุดเมื่อเห็นผมนั่งลง
“จะเกลียดได้ยังไงเล่า มันเป็นเพื่อนฉันนะ” ผมกุมขมับ
“เป็นเพราะฉันแท้ๆ ทั้งๆ ที่ฉันรู้ความรู้สึกของไอ้วาแต่ฉันกลับ...” ไอ้คีตะพูดเสียงเบาๆ คำพูดของมันทำให้เลือดลมผมสูบฉีดขึ้นมาที่หน้า มันพูดอย่างกับกำลังจะบอกรักผมยังไงก็ไม่รู้
“อะ...อะไร??” ผมก้มหน้าถาม รู้สึกว่าใจมันเต้นรัวยังไงชอบกล
“หา กะ...ก็ฉันดันจูบนายไง! แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันชอบนายหรอกนะ” ไอ้หมอนั่นพูดเสียงสูงเหมือนกลบเกลื่อน
“ละ...แล้วนายจูบฉันทำเล่า! เห็นไหมว่าไอ้วาเข้าใจผิดเลย!” ผมขึ้นเสียงกลับ พูดตรงๆ เลยว่าตอนนี้ผมกำลังสั่นและตอนนี้หน้าของผมกำลังแดงแน่ๆ
“กะ...ก็...ใครบอกให้นาย...ยั่วฉันเองล่ะ” อ๊ากกกก!! ไอ้บ้านี่!
“หา!?! ฉันเนี่ยนะ?? บ้าไปแล้ว นายบ้าไปแล้ว ไอ้ทุเรศ!!” ผมโกรธจึงเอากระเป๋าเป้ในมือไล่ฟาดมัน
“บ้าที่ไหน จุ๊บ!” ไอ้คีตะจับกระเป๋าที่ถูกฟาดใส่ตัวเองไว้ก่อนจะดึงกระเป๋าไปซึ่งทำให้ผมที่จับกระเป๋าอยู่เลื่อนไปหามันด้วยและพอผมเลื่อนไปประชิดตัวมันมันก็ก้มลงมาจุ๊บปากผมเบาๆ
“อ๊ากกกกกกกก!! ไอ้โรคจิต วิปริต ไอ้...ไอ้...*&(&(^%&*()__((&^&^&$#” ผมกระชากกระเป๋ากลับมาก่อนจะไล่ฟาดมันเต็มที่ซึ่งมันก็รีบวิ่งหนีไปทันที นี่เป็นครั้งแรกที่ผมสามารถแรปด่าคนได้
ผมวิ่งไล่ไอ้คีตะจนถึงหอ พอมาถึงห้องโถงมันก็หยุดวิ่งผมจึงได้โอกาสฟาดมันไม่เลี้ยง มันยืนให้ผมตีจนผมเหนื่อยไปเองก่อนจะพูดขึ้น
“นายคงจะยังไม่อยากกลับเข้าห้องสินะ” ไอ้คีตะถาม ผมพยักหน้า ใครจะอยากกลับไปทั้งๆ ที่ยังมีเรื่องแบบนี้กันล่ะ
“อืม ก็ว่าจะไปขอนอนห้องไอ้พีทนี่แหละ พรุ่งนี้ค่อยเคลียร์กับมันให้รู้เรื่อง” ผมหุบยิ้มก่อนจะทรุดลงนั่งบนโซฟาในห้องโถง
“ไปห้องฉันสิ” หมอนั่นชวน
“บ้าสิ เดี๋ยวนายกับไอ้วาได้ต่อยกันจริงๆ แน่” ผมปฏิเสธทันที ใครจะอยากเข้าไปนอนกับคนที่เพิ่งขโมยจูบตัวเองไปล่ะ
“ฉันไม่ได้หมายความว่าให้นายไปนอนกับฉัน ฉันหมายความว่าให้นายแลกห้องกันกับฉันต่างหาก คืนนี้ฉันจะเคลียร์กับไอ้วาเอง ปล่อยไว้แบบนี้มันค้างคาใจ” ไอ้คีตะพูด
“จะดีเหรอ ตอนนี้ดูเหมือนว่าไอ้วาจะโกรธนายมาก เดี๋ยวพวกนายทะเลาะกันเปล่าๆ” ผมเตือน ดูจากตอนที่อยู่ในโรงยิม ไอ้วาทำท่าจะต่อยไอ้คีตะตั้งหลายครั้ง
“อย่าห่วงเลย ฉันรู้จักหมอนั่นดี ยังไงเราก็เป็นพี่น้องกัน เคลียร์ให้มันจบๆ ไปวันนี้นี่แหละ” ไอ้คีตะพูด
“อะ...อืม งั้นก็ฝากด้วย” ผมมองหน้ามันอย่างชั่งใจก่อนจะพยักหน้า
“เฮ้อออ ก่อนอื่นฉันต้องไปเช็คคนที่ยังไม่เข้าหอก่อน” ไอ้หมอนั่นพูดก่อนจะเดินไปที่ห้องผู้ดูแลผมจึงเดินตามเข้าไป
“ลุงครับ วันนี้มีคนออกจากหอกี่คนครับ” ไอ้คีตะเดินเข้าไปก่อนจะเดินไปหยิบใบเช็คเด็กหอขึ้นมาดู
“วันนี้ออกไปเยอะพอดูเลยนะคีตะ นี่ก็ใกล้เวลาปิดหอแล้วด้วย” คุณผู้ดูแลหอบอกพลางปิดปากหาว ห้องนอนของคุณผู้ดูแลอยู่ถัดจากห้องผู้ดูแลไปนิดหน่อย
“งั้นเดี๋ยวผมไปอาบน้ำก่อนนะฮะ ลุงไปนอนก่อนได้เลยเดี๋ยวที่เหลือผมจัดการเอง” ไอ้คีตะบอกเมื่อเห็นคุณผู้ดูแลง่วงสุดๆ
“ไม่เป็นไรหรอก คีตะปิดหอแทนลุงบ่อยแล้วเดี๋ยวลุงทำเองดีกว่า” คุณผู้ดูแลบอกอย่างเกรงใจ
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับลุง นี่ก็เป็นหน้าที่ของหัวหน้าหออย่างผมนะครับ ไปนอนเถอะครับ”
“อ่า โชคดีจริงๆ ที่มีคีตะเป็นหัวหน้าหอ ช่วยได้เยอะจริงๆ” คุณผู้ดูแลยิ้มกว้างก่อนจะเดินออกจากห้องผู้ดูแลไปส่วนไอ้คีตะก็เดินไปค้นอะไรบางอย่างก่อนจะตรวจดูอย่างเคร่งเครียด
“นายทำอย่างนี้ทุกวันเลยเหรอ?” ผมถาม
“อืม หน้าที่ฉันนี่” หมอนั่นพยักหน้าก่อนจะหยิบดินสอมาขีดๆ เขียนๆ อะไรซักอย่าง
“แล้วนี่นายทำอะไรน่ะ” ผมถามพลางลากเก้าอี้ไปนั่งตรงข้ามกับหมอนั่น อื้อหือ ลายมือโคตรห่วยแตกเลยเหอะ มันเขียนภาษาต่างดาวรึไงเนี่ย อ่านไม่ออกเลย เอ...ที่ผมอ่านไม่ออกที่จริงอาจจะเป็นเพราะไอ้หมอนี่มันเขียนเป็นภาษาอังกฤษ ท่าทางจะเก่งนะเนี่ย
“ดูรายชื่อพวกที่ออกจากหอน่ะ พวกที่ออกไปแล้วกลับมาก่อนเวลาหอปิดแบบเฉียดฉิวนี่มีแต่พวกหน้าเดิมๆ แถมยังมีประวัติไม่ค่อยดีด้วย ต้องสั่งสอนไอ้พวกนี้ซักหน่อยแล้ว” หมอนั่นถอนหายใจเบาๆ
“แต่เขาก็ไม่ได้ทำผิดกฎนี่ จะสั่งสอนก็คงไม่ได้หรอกมั้ง” ผมพูด
“มันก็ใช่น่ะนะ กรรมการนักเรียนคนอื่นเคยบอกอยู่นะว่าไอ้พวกนี้ชอบขึ้นไปสูบบุหรี่กันบนดาดฟ้าแต่ฉันไม่เคยจับได้ซักที”
“เอ๋?? กรรมการนักเรียนไม่ได้มีแค่พวกนายเหรอ??”
“จะบ้ารึไง มีกันแค่สี่คนก็ตายพอดีเซ่ะ งานกรรมการนักเรียนไม่ใช่งานหัวหน้าห้องนะเฟ้ย ทำกันแค่สี่คนไม่ไหวหรอก” หมอนั่นโวย
“ก็ไม่รู้นี่หว่า เวลาถูกเรียกเข้าไปห้องกรรมการนักเรียนก็เห็นแค่พวกนายนี่หว่า”
“พวกฉันน่ะเป็นหัวหน้าของแต่ละฝ่าย เวลามีงานจริงๆ ถึงจะเรียกพวกกรรมการที่อยู่ในสังกัดของตัวเองมาช่วย เวลาฉันไปอัดพวกมั่วสุมกันอยู่บนดาดฟ้าฉันก็ไม่ได้ไปคนเดียว บางทีกรรมการฝ่ายปกครองก็จะมาช่วยสั่งสอนด้วย พวกมั่วสุมมันเยอะ ฉันจัดการคนเดียวไม่ไหวหรอก” ไอ้หมอนี่มันเลวจริงๆ กรรมการฝ่ายปกครองมีไว้อัดคนหรอกเหรอเนี่ย ชักอยากจะอยู่ในคณะกรรมการซะแล้วสิ ได้อัดคนแบบไม่มีความผิดนี่น่าสนจริงๆ
“ทีพวกนายยังอัดคนได้แบบไม่มีความผิดเลย ทำไมฉันถึงถูกเรียกทุกครั้งที่อัดคนล่ะ” ผมเบ้หน้า มันไม่ยุติธรรมเลยนะแบบนี้
“รู้จักคำว่าอำนาจไหม? ฮึๆ เป็นกรรมการนักเรียนก็ดีแบบนี้แหละ” หมอนั่นยักไหล่อย่างไม่หยี่หระ เลว...เลวมาก
“เอ้อ ไหนบอกว่าจะไปอาบน้ำ ไปอาบสิเดี๋ยวฉันเฝ้าห้องไว้ให้ก่อนฉันอาบแล้ว” ผมบอกด้วยความหวังดี ดูท่าหมอนี่จะไม่ค่อยได้พักเลยน่ะสิ เลิกเรียนก็ต้องเข้าชมรมหรือไม่ก็ไปทำงานกรรมการนักเรียน พอเลิกชมรมก็แอบไปฝึกคนเดียว กลับจากฝึกก็มาทำงานหัวหน้าหออีก ถ้ามีการบ้านนี่คงไม่ได้นอนกันพอดี เอ่อ...กูรู้เรื่องเชี่ยนี่เยอะจังวะ
“อือ ถ้ามีคนกลับเข้ามาก็ให้ลงชื่อในใบนี้นะ” หมอนั่นบอกก่อนจะรีบเดินออกไป คนที่ออกจากหอแล้วต้องลงชื่อไว้นี่คือคนที่ออกจากบริเวณโรงเรียน แต่ถ้าออกจากหอแล้วยังอยู่ในบริเวณโรงเรียนไม่จำเป็นต้องลงชื่อไว้
โรงเรียนประจำแห่งนี้เหมือนเป็นมหาวิทยาลัยขนาดเล็กเลย ด้านหลังหอพักจะเป็นบริเวณของผู้ให้บริการ เช่น ร้านขายของชำ ร้านขายยา ร้านอาหาร ร่านกาแฟ เซเว่น ร้านซ่อมโทรศัพท์ ร้านขายหนังสือและเครื่องเขียนตลอดจนร้านทำผมนักเรียนจึงไม่ค่อยออกไปข้างนอกเพราะข้างในโรงเรียนก็สะดวกสบายอยู่แล้ว
อีกอย่างโรงเรียนนี้ก็ตั้งอยู่ห่างไกลตัวเมืองเหลือเกิน ถึงออกจากโรงเรียนไปก็ไม่มีที่ให้เที่ยวนอกจากจะขี่รถออกไปอีก ข้างนอกโรงเรียนจะมีก็แค่บ้านคนที่พอตกดึกก็จะเงียบสงัดและมีเซเว่นกับร้านไอศกรีมเพียงเท่านั้น ผมก็ไม่เข้าใจว่าไอ้พวกที่ออกจากหอบ่อยๆ นี่มันไปทำอะไรกันนักหนา
ก๊อกๆ
“ผู้ดูแลครับ ผมมาลงชื่อแล้วครับ” เสียงกวนๆ ของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นก่อนประตูจะเปิดออก
“อ่า ชื่ออะไรครับ” ผมถาม
“อ๊ะ น้องคิทนี่นา ลัคกี้!!” เอ่อ รุ่นพี่ครับ ถ้ามึงจะรีบมาลงชื่อแล้วรีบไสก้นออกจากห้องไปจะดีมาก อย่ามามองกูด้วยสายตาหยาดเยิ้มแบบนั้น กูไม่อยากเข้าห้องปกครองข้อหาต่อยคนอีก
“ชื่ออะไรครับรุ่นพี่!?!” ผมถามซ้ำอีกครั้งด้วยเสียงที่ดังขึ้น
“ทำไมน้องคิทถึงได้มาทำหน้าที่นี้ล่ะครับ แล้วต่อไปนี้จะทำอีกไหมพี่จะได้ออกจากหอทุกวัน” เฮ้ย มึงได้ยินที่กูถามไหมครับไอ้รุ่นพี่
“ไม่ล่ะครับ ผมเบื่อหน้าพี่”
“อ๊า ใจร้ายจริงๆ เลย พี่อุตส่าห์ชอบหน้าน้องคิท”
“เอาหน้าผมไปขึ้นหิ้งบูชาเลยดีไหมครับ”
“เอาไปไว้ในห้องน้ำเวลาช่วยตัวเองดีกว่า”
“ไอ้ควาย!! มึงอยากโดนตีนกูเหรอ” ผมลุกขึ้นพลางถีบเก้าอี้จนเก้าอี้ล้มเสียงดัง
“มึงกวนตีนกูก่อน มึงอย่าคิดนะว่ากูจะกลัวมึง ฮึ ถ้ามึงตีกูมึงถูกเรียกเข้าห้องปกครองแน่” ไอ้บ้านั่นแสยะยิ้มก่อนจะเตะเก้าอี้และเดินเข้ามาประชิดตัวผม
“อึก” ผมสะอึกเมื่อมันพูดถูกจุด ไปไม่เป็นเลยกู สัญญาไว้กับพวกพี่ๆ แล้วเชียว ถ้าผมทำอีกผมคงไม่ได้รับความไว้วางใจจากพวกพี่ๆ แน่
“ฮึๆ กูเคยถูกมึงปฏิเสธ ตอนนั้นกูเจ็บใจมากแค่ไหนมึงรู้บ้างไหม แต่ตอนนี้กูจะทำให้มึงปฏิเสธกูไม่ได้” ไอ้หมอนั่นเดินเข้ามาใกล้ผมอีกก่อนจะยื่นมามาบีบคางผม ทำไงดีล่ะกู เคยแต่ต่อยตีเวลาเจอเหตุการณ์แบบนี้ พอถูกห้ามทำร้ายร่างกายรู้สึกเหมือนตัวเองถูกตัดแขนตัดขายังไงก็ไม่รู้
“ฮึ ก็แค่สวะที่ถูกปฏิเสธ กูคิดดีจริงๆ ที่ปฏิเสธสวะอย่างมึง” เอ่อ...ปากไปเองครับ ปากผมมันไปเอ๊ง!! คิท มึงอย่าลืมดิว่ามึงผยองไม่ได้แล้ว
ไอ้คีตะ รีบกลับมาเร็วๆ ดิวะ ถ้ากูถูกมันทำอะไรขึ้นมากูจะฆ่ามึงคนแรก
“อยากลองเป็นเมียสวะดูไหมล่ะครับคนสวย” ไอ้เชี่ยๆๆ กูไม่ชอบให้ใครมาบอกว่ากูสวย!!
มันกระชากผมไปประชิดตัวก่อนจะจับหน้าผมขึ้นและพยายามจะจูบแต่ใครจะไปยอมล่ะ ผมปัดมือมันออกก่อนจะผลักมัน ผมทำท่าที่เงื้อขาขึ้นเตะปากแต่ต้องชะงัก สัญญาๆ กูสัญญาไว้แล้ว ท่องไว้สิคิท
เมื่อถูกผลักออกมันก็ไม่คิดจะยอมจึงเดินมาผลักผมไปชิดผนังก่อนจะรวมข้อมือผมไว้แล้วตรึงไว้เหนือหัว เฮ้ยๆๆ ไอ้บ้านี่แรงเยอะชะมัด ผมไม่ยอมจึงยกขาจะเตะแต่ไอ้หมอนั่นกลับแทรกขาทั้งสองข้างของตัวเองเข้ามาที่ระหว่างขาของผม ซวยแล้ว!!
“มึงอย่าคิดนะว่ามึงเรียนศิลปะป้องกันตัวมาคนเดียว ที่กูเสียท่าให้มึงคราวก่อนเพราะกูประมาทไม่คิดว่ามึงจะต่อยตีคนเป็น มึงอย่าหวังว่าวันนี้กูจะปล่อยมึงไป อย่างน้อยๆ วันนี้ปากบางๆ สีแดงๆ ของมึงต้องเป็นของกู” ไอ้หมอนั่นพูดก่อนจะจรดริมฝีปากลงมาบนริมฝีปากของผม ผมหลับตาปี๋ก่อนจะเม้มปากแน่น อุแหวะ!! ขยะแขยงๆๆๆ ออกไปไกลๆ ส้นตีนกู มึง...ถ้ากูหลุดไปได้เมื่อไหร่กูฆ่ามึงแน่ พี่ๆ ครับ วันนี้ผมขอผิดสัญญาอีกครั้งนะ ผมทนไม่ไหวแล้ว!!
ปัง!!
“What the hell are you doing!?!” ก่อนที่ผมจะผิดคำสัญญาประตูก็เปิดออกพร้อมกับสำเนียงภาษาอังกฤษที่ผมไม่มีทางที่จะพูดได้แบบนั้นดังขึ้น
“อ่ะ!!” ไอ้หมอนั่นผละออกจากผมทำให้ผมเห็นคนที่มาเยือน
เอ่อ...ใครวะ!?! คนที่เข้ามาช่วยผมไว้เป็นคนที่สวยมากและสูงมาก ใบหน้าเรียวได้รูปรับกับจมูกโด่งเป็นสัน ผมสีทองอ่อนๆ ยาวระตันคอเกือบถึงบ่าระกับตาสีฟ้าขุ่นๆ อ่ะ...ผม...แทบจะตกหลุมรักทันทีที่เห็น แต่ติดตรงที่เค้าเป็นผู้ชาย คนบ้าอะไรวะ โคตรสวยโคตรหล่อ โคตรพ่อโคตรแม่(เกี่ยว??)
แต่จะว่าไป...ผมว่าคนคนนี้หน้าคุ้นๆ หน้าเหมือน...
“เกิดอะไรขึ้น!?!” ไอ้คีตะ!!
“ซวยแล้วกู” เสียงไอ้บ้าที่เพิ่งจูบผมพูดขึ้น เออ มึงซวยแน่ มึงโดนตีนกูแน่ แหวะ นึกแล้วจะอ้วก
“ชนินทร์เกิดอะไรขึ้น แล้วนี่...มาทำอะไรที่นี่??” ไอ้คีตะถามผมก่อนจะหันไปถามคนที่ยืนอยู่ข้างๆ
“มาหาแกนั่นแหละ แต่ดันมาเจอช็อตเด็ดเข้าซะก่อน” คนโคตรสวยโคตรหล่อพูดพลางยิ้มกริ่มและมองมาที่ผมกับไอ้ควายข้างๆ เอิ่ม...เสียงเค้าคุ้นๆ นะ
“เจออะไร??” ไอ้คตะขมวดคิ้วถาม
“ก็สองคนนี้...เค้ากำลังจูบกันน่ะสิ ฮุๆ ไวไฟไม่เลว” คนคนนั้นหัวเราะนิดๆ
“ฮะ!?! อะไร? นี่! เมื่อกี้นายทำอะไร!?!” ไอ้คีตะเดินมากระชากแขนผมก่อนจะถามเสียงเข้ม
“ไอ้หมอนี่เด่ะมันจูบ” ผมชี้ไปที่ไอ้เลวนั่นที่กำลังยืนหน้าซีดเหงื่อแตกซ่ก
“แล้วนายยอมให้มันจูบว่างั้น!?!” นี่ มึงจะมาทำหน้าโกรธกูหาหอกอะไรฟะ กูผิดที่ไหนล่ะ ไอ้บ้า!!
“จะบ้าเหรอ!?!” ผมตะคอกใส่ไอ้คีตะทันที กูจะไปยอมให้มันจูบทำไมล่ะ!?!
“แล้วทำไมถึงถูกจูบล่ะ ทำไมไม่อัดมันเหมือนเคย!?!” ยังจะมาขึ้นเสียงอีก
“โอ๊ย!! ก็สัญญาไปแล้วว่าจะไม่ใช้กำลังตัดสินไง ถ้าผิดสัญญาอีกฉันก็ถูกพวกนายดุอีก จะเอาไงกันแน่เนี่ย?” ผมชักจะไม่พอใจ มันจะมาโกรธผมทำไมเนี่ย ไม่เข้าใจเลย เฮอะ!!
“แก...ลงชื่อไว้แล้วรีบไสหัวไป เจอกันคราวหน้าเตรียมตัวโดนอัดไว้เลย!!” ไอ้คีตะทำหน้ายักษ์ก่อนจะไล่ตะเพิดไอ้บ้านั่นมันจึงรีบเขียนชื่อและรีบวิ่งออกไปจากห้อง
“นี่!! นายจะโกรธหาพระแสงอะไร คนที่ถูกจูบน่ะมันฉันไม่ใช่นาย...” ก่อนที่ผมจะโวยวายจบไอ้คีตะก็กระชากผมไปจูบ ลิ้นอุ่นๆ ของมันรุกเข้ามาก่อนจะดูดปากผมแรงๆ และผละออกไป
วันนี้คือวันถูกจูบแห่งชาติครับ =..=
“แก...จูบอยู่ได้ จูบอยู่นั่นแหละ จูบจนปากจะแตกอยู่แล้วเนี่ย!! แม่ งเอ๊ย!! พวกมึงเห็นกูเป็นเหี้ยอะไรวะ!?!” ผมผลักไอ้คีตะก่อนจะเตะเก้ากี้ระบายอารมณ์
ไอ้คีตะขยับเข้ามาจับมือผมแต่ผมรีบสะบัดออก
“จับทำไม ไม่ต้องมาจับ!!” ผมโมโห
“อ่า โทษที ฉันโมโหไปหน่อย” ไอ้คีตะดึงผมไปกอดก่อนจะพูดเสียงเบา
ทำไมกันนะ...อยู่ในอ้อมกอดหมอนี่ทีไรอารมณ์โกรธอารมณ์โมโหของผมพาลหายไปเสียหมดสิ้น ผมมักจะได้กลิ่นหอมหวานๆ จากตัวหมอนี่เสมอ กลิ่นนี้อาจจะทำให้ผมสงบลงก็ได้
“เอ่อ...ขอโทษนะครับ พอดีผมก็อยู่ในห้องนี้นะคร้าบ สนใจผมหน่อยคร้าบ” เสียงนุ่มๆ ทุ้มๆ แกมกวนตีนดังขึ้นผมจึงรีบผลักไอ้คีตะออก นี่ผมลืมคนโคตรสวยโคตรหล่อไปได้ไงกันนะ
“เอ่อ...แล้วนี่มาทำอะไรดึกๆ ดื่นๆ” ไอ้คีตะรีบหันไปหาคนคนนั้นทันที
“ก็มาเอาของที่ฝากไว้น่ะสิ ฉันเทกซ์มาบอกแกแล้วนะว่าจะมาเอาวันนี้” คนคนนั้นพูดพลางกอดอกด้วยสีหน้าไม่พอใจ อ่า...ผมว่าคนคนนี้หน้าคุ้นๆ จริงๆ นะ หน้าเหมือน...
...เหมือนไอ้คีตะ!! ดวงตาคมๆ ขนตายาวๆ รูปหน้า รูปคิ้ว สีผิว สีตา แม่ง เหมือนหมดเลย
“เออ พอดีเลย ถือลงมาให้พอดี” ไอ้คีตะทำหน้านึกขึ้นได้ก่อนจะยื่นอะไรบางอย่างซึ่งผมมองไม่เห็นให้
“โอ้ว ขอบใจมาก งั้นกลับก่อนล่ะ บ๊ายบายครับหนุ่มน้อยไว้โอกาสหน้าเรามากินข้าวด้วยกันนะ” อยากจะกรีดร้อง ถูกชวนตรงๆ แบบนี้ผมก็เขินเป็นนะครับ(จะเขินเพื่อ??) คนหน้าตาดีขนาดนี้ชวนไปกินข้าวผมคงปฏิเสธไม่ลง
จุ๊บ!
ผมอ้าปากค้างทันทีที่คนคนนั้นยื่นหน้าไปจุ๊บปากไอ้คีตะเบาๆ ก่อนจะเดินออกไป เมื่อกี้ไอ้คีตะที่ทำปากจู๋ๆ รับจูบนั่นด้วย
“อ่ะ...เอ่อ...” ผมอึ้ง ไอ้หมอนี่มันจูบพร่ำเพรื่อจริงๆ!!
“อ๋อ นั่นพี่ชายฉันเอง หมอนั่นมีนิสัยแปลกๆ อย่าสนใจเลย” ไอ้คีตะพูด
“รวมถึงจูบเมื่อกี้ด้วยมั้ย??” ผมถาม
“หา?? อ๋อ ก็นะ” หมอนั่นพยักหน้าก่อนจะเดินไปดึงเก้าอี้ที่ถูกผมถีบล้มขึ้นมาตั้งไว้ดีๆ
“งั้นนายก็คงมีนิสัยแปลกพอกัน”
“หา?? ไม่ใช่ซักหน่อย นั่นเป็นธรรมเนียมของที่บ้านฉัน แต่ก่อนอยู่เมืองนอกก็จูบทักทายกันแบบนี้ หึงรึไง?” หมอนั่นหรี่ตามองผมอย่างเจ้าเล่ห์
“จะบ้าเรอะ!” ผมโวยทันที
“ก็แล้วไป นึกว่าหึงซะอีก” หมอนั่นพูดยิ้มๆ ให้ตายเถอะ เห็นหมอนี่ยิ้มแล้วรู้สึกแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้ ปกติมันยิ้มให้ผมที่ไหนกันล่ะ มีแต่หัวเราะเยาะสิไม่ว่า
“เอ้อ พี่นายน่ะ หน้าตาดีโคตรเลยอ่ะ เกือบตกหลุมรักแน่ะ ถ้าเป็นผู้หญิงฉันคงตกหลุมรักแบบโงหัวไม่ขึ้นแน่เลย” ผมพูดขึ้น ผมยังจำความรู้สึกแรกที่เห็นหน้าพี่ของหมอนี่ได้เลย
“เป็นธรรมดานั่นแหละ ลองจีบดูสิ อาจจะติดก็ได้นะ หมอนั่นชอบเด็กน่ารักๆ น่ะ ไม่เกี่ยงว่าจะเป็นหญิงหรือชายด้วย”
“บ้าสิ ก็บอกอยู่ปาวๆ ว่าฉันชอบผู้หญิง ถึงพี่ชายนายจะหน้าตาดีแค่ไหนฉันก็ไม่จีบหรอก” ผมส่ายหน้าไปมา
“แล้วถ้าพี่จีบนายล่ะ?”
“หา?? ไม่เอาหรอก” ผมตอบ แต่รู้สึกร้อนวาบๆ ที่หน้ายังไงก็ไม่รู้
“ช่างเถอะ ฉันก็ถามไปอย่างนั้นแหละ สงสัยต้องเตือนพี่ไว้ซักหน่อยแล้วว่าไอ้วาชอบคนนี้” ไอ้คีตะพูดก่อนจะเดินไปนั่งเขียนอะไรซักอย่างซึ่งผมมั่นใจว่าผมแปลไม่ออก
“นี่ๆ นายเก่งภาษาอังกฤษจังเลยนะ” ผมชะโงกไปดูลายมือไก่เขี่ยของมันก่อนจะพูดขึ้น
“แม่ฉันเป็นฝรั่งนะ ฉันอยู่เมืองนอกมาตั้งแต่เด็กถ้าไม่เก่งภาษาอังกฤษจะให้เก่งภาษาอะไรล่ะ” หมอนั่นพูด เออว่ะ ลืมไปเลยว่าหมอนี่มันเป็นลูกครึ่ง
“จะว่าไป ฉันคงต้องรีบหาแฟนซะแล้วสิ ไม่งั้นไอ้วาคงไม่เลิกชอบฉันแน่” ผมนึกถึงไอ้วาก่อนจะถอนหายใจ
“อย่างนายจะไปหาที่ไหนได้ หาแฟนเป็นผู้ชายง่ายกว่าอีก” หนอย ดูถูกจริงๆ
“หาได้แน่ อย่างน้อยก็มีผู้หญิงให้เบอร์ฉันมาล่ะวะ ฉันไม่ต้องเปลืองน้ำลายไปขอด้วย คุๆ” คิดแล้วก็เขิน ตั้งแต่ที่ผมได้เบอร์แคทมาผมก็ยังไม่โทรไปเลย
“จีบให้ติดละกัน”
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
มาแก้เบาๆ คิๆ
B B
55ความคิดเห็น