คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ◆ Just A Beat - Part [3] (*พาร์ทนี้ลงให้ใหม่แทนอันที่หายไปค่ะ)
*พาร์ท3ของเรื่องนี้มันหายไปในช่วงที่เว็บรวนอ่ะค่ะ หน้าเพจตอนอาจไม่เรียง แต่ตัวนี้อัพใหม่เป็นpart-3 อ่านและเมนท์ได้ตามปกตินะคะ^^
Pairing : Kai x Baekhyun
.. Part 3..
เช้าวันหยุดอันแสนสดใส
คิมจงอินไม่ต้องไปมหาวิทยาลัย อยากจะนอนอ่านหนังสือสบายๆอยู่กับบ้าน แต่เมื่อวานนี้เขาดันนัดทำงานกับแพคฮยอนไปเสียแล้ว
“คุณจงอินคะ วันนี้ไม่รับอาหารเช้าเหรอคะ” เสียงแม้บ้านเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มกำลังเร่งรีบเดินลงบันไดผ่านห้องโถงออกมา
“ไม่ล่ะ วันนี้จะไปกินข้างนอก บอกพ่อให้ด้วยนะว่าไปทำงาน”
“ค่ะ แล้วจะเรียนให้คุณท่านทราบค่ะ”
จงอินมานั่งรอแพคฮยอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยตามที่นัดกันเอาไว้ เลยเวลามามามากเขาก็ยังรอต่อไป รอจนเวลาล่วงมามากกว่าเดิม จึงตัดสินใจโทรไปหาแต่อีกฝ่ายก็ไม่รับสาย จงอินหัวเสียนิดหน่อยก่อนจะไม่มีทางเลือก
บ้านหลังเล็กที่ตรอกทางเดินขึ้นเนินสูงๆนั่นแหละ ที่เป็นเป้าหมายของเขา
เมื่อจอดรถลงที่ทางเดินแล้วจงอินก็ก้าวเท้าเร็วๆขึ้นไปตามทางขนาดเล็กที่ทอดคดไปข้างหน้า ข้างทางเรียงไปด้วยบ้านหลายหลัง ลูกคุณหนูอย่างเขามองตามทางและได้แต่ยิ้มแหยๆเมื่อชาวบ้านที่อาศัยอยู่แถวนั้นมองมาที่เขาเป็นตาเดียวกัน
จงอินรีบก้าวไปตามแผนที่ซึ่งได้มาจากการแวะไปถามไปรษณีย์แถวนี้มาด้วยเลขที่บ้านที่พอจะรู้ มันเรื่องอะไรกันนะที่เขาต้องถ่อมาถึงบ้านของคนไม่เอาไหนที่ไม่มีความรับผิดชอบ ถ้าไม่เห็นแก่งานที่เขาให้ความสำคัญมากล่ะก็ ไม่มีทางจะมาเหยียบแถวนี้หรอก
คิมจงอินไม่ใช่คนดีอะไร จะมีดีก็แค่สมองกับหน้าตาเท่านั้นล่ะ
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ฉลาดพอจะรู้ว่าเวลาไหนควรทำตัวยังไง
“สวัสดีครับ มีใครอยู่มั้ยครับ”
หนุ่มนักศึกษาในชุดลำลองเรียบร้อยยืนเก้อไปสักพักที่หน้าบ้านสองชั้นหลังหนึ่งซึ่งติดกับตึกหลายอาคารที่เรียงเบียดกันไปตามสภาพ ความกว้างด้านหน้าที่น้อยมากนั้นทำให้จงอินไม่ต้องเสียเวลาหันไปทางไหนอีกเลย
ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา ชายหนุ่มจึงจำต้องเดินเข้าไปทางประตูที่ปิดไม่สนิท ภายในบ้านไม่มีแสงสว่างเท่าไหร่ กลิ่นเหล้าโชยมาเตะจมูก จงอินหันขวับไปตามเสียงนั้นทันที
“ใครน่ะ...”
เสียงผู้หญิงคนหนึ่งที่ลุกนั่งบนโซฟาเก่าๆ ผมหยิกสีดำเป็นลอนยาวเคลียอยู่กับไหล่มนที่โผล่พ้นชุดเดรสสีดำแบบเปิดไหล่ การแต่งหน้าจัดๆและสภาพงัวเงียแบบนี้คงไม่ได้กำลังจะออกไปไหนในเช้านี้หรอก ดูเหมือนจะเพิ่งตื่นด้วยซ้ำไป จงอินรู้ดี
เรียวหน้าได้รูปพร้อมกับดวงตาคมสวยที่จ้องเขม็งมาที่เขา บางทีก็อดรู้สึกคุ้นๆไม่ได้
“ขอโทษนะครับ คุณเป็นพี่สาวของแพคฮยอนใช่มั้ย คือผมเรียกแล้วแต่ไม่เห็น ....”
“แม่”
“เอ่อ...”
“ฉันเป็นแม่มันเอง มีอะไรรึเปล่า” น้ำเสียงและท่าทางไม่ยี่หระกับคนแปลกหน้าของหล่อนทำเอาจงอินนิ่งไป แต่ที่สำคัญกว่าคือเขาเสียมารยาทรึเปล่านะที่ทักผิดออกไปแบบนั้น จงอินประมวลผลเกี่ยวกับคนเป็นแม่และลูกชายอยู่ครู่เดียวเท่านั้น
“ขอโทษนะครับที่เข้าใจผิด ผมชื่อจงอินครับ เป็นเพื่อนกับแพคฮยอน ผมแวะมาหาเรื่องงาน” เขายิ้มให้ผู้ใหญ่คนนี้เล็กน้อย
“งั้นเหรอ .. แหม หนุ่มน้อย เธอเป็นคนแรกเลยนะที่แวะมาหาลูกฉันเรื่องงานเนี่ย”
.. หนุ่มน้อยงั้นเหรอ
“เหรอครับ”
“อืม”
ผู้หญิงที่ใบหน้าค่อนไปทางสวยคมดูเผินๆแล้วไม่เหมือนแม่คนสักนิด แต่ถ้าเพ่งมองดีๆก็พอจะดูออกล่ะนะว่าหล่อนก็มีอายุแล้ว
“นั่งก่อนสิ เดี๋ยวฉันขึ้นไปเรียกให้”
“ครับ”
จงอินนั่งรอบนเก้าอี้เดี่ยวที่วางอยู่ข้างมุมห้องพลางมองอีกฝ่ายเดินโงนๆเงนๆขึ้นชั้นบนของบ้านไป สักพักคนเป็นแม่ก็ลงมาหาด้วยสีหน้าปกติ
“โทษทีนะ แพคฮยอนไม่อยู่หรอก” ร่างเพรียวนั่งลงที่เดิมพลางคว้าบุหรี่ขึ้นมาติดไฟแล้วสูบ ท่าทางหล่อนจะไม่ได้สนเลยว่าลูกตัวเองไปไหน
“ก็ปกติแหละ ฉันกับมันไม่ค่อยได้เจอหน้ากันหรอก” เรียวปากเคลือบลิปสติกสีสดพูดขึ้นราวกับอ่านใจจงอินออก
“งั้นเหรอครับ สงสัยจะสวนกัน”
“อืม มันตื่นฉันก็หลับ มันหลับฉันก็ออกไปทำงาน”
“...........”
“เอ้า แล้วนี่จะทำยังไงล่ะ รออยู่นี่มั้ยล่ะ”
“ไม่ดีกว่าครับ ขอบคุณ” จงอินค้อมศีรษะให้ตามมารยาท ทั้งที่ควันบุหรี่ที่เพิ่มขึ้นนั้นแทบจะทำให้เขาสำลักอยู่แล้ว
ชายหนุ่มนั่งนิ่งใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่นั่นไม่ใช่เรื่องงานหรืออะไรที่เขาชอบคิดประจำ แต่ดันเผลอนึกไปกับเรื่องบางเรื่อง จงอินกำลังนึกภาพตามที่แม่ของแพคฮยอนเล่า แล้วไอ้หน้าตาละม้ายคล้ายกัน ท่าทีตอนพูดตอนสูบบุหรี่นั่นอีก บ้านนี้มันยังไงกันนะ
“ถ้าอย่างนั้น ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ แพคฮยอนอาจไปรอที่นัดกันไว้ก็ได้”
“อ้อ รอหน่อยได้มั้ย ฉันฝากอะไรไปให้มันทีสิ ”
△▽ △▽ △▽
จงอินออกจากที่นั่นมาแล้ว ตอนนี้เขากำลังขับรถกลับไปยังมหาวิทยาลัย ไม่ได้นึกหรอกว่าอีกฝ่ายจะรอกัน ดีไม่ดีคงชิ่งหนีนัดไปแล้วล่ะมั้ง
Rrrrrrrrrrrrrr
“ฮัลโหล .. หายหัวไปไหนของนายน่ะฮะ รู้มั้ยฉันถ่อมาหาถึงบ้านแล้วยัง ....เฮ้ ว่าไงนะ อะไรนะ.....” จงอินเบรกรถลงข้างทางอย่างรวดเร็วเมื่อเสียงปลายสายทำให้เขาเริ่มรู้สึกไม่ดี
“จงอิน แค่กๆๆ ... ยะ อยู่ไหน อึก แค่กๆ ช่วยฉันที”
“อย่ามาล้อเล่นนะ”
“..............”
“เฮ้ย นี่ แพคฮยอนๆ ได้ยินฉันเรียกมั้ย” จงอินพยายามตะโกนให้ดังที่สุดเท่าที่จะทำได้ เสียงอีกฝ่ายเหมือนกำลังจะขอให้ช่วยซึ่งจากที่ตอนแรกเขาคิดว่าล้อเล่น แต่เสียงนั้นกลับเงียบหายไป
“แพคฮยอน นายนั่นแหละอยู่ไหนกันฮะ นี่ ได้ยินมั้ย”
“ที่นายเจอฉันกับพวกมันไง .. ถะ แถวนั้น”
“แถวไหน เป็นอะไรรึเปล่า พูดชัดๆหน่อย”
“ตึกน่ะ ตึก .... ก่อสร้าง แค่กๆ แถวนั้น ............”
ตรู๊ด ................
แพคฮยอนวางสายไปแล้ว จงอินนิ่งไปสักพักก่อนจะพยายามต่อสายไปใหม่แต่อีกฝ่ายก็ไม่รับสักที เขานึกแล้วนึกอีกกับ
“แถวนั้น” ที่อีกฝ่ายพยายามจะบอก
“แถวนั้นๆๆ แถวไหนล่ะ โอ๊ย ....”
“ที่นายเจอฉันกับพวกมันไง .. ถะ แถวนั้น”
“พวกมัน ... อ๋อ พวกไม่เอาไหนนั่นน่ะเหรอ”
“แค่กๆ อึก ...”
เสียงหอบหายใจปนสำลักกองฝุ่นในซอกตึกก่อสร้างที่ทิ้งร้างไว้ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ สองเท้าและสองมือที่ถูกมัดไพล่หลังเอาไว้ด้วยเชือกหนาๆดิ้นเท่าไหร่ก็ไม่หลุดออก เสื้อยืดสีขาวเต็มไปด้วยฝุ่นสกปรก แพคฮยอนนอนขดอยู่กับมุมนั้นด้วยความเจ็บปวด โดนไอ้พวกนั้นอัดไม่เท่าไหร่ไม่ถึงตาย แต่พวกมันดันทิ้งเขาไว้ในสภาพน่าสมเพชแบบนี้ นึกแล้วก็แค้นใจนัก
ร่างทั้งร่างดิ้นพล่านไปมาจนหมดแรง ใบหน้าขาวๆแนบอยู่กับพื้นปูนสกปรก เสื้อที่เลิกเพราะแรงดิ้นเผยให้ผิวเนื้อเสียดสีพื้นปูนเป็นรอยแดงไปหมด ดวงตาคู่เรียวจ้องโทรศัพท์มือถือที่ส่งเสียงร้องเรียกอยู่ข้างๆแต่เขาก็ไม่สามารถรับมันได้อย่างก่อนหน้านี้
“ฮึ่ย!!”
ผ่านมาหลายตึกแล้ว จงอินที่แสนมั่นใจในตัวเองเริ่มจะออกอาการหงุดหงิดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด และยิ่งคิดว่าอีกฝ่ายกำลังรอเขาอยู่ก็ยิ่งน่าโมโหเข้าไปใหญ่ เสียงของแพคฮยอนก่อนหน้านี้ดังขึ้นในโสตประสาทของเขาอีกครั้ง จงอินยืนนิ่งไปก่อนจะสะบัดมันออกและรีบปฏิเสธความคิดตัวเองทันที
“เป็นเอามากนะเรา หมอนั่นอาจจะแกล้งเอาคืนก็ได้นี่หว่า”
บอกกับตัวเองอย่างนั้น แต่เอาเข้าจริงเขาก็ออกวิ่งตามหาเหมือนเดิมอยู่ดี
.. สงสัยจะบ้าจริงๆว่ะ
และในที่สุดคนที่รอกับคนที่ตามหาก็มาเจอกันจนได้
แพคฮยอนตวัดมองร่างของคนที่วิ่งตรงเข้ามาในที่ๆเขาอยู่ หัวใจเต้นแรงขึ้นมาทันทีอย่างไม่รู้ตัว จงอินชะงักไปเล็กน้อยกับสภาพที่เห็น ร่างสูงหอบแฮ่กจากการวิ่งเป็นชั่วโมง แต่สภาพหมดแรงและดูไม่ได้ของแพคฮยอนนั้นกับทำให้จงอินรู้สึกโมโหขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
“นี่ จะยืนมองอีกนานมั้ย ช่วยแก้มัดเร็วๆสิ”
“อ่ะ เออๆๆ” เสียงทุ้มว่าพลางก้มลงนั่งอย่างเก้ๆกังๆ จงอินเริ่มจากการแกะเชือกที่เท้าของแพคฮยอนออกก่อนตามด้วยพยุงให้ลุกขึ้นนั่งตรงๆ แพคฮยอนหลับตาด้วยความเหนื่อยล้าพลางพิงหลังอยู่กับจงอินที่แกะเชือกที่ข้อมือให้เขาอยู่ ขณะที่แกะไปสายตาคมก็ลอบสังเกตสภาพอีกคนไป
จงอินมองรอยช้ำๆแถวเอวของแพคฮยอนที่เสื้อเปิดออกให้เห็น ชายเสื้อยืดสีขาวเลิกสูงยู่ยี่ไปหมด
“ยังแกะไม่ออกอีกเหรอ”
“เออสิ แกะยากชะมัด”
“.............”
“อ้าวนี่อย่าเงียบสิ เดี๋ยวฉันก็เข้าใจว่านายตายแล้วหรอก”
“อืม จะให้พูดอะไรล่ะ”
“ก็เล่ามาสิว่าเกิดอะไรขึ้น”
“ไม่มีอะไรมากหรอก”
“งั้นก็บอกมาสิ”
“ไว้ค่อยพูดได้มั้ย”
“ทำไม”
“ฉัน .. ไม่รู้สิ กลัวขึ้นมายังไงก็ไม่รู้”
แพคฮยอนตอบพลางก้มหน้าลง จงอินลอบมองเสี้ยวหน้านั้นจากด้านหลัง เห็นท่าทางเอาเรื่องแบบนี้แต่พอเจอเข้ากับตัวก็คงจะกลัวจริงๆล่ะนะ ใบหน้าคมลอบถอนหายใจก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งจับเสื้อของคนตัวเล็กกว่าให้คลุมลงมาเรียบร้อย
“ออกแล้ว รีบไปกันเหอะ” จงอินโยนเชือกนั้นทิ้งก่อนจะรีบยืนขึ้น สายตาเหยียดๆเย็นชาจ้องลงมาที่แพคฮยอนอย่างเคย แพคฮยอนเองก็ไม่ได้จะขอความเห็นใจอะไร ชายหนุ่มค่อยๆยันตัวเองขึ้นยืนบ้าง
“ไงก็ขอบใจนะที่มาตามหา”
“อืม ฉันก็ไม่ใช่คนใจดำอะไร” จงอินตอบส่งๆไปโดยไม่มองหน้า คนฟังจึงได้แต่ยิ้มเก้อไปเล็กน้อย
แพคฮยอนรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังผิดหวังแปลกๆ แต่เขาก็คิดว่าช่างมันเถอะ
เรื่องสำคัญกว่านั้นน่าจะเป็นการแก้แค้นไอ้พวกนั้นมากกว่า
“เอ้า ยืนเจ็บใจอะไรอยู่ ไปกันเร็ว” จงอินหันมาเรียก แพคฮยอนพยักหน้าให้ แต่พอกำลังจะก้าวตามไปเขาก็เห็นไอ้พวกนั้นที่ว่ากำลังโผล่เข้ามา
เด็กมัธยมปลายท่าทางน่ากลัวกลุ่มนั้นมีกันอยู่ประมาณสี่ห้าคนได้ จงอินหันกลับไปมองบ้างก็พอจะดูออกว่าที่แท้แล้วก็พวกนั้นที่เขาเคยเจอจริงๆ นึกไม่ถึงว่าจะมาทำอะไรแบบนี้ได้
“ไว้นายค่อยแก้ตัวที่บ้านแล้วกันนะ” จงอินกระซิบเบาๆเพราะถ้าให้เขาเดาเด็กพวกนี้คงไม่ทำเรื่องแบบนี้ก่อนแน่ แพคฮยอนเถียงไม่ออกแต่ก็อยากอธิบายมันตอนนี้เลย
“ไม่ใช่นะ ก็ ก็ฉันเห็นพวกมันเลยเข้าไปขอเงินคืน”
“โง่รึเปล่า หาเรื่องใส่ตัวแท้ๆ”
ทั้งสองพูดกันได้แค่นั้นก็ต้องเงียบไปกับกลุ่มคนตรงหน้า แพคฮยอนจ้องตาพวกมันก่อนที่ความแค้นใจของเขาจะพุ่งสูงขึ้นกว่าเก่า
“อ้าว มีคนมาช่วยแล้วเหรอพี่ชาย” เด็กตัวสูงหัวทองที่ท่าทางไม่น่าไว้ใจที่สุดเอ่ย
“พวกแก!” แพคฮยอนตะโกนใส่ก่อนจะพุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็ว แม้แต่จงอินเองก็รั้งเอาไว้ไม่ทัน หมัดเล็กๆซัดใส่หน้าเด็กพวกนั้นก่อนที่เพื่อนมันคนอื่นจะตามเข้ามารุม จงอินไม่มีเวลาให้คิดเลยนอกจากวิ่งเข้าไปกันคนของตัวเองให้ออกมา
แต่มันไม่ทันแล้ว เวลานี้มันไม่ใช่แค่ต้องแยกแล้ว
ร่างสูงที่แม้ว่าจะเกิดมาในสังคมที่ไม่ใช้กำลังกันแบบนี้แต่ก็ใช่ว่าเขาจะต่อสู้ไม่เป็น ชายหนุ่มตรงเข้าซัดเด็กเกเรพวกนี้ด้วยอีกคน ขณะที่แพคฮยอนกำลังแย่จงอินก็พยายามจะเข้าไปดึงออกมา แต่จำนวนที่น้อยกว่ายังไงก็เสียเปรียบอยู่ดี
คิมจงอินยังเคยเรียนวิชาป้องกันตัวมาบ้าง แต่อีกคนนี่สิ บ้าดีเดือดแต่ฝีมือไม่เอาไหนเลยจริงๆ แพคฮยอนกำลังเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัดแต่จงอินที่อยากจะเข้าถึงตัวแล้วช่วยเหลือก็ลำบากเหลือเกินเพราะสามคนพวกนี้ที่รุมเขาอยู่ไม่มีทีท่าว่าจะสะบัดให้หลุดได้เลย
“อึก ....” ร่างของแพคฮยอนล้มลงกองกับพื้นเพราะเสียหลัก เขาใช้มือกำกรวดทรายจากการก่อสร้างแถวนั้นโยนใส่ตาของคนที่กำลังจะก้มลงมาซ้ำ
“บ้าชิบ! ตาฉัน ...” เด็กหัวทองคนนั้นสบถออกมาเพราะทรายเข้าตา แพคฮยอนถือโอกาสนั้นคว่ำตัวลงแล้วขยับหนี แต่ดูเหมือนจะมีพวกมันอีกคนโผล่มาด้านหลัง แพคฮยอนเงยหน้ามองจงอินที่หลุดออกมาจากเด็กกลุ่มนั้นได้โดยไม่รู้เลยว่าด้านหลังตัวเองกำลังมีอันตราย
“แพคฮยอน!”
จงอินวิ่งเข้ามาและร้องขึ้นอย่างตกใจ ไม้หน้าสามท่อนใหญ่ถูกยกลอยกับอากาศและเตรียมฟาดลงมา
ผลั่ก!!!
แพคฮยอนเบิกตากว้างกับร่างตรงหน้าที่ล้มลงมาคร่อมเขาเอาไว้ รอดตัวไป จงอินดันตัวเองขึ้นก่อนจะตวัดตัวถีบตรงเข้าที่ท้องของคนที่ถือไม้เอาไว้กับมือจนเซล้มทับกันไป มือหนาคว้าเข้าที่แขนของคนที่นอนอยู่ให้ลุกตามเขาไป
จงอินจับมือแพคฮยอนออกวิ่งไปจากที่ตรงนั้นทันที เขาทั้งสองวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตไปตามทางเดินตามซอกตึกสูงที่ยังก่อสร้างไม่เสร็จแห่งนี้ พวกนั้นที่วิ่งตามมาติดๆกำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆแล้ว แต่แพคฮยอนก็เริ่มจะหมดแรง
จงอินตัดสินใจดึงให้อีกคนเลี้ยวตามเขาเข้าไปในซอกตึกแคบๆมุมหนึ่ง และก็โชคดีไปที่พวกนั้นกลับวิ่งผ่านไปโดยไม่ทันสังเกต จงอินกับแพคฮยอนยืนอยู่ในซอกแคบๆนั้นโดยหันหน้าเข้าหากัน สองสายตามองตามเงาเท้าของคนพวกนั้นด้วยหัวใจที่เต้นรัว และเมื่อแน่ใจว่าปลอดภัยแล้วจึงคลายความกดดันลง
จงอินเป็นฝ่ายหันหน้ากลับมาก่อน เขาก้มลงมองอีกคนที่ตอนนี้ยังกลัวว่าพวกนั้นจะกลับมาอยู่ ร่างสูงรู้สึกได้ถึงแรงเต้นหัวใจของแพคฮยอนที่บริเวณหน้าอกของเขา ความแคบของซอกตึกทำให้ต้องยืนชิดกันอย่างไม่มีทางเลือก แพคฮยอนเป็นฝ่ายถอนหายใจออกมาบ้าง และเมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็พบว่าจงอินกำลังจ้องเขาอยู่เหมือนกัน
“พวกมันไม่กลับมาแล้วล่ะ” จงอินพูดขึ้น
“คะ ค่อยยังชั่ว”
“เรา ออกไปได้รึยัง” แพคฮยอนก้มมองตัวเองที่เหมือนยืนเบียดกับจงอินเต็มทีจึงเอ่ยถามขึ้น รู้สึกแปลกๆนิดหน่อยที่ต้องมายืนชิดกันอยู่แบบนี้
“อืม”
จงอินบอกสั้นๆก่อนจะเงียบไปแล้วไม่ขยับ ทำให้อีกคนต้องเงยหน้ามอง แล้วจู่ๆแพคฮยอนก็ต้องตกใจเมื่ออะไรบางอย่างหยดแหมะลงมาที่เสื้อของเขา
“จงอิน ... นะ นาย เลือดออก!”
.
.
Tbc. Part 4 (พาร์ท4กดเลือกตอนที่หน้าเพจก็ได้นะคะ เลขตอนมันไม่เรียงอ่ะค่ะ)
หวัดดีค่า!! ในที่สุดก็คลอดพาร์ทนี้ออกมาแล้ว หายหน้าไปหลายวันเลย ไปติ่งลูกๆและทำแต่งาน และอย่างที่บอกว่าลงสองเรื่องพร้อมกันแล้วไม่ไหวอ่ะค่ะ ... แต่ก็ยังจะลง ==
พาร์ทนี้ทำให้รู้เลยว่าคนที่ซวยอาจไม่ใช่แพคฮยอนแค่ฝ่ายเดียว อ๊อยยยย ไม่รู้จะเข้าข้างใครดี จงอินเอ๊ยถอนตัวยังทันนะ (รึเปล่า?) ....ฮา ไม่รู้สนุกรึเปล่า ถึงคนอ่านไม่เยอะแต่ก็กัดดันเล็กๆค่ะ เพราะยังมีคนติดตาม ขอบคุณมากเลยนะคะ ;______;
อาจลงช้าบ้างไรบ้าง รอกันด้วยน้า ^^! เจอกันพาร์ทหน้าค่ะ
ความคิดเห็น