ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    | รวม SF - KiHae | [Kibum x Donghae]

    ลำดับตอนที่ #1 : [SF] All I want for X'mas is you 

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.34K
      5
      22 ก.พ. 56

    Title ::  All I want for X'mas is you 
    Author:: Kibummi
    Pairing :: Kibum x Donghae
    Rating ::  คิบอมมิออริจันัลสไตล์
    Author note ::  ฟิคแบบนี้แหละคิบอมมิตัวจริง! 55555~







     

            All I want for X'mas is you

     

     

     

     

     

            จีฟ่าน ตงไห่ @ The Grand Place

     








            
            

            คุณจำความรู้สึกของ 'รักครั้งแรก' ได้หรือเปล่า
            ยังจำได้ไหมว่าใครคือ 'คนแรก' ที่ทำให้หัวใจคุณเต้นผิดจังหวะไป
            และถึงแม้เรื่องราวตอนจบจะไม่ได้ลงเอยด้วย 'การเป็นแฟนกัน'
            แต่พอคิดถึง 'เขา' ขึ้นมาเมื่อไร คุณก็ยิ้มออกมาได้ทุกครั้ง ~







            
            “ทงเฮ~ อยู่ร้านคนเดียวได้แน่นะ”


            เสียงทักจากข้างหลังทำให้ผมต้องละมือจากการเช็ดโต๊ะก่อนจะหันกลับมามองเจ้าของเสียงทุ้มใจดี 'อีทงฮวา' พี่ชายแท้ๆของผมเอง

            “ได้แน่นอนฮะ ผมไม่อยากปิดร้านเพราะร้านเราเพิ่งเปิดได้ไม่กี่วันเองนะฮยอง อีกอย่างช่วงนี้คนออกมาเดินเที่ยวกันเยอะด้วย ผมไม่อยากเสียโอกาสโปรโมทร้านเรา”

            ผมชี้แจงเหตุผลที่จะไม่กลับเกาหลีใต้บ้านเกิดพร้อมพี่ชายในเทศกาลคริสต์มาสต่อเนื่องไปจนถึงช่วงปีใหม่ เพราะในตอนนี้กิจการร้านกาแฟและขนมหวานของครอบครัวที่ลงทุนข้ามมาเปิดยังประเทศไต้หวันกำลังไปด้วยดี

            “อย่าแอบร้องไห้เพราะเหงาอีกก็แล้วกันเจ้าเด็กบ๊อง” พี่ชายว่าเข้าให้พร้อมกับเขกหัวผมเบาๆ ซึ่งผมก็เพียงแค่ยิ้มแล้วก็ยกมือขึ้นกุมมือหนานั้นแบบที่ชอบทำบ่อยๆเวลาอยากได้อะไร

            “ฝากกอดออมม่าแน่นๆนะทงฮวาฮยอง” 

            “เรื่องสิ อยากกอดก็กลับไปกอดเอง”

            “ฮยองอา~” 

            เสียงผมอ่อนลงทันทีเมื่อเจอสวนกลับ ถึงแม้จะรู้ดีว่าทงฮวาฮยองพูดออกมาเพียงเพื่อแกล้งแหย่เล่นๆเท่านั้น แต่มันก็ทำให้ผมรู้สึกหงอยเหงาลงไปได้ และเหมือนฮยองจะรู้ตัวจึงไถ่โทษด้วยการยกแขนขึ้นกอดคอพร้อมกับโยกหัวผมไปมา



            ถ้าผมทำหน้าหงอยเมื่อไรฮยองก็ง้อทุกที!
            แบบนี้มันดีชะมัดเลย คึคึ ~



            “ดูแลร้านดีๆ แต่ต้องดูแลตัวเองให้ดีกว่าดูแลร้าน เข้าใจมั้ยอีทงเฮ~”

            ทงฮวาฮยองสั่งเสียงเข้ม ทำเอาผมหลุดหัวเราะออกมาก่อนจะพยักหน้ารับคำสั่งอย่างแข็งขัน ฮยองเห็นแบบนั้นก็กลับส่ายหัวเหมือนเอือมระอาผมเต็มที เดี๋ยวก็แกล้งงอนอีกสักรอบหรอก!

            
            “'งั้นฮยองไปแล้วนะ อย่าลืมที่บอกด้วยล่ะเจ้าตัวดี” พี่ชายบอกลาครั้งสุดท้ายพร้อมกับลากกระเป๋าเดินทางออกจากร้านที่ในตอนนี้เหลือลูกค้าอยู่เพียงแค่โต๊ะเดียวเท่านั้น เนื่องจากใกล้เวลาปิดร้านแล้ว

            “เดินทางปลอดภัยฮะ” ผมบอกพร้อมกับโบกมือให้กับพี่ชายราวกับเด็กตัวเล็กๆ แต่เพราะเป็นคนในครอบครัว ผมจึงไม่เอียงอายที่จะแสดงท่าทีแบบนั้นออกมาแม้จะมักโดนดุว่ามันการกระทำของเด็กตัวเล็กๆก็ตาม 


            “งานในครัวเรียบร้อยแล้วค่ะคุณตงไห่”


            ภาษาจีนรัวเร็วจากพนักงานที่รับผิดชอบในส่วนครัวดังขึ้น ผมพนักหน้ารับพร้อมกับตอบรับเธอเป็นภาษาจีนเช่นกัน แม้สำเนียงของผมจะเพี้ยนไปบ้าง

            “ถ้าอย่างนั้นก็กลับกันได้เลยนะ เดี๋ยวที่เหลือผมจัดการเอง”

            เพราะลูกค้าคนสุดท้ายก็ลุกออกจากเก้าอี้พอดี ที่เหลือก็แค่ทำความสะอาดพื้นอีกนิดน่อย ซึ่งผมก็ไม่ได้เดือดร้อนหากจะทำมันด้วยตัวเอง ออกจะมีความสุขด้วยซ้ำไป



            ร้าน The Grand Place แห่งนี้
            คือความภูมิใจของผม . . . 



            ผมยืนมองป้ายหน้าร้านอยู่ครู่หนึ่งหลังจากที่ทุกคนกลับไปหมดแล้ว ก่อนจะจะยิ้มออกมาอย่างมีความสุขเมื่อได้เห็นสิ่งที่วาดฝันไว้ให้เป็นจริงได้


            “อ๊ะ! คุณครับ ร้านปิด...” ผมพูดได้เพียงเท่านั้นเมื่อจู่ๆก็มีผู้ชายตัวใหญ่เบียดผ่านผมเข้าไปในร้านที่ผมกำลังจะกลับป้ายด้านที่เขียนว่า 'Closed' ออกมา แต่ดูเหมือนว่าชายคนนั้นจะไม่ฟังอะไรเลย กลับเดินเข้าไปยืนก้มหน้าอยู่ที่ด้านหน้าเคาน์เตอร์สั่งกาแฟ

            “คุณครับ... ร้านเราปิดแล้วนะครับ”  ผมบอกออกไปเป็นภาษาจีนที่ช้าและคิดว่าชัดที่สุด แต่ก็จำต้องหันกลับไปสนใจประตูทางเข้าร้านแทนเพราะเหมือนจะมีกลุ่มเด็มสาวยืนออกันอยู่ทางด้านหน้าร้านเป็นจำนวนมาก

            “รู้แล้วว่าปิด แต่ขอหลบเดี๋ยวนึง” คนที่ยืนหันหลังให้ตอบกลับมาเป็นภาษาอังกฤษ ผมขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่ไม่มีโอกาสได้ถามต่อเพราะพอพูดเสร็จคนคนนั้นก็รีบมุดไปอยู่ด้านหลังเคาน์เตอร์ทันที

            “เข้าใจล่ะ” ผมพอจะเข้าใจแล้วล่ะว่าคนตัวใหญ่เข้ามาในร้านผมทำไม คิดแล้วก็ชวนให้รู้สึกขำ คงเป็นหนุ่มที่ฮอตมากเสียจนสาวๆตามติดกันเป็นพรวนเลยสินะ แล้วพอสาวน้อยสาวใหญ่พากันเดินผ่านหน้าร้านผมไปแล้ว ผมจึงเดินเข้าไปหยุดหน้าเคาน์เตอร์แล้วก้มเรียกเขา

            “คุณ~ สาวๆ ของคุณน่ะ พวกเธอไปกันหมดแล้ว” แน่นอนว่าผมบอกออกไปเป็นภาษาจีน แต่คนคนนั้นไม่ขยับเขยื้อนกายแม้แต่น้อย หรือเขาอาจจะไม่ใช่คนจีนเลยฟังประโยคยาวๆ แถมสำเนียงแปร่งๆ ของผมไม่ออก

            “เอ่อ..” ให้ตายสิ ตอนเด็กๆทำไมไม่ตั้งใจเรียนภาษาอังกฤษนะอีทงเฮ!
            
            “ไปแล้วใช่มั้ย” เขายืนขึ้นมาพร้อมกับหลุดพูดภาษาที่ผมคุ้นเคยเป็นอย่างดี



            ภาษาเกาหลี... คนเกาหลี...





            “คิบอม...”

            
            ผมไม่รู้ว่าตอนนั้นผมทำอะไรออกไป รู้แค่ว่าหลังจากที่เรียกชื่อคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าแล้ว ขาของผมมันก็เซไปข้างหลังเล็กน้อย และทำได้เพียงยืนมองเขาอย่างตกตะลึง

            “อา... คนเกาหลีเหมือนกันเหรอ” เขาทักขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม แต่มันก็ยิ่งทำให้ผมทำอะไรไม่ถูก

            “เป็นอะไรหรือเปล่า” เขายืนหน้าเข้ามาใกล้หน้าของผมที่ยังนิ่งค้างอยู่ในท่าเดิม 


            ผมควรจะทำยังไงดี!


            “นายๆ” เขาเอามือมาโบกผ่านหน้าผมไปมา ที่จริงแล้วผมรู้สึกตัว แค่ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกมา สุดท้ายก็เรียกชื่อเขาซ้ำออกมาอีกครั้ง

            “คิ... คิบอม...”

            “รู้จักฉันด้วยเหรอ... เออ ลืมไป ฉันเป็นดารานี่นา ว่าแต่นายเองก็หน้าคุ้นๆเหมือนกัน” 

            “ยิ่งมองใกล้ๆแบบนี้ยิ่งคุ้นเลย เคยเจอที่ไหนนะ” 

            ผมแกล้งเป็นลมได้หรือเปล่า ก็ตอนนี้เขาเอามือมาจับไหล่ผม แถมยังดึงตัวผมเข้าไปชิดตัวเขา เพื่อที่เขาจะได้มองหน้าผมใกล้ๆอีก ต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว ไม่งั้นหัวใจวายแน่นอน!

            “ฉัน... เรา... เรียนมัธยมต้นที่เดียวกัน” สุดท้ายผมก็พูดออกไป แต่ไม่กล้าสบตาเขาในระยะที่ตัวใกล้กันขนาดนี้

            “จริงเหรอ!” เขาหรี่ตามองอย่างจับผิด และเหมือนยังไม่เชื่อ ผมจึงต้องบอกออกมาอีก
            
            “ซีวอน...”

            “หื้อ?” เขาขึ้นเสียงสูงเมื่อได้ยินชื่อเพื่อนสนิทเขา ซึ่งก็เป็นเพื่อนสมัยเด็กของผมเหมือนกัน

            “ฉันเป็นเพื่อนซีวอน อยู่ห้อง B”

            “อา นึกออกแล้ว ทง.. ทง...” 

            เขาลากเสียงยาวเมื่อเหมือนจะนึกออกมาได้บ้าง ก่อนจะปล่อยไหล่ผมให้เป็นอิสระ ผมจึงได้โอกาสดีดตัวออกมายืนห่างจากเขาทันที

            “ทงเฮ...” ผมบอกชื่อเขา

            “อ่อ ทงเฮ!”

            เขาพูดทวนชื่อผมออกมาอีกครั้งพร้อมกับยิ้มให้อย่างเป็นมิตร ผมได้แต่นิ่งมองรอยยิ้มนั้น ก่อนจะระบายยิ้มออกไปทั้งที่ในตอนนี้ขาของผมแทบจะยืนไม่ติดพื้นแล้ว 






            คิมคิบอม... 'รักแรก' ของผม
            คนเดียวที่ทำให้หัวใจเต้นแรงได้ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้~











     

    All I want for X'mas is you

     












            ก็อก ก็อก ~



            ผมหันกลับไปมองที่มาของเสียงอย่างรวดเร็ว เปล่านะ... ผมไม่ได้รอนะ ก็มันชินนี่นา เพราะสามวันที่ผ่านมา ในช่วงเวลาร้านปิดแบบนี้มักจะใครบางคนมายืนเอาหน้าทาบประตู  The Grand Place พร้อมกับอ้อนวอนให้ผมเปิดประตูให้เหมือนอย่างในตอนนี้

            “มาทำไมอีกเนี่ย”

            “โห ใจร้ายจังเถ้าแก่” 

            ผมหัวเราะออกมาทันทีเมื่อได้ยินเสียงทุ้มโต้กลับมาพร้อมกับสรรพนามที่เขาใช้เรียกผม 

            “ก็จริงนี่นา ถ่ายละครเลิกดึกขนาดนี้ ยังจะแวะมาอีก นายไม่อยากอาบน้ำนอนพักผ่อนที่โรงแรมหรือไงล่ะ”

            “ไม่รู้อ่ะ... ก็มันอยากมาก็เลยมา ไม่ได้เหรอ?” เขาถามกลับ ก่อนจะนั่งลงบนโต๊ะประจำที่เขาเคยนั่งทุกคืน 

            “ดื่มอะไรดีล่ะ” ก็มันไม่รู้ว่าควรจะตอบอะไรออกมา ผมก็เลยเปลี่ยนเรื่องไปเลยดีกว่า แค่นี้หัวใจผมก็ทำงานหนักจะแย่แล้ว

            “เหมือนเดิม”

            คิบอมตอบ ก่อนจะหันไปสนใจไอแพดของผมที่เปิดค้างอยู่บนโต๊ะ ซึ่งผมก็ไม่ได้ปิดบังอะไรเพราะมันเป็นแค่สูตรขนมใหม่ที่ผมกำลังคิดจะทำขายในร้าน


            ไม่ได้แอบซ่อนรูปเขาเอาไว้ในเครื่องหรอกเพราะผมไม่มี
            เพราะงั้นก็เชิญคิมคิบอมดูได้เลย ตามสบาย ฮาๆ ~




            ผมหงายแก้วที่คว่ำเรียงตัวกันอยู่บนชั้นอย่างเป็นระเบียบขึ้นมาหนึ่งใบก่อนจะเติมผงช็อคโกแลตลงไปในแก้วนั้น ไม่เคยคิดว่าจะมีโอกาสได้ชงมันให้คนที่ตัวเองแอบชอบมาตลอดดื่มเลยสักครั้ง แม้จะรู้ว่ามันเป็นเครื่องดื่มที่คิบอมชอบมาแต่ไหนแต่ไร



            คุณก็เคยเป็นเหมือนกันใช่มั้ย...
            เรามักจะรู้ว่าคนที่เราแอบชอบว่าเขาชอบหรือไม่ชอบอะไร
            ผมก็เป็นเหมือนกัน รู้มันทุกอย่างนั่นแหละ!!
            และผมก็ไม่คิดจะบอกออกไป อยากเก็บมันเป็นความรู้สึกดีๆในหัวใจ
            ที่ไม่ว่าคิดถึงมันเมื่อไรก็ยิ้มออกมาได้ทุกที เหมือนอย่างในตอนนี้...




            “ได้แล้วครับคุณจีฟ่าน”

            ผมวางแก้วช็อกโกแลตร้อนลงตรงหน้าเขาพร้อมกับเรียกชื่อภาษาจีนของเขาด้วย พอดีกับที่เขาเลิกสนใจไอแพดผม  ก่อนจะยกเอาแก้วช็อกโกแลตขึ้นไปจิบ
            
            “ทำได้ไงอ่ะ”

            “อะไร”  ผมถามออกมาเพราะไม่รู้ว่าคำถามนั้นหมายถึงอะไร คิบอมยิ้มออกมานิดๆ ก่อนจะวางแก้วลงแล้วจ้องหน้าผม

            “ช็อกโกแลตร้อนไม่ใส่น้ำตาล แต่ทำไมฉันรู้สึกว่ามันกลมกล่อม” 

            “อ้อ... ฉันเก่งไง” เหมือนเป็นคำถามที่ไม่มีอะไร แต่มันกลับทำให้ผมรู้สึกร้อนรนกลัวว่าเขาจะรู้ว่าผมคิดอะไรกับเขาอยู่ แต่ก็ยังแถออกมาได้ล่ะนะ!

            “หึหึ”

            “หัวเราะอะไร” จากที่รู้สึกเขินกับสายตาที่จ้องมองมากลับกลายเป็นความรู้สึกฉุนนิดๆที่เขาไม่โต้อะไรกลับมาเอาแต่หัวเราะในลำคอลูกเดียว        

            “อยากรู้จริงๆเหรอ”

            “ไม่อยากรู้ละ ท่องบทไปดิ ฉันจะทำงานเหมือนกัน” เพราะสายตาที่พุ่งตรงมายังผมโดยตรงทำให้ผมจำต้องบอกปัด ไม่ใช่ไม่อยากรู้ แต่เพราะสายตาคมดำขลับของเขามันทำให้ผมประหม่าเกินกว่าจะมองสบกันอยู่แบบนี้


            กิจวัตรของเราสองคนดำเนินไปเหมือนหลายๆคืนที่ผ่านมา หลังจากที่เขารู้ว่าผมเป็นเพื่อนของซีวอน และยังเรียนอยู่ห้องข้างๆกันตอนม.ต้น คิมคิบอมก็โมเมนับผมเป็นเพื่อนทันที

            คิบอมได้รับโอกาสเป็นพระเอกละครของค่ายละครดังในไต้หวันทำให้ต้องมาอยู่ที่นี่ชั่วคราว และพอเจอผมที่เป็นคนเกาหลีเหมือนกันแถมยังเป็นเพื่อนโรงเรียนเก่า มันเลยทำให้สนิทกันอย่างรวดเร็ว อีกทั้งเราสองคนยังจากบ้านมาเหมือนกันด้วย การได้นั่งคุยภาษาเกาหลีท่ามกลางชีวิตในเมืองที่ผู้คนใช้ภาษาอื่นมันจึงทำให้รู้สึกพิเศษไม่น้อยเลย

            “นี่ออกเสียงยังไงอ่ะ” ผมเงยหน้าจากจอไอแพดของผมไปยังไอแพดของเขาที่เลื่อนเข้ามาใกล้ผม ทุกๆครั้งที่เขาออกเสียงภาษาจีนง่ายๆบางคำไม่ถูก เขาก็มักจะหันมาถามผมเสมอ

            “หว่อ อ้าย... แกล้งเหรอ!!”

            ผมหยุดอ่านประโยคนั้นทันทีเมื่อรู้ตัวว่าคนฟังไม่ได้ออกเสียงไม่ถูก เพราะประโยคง่ายๆ แถมความหมายยังเป็นที่รู้กันทั่วไป ให้เด็กที่ไม่เคยเรียนภาษาจีนมาพูดยังพูดได้เลย! ผมจ้องหน้าเขานิ่ง แต่กลับรู้สึกว่าหน้ามันร้อนไปหมด


            เมื่อกี้... หมายความว่ายังไงกันนะ


            “อ้าว แล้วเขินทำไมอ่ะ” คิบอมอมยิ้มเต็มแก้ม ซึ่งเห็นแล้วมันทำให้ผมโมโห

            “ไม่ได้เขินเว้ย บ้าเปล่า ใครเขาจะเขินกันเล่า!” ผมโมโจริงๆนะ! ไม่ได้เขินแบบที่โดนล้อสักหน่อย!!

            “ฮาๆ รู้แล้วว่าไม่ได้เขิน แกล้งแหย่เล่นๆ นายนี่หลอกง่ายดีจัง” เขาพูดแล้วก็เอนหลังพิงโซฟานุ่มด้วยท่วงท่าแสนสบาย ดูเหมือนเขาจะแกล้งผมเล่นจริงๆ


            ไม่ได้จริงจังอะไร. . .
            แต่ทำไมผมถึงได้รู้สึกแน่นหน้าอกแบบนี้


            

            “กลับได้แล้วๆ เดี๋ยวผู้จัดการนายก็ฉีกอกเอาหรอก” 

            ผมพูดขึ้นหลังจากที่เราสองคนต่างกลับไปก้มหน้าก้มตาดูจอไอแพดของตัวเอง โดยไม่พูดถึงเรื่องที่ล้อเล่นกันก่อนหน้านี้ คิบอมชูแขนขึ้นบิดขี้เกียจก่อนจะฟุบหน้าลงไปบนโต๊ะ

            
            “พรุ่งนี้ไม่มีคิว”

            “แล้วไง” ผมถามออกไปทันที แต่เขาก็ยังนอนนิ่งอยู่อย่างนั้น นานทีเดียวกว่าจะพูดออกมาอีก

            “นอนนี่ได้ปะ”

            เขาพูดออกมาได้อย่างหน้าตาเฉย!! 

            “อะไรๆ จะนอนที่นี่ได้ไง กลับไปเลยๆ”  ผมเขย่าแขนเขาเมื่อเห็นว่าเขายังนอนนิ่งอยู่เหมือนเดิม แต่สุดท้ายผมก็ต้องหยุดมือเมื่อเขาเอื้อมมือมาจับแขนผมเอาไว้

             “กลับก็ได้... แต่ขอนอนก่อนงีบนึง”

            “อื้ม~” ผมตอบรับเบาๆเมื่อเห็นเขาเงยหน้าขึ้นมาพูดอย่างนั้น ดูจากสภาพร่างกายแล้วเขาคงจะเมื่อยล้ามาจากกองละครพอสมควร คิบอมปล่อยแขนผมแล้วก่อนจะกลับไปฟุบหลับเหมือนเดิม


            แต่แขนผมนี่สิ... มันยังอุ่นอยู่เลย!



            ผมนั่งคิดสูตรขนมรายการใหม่จนเสร็จโดยลืมไปแล้วว่ามีใครอีกคนที่กำลังนอนหลับอยู่ข้างๆ 


            “นายไม่เปลี่ยนเลยนะ...” ผมพูดขึ้นมาเบาๆเมื่อตอนที่ได้มีโอกาสมองหน้าเขาใกล้ๆ โดยที่ไม่ต้องกลัวกับสายตาที่จ้องกลับมา


            คิมคิบอมในวันวานมีเสน่ห์และชวนให้ตกหลุมรักยังไง
            คิมคิบอมในตอนนี้ก็ไม่ต่างกันเลยสักนิด. . .


            ผมตกหลุมรักรอยยิ้มและท่าทีที่ดูเป็นคนที่เข้าถึงยากของเขา
            แต่จริงๆแล้วกลับแฝงเอาไว้ด้วยความอ่อนโยน...
            และผมก็พอใจที่จะเก็บมันเอาไว้ในใจเพราะไม่เคยคิดหวังครอบครอง
            แค่นี้... ก็ทำให้ผมยิ้มได้แล้ว



            ผมรีบหันสายตากลับมาจ้องรูปขนมหวานที่ผมลองคิดสูตรขึ้นมาใหม่นิ่งเมื่อเห็นว่าตัวเขากำลังขยับ และไม่นานคิบอมก็ตื่นขึ้นมา แต่ผมกลับทำได้เพียงแค่นั่งตัวแข็ง ตาจ้องลูกเชอร์รี่สีแดงสดที่ประดับอยู่บนวิปครีมขาวมีฐานเป็นวาฟเฟิลสีน้ำตาลทอง รู้สึกว่าเขากำลังยื่นหน้าเข้ามาใกล้

            “น่ากิน”

            เสียงทุ้มดังขึ้นพร้อมกับลมหายใจอุ่นๆที่ปะทะเข้าที่ข้างแก้ม ทั้งที่อากาศตอนนี้ติดลบไปหลายองศา แต่ตัวของผมกลับร้อนเหมือนโดนไฟสุม

            “ขนมนี่เหรอ” เผลอหลุดหันไปถามเขาแล้วก็รู้สึกอยากตบปากตัวเองแรงๆ เพราะในตอนนี้มันจะมีอะไรที่น่ากินได้อีกถ้าไม่ใช่ขนมนี่ล่ะอีทงเฮเอ้ย!


            เขาไม่ตอบคำถามที่ไม่ได้ตั้งใจถามของผมแต่กลับกดยิ้มออกมา ซึ่งมันทำให้ผมรู้สึกหวั่นใจมากกว่าเดิม เพราะไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรกันแน่


            ผมหลับตาปี๋อย่างอัตโนมัติเมื่อเขาแกล้งยื่นหน้าเข้ามาใกล้ และดูเหมือนว่ามันจะไม่ใช่การแกล้งแหย่เล่นเหมือนเคย เพราะริมฝีปากอุ่นๆของเขามันทับลงมาบนปากของผม แผ่วเบา ไม่รุกล้ำ แต่รู้สึกได้ถึงความอุ่นนิ่มของริมฝีปากของกันและกัน เพียงไม่นานเขาก็ละริมฝีปากออกพร้อมกับพูดขึ้นมาไม่ดังนัก


            “ก็หวานดี...”

            
            ผมลืมตาขึ้นมาจ้องมองเขาทันที แต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดหรือทำอะไรต่อเพราะร่างกายตอนนี้มันสั่นไปหมดแล้ว เขายิ้มเมื่อเห็นผมนิ่งก่อนจะยืดตัวขึ้นแล้ววางมือลงบนหัวผมพร้อมกับลูบเบาๆ 


            “ฉันกลับนะ ล็อคประตูดีๆล่ะ~”


            บอกผมแล้วก็คว้ากระเป๋าพร้อมไอแพดเดินออกจากร้านไปแบบพระเอกละคร ทิ้งให้ผมนั่งสั่นเป็นลูกนกตกน้ำอยู่คนเดียว!


            ปล่อยใจให้ฟุ้งซ่านอยู่ได้ไม่นานก็ต้องกลับมาสนใจจอไอแพดเนื่องจากมีสัญญาณเตือนจากโปรแกรมแชทที่เด้งเข้ามา ผมเลิกคิ้วอย่างแปลกใจเมื่อเห็นชื่อคนทักเข้ามา 


            นี่ผมรับแอดคิบอมเมื่อไรกัน!
            ต้องเป็นตอนที่หมอนั่นวุ่นวายกับไอแพดผมแน่เลย!


                    
            แต่ก่อนที่จะได้โวยวายเรื่องที่เขาแฮกไอแพดผมก็ต้องเปลี่ยนเป็นการกลับมาควบคุมจังหวะหัวใจไม่ให้เต้นแรงเกินไปเมื่อเห็นข้อความที่เขาทักเข้ามาประโยคแรก
            

            'ยังชอบฉันอยู่มั้ย??'



            เขารู้... เขารู้ด้วยเหรอ!


            
            ผมนิ่งเพราะไม่รู้จะตอบอะไรกลับไป ในใจตอนนี้มันสั่นไปหมดแล้ว และเหมือนเขาจะรู้เพราะอีกแค่ไม่กี่อึดใจ ก็มีข้อความเด้งเข้ามาอีก และมันก็เป็นข้อความที่เหมือนกับหมัดที่ชกผมจนน็อคไปเลย





            “ไม่รู้ล่ะ ยังไงก็ห้ามเลิกชอบ! แล้วเจอกันครับทงเฮ -3-”










     

    All I want for X'mas is you

     












            ก็อก ก็อก ก็อก !!



            เสียงนี้ดังขึ้นที่หน้า The Grand Place อีกแล้ว!




            ผมเดินมาที่ประตูร้านที่ปิดสนิทแล้ว พร้อมกับมองคนบางคนที่ไม่ได้มาก่อกวนที่นี่สามวันแล้ว หลังจากคืนนั้นคิมคิบอมก็หายตัวไปจากร้านผมสามวัน


            แต่หายแค่ตัวนะ เพราะโปรแกรมแชทนี่เด้งมาทั้งวัน
            ไหนจะเฟซไทม์อีก พักกองเมื่อไร ลำบากผมต้องมานั่งคุยด้วย!        



            'ห น า ว'

            ผมหัวเราะออกมาทันทีเมื่ออ่านปากเขาแล้วได้ออกมาแบบนั้น ก่อนจะส่ายหน้าไปมาแล้วยอมเปิดประตูให้คิบอมเข้ามาในร้าน

            
            “โห~ ใจคอเถ้าแก่จะปล่อยให้ลูกค้าประจำแข็งตายเลยเหรอ”

            “ร้านฉันปิดตั้งนานแล้วนี่ นายมายืนสั่นอะไรหน้าร้านล่ะ”

            ผมโต้กลับไปทันทีก่อนที่เราสองคนจะหยุดนิ่งแล้วมองหน้ากันโดยไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีกเลย เหมือนผมกับเขาใช้ดวงตาคุยกัน



            ตั้งแต่คืนนั้นเราก็คุยกันทุกวัน แม้จะไม่ใช่การคุยแบบเจอตัวกันก็ตาม
            เราคุยกันในทุกๆเรื่อง แต่ก็ไม่มีใครพูดเรื่องจูบนั่นขึ้นมา 
            และแน่นอนว่าสถานะของเราก็ยัง...  เหมือนเดิม~
            



            “ไปเดินเล่นข้างนอกกัน”
            
            ผมที่กำลังจะเดินไปชงช็อกโกแลตร้อนให้เขาเหมือนเคยจำต้องหันกลับมาเมื่อมือหนาจับแขนผมเอาไว้        
            
            “แล้วเมื่อกี้ใครบอกข้างนอกหนาว”

            “อืม... ก็หนาวนะ แต่ตอนนี้อุ่นขึ้นแล้ว” 

            เขาพูดหน้าตาเฉยอีกแล้ว และมันก็ทำให้ผมโมโหจนหน้าร้อนไปหมด เพราะเขาไม่ได้แค่พูดหน้าตาเฉย แต่ยังกุมมือผมหน้าตาเฉยด้วย!


            
            เราสองคนเดินจับมือกันไปบนถนนที่ถูกประดับตกแต่งให้เข้ากับเทศกาลคริสต์มาส ถึงแม้ในช่วงเวลาที่เข็มนาฬิกาจะล่วงเลยเข้าสู่วันใหม่ไปแล้ว แต่ก็ยังมีนักท่องเที่ยวคนอื่นปะปนอยู่บนท้องถนน ผมลองดึงมือออกจากฝ่ามืออบอุ่นนั้นหลายครั้ง แต่ทว่าเขาก็กลับจับมือผมแน่นกว่าเดิม


            “ขอกอดได้ปะ... คิดถึงอ่ะ”

            เขาพูดขึ้นมาเมื่อเราเดินมาจนถึงสวนกว้างที่จัดต้นคริสต์มาสต้นใหญ่เอาไว้ รวมถึงช่อมิสเซิ่ลโทลหลายช่อใหญ่ ผมก้มหน้ามองพื้น ก่อนจะตอบออกมา        

            “ถ้าฉันบอกว่ากอดเลย เอาสิ~ นายว่าฉันจะอายปะ”

            “งั้นกอดนะ”

            “...”

            ผมเงียบเพราะไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกมาดี ถึงแม้ว่าบริเวณนี้จะไม่มีใคร แต่แค่มีผู้ชายคนที่ยืนจับมืออยู่ตรงหน้าก็ทำให้ผมอายได้ไม่ยาก

            “คิดถึงทงเฮนะ”

            “อื้อ” ผมครางรับเบาๆ พร้อมกับเบียดใบหน้าเข้ากับอกอุ่นนั้น อ้อมกอดของเขามันอุ่นมาก และผมไม่เคยคิดเลยว่าจะมีโอกาสได้กอดกับเขา

            “อื้ออะไรอ่ะ ชัดเจนหน่อยดิ ฉันยังพูดเลย” เขายกมือข้างนึงขึ้นลูบหัวผม พร้อมกับกระซิบถามใกล้ๆหู

            “อื้อ... คิดถึง...” ผมยอมพูดมันออกมา เพราะในใจมันรู้สึกแบบนั้นจริงๆ สามวันที่ไม่ได้เห็นหน้าเขา แม้จะได้คุยกัน แต่มันก็อดคิดถึงไม่ได้ 

            “คิดถึงใครล่ะ...” กวนอีกแล้ว เขาเริ่มก่อกวนผมอีกแล้วนะ!

            “ไม่รู้ๆ คิดถึงใครก็ได้ ถ้าเขาไม่รู้ก็ช่างหัวเขา ไม่สนแล้ว~”

            ผมโวยวายพร้อมกับจะดิ้นออกจากอ้อมกอดนั้นด้วย แต่เขาก็หัวเราะและกอดผมเอาไว้เหมือนเดิม ผมก็เลยยุดนิ่แล้วก็กอดเขาไว้เหมือนกัน


            อากาศหนาวทำร้ายผมไม่ได้แล้ว!




            “พรุ่งนี้ไปซันมูนเลคด้วยกันนะ”

            “หื้อ”  ผมครางออกมาเป็นเชิงถามเมื่อเขาพูดขึ้นมาระหว่างที่เรากำลังเดินกลับร้าน


            “อยากไปที่นั่น เห็นใครเขาก็บอกว่าสวย แถมโรแมนติคด้วย”

            “ชวนกันง่ายๆ แบบนี้เลย?” ผมยียวนกลับไปทั้งที่ๆกำลังพยายามห้ามไม่ให้ยิ้มออกมา เพราะผมรู้ความหมายของสถานที่นั้นดี


            'Sun Moon Lake เป็นทะเลสาบที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น "สวิสเซอร์แลนด์แห่งไต้หวัน" และเป็นที่ๆคนไต้หวันนิยมมาฮันนีมูนกันด้วย'


            “อื้อ ไปด้วยกันนะครับทงเฮ”

            “ถ้าบอกว่าไม่ไปล่ะ...” หน้าตาคิบอมตอนนี้ดูตลกมากๆเลย ไม่รู้ว่าจะทำหน้าอ้อนหรือหน้าหงอยกันแน่ มันก็เลยอดแกล้งไม่ได้



            แต่ดูเหมือนผมจะคิดผิด!



            “พรุ่งนี้ฉันก็จะขึ้นไปอุ้มนายถึงเตียง แบบนี้ไงล่ะ!”

            “นี่ปล่อยฉันนะ! คิมคิบอม! ไอ้บ้า เฮ้ย เดี๋ยวล้ม~”

            
            ผมทำได้แต่ร้องโวยวายออกมาเมื่อคิบอมอุ้มผมขึ้นเหมือนอย่างที่พูด แถมยังหัวเราะลั่นเหมือนกับสะใจที่ได้แกล้งผมคืน
            
            

            ผมชอบคนเอาแต่ใจตัวเองแบบนี้ไปได้ยังไง!





            

            

            ผมปิดหน้ารายการสินค้าในไอแพด ก่อนจะเปิดหน้าโปรแกรมแชทขึ้นมาเมื่อมีเสียงเตือน 

            'ยุ่งอยู่หรือเปล่า'

            เขาคนเดิมนั่นแหละที่ทักมา... ^ ^


            -อื้อ นิดนึง-

            ผมตอบกลับไปตามความจริง เพราะในตอนนี้ผมกำลังเลือกซื้อของอยู่ในห้างใหญ่ใจกลางเมือง 

            'คิดถึง ^ ^'

            -เยอะไปๆ ตั้งใจทำงานไปดิ-

            'พักกอง พระเอกไม่สบาย'

            เขาส่งกลับมาอย่างรวดเร็วพร้อมกับสติ๊กเกอร์การ์ตูนกอดกันแน่นที่ทำให้ผมหน้าร้อนขึ้นมาทันที

            -อู้เหรอ เดี๋ยวก็ถ่ายซ่อมไม่เสร็จหรอก-

            'ไม่ได้อู้ แต่วูบจริงๆ'

            -เป็นไรมากมั้ย- กลายเป็นผมที่พิมพ์กลับไปอย่างรวดเร็วเพราะอดเป็นห่วงไม่ได้ ก็เมื่อคืนกว่าเขาจะกลับโรงแรมก็เกือบจะเช้า

            'ไม่หรอก พักแป๊ป เดี๋ยวก็หาย' เขาตอบมาพร้อมกับชูสองนิ้วมาด้วย

            'ไม่กล้าป่วย กลัวไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกัน' 

            -อยู่ไหน- ผมเข็นรถเข็นไปหลบข้างทาง เพื่อที่จะได้พิมพ์โต้ตอบกับเขาได้ถนัดขึ้น 

            '?----?'

            เขาส่งกลับมาเพราะคงงงกับคำถามไม่มีที่มาที่ไปของผม


            -เดี๋ยวก่อนกลับร้านแวะไปหา-

            
            พิมพ์แล้วก็ได้แต่เม้มริมฝีปากแน่นเพราะรู้สึกว่าหน้ามันร้อนขึ้นมาทันที แต่มันก็อดเป็นห่วงไม่ได้จริงๆ ที่เขาไม่สบายอาจเป็นเพราะมาเดินเที่ยวกับผมก็ได้ 



            ยังไงก็อยากไปหา จะได้หายห่วง!!

            
            





            ผมประคองแก้วช็อกโกแลตร้อนและวาฟเฟิลอุ่นๆไปตามทางเดินของสวนสาธารณะใหญ่ เมื่อรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหนแล้วผมจึงตัดสินใจเอาของไปเก็บที่ร้านก่อน เพราะสวนที่ว่ามันอยู่ไม่ไกลจากร้านของผมเท่าไร เดินได้ไม่เท่าไรก็เห็นกองถ่ายละครขนาดย่อมตั้งอยู่ใกล้ๆสระน้ำกว้าง


            “เข้าไม่ได้นะครับ” สต๊าฟกองถ่ายคนหนึ่งบอกผม ซึ่งผมก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแค่ยิ้มกลับไปเท่านั้น เพราะรู้ดีอยู่แล้วว่ากองถ่ายเขาห้ามคนภายนอกเข้า

            
            -ถึงแล้วนะ นายอยู่ไหน-

            ผมเลือกที่จะส่งข้อความไปหาเขาพร้อมกับกวาดตามองไปรอบๆสวน เพราะในตอนนี้ดูเหมือนว่ากองถ่ายจะพักกอง เพราะผมไม่เห็นมีการเดินกล้องถ่ายอะไรเลย

            รอสักพักคิบอมก็ยังไม่ตอบข้อความกลับมาผมจึงตัดสินใจโทรไปหาเขา แต่ก็ไม่มีคนรับอยู่ดี


            “ยุ่งอยู่สินะ...”                

            
            พึมพำออกมาแล้วก็เหมือนตัวผมจะแข็งไป ทุกส่วนในร่างกายชาวาบมีเพียงหัวใจเท่านั้นที่บีบรัดขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด


            ไม่น่าหลวมตัวหลวมใจเลยอีทงเฮ...


            ผมวางแก้วช็อกโกแลตกับวาฟเฟิลที่ถือมาลงบนฝาถังขยะใกล้มือ ก่อนจะหันหลังแล้วเดินออกจากตรงนั้น 



            เพราะผมไม่อยากเห็นเขา... จูบกับคนอื่น~







            
            เข็มนาฬิกาเลยผ่านเข้าสู่วันใหม่แล้ว ผมนั่งนิ่งอยู่ในร้านที่ปิดสนิท  วันนี้ The Grand Place เงียบเหงาอย่างแปลกประหลาดทั้งที่ผู้คนข้างนอกกำลังเฉลิมฉลองกันในวันคริสมาสต์

            ผมใช้นิ้วมือเลื่อนจอไอแพดไปเรื่อยๆ เพราะไม่รู้ว่าตัวเองควรจะทำอะไรดี ที่จริงแล้วผมกับเขานัดกันไว้ว่าจะออกเดินทางในคืนนี้ 


            แต่เขาก็ไม่มา . . .



            “ทำไมนายไม่อยู่แค่ในความทรงจำเก่าๆ นายมาทำให้ความทรงจำของฉันเลวร้ายทำไมคิมคิบอม....”

            ผมจิ้มนิ้วลงบนไอแพด จิ้มมันลงไปบนชื่อเขาในโปรแกรมแชทที่เขาไม่ยอมทักมาเลยทั้งวัน ก็คงรู้แล้วสินะว่าไม่ควรเสียเวลากับผมอีก เพระผมได้ไปเห็นกับตาตัวเองแล้วว่าเขาไม่ได้มีแค่ผมคนเดียว


                    
            ก็อก ก็อก ก็อก . . .


            เสียงเคาะประตู The Grand Place ดังขึ้น



            ผมละสายตาจากจอไอแพดออกไปที่หน้าประตู ใครคนนั้นยืนนิ่งอยู่ข้างหน้า แต่ผมก็ทำเหมือนกับมองไม่เห็นเขา ก่อนจะก้มลงมองสมุดบัญชีบนโต๊ะ


            ก็อก ก็อก ก็อก 


            เสียงเคาะประตูดังขึ้นซ้ำๆ ผมรู้สึกฉุนมากจึงลุกไปที่หน้าประตู หวังจะพูดจาตัดขาดกับเขาให้สิ้นเรื่องไป จะได้ตัดใจ ไม่ต้องมานั่งเสียใจอีก!



            'Santa Claus is Coming to You'


            ตัวหนังสือในจอไอแพดของเขาวิ่งไปมาเป็นประโยคนั้น แต่ผมก็ยังนิ่ง และไม่นานตัวหนังสือบนจอที่เขายกขึ้นมาก็เปลี่ยนไป


            'Please open your door . . .' 

            
            ผมถอนหายใจเฮือกหนึ่งก่อนจะเปิดประตูออก เขายิ้มนิดๆ แต่เห็นผมยอมเปิดประตูให้

            “ซานตาคลอสที่ไหนเขามาบอกให้เจ้าของบ้านเปิดประตูให้”

            “ที่จริง... ไม่ได้หมายถึงประตูบ้านนะ”

            เขาพูดพร้อมกับต้องมาที่หน้าอกข้างซ้ายของผม แต่ผมก็เบี่ยงหลบพร้อมกับยกแขนขึ้นมาเกี่ยวกันไว้บนอก

            “พอเถอะนะ... ฉันไม่อยากเสียใจอีกแล้ว ฉันขอเลือกเก็บเฉพาะความทรงจำที่...” 

            “ขอโทษ”

            ผมยังพูดไม่จบดีก็ถูกเขาดึงไปกอดเอาไว้แน่น เพียงแค่คำพูดเดียวของเขาก็ทำใหเหัวใจของผมอ่อนยวบ ความเข้มแข็งที่มีทั้งหมดพังทลายไปทันที

            “ซ้อมบท”

            “อะไร...” 

            ผมดึงตัวเองออกจากอ้อมกอดนั้นเมื่อได้ยินสิ่งที่เขาก้มลงมากระซิบข้างหูผม

            “ก็ที่เห็นวันนี้อ่ะซ้อมบท ฉากนี้ถ่ายกี่ทีก็ไม่ผ่าน ผู้กำกับบอกไม่อิน ไม่เหมือนคนรักกัน นี่ก็เพิ่งเลิกกอง”

            “แล้วไง... มาบอกทำไม” 

            ผมโกรธจริงๆแล้วนะตอนนี้ถ้าทั้งหมดที่เขาพูดมามันคือความจริง เพราะเขาก็ต้องรู้ว่าผมเห็น แต่เขากลับไม่คิดจะอธิบายตั้งแต่แรก ปล่อยให้ผมคิดมากเสียใจอยู่คนเดียว!

            “ถึงบอกว่าขอโทษไงครับ”

            “เรื่องของนาย กลับไปเลยไป” ผมผลักเขาออกจากร้าน แต่ว่าผลักยังไงก็ไม่พ้นประตูร้านสักที สุดท้ายเขาก็รวบมือผมไปกุมเอาไว้ได้หมด 

            “ขอโทษที่ไม่บอกปล่อยให้คิดมาก เพราะอยากรู้ว่านายจะแคร์ฉันจริงๆหรือเปล่า ก็ซีวอนบอกฉันว่านายแอบชอบฉันมาตั้งแต่ม.ต้น แต่ตอนนี้กับตอนนั้นมันห่างกันตั้งหลายปีนะ ฉันแค่อยากมั่นใจว่านายไม่ได้แค่ชอบฉันแบบเด็กๆ”

            “...”

            ผมเงียบ... จะให้พูดอะไรได้ล่ะ โดนเข้าไปเต็มๆ เลย ชเวซีวอน... อย่าให้ฉันเจอนะ แฉเพื่อนได้ยังไง ไอ้บ้าเอ้ย!

            “หายโกรธนะ...”
            
            เขาดึงไหล่ผมเข้ามาใกล้ พร้อมกับก้มหน้าหล่อๆนั่นลงมาหาผม 


            “นะครับ~”

            เสียงทุ้มแบบออดอ้อนนี่ทำเอาผมใจสั่นเลยนะ แต่ไม่เท่ากับกรที่เขากดริมฝีปากลงมาบนปากผมซ้ำๆหรอก


            ฉวยโอกาสมากไปแล้วคิมคิบอม!!


            “ทะลึ่ง!”

            ผมเบี่ยงหน้าหลบพร้อมกับถลึงตามองเขาเมื่อเห็นว่าริมฝีปากนั้นชักจะซุกซนมากเกินไปแล้ว ขืนจูบกันแบบลึกซึ้งขึ้นมาในตอนนี้ ผมต้องเป็นลมแน่ๆ >_<

            
            “รู้มั้ยว่าทำไมฉันถึงจูบกับคนอื่นแล้วถึงดูไม่อิน”

            “ใครจะไปรู้ด้วยล่ะ”

            ผมตอบคำถามหลังจากที่ปล่อยให้เขาจูงมือเข้ามานั่งบนโซฟาในร้าน


            “เพราะแค่คิดจะจูบ หน้านายก็ลอยเต็มไปหมด พาลไม่อยากจะจูบกับใครเลย”

            “เชื่อก็บ้าแล้ว” ร้อนจังเลย เอากาต้มน้ำมาวางผมแก้มผมตอนนี้ น้ำต้องเดือดแน่ๆ!!

            “ฮาๆ จริงๆนะ ที่ถ่ายฉากนั้นผ่านก็เพราะคิดว่ากำลังจูบกับนาย ผ่านฉลุย ผู้กำกับชมใหญ่เลย”

            “ขี้โม้” แล้วทำไมเขาจะต้องมาโม้เรื่องนี้ให้ผมฟังด้วย!

            “ไม่เชื่อเหรอ...” คิบอมถามเสียงเข้ม พร้อมกับขยับเข้ามาใกล้ผม

            “ไม่!” แล้วก็ไม่ต้องโน้มหน้ามาใกล้ขนาดนี้ก็ได้นะคิมคิบอม!


            ผมหมดสิทธิ์ประท้วงหรือโต้ตอบอะไรอีก เมื่อเขาล็อคแขนผมเอาไว้กับที่พร้อมกับจูบปากเบาๆ ก่อนจะเพิ่มระดับการจูบขึ้นเรื่อยๆ เขาจูบเก่งเกินไปใช่ไหม ถึงได้ทำให้ผมเคลิ้มแถมยังเผลอตอบกลับเขาไปได้แบบนี้


            น่าอายชะมัดอีทงเฮ!!


            “เชื่อแล้วใช่มั้ย” เขาถามหลังจากที่เราจูบกันอยู่พักใหญ่

            “อื้อๆ” ผมเอาหมอนอิงมาคั่นกลางระหว่างหน้าเราสองคนเอาไว้ พร้อมกับพูดเสียงอู้อี้กลับไปเป็นคำตอบ เห็นแบบนั้นเขาก็หัวเราะแล้วเอามือมาลูบหัวผม


            “หายโกรธนะครับ”

            ผมไม่ตอบ แต่พยักหน้ากลับไป เขายิ้มกว้างออกมา ทำให้ผมอดยิ้มตามไปด้วยไม่ได้ แต่ก็แอบยิ้มหลังหมอนเท่านั้น เดี๋ยวเขาจะได้ใจ!


            “ยังไปเที่ยวกันเหมือนเดิมนะ”


            ผมเงียบเมื่อเขาลองถามหยั่งเชิง และพอเห็นผมเงียบ หน้าเขาก็หงอยลงไปทันที เห็นแบบนั้นก็นึกขำอยู่ในใจ ก่อนจะกอดอกแล้วบอกออกไป




            “จัดกระเป๋าไว้แล้ว... จะไปก็ไปหิ้วมาดิ!”

            








            ไม่รู้จะเล่นตัวไปทำไม... ก็เข้าใจกันแล้วนี่!!
            อีกอย่าง... ผมมั่นใจแล้วว่าเรา 'รักกัน' -//////////-












            สุขสันต์วันคริสต์มาสนะครับ :)






            





    THE END **








    Kibummi Talk ::

    นานแล้วปะที่ไม่ได้แต่งฟิคอารมณ์แบบนี้ คิดถึงมากเลย ฮาๆๆ
    มันคือคิบอมมิออริจินัลสไตล์เลยนะ!! นี่และฟิคใสใสของคิบอมมิ อิอิ >,<
    หลงพี่คิบอมมากมายมหาศาลลลลลลลล ของเค้านะ ห้ามแย่งๆ ;P
    ขอบคุณทุกคนสำหรับการอ่านและคอมเมนต์เรื่องนี้ค่ะ ~~~
    ขอ Merry X' mas แบบดีเลย์ไปบ้างน้า คิคิคิ *ไล่กอดคุณรีดเดอร์*


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×