[one shot - Sayamilky] ราตรีแสนสั้นของเธอฉันที่ไต้หวัน - [one shot - Sayamilky] ราตรีแสนสั้นของเธอฉันที่ไต้หวัน นิยาย [one shot - Sayamilky] ราตรีแสนสั้นของเธอฉันที่ไต้หวัน : Dek-D.com - Writer

    [one shot - Sayamilky] ราตรีแสนสั้นของเธอฉันที่ไต้หวัน

    ซายะมิลกี้โมเม้นต์น้อยมาก ร้องไห้ ทดลองแต่งเองซะเลย

    ผู้เข้าชมรวม

    458

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    458

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    5
    หมวด :  นิยายวาย
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  19 พ.ค. 58 / 23:32 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น


    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      "ฉันนอนไม่หลับ"
      "มาหาหน่อยสิ"

      "ไปหาได้มั้ย"
      "นอนหรือยัง"

      หลังจากนั่งพิมพ์ข้อความบ้าบอคอแตกบนหน้าจอโทรศัพท์อยู่นานก็พบว่าหาความสมเหตุสมผลไม่ได้เอาซะเลย โดยเฉพาะที่อยากไปหาหรือให้เขามาหานั่นน่ะ

      "ดึกป่านนี้ก็นอนกันหมดแล้วล่ะมีแต่ฉันที่ยังไม่นอน" ถอนหายใจแรงเรียกสติซึ่งให้ความสนใจกับคนที่อยู่ห้องข้างๆ มากกว่าเคจจิกับฟูจังเพื่อนสมาชิกที่นอนห้องเดียวกัน สองสาวนอนสลบไสลไปนานแล้ว 

      นั่งเล่นโทรศัพท์เหงา ๆ อยู่ตรงระเบียงห้องเฝ้ามองความงามยามค่ำคืนบนท้องฟ้าเพียงลำพังใช้หูฟังเสียงความวุ่นวายของรถราเบื้องล่าง มันช่างว้าวุ่นเหมือนกับหัวใจของฉันตอนนี้ไม่มีผิด

      “ชิคเหลือเกินยัยมิลกี้” ส่ายหัวพูดคนเดียวสงสัยตัวเองที่ไปคิดถึงซายากะอีกแล้ว

      "ระวังคางด้วยล่ะ เดี๋ยวหมอนของโรงแรมเขาขาด (¬_¬)" สุดท้ายก็พิมพ์ส่งไปจนได้เมื่อพิจารณาแล้วว่าเป็นข้อความที่โอเคสุด พร้อมกดสติกเกอร์ฝันดีต่อท้าย แล้วฉันก็นั่งหัวเราะตัวเอง บางครั้งฉันไม่รู้จะเข้าใกล้ซายากะให้มากกว่านี้ได้ยังไง พักหลังมานี้เธอค่อนข้างมีระยะห่างกับฉันมากเป็นพิเศษ ต่อให้ฉันจะชอบหยอกชอบแกล้งเธอเท่าไรก็ได้เพียงความนิ่งเฉยกลับมา

      ที่ไต้หวัน ใช่ NMB48 มีถ่ายเอ็มวีกันที่นี่ อากาศตอนกลางคืนนั้นเย็นสบายดีแต่ฉันยังไม่รู้สึกง่วงเลย ถ้าได้นั่งคุยกับซายากะคงจะดีมากกว่านี้แน่นอน เสียดายฉันไม่ได้พักห้องเดียวกับเธอ

       

      ฉันต้องพยายามสงบใจเพื่อจะได้รีบเข้านอนสักที...

       

      โทรศัพท์สั่น...

       

      "คางฉันมันไปทิ่มเหงือกเธอหรือไง เอาเวลาที่เธอพิมพ์นี่ไปนอนเหอะ"  กวาดสายตาอ่านตัวหนังสือที่เด้งขึ้นมาบนหน้าจอโทรศัพท์ด้วยความตื่นเต้น ไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกตอนนี้ยังไงดีเมื่อได้เห็นสิ่งที่ซายากะโวยกลับมาผ่านแอพลิเคชันแชทยอดฮิต แต่ฉันรู้สึกดีใจนะที่ได้เห็นข้อความนี้ มันดีกว่าโดนซายากะเมิน

      "นอนแล้วแต่นอนไม่หลับ ซายากะจังยังไม่นอนเหมือนกันเหรอ มานั่งคุยด้วยกันสิ" ไม่รอช้าเร่งมือพิมพ์ข้อความทันทีฉันขอมากไปหรือเปล่านะ แต่อยากคุยด้วยนี่

      "ฉันกำลังจะนอนแล้ว"  ข้อความเด้งขึ้นมาอีกครั้ง หมดกันเป้าหมายของฉัน ดีใจไปแล้วนึกว่าจะได้คุยกันมากกว่านี้ ดีใจได้แป๊บเดียวจริง ๆ

      "คืนนี้ท้องฟ้าสวยนะ ไม่มานั่งชมความงามของไต้หวันตรงระเบียงแบบฉันล่ะ ชิคจะตาย" ก็จงใจกวนประสาทซายากะไปแบบนั้น รู้อยู่ว่ามันไม่ใช่เวลามานั่งชมความงามของท้องฟ้าตอนนี้

      "ใครจะบ้าไปนั่งมืด ๆ ข้างนอกแบบนั้น ฉันว่าเธอไปนอนได้แล้วล่ะ เจ็บเหงือกจนนอนไม่หลับเหรอ พรุ่งมีงานต้องทำอีกมาก" นั่งงอแงไม่ง่วงอยู่ตั้งนาน พอซายากะบอกมาแบบนั้นเกิดอยากเชื่อฟังขึ้นมาทันใด

      ฉันเงยหน้าไปเก็บภาพท้องฟ้าที่ใจอยากจะนั่งดูกับซายากะเป็นครั้งสุดท้าย จินตนาการว่าได้นั่งมองดวงตาที่แสนเย็นชาของเธอ ตาคมทรงเสน่ห์ ลิมิเต็ดอิดิชันเฉพาะกับฉันคนเดียวเท่านั้นที่ซายากะจะเมินเฉยใส่ โหดร้ายจัง

      "ขอบคุณนะที่ตอบกลับน่ะ ถึงซายากะจังจะไม่ยอมมานั่งดูท้องฟ้าตรงระเบียงแบบชิค ๆ กับฉันก็เถอะ"

      "ถ้ากลัวว่าจะเผลอเอาคางไปทำระเบียงเขาพังพูดกับฉันตรง ๆ ก็ได้"

      "ψ(´)ψ"

      ฉันส่งสติกเกอร์ฝันดีอีกครั้ง เพียงไม่นานก็เห็นว่าเธออ่านข้อความแล้ว แต่ไม่ได้ตอบอะไรมา ความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ ของฉัน ในที่สุดก็พร้อมจะนอนสักทีขอบคุณแค่เพียงไม่กี่นาทีที่ได้คุยกับซายากะ

       

       

      ทั้ง ๆ ที่เลือกสติกเกอร์คำว่าฝันดีได้แล้ว อย่างน้อยก็ควรส่งกลับตามมารยาท แต่เกิดเปลี่ยนใจในเสี้ยววินาทีสุดท้ายว่าไม่ส่งกลับไปดีกว่า เดี๋ยวจะทำให้มิยูกิจะได้ใจ ฉันโวยวายอยู่ในใจคนเดียว ผู้หญิงอะไรชอบล้อคางคนอื่น กวนประสาทที่สุด แต่ก็อดอมยิ้มไม่ได้เมื่อมองท้องฟ้าตอนนี้ จะว่าไปมิยูกิไม่ได้โกหกเรื่องความสวยงามของท้องฟ้าเลย ให้ตายเถอะทำไมฉันต้องมานั่งตรงระเบียงอย่างที่ผู้หญิงคนนั้นบอกด้วย

       

        ตอนเช้า...
      ทีมงานจัดเตรียมอาหารว่างไว้ก่อนที่พวกเราสมาชิก NMB48 จะเริ่มถ่ายเอ็มวีตัวใหม่ มิยูกิเดินเริงร่าเข้ามาพร้อมกับรองกัปตันเคจจิและฟูจัง สามคนนั้นนั่งโต๊ะกลมข้าง ๆ โต๊ะที่ฉันนั่งกินอยู่ก่อนแล้ว อาการินกับริโปโปะตามเข้ามาสมทบติด ๆ ฉันเห็นมิยูกิพยายามจะส่งสายตาบางอย่างแต่แกล้งทำเป็นมองไม่เห็น

      “เมื่อคืนหลับสบายดีเนอะ” ฉันพยักหน้ายิ้ม ๆ ให้อาการินที่ดูมีความสุขกับการพักผ่อนเมื่อคืน

      “หลับไปตั้งแต่หัวค่ำขนาดนั้นนี่” ฉันยกน้ำส้มขึ้นดื่ม ความหวานซ่อนเปรี้ยวช่วยทำให้สดชื่นได้มาก

      “นี่ซายาเน่ เมื่อคืนไปทำอะไรตรงระเบียงตั้งนาน ฉันสะดุ้งตื่นเห็นคนนั่งอยู่ตรงนั้นก็ตกใจ” ริโปโปะถามขึ้นมาโดยไม่ทันตั้งตัวจนฉันเกือบสำลักน้ำส้ม

      “อ๋อก็...ไปนั่งเล่นเกม อากาศมันเย็นดีน่ะ” ฉันคุมน้ำเสียงให้นิ่งที่สุดพยายามไม่แสดงอาการอะไรทั้งนั้น แต่ก็เห็นว่าโต๊ะข้าง ๆ มีมิยูกิส่งยิ้มกวนประสาทมาให้

      “คนปกติที่ไหนเขาออกไปเล่นเกมดึก ๆ ตรงระเบียงกัน” มิยูกิถามเสียงขบขันพร้อมกับหันไปเฮฮากับเคจจิและฟูจัง ซึ่งฉันทำได้แค่นิ่งเก็บอาการอย่างยากลำบากและดื่มน้ำส้มต่อไป ใจก็คิดอยากเอาน้ำส้มราดตัวกวนประสาทอย่างมิยูกิสักที

       

      ...

       

      เพราะคำถามของริโปโปะเมื่อเช้ามันทำให้หัวใจฉันได้เติมพลังอีกครั้ง พอได้เห็นซายากะแถแก้ตัวหน้าตายแบบนั้นตั้งใจว่ายังไงก็อยากจะหาโอกาสเข้าไปคุยด้วยตรง ๆ ที่ผ่านมายิ่งอยู่กันคนละทีมแล้วหาโอกาสคุยแบบจริง ๆ จัง ๆ ยากมาก เรื่องซายากะเล่นตัวอีกก็เป็นที่หนึ่ง

      เมื่อถึงฉากที่สมาชิกอีกชุดไปถ่ายทำ และฉันมีเวลาว่างเลยพยายามมองหาซายากะเผื่อจะมีโอกาสให้เข้าไปคุย แต่หายังไงก็ไม่เห็นว่าจะอยู่บริเวณสถานที่ถ่ายทำ จึงเดินไปที่เต็นท์สำหรับให้สมาชิกนั่งพักผ่อน ซายากะนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ที่นั่น ฝั่งตรงข้ามโต๊ะมีริโปโปะนอนงีบเอาแรง

                 เป็นอย่างที่ฉันพอจะเดาได้ ซายากะแค่มองว่าใครเข้ามาแล้วเธอก็สนใจกับโทรศัพท์ตามเดิม ฉันเดินเข้าไปหาซายากะช้า ๆ และยืนอยู่ด้านหลัง

      “ซายากะ...” ฉันกระซิบคุยกับเธอโดยทำให้มั่นใจว่าเธอจะได้ยินมันทุกคำและระวังไม่ทำให้ริโปโปะตื่นขึ้นมา

       

      ...

       

      มิยูกิเดินออกไปจากเต็นท์นานแล้ว แต่ความรู้สึกจากริมฝีปากนุ่มที่แก้มและที่หัวไหล่ขวายังคงทำให้หัวใจฉันสูบฉีดอยู่ไม่หาย ฉันรู้สึกได้ถึงกลิ่นน้ำหอมจากเธอที่เมื่อก่อนเคยพูดกับเจ้าตัวว่ามันหอมดี ฉันว่ามันเข้ากับเธอมาก ๆ มิยูกิก็ดูดีอกดีใจที่ฉันบอกแบบนั้น แต่ปัจจุบันเรื่องอะไรทำนองนี้ไม่มีแล้ว ฉันพยายามไม่สนิทกับเธอมากจนเกินไป ไม่ยุ่งไม่เข้าใกล้จนเหมือนว่าฉันเมินเฉยเย็นชากับเธอ เพราะฉันกลัวเหลือเกินว่าจะแสดงความรู้สึกที่แท้จริงออกไป ความรู้สึกลึก ๆ ในใจที่ฉันไม่เคยบอกใคร

      มิยูกิกระซิบที่ข้างหู ฉันรู้สึกว่ามันดังมากจนทะลุจากหูเข้าไปจนถึงหัวใจ

      “คิดถึงจัง...ฉันน่ะยังไม่ยอมแพ้กับเรื่องของเราหรอกนะ...ซายากะจัง”

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×