ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Thump❉Thump [minji♥seungri]

    ลำดับตอนที่ #8 : Chapter 8: Confession: I'm confessed that I love you

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 164
      0
      10 พ.ย. 54

     




    Chapter 8

    Confession: I’m confessed that I love you

     






    คำสารภาพ

    หลังจากผมลากเธอกลับมาที่บ้านบิ๊กแบงได้เธอก็ไม่ยอมเปิดปากพูดอะไรเลย นั่นทำให้ผมรู้สึกอึดอัด นี่เธอเป็นอะไรไป ไหนจะน้ำตาคลอที่งานอีก ใครทำให้เธอเป็นแบบนี้ หรืออาจจะเป็นตัวผมเอง แล้วผมไปทำตอนไหนกันหล่ะ

    “ เธอจะกินอะไรมั้ย ? “ ผมเอ่ยถามขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเธอยังไม่ได้ทานอะไรที่งานเลย นั่นก็เป็นเพราะผมแย่งเธอมากินเอง

     

     

     

    หลังจากที่ผมเริ่มทำไปได้ไม่นานก็ค้นพบตัวตนใหม่ของตัวเอง

    “ นี่นายทำบ้าอะไรเนี้ย ฉันจะได้กินข้าวมั้ยเนี้ย “ มินจิบ่นออกมาอย่างหัวเสีย เมื่อเห็นว่าผมกำลังทำรามยอนไหม้คาหม้อ ใช่.....ผมทำอาหารไม่ได้เรื่องเอาซะเลย

                    “ เธอหน่ะเงียบๆสักทีได้มั้ย เพราะเถียงกับเธอมันถึงเป็นแบบนี้ยังไงหล่ะ “ ผมพยายามคนรามยอนที่ไหม้ก้นหม้อ แต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้นเพราะมันไหม้ไปแล้ว

                    “ โอ๊ย ฉันปวดท้อง “ มินจิโอดครวญพรางจับท้องตัวเอง ผมเลยเริ่มเป็นห่วงเธอขึ้นมา

                    “ ปวดท้องหรอ ตรงไหน ไหนดูซิเป็นอะไรมากรึเปล่า ? “ ผมรีบเดินอ้อมเคาน์เตอร์ในครัวตรงไปหาคนตัวเล็กอย่างรวดเร็ว

                    “ ฮึ่ย ไม่เป็นอะไรมากหรอกน่า โอ๊ะ ปวดท้อง “ ผมจับมือของเธออย่างรวดเร็ว ด้วยความร้อนรนกังวลใจ

                    “ เดี๋ยวฉันพาไปหาหมอมั้ย เธอปวดมากรึเปล่าเนี้ย เดินไหวมั้ย นี่ตอบฉันหน่อยสิ ฉันเป็นห่วงจนแทบบ้าแล้วนะ ผมถามไถ่ถึงอาการเธอ แต่ดูเหมือนเธอจะนิ่งไป

                    “ ฉันไม่เป็นไรแล้ว นี่ ไหนนายบอกมาสิว่าทำไมต้องเป็นห่วงฉันขนาดนั้นด้วย “ เธอเงยหน้าขึ้นสบตาผมอย่างมุ่งมั่น

                    ผมมองคนตรงหน้าอย่างโล่งอก ถูกยัยตัวเล็กแกล้งอีกแล้วสินะ ผมจ้องตามินจิตอบเช่นกัน แต่ครั้งนี้ผมต้องการสื่อให้เธอรู้สึกว่าผมเป็นห่วงเธอมากมายแค่ไหน จนสุดท้ายมินจิก็เป็นฝ่ายหลบสายตา

    ชั่วขณะนั้นไม่รู้ว่าผมคิดอะไรอยู่ หรือผมเองอาจจะไม่ได้คิดเลยก็ได้ ผมจับใบหน้าของมินจิให้หันมามองหน้าผมอีกครั้งก่อนจะประทับจูบลึกซึ้งให้เธอได้รับรู้ ผมกำลังตอบคำตอบทุกอย่างที่เธออยากรู้ แม้ว่าเธอจะตกใจอยู่ แม้ว่าตัวผมเองจะยังไม่พร้อมจะบอก แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว

                    “ เหตุผลของฉัน..คือ “ ผมหยุดไว้แค่นั้น มองหน้าคนตัวเล็กตรงหน้าที่ยังคงตกใจไม่หาย มันอดกลั้นต่อไปไม่ไหวแล้วสินะ ความรู้สึกของผมมันเอ่อล้นเหลือเกิน จนต้องบอกให้เธอได้รับรู้

                    “ หยุดนะ..!! เมื่อกี้ นาย “ แต่เธอกับใช้นิ้วชี้ปิดปากของผมเอาไว้ ส่วนมืออีกข้างลูบคลำปากตัวเองเบาๆพร้อมพึมพำบางอย่างที่ฟังไม่ได้ศัพท์

                    ผมเลยต้องเงียบอยู่ภายใต้นิ้วมือของเธอ ผมมองไปที่เธอที่ดูเหมือนจะสับสนอยู่ ผมเองไม่อยากทำอย่างนี้ ผมรู้ดีว่าเธอยังเด็กและยังไม่พร้อม ผมไม่อยากให้เธอต้องเสียสมาธิเพราะผม แต่จะทำยังไงในเมื่อหัวใจของผมมันเรียกร้อง

                    กลิ่นบางอย่างลอยมาเตะจมูกของผม รูม่านตาเบิกกว้างขึ้นทันที ให้ตายสิ กลิ่นไหม้นี่มัน รามยอน

                    “ เฮ้ย รามยอน “ และเมื่อกลับไปดูที่หม้อก็พบว่าน้ำแห้งจนเหลือแต่เส้นไหม้ๆติดก้นหม้อ ก้นหม้อเป็นสีดำปิดปี๋

                    “ อ๊า ต้องโดนจียงฮยองด่าแน่เลย “ ผมเริ่มพึมพำกับตัวเอง เมื่อเห็นภาพฮยองเจ้าระเบียบบ่นเป็นชุดเพราะรอยดำไหม้คาหม้อแบบนี้ แถมกลิ่นพวกนี้อีก เฮ้อ ยาวแน่ๆเลย

                    “ นี่ยัยตัวเล็ก ไปกินข้าวข้างนอกกันเถอะ “ ผมยกหม้ออกจากเตาไปแช่น้ำในอ่างล้างจาน ก่อนจะเช็ดมือเล็กน้อย แล้วเดินไปตบหลังเธอเบาๆให้รู้ตัว

                    “ ไปกันได้แล้ว ป่านนี้จะมีร้านอะไรเปิดอยู่บ้างนะ “ ผมพยายามพูดขึ้นอย่างร่าเริง แต่ไม่สามารถเรียกสติของเธอกลับมาได้เลย

                    “ นี่ ยัยตัวเล็ก คิดอะไรอยู่ ที่ฉันจูบเธอหน่ะนะ ก็แค่ลองดู อยากรู้ว่าของแปลกมันเป็นยังไง เฮ้อ จูบกับเธอนี่มันแย่ชะมัดเลย “ ผมพยายามโกหกคำโตออกไปเพื่อให้เธอสบายใจ และมันก็ได้ผล

                    “ นี่นายว่ายังไงนะ จูบกับฉันมันแย่ตรงไหน ฮึ้ย ไอ้ซึ้งนึ่งข้าวเหนียว.วว ไปเร็วๆเลย ฉันหิวจะแย่อยู่แล้ว “ เธอตะโกนใส่หน้าผม ก่อนจะกระโดดลงจากเก้าอี้เดินนำหน้าออกนอกบ้านไปก่อน

                    ผมยิ้มกับตัวเองก่อนจะหยิบพวงกุญแจรถกับเสื้อโค๊ทตัวใหญ่ไปเผื่อยัยตัวเล็กที่รีบร้อนออกไปก่อนข้างนอกนั้น

                    ผมเดินออกไปเห็นเธอกำลังยืนนิ่งอยู่เลยฉวยโอกาสคลุมเสื้อค็ทให้เธอก่อนจะสวมกอดเธอจากด้านหลัง

                    “ อันที่จริงจูบกับเธอมันก็ไม่แย่ขนาดนั้นหรอก อ่ะ อย่ามัวแต่คิดถึงจูบฉันจนลืมตัวว่านี่มันอุณหภูมิเท่าไหร่สิ เอ๊ะรึว่าจูบฉันมันเร้าร้อนจนเธอไม่หนาวกันนะ ฮ่า ฮ่า” ผมยังคงกล่าวติดตลก

                    “ ไอ้บ้า ปล่อยฉันนะ “ เธอดิ้นไปมาอยู่ในอ้อมกอดของผม

                    “ หยุด หยุดสิ คง มินจิ ขอฉัน...ขอฉันอยู่อย่างนี้สักพักได้มั้ย “ เธอหยุดดิ้น เธอไม่ตอบอะไรเพียงแต่ยืนนิ่งในอ้อมกอดของผมเท่านั้น

                    หลังจากยืนกอดยัยตัวเล็กอยู่พักนึง ผมก็ปล่อยเธอออกแล้วจูงมือเธอไปขึ้นรถแทน อย่างที่คุณคิดมินจิไม่ยอมให้จับมือง่ายๆหรอก ผมต้องบีบมือเธอแน่นจนมินจิเลิกแกะมือออกแล้วเดินตามแทน

                    มินจิขึ้นไปนั่งบนรถด้วยใบหน้าบูดบึ้ง

                    ผมขับรถมาหยุดที่ร้านอาหารข้างทาง ผมจอดรถก่อนจะลงจากรถแล้วอ้อมมาเปิดประตูแล้วจับมือฉันลากออกมานั่งที่ร้าน ดูเหมือนเธอจะหิวมากเลยเริ่มสั่งอาหาร หลังจากที่คนรับออเดอร์เดินออกไปเธอก็...

                    “ นายมีสิทธิ์อะไรมาจูบฉันแล้วบอกว่ามันแย่กันฮะ !! “ แม้ว่าเธอจะพูดขึ้นอย่างโมโห

                    “ ก็สิทธิ์ของอุปป้าไงหล่ะ “ผมก็เพียงแค่หาคำตอบมา อ้างไปเรื่อย

                    “ นั้นมันไม่มีสิทธิ์ตรงไหนเลย ถ้าอย่างนั้นอุปป้าแทยัง อุปป้าแดซอง อุปป้าจียง อุปป้าท็อป ก็จูบฉันได้งั้นสิ “เธอเริ่มระเบิดเสียงออกมาเสียงดัง ทำให้คนในร้านเริ่มหันมามองที่เรา

                    “ ไม่ได้ ห้ามใครจูบเธอนอกจากฉัน “ ผมคิดไม่ถึงว่าเธอจะคิดอย่างนั้นเลยรีบแก้คำ

                    “ ทำไม ในเมื่อนายบอกเอง ฉันจะไปจูบอุปป้าคนนั้น “ เธอชี้ไปที่พนักงานคนนึงในร้าน ทำให้ผมรีบหันไปมองทันที ก่อนที่เธอจะลุกขึ้น ผมก็รีบคว้าแขนของเธอไว้อย่างรวดเร็ว

                    “ อย่านะมินจิ “ ผมพยายามพูดเธออย่างใจเย็น แต่ภายในตัวผมเองกำลังรร้อนลุ่มเพราะอารมณ์ โกรธ โมโห และหึงหวง

                    “ แล้วนายจะเอายังไง หึ้ย นายนี่มัน “ เธอเองก็โมโหเหมือนกันเลยตะโกนใส่ผม

                    “ เฮ้อ อาหารมาแล้วกินเถอะ “ ขณะเดียวกันอาหารก็ยกมาเสิร์ฟ ผมเลยจบบทสนทนาด้วยการกิน และดูเหมือนเธอก็สงบลงเหมือนกันเมื่ออาหารมาตั้งบนโต๊ะ

                    หลังจากทานอาหารเสร็จไม่มีใครพูดอะไรออกมาจนรถแล่นมาถึงโลงจอดรถของบ้าน ผมที่เงียบมานานเลยเอ่ยบางอย่างขึ้น

                    “ เพราะฉันชอบเธอ “ นั่นทำให้เธอหันมามองหน้าผมทันที แถมยังทำตาโตอีกต่างหาก

                    “ เพราะฉันชอบเธอ ฉันเลยจูบเธอ เพราะฉันชอบเธอ ฉันถึงให้เธอไปจูบกับคนอื่นไม่ได้ เพราะฉันชอบเธอถึงพูดว่าจูบกับเธอมันแย่ เพราะฉันชอบเธอมาก ฉันถึงไม่อยากเสียเธอไป “ แต่บางอย่างภายในตัวผมมันหยุดไม่อยู่แล้ว ทำให้ผมกำลังสารภาพมันออกมาอย่างหมดเปลือก

                    ผมเปิดประตูรถลงไปแล้วอ้อมมาเปิดด้านที่เธอนั่ง แต่ทว่าเธอยังคงนั่งนิ่งตรงนั้น เพราะยังตกใจสินะ

                    “ เข้าบ้านกันเถอะ เริ่มหนาวแล้ว “ ผมพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้ายังไม่ขยับเขยื้อนจากเบาะรถ

                    “ นายชอบฉันตั้งแต่เมื่อไหร่กัน “ เธอเงยหน้าขึ้นมองผม

                    “ เข้าบ้านเถอะ “ ผมตัดประโยคแล้วดึงแขนเธอให้ออกมาจากรถ ยัยนี่ถามบ้าอะไรกันเนี้ย

                    “ ไม่ นายต้องบอกมาเดี๋ยวนี้ “ เธอดื้อดึงสะบัดแขนออกจากผม

                    “ มันไม่สำคัญหรอกน่า “ ผมพูดขึ้นอย่างอารมณ์เสียก่อนจะคว้าแขนเธอมาจับอีกครั้งแต่ก็ถูกสะบัดออกเหมือนเดิม

                    “ มันสำคัญสิ สำคัญสำหรับฉันในตอนนี้ “ ท้ายประโยคเธอพูดเสียงเบาเหมือนพึมพำกับตัวเอง แต่ทว่าผมก็ได้ยินมันอยู่ดี ทั้งที่ไม่รู้ว่ามันสำคัญยังไง แต่ผมจะคิดเข้าข้างตัวเองได้มั้ยนะ

                    “ ถ้างั้นฉันจะบอกเธอก็ได้ ถ้าเธอเข้าบ้านตอนนี้ ก่อนที่จะไม่สบาย “ ผมยืนยันหนักแน่น และนั้นทำให้เธอยอมเดินเข้าบ้านแต่โดยดี

                    แต่เมื่อเข้ามาในตัวบ้านยังไม่ทันจะพ้นประตูบ้านด้วยซ้ำ เธอก็หยุดกึกแล้วหันมาถามผมอีกครั้ง

                    “ ตอบมา ฉันเข้าบ้านแล้ว “ เธอกอดอกถามผมอย่างอวดดี

                    “ ตั้งแต่ฉันเห็นเธอหลับครั้งแรก เพราะตอนที่เธอหลับเธอดูไม่มีพิษภัย เป็นเด็กไร้เดียงสา เป็นตัวตนของเธอ เป็นแค่ยัยเปี๊ยกที่ฉัน.....ชอบ “ เธอเริ่มจะนิ่งไปอีกครั้ง

                    “ เอาหล่ะ หมดเวลาเล่นแล้ว ไปนอนกันเถอะ “ ผมเลยเดินนำเข้าไปในตัวบ้าน ยัยนี่ช่างถามเสียจริงไม่รู้รึไงว่าคนเขาเขินจะตายอยู่แล้ว ผมว่าหน้าผมตอนนี้คงแดงมากแน่ๆ

                    แต่เธอยังคงยืนอยู่ตรงนั้น

                    “ นี่ เข้ามานอนได้แล้ว “ ผมส่งเสียงเรียก

                    “ ถ้าหากนายชอบฉันขนาดนั้น ทำไมไม่บอกตั้งนานแล้วหล่ะ “ เธอหันมาตั้งคำถามใหม่กับผม

                    “ เฮ้อ วันนี้พอแค่นี้ได้มั้ย เธอถามมากอย่างกับแม่ฉันแหน่ะ “ ผมพยายามเอ่ยติดตลก

                    “ ฉันถามว่าทำไมนายถึงเพิ่งมาบอกเอาตอนนี้ “ เธอยังคงดื้อดึงถาม

                    “ ไว้พรุ่งนี้ได้มั้ย พรุ่งนี้ฉันจะตอบเธอทุกอย่างเลย พรุ่งนี้ฉันจะบอกเธอทุกอย่าง ไปนอนกันเถอะนะยัยตัวเล็ก “ ผมพูดอย่างอ่อนแรงผมไม่เรี่ยวแรงจะต่อกรอะไรกับเธอแล้ว

                    เพราะว่าผมใส่เสื้อผ้าธรรมดาไปยืนกอดเธอตั้งนานสองนานที่หน้าบ้านนั้น ทำให้ผมเริ่มมีไข้น้อยๆเข้าให้แล้ว เธอเดินเข้าไปในห้องอย่างเงียบเชียบ ก่อนจะสอดตัวเข้าไปนอนบนที่นอนของผมอย่างคุ้นเคย ผมแค่เดินไปปิดไฟก่อนจะล้มตัวลงนอนบนโซฟาในห้องที่ไม่มีแม้แต่ผ้าห่มและหมอน

                    ผมไม่เป็นอะไรหรอก ขอแค่ยัยตัวเล็กนอนสบายอยู่บนนั้นผมก็พอใจแล้ว ผมบอกตัวเองอย่างนั้น

     

     














                    “ ผมอี ซึงรีขอสาบานต่อหน้าพระเจ้าว่าจะเป็นรอยยิ้มของคู ฮาราตลอดไป “ น้ำเสียงมุ่งมั่นของชายหนุ่มเอ่ยมั่นต่อหน้าพระเจ้าและหญิงสาวข้างกายที่ชื่อคู ฮารา

                    “ ^________^ “ หญิงสาวยิ้มแก้มปริเพราะคำสาบานซื่อตรงของคนตรงหน้า เธอรู้สึกดีใจกับคำสาบานนั้นจริงๆสำหรับเธอ อี ซึงรี เป็นคนสำคัญ เป็นเหมือนรอยยิ้มของเธอตลอดมา ทุกๆครั้งที่เธอมีน้ำตาอี ซึงรีเป็นเหมือนผู้พิทักษ์น้ำตาของเธอ เขาคอยมอบรอยยิ้มให้เธออยู่เสมอ

                    “ เธอคือคนสำคัญที่สุดของฉันนะ คู  ฮารา “ ชายหนุ่มมองหญิงสาวด้วยสายตาจริงจัง หญิงสาวเพียงแต่ยิ้มตอบและมอบกอดอันอบอุ่นแก่เขา

                    “ อุปป้าก็เป็นคนสำคัญของ ฮารา “ ชายหนุ่มแทบหน้าแดงเถือกเพราะคำพูดของเธอ ภายในใจเต้นระส่ำจนเขากลัวว่าเธอจะรู้สึกถึงมัน แต่แล้วความสุขและอบอุ่นที่เหมือนภาพฝันของชายหนุ่มกับอยู่กับเขาไม่นาน

                   

                    “ อุปป้า ฉันรักเขา ฮือๆ “ น้ำตามากมายของหญิงสาวที่ร้องไห้ให้กับชายอื่นเปรียบเสมือนมีดนับพันทิ่มแทงทะลุตัวของเขา

                    “ เกิดอะไรขึ้นฮารา “ ชายหนุ่มได้แต่ข่มความรู้สึกเอาไว้ ก่อนจะเริ่มปลอบโยนเธอเหมือนทุกที หากแต่ครั้งนี้เขาไม่ได้มีความสุขที่ได้เป็นคนปลอบเธอเลยแม้สักนิดเดียว

                    หญิงสาวเล่าถึงชายคนหนึ่งที่เธอชอบ พอเขารู้ว่าเธอชอบ ก็ขอคบกับเธอ แต่พอคบได้ไม่ถึงอาทิตย์เขาก็เริ่มมีคนอื่น พอเธอจับได้เขาก็บอกว่าจะเลิกกับเธอ ทำให้เธอทุกข์ทรมานใจต้องกลับมาให้อี ซึงรีคนนี้ปลอบเธอ

                    แต่ซึงรีก็ไม่เคยรังเกียจที่จะเป็นที่พักพิงของเธอ หากแต่ว่าทุกครั้งมันเริ่มแย่ลงเรื่อย เมื่อความรู้สึกของเขามันมากเกินกว่าจะรับเรื่องพวกนี้ไหว เมื่อเขาเริ่มไม่อยากจะทนฟังว่าเธอร้องไห้เพราะใคร แต่เขาอยากเป็นคนดูแลเธอเอง ปกป้องเธอไม่ให้เธอมีน้ำตา จะได้ไม่ต้องให้เขาปลอบเหมือนตอนนี้ นั่นทำให้เขาตัดสินใจสารภาพออกไป

     

                    “ คู ฮารา “ หญิงสาวหันมองเมื่อถูกเรียก ในมือยังคงถือไอศกรีมที่เขาเพิ่งซื้อให้

                    “ คบกับอุปป้าได้มั้ย ? “ ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นจ้องตาเธอด้วยแววตาจริงจัง จนทำให้อีกฝ่ายสั่นไหวอยู่เหมือนกัน

                    แต่ว่าสิ่งที่ดูเหมือนจะราบรื่นกับไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อสิ่งที่เธอคิดมันไม่ใช่แบบเดียวกันกับชายหนุ่ม

                    “ อุปป้า....ฉันขอโทษ............คือฉัน...........................ไม่ได้คิดแบบนั้น “ คำปฎิเสธของเธอทำให้เขาต้องตกอยู่ในวังวนของความเจ็บปวดมาโดยตลอด

                    น้ำตาของผู้ชายไม่ใช่สิ่งที่ใครควรจะเห็น นั่นทำให้เขาหันหลังให้เธอและเดินจากมาพร้อมกับน้ำตาเปื้อนใบหน้า

     

                    มันเป็นความฝันที่ผมไม่คิดว่าจะฝันเห็นมัน.....


     










    Author Say hi!

    ดูดุ๊ง....คำทักทายคำเดิมคุ้นเคยกันรึยังค่ะ คึคึ
    ไรท์เตอร์มีเรื่องจะบอกว่า ไรท์เตอร์จะเปิดเทอมแล้วค่ะ
    อย่างที่รู้ๆกันว่าพอเปิดเทอมแล้วไรท์เตอร์ก็ไม่ค่อยว่าง
    นิยายก็คงไม่ค่อยคืบหน้าเท่าไหร่ อ๊ะๆๆ อย่าเพิ่งทำหน้าอย่างนั้น
    ยังไงตอนนี้ไรท์เตอร์ก็ปีสองแล้ว งานน้อยลงเรียนน้อยลง
    อาจจะว่างเสาร์อาทิตย์ก็ได้ อาจจะได้เขียนนิยายยามว่าง
    ถ้ายังไงก็จะพยายามรักษาหน้าที่ให้ดีที่สุด
    โอ้ คนในอดีตของซึงรีปรากฎตัวแล้ว ถึงจะในความฝันก็เถอะ
    ตอนหน้า อัพก่อนเปิดเทอมแน่นอนค่ะ
    ไรท์เตอร์เปิดเทอมวันที่
    15 นี้ค่ะ รักรีดเดอร์นะค่ะ ประเทศไทยไฟท์ติ้ง

    Author by.Kwon JIsun
    Chapter 8 update [WED].November 9, 2011(19:35AM)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×