แรกพบฮีชอล-ฮันเกียง ....................................เฮ้ออออ...................................... เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่หลุดออกจากปากสวย ๆ ของชายหนุ่ม “ แล้วนายจะไปทางไหนต่อล่ะ ฮันเกิง “ ชายหนุ่มชาวจีนพูดกับตัวเองเป็นภาษาบ้านเกิดที่เขาเพิ่งจากมาได้ไม่นาน เพราะความโง่ของตัวเขาเองที่หลงเชื่อเพื่อนตัวเอง เพราะเพื่อนเป็นสิ่งเดียวที่เขาเหลือในชีวิตนี้ แต่ตอนนี้คนที่ได้ชื่อว่าเพื่อนทำกับเขาได้ขนาดนี้ แสดงว่าคนคนนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับสัตว์เดียรัจฉานที่ไม่รู้ผิดชอบชั่วดีหรอก “ ป๊าครับ ม๊าครับ ช่วยลูกคนนี้ของป๊ากับม๊าด้วยนะครับ “ สองเมื่อของฮันเกิงยกขึ้นผสานกันพลางเอ่ยขอความช่วยเหลือจากพ่อกับแม่ของเขาที่เพิ่งจากเขาไปได้ไม่นาน ..................................เฮ้อ...................เฮ้อ......................ออ.......................... ฮันเกิงถึงกับสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงถอนหายใจของคนบางคนที่นั่งข้าง ๆ เขา ( เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ) จึงค่อย ๆ หันหน้าไปมอง ก็พบกับชายร่างสูง ผอม หน้าตา มองไม่เห็นหรอกเพราะมันมืด ที่พอมองเห็นก็เท่านี้เพราะแสงไฟที่ส่องมันทำให้มองเห็นแค่นี้ แล้วอีกอย่างเขาก็นั่งก้มหน้าด้วย “ นี่คุณ คุณมานั่งทำอะไรในที่มืด ๆ อย่างนี้ แล้วทำไมไม่เข้าไปในไนคลับพวกนั้นล่ะ “ ชายข้างข้าง ๆ เอ่ยถามฮันเกิง “ ผมฟังไม่รู้เรื่อง “ ฮันเกิงตอบคนข้าง ๆ เป็นภาษาจีน คนที่ได้ยินถึงกับสะดุ้งเฮือก รีบเงยหน้ามามองหน้าฮันเกิงทันที “ นี่คุณ ไม่ใช่คนเกาหลีหรอ “ คนข้าง ๆ พยายามถามฮันเกิง “ ........................ “ ฮันเกิงไม่ได้ตอบเพียงแต่ส่ายหน้า ที่ส่ายหน้าเนี้ย เพราะฟังไม่ออกว่ามันคืออะไร ไม่ใช่ส่ายหน้าเป็นคำตอบ “ แล้วผมจะคุยกับคุณรู้เรื่องมั้ยเนี้ย “ คนข้างเกิดอาการเซงจิตนิดหน่อย เนื่องจากภาษาไม่อำนวย ( ไม่รู้จักแล้วไปคุยกับเขาทำไมเนี้ย : ผู้แต่ง ) “ can you speak English “ ฮันเกิงปิ๊งไอเดียได้จึงถามคนข้าง ๆ เป็นภาษาอังกฤษ “ yes ” ชายคนข้าง ๆ ตอบ “ ค่อยโล่งหน่อยพูดภาษาอังกฤษได้ ” พร้อมต่อท้ายด้วยภาษาประเทศที่ฮันเกิงเหยียบแผ่นดินอยู่ตอนนี้ ฮันเกิงไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่ยิ้ม ๆ ด้วยความน่ารักของผู้ชายคนนี้ “ What’ s your name ” ชายแปลกหน้า ( รัก ) เอ่ยถาม “ Hangeng ” “ ฮะ .....ฮันคยอง ...หลอ..” ชายแปลกหน้า ทำหน้างงทวนชื่อที่เขาถามไปว่าถูกรึเปล่า “ฮันคยองหรอ.......น่ารักดี .” ฮันเกิงพูดเป็นภาษาจีนกับตัวเอง แล้วก็พยักหน้ารัว ๆ ให้คนข้าง ๆ คนเอาที่ที่เห็นถึงกับฉีกยิ้มเพราะความซื่อของคนคนนี้ “ and your name ” คราวนี้เป็นฮันคยองที่ถามบ้าง “chim changmin ” ชางมินแนะนำชื่อแล้วยิ้มน้อย ๆ พลางยื่นมือให้ฮันคยองเป็นการทำความรู้จัก ฮันคยองเกาจมูกน้อย ๆ ก่อนจะจับมือชางมินตอบ บทสนทนาของทั้งสองดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ จนกระทั่ง ชางมินพุดอะไรบางอย่างที่ฮันคยองฟังไม่ออก และชางมินก็จูงมือฮันคยองไป...........ผู้ชายคนนี้เป็นใครกัน แล้วเขาจะพาเราไปไหน แล้วทำไมเราถึงเลือกที่จะเดินตามไปอย่างไม่ขัดขืน เพิ่งเจอกันครั้งแรกแท้ ๆ แล้วอีกอย่างทำไมเราถึงวางใจที่จะคุยกับเขาล่ะ แม้กระทั่งเพื่อนที่คบกันมาเป็นปี ๆ ยังทำให้เขาต้องมาเหยียบบนแผ่นดินที่ไม่ใช่แผ่นดินของพ่อแม่เขาอีก แล้วชายคนนี้เราจะไว้ใจเขาได้มากสักแค่ไหนกันนะ ........... ฮันคยองคิดพลางเดินตามชางมินที่จูงมือเขาอยู่ >>>Honey club<<< ชางมินจูงมือฮันคยองเข้าไปในห้องที่ป้ายหน้าห้องติดไว้ว่า ‘ผู้จัดการ’ “ พี่ฮีชอลครับผมมีเรื่องให้ช่วย ” ชางมินพูดกับชายที่นั่งอยู่หลังเก้าอี้โต๊ะผู้จัดการ คนที่ถูกเรียกจึงค่อย ๆ หมุนเก้าอี้กลับมา “คุณชางมินมีอะไรให้พี่ช่วยบอกมาได้เลยครับ” ฮีชอลผู้จัดการหน้าสวย สวยซะจนบางครั้งแขกในร้านคิดว่าเป็นเสาวเสริฟจนแอบแต๊ะอั๋ง แต่ก็ถูกผู้จัการคนสวยเล่นงานจนหงายหลังหาทางกลับบ้านไม่ถูกเลย หันมาตอบชางมิน “ ผมฝากเพื่อนทำงานหน่อยสิครับ ” “ เพื่อน ” ฮีชอลทวนคำพลางเสหน้าไปมองฮันคยองที่ยืนซ้อนหลังชางมินอยู่ “ คนที่อยู่ข้างหลังคุณชางมินน่ะหลอครับ” “ ครับ “ “ ตำแหน่งไหนดีล่ะครับ “ ฮีชอลถามชางมินเพราะชางมินไม่เคยพาเพื่อนมาฝากเขาทำงาน เพราะเพื่อนชางมินแต่ละคนที่เขารู้จักเป็รเศรษฐีระดับประเทศทั้งนั้น แต่นี่คัยกันไม่ยักกะเคยเห็นหน้า “ ผู้ช่วยพี่ฮีชอลได้มั้ยครับ เพราะ เขาบอกว่าเขาจบบริหารมา ” ชางมินดูจะถูกชะตากับชายคนนี้เป็นพิเศษ “ ได้สิครับ ถ้าคุณชางมินต้องการอย่างนั้น” ฮีชอลตอบแล้วยิ้มให้ชางมินแบบมีเล่ห์ศนัย “ พี่ฮีชอลยิ้มอะไรครับ ” ชางมินรีบท้วงทันที “ เปล่าครับ “ “ เออ...แต่ว่าพีฮีชอลครับฮันคยองเขาพูดเกาหลีไม่ได้น่ะครับ เขาเป็นคนจีน แต่พูดอังกฤษเก่งมากครับ เดี๋ยวระหว่างเดือนสองเดือนนี้ผมตกลงกับเขาแล้วว่าจะสอนภาษาเกาหลีให้ขาเอง ” ชางมินร่ายยาว ทำเอาฮีชอลยิ้มได้แต่อย่างเดียว “ ครับ แต่ถ้าจะให้ดีพี่ว่าให้เขาพูดเกาหลีได้เร็ว ๆ หน่อยก็ดีนะครับ เพราะคุณชางมินก็รุ้ว่าภาษาอังกฤษพี่เป็นยังไง “ ฮีชอลพูดพลางเกาท้ายทอยตัวเองแก้เขินที่พูดภาอังกฤษไม่ได้เรื่องเลย “ ครับ ๆ ก็ พี่ฮีชอลไม่ยอมเรียนเองอ่ะ “ “ ก็มันยากหนิครับ “ แล้วชางมินกับฮีชอลก็หัวเองร่วน กับความบ้าบอของตัวเองและฮีชอล ปล่อยให้ฮันคยองที่ฟังภาษาเกาหลีไม่ออกทำหน้าเหรอ แล้วก็หัวเราะแห้ง ๆ ตามชางมินและฮีชอล “ เดี๋ยวผมพาฮันคยองไปหาที่พักก่อนนะครับ “ ชางมินยิ้มกว้างทิ้งท้าย ก่อนจะจูงมือฮันคยองออกไป ..........ผู้ชายคนนี้เป็นใครกัน ทำไมคุณชางมินถึงดูเอาใจใส่เป็นพิเศษ แถมยังเป็นชาวต่างชาติด้วย มันน่าสงสัยน่ะเนี้ย........ ฮีชอลคิดพลางจัดการกับเอกสารที่อยู่บนโต๊ะทำงานต่อ ไม่นานมากนักที่สองคนเดินออกไปประตูห้องของผู้จัดการหน้าสวยก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง ต่างกันแค่คราวนี้เป็นคนที่ผู้จัดการคนนี้คุ้นเคยที่สุด “ อ้าว...คุณชางมินลืมอะไรรึเปล่าครับ “ ฮีชอลพูดพลางจัดการกับเอกสารที่อยู่บนโต๊ะ “ แหม....คุณผู้จัดการครับขยันจังเลยนะครับ” “ ............ยูเมะ........” ฮีชอลเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียงก็หลุดชื่อชายที่เป็นที่รักของเขาออกมาโดยปราศจากการประมวลจากสมอง แล้ววิ่งออกจากกองเอกสารตรงหน้า เข้าไปกอดชายคนที่เขาเรียกว่ายูเมะ กอดแน่นเท่ากับความคิดถึงที่เขามีให้ชายคนนี้ ยูเมะก็ไม่ได้คิดถึงฮีชอลน้อยกว่าที่ฮีชอลคิดถึงเขาเลย ยูเมะก็กอดตอบฮีชอลแน่นมากเช่นกัน ไม่กอดอย่างเดียวแต่อุ้มฮีชอลให้ลอยเหนือจากพื้นนิดหน่อย แล้วหมุนช้า เป็นการบ่งบอกว่ายูเมะก็คิดถึงฮีชอลมาก ๆ เช่นกัน เวลาผ่านไปโดยที่บรรยากาศรอบข้างเต็มไปด้วยสีชมพู แห่งความสุข “ พอแล้วยูเมะ ชั้นเวียนหัว ” ฮีชอลท้วงขึ้นเมื่อรู้สึกว่ายูเมะเหวี่ยงตัวเองนานไปแล้ว ยูเมะได้ยินดังนั้นก็หยุดการกระทำลง “ ชั้นขอโทษนายเป็นอะไรมากมั้ย ” มือของยูเมะป่ายแปะอยู่บนหน้าของฮีชอล สีหน้าแสดงความเป็นห่วงคนรักสุด ๆ ฮีชอลก็สีหน้าติดที่จะสำออย ......................จุ๊บ.................. “ หายแล้ว ” ฮีชอลจุ๊บปากนุ่มของคนรักไปครั้งนึง แล้วทำหน้าทะเล้น “ นายนี่ไม่เปลี่ยนเลยนะ “ ยูเมะพูดกับคนรักของตัวเองพลางลูบหัวฮีชอล “ ใช่...ชั้นไม่เปลี่ยน เคยรักผู้ชายที่ชื่อยูเมะยังไงตอนนี้ชั้นก็ยังรักเค้าอยู่ “ ฮีชอลดูจริงจังจังทุกคำที่พูด “ ชั้นก็เหมือนกันเคยรักผู้ชายที่ชื่อคิมฮีชอลยังไงชั้นก็ยังรักเค้าอยู่ “ หน้าของยูเมะตอนนี้ก็ไม่ต่างฮีชอลเลย ฮีชอลได้ยินเช่นนี้ก็กอดยูเมะอีกรอบ แต่กอดครั้งนี้ฮีชอลให้ความรู้สึกที่อ่อนโอนทั้งหมดถ่ายทอดมันลงไป กอดเบา ๆ และ นุ่ม เป็นกอดที่อยู่ยูเมะเคยได้รับมันก่อนที่เขาจะไปเรียนต่อที่อังกฤษ “ พอแล้ว....มัวแต่กอดกันอยู่อย่างนี้เดี๋ยวก็ไม่ได้ทำอย่างอื่นกันพอดี “ ยูเมะเป็นฝ่ายที่ได้สติก่อน ทั้งสองจึงคายกอดออก แต่พอคายกอดออกแล้วยูเมะเหลือบเห็นน้ำใส ๆ ไหลเปื้อนแก้มสวย ๆ ของฮีชอลจึงใช้นิ้วค่อย ๆ ปาดมันออกเบามือที่สุด “ ไม่ร้องไห้นะครับเจ้าหญิงของผม “ ยูเมะใช้สรรพนามเหมือนทุกครั้งที่เขาเรียกชายคนที่ได้ชื่อว่าเป็นคนรัก “ พะค่ะ เจ้าชาย “ ฮีชอลยิ้มรับน้อย ๆ ก่อนจะย่อถอดสายบัวให้ยูเมะ “ พอแล้ว เราไปหาอะไรทานกันเถอะ “ ยูเมะยิ้ม ๆ แล้วชวนฮีชอลไปหาอะไรทานเหมือนทุกครั้งที่เขามาหาฮีชอล “ มันเพิ่ง 5 ทุ่มเองน่ะ ชั้นนะออกไปได้ก็ต่อเมื่อคลับปิดน่ะ” ฮีชอลอธิบายให้ยูเมะฟัง “ว้า.....แย่จัง......งี้ก็อดทานของฟรีอ่ะดิ ” ยูเมะทำหน้าเสียดาย “ จริงอ่ะยูเมะเลี้ยงหรอ เป็นวันอื่นได้ม้า......วันนี้ชั้นต้องทำงานอ่ะ นะนะ” ฮีชอลใช้ลูกอ้อนที่เขาถนัดที่สุด “ ได้สิ....สำหรับนายได้เสมอ ” และยูเมะก็ตามใจคนรักของเขาเสมอมาตลอดเช่นกัน ยูเมะนั่งรอฮีชอลทำงานจนเผลอหลับไป “ อ้าวหลับแล้วหรอเนี้ย “ พูดพลางเหลือไปมองนาฬิกาเรือนสวยที่แขวนอยู่ที่ฝนัง .........1.30...... “ ตีหนึ่งกว่าแล้วหรอเนี้ย อืม...ม...เมื่อยจังเลย ” ฮีชอลบิดตัวไปมาคลายความปวดเมื่อยทีจัดการกับเอกสารบนโต๊ะตลอด 2 ชั่วโมง “ยูเมะ......ยูเมะ......ยูเมะ......กลับเถอะดึกแล้ว” ฮีชอลเขย่าแขนยูเมะเบา ๆ “ อื้อ....อ.....อ เสร็จแล้วหรอ ” ถามทันทีที่ตัวเองลืมตา “ ครับ ” ฮีชอลยิ้มให้น้อยก่อนจะพยุงยูเมะลุกขึ้นจากโซฟา “ ไม่เป็นไรผมเดินเองได้ ให้ผมไปส่งมั้ยครับ ” ยูเมะแกะมือของคนรักออกเบาเพราะว่าเขาเดินเองได้ไม่ได้เมาซะหน่อย “ ไม่เป็นไรผมเอารถมา ยูเมะกลับเถอะ ” ฮีชอลจะเป็นอย่างเฉพาะเวลาอยู่กับยูเมะเท่านั้น พูดง่าย จะไม่เซ้าซี้ ทำให้ชายคนนี้ไม่เคยเบื่อเขาเลยตลอดเวลา 2 ปีที่คบกันมา แล้วทั้งสองก็เดินออกจากห้องทำงานของฮีชอล ผ่านหน้าไนคลับที่ฮีชอลดูแลอยู่ นักเที่ยวกำลังทยอยกับกลับเพราะอีกไม่นานคลับจะปิดแล้ว แสงไฟที่เคยสว่างเชิญชวยค่อยดับลงเรื่อย ทำให้ถนนสายที่เคยสว่างในตอนหัวค่ำตอนนี้เหลือเพียงดวงไฟไม่กี่ดวง ณ ใจกลางกรุงโซล ผู้คนยังคงพลุกพล่านถึงแม้จะเป็นยามราตรีเช่นนี้ก็ตามเถอะ ผู้คนมากหน้าหลายตาเดินผ่านไปมา ล้วนเป็นผู้คนที่เขาไม่รู้จักทั้งนั้น แถมภาษาก็ยังไม่คุ้นเลย และเขาจะเดินไปทางไหนต่อกันล่ะทีนี้ ชายหนุ่มชาวต่างชาติ เดินมาเรื่อย ๆ จนพ้นเขตที่ไม่มีผู้คนแล้ว จึงตัดสินใจวางกระเป๋าสำพาระ และหย่อนตัวลงนั่งที่เก้าอี้ยาวข้างทางที่วางไว้สำหรับผู้คนที่เดินสัญจรผ่านไปมา
ประธานฮีชอลคลับ
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น