ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Thump❉Thump [minji♥seungri]

    ลำดับตอนที่ #9 : Chapter 9: Time: All of us need time!

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 142
      1
      19 พ.ย. 54




     Chapter 9

    Time: All of us need time!

     

                    เพราะว่าไม่ใช่ทางเลือก มันเลยเลือกยาก

     

     

    แอ็ด.....ร่างบางแทรกตัวผ่านบานประตูเข้ามาภายในห้องอย่างเงียบเชียบ ก่อนจะสาวเท้าเข้าไปภายในห้องอย่างคุ้นเคย เท้าเล็กๆหยุดอยู่ตรงหน้าเตียง สายตาจับจ้องที่ผ้าห่มผืนโต รอยยิ้มเล็กน้อยปรากฎที่มุมปาก ก่อนที่จะ...

     

     

                    ตุบ..

                    ร่างบางกระโดดขึ้นไปค่อมคนบนเตียงด้วยความเคยชิน หากแต่ว่าครั้งนี้ไม่ได้เหมือนครั้งก่อนๆ..

                    “ หือ “ หญิงสาวพึมพำออกมาอย่างสงสัย  ก่อนจะเริ่มเปิดผ้าห่มออกเผยให้เห็นสิ่งที่ทำให้ตกใจยิ่งกว่า

                    “ อนนี่/ฮารา “ เสียงเรียกเอ่ยขึ้นพร้อมกัน ทำให้ฮาราที่นั่งอยู่บนเตียงถึงกับสับสนชั่วขณะ

                    ก่อนที่เธอจะตั้งสติได้แล้วมองคนตรงหน้า ก่อนจะหันไปมองที่ซึงรีซึ่งนอนอยู่บนโซฟาข้างเตียง

                    “ ...นี่มันอะไรกัน “ เสียงเบาหวิวของฮาราทำให้ซึงรีกระโดดผึงลุกขึ้นจากเตียงทันที

     

                    “ อุปป้า “ ฮาราลุกขึ้นจากเตียงทันทีก่อนจะเข้าไปพยุงตัวซึงรีเอาไว้ เพราะเขาลุกขึ้นเร็วเกินไปและเพราะผิดไข้ของเขาทำให้เขาลงไปนอนกองอยู่กับพื้นในชั่วพริบตา

                    “ ตาร้อนจี๋เลย อุปป้าลุกขึ้นก่อน.....มินจิอา ไปเตรียมน้ำกับผ้าให้หน่อยสิ “ ถึงมินจิจะกระอักกระอ่วนอยู่บ้างแต่เธอก็ลุกขึ้นออกจากห้องไปเตรียมของ

                    “ ฮารา...ทำไมมาที่นี่หล่ะ “ ซึงรีถามขึ้นทั้งที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองเธอด้วยซ้ำ ภายในหัวความคิดของเขากำลังตีกันมั่วไปหมด

                    “ เรื่องของฉันเอาไว้ก่อนเถอะ...อุปป้าไม่สบายขนาดนี้ จะให้ฉันเล่าเรื่องตัวเองอีกหรอ “ ฮาราลุกขึ้นหายาที่โต๊ะหัวเตียง ก่อนจะกลับมาพร้อมยาแก้ปวดสองเม็ดกับน้ำเปล่า

                    “ พูดมาเถอะ เห็นหน้าเธอเป็นแบบนี้ฉันยิ่งป่วยหน่ะสิ “ ซึงรีพูดขึ้นอย่างอบอุ่นเช่นเคยพร้อมกับรับยาจากฮารามาทาน

                    “ แต่..” ฮาราชั่งใจคิด แต่ว่าซึงรีกับส่ายหน้าพร้อมกับวางมือของเขาบนหน้าของเธอก่อนจะลูบเบาๆ

                   

                    หากแต่การกระทำเช่นนั้นไม่ได้มีเพียงแค่เขาสองคนที่เห็น แต่กลับมีคนตัวเล็กอีกคนที่ยืนมองมันเงียบๆที่หน้าประตูพร้อมกับกะละมังน้ำและผ้าเช็ดหน้าหนึ่งผืน

                    “ อนนี่..... “ มินจิเอ่ยเสียงเรียกเบาๆให้พวกเขารับรู้ว่าไม่ได้อยู่กันเพียงลำพัง ก่อนจะเดินเอากะละมังไปวางไว้ข้างตัวฮารา

                    “ ว่าแต่.....ทำไมมินจิถึงมาอยู่บนเตียงของอุปป้าได้หล่ะ “ สิ้นเสียงฮาราทำให้บรรยากาศแปลกๆก่อตัวขึ้น

                    ความอึดอัดยังคงดำเนินต่อไป ซึงรีพยายามมองหน้ามินจิ แต่ว่ามินจิไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาเลย ฮาราเองก็ได้แต่มองดูสองคนนี้ที่ทำท่าทีแปลกด้วยความสงสัยต่อไป จนในที่สุดเธอก็ทนไม่ไหวเสียเอง

                    “ อุปป้าน่าจะพักผ่อนสักหน่อย งั้นฉันกลับ.. “ ฮาราก้มมองที่ข้อมือตัวเองที่ตอนนี้มีอีกมือหนึ่งจับมันอยู่อย่างตกใจ

                    “ ไม่เป็นไรหรอก “ เสียงของซึงรีทำให้ มินจิที่ก้มหน้าก้มตาอยู่นานเงยหน้าขึ้นมองทันที

                    หากแต่เป็นซึงรีเองที่เป็นฝ่ายหลบสายตาของมินจิ นั่นทำให้มินจิลุกขึ้นออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ

     

                    “ อุปป้า นี่มันเรื่องอะไรกันแน่เนี้ย “ ฮาราถามออกมาเมื่อเห็นว่าซึงรีเงียบไปหลังจากมินจิออกจากห้องไป

                    “ ไม่มีอะไรหรอก “ ซึงรีตอบฮาราด้วยสีหน้าเรียบเฉย

     

     

                    อีกด้านหนึ่ง

                    มินจิที่ออกมาจากห้องนั้นด้วยหลากหลายอารมณ์ ก็มาชนเข้าอย่างจังกับหลังใครบางคนที่ยืนรอเธออยู่หน้าห้องอยู่แล้ว

                    “ ไง มีเรื่องอะไรอยากจะถามรึเปล่า “ ยองเบเอ่ยขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มอบอุ่นให้มินจิ

                    มินจิเพียงแต่พยักหน้ารับอย่างคนอ่อนแรง ทำให้ยองเบส่ายหน้าเบาๆอย่างคนอ่อนใจ

     

     

                    ยองเบพามินจิออกจากบ้านมาที่คาเฟ่ใกล้บ้าน ก่อนจะสั่งอะไรเล็กน้อยกับพนักงานโดยไม่ลืมส่งรอยยิ้มพิฆาตให้พนักงานเสิร์ฟเคลิ้มไปตามๆกัน

                    “ ถ้าไม่ถาม... “ ยองเบเอ่ยขึ้นเปิดประเด็นเมื่อเห็นว่ามินจิยังคงไม่หลุดออกจากภวังค์

                    “ ค่ะ.....อ่อ “ มินจิมองหน้ายองเบลังเลชั่วครู่ ก่อนจะตัดสินใจถามออกไป

                    “ อุปป้า ฮาราอนนี่เป็นอะไรกับ..ซึงรีหรอค่ะ “ สีหน้าของมินจิกำลังเป็นกังวลกับคำถามอย่างมาก

                    “ ...เป็นคนสำคัญ “ ยองเบตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องของพวกเขาให้มินจิฟังอย่างสุขุม ถ้าถามว่าเขารู้ได้ยังไงหน่ะหรอ ก็เพราะเขาเป็นฮยองที่น้องๆคิดว่าฝากความลับไว้ได้ แต่ตอนนี้ยองเบกำลังเผยมันออกมา...

     

     

                    ก่อนที่บิ๊กแบงจะเดบิวส์

                    เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากมากของซึงรี เขาต้องซ้อมหนักเป็นเท่าตัวเพราะถูกคัดออกไปแล้วครั้งหนึ่ง หากแต่ความมุ่งมั้นในสายตาเขาทำให้เขากลับมาได้ใหม่

                    หากแต่ความฝันของเขามันได้มาอย่างยากลำบากแล้ว แต่หัวใจของเขามันยากลำบากยิ่งกว่า

                   

                    ซึงรีแอบรักฮาราตั้งแต่เขาเจอเธอครั้งแรกที่สวนสาธารณะ

                    ฮารากำลังนั่งร้องไห้อยู่บนม้านั่ง เขาเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทำไมแต่เขาเข้าไปทักเธอก่อนแถมยังทำตัวตลกเพื่อให้เธอหยดร้องไห้ นับจากนั้นพวกเขาก็เจอกันบ่อยๆที่สวนนั้น

                   

                    ฮาราร้องไห้ทุกครั้งที่เจอซึงรีและทุกครั้งซึงรีก็ทำให้เธอหยุดร้องไห้ เขาทำให้เธอยิ้มทุกครั้งที่เจอกัน

                    ทุกครั้งที่ฮาราร้องไห้เพราะพ่อแม่ของเธอทะเลาะกันและเธอกลัวว่าพวกเขาจะแยกกัน เธอจะวิ่งไปหาซึงรี ให้ซึงรีคอยปลอบโยนเสมอ แล้ววันหนึ่ง ซึงรีพาเธอไปที่โบสถ์ก่อนจะสาบานต่อหน้าพระเจ้าว่าเขาจะเป็นรอยยิ้มให้เธอ

                    และเพราะคำสัญญานั้นผูกมัดเขาให้ตัวเขาเองเจ็บปวด เมื่อเขาเลือกที่จะสารภาพออกไปว่าตัวเองรู้สึกอย่างไร แต่ฮารากับคิดว่าเขาเป็นเพียงรอยยิ้มของเธอเท่านั้นจริง

                   

                    ซึงรีต้องเผชิญกับช่วงเวลาเจ็บปวดเช่นนั้นตอนที่เขาเดบิวส์แต่เขาก็ทำมันได้สำเร็จ จนเป็นเขาทุกวันนี้ แต่ฮาราก็กลับมาทุกครั้งที่เธอร้องไห้เหมือนเดิม

                    ซึงรีก็ไม่เคยปล่อยมือจากเธอเลย....

     

                    ตลอดเวลาที่ยองเบเล่ามินจิไม่แสดงท่าทีอะไรออกมา เพียงแค่ฟังเขาเงียบๆเท่านั้น

                    “ มินจิ มินจิอา “ ยองเบเอ่ยเรียกเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าเงียบนานเกินไป

                    มินจิเงยหน้าขึ้นมองยองเบด้วยสายตาว่างเปล่า ภายในหัวมีแต่เรื่องที่เธอได้ฟังเมื่อครู่

     

     

                    เป็นอย่างนี้เองสินะ...เพราะเป็นคนสำคัญ

                    เพราะเธอเป็นคนสำคัญ...........

     

     

     

     

                    ผมตื่นขึ้นมาอีกที ฮาราก็กลับไปแล้ว ตอนนี้ผมรู้สึกดีขึ้นมากแล้วหล่ะ หลังจากได้กินยาและเช็ดตัว ฮาราคอยดูแลอยู่ข้างๆผมตลอดจนผมหลับไป ครั้งนี้เธอมาหาผมเพราะพ่อแม่ของเธอไม่ใช่เพราะแฟน

                    เธอบอกว่าพ่อของเธอออกจากบ้านไปเมื่อเช้า...

     

                    ผมพอรู้อยู่แล้วแหละว่าพ่อแม่ของเธอต้องแยกกันสักวัน แต่ผมไม่สามารถปลอบเธอให้ยอมรับความจริงแบบนั้นได้ ฮาราอ่อนแอกว่าที่เห็นภายนอกมาก เธอมักจะขี้เหงาเสมอ เพราะโตมาในครอบครัวที่ฐานะดี พ่อของเธอทำงานตลอดจนไม่มีเวลาดูเธอ ส่วนแม่ก็ออกไปสังสรรค์กับเพื่อนทิ้งเธอไว้กับพี่เลี้ยงเด็ก นั่นทำให้ผมเข้าใจเธอดีและไม่สามารถปล่อยเธอไปได้

     

                    ผมรู้ว่าสิ่งที่ผมทำมันแย่มาก การที่ไม่สามารถปล่อยมือจากอีกคนแต่กลับดึงมืออีกคนไว้แบบนี้มันไม่ถูกต้อง แต่ผม...

                    ก๊อก ก๊อก... เสียงเคาะประตูเรียกความสนใจของผมให้หันไปมองคนมาเยือน

                    แต่แล้วผมก็รู้สึกว่าตัวเองทำผิดพลาดมหันต์เมื่อเห็นว่าเป็นใคร...

     

                    ตอนนี้ผมไม่กล้าสบตาเธอด้วยซ้ำ ผู้ชายอย่างผมมันหน้าไม่อายสิ้นดี มีอย่างที่ไหนบอกว่าชอบผู้หญิงคนนี้เมื่อวาน แต่เมื่อเช้ากลับดึงผู้หญิงอีกคนเอาไว้แล้วกลับปล่อยเธอไป สำหรับผมแล้วมันเป็นเรื่องที่ยากเกินไปจริงๆในเวลานี้ ผมยอมรับตรงนี้เลยว่าหัวใจผมหวั่นไหวกับฮารามาก ความรู้สึกของผมกับฮารามันไม่ใช่อะไรที่ตัดกันง่ายๆ แต่สำหรับเธอผมเองก็ตัดไม่ได้เหมือนกัน จะเรียกว่าเห็นแก่ตัวก็ได้ ....เพราะมันเป็นเช่นนั้นจริงๆ

                    “ ถ้าเขาเป็นคนสำคัญ.... “ เสียงเล็กๆเอ่ยขึ้นเบาๆ แต่ทว่าแต่ละคำนั้นช่างเสียดแทงหัวใจผม

                    “ .... “ ในหัวผมยังคงว่างเปล่า แม้ภายในอกจะเต้นแรงจนแทบจะทรุดลงไป...

                    “ ......แล้วฉันเป็นอะไรสำหรับนายกัน “ ผมเงยหน้าขึ้นมองเธอทันที ผมจ้องลึกเข้าไปในดวงตากลมใสนั่นอย่างค้นหา สีหน้าของเธอดูอึดอัด เพียงแค่ผมเห็นแสงในตาของเธอไหวระริกพร้อมกับน้ำตาที่รื้นขึ้นมาคลอเบ้า...

                    “ เธอ........เป็นยา “ ผมลุกขึ้นเดินเข้าไปหาเธอพร้อมกับกอดร่างบางเอาไว้ในอ้อมอกอย่างอ่อนโยน

                    สำหรับผมเธอเปรียบเสมือนยาที่ทำให้ผมหายจากความเจ็บปวดทั้งหมด เธอคือยาที่เยียวยาจิตใตของผมให้หายดี ทว่าเธอจะเป็นยาให้ผมรึเปล่านั้น มันดูเห็นแก่ตัวไปหน่อยที่ผมจะขอเธอ

                    “ ยา... “ เธอดันตัวออกจากอ้อมกอดก่อนจะมองหาคำตอบ

                    “ เธอรักษาฉัน...นะคง มินจิ “ ผมจ้องมองเธอตอบเช่นกัน และอย่างเคยเธอหลบสายตาผมก่อนทุกครั้ง

                    ผมไม่กล้าคิดเข้าข้างตัวเองไปมากกว่านี้ แต่ดูจากท่าทีเธอเองก็ดูเหมือนจะยอมรับผมมากขึ้นหลังจากเมื่อคืน เธอไม่ดื้อและหัวรั้น แม้ว่ามันจะเหงาบ้างกับการเปลี่ยนแปลงแบบนี้ แต่มันเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีไม่ใช่หรอ

                    “ ยารักษางั้นหรอ “ เธอพึมพำออกมาเบาๆ แต่ด้วยระยะห่างเท่านี้ผมถึงได้ยินมันอย่างชัดเจน

                    “ อืม ยารักษา “ ผมตอบเธอกลับเพื่อย้ำให้เธอมั่นใจในคำพูด..

                    “ ฉัน..........กลับดีกว่า “ เธอลังเลอยู่ชั่วขณะก่อนจะขอกลับ ผมเองก็ไม่อยากรั้งเธอไว้มากกว่านี้เลยปล่อยให้เธอกลับไป  เพราะตอนนี้ผมเองก็ต้องการเวลา

     

                    ผมต้องการเวลาที่จะคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไป การที่ผมไม่ตัดสินใจแบบนี้มันเป็นการเอาเปรียบเธอ แต่จะให้ผมทิ้งฮาราไว้ข้างหลังนั้น ผมทำไม่ได้จริงๆ แค่คิดว่าเธอจะต้องร้องไห้คนเดียวหัวใจผมก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา

                    แต่ถ้าต้องทิ้งมินจิไว้............แล้วกลับไปเป็นอย่างเดิมนั่นผมก็เจ็บปวดมากเช่นกัน

                    ตู๊ด...ตู๊ด ผมต่อสายหาเพื่อนคนนึง

                    “ ว่าไง “ เสียงทักทายจากปลายสายทำให้ผมรู้สึกสบายใจขึ้น

                    “ ออกมาดื่มกันหน่อย “ ผมถามกลับไปอย่างเป็นกันเอง

                    “ อ่อ..ได้เลยจอเวลาครึ่งชั่วโมงเจอกันร้านเดิม “ ปลายสายวางไปอย่างรีบร้อน ผมได้แต่มองโทรศัพท์อย่างแค้นเคืองที่ปลายสายชิงวางหูก่อนเหมือนทุกครั้ง

                   

                    หลังจากวางโทรศัพท์ผมก็จัดการแต่งตัวเรียบๆโดยไม่ลืมหมวกกับแว่นกันแดดที่ใช้ประจำเวลาออกไปดื่มข้างนอก ตอนออกจากบ้านมายองเบฮยองเอ่ยถามผมว่าออกไปไหน คงจะเป็นห่วงผมสินะ ฮยองเป็นคนที่รู้เรื่องราวของผมทั้งหมด เพราะผมมักจะกล้าพูดหมดเปลือกเมื่ออยู่กับฮยอง

                    ผมแค่บอกว่าจะออกไปดื่มฮยองก็ไม่ได้พูดอะไรแถมยังโยนกุญแจรถมาให้อีก ผมก้มผมขอบคุณก่อนจะออกจากบ้านมา ผมใช้เวลาไปเกือบครึ่งชั่วโมงก็มาถึงร้านที่มาดื่มประจำกับเพื่อน ปกติเราจะมากัยสี่ ห้า คนแต่วันนี้ผมชวนเพื่อนมาแค่คนเดียว เป็นคนที่ผมสนิทที่สุดในกลุ่มและมันก็รู้เรื่องของผมดี

                    “ ไง เพื่อน “ เสียงทักขึ้นที่ด้านหลังพร้อมกับความรู้สึกแปลบๆที่บ่าจากแรงตีของคนมาเยือนทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมอง

                    “ ไม่ค่อยดีหว่ะ แกอ่ะ ดุง “ ดุงคือชื่อที่ผมเรียกเพื่อนคนนี้ จริงแล้วชื่อเต็มคือ ชอนดุงแต่ชื่อจริงที่เป็นเหมือนตลกร้ายก็คือ ซางฮยอน อะไรจะชื่อคล้ายผมได้ขนาดนี้ เป็นน้องชายแท้ๆของดาร่านูนา ผมเพิ่งรู้ว่ามันเป็นน้องชายก็ตอนที่ออกมาดื่มกับมันครั้งก่อนและผมเล่าถึงดาร่านูนา ตอนนั้นผมแทบจะยกขวดฝาดหัวมันแรงๆ

                    “ ฉันก็เรื่อยๆหว่ะ แล้ววันนี้ยัยอึนจิอ่ะ “ ดุงกำลังหมายถึงเพื่อนเราอีกคนที่ความจริงชื่อ จีอึน แต่มันดันเรียกว่าอึนจิที่แปลว่าอึนั่นแหละ สองคนสนิทกันมาก

                    “ ไม่อ่ะ ฉันแค่อยากปรึกษาแก “ ผมยกแก้วขึ้นดื่มอึกใหญ่หลังจากพูดออกไป ตั้งแต่ผมมาถึงก็ดื่มไปพอสมควรแล้วเพื่อให้มีความกล้าในการเล่าครั้งนี้

                    “ ฮ่ะๆ เรื่องเดิมอีกหล่ะ สิ ฉันบอกแกแล้วให้บอกไปเลย.. “ มันยังไม่รู้สถานการณ์ล่าสุดหน่ะสิถึงได้พูดแบบนี้

                    “ ก็เพราะบอกไปแล้วหน่ะสิ ฉันถึงต้องมานั่งอยู่นี่กับแก “ หลังจากผมพูดออกไปดูเหมือนชอนดุงจะตกใจอยู่ชั่วครู่ก่อนจะขยับเก้าอี้เข้ามานั่งใกล้ผมทันที ความอยากรู้อยากเห็นพุ่งพรวดอีกแล้วสินะ

                    “ เฮ้ย ไหนเล่ามาให้หมดดิ เรื่องมันเป็นยังไง “ แล้วทำไมมันต้องทำท่าทางอยากรู้มากขนาดนี้เนี้ย ดูสายตามันดิ

                    “ เออ เล่าแน่.... “ หลังจากนั้นผมก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังแบบคร่าวๆ ตลอดเวลาดุงแทบจะเขมือบผมตลอดเวลา เจ้านี่เป็นพวกอินกับการเล่าเรื่องมาก

                    “ สรุปว่าตอนนี้แกลังเลไม่รู้จะเลือกใคร ? “ ดุงสรุปเอาเองหลังจากฟังจบ นั่นทำให้ผมคิดตามว่าผมเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า แต่ว่ามันไม่ใช่แบบนั้น

                    “ ฉันไม่ได้ลังเล แต่ว่าเลือกไม่ได้หว่ะ “ ผมยกแก้วขึ้นดื่มหลังจากยกภูเขาออกจากอก ดุงไม่ดื่มเพราะว่าแพ้แอลกอฮอล์ แต่ก็ชอบออกมาสังสรรค์แบบนี้กับพวกผมประจำและเป็นคนที่ต้องคอยเก็บซากพวกเราที่เมาด้วย

                    “ อ่าฮะ ถ้างั้นแกรักใครหล่ะ “ เมื่อโดนเสยด้วยคำถามแบบนี้ ทำให้ผมรู้สึกตัวจริงๆ จะเรียกว่าไงดีหล่ะ

                    “ บอกไม่ถูกหว่ะ มันคนละแบบ สำหรับฮารา เราผูกพันธ์กันมานานมาก ฉันทนเห็นเขาร้องไห้ไม่ได้ แต่สำหรับมินจิฉันว่าเขาเหมือน....แสงที่ส่องเข้ามาในซอกมุมที่มืดมิดของฉัน ทำให้ฉันสบายใจ รู้สึกดี มัน....ยาก “ ดุงตบบ่าผมเบาๆเพื่อให้กำลังใจ มันมักจะเป็นที่ปรึกษาที่ดีของผม ไม่ใช่ว่าพวกฮยองในวงจะไม่ดีหรอกนะ แต่พวกฮยองหน่ะโตเกินกว่าจะคุยด้วยได้ พวกฮยองมีการจัดการกับเรื่องแบบนี้ได้ง่าย คงเพราะโตแล้วเลยเข้าใจอะไรมากกว่า ผมที่ยังไม่เข้าใจอะไรก็ต้องพึ่งแต่คนไวเดียวกัน

                    “ ฉันว่าแกคงต้องใช้เวลาสักพัก แต่ก็อย่านานนักเพราะคงไม่มีใครที่จะสามารถรอแบบไม่มีความหวังแบบนี้ได้ “ นั่นสินะ ถ้าเป็นผมเองผมจะรอหรอ แต่ไม่แน่ผมอาจจะรอมาตลอดก็ได้

                    “ แล้วที่ฉันไม่ปล่อยฮาราไปหล่ะ นั่นเรียกว่าฉันรอมาตลอดรึเปล่าวะ “ ดุงมองหน้าผมอย่างตกใจ

                    “ เออหว่ะ คงจะใช่ “ มันใช้ความคิดอยู่ในความเงียบ ผมเองก็เช่นกัน แต่ผมก็จิบเครื่องดื่มในมือไปด้วย

                    “ ไม่รู้หว่ะ อย่างนี้ต้องถามพวกผู้หญิง จะว่าไป ตามยัยอึนจิมามั้ย “ ชอนดุงเสนอความคิด ซึ่งผมว่าก็เป็นความคิดที่ดีเลยพยักหน้าตอบรับไป

                    ชอนดุงหยิบโทรศัพท์ตัวเองออกมากดต่อสายหา จีอึน อยู่สักพักก่อนจะวางลงแล้วมองหน้าผมแปลกๆ

                    “ มีอะไร ยัยนั่นไม่ยอมมารึไง “ ผมถามกลับไปอย่างสงสัย ก็ในเมื่อมันยังไม่ได้พูดอะไรตอบกลับไปสักคำทำไมต้องทำหน้าอย่างนั้น

                    “ คือว่า......โทรศัพท์ฉันไม่มีเงินหว่ะเพื่อน “ แล้วคำตอบของมันก็แทบทำผมหงายหลังตึง ให้ตายดิ ผมยื่นโทรศัพท์ตัวเองให้ชอนดุงหลังจากส่ายหน้าอย่างระอา

                    ชอนดุงรับโทรศัพท์ไปกดโทรออกหาจีอึนทันที หลังจากรอไม่นาน..

                    “ ย๊า ยัยอึนจิ “ นี่เป็นเสียงทักทายของคนที่โทรหาคนอื่นในยามวิกาลหรอเนี้ย

                    “ ฮะ ว่าไงนะ เอ้า แล้วฉันเกี่ยวอะไรด้วยเล่ายัยบ้า “ ดูเหมือนปลายสายจะอารมณ์ไม่ดี คงกำลังกัดกันตามเคยสินะ

                    “ เฮ้ย อย่ามาพาลดิ ฉันไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลย เพื่อนเธอเสียใจแล้วเธอเกี่ยวอะไรกันเล่า เฮ้ย นี่เธอร้องไห้หรอ? “ ผมไม่สามารถจับใจความที่พวกเขาคุยกันได้เลย แต่ดูเหมือนตอนนี้อึนจิ เอ้ย จีอึนจะร้องไห้ผมเลยคว้าโทรศัพท์จากหูดุงมาคุยแทน

                    “ จีอึน นี่เธอเป็นอะไรไป “ เสียงปลายสายที่กำลังสะอื้นหยุดทันทีเมื่อได้ยินเสียงผม

                    อี ซึงฮยอน นายมันแย่ที่สุด ทำตัวแบบนี้ได้ยังไง รู้มั้ยว่าเพื่อนฉันต้องร้องไห้ เสียงปลายสายฟังดูโกรธเกรี้ยวอย่างมาก เวลายัยนี่โมโหมากๆจะเรียกชื่อเต็มของผม

                    “ ฉันทำอะไร “ ผมถามกลับไปเมื่อไม่รู้ว่าอยู่ดีๆทำไมถึงได้โดนตำหนิ

                    ฮึ้ย ก็นายทำตัวโลเลไม่เลือกใครแบบนี้ มินจิของฉันก็เสียใจหน่ะสิ ฮะ มินจิ นี่ยัยนี่ไปเป็นเพื่อนกับมินจิตอนไหน เอ๊ะหรือว่าเธอจะเคยบอกแล้วแต่ผมไม่ได้จำ ให้ตายซิแล้วจะขอคำปรึกษายังไงหล่ะเนี้ย

                    “ ฉันขอโทษ จีอึน แต่ตอนนี้ฉันสับสนจริงๆและก็อยากปรึกษาเธอ “ ปลายเสียงเงียบไป คงจะกำลังใช้ความคิด

                    พวกนายอยู่ที่ไหนกันหล่ะ ดูเหมือนเธอเองก็เห็นใจผมเหมือนกันเลยเลิกต่อว่าผม

                    “ ร้านเดิม “ ผมตอบไปสั้นๆ ที่เธอสามารถเข้าใจได้ทันทีว่าผมอยู่ที่ไหน

     

                    ไม่นานนักเธอก็มาถึง

                    “ ย๊า นายกำลังจะกินอะไรหน่ะซางดุง “ อึนจิมาถึงก็ตะโกนห้ามชอนดุงทันที ยัยนี่เอาชื่อเก่ากับชื่อใหม่มาผสมกันเรียกชอนดุงว่าซางดุง

                    “ ก็พาจอนหน่ะสิ “ ชอนดุงตอบกลับไปหน้าตาย และนั่นทำให้จีอึนวิ่งเข้ามาจับแผ่นพาจอนในมือชอนดุงวางกลับบนจานทันที

                    “ นายอยากตายมากรึไง ถึงได้ไม่ลืมตาดูว่ามันมีทั้งกุ้งและหมึกในนี้ฮะ “ เออ ใช่ผมลืมไปเลยว่าชอนดุงแพ้อาหารทะเล อันที่จริงผมก็แค่อยากกินเลยสั่งมา และก็แค่ชวนมันกินด้วยกันไม่ได้มีเจตนาอื่น

                    “ เอ้า อย่างนั้นหรอ มีจริงๆด้วยสิ ฮ่ะๆๆ “ มันยังมีหน้ามาขำ ถ้ายัยนี่มาช้าไปก้าวเดียวแกก็อาจจะแพ้อาหารทะเลตายอยู่ตรงนี้นะเฟ้ย

                    “ ให้ตายสิ จะตายอยู่แล้วยังจะทำหน้าระรื่นอีก “ จีอึนยังคงบ่นต่อไปพร้อมกับนั่งลงตรงข้ามกับพวกเรา

                    “ เอาน่า ยังไงฉันก็ไม่ตายแล้วนี่ ถ้ามีแกอยู่ฉันก็คงไม่ได้กินของพวกนี้แล้วก็คงไม่ตายง่ายๆหรอก ฮ่ะๆๆ “ ยังคงยิ้มหน้าบานต่อไป

                    “ แล้วถ้าวันนึงแกไม่มีฉันหล่ะ “ จีอึนทำน้ำเสียงจริงจังขึ้นมา ชอนดุงชะงักเล็กน้อยแต่ก็กลับมาหัวเราะกลบเกลื่อนบรรยากาศอึมครึมชั่วครู่

                    “ เธอจะไปไหนได้ ฉันจะเป็นแมลงวันตอมยัยอึนจิตลอดไป “ เออช่างเปรียบเทียบกันดีจริง สองคนนี้

                    “ เมื่อไหร่จะเลิกเรียกชื่อฉันเสียๆหายสักที “ เมื่อเห็นว่าสองคนนี้ทำท่าจะตั้งหัวข้อทะเลาะกันเรื่องใหม่ผมเลยรีบขัดขึ้นเสียก่อน

                    “ มาให้คำปรึกษาฉันรึมาทะเลาะกันเนี้ย “ ทั้งคู่หันมามองหน้าผม ก่อนจะถอนหายใจยาว

                    “ ไหนว่ามาสิ “ และก็ตามเคย ผมเล่าเรื่องราวแบบย่อๆให้เธอฟัง

                    “ จะบอกว่าวันที่แกไปหาฮาราที่สวนสาธารณะหน่ะ ฉันอยู่ที่นั่นกับมินจิด้วย “ แล้วคำพูดของเธอก็ทำเอาผมมึนไปเลย เธอไปอยู่ที่นั่นได้ไง แล้วไหนจะมินจิอีก

                    “ ว่าไงนะ แล้วเธอไปอยู่ที่นั่นได้ไง “ ผมถามสิ่งที่สงสัยที่สุดออกไป

                    “ ก็ฉันไปเที่ยวเล่นกับมินจิแล้วพอดีเรานั่งอยู่ที่คาเฟ่ที่สวนสาธารณะนั้น แล้วมินจิก็มองออกไปนอกหน้าต่างแล้วเห็นนายกับฮาราเข้า ตอนนั้นแค่เห็นแว่บแรกฉันก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นฮาราแต่ฉันไม่ได้บอกมินจิว่าเป็นใคร และเธอเองก็เอาแต่ร้องไห้ฉันเลยได้แต่ไปส่งที่หอ “ มิน่าหล่ะที่งานวันเกิดเธอถึงสีหน้าไม่ค่อยดี เอ๊ะ ถ้าเธอร้องไห้ที่เห็นผมทำแบบนั้น มันแปลว่า..

                    “ ถ้างั้น.....มินจิก็ชอบฉันเหมือนกันหรอ “ ผมถามออกไปทั้งๆที่พอจะเดาคำตอบได้อยู่แล้ว แต่ก็อยากได้ยินให้แน่ใจ

                    “ อืม ก็คงงั้น แต่มินจิยังเด็กมาก ยัยนั่นไร้เดียงสาจนแยกแยะไม่ออกหรอกว่าชอบนายแบบไหน “ คำตอบของจีอึนทำให้ผมโล่งใจ แต่ก็ต้องกลับมาหนักใจเมื่อคิดได้ว่าตัวผมเองก็แยกแยะมันไม่ได้เช่นกัน

                    “ ถ้างั้นพวกนายก็เหมือนกันเลยสินะ นี่ไงหล่ะที่ฉันบอกพวกนายต้องการเวลา แล้วเธอเองก็ไม่ต้องรอด้วยเพราะเธอก็ต้องการเวลาในการแยกแยะเหมือนนาย ฉันว่าตอนนี้พวกนายก็แค่เหมือนเดิมแล้วดูว่ามันจะเป็นยังไงต่อ “ ชอนดุงพูดออกมาอย่างมีเหตุผล

                    “ อืม “ ผมก็คิดเหมือนกันว่าเราต้องการเวลากันทั้งคู่หลังจากฟังที่จีอึนพูด เพียงแต่ผมกำลังคิดว่าฮาราจะต้องการเวลาเหมือนกันรึเปล่าเท่านั้นเอง

     

                    ถ้าหากเธอไม่ต้องการเวลาหล่ะ แล้วผมจะทำยังไง?.....









    Author Say hi!
    ดูดุ๊ง...มาอัพแล้วตามที่สัญญาค่ะ
    เปิดเทอมแล้วค่ะ ที่อัพช้าเพราะตอนเปิดเทอมวุ่นวายหลายอย่างเลยไม่มีเวลาได้จับคอมเลย
    ตอนนี้ว่างก็เลยมาอัพให้นะค่ะรีดเดอร์คนดี
    รักรีดเดอร์คนเดิม ใครอ่านแล้วไม่เม้นไม่รักนะเธอ
    เม้นน้อยไม่อัพแล้วด้วย คึคึ ไปดีกว่า..ปยอง!
    Author by.Kwon JIsun
    Chapter 9 update [THU].November 17, 2011(16:35PM)


     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×