คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #21 : :: 16 You're mine (100%)
{ 16 }
You’re mine
อารมณ์เสีย
คิมฮีชอลกำลังเซ็งและอารมณ์เสียสุดกู่
“กินนี่มั้ยครับ พี่ว่าอร่อยดีนะ”เสียงช้อนตักกับข้าวให้ผู้หญิงหนึ่งเดียวในโต๊ะ ยุนอายิ้มรับ ใบหน้าสวยละเลงไปด้วยรอยยิ้มที่แสดงถึงความยินดีในใจ มีบางทีที่มองไปที่เพื่อนร่วมโต๊ะอีกคนที่ทำหน้าบูดสุดชีวิตบ้างแต่ยุนอาก็เลือกที่จะไม่ใส่ใจ ซีวอนเหลือบตาไปที่แมวตัวแสบที่นั่งเขี่ยข้าวในจานเล่น ความรู้สึกขุ่นเคืองยังคงกระแทกกระทั้นไปตามความคิดและสมองจนหันมาเอาใจผู้หญิงตรงหน้าต่อ
“ขอบคุณค่ะพี่ซีวอน”
“ไม่เป็นไรครับ”รอยยิ้มที่ดูยังไงก็จงใจยั่วให้อีกฝ่ายหึงถูกส่งไปให้ยุนอา ฮีชอลกระแทกส้อมลงไปบนจาน ท่องในใจซ้ำ ๆ ว่าต้องไม่แสดงอารมณ์ออกหน้าออกตา ก่นด่าตัวเองในใจอีกต่างหากว่าจะตามมาทำไม ... ตามขึ้นมาแบบนี้เขาดูเหมือน...คนกำลังหึง
เขากำลังหึง?
ไม่รู้สิ เขาคงไม่พอใจ แต่มันก็น่าคิดอยู่ คิมฮีชอลไม่อยากตัดสินใจอะไรลงไปแน่นอน ..
“พี่ฮีชอลไม่หิวเหรอคะ”ยุนอายังคงมีมารยาทพอที่จะถามไถ่สารทุกข์สุกดิบของคนที่ทำราวกับบ้านโดนไฟไหม้ ฮีชอลส่ายหน้าแล้วปั้นยิ้มกลวง ๆ ส่งให้ นัยน์ตาสวยเบือนสบเข้ากับสุภาพบุรษแล้วเมินกันไปคนละทางด้วยความงอน ยุนอามองแล้วไม่เก็บมาคิดให้คาใจ
ซีวอนบอกว่าฮีชอลมาเป็นเพื่อน เจอกันกลางทางแล้วรถเจ้าตัวน้ำมันหมดเลยรอไปส่ง ไม่อยากทิ้งเลยพามาด้วยกัน แต่ยุนอาก็แอบงง ..เพื่อนแบบไหนวะมานั่งโกรธกันอยู่แบบนี้
ยุนอากับซีวอนก็นั่งคุยกันไปเรื่อย ๆ มีบางครั้งที่หญิงสาวคนเดียวในโต๊ะพยายามชวนแขกรับเชิญคุย แต่ฮีชอลก็ถามคำตอบคำ หน้าไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัดจนยุนอาเริ่มจะไม่ชอบท่าทางของผู้ชายที่เธอยอมรับว่าสวยคนนี้ขึ้นมาตงิด ๆ แล้ว ... สิ่งที่เธอสังเกตก็ไม่ใช่เรื่องดีเลยซักนิด
ผู้หญิงเป็นเพศที่มีความรู้สึกละเอียดอ่อน และเซนส์แรง
ยุนอาได้แต่ภาวนาว่าสิ่งที่เธอสังเกตจะไม่ใช่ความจริง
สายตาของซีวอนกับฮีชอล ... มีบางอย่างที่แปลกกว่าปกติ ถึงแม้สังคมที่นี่ ผู้ชายกับผู้ชายจะมีท่าทีห่วงใย งอน หรืออะไรก็ตามที่หวาน ๆ จะเป็นเรื่องปกติ ... แต่ระหว่างสองคนนี้กลับน่าคิดว่าจะมากกว่านั้น
ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ๆ ฐานะคนรู้จักผิวเผินของยุนอากับฮีชอลคงได้กลายเป็นคำว่าศัตรู
ชเวซีวอนเป็นคนที่เหมาะสม หล่อ หน้าที่การงานอยู่ในเกณฑ์ดี สุภาพบุรุษ นิสัยดี เหมาะที่เธอจะนำมาควงได้ ถ้าหากเธอปล่อยให้หลุดมือ ..
นั่นก็โง่สิ้นดี
“อิ่มรึยังครับ?”ซีวอนถามอย่างเอาใจเมื่อเห็นคนสวยตรงหน้ารวบช้อน ยุนอาพยักหน้าให้”งั้นเช็คบิลแล้วก็ออกไป ...น้องยุนอาอยากได้อะไรมั้ย?”
“ก็ว่าจะเดินดูเสื้อผ้าอีกนิดหน่อยน่ะค่ะ”รอยยิ้มหวานที่มาพร้อมกับคำพูดที่ทำให้ซีวอนอยากจะเอาหน้าจิ้มจานเปล่าตาย ประสบการณ์เดินช่วยแบกของกับยุนอาทำให้เขาโคตรเข็ด ฮีชอลเบือนหน้ามามองแล้วกระตุกยิ้ม
“ถ้าไม่ว่าอะไรพี่ขอเดินดูด้วยนะ พี่เองก็อยากได้เหมือนกัน”เสียงนิ่งเย็นของฮีชอลถูกส่งมา ยุนอาคิ้วกระตุกแต่ก็พยักหน้ารับ
“ก็ดีค่ะ เดินกันเยอะ ๆ สนุกดี”หญิงสาวยิ้มแย้ม และเมื่อซีวอนชำระเงินเสร็จ ..หนึ่งคู่กับอีกหนึ่งคนก็เดินออกมาจากร้านอาหารสุดไฮโซ ฮีชอลจงใจเดินนำหน้าซีวอน ใบหน้าสวยเชิดขนานกับพื้นโลกโดยไม่มีการลู่ลงแม้แต่น้อย ซีวอนมองแล้วหันไปคุยกับยุนอาต่อ กำแพงที่กั้นคนทั้งสองขยายตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ สาเหตุที่ซีวอนโกรธฮีชอลมันก็เพราะคนสวยไปจูบคยูฮยอน และสาเหตุที่ฮีชอลโกรธซีวอนก็เพราะซีวอนประชดงี่เง่า
แต่ก็ไม่ได้ดูเองกันเล๊ย ...ว่ากำลังทำอะไรเด็ก ๆ กันไปได้
ชั่วโมงการเดินชอปปิ้งมาราธอนผ่านไปโดยที่ซีวอนเข้าสภาพเดิม แล้วมีถุงของฮีชอลมาเพิ่มอีก คนสวยจัดการซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้ตัวเองหน้าตาเฉยโดยที่ไม่แคร์ว่าใครเป็นคนจ่าย ตอนนี้ถ้าซีวอนใช้ปากคาบถุงได้ก็คงทำไปแล้ว ยุนอาเห็นซีวอนยอมให้ผู้ชายด้วยกันขนาดนั้นก็นึกหวั่นใจขึ้นมาตงิด ๆ แต่ก็เก็บอาการไว้ด้วยการพูดคุยร่าเริงตามเดิม ฮีชอลเองก็ไมได้สนใจอะไร เพียงแต่เดินเชิดต่อไป ...
ในใจก็แอบหวั่นไหว
จะไม่ง้อจริง ๆ เหรอซีวอน ?
สุดท้ายซีวอนก็ไปส่งยุนอาเสร็จเรียบร้อย รถคันเดิมเคลื่อนตัวออกจากหน้าบ้านของยุนอาพร้อมกับความเงียบสงัดที่อึดอัดมากถึงมากที่สุด ฮีชอลมองถนนที่ทอดยาวอยู่เบื้องหน้าด้วยสายตาเรียบเฉย เสียงเครื่องปรับอากาศทำงานเป็นเพียงเสียงเดียวระหว่างพวกเขาสองคน ไม่มีใครคิดจะเปิดบทสนทนาขึ้นก่อน ซีวอนเหลือบสายตามองเสี้ยวหน้าสวยแล้วกระตุกยิ้ม ยิ่งเห็นริมฝีปากที่เม้มสนิทแน่นนั่นก็ยิ่งอารมณ์เสีย
“เป็นอะไรนักหนา?”
คำแรกที่ออกมาคือคำพูดแนวหาเรื่องของฮีชอล เสียงนั้นฟังดูไม่พอใจเป็นอย่างมาก ร่างบางกอดอกแน่นจนน่าจะใช้เวลาหลายปีจนกว่าจะแกะออกหมด คิ้วเรียวขมวดมุ่น ซีวอนทำเสียงขึ้นจมูกด้วยความไม่พอใจเช่นกัน
“แล้วคุณล่ะเป็นอะไร?”
สรรพนามเปลี่ยนไป ฮีชอลยิ้มน้อย ๆ ยิ้มที่ไม่ได้มีความรื่นเริงอยู่ในนั้นเลย ถนนว่างเปล่าที่ทอดอยู่ข้างหน้าก็เหมือนสิ่งที่อยู่ในหัวเขาตอนนี้ คิดอะไรไม่ออก รู้แต่ในใจ..อึดอัด
“นายฟังฉันซักคำมั้ยซีวอน ฟังก่อนรึยังก่อนที่จะทำอะไรโง่ ๆ ลงไป”ความในใจเริ่มพรั่งพรูออกมาดั่งสายน้ำไหล ปล่อยให้คำพูดเป็นนายตัวเอง ฮีชอลไม่เหลือกำลังที่จะยั้งทุกอย่างไว้แล้ว เขาปล่อยให้ทุกอย่างหลุดออกมา ... ความรู้สึกที่เกิดขึ้นถึงแม้จะผ่านพ้นไม่ถึงครึ่งวัน แต่ก็สร้างความเสียหายมากกว่าที่เขาคิด ซีวอนคิ้วกระตุกเมือ่ได้ยินคำด่าของฮีชอล”นายบอกว่าเข้าใจ แต่นายไม่ได้เข้าใจอะไรเลย”
“แล้วจะให้เข้าใจอะไรกันล่ะ ก็ภาพมันเต็มสองตาแบบนั้น”ซีวอนสวนกลับไปด้วยความขุ่นเคือง เผลอเหยียบคันเร่งโดยไม่รู้ตัวจนความเร็วรถพุ่งขึ้นไปสูง ฮีชอลคว้าสิ่งเกาะยึดที่พอหาได้ไว้แล้วเบือนหน้าไปมอง
“ซีวอน! ขับแบบนี้อยากตายเหรอ!!”เสียงหวานตวัดกระชากใส่”ได้ ฉันไม่แก้ตัว ไม่มีอะไรจะให้พูด แก้ไปนายก็ไม่เชื่ออยู่ดี”
ใช่ ... พูดไปก็ไม่เชื่อใจกัน แล้วจะพูดไปเพื่ออะไร ซีวอนก็จะมองเขาแย่หนักกว่าเดิมอีกต่างหาก
“เพราะคุณแก้ตัวไม่ได้ต่างหาก!”ซีวอนตอบเสียงนิ่ง แต่ก็เก็บความโกรธไว้ไม่ได้มิด ฮีชอลกำมือ ตอนนี้บรรยากาศกำลังทำให้เขาอึดอัด อึดอัดกับความไม่เข้าใจกันที่เกิดจากเรื่องเล็ก ๆ เรื่องเดียว”ฮีชอล คุณจะทำอะไรก็ได้ แต่ผมไม่อยากเห็นคุณเอาผู้ชายคนอื่นมาพลอดรักในบ้านผม”
“ซีวอน!!!”พอเจอคำนี้ไปฮีชอลก็ตาลุกวาบด้วยความโกรธ”นาย ... นายพูดอะไรออกมาน่ะ !? แล้วทำไมล่ะ ถ้าฉันทำมันผิดตรงไหนล่ะ ?? เราเป็นอะไรกัน?!!?”
คำถามที่ส่อแววสร้างเค้าอันตรายมากที่สุดให้ผลดังคาด ซีวอนเบรกรถดังเอี๊ยด พอดีกับที่มาหยุดหน้าบ้าน บนชั้นสองเปิดไฟ แสดงว่ายุนโฮกับแจจุงอยู่ชั้นบนแล้ว ฮีชอลกุมหน้าผากที่เผลอไปกระแทกคอนโซลหน้ารถด้วยความเจ็บปวด สีหน้าของคนขับดูว่างเปล่า ในหัวเต็มไปด้วยประโยคสั้น ๆ ของฮีชอลที่ทำให้เต็มไปด้วยความคลางแคลงใจ
เป็นอะไรกัน ...
นั่นสิ เขาเป็นอะไรกับฮีชอล
ทำไมเขาต้องอารมณ์เสีย โกรธเคือง หึงหวงอีกฝ่ายได้มากขนาดนี้
ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ครึ่งหนึ่งของพื้นที่ความคิดของเขากลายเป็นคน ๆ นี้ไปหมดนะ
“นั่นสิ เราเป็นอะไรกัน”เสียงนั้นเย็นชา ห่างเหินจนคนฟังเองก็ยังใจหาย ฮีชอลเม้มปาก คำจำกัดความระหว่างเขาสองคนมันคลุมเครือเสียจนตีความออกมาให้ชัดเจนไม่ได้ ความสัมพันธ์ที่เขาทั้งระแวงและรู้สึกดีกับมัน นั่นสิ ..เขาสองคนเป็นอะไรกัน
ทำไมต้องมานั่งรู้สึกแย่เพียงเพราะซีวอนไม่เข้าใจ ความรู้สึกทั้งหมดที่เขาได้รับมันบ่งชี้ว่าเขาอาจจะ ..ชอบซีวอน
“คนรู้จักล่ะมั้ง?”เสียงของเขาดูสะท้อนมาจากที่ไกล ๆ ดูเย็นชา ...และห่างเหิน รอยแตกร้าวที่เกิดขึ้นจากจุดบาดนิดเดียวกำลังทำให้ฮีชอลรู้สึกแปลกประหลาด เหมือนกับเนื้อตัวชา ...และรู้สึกว่า... เหมือนน้ำตากำลังจะไหล
หยาดน้ำตาร้อน ๆ หนึ่งหยดไหลผ่านแก้มเนียนไปช้า ๆ ฮีชอลปาดน้ำตาออกแล้วจ้องด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อว่าเขาจะร้องไห้ออกมาจริง ๆ ซีวอนเองก็ไม่สนใจเพราะกำลังมองไปข้างหน้า หายใจเข้าออกยาว ๆ เพื่อสงบสติอารมณ์ เงียบกันไปซักพัก ไม่มีใครคิดจะพูดอะไรออกมาก่อน
นั่นสิ ... เขาเป็นอะไร เขาคิดอะไร
บางเวลาก็อ่อนไหว บางเวลาก็รู้สึกเฉยชา เขาไม่สามารถเดาความรู้สึกของตัวเองได้จริง ๆ ว่าคิดยังไงกับซีวอน น้ำตาเจ้ากรรมยังคงไหลออกมาไม่หยุดหย่อนโดยที่ฮีชอลเองไม่ได้สะอื้นเลยแม้แต่น้อย เหมือนกับในใจส่วนที่ฮีชอลไม่สามารถเข้าถึงกำลังร่ำร้องว่าเสียใจ
ร่างเล็กปาดน้ำตาที่เป็นเครื่องหมายที่แสดงความอ่อนแอทิ้งไปอย่างไม่ยอมรับตัวเอง ใบหน้าสวยหันไปทางซ้าย ...ตั้งใจว่าเพียงจะหันไปมองหน้าคนเอาแต่ใจ ขี้ประชดอีกแวบแล้วก็เคลียร์ให้มันจบ ๆ กับ แต่ก็เหมือนเรื่องบังเอิญที่ซีวอนเองก็หันมาพอดี นัยน์ตาทั้งสองคู่ประสานกัน ... ลมหายใจแทบจะขาดห้วง สิ่งที่มองเห็นในตาอีกฝ่ายราวกับหลุมดำที่ดึงดูดให้อีกฝ่ายตกลงไปโดยที่ไม่มีทางตะกายคว้าขึ้นมาได้ เสียงตุบ ๆ ในหูก้องกังวาน
นัยน์ตาคู่นั้นกำลังจะสะกดให้เขาลืมหายใจ วินาทีหนึ่ง นาทีหนึ่ง เวลาทั้งมวลถูกหยุดลง สรรพเสียงทุกอย่างเงียบงัน และโดยไม่รู้ตัว ระยะระหว่างชเวซีวอนและคิมฮีชอลก็ลดลง ... ลดลงจนไม่เหลือที่ว่าง ผิวสัมผัสที่นาบกันร้อนผ่าวดังไฟลน ริมฝีปากอุ่นระอุแตะกันอย่างเชื่องช้า ..มือใหญ่เลื่อนไปโอบเอวอีกฝ่ายที่โน้มตัวเข้ามา แนบให้กระชับเข้ามามากขึ้น เหตุผลทุกอย่างเลือนหายไปจากจิตใจ ทั้งที่มาและการกระทำที่ถูกที่ควร ร่างเล็กหลับตาลงช้า ๆ เป็นการบ่งบอกว่ายินยอมแล้วโดยสิ้นเชิง
จุมพิตที่ดึงดูดความเย็นยะเยือกระหว่างสองบุคคลออกไปกลบทับความสับสนที่ทอดตัวลงได้อย่างน่าอึดอัด สุดท้ายเมื่อระยะเวลานานเกินกว่าที่อากาศหายใจจะเอื้ออำนวย ทั้งสองคนค่อย ๆ ละจูบออกมาอย่างอ้อยอิ่ง หยาดน้ำใสติดเป็นสายยาวเชื่อมระหว่างสองบุคคล ร่างบางหลุบตาลง รู้สึกสับสน
“ซีวอน...”เสียงหวานที่เบาบางยิ่งกว่าสายลมที่พัดพลิ้วรอบกาย”..เอ่อ...ฉัน...”
“บอกผมมา”ยิ่งพูดเรื่องเดิม ๆ ก็ยิ่งกรุ่นอารมณ์โกรธ แต่ซีวอนเลือกที่จะดับมันไว้ก่อน”ทำไมถึงจูบคยูฮยอน”
“มันอาจจะฟังดูบ้า ๆ นะ”ฮีชอลบอกอย่างกังวลใจ ตาจับไปที่ไหล่ขวาของร่างสูง ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาไปมอง แต่นิ้วที่ตามมาเชยคางเขาให้เงยหน้าขึ้นไปนี่สิทำให้ใจเต้นแรง”คือ ...เอ่อ ..ฉันแค่ทำให้คยูฮยอนรู้ใจตัวเองเฉย ๆ น่ะ แล้วที่จูบไปไม่ได้คิดอะไรเลยนะ”
ยิ่งเห็นสายตาจ้องเขม็งมายิ่งเขินอาย ฮีชอลเบือนคางหนีแต่ซีวอนก็ไม่ปล่อยให้รอดไปได้ง่าย ๆ นัยน์ตาใสที่เหมือนลูกแมวขี้อ้อนทำให้คนที่อยากจะลงโทษอีกซักรอบใจอ่อนยวบ
“ใช้ลิ้นรึเปล่า?”
“ถามบ้าอะไรเนี่ย?!”ฮีชอลถึงกับเหวอ ถามอะไรมา ... รู้ไหมว่าเขิน
“ใช้หรือไม่ใช้?”คำถามยังตามมาต่อ คนถูกถามหน้าแดงระเรื่อ
“ใช้!!”
ตอบตามตรงมันซะเลย ก็ใช้แหล่ะ ไม่มากเท่าไหร่ แต่พอตอบออกไปแบบนี้ฟีดแบ็คที่กลับมาก็แรงใช่เล่น เรียวปากอิ่มสวยถูกจู่โจมลงมาอีกครั้งจนโต้เถียงอะไรไม่ได้อีก จูบที่ทั้งเร่าร้อนและรุกรานเสียจนตัวอ่อนยวบ ถ้าหากเขายังยืนอยู่บางทีอาจจะลงไปกองกับพื้นก็ได้ ซีวอนย้ำสัมผัสให้หนักขึ้น ตอกย้ำให้คนตรงหน้ารับรู้ลงไปถึงขั้วหัวใจ ร่างบางขยับตัวหยุกหยิก พยายามเอี้ยวตัวหนีมือที่ลุกลามเข้ามาจนรู้สึกว่ามันเริ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ผิวเนื้อนวลเนียนถูกมือใหญ่ลากผ่าน ร่างบางส่งเสียงในลำคอเป็นเชิงห้าม ..แต่ก็อ่อนใจเมื่อทำอะไรไม่ได้แม้จะลองทุบไปครั้งสองครั้งแล้วก็ตาม
“ทำโทษต้องทบต้นทบดอก”เสียงนุ่มกระซิบอยู่ริมหู หลังจากที่ซีวอนหยุดบทลงโทษของคนสวยแสนซน ฮีชอลก็นิ่งอยู่กับที่ ค้างไว้ในท่านั่งอยู่ตรงเบาะข้างคนขับ มือซีวอนดึงต้นแขนฮีชอลเบา ๆ นัยน์ตาคมส่อประกายเจ้าเล่ห์เต็มที่”มานี่เลย”
ซีวอนยื่นหน้ามาหา ฮีชอลมองตาม ในสมองถึงกับประมวลผลไม่ทันเพราะความรู้สึกยังตกค้างอยู่ในหัวจนส่งผลมาถึงตอนนี้ เล่นเอาเบลอไปอีกนาน ร่างบางเม้มปากแล้วเลื่อนใบหน้าเข้าไปจนใกล้กัน ว่าอะไรก็ตามน้ำไปซะหมด ..บางส่วนของจิตใจร้องปฏิเสธว่ามันไม่เหมาะ ...แต่สติที่หายไปแล้วก็ย่อมทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ทำตามความรู้สึก ณ วินาทีนั้นเท่านั้น
โหยหาสัมผัสของอีกฝ่าย ...
ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้รู้สึกดีแบบนี้ ....
“ฮีชอล”ยิ่งฟังน้ำเสียงของซีวอนยิ่งละลาย ใจสั่นไปหมด รวบรวมสติตัวเองให้เข้มแข็งไม่ได้เลย”ฟังนะ ....
“อะไร?”ร่างบางตอบกลับเพียงเพื่อให้ตัวเองมีโอกาสทำอะไรได้มากกว่าที่เป็นอยู่ ใบหน้าหวานแดงระเรื่อ ยิ่งสบตาตรง ๆ กับซีวอนยิ่งร้อนวูบวาบ มือเล็กกุมชายเสื้ออีกฝ่ายไว้ราวกับอยากจะหาหลักยึด ร่างสูงแตะริมฝีปากอีกฝ่ายแล้วกระซิบเสียงเบา
“คุณเป็นของผม
”คำพูดแสดงความเป็นเจ้าของนั่นยิ่งแล้วใหญ่ ถึงแม้จะไม่ใช่คำหวานซึ้งอะไรมากมาย แต่เมื่อฟังประกอบกับน้ำเสียงเจ้าเล่ห์นั่น ...ร่างบางก็รู้สึกว่ามันทำให้ใจเขาแกว่งไกวรุนแรงยิ่งขึ้นไปอีก
“ฉันไม่ใช่ผู้หญิงนะ”เสียงปฏิเสธที่มีแรงอันน้อยนิดไม่สามารถแก้อะไรได้ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าการกระทำของเขามันทำให้เขากลายเป็น’ผู้หญิงของซีวอน’ไปแล้ว ซีวอนยิ้มน้อย ๆ ก่อนที่จะจัดการจุมพิตหน้าผากเร็ว ๆ ทีหนึ่ง ความขุ่นเคืองระลอกที่สองหายตัวไปแทบจะหมดแล้วเมื่อได้สัมผัสกับยาชั้นดีที่ชื่อคิมฮีชอล
“ขอโทษที่ทำตัวงี่เง่า ขอโทษนะครับ...”คำขอโทษที่ยิ่งทำให้ฮีชอลแทบจะอ่อนยวบลงไปตรงนั้น
ใจเอ๋ยใจ ..ไม่เคยต่อต้านอะไรได้บ้างเลย กี่ทีแล้วนะที่ต้องพ่ายแพ้ให้คน ๆ นี้ ?
“อือ ...”ตอบแค่นั้น เพราะไม่รู้จะพูดอะไรออกมาดี ซีวอนยิ้มร่าแล้วกดจมูกลงกับแก้มนุ่มเบา ๆ”ปล่อยได้แล้ว ..จอดรถซะซีวอน”
“อยากให้ไปถึงที่ที่มันสะดวกกว่านี้ใช่มั้ยล่ะครับ...ที่รัก”
“จะบ้ารึไงซีวอน!?!”
เสียงโอดโอยของคนโดนทุบดังขึ้น ตามด้วยเสียงหัวเราะที่บอกถึงความสุขที่กำลังเกิดขึ้น ไม่น่าเชื่อว่าไม่กี่ชั่วโมงก่อนระยะห่างระหว่างฮีชอลและซีวอนจะห่างไกลจนแทบมองไม่เห็นกันและกัน กลับเป็นความใกล้ชิดที่มากกว่าเดิม บางทีเรื่องบางเรื่องก็เปลี่ยนให้ทุกอย่างมันพลิกไปได้จริง ๆ
ถึงแม้คำว่าความสัมพันธ์ระหว่างขัท้งสองคนยังไม่ออกมาสู่ที่แจ้ง แต่ฮีชอลก็ขอเลือทกี่จะไม่ถามว่ามันคืออะไร เขาอยากให้มันเป็นแบบนี้ ...คำว่าคนรักมันปิดกั้นอิสรภาพ เขาไม่รู้ .. แต่ฮีชอลยังคงคิดว่าสิ่งที่ตัวเองรู้สึกคือคำว่า’ชอบ’เท่านั้น
ส่วนตัวของซีวอนเองก็ยังแยกไม่ออกด้วยซ้ำว่าสิ่งที่ตัวเองคิดคืออะไร
แต่ที่แน่ ๆ ...
เขากำลังตกหลุมของฮีชอลอย่างถอนตัวไม่ขึ้น ....
คยูฮยอนและชางมินกลับถึงบ้านในที่สุดหลังจากแวะไปหาเรื่องสนุก ๆ ทำกันมาก่อน เรื่องสนุกที่ว่าก็การปั่นหัวซีวอนเล่นนั่นแหล่ะ ทั้งสองแทบไม่ได้พูดอะไรกันเลย คยูฮยอนเป็นฝ่ายที่จมอยู่ในความคิดของเอง ส่วนชางมินก็กำลังเพลิดเพลินกับบิบิมบับที่ซื้อมาหนึ่งถุงใหญ่
ในบ้านยังเหมือนเดิม มนตราที่เขาลงไว้ว่าถ้าหากคนนอกที่เขาไม่ต้องการให้รับรู้เรื่องเข้ามา บ้านหลังนี้จะกลายเป็นบ้านคนปกติทั่วไป แต่ถ้ามีแค่เขา ชางมิน ซองมิน มันจะกลายเป็นอะไรก็ได้ที่เขาอยากให้เป็น วันนี้ทางเดินในบ้านเป็นบรรยากาศของคฤหาสน์ร้าง ประตู ผนังสีหลุดล่อน พังเลอะเทอะ หยากไย่เกาะเต็มห้อง สงสัยเพราะอารมณ์เขาขุ่นมัวมากไปหน่อย
“นี่...สงสัยนายคงจะกู่ไม่กลับแล้วล่ะคยูฮยอน”ชางมินตบไหล่เขาปุ ๆ พลางเหลือบมาโซฟาที่ฟองน้ำข้างในทะลุออกมาเกลื่อน”อ้าว ซองมิน?”
หัวใจของร่างสูงร่วงลงไปที่ตาตุ่ม ไม่ได้คุยกันมาชาติเศษ อันที่จริงเขาก็รู้ว่ามันเป็นแค่ไม่กี่วันนั่นแหล่ะ แต่เขากลับรู้สึกราวกับมันผ่านไปนานกว่านั้น ซองมินยืนอยู๋ในชุดผ้ากันเปื้อนสีชมพูตัวเดิง ในมือเปรอะเปื้อนคราบสีแดงคล้ำจนน่าสยดสยอง อีกมือก็ถือเชิงเทียนที่ให้ความสว่าง เพราะหลอดไฟเริ่มติด ๆ ดับ ๆ สมกับเป็นบรรยากาศบ้านผีสิงเสียจริง
“สวัสดีฮะ”รอยยิ้มเยือกเย็นนั่นทำเอาเจ้านายของตุ๊กตาเสียวสันหลังวาบ แต่นัยน์ตาสีชาที่จ้องมองมาก็ว่างเปล่า ไร้ความรู้สึกเหมือนเดิม เป็นครั้งแรกที่คยูฮยอนไม่ชอบตุ๊กตาแบบนี้”คุณชางมินชอบกินเนื้อสดหรือแบบสุกแล้วฮะ”
“นี่ ... นายทำอะไรน่ะซองมิน?”ร่างสูงของคนชอบกินรีบเดินเข้าไปหาตุ๊กตารับใช้ตัวน้อย ร่างบางยิ้มหวานส่งให้ ท่ามกลางสายตาทิ่มแทงของคยูฮยอน
“ผมเพิ่งได้วัวตัวใหม่มาน่ะ เดี๋ยวคืนนี้กินคาลบีกันนะครับ”ซองมินตอบยิ้ม ๆ เขาหมายถึงเนื้อวัวย่างที่ชางมินชอบ ร่างสูงตาลุกวาวแล้วพยักหน้าหงึก ๆ อย่างดีใจ”อ้อ ..ในครัวมีคุ้กกี้น่ะครับ”
“อื้อ ๆ”ว่าแล้วชางมินก็รีบวิ่งทั่ก ๆ จากไป ฝุ่นฟุ้งขึ้นมาเป็นควันจาง ๆ ที่ชางมินเหยียบเท้าลงไป ทิ้งสองคนหลังไว้ลำพัง ร่างบางมองตรงมาที่คยูฮยอนแล้วหันหลังให้ เปลวเทียนในมือสั่นระริก
“ชอบบ้านแบบนี้มั้ย?”
คยูฮยอนถามขึ้นเสียงเรียบ ๆ พอจบประโยคนั่นไฟดวงเล็กเหนือหัวที่มีแสงริบหรี่ก็ดับลงพอดีเป๊ะ ซองมินจัดการเป่าลมใส่เทียนเบา ๆ แทนที่ไฟจะดับ เขิงเทียนหรูหรานั่นกลับลุกโพลงด้วยเปลวไฟที่ปลายไส้เทียน แสงสีส้มทาบทอไปบนใบหน้าของคนทั้งสอง สายลมเบาบางพัดให้สีที่ผนังลอกล่อนเป็นแผ่นส่งเสียงกรอกแกรบจนน่าขนลุก
“ก็ดีนะฮะ ... สวยดี”รอยยิ้มนั้นยังคงเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
ตุ๊กตา ...
ไร้ชีวิต ไร้จิตใจ
ตุ๊กตาในความคิดของคยูฮยอนจะเป็นตุ๊กตาที่มีหน้ากากเดียว ตาใสสีชาว่างเปล่า ใบหน้าขาวเผือดไร้ความรู้สึก แต่มีอะไรบางที่ดึงดูดเขาให้หลงใหลตุ๊กตาตัวนี้ หลายปีมาแล้วที่ชีวิตเขาวนเวียนอยู่กับซองมิน (อาจจะมีชางมินหรือคิบอมแถมมาบ้าง) และก็คงจะชินอยู่แบบนี้ ...
แต่พักหลัง ๆ เขาไม่ชอบให้ซองมินไร้หัวใจแบบนี้ ....
หรือว่าการที่เขาใส่หัวใจเพิ่งลงไปให้ซองมินสองปีก่อนมันจะชำรุดกันนะ ?
เงียบกันไปอีกพัก ซองมินรอคอยให้คยูฮยอนเปิดบทสนทนาก่อนด้วยสีหน้าเรียบเฉย น้ำตาเทียนหยดลงจนก่อตัวเป็นรูปร่างแปลกประหลาด ร่างสูงจ้องไปที่แสงสว่างจุดเล็ก ๆ จนปวดตา สุดท้ายก็ถอนหายใจ
“ฉันขอโทษ”
แม้แต่เทียนยังดับ
ซองมินเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ
คยูฮยอนแอบรู้สึกดีที่ไฟมืดแบบนี้ แต่วินาทีต่อมาซองมินก็ทำให้ไฟดวงเล็กกลางคนสว่างขึ้นหน้าตาเฉย ใบหน้าหวานเรียบเฉย นัยน์ตาใสจ้องมายังเขาด้วยสีหน้าที่เรียกได้ว่าไม่เชื่อว่าเขาพูดคำนั้นออกมาจริง ๆ ร่างสูงยกมือขึ้น แสดงทีท่าเหมือนยอมแพ้
“ขอโทษที่นอกใจนะ ... ซองมิน”
น้ำเสียงอ่อนโยนไม่ได้ทำให้ร่างอวบใจอ่อนลงไป เพียงแต่ยังคงทำสีหน้าประหลาดใจ
“แปลกไปไหม?”ร่างเล็กพูดเสียงนิ่ง พลางจ้องที่ใบหน้าของเจ้านาย”ที่คนอย่างคุณจะพูดคำว่าขอโทษ?”
“ไม่ชอบเหรอ?”คยูฮยอนย้อนถาม แอบรู้สึกวูบวาบ ..เหมือนเขาจะเขินยังไงก็ไม่รู้แฮะ”ไม่ชอบก็ไม่ต้องจำก็ได้ เดี๋ยวเปลี่ยนเมมโมรี่การ์ดในหัวนายเป็นอันใหม่ก็ได้”
“ไม่รู้สิ ...ก็ชอบนะ เวลาที่เห็นคนแย่ ๆ ทำดีมันก็ต้องดีใจเป็นธรรมดา”ถ้อยคำที่ดูแสนธรรมดา แต่แฝงวาจาเชือดเชือนทำเอาเจ้านายคิ้วกระตุก”ว่างั้นมั้ย?”
“ก็ว่า ..ยิ้มเชียว”ก็จริง ซองมินกำลังยิ้ม
“เหรอ ผมยิ้มเหรอ?”ซองมินทำหน้าไม่รู้เรื่อง แต่แก้มใสกลับมีสีระเรื่อวาบขึ้นมา คยูฮยอนผิวปาก
“จะว่าไป ..ฉันโดนนายหลอกด่านะซองมิน”คนโดนด่ายิ้มระรื่น ซองมินเองก็พยักหน้าให้หงึก ๆ
“ก็ฉลาดอยู่นี่ครับ”
“ก็ยังไม่ฉลาดขนาดจะเข้าใจตุ๊กตาไร้หัวใจอย่างนายก็แล้วกัน”คำสวนกลับมาทำให้ร่างบางอดขมวดคิ้วไม่ได้ ซองมินยกมือขึ้นกุมอกข้างซ้าย แตะมันเบา ๆ เพื่อทดสอบการทำงานของอวัยวะที่คยูฮยอนเคยหยิบหนังสือชีววิทยาให้อ่าน
“คุณก็ใส่มาให้แล้วนี่ มันก็สูบเลือด ฉีดเลือดเท่านั้นแหล่ะ”เหมือนซองมินจะอ่านหนังสือชีวะไม่แตกเท่าไหร่”มันก็แค่เต้นแรงเป็นบางเวลาเท่านั้นเอง”
“อ้อเหรอ”คยูฮยอนพยักหน้าหงึก ๆ”สรุปหายงอนยัง?”
“ใครโกรธ?”
สงสัยคู่นี้จะชอบเล่นลิ้น
“นาย”ร่างสูงจิ้มนิ้วลงไปที่หน้าผากอีกฝ่าย ไม่รู้ว่าตำแหน่งที่ยืนมันใกล้ขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ มืออีกข้างก็ประคองมือนิ่มของซองมินขึ้นมา คราบเลือดเหม็นคาวแห้งกรังติดอยู่บนผิวเนียนนั่น”นายงอนฉันที่ไปจูบกับฮีชอล”
“อื้อ”พอถึงเวลาจะยอมรับก็ยอมรับง่าย ๆ เสียจนน่าแปลกใจ ซองมินจ้องหน้าคยูฮยอนด้วยแววตามั่นคง”ถ้าคุณบอกให้ผมงอน ผมงอนก็ได้”
“โอเค”เอาเข้าไป สรุปเขาควรจะดีใจมั้ยเนี่ยที่มีตุ๊กตาเชื่อฟังแบบซองมิน”งั้นถ้าฉันบอกให้นายเลิกงอน”
“ก็เลิก”คำตอบง่าย ๆ ที่ทำให้คยูฮยอนอยากจะจับตุ๊กตาตัวร้ายมาลงโทษเสียให้เข็ด
“งั้นอย่าเพิ่งเลิกงอน ทำตัวหยิ่ง ๆ แบบนี้ไปก่อน”คำตัดสินง่าย ๆ จากเจ้านายทำให้ซองมินหลุดยิ้มออกมา ไม่เข้าใจไอ้อวัยวะที่เรียกว่าหัวใจนี่เลย ไหงมันเต้นแรงแบบนี้ ...แถมทำให้เขารู้สึกดีอีกต่างหาก น่าแปลกที่หน้าที่ของมันไม่ได้มีแบบในหนังสือกายภาพบรรยายไว้อย่างเดียว”อยู่ให้ฉันทำโทษอีกนิดหนึ่ง ..แล้วนายก็หายงอน”
“รับบัญชา”เสียงหวานตวัดเรียบเย็น คยูฮยอนจัดการดึงคนตัวเล็กมาแนบอกโดยไม่ทันตั้งตัว เชิงเทียนหล่นร่วงลงไปกับพื้นเสียงดังเคร้ง ภาพของคฤหาสน์หลอนค่อย ๆ จางหายไปช้า ๆ โซฟาที่หักพังกลับมาซ่อมแซมตัวเอง สีผนังที่หลุดล่อนกลับคืนที่เก่า ไฟดวงเล็กที่ทำท่าจะดับแหล่มิดับแหล่กลับกลายเป็นหลอดไฟสว่างจ้าตามเดิม
ชางมินยืนมองภาพของคนสองคนกำลังเริ่มกิจกรรมร้อนเร่าด้วยแววตาเหนื่อยหน่ายใจ ในมือมีไวน์แดงรินใส่แก้วใส ร่างจูงจิบของเหลวสีเลือดนั่นอีกอึกแล้วถอนหายใจอย่างเหนื่อย ๆ
ก็เป็นแบบเนี้ยตลอด ...
โสดสนิทอย่างเขาก็คงได้แต่ทำใจ ... เนอะ
+++++++++++++++++++++++++++++++
อะฮั้นขอยืนยันว่าทศนิยมข้างบนนั้นเป็นจริงทุกประการ =__________=
ตอนที่แต่งวอนซินไม่คิดอะไรเลย แค่อยากให้มีอุปสรรคอีก แล้วก็คืนดีกันอีก จะได้รักกันมาก ๆ
แล้วพอจะจากกันจะได้เจ็บเจียนตาย
อู้มาก อู้สุด ๆ
คือแบบไปคอนเอมเน็ตมา ได้บัตรฟรีหน้างาน = =bb
บัตรฟรีสองใบ เข้าไปยืนเต้น Abracadabra, mister, lupin บลา ๆ (เต้นทุกเพลง) อยู่ตรงโซนด้านซ้าย ๆ ชั้นบนสุด ใครเห็นกลุ่มประมาณเก้าคนมีคนยืนเต้นอยู่สามคน นั่นแหล่ะมีน 55555
คอนโอเคนะ แอบเซ็ง ๆ นิดนึง (ก็รู้จักอยู่ไม่กี่วง) แต่โคตรประทับใจบราวอายเกิร์ลส์ กับคิมแทอู อร๊างงงงงงง
เค้ารู้ตัวว่าช้านะ ... แต่ว่าขอแป๊บนึง คอนมันเหนื่อยอะ TT
ได้ฤกษ์ให้จองอิโปรเจคเจ็ดบาปและ ตอนต่อไปเลยฮะ :)
HBD to my man *
Thanks god for sending you to me =]
Thx for tell me 'you are my lady' X] kiki
สุขสันต์วันเกิดพ่อหนุ่มนักกล้ามแห่งซูเปอร์จูเนียร์
ภาพข้างบนอาจจะไม่สวยมาก แต่ก็ตั้งใจวาดให้นะ ...
แก่ขึ้นอีกปีแล้ว ขอให้ปีนี้เป็นปีที่ดีกว่าเดิม แล้วก็ขอให้พี่เป็นชเวซีวอนของซูเปอร์จูเนียร์ต่อไป
สัญญาว่าจะรักต่อไปเรื่อย ๆ
ไม่มีวันทิ้งกันแน่นอน :]
มาต่อแล้ว :)
รู้ว่าเฟลเรื่องตอนนี้ที่มันมากถึงขีดสุด
ยอมรับว่าเสียใจมาก ๆ เรื่องของฮันเกิง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
ความรักคือการมองคนที่เรารักมีความสุขใช่มั้ย ถ้าพี่เลือกทางนี้เราก็จะยอม
อยากบอกให้รู้ไว้นะ ... ว่าถ้าพี่หันกลับมา ยังมีเราคอยพยุงพี่ไว้เสมอ
เลข 3 จะไม่มีใครแทน ถึงพี่จะใช้ชื่อไหน ฉันจะจดจำแค่ ฮันเกิง ซูเปอร์จูเนียร์ตลอดไป
เอลฟ์คือกลุ่มคนที่รักทั้งสิบสามคนนี้ เป็นคนปกป้องพวกเขา
ในยามที่พวกเขาทำให้เราเจ็บปวด รับรู้ไว้ว่าพวกเขาก็เจ็บปวดเช่นกัน
คอยพยุงกันและกัน ..เพื่อรอวันที่เราจะยิ้มด้วยกันอีกครั้ง
สู้ ๆ นะเอลฟ์ทุกคน :))
อนึ่ง ไปเจอมา อย่าเอาชีวิตของเราไปผูกไว้กับขาของใคร เพราะถ้าเขาไป เขาจะเอาลมหายใจของเราออกไปด้วย
ความคิดเห็น