[FANFIC] HONKAI IMPACT 3 X LEGENDARY GODZILLA - นิยาย [FANFIC] HONKAI IMPACT 3 X LEGENDARY GODZILLA : Dek-D.com - Writer
×

    [FANFIC] HONKAI IMPACT 3 X LEGENDARY GODZILLA

    โดย ONYX-SAMA

    เรื่องราวได้เริ่มขึ้นเมื่อ LEGENDARY GODZILLA ราชันย์แห่งสัตว์ประหลาดและผู้รักษาความสมดุลของธรรมชาติจากจักรวาล MONSTERVERSE ต้องมาอยู่ในโลกของ HONKAI IMPACT 3

    ผู้เข้าชมรวม

    12,637

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    197

    ผู้เข้าชมรวม


    12.63K

    ความคิดเห็น


    61

    คนติดตาม


    206
    จำนวนตอน :  28 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  21 ส.ค. 67 / 23:32 น.

    อีบุ๊กจากนิยาย ดูรายการอีบุ๊กทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    “ความเย่อหยิ่งยะโสของมนุษย์คือ การคิดไปเองว่าธรรมชาติอยู่ในการควบคุมของพวกเรา แต่ไม่ใช่ในทางกลับกัน”

    Dr. Ishiro Serizawa


    เรื่องราวได้เริ่มขึ้นเมื่อ LEGENDARY GODZILLA ราชันแห่งสัตว์ประหลาด ได้ปรากฏตัวขึ้นมาในโลกของ HONKAI IMPACT 3 มานานแสนนานแล้วจนถึงในโลกยุคใหม่ที่ถูกพลังงานลึกลับนามว่า "ฮงไก" เข้ารุกราน โดยมีหน่วยต่อต้านที่เรียกว่า "วาลคีเรีย" ซึ่งเป็นเหล่าเด็กสาวผู้มีพลังต่อต้านฮงไกอยู่ในพันธุกรรม ได้เข้าต่อสู้กับหายนะฮงไก และภัยคุกคามต่างๆที่แพร่กระจายไปทั่วโลกไปพร้อมกับ GODZILLA เพื่อปกป้องสิ่งสวยงามทั้งหมดบนโลกใบนี้!


    ฮงไก(Honkai) คืออะไร?

    “ฮงไก” คือพลังงานชนิดหนึ่ง พลังงานปริศนาที่หากมีความเข้มข้นสูงจะก่อให้เกิดภัยพิบัติขึ้นเพื่อกำจัดอารยธรรมของมนุษย์ 

    ซึ่งภัยพิบัตินั้นมีทั้ง ภัยธรรมชาติ และปีศาจ มนุษย์ที่สัมผัสกับพลังฮงไกเข้มข้นจะถูกเปลี่ยนให้เป็นซอมบี้และเข้าทำร้ายมนุษย์ด้วยกัน

    พลังฮงไกมาจากไหน?

    เรื่องนี้ก็ง่ายๆ สิ่งเดียวที่ทำลายโลกได้คืออะไร? สิ่งนั้นก็คือ “มนุษย์” 

    มนุษย์เปรียบเสมือนปรสิตคืบคลานอยู่บนโลก และโลกก็จำเป็นจะต้องกำจัดปรสิตพวกนั้นด้วยการสร้างวัคซีนอย่าง “ฮงไก”ขึ้นมานั่นเอง

     

    แฮชเชอร์(Herrscher) คืออะไร?

    “แฮชเชอร์” เป็นตัวตนของมนุษย์ที่อัดแน่นไปด้วยความเกลียดชังมนุษย์ด้วยกันและเป็นศัตรูธรรมชาติของมนุษย์ แต่ความเกลียดชังไม่ได้สร้างแฮชเชอร์อย่างเดียว 

    พลังฮงไกเองก็เป็นส่วนที่ทำให้เกิดแฮชเชอร์ขึ้นมา เพราะหากมีพลังงานฮงไกเข้มข้นมากขึ้นจนเกิดระเบิดขึ้น ทำให้มนุษย์ที่รับพลังนั้นและไม่กลายเป็นซอมบี้จะกลายเป็น “แฮชเชอร์”

    ตัวตนที่มีพลังยิ่งใหญ่ สามารถทำลายล้างโลกได้อย่างง่ายดาย ในอารยะธรรมเก่ามีปรากฏแฮชเชอร์แค่ 14 คน ก่อนที่อารยธรรมจะล่มสลาย

     

    ไททัน(Titan) คืออะไร?

    “ไททัน” คือเหล่าสิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์ ซึ่งได้ถือกำเนิดตามธรรมชาติบนพื้นพิภพมาตั้งแต่ยุคบรรพกาล พวกมันอยู่มาก่อนมนุษยชาติหรือฮงไกจะถือกำเนิด โดยพวกมันใช้วิธีดูดกลืนรังสีหรือฮงไกเป็นอาหาร เพื่อขับเคลื่อนร่างกายขนาดมหึมาของมัน

    โดยที่เมื่อหลายล้านปีก่อน โลกเราเคยมีปริมาณกัมมันตรังสีและพลังงานฮงไกสูงกว่าสมัยของมนุษย์นับสิบเท่า

    ไททันส่วนใหญ่หายไปไหน?

    แต่ทว่าเมื่อระดับกัมมันตภาพรังสีหรือฮงไกได้ลดลงสูญสลายไปตามกาลเวลา ทำให้พวกมันส่วนใหญ่จำเป็นต้องเข้าโหมดจำศีลและหลับใหลอย่างยาวนาน เพื่อรักษาระดับพลังงานในร่างกาย 

    โดยไททันบางตัวได้ไปอาศัยอยู่ในใต้ดินลึกๆ และดูดกลืนรังสีจากความร้อนใต้พิภพและใกล้แกนดาว 

    แต่ด้วยขนาดตัวอันมหึมา และพละกำลังอันมหาศาลของมัน จึงสมควรแล้วที่จะเรียกพวกมันว่า “ไททัน” ตามตำนานเทพนิยายกรีก

     

    อัลฟ่าไททัน(Alpha Titan) คืออะไร?

    เหล่าไททันดำเนินการในรูปแบบของลำดับชั้น โดยที่มีอำนาจมากที่สุดในหมู่พวกมันจะถูกเรียกว่า “อัลฟ่าไททัน” 

    โดยไม่คำนึงถึงสายพันธุ์และดูเหมือนว่าตำแหน่งอัลฟ่าจะได้มาจากการต่อสู้ที่บางครั้งมักจบลงด้วยความตาย แม้ว่าจะมีไททันบางส่วนไม่ยอมรับและอัลฟ่าคู่แข่งที่ปฏิเสธจะยอมจำนน

    อัลฟ่ามีอำนาจในการสั่งการไททันพันธมิตรทั้งหมด ซึ่งพวกมันจะยอมปฏิบัติตามคำสั่ง ไม่ว่าพวกมันจะมีความเมตตาหรือเจตนามุ่งร้ายก็ตามและอัลฟ่าสามารถส่งเหล่าไททันให้เข้าสู่สภาวะสงบหรืออาละวาดในการทำลายล้างได้

     

    วาลคีเรีย(Valkyria) คืออะไร?

    Valkyria เป็นหน่วยต่อสู้ขององค์กร Schicksal ทำหน้าที่ในการต่อสู้กับซอมบี้และฮงไก

    โดย Valkyria ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง เนื่องจากความสามารถในการปรับตัวและความคล่องตัวที่มากกว่าผู้ชาย 

    นอกจากนี้ยังมีการจำแนก Valkyria แบ่งออกเป็นลำดับ ซึ่งสูงสุดคือ S, A, B, C และ D - Rank ตามลำดับจากมากไปน้อย


    โดยเรื่องราวต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นต่อ เชิญไปติดตามรับชมได้เลย



    [FANFIC] HONKAI IMPACT 3 X LEGENDARY GODZILLA

    แนะนำตัวละครหลัก

    GODZILLA (ゴジラ)

    ชื่อทางวิทยาศาสตร์: TITANUS GOJIRA

    ความสูง: 355 ฟุต (2016)
    393 ฟุต (2019 - 2021)

    ความยาว: 550 ฟุต 4 นิ้ว (2016)
    582 ฟุต (2019 - 2021)

    น้ำหนัก: 90,000 ตัน (2016)
    99,634 ตัน (2019 - 2021)

    ประวัติ
    "แม้ในตอนแรกถูกพวกมนุษย์มองมันว่าเป็นภัยคุกคาม แต่ตอนนี้ TITANUS GOJIRA เติบโตจนสูงถึง 355 ฟุต และยังยืนหยัดในฐานะราชันแห่งสัตว์ประหลาด 

    ทำให้เข้าใจถึงศักยภาพของมันในฐานะผู้พิทักษ์ และนักล่าขั้นสูงสุดหรือ Alpha Predator ที่ได้ตระหง่านโผล่ขึ้นมาจากส่วนลึกลึกลับของมหาสมุทร เพื่อต่อสู้กับภัยที่คุกคามความสมดุลของธรรมชาติ"

    สิ่งมีชีวิตที่ได้รับฉายาว่า ราชันแห่งสัตว์ประหลาด มันสามารถดึงพลังมหาศาลจากนิวเคลียร์ในรูปแบบชีวภาพออกมาใช้งานได้ เมื่อถูกคุกคามมันจะกระตุ้นการไหลของนิวตรอนที่ส่วนหลังที่มีลักษณะเป็นครีบหลังสามแถวของมันไปยังบริเวณช่องคอ และทำการปลดปล่อยพลังงานออกมาเป็นคลื่นลมหายใจปรมาณู ด้วยพลังอันน่าทึ่งนี้จึงทำให้ GODZILLA กลายเป็นสิ่งมีชีวิตทรงพลังมากที่สุดเท่าที่โลกเคยเห็นมา

    โดย Outpost 54 หรือเรียกในอีกชื่อว่า “Castle Bravo” มันคือสถานที่ถูกสร้างขึ้นเป็นฐานสังเกตการณ์ใต้น้ำ และศูนย์บัญชาการหลักที่สำคัญของ Monarch เพื่อทำการศึกษา GODZILLA ที่อาศัยอยู่ตามธรรมชาติของมัน

    การค้นพบของมนุษย์จนถึงตอนนี้ได้รับมาอย่างยากลำบาก แต่ก็มีการเปิดเผยอยู่บ้างจากการบันทึกเสียงใต้ทะเล ได้บ่งชี้ว่าสิ่งมีชีวิตนี้ใช้ช่วงความถี่ของการสื่อสารที่ซับซ้อนกว่าที่เราเคยจินตนาการไว้ เมื่อไม่โกรธจัด มันจะเชื่องช้า สง่างาม และอยากรู้อยากเห็น

    ระดับกัมมันตภาพรังสีของ GODZILLA ทำให้ง่ายต่อการตรวจเจอ โดยการสแกนภาพแสดงให้เห็นว่ามันเดินทางผ่านช่องมหาสมุทรต่างๆบนเส้นทางประจำ มันเคลื่อนที่โดยหางขนาดใหญ่  มีบางครั้งที่ร่องรอยกัมมันตภาพรังสีของมันหายไปจากการติดตาม และการวิเคราะห์กำลังทำงานอย่างใกล้ชิดกับเรา

    ต้นกำเนิด
    GODZILLA ถูกอธิบายว่าเป็นสิ่งมีชีวิตในยุคโบราณ รูปแบบจากสมัยยุคเพอร์เมียน เมื่อโลกเย็นลงและการแผ่รังสีในชั้นบรรยากาศตามธรรมชาติเริ่มลดลงหลังจากเหตุการณ์การสูญพันธุ์ของเพอร์เมียน - ไทรแอสซิก มันจึงจำเป็นปรับตัวเพื่อให้อยู่รอดจากเหตุการณ์การสูญพันธุ์ครั้งต่างๆ 

    โดยการดำดิ่งลึกลงไปในมหาสมุทรและบริโภครังสีความร้อนใต้พิภพตามธรรมชาติของดาวเคราะห์ในสภาพคล้ายการจำศีลจากการหลอมเหลวในแกนกลางของโลก จนถึงปี 1945 เมื่อการทิ้งระเบิดปรมาณูที่ฮิโรชิมาทำให้มันตื่นขึ้นมา

    สายพันธุ์ของ TITANUS GOJIRA  วิวัฒนาการในช่วงยุคเพอร์เมียน เมื่อหลายล้านปีก่อน แม้พวกมันจะทรงพลังและเคยมีจำนวนมากมาย แต่พวกมันก็สูญพันธุ์โดย MUTO ซึ่งเป็นไททันสายพันธุ์กาฝากที่ล่าเหยื่อ โดยเฉพาะในสายพันธุ์ TITANUS GOJIRA

    นอกจากนี้ยังมีการค้นพบ 2 สมาชิกของ GODZILLA ที่ถูกสังหารโดย MUTO Prime 

    โดยร่างแรกคือโครงกระดูกของ TITANUS GOJIRA ถูกพบในไซบีเรีย ในขณะที่อีกร่างหนึ่งมีชื่อว่า DAGON ถูกพบในฟิลิปปินส์ 

    ทำให้ดูเหมือนว่า GODZILLA คือสมาชิกตัวสุดท้ายในสายพันธุ์ของมัน

    โดย GODZILLA ได้รับการตั้งทฤษฎีโดย Ishiro Serizawa ว่าเป็น Alpha Predator หรือนักล่าที่อยู่จุดสูงสุดในระบบนิเวศของมันและทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้ไททันสายพันธุ์อื่นๆมีจำนวนมากเกินไป มันจึงคอยทำหน้าที่เป็น พลังแห่งธรรมชาติที่รักษาสมดุล

    ความสามารถ (Ability)

    ลมหายใจปรมาณู (Atomic breath)
    ลมหายใจปรมาณูของ GODZILLA เป็นลำแสงพลังงานที่มีรูปร่างคล้ายกับเปลวไฟ ที่พ่นออกมาจากปาก ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามันจะใช้สิ่งนี้เป็นทางเลือกสุดท้ายในการต่อสู้กับศัตรูที่มันไม่สามารถเอาชนะได้ด้วยตัวเอง

    อย่างไรก็ตาม มันเป็นไปได้ที่ GODZILLA ไม่เคยใช้ Atomic breath ได้อย่างเต็มกำลัง เนื่องจากแสงจากแผ่นหลังของมันไม่สว่างมากหนัก สิ่งนี้ยังทำให้เห็นด้วยว่า GODZILLA อ่อนแอลงอย่างมากในการต่อสู้และใช้พลังงานไปมาก 

    เมื่อเริ่มใช้งานแสงนีออนสีฟ้าบนแผ่นหลังของ GODZILLA เริ่มต้นที่ปลายหางและไปจนสุดคอของมัน ทำให้ได้ยินเสียงรบกวนซึ่งเกิดจากการชาร์จพลังงาน

    โดยการพ่น Atomic Breath นั้นมาพร้อมกับเสียงที่คล้ายกับเปลวไฟคำรามและต่อมาลมหายใจปรมาณูของ GODZILLA นั้นเริ่มรุนแรงกว่ามากและมีลักษณะเหมือนลำแสงมากกว่าจะเป็นเปลวไฟ 

    บ่งบอกว่าในตอนแรก Atomic Breath ยังไม่ได้ใช้งานเต็มประสิทธิภาพ และสามารถแรงกว่านี้ได้เมื่ออยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ ดวงตาและช่องเปิดจำนวนมากรอบเกล็ดของมันยังเรืองแสงสีฟ้านีออน ช่วงเวลาก่อนและตอนที่มันปล่อยลำแสงออกจากปาก 

    โดย Atomic Breath มีคุณสมบัติในการระเบิดทำลายหรือเผาไหม้สิ่งต่างๆให้กลายเป็นขี้เถ้าได้อย่างง่ายดาย

    หลังจากที่ GODZILLA ฟื้นขึ้นมาด้วยพลังงานที่เต็มเปี่ยม และยิงโจมตีใส่ศัตรูของมันและแสดงให้เห็นว่า Atomic Breath ยังสามารถกระแทกหรือผลักคู่ต่อสู้ที่น้ำหนักกว่ามันหลายเท่า

    การสะเทินน้ำสะเทินบก (Amphibious lifestyle)
    แม้ทางเทคนิคแล้ว GODZILLA จะเป็นสัตว์เลื้อยคลานและไม่ใช่สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ แต่มันก็ยังมีวิถีชีวิตแบบสะเทินน้ำสะเทินบก โดยใช้ชีวิตครึ่งหนึ่งในน้ำและอีกครึ่งหนึ่งอยู่บนบก ซึ่งทำให้มันเป็นนักสู้ที่ช่ำชองในสภาพแวดล้อมถึง 2 แบบ

    GODZILLA สามารถว่ายน้ำด้วยความเร็วเกิน 60 นอต (69.04 ไมล์ต่อชั่วโมง) ด้วยการสะบัดหางเหมือนจระเข้ 

    มันสามารถหายใจใต้น้ำได้ เพราะมีเหงือกและปอดเหมือนกับสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก ดังนั้น GODZILLA จึงสามารถอยู่ใต้น้ำได้อย่างไม่จำกัด โดยมันจะหุบเหงือกเมื่ออยู่บนบกเพื่อให้สามารถใช้ปอดได้

    ประสาทสัมผัส (Tactile Sensation)
    GODZILLA มีประสาทสัมผัสในการได้ยินและดมกลิ่นที่ดีมาก

    ความแข็งแกร่งและการต่อสู้ (Strength and Combat)
    GODZILLA มีพละกำลังมหาศาลและสามารถใช้มวลมหาศาลของมันเป็นอาวุธได้  

    โดยรวมแล้ว รูปแบบการต่อสู้ของ GODZILLA ส่วนใหญ่จะอยู่ในระยะประชิดและต่อสู้กับเป้าหมายโดยตรง แทนที่จะใช้ Atomic Breath หรือขว้างวัตถุ 

    GODZILLA ยังสามารถทำให้เกิดสึนามิได้เพียงแค่การขึ้นฝั่งอย่างเดียวเท่านั้น

    อายุยืน (Longevity)
    GODZILLA มีช่วงชีวิตที่ดูเหมือนจะยาวนานมาก เนื่องจากมันมีอายุหลายล้านปี ดังนั้นมันสามารถอยู่รอดไปได้อีกยาวนาน

    ฟัน (Teeth)
    GODZILLA มีฟันที่คมราวกับใบมีดโกน ซึ่งทำให้มันสามารถกัดศัตรูให้ถึงตายได้อย่างเหลือเชื่อ

    กรงเล็บที่แหลมคม (Sharp Claws)
    GODZILLA ยังมีกรงเล็บที่คมกริบ ซึ่งมีความคมพอที่จะฉีกวัตถุส่วนใหญ่ให้ขาดได้สบายๆ

    การเดินแบบ 4 ขา (Four-Legged Gait)
    แม้ว่า GODZILLA จะสามารถยืนตัวตรงในลักษณะสองขาได้ แต่มันก็เหมือนกับสัตว์เลื้อยคลานทั่วไป ที่ยังสามารถวิ่งและเดินด้วยแขนขาทั้งสี่ในลักษณะสี่ขาได้

    หาง (Tail)
    GODZILLA มีหางยาวที่ซึ่งมันสามารถใช้ในการทรงตัว ใช้เป็นอาวุธที่น่าเกรงขามหรือแม้แต่ใช้จับรัดคู่ต่อสู้ได้

    ธรรมชาติของชีวปรมาณู (Biothermal Nature)
    โดยพลังของ GODZILLA นั้นมาจากระบบไหลเวียนโลหิตแบบไบโอนิวเคลียร์ เปิดใช้งานเมื่อถูกคุกคาม นิวตรอนฟลักซ์จะถูกกระตุ้นให้เดินทางขึ้นครีบหลังของ GODZILLA ไปยังส่วนที่สังเคราะห์นิวเคลียสในลำคอของมัน และระเบิดออกเป็นลมหายใจปรมาณูของมัน

    ความทนทานและการเร่งรักษาฟื้นฟูปัจจัย (Durability and regeneration)
    มีการระบุว่า GODZILLA รอดชีวิตจากการทดสอบนิวเคลียร์ที่ดำเนินการในแปซิฟิกใต้ในทศวรรษที่ 1950 แม้ว่าดูเหมือนว่าจะทนต่อการระเบิดของ Castle Bravo ซึ่งเป็นระเบิดไฮโดรเจนขนาด 15 เมกะตันที่ Bikini Atoll ในขณะที่มันอยู่ใกล้กับระเบิด 

    อีกข้อพิสูจน์ถึงความทนทานของ GODZILLA คือ การเอาชีวิตรอดจากการสูญพันธุ์หลายครั้งที่เกิดขึ้นเมื่อหลายล้านปี ก่อนที่มันจะได้มาเผชิญหน้ากับมนุษยชาติหรือฮงไก

    นอกจากนี้ GODZILLA ไม่แสดงร่องรอยความเสียหายภายนอกจากอาวุธใดๆ ที่กองทัพสหรัฐฯ ใช้ รวมถึงเสียงปืนหนัก ขีปนาวุธ กระสุนรถถัง และอาวุธอื่นๆอีกมากมาย GODZILLA ดูเหมือนจะไม่สังเกตเห็นการโจมตีเหล่านี้เลย ยกเว้นเมื่อถูกปืนใหญ่ยิงโจมตีใส่โดยตรงที่เหงือกของมััน

    เนื่องจาก GODZILLA สามารถรักษาบาดแผลของมันได้ด้วยการดูดซับรังสีจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม อัตราการรักษาของมันขึ้นอยู่กับว่าอาการบาดเจ็บของมันรุนแรงแค่ไหน 

    การดูดซับพลังงาน (Energy absorption)
    GODZILLA กินรังสีนิวเคลียร์และสามารถดำรงชีวิตตัวเองได้นานหลายล้านปีโดยการดูดซับรังสีความร้อนใต้พิภพจากแกนโลก 

    ความทนทานต่ออุณหภูมิสูง (High Temperature Resistance)
    โดย GODZILLA มีภูมิต้านทานสูงต่ออุณหภูมิที่เย็นจัดและเยือกแข็งในทวีปแอนตาร์กติกา และมีภูมิต้านทานสูงต่อความร้อนสูง เนื่องจาก GODZILLA สามารถอาศัยอยู่ในลาวาหรือแม็กม่าของภูเขาไฟได้อย่างสบาย


    ตัวละครหลักวาลคีเรีย

    Kiana Kaslana
    อายุ: 16 ปี


    รูปแบบการต่อสู้

    เธอมีความเชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้ในรูปแบบ Gun Kata ด้วยปืนพกคู่จากระยะไกล มีความสามารถตีลังกาหลบการโจมตีได้อย่างคล่องแคล่วว่องไว และการโจมตีศัตรูอย่างรุนแรงในระยะประชิด นอกจากการใช้ศิลปะการต่อสู้ด้วยปืนเป็นหลักแล้ว Kiana ยังมีความสามารถในการรักษาอาการบาดเจ็บของตัวเอง และเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับเพื่อนๆ ในทีมเดียวกันได้อีกด้วย เธอมีพลังที่ใช้ต่อต้านภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในโรงเรียน (เหตุการณ์ที่ทำให้ผู้คนติดเชื้ออย่างปริศนาก่อนกลายเป็นผีดิบนั้นไม่มีผลกับ kiana เพราะพลังเวทมนตร์ที่อยู่ในตัวนั่นเอง) เธอจึงตัดสินใจใช้พลังนั้นในการตามหาต้นตอหายนะเหล่านี้และกำจัดมันทิ้งไปให้หมดสิ้น

    ประวัติส่วนตัว

    Kiana เป็นวาลคีเรียคนแรกที่ท่านกัปตันได้บัญชาการ แม้ว่าเธอจะได้ทุกอย่างที่ต้องการ แต่ไม่เลยที่จะเป็นรอยยิ้มและความอบอุ่นจริงๆของพ่อ ถึงสุดท้ายเธอจะทำให้ Seigfried ยอมรับได้และมีชิวิตปกติ แต่ความจริงมันไม่ได้สวยหรูขนาดนั้นเลย kiana เป็นเด็กสาวที่มุ่งมั่น มีความตั้งใจ แน่วแน่ และไม่หวั่นเกรงต่ออันตรายใดๆทั้งสิ้น เธอสาบานว่าเธอจะต้องกำจัดต้นตอของหายนะที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ให้จงได้ 

    ในปี 2000 ช่วงเดือนพฤษภาคม (3 เดือนหลังสงครามครั้งที่ 2 จบลง) Seigfried พาเธอหนีออกจาก Schicksal (แต่พลาดที่พา Kiana ตัวจริงมาด้วยกันไม่ได้) ไม่ทราบว่าเพราะเหตุผลอะไร แต่เธอสูญเสียความทรงจำที่ผ่านมาก่อนจะอายุได้ 9 ปี ในปี 2007 เมื่ออายุ 9 ปี วันที่ 7 ธันวาคม ความทรงจำที่จำได้เธอคือตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป ในปี 2008 เมื่ออายุ 10 ปี เข้าเรียนที่โรงเรียนประถม LAuielletta ประเทศอิตาลี Seigfried ให้คำสัญญากับเธอว่าจะปกป้องเธอตลอดไป ณ บ้านไม้เล็กๆของพวกเขา หลายปีที่ผ่านมา Seigfried ที่รับเลี้ยงเธอเป็นลูกสาวคนนึงโดยบอกให้รู้แค่ว่านามสกุล Kaslana และสอนวิชาต่อสู้ให้แต่ไม่เคยให้สู้จริงเลย เขาทำตัวเป็นพ่อที่ไม่ได้ดีนักจนกระทั่ง… ในปี 2009 เมื่ออายุ 11 ปี ในวันที่ 7 ธันวาคม เธอแอบหยิบปืน Shamash ออกไปสู้กับปีศาจฮงไก เพียงลำพังเพราะไม่อยากเห็น Seigfried ต้องบาดเจ็บกลับมาแบบทุกครั้ง เธอต้องการแบ่งเบาภาระบ้าง ต่อมาก็ได้รับการยอมรับจาก Seigfried พร้อมได้รับชื่อ Kiana Kaslana เธอและ Seigfried ร่วมต่อสู้ด้วยกันเป็นต้นมา เข้าเรียนที่โรงเรียน ม.ต้น Port-au-Prince ประเทศ เฮติ ในปี 2010 เมื่ออายุ 12 ปี พลัง Herrscher ตื่นขึ้นมาในตัวเธอ ทำให้ Seigfried ต้องปลดปล่อยพลังของ Judgement of Shamash เพื่อผนึก HOV ไว้แต่ก็แลกไปด้วยแขนซ้ายของเขา ต่อมา Seigfried ก็หายตัวไป ทำให้เธอออกตามหาและต้องต่อสู้มาด้วยตัวเองโดยตลอด ในปี 2011 เมื่ออายุ 13 ปี โอนย้ายตัวเองไปเรียนต่อที่โรงเรียน ม.ต้น Cagayan ประเทศฟิลิปปินส์ ปี 2013 เมื่ออายุ 15 ปี ช่วงปลายปีเธอได้เข้าเรียนที่โรงเรียน ม.ปลาย Senba เมือง Nagazora ประเทศญี่ปุ่น ในปี 2014 เมื่ออายุ 16 ปี เดือนกุมภาพันธ์ฝ่าวงล้อมซอมบี้จาก Honkai Outbreak ที่เมือง Nagazora ประเทศญี่ปุ่น สู้กับผู้คุมกฎแห่งสายฟ้าจนผู้คุมกฎชอบเธอ ได้รู้จักและตกหลุมรักกับ Mei ผู้เป็นรุ่นพี่ ได้พบกับ Yae Sakura และคนอื่นๆอีก เช่น Sin Mal ก่อนเจอกับ Bronya, Theresa, Fu Hua และ Himeko เข้าเป็นนักเรียน Valkyrie ที่โรงเรียน ม.ปลาย St.Freya และผ่านภารกิจมาอย่างโชกโชนในช่วงปีนี้


    Raiden Mei
    อายุ: 17 ปี

    รูปแบบการต่อสู้

    ดาบ และ เธอจะใช้ศิลปะการต่อสู้แบบนินจาคู่กับดาบคาตานะเพื่อโจมตีในระยะประชิด วิชานินจาช่วยให้เธอสามารถหลบการโจมตีของศัตรูได้อย่างไร้ร่องรอย ท่าไม้ตายของเธอนั้นหลากหลายมาก ไม่ว่าจะเป็นการแยกร่างเงา การใช้ดาบสายฟ้า รวมไปถึงการเพิ่มความเร็วและการหลบหลีกอย่างมหาศาล Mei เป็นผู้ที่มีความสามารถในการใช้เวทมนตร์ไฟฟ้าอยู่ในตัวอยู่แล้ว อาวุธคู่กายหลักของเธอจึงแสดงออกมาในลักษณะที่เข้ากับไฟฟ้าทั้งสิ้น ในการต่อสู้

    ประวัติส่วนตัว

    Mei เป็นลูกสาวของประธานบริษัท M บริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีชื่อเสียงอันดับต้นของญี่ปุ่น ที่สืบทอดตำแหน่งผู้บริหารโดยผู้คนในตระกูล Raiden มาทุกยุคสมัย ปัจจุบันมีสาขาย่อยมากถึง 15 สาขา แต่ปัจจุบัน บริษัทนี้กำลังประสบปัญหาด้านเงินทุนและใกล้จะล้มละลาย แต่ก็ยังประคับประคองมาได้จนถึงตอนนี้ เพราะพ่อของ Mei เป็นคนที่มีบุคลิกในการแก้ปัญหาอย่างใจเย็น และนิสัยนี้ก็ยังส่งผลกระทบมาถึงเมย์ด้วย บุคลิกของ Mei ที่แสดงออกมาจึงไปในแนวลักษณะดูสบายๆง่ายๆไปหมดทุกเรื่อง ตระกูล Raiden เป็นหนึ่งในตระกูลที่สืบทอดตำแหน่งผู้ถูกเลือกให้ต่อสู้กับ Apocalypse เช่นเดียวกับตระกูล Kaslana ของ Kiana โดยอาศัยงานของบริษัทมาบังหน้าเอาไว้ 

    แต่ถึงกระนั้น Mei กลับเติบโตมาพร้อมกับการเรียนรู้การต่อสู้โดยที่ไม่รู้ความจริงในเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย พ่อของเธอตั้งใจเข็มงวดกวดขัน เธอเป็นพิเศษเพื่อให้กลายเป็นสุดยอดมนุษย์ที่เพียบพร้อมทุกด้านแต่ด้วยความที่ถูกฝึกมาเข้มงวดเกินไปและเกิดความไม่เข้าใจกันขึ้น ทำให้ Mei พยายามหาทางหนีออกห่างจากพ่อของเธอและอยากกลับไปใช้ชีวิตอย่างเด็กสาวธรรมดาทั่วไป แต่เธอก็ไม่อาจจะหนีเงื้อมมือพ่อของเธอพ้น เธอสูญเสียการใช้ชีวิตช่วงชีวิตวัยเด็กอันสดใสไป รวมถึงเพื่อนที่เรียนอยู่ในโรงเรียนทุกคน (แต่เพื่อนทุกคนที่เข้ามาใกล้ ต่างไม่ได้สนใจเธอจริงๆ ทุกคนหวังแต่อิทธิพลจากเธอที่เป็นลูกสาวของผู้มีอำนาจแค่นั้น) ในแต่ละวัน Mei ก็ต้องอยู่กับการฝึกอันแสนหนักหนาสาหัสและโดดเดี่ยว นั่นจึงทำให้ เธอเริ่มเข้าสู่ด้านมืดและความรู้สึกนั้นก็ตอบสนองต่อพลังงาน Apocalypse ที่เกิดขึ้นในโรงเรียน Senba ทำให้เธอเปลี่ยนร่างเป็นปีศาจที่ใช้ไฟฟ้าได้ เธอควบคุมตัวเองไม่ได้จนทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ใกล้ตัว แม้ว่าสำนึกด้านดีในส่วนลึกของเธอจะพยายามต่อต้านมากแค่ไหน เธอก็ไม่อาจจะหยุดยั้งมันได้ เพราะในตอนนี้เธอถูกพันธนาการด้วยความรู้สึกด้านลบทั้งหมด  และสุดท้ายเธอก็ได้รับการปลดปล่อยจากความเจ็บปวดโดยการช่วยเหลือจาก Kiana ที่กลายมาเป็นเพื่อนรักคนแรกในชีวิตของเธอ และ Mei นั้นก็เป็นคนแรกที่มองเห็นคุณค่าในตัวของเธออย่างแท้จริง เธอจึงตัดสินใจให้ความช่วยเหลือ Kiana เท่าที่เธอจะช่วยได้ ด้วยทักษะการต่อสู้ที่ตัวเองมีอยู่ทั้งหมด


    Bronya Zaychik
    อายุ: 14 ปี

    รูปแบบการต่อสู้

    Project Bunny 19C สามารถใช้ “Project Bunny 19C” ยิงลูกไฟจากระยะไกล สามารถควบคุมหุ่นยนต์มาป้องกันการโจมตีได้ สกิลที่เธอปล่อยออกมานั้นมีความสวยงาม และสร้างความเสียหายได้อย่างมหาศาล เธอมีความสามารถในการควบคุมหลุมดำและมีพลังป้องกันที่สูงมาก

    ประวัติส่วนตัว

    Bronya Zaychik เป็นลูกสาวของนายทหารรัสเซีย พันเอก Alexei กับ Alexendra ผู้เป็นแม่ของเธอ ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ปี 2000 สงคราม Honkai ครั้งที่ 2 ที่กำลังดำเนินอยู่ได้สงผลกระทบหนักและทำลายพื้นที่ส่วนมากในเขต Siberia พ่อของเธอก็เป็นหนึ่งในผู้เคราะห์ร้ายเช่นกันเขาเสียชีวิตจากการอาละวาดของฮงไก ในวันนั้นมีผู้รอดชีวิตน้อยกว่า 100 และหนึ่งในนั้นคือ แม่ของเธอ
    เธอลืมตาดูโลกในวันที่ 18 สิงหาคม ของปีเดียวกัน แต่ไม่รู้วันเวลาและด้วยเหตุใด เธอถูกจับเข้าร่วมกับกองกำลังทหารอิสระ โดยไม่ทราบชะตากรรมแม่ของเธอเลย ผ่านมาจนถึงเดือนมกราคมปี 2012 Bronya ที่ถูกเลี้ยงมาเป็นมือสังหาร ทั้งชีวิตมีแต่กลิ่นสนิมดินปืนและคาวเลือด เธอได้รับภารกิจลอบสังหารอดีตหน่วยรบพิเศษ SPETSNAZ ชื่อว่า Cocolia แต่ภารกิจนั้นล้มเหลวและถูกจับได้ เธอไม่ถูกสังหารแต่ได้รับชีวิตใหม่ในสถานที่รับเลี้ยงเด็กกำพร้าของ Cocolia เอง และได้พบกับ Seele พร้อมเพื่อนใหม่คนอื่นๆ 1 ปีผ่านไป ปี 2013 ในเดือนสิงหาคม มีการทดลองลับ X-10 ขึ้น มันทำให้เธอเสียขาทั้งสองข้าง, ประสาทรับรู้ทางอารมณ์ และคนสำคัญของเธอ Seele…
    อย่างไรก็ตามแผนการทั้งหมดนี้มันยังไม่จบและเป็นจุดเริ่มต้นของทุกสิ่งอย่าง เธอและ Cocolia กำลังหาทางช่วย Seele ออกมาอีกครั้ง จนกระทั่งในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2014 เกิด Honkai Impact ครั้งที่ 3 ขึ้น Bronya ถูกส่งมาที่โรงเรียนม.ปลาย Senba เมือง Nagazora ประเทศญี่ปุ่น ด้วยเหตุผลบางอย่าง แต่นั้นก็ทำให้รู้จักกับ Mei และ Kiana ตัวเธอและเพื่อนอีกคนสองจึงต้องหาทางเอาตัวรอดออกไปให้ได้ แต่สุดท้ายก็ได้รับการช่วยเหลือจาก Theresa Apocalypse และเข้าเป็น Valkyrie แห่ง St. Freya High School


    Murata Himeko

    อายุ: 27 ปี

    รูปแบบการต่อสู้

    Sunfire Greatsword ใข้โจมตีจะสร้างความเสียหาย ไฟและกระโดดใส่ศัตรูในระยะจะทำให้ถูกเผาไหม้สร้างความเสียหายไฟช่วยให้การโจมตีง่ายขึ้นและมีความเสียหายเสริมจากไฟค่อยช่วยเวลาโจมตีใส่ศัตรูให้ตายได้ไวขึ้นอีกด้วย เรื่องทำลายเกราะไว้ใจได้เลย เป็นพันตรีที่มีการโจมตีศัตรูที่หนักหน่วงและรุนแรง แถมในขณะโจมตีครั้งที่สองยังโดนแต่เบาลงและไม่ถูกขัดจังหวะ ขณะสามารถโจมตีทำลายเกราะศัตรูได้สูงและมีความรุนแรงแถมยังทำให้ศัตรูกระเด็นขึ้นฟ้าได้แล้วเข้าโจมตี

    ประวัติส่วนตัว

    สาวญี่ปุ่นผมแดงคนนี้ดั่งเดิมเคยเป็นเด็กธรรมดาที่ฝันอยากนักผจญภัย,อยากถ่ายภาพสัตว์ทะเล และออกเดทกับผู้ชายดีๆ (ทั่วโลก!) แถมเธอยังวางแผนสำรองหลังเรียนจบไว้ด้วยว่าจะเป็นนักวิทยาศาสตร์แบบคุณพ่อ Murata Ryusuke เพื่อช่วยเขา วิจัยการประยุกต์ใช้พลังงาน Honkai ด้วย แต่โชคร้ายในปี 2006 ขณะอายุ 19 ปี วันที่เธอกำลังจะจบการศึกษาชั้นม.ปลาย พ่อของเธอก็เสียชีวิตเพราะ Honkai กลายร่างเขาให้เป็นปีศาจทำให้เธอก็พลอยโดน Honkai กัดกินร่างกายไปด้วย หลังจากนั้นเพื่อที่จะตามหาความจริงเรื่องพ่อ เธอได้พบกับ Ragna Rodbrok คนที่พูดให้กำลังใจเธอถึงการเริ่มชีวิตใหม่ “ไม่มีคำว่าสายเกินไปสำหรับเรื่องที่อยากทำ สิ่งที่สำคัญคือเริ่มทำมัน” - Ragna และ Theresa Apocalypse ที่รู้จักกับ Ryusuke ก็ชวนให้ Himeko มาสมัครเป็น Valkyrie ที่ Schicksal แล้วรับการปลูกถ่าย Artificial STIGMA เพื่อชะลออาการจาก Honkai แต่ว่าข้อเสียมันก็ยังเหมือนเดิม เพราะสิ่งที่เธอปลูกถ่ายไปมันก็กัดกินร่างกายเธออย่างช้าๆ เช่นกัน

    ตอนแรกเธอเป็นคนของศูนย์ใหญ่ที่ยุโรป และจากการฝึกมาอย่างยาวนานจนขึ้นเป็นระดับ A เธอเลือกบรรจุเข้าหน่วยบุกทะลวง (Assault Squad) ของรุ่นพี่ Ragna Rodbrok ที่ใช้ดาบใหญ่เป็นอาวุธประจำหน่วย (หน่วยรบพิเศษเวลาเจออสูรระดับโหด ๆ เกราะหนา ๆ เอาไว้แท็งแนวหน้า) Himeko เคารพและสนิทกับ Ragna มาก ๆ ในปี 2009 หน่วยนี้เคยออกทำหน้าที่สอนเด็ก ๆ ตามบ้านเด็กกำพร้าด้วย (เจอ Bianka ตอนเด็ก) แต่กระทั่งในปี 2010 ภารกิจหนึ่งทำให้คนทั้งหน่วยเสียชีวิต…มีเพียงแค่ Himeko ที่รอดกลับมาได้ และหน่วยบุกทะลวงก็ถูกยุบไป ในปีเดียวกันเธอย้ายตัวมาที่สาขาตะวันออกไกลแล้วกลายเป็นอาจารย์ประจำที่ St.Freya High School จึงได้มีโอกาสไปโปรโมทโรงเรียนจนไปพบกับ Bianka ที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งหนึ่งอีกครั้ง หลายปีผ่านไป เดือนกุมภาพันธ์ค.ศ. 2014 เธอได้มีโอกาสได้พบกับ Kiana, Mei, และ Bronya ในเรื่องที่เมือง Nagazora และจากนั้นก็ตัวติดกันเป็นตังเมกับเด็กพวกนี้เรื่อยมาและพักอยู่ที่เดียวกันโดยเฉพาะ Kiana ที่เคยโดน Himeko ที่เมาจนแก้ผ้าแล้วนอนกอดบนเตียงด้วยแหละ 555 ในปีนี้เกิดเรื่องขึ้นมากมายอธิบายก็ไม่หมด


    Fu hua 
    อายุ: ทางปฏิทินแบบตัดเวลาจำศีล 5,000 ปีกว่า (ถ้ารวมก็แค่บวกไป 50,000 ปี) แต่อายุทางชีวภาพ คือ 17 ปี

    รูปแบบการต่อสู้

    White Star Banishers สามารถสร้างกระแสลมสร้างความเสียหายกายภาพใส่ศัตรูพร้อมทำให้ลอยขึ้นเธอเป็นสายหมัดที่มีจุดเด่นอยู่ที่การเตะต่อยใส่ศัตรูด้วย ท่าการต่อสู้ที่เฉพาะตัวในแบบของเธอเองในระยะประชิดอย่างรวดเร็ว

    ประวัติส่วนตัว

    ย้อนกลับไปถึง 50,000 ปี ในช่วงการล้มสลายของอารยธรรมสุดท้าย เธอเป็นสมาชิกของกลุ่ม "Fire Moth" หรือ " ผีเสื้อราตรีเพลิง " เธอเป็นผู้รอดชีวิตไม่กี่คนจากผลกระทบของปรากฏการ Herrscher ในตอนนั้น Dr.Mei นักวิทยาศาสตร์ระดับสูงของอารยธรรมเก่าได้รู้ว่าอารยธรรมของมนุษย์จะถูกทำลายลงจากผลกระทบของ Herrscher จึงได้ทำการคัดเลือกเด็กสาวแล้วบรรจุในแคปซูลพยุงชีพแล้วฝั่งสติกม่าพิเศษซึ่งถูกเรียกว่า “ เมล็ดพันธุ์แห่งการชำระแค้น Honkai ”
    ในเวลาต่อมา 50,000 ปี Fu hua ได้ตื่นขึ้นมาในฐานะ " ผู้บุกเบิก " พร้อมๆกับเด็กสาวที่ชื่อ Fuxi และ Nuwa ในเวลานั้น ทุกคนจะรู้จัก Fu Hua แต่ชื่อนี้ไม่รู้แน่ชัดว่าเธอเริ่มใช้ชื่อนี้ตั้งแต่ตอนไหนแต่นี้คือชื่อที่ปรากฏในยุคสมัยใหม่ที่มีชื่อดั่งเดิมอย่าง Hua เข้ามาเกี่ยวด้วย และมันเป็นชื่อปัจจุบันที่ทุกคนรู้จักกันดี Fu hua ในชื่อ Jingwei ซึ่งต่อมานั้น Hua ที่มีตัวตนในชื่อ Jingwei ได้รู้จักกับ Ji Xuanyuan กับ Shennong และกลายเป็นเพื่อนกันร่วมปกป้องแผ่นดิน Shenzhou จนมาวันหนึ่งหลังจากที่ Ji Xuanyuan สู้กับ Chiyou ปีศาจ Honkai ระดับพิพากษา และ หายตัวไป แต่ Hua ก็ยังปกป้องแผ่นดิน Shenzhou ต่อไปเรื่อยมาในชื่อ Jingwei เรื่อยมาจนในยุคของราชวงศ์ถัง (ในมังงะ Spring Fest) และผู้คนยังเรียกเธอว่า “เซียนเหริน​ หรือท่านเซียน” ตามความเชื่อของลัทธิเต๋าที่หมายถึง “มนุษย์ผู้เป็นอมตะ” อีกด้วย ชื่อ Jingwei นั้นใช้ล่าสุดคือยันสมัยราชวงศ์หมิงเลยทีเดียว (สงครามกับ Schicksal และ VN 7 ดาบ) ในสมัย 500 ปีก่อน เธอได้อาศัยอยู่ในจีนนั้นเอง นั้นเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอได้เป็นเพื่อนกับ Ji Xuanyuan และ Shennong อีกด้วย ในช่วงก่อนศตวรรษที่ 15 ได้เกิดสงคราม Schicksal กับ China ขึ้น ผลปรากฏว่า Schickasal ได้รับความพ่ายแพ้อย่างยับเยิน แม้แต่วาลคีเรียที่แข็งแกร่งที่สุดในตอนนั้นอย่าง Kallen Kaslana ก็มิอาจจะต้านทานพลังมหาศาลของหญิงสาวผู้กอบกู้มนุษยชาติอย่าง Fu hua ได้ ในปัจจุบันเรายังไม่ทราบว่า Fu hua ได้สูญเสียพลังทั้งหมดของเธอไปได้ยังไง และอีกอย่างเธอในตอนนี้ไม่ได้เป็นอมตะเสียแล้ว เธอจึงร่วมมือกับ Otto อย่างลับๆ เพื่อปกป้องประเทศจีน โดยอาศัยพลังอำนาจขององค์กร Schickasal ในปัจจุบันแทน ถึงจะสูญเสียพลังอมตะไปทั้งหมด สถานะของเธอในปัจจุบันก็ยังถูกจัดว่าเป็นวาลคิเรีย Rank A แต่ที่จริงแล้วเธอมีความสามารถเหนือ S ด้วยซ้ำ


    Theresa Apocalypse

    อายุ: ทางปฏิทิน 48 ปี แต่อายุทางชีวภาพ 12 ปี (โตมากสุดที่ 12 ปี)

    รูปแบบการต่อสู้

    เป็นผู้ใช้ไม้กางเขนเป็นอาวุธในการรบ การโจมตีอยู่ในระยะกลางมีเป็นวงกว้างเน้นธาตุไฟฟ้าเป็นหลักในการโจมตีศัตรู เป็นความเสียหายหนักในการโจมตีศัตรู และ มีการโจมตีระยะประชิดที่รวดเร็วได้ดีในระดับนึง และ เน้นการใช้อาวุธเป็นหลัก เพิ่มความเสียหายธาตุไฟฟ้าให้แรงขึ้น และ จะทำให้การโจมตีมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นด้วย

    ประวัติส่วนตัว

    เธอเกิดขึ้นจากการผสมผสาน DNA ของ Kallen Kaslana เข้ากับ Honkai " Vishnu " ภายใต้ชื่อร่างทดลอง " A-310 " ซึ่ง Otto Apocalypse เป็นหัวหน้าโครงการ A-310 เป็นร่างทดลองที่มีประสิทธิภาพสูงมาก สามารถทนทานต่อคำสาปของปีศาจ Honkai ได้ดี และก็เธอได้ถือกำเนิดขึ้นในวันที่ 23 มีนาคม ปี 1972  การทดลองในซีรีย์ A - Z จำนวนมากกว่า 260 ตัวอย่าง ปรากฏว่า A-310 มีความรับรู้ที่สมบูรณ์แบบที่สุด ไม่เหมือนร่างทดลองตัวอื่นๆที่ผ่านมา ทำให้เหนือความคาดหมายของ Otto เป็นอย่างมาก ในระหว่างการทดสอบความแข็งแกร่งกับร่างทดลอง A-303 เธอได้แสดงสิ่งหนึ่งที่เป็นคุณสมบัติเฉพาะที่ไม่เคยพบในร่างทดลองใดๆเลย นั้นคือ " ความเมตตา " เธอไม่ต้องการที่จะฆ่า A-303 แต่กลับแสดงความเมตตาและอ่อนโยนออกมาแทน (นิสัยคล้าย Kallen) นอกเหนือจากนั้น A - 310 ยังสามารถใช้อาวุธ “ กุญแจแห่งพระเจ้าลำดับที่ 11” "Oath of Judah" ซึ่งเป็นอาวุธเก่าของ Kallen ได้อีกด้วย ทำให้ตอนแรก Otto เชื่ออย่างแรงกล้าว่า ร่างทดลอง A-310 คือ Kallen ผู้หญิงที่เขารักได้กลับชาติมาเกิดแล้วนั้นเอง ซึ่งต่อมา Otto ก็ได้กล่าวว่า “การกลับชาติมาเกิด ไม่สามารถพิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์” หลังจากนั้น ร่างทดลอง A-310 ก็ได้รับชื่อเป็น Theresa Apocalypse และมีฐานะเป็นหลานสาวของ Otto ในเวลาต่อมา แต่ร่างกายของ Theresa นั้นยังไม่สมบูรณ์แบบมากนัก จึงทำให้เธอจะอยู่ในรูปลักษณ์ของเด็กอายุ 12 ปีตลอดเวลา


     

     

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น