ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC EXO] Just A Beat (KaiBaek)

    ลำดับตอนที่ #5 : ◆ Just A Beat - Part [4]

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.95K
      8
      18 ก.ค. 56







    ลิงค์ part-3 ค่ะ :: http://writer.dek-d.com/gorn-dbsk/story/viewlongc.php?id=912130&chapter=6
                   
                 *คือตอนที่เด็กดีมันรวน เลยแก้ไขแล้วออกมาตอนไม่เรียงค่ะ ยังไงกลับไปดูเลขลำดับตอนได้ที่หน้าหลักก็ได้นะคะ ^^







    Part-4

    V
    V
    V








     









    .. Part 4..



     

     

    “นะ นาย เลือดออก”

    แพคฮยอนเบิกตากว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ เป็นจังหวะเดียวกับที่จงอินเซเข้าหาพอดี

     

    “เฮ้ย! จงอิน จงอิน”

    ด้วยน้ำหนักที่เอนทับลงมาทำให้หลังของแพคฮยอนรูดกับผนังลงมานั่งกับพื้นโดยที่มีอีกฝ่ายทิ้งกายซบหน้าอยู่กับไหล่ของเขา

    เรียวแขนคู่นั้นยกโอบร่างของคนเจ็บไว้

    “จงอิน นายโอเคมั้ย ตอบฉันสิ ได้ยินรึเปล่า” แพคฮยอนหน้าซีดไปทันทีทีอีกฝ่ายนิ่งไป เลือดสีแดงไหลเปรอะเสื้อขาวอีกครั้ง

    แขนเล็กโอบร่างสูงพลางเขย่าไปมา

     

    สติแทบจะพังเมื่อนึกไปไกลว่าอีกฝ่ายอาจจะไม่รอด

     

    “นายอย่าเป็นอะไรนะ!

     

     

     

     

     

    ตายล่ะ ๆๆ ถ้าหมอนี่ตายเพราะฉัน ไม่นะ ไม่ .....

     

     

     

     

    “อย่าทำหน้าเหมือนฉันเข้าขั้นโคม่าได้มั้ย” เสียงทุ้มเอ่ยด้วยท่าทีเพลียใจกับอีกคนที่ทำเหมือนเขาใกล้จะตายยังไงยังงั้น 

    ขณะที่นั่งรอรับยาอยู่ที่โรงพยาบาลโดยมีผ้าปิดแผลขนาดเท่าฝ่ามือแปะอยู่ที่หัวด้านหนึ่ง จงอินมองแพคฮยอนด้วยสายตาคาดโทษ

     

    “ก็มันตกใจนี่หว่า เลือดออกแบบนั้นแล้วดันมาเงียบไปอีก”
     

    “เลือดไหลแล้วมันหน้ามืดน่ะสิ”
     

    “เพราะฉันแท้ๆ”
     

    “อืม รู้ตัวก็ดีแล้ว”
     

    “ถ้านายตายขึ้นมา ฉันจะทำยังไง” 

    “เฮ้อ .. ก็ถ้าใกล้ตายขนาดนั้นแล้วจะขับรถมาเองได้ไงกันเล่า อีกอย่างก็แผลแค่ปลายไม้ฟาดลงมาเฉียดๆแค่นี้เล็กน้อยจะตาย

    ไป ทำตื่นตูมไปได้”

     

    “เล็กงั้นเหรอ นายต้องเย็บตั้งหลายเข็มเลยนะ” แพคฮยอนพูดด้วยน้ำเสียงโมโห เจ็บขนาดนี้ยังบอกว่าเล็กน้อยได้อีก เก่งตายล่ะ
     

    “อย่างน้อยก็ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล”
     

    “เออ ก็ดี ขอโทษด้วยแล้วกัน”

     

    จงอินนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้เกือบชั่วโมงได้ หลังจากที่เขาหน้ามืดล้มทับไปกับแพคฮยอน เสียงหนวกหูน่ารำคาญก็ดังข้างหูไม่หยุด

    หย่อน อ้อมกอดที่เขย่าร่างของเขาไปมาก็ไม่หมดแรงเสียที

     

    แบบนี้ใครจะตายลงกันล่ะ.. แหกปากอยู่นั่น

     

    พอได้สติก็ขยับออกมานั่งนิ่งๆ แต่สรุปว่าคนที่เอาแต่โวยวายดันเป็นฝ่ายไม่มีสติไปเสียอย่างนั้น จงอินเลยต้องขับรถมาโรงพยาบาลโดย

    มีกระบอกเสียงอยู่ข้างๆทั้งที่เขาเจ็บจะตายอยู่แล้วแท้ๆ

     

     

    “ว่าแต่นายเหอะ สบายดีรึไง แล้วดูรอยช้ำสิ ไม่เอาไหนเลยจริงๆนะแพคฮยอน”
     

    “ว่าไงนะ ลูกผู้ชายก็ต้องกล้าได้กล้าเสียสิวะ รอยช้ำรอยแผลแค่นี้”
     

    “พอๆๆ นั่นเค้าเรียกไปเอายาแล้ว”

     

    แพคฮยอนเดินตามจงอินมาจ่ายค่ารักษาและค่ายา ตัวต้นเหตุเม้มปากเล็กน้อยขณะที่มองอีกฝ่ายล้วงกระเป๋าเงินออกมา

    จำนวนค่ารักษาไม่ถึงกับแพงหูฉี่อะไรแต่สำหรับแพคฮยอนแล้วมันคือทั้งหมดที่ติดตัวเขามาเลยนะ ระหว่างที่ใช้ความคิดอยู่นั้นก็ตัดสิน

    ใจได้


     

    “เอานี่สิจงอิน” มือบางกำแบงค์ยับๆไม่กี่ใบยื่นให้
     

    “อะไร

    “เงินไง ฉันจ่ายเอง”
     

    “เฮอะ ..พูดอะไร”

    “ก็จะอะไรล่ะ ก็ฉันควรต้องจ่าย” แพคฮยอนพยายามเอ่ยอย่างแน่วแน่ แต่สายตาจงอินกลับได้แค่มองดูเขาตั้งแต่หัวลงมาถึงเอว ถึงมันจะไม่จรดเท้าแต่ความรู้สึกคนถูกมองก็แย่พอกัน
     

    “เงินของนายน่ะ เก็บเอาไว้เหอะ จะกินยังไม่มีไม่ใช่รึไง”
     

    “จะมากไปแล้วนะ นายจะดูถูกฉันไปถึงไหน เงินแค่นี้ฉันมีปัญญาจ่ายหรอกน่ะ”
     

    “บอกว่าเก็บเอาไว้”
     

    “ไม่”
     

    “ฉันบอกให้เก็บเอาไว้ยังไงล่ะ หมดกระเป๋าแล้วนี่”
     

    “ฉะ ฉัน .....” แพคฮยอนเถียงไม่ออกเมื่อถูกรู้ไปหมด ทั้งเจ็บใจ ทั้งอาย

     

    จงอินส่ายหน้าให้คนข้างกายที่ยืนกำเงินตัวเองเอาไว้ เขาหยิบกระเป๋าเงินตัวเองออกมาเปิด แบงค์เงินหลายใบโผล่พ้น

    ขอบกระเป๋าหนังให้แพคฮยอนเห็น แต่จงอินกลับหยิบเพียงบัตรอะไรสักอย่างขึ้นมาใบเดียวแล้วยื่นให้เจ้าหน้าที่ แพคฮยอนยืนมองอยู่

    เงียบๆด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบายกับความต่างชั้นระหว่างกัน

     

    แพคฮยอนก้มมองกระเป๋าเงินในมือของจงอินอีกครั้ง มันคืออันเดียวกันกับที่เขาเคยคิดจะขโมยมา รูปภาพของหญิงสาวหน้าตาสวยคน

    หนึ่งปรากฏแก่สายตาโดยที่เจ้าของมันไม่ได้ตั้งใจ

     

    “มองอะไร”
     

    “ปะ เปล่า”

     

     

     

     

    จงอินมาส่งแพคฮยอนถึงบ้านในยามตะวันคล้อย ทั้งที่อีกฝ่ายบอกว่าไม่ต้องแต่เขาก็ดึงดันจะมาด้วยเหตุผลที่ว่าไม่ใช่คนใจดำ

    อะไร แต่ถึงอย่างนั้นสิ่งที่แพคฮยอนกำลังได้รับก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะเรียกว่าอะไรดี

     

    แพคฮยอนเอาน้ำมาให้จงอินที่นั่งอยู่ตรงข้ามกัน
     

    “แม่นายล่ะ”
     

    “หือ .. นายรู้เหรอว่าฉันอยู่กับแม่”
     

    “เมื่อกลางวันนายเบี้ยวให้ฉันคอยก็เลยตามมาหาที่บ้าน”
     

    “ฉันไม่ได้เบี้ยวนะ นายก็รู้ ว่าแต่งั้นก็เจอ...”
     

    “ใช่ เจอแม่นายไง”
     

    “งั้นเหรอ” แพคฮยอนเงียบไป
     

    “แล้วไหนเรื่องนั้น สรุปมันยังไง นายไปหาเรื่องพวกมันก่อนรึไง”
     

    “เปล่านะเว้ย ฉันน่ะนะ กำลังจะไปหานายนั่นแหละ แต่ระหว่างทางก็เจอพวกมันเข้าก่อนพอดีเลยเข้าไปพูดด้วยดีๆเรื่องของที่

    มันชิ่งหนีฉันไป”

     

    “พูดด้วยดีๆ พูดด้วยดีๆงั้นเหรอ”
     

    “เออๆๆ ไม่ก็ไม่ ก็ตอนแรกพูดดีแหละ แต่มันไม่ยอมแล้วฉันก็ไม่ยอม”
     

    “แล้วไงทีนี้ ต่อยกัน?”
     

    “เออสิ แล้วใครจะรู้ว่าเด็กพวกนั้นมันมีพวกกันล่ะ”
     

    “เฮอะ ฉลาดสมเป็นนายจริงๆนะแพคฮยอน”
     

    “เออ ขอโทษ”

     

    จงอินถอนหายใจเล็กน้อยให้คนที่คงถนัดเหลือเกินกับคำว่าขอโทษๆเนี่ย สายตานิ่งๆกรอกขึ้นมองแผลตัวเองที่อยู่บนหัวพลางยกมือจับที่

    ผ้าปิดแผลขนาดเท่าฝ่ามือ ยังดีที่ไม่ต้องถึงกับพันหัวเป็นมัมมี่ ไม่อย่างนั้นล่ะได้อายไปทั้งมหาวิทยาลัยแน่

     

    “ยังเจ็บอยู่มั้ย ขอดูหน่อยสิ” แพคฮยอนลุกขึ้นขยับไปหาจงอิน แต่ขาเจ้ากรรมก็ดันเตะโดนขอบโต๊ะเข้าเสียนี่

     

    “โอ๊ย ขาฉัน ยิ่งช้ำๆอยู่ด้วย”

    “ก่อนจะห่วงคนอื่นน่ะ ห่วงตัวเองก่อนมั้ย” จงอินมองคนตรงหน้าลูบขาตัวเองป้อยๆด้วยความเจ็บ
     

    “ดูสิขาฉัน เขียวเป็นจ้ำเลย ไหนจะแขนเกือบเคล็ด เข่าถลอก บ้าที่สุด”
     

    “ทำตัวเอง”
     

    “ว่าไงนะ”
     

    “ก็ว่านายทำตัวเองไงเล่า”
     

    “เออ” แพคฮยอนค้อนวงโตให้จงอิน ก่อนจะก้มมองขาตัวเองอีกครั้ง รอยเขียวช้ำที่ใหญ่สุดเริ่มเหมือนจะมีเลือดซึมออกมา

    เพราะแรงชนเมื่อกี้

     

    “ไม่นะ ไม่ ...”
     

    “น่ารำคาญจริง มานี่มา” พูดอย่างนั้นแต่จงอินกลับเป็นฝ่ายเดินเข้าไปหาเสียเอง เขาหยิบเอายาทาแผลออกมาวางเพื่อใช้หลัง

    จากเช็ดเลือดเสร็จ ร่างสูงนั่งคุกเข่าลงกับพื้นเพื่อเช็ดเลือดให้ร่างที่นั่งอยู่บนเบาะหนัง

     

    “ทำอะไรน่ะ”
     

    “นิ่งๆเหอะน่ะ”
     

    “เฮ้ย ไม่ต้องก็ได้”
     

    “ซุ่มซ่ามแล้วอย่ามาเสียงดัง .. ฉันหนวกหู”
     

    “ .. ชิ”

     

    แพคฮยอนได้แต่เบ้ปากทำหน้าหมั่นไส้ แต่พอมองอีกฝ่ายทำแผลให้อย่างอ่อนโยนแล้วก็เริ่มจะเพลิน แพคฮยอนมองจงอินโดยที่ในหัวก็

    คิดไปเรื่อย คิดย้อนแม้กระทั่งไม่น่าเชื่อว่าคนๆนี้จะมารู้จักกับเขาแล้วได้ใกล้ชิดกันแบบนี้

     
     

    แต่ก็นะ ตอนนั้นมันปลื้มนี่หว่า .. แล้วนี่อะไร แหวะ

     
     

    “เสร็จแล้ว”
     

    “ขอบใจ” แพคฮยอนชักขากลับทันทีพลางทำหน้าเรียบเฉยปกปิด
     

    “จะว่าไปใครกันแน่ที่ต้องทำแผลให้กันนะ”
     

    “ทวงบุญคุณ”
     

    “ก็เปล่า แต่ฉันเจ็บกว่านาย”
     

    “ก็บอกแล้วไงว่าขอโทษ แล้วก็ขอบใจไงเล่า”
     

    “ไม่เป็นไร ไม่ต้องกลัวจะไม่ได้ไถ่โทษหรอก”
     

     

    ทั้งสองนั่งมองหน้ากันเหมือนจะพักยกสงบศึกได้ชั่วคราว แพคฮยอนรู้สึกตงิดนิดหน่อยกับคำว่าไถ่โทษนั่น จู่ๆจงอินก็นึก

    บางอย่างได้

     

    “ถามอะไรหน่อยสิ นายตั้งใจโทรให้ฉันไปช่วยเหรอ ทำไมไม่โทรหาตำรวจหรือเพื่อนนาย” ชายหนุ่มลูกคุณหนูขมวดคิ้วอย่าง

    สงสัย แพคฮยอนเงยขึ้นมองหน้าจงอินทันที จู่ๆใบหน้าของเขาก็เกิดตึงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ความซ่ามันหายไปไหนแล้วล่ะนี่

     

    “เอ่อ ก็”
     

    “ฮะ อะไรล่ะ”
     

    “ก็ .. โอ๊ย จะบ้าเรอะ จะโทรหาคนอื่นได้ไง มือถูกมัดแบบนั้นฉันแทบจะเอาลิ้นกดแล้ว กว่าจะเอามือไพล่หลังแบบนั้นไปหยิบมา

    แล้วกดไปไหนได้ล่ะ มีแต่เบอร์นายโทรมาก็ต้องโทรไปน่ะสิ แถมได้แค่นั้นแบตก็ดันหมดอีก ซวยมั้ยล่ะ” แพคฮยอนพูดออกมาอย่างหัวเสีย

     

    เขาพูดความจริงไม่มีโกหก แต่ว่าไอ้ที่ใจเต้นกับคำถามนั่นแต่แรกมันอะไรกัน ทำอย่างกับจะถูกจับได้ จับได้อะไร

    ก็อย่างที่พูดไปมันมีอะไรผิดรึไงล่ะ คิดอะไรล่ะเนี่ย ร้อนตัวไปเองหรอกเหรอ .. บ้าชะมัด

     

    “นายซวยอ่ะจริง แต่ไอ้ที่ซวยกว่าคือฉันน่ะสิ งานไม่เสร็จแล้วดันมาเจ็บตัวเพราะนายอีก”
     

    “ครับๆๆๆคุณคิมจงอิน ผมผิดไปแล้ว”
     

    “หน้าตานี่สำนึกมากเหลือเกินนะ”

     

     

     

     

    “เออนี่ ลืมไปเลย ถึงนายอาจจะไม่มาที่นี่อีกก็เหอะ แต่ก็อย่าบอกแม่นะเรื่องฉันไปมีเรื่อง” แพคฮยอนเอ่ยขอร้อง
     

    “ทำไมล่ะ แม่เค้าคงห่วงนายนะ”
     

    “ห่วงเหรอ ไม่มีทาง”
     

    “งี่เง่าอีกแล้ว”
     

    “ว่าไงนะ” แพคฮยอนเหลืออดแล้ว อะไรๆก็ว่าแต่เขา ก็ยอมรับหรอกว่าทำอะไรก็ไม่ดีแต่ก็ไม่น่ามาว่ากันแบบนี้เลย
     

    “พูดถึงแม่นาย ฉันลืมไปเลยว่าเค้าฝากของมาให้นายด้วย เดี๋ยวรอก่อนนะ”
     

    “...........”

     

    จงอินเดินออกมาจากบ้านของแพคฮยอน ระหว่างนั้นเขาก็ฉุกคิดได้ว่าทำไมตัวเองต้องเสียเวลามาทำอะไรพวกนี้ด้วย

    จู่ๆความเป็นตัวเองก็แล่นเข้ามาในหัวอย่างรวดเร็ว จงอินกระโดดขึ้นนั่งในรถทันที ความเงียบเตือนให้สมองที่ไม่ได้รับการกระทบ

    กระเทือนอะไรมากประมวลผลกับเรื่องที่เกิด

     
     

    ไม่เคยต้องมาทำเรื่องอะไรแบบนี้เลย

     

    “กลับบ้านเลยดีกว่า เสียเวลาชะมัด”

     

     
     

     

    แพคฮยอนนั่งรอจงอินที่ออกไปนานผิดปกติ เขาลุกขึ้นยืนเพื่อจะออกไปหา แต่แล้วอีกฝ่ายก็กลับเข้ามาพอดี
     

    “จะไปไหน” จงอินถาม
     

    “ก็นายน่ะดิ ออกไปเอาของให้ฉันหรือขับรถหนีกลับไปแล้วกันแน่” แพคฮยอนพูดประชดไปแบบไม่ได้คิดอะไร แต่มันบังเอิญตรงกับความจริงน่ะสิ จงอินจึงทำหน้าแปลกๆก่อนจะแสร้งบอกว่าไม่มีอะไร

     
     

    เห็นมั้ยล่ะ กี่ทีแล้วที่จะเดินหนี แต่เขาก็เป็นฝ่ายถูกดึงให้กลับมาหาทุกครั้ง

     
     

    “เอ้า รับไปสิ”
     

    “อะไรอ่ะ”
     

    “เปิดดูเอง”
     

                    แพคฮยอนมองหน้าอีกฝ่ายนิดหน่อย ก่อนจะเปิดดูอย่างรวดเร็ว
     

    “ข้าวกล่อง ...”
     

    “ก็ใช่น่ะสิ ตั้งแต่เช้าแล้วไม่รู้ป่านนี้บูดรึยัง” จงอินว่า แพคฮยอนไม่ตอบอะไรนอกจากมองมันอยู่อย่างนั้น เขาแกะตะเกียบออก

    แล้วคีบอะไรสักอย่างบนข้าวเข้าปากไป ก่อนจะกินมันเข้าไปอีก

     

    “ไงล่ะ แม่นายเค้าอุตส่าห์ทำให้ขนาดนี้ อร่อยล่ะสิ” เมื่อถูกพูดแทงใจดำแพคฮยอนก็ชะงักไป

    “รสชาติก็งั้นๆแหละ ที่กินเพราะหิวหรอกนะ ก็ตั้งแต่เที่ยงยังไม่ได้กินอะไรเลย”
     

    “นั่นสิ”
     

    “งั้น นายจะกินด้วยมั้ยล่ะ”
     

    “ไม่เป็นไร”
     

     

    โคร่ก .....

     
     

    “อ๊ะ”

     

                     เสียงท้องร้องของจงอินทำให้แพคฮยอนต้องหลุดยิ้มออกมาอย่างเหนือกว่า
     

    “นั่นไงล่ะ ไหนๆแม่ฉันก็ทำมาให้ตั้งเยอะ เอ้า กินสิ” แพคฮยอนยื่นให้ แต่จงอินกลับแค่มองเหมือนไม่กล้า
     

    “อ้อ ลืมไป ลูกคุณอย่างนายคงกินอะไรง่ายๆแบบนี้ไม่ได้สินะ”
     

    “ใครว่ากินไม่ได้ล่ะ เอามานี่” เมื่อถูกสบประมาทเข้าจงอินก็คว้ากล่องข้าวจากมือแพคฮยอนมาถือเอาไว้แล้วใช้ตะเกียบคู่เดียว

    กันนั้นคีบอาหารเข้าปากไปช้าๆ

     

    แพคฮยอนหลุดหัวเราะออกมา จงอินเงยหน้ามองรอยยิ้มในแบบที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน

     
     

     

    พยอนแพคฮยอนทำให้วันทั้งวันของเขาสูญเปล่าไปโดยไม่ได้อะไร

    ไม่นับกับการต้องมาเจ็บตัวและหัวหมุนไปกับเรื่องไม่เป็นเรื่องที่อีกฝ่ายก่อขึ้น
     

    .. ถึงอย่างนั้น แลกกับข้าวกล่องอร่อยๆกล่องนี้แล้ว เขาจะยอมยกโทษให้สักวันก็แล้วกัน

     

     

     

     

    .

    .

    Tbc. Part 5

     

     

     

    พาร์ทนี้ยกให้สองคนนี้เลยค่ะ (จริงๆทั้งเรื่องก็ไม่มีใครอยู่แล้วน่ะนะ==)

    จงอินคงเจ็บมากแหละ แต่ยังดีที่ไม่ได้เป็นหนักอะไร แต่ตัวการของานนี้คงจะไม่รอดไปอีกนาน

    โดนเอาคืนแน่แบคเอ็ย (เหรอ?) ก็ไม่เชิงเอาคืนหรอกค่ะ แต่รู้สึกไหมว่าพันธะมันเพิ่มมาอีกหนึ่ง

    พาร์ทนี้จบลงเคลียร์ไปอีกเรื่อง ตอนหน้าก็จะเริ่มเข้าสู่อีกโหมด

     

    คิดว่าคนอ่านคงได้กลิ่นนิดๆ หรือว่ามันจะมีอะไรให้อีรุงตุงนังมากขึ้น .........  

     

    เจอกันค่า^^V

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×