คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #20 : :: 15 จุดเปลี่ยน (100%)
{ 15 }
จุดเปลี่ยน
“ฉันอยากจูบนายว่ะ”
แจจุงตาถลน เหวอกินเป็นรอบที่สี่สิบแปดของวัน ยุนโฮยังคงทำหน้าจริงจัง แล้วก็ก้าวเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ ประมาณว่าเอาจริง แจจุงกำหมอนในมือแน่นขึ้น ปาใส่ยุนโฮก็คงไม่ทำให้ไอ้หมีบ้านี่สลบและเขาจะรอด ยิ่งมองตรงไปที่ใบหน้าอีกฝ่าย เห็นปากของยุนโฮแล้วก็ร้อนผ่าวขึ้นมาที่ใบหน้า แตะโดนกันแวบเดียวยังแทบจะบ้าตาย
แจจุงไม่ได้ถือสาเลยนะกับที่โดนยุนโฮจูบ เขาเป็นคนดีต่างหาก ไม่ใช่ว่าแจจุงเต็มใจซะหน่อย
“จะหนีไปไหนน่ะแจจุง”ยุนโฮพูดเสียงเฉียบเมื่อแจจุงถอยหลังไปเรื่อย ๆ ร่างสูงก้าวยาว ๆ อีกก้าวมาหยุดหน้าแจจุงพอดี มือก็ยึดแขนอีกฝ่ายไม่ให้หนีไปไหน คนจะถูกล่วงเกินหันซ้าย หันขวา แล้วก็..ยิ้มแห้ง ๆ อย่างไม่รู้จะทำอะไรดี
ทำไมบทสรุปของเขาออกมาเป็นแบบนี้เนี่ย แทนที่ยุนโฮมันจะง้อดี ๆ ดันมาบังคับจะจูบเขา แต่ก็ไม่ได้ใช้แรงนะ ใช้แต่คำพูดที่ทำให้เขาแทบจะช็อกตายคาที่อีกต่างหาก ฮีชอลก็คงขึ้นไปนอนแล้ว ซีวอนที่พอรู้นิสัยยุนโฮก็คงกกพี่ชายเขาสบายไปแล้ว ไม่เหลือใครมาช่วยเลยซักนิด
“ใครมันจะไปยอมง่าย ๆ”ร่างบางพูดเสียงแผ่วแล้วก็ยกหมอนอิงในมือปิดหน้าพอดีกับที่ยุนโฮโน้มหน้าลงมาหา ร่างสูงเลยได้จูบหมอนจริง ๆ ร่างบางหลับตาปี๋อย่างหวาดกลัว ยุนโฮขมวดคิ้ว นึกทวนไปมา ..เออ เขากำลังเป็นบ้า มีที่ไหนกันจะมาจูบเพศเดียวกัน แถมขออนุญาตเสียขึงขังยังกับขอเอกสารว่าราชการ
เอ... แล้วถ้าเป็นทางที่ถูกต้องล่ะ
เขาควรจะยับยั้งชั่งใจไม่ทำอะไรแจจุงใช่มั้ย
หรือเขาไม่ควรจะขออนุญาต สวมบทชายโฉดและโหดเหี้ยมจัดการปล้ำแจจุง...
หา..ปล้ำแจจุง?!
เขาคิดอะไรอยู่วะ!!!!
“งั้นนายตอบมา ฉันต้องทำอะไร”เสียงยุนโฮอ้อมหมอนมาถึงตัวแจจุง ร่างบางมองสีเขียวของหมอนแล้วคิดในใจไปมาถึงทางที่ตัวเองจะรอด ไม่รู้สิ เขาควรจะเล่นตัวและไม่ยินยอม แต่อีกใจก็บอกให้ตอบสนองยุนโฮซะ เขาควรจะพูดว่า’ได้เลยยุนโฮ ฉันยอมให้นายจูบ’ใช่มั้ย? เขาต้องเสียจูบที่สิบให้ยุนโฮเหรอ?
“ปล่อยฉัน...มั้ง”
“มีมั้งทำไม”ยุนโฮเองก็ไม่เข้าใจแฮะ แล้วจะติดไอ้คำลงท้ายที่แสดงออกถึงความไม่แน่ใจมาทำไมถ้าแจจุงจะขัดขืนเขา ร่างบางสั่นศีรษะ
“ไม่รู้ดิ่ ฉันเองก็ไม่เข้าใจตัวเองว่ะ”
“เหรอ”
เงียบกันไปอีกนาน ร่างสูงยกมือขึ้นอีกมือแล้วกดหมอนลงต่ำด้วยความที่อยากเห็นสีหน้าแจจุงในเวลานี้ ใบหน้าหวานแดงหนักกว่าเดิม ลามไปถึงหู จนผมสีบลอนด์โดดเด้งออกมาจากใบหน้าของแจจุงนั่น ปากอิ่มสีระเรื่อที่เขาไม่เข้าใจว่ามีอิทธิพลอะไรมากมายกับเขานักกำลังเผยอน้อย ๆ ราวกับจะต้องการจะสื่ออะไรบางอย่างออกมา สัมผัสอ่อนละมุนบนศีรษะก็ยิ่งทำให้ใจดวงน้อยสั่นระรัว
“ผมดำแล้วนะ”ท่าทางยุนโฮคงไม่รู้จะพูดอะไรจริง ๆ แจจุงพยักหน้าหงึกหงัก เขาอยากเปลี่ยนสีเหมือนกัน แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงเพราะตอนกลางวันก็ดันเป็นแมว”เปลี่ยนสีดีมั้ย”
“จะให้สีอะไรล่ะ?”
“ฉันชอบสีน้ำตาลทองนะ”
“อื้อ”แจจุงก็ไม่รู้จะพูดอะไร แต่ก็ตอบรับไปแล้ว ในหัวก็คิดภาพตัวเองเปลี่ยนสีผมเป็นสีน้ำตาลทองหลังจากที่ไว้สีนี้มานานเกือบสองปี ลมหายใจอุ่น ๆ ของยุนโฮรินรดเข้ามาใกล้..ก่อนที่คำถามเดิมที่สั่นคลอนจิตใจของร่างบางจะถูกร่างขึ้นเบา ๆ
“จูบนะ...”
“....ก็เอาสิ”
แจจุงอาจจะบ้าไปแล้วก็ได้ เขาคิดแบบนี้ แต่ในวินาทีที่ริมฝีปากอุ่นประทับลงมา ในหัวก็วาบหายเป็นสีขาวโพลนจนน่าตกตะลึง อาการต่อต้านแทบจะไม่มีโดยสิ้นเชิง ความคิดทุกสิ่งก็เลือนหายไปจากสมองของเขาหมดแล้ว ....
“ท่าทางนายจะปลื้มกับผมสีนี้มากนะแจจุง”
“แน่น๊อน~”
ฮีชอลเบ้ปากด้วยความหมั่นไส้ ตั้งแต่วันที่เขากลับมาจากบ้านของไอ้พ่อมดจอมกวนประสาทนั่นก็ผ่านมาได้สามวันแล้ว เรื่องประหลาด ๆ ก็ตามมาเป็นพรวน ตั้งแต่ยุนโฮไปหาช่างทำผมที่ไหนไม่รู้มาทำให้แจจุงตอนทุ่มนึงหลังจากที่เจ้าตัวกลายร่างแล้ว น้องชายของเขาเลยระริกระรี้กับผมสีใหม่ที่ทำให้ดูสดใสกว่าสีบลอนด์ขาวอันเดิม
แล้วท่าทางของสองคนนี้ก็แปลกไป ...
เหมือนกับมันหวานขึ้นยังไงยังงั้นแหล่ะ
ร่างบางของคนเป็นพี่ชายหันกลับมาใส่ใจพีเอสพีในมือที่จิ๊กมาจากห้องของซีวอนตามเดิม เจ้าของเพิ่งกระวีกระวาดออกไปทำงานเมื่อครู่นี่เอง เจ็ดโมงครึ่งแล้ว อีกแป๊บนึงเขาจะกลายเป็นแมว ขอเล่นไอ้นี่ให้พอใจก่อนแล้วกัน
“พี่ไม่เปลี่ยนสีผมบ้างเหรอ”
สปริงโซฟาลั่นเอี๊ยดอ๊าดเพราะเจ้าน้องชายที่ทิ้งตัวลงกอดหมอน ฮีชอลส่ายหัวเบา ๆ แจจุงพินิจมองพี่ชาย สีผมสีส้มทำให้ฮีชอลดูดีนะ แต่ก็คิดไม่ตกว่าถ้าลองเปลี่ยนอาจจะดูดีกว่านี้ก็ได้
“สีดำมั้ยล่ะ พี่จะได้ขาว ๆ”ลองเสนอสีดำ เพราะเปลี่ยนไปยังไงก็ไม่มีผลกับสีขนหรอก ตอนที่คยูฮยอนสาปพวกเขาคงเอาสีผมตอนนั้นเป็นที่ตั้งล่ะมั้ง ถึงเขาจะเปลี่ยนผมเป็นสีแดง ร่างแมวก็คงไม่แดงตามไปด้วย ก็จริง...แมวขนสีแดง น่าเกลียดตายชัก
“สีดำเหรอ”ฮีชอลหยุดคิดถึงภาพตัวเองกับผมสีเข้มที่ไม่ได้ไว้มานานหลายปี”ก็ดีนะ”
“ไม่ต้องหรอก สีแบบนี้ล่ะสดดีแล้ว”คนเสนอรีบตีกลับเสียแบบนั้น แบบนี้ก็เด่นดี พวกเขาจะได้หัวส้ม ๆ กันทั้งคู่ ทั้งสองคนเงียบไปอีกครั้ง และเมื่อนาฬิกาเลื่อนมาถึงเลขแปด พวกเขาก็กลับกลายเป็นแมว ฮีชอลอ้าปากหาวแล้วตั้งท่าจะหลับทันทีเพราะเขายังไม่ได้นอน เมื่อคืนหลังจากที่ขึ้นไปข้างบนกับซีวอนก็เล่นนอนไม่หลับมันทั้งคืน
อันที่จริงเขาคิดว่าคนที่นอนไม่หลับน่าจะเป็นซีวอน ที่ไหนได้ เจ้าตัวสลบไปก่อนอันดับแรกพอหัวถึงหมอน สงสัยจะทำงานกันเหนื่อยเกิน ทิ้งไว้แต่เขาให้นอนลืมตาโพลง สุดท้ายก็ทนไม่ไหวแกะแขนซีวอนออกมานั่งเล่นคอมพิวเตอร์จนกระทั่งเจ็ดโมง ตอนนี้ก็ง่วงหนักแล้ว
“เมื่อคืนนอนไม่หลับรึไง”เสียงยียวนของแมวสีขาวตามมากวนประสาท”เมื่อคืนทำอะไรกันหว่า?”
“หุบปากน่าแจจุง”
“กิ๊ว ๆ”น้องชายยังคงล้ออย่างมันปาก แต่เมื่อฮีชอลหลับไปแล้วก็หยุด ร่างเล็ก ๆ ของแมวขาวหยุดลงที่หน้ากองต้นฉบับของยุนโฮอีกอันที่ตั้งไว้เสียเรียบร้อยบนโต๊ะทำงาน แล้วก็มีอีกอย่างที่เด่นสะดุดตา เขาเพิ่งรู้ว่ายุนโฮถ่ายรูปร่างแมวของเขาใส่กรอบวางไว้ มันน่าจะน่าดีใจ
...แต่ไหงเอากระดาษสีแดงเขียนไว้ว่า’ตัวอันตราย’วะ!!
เหมียวแจจุงพึมพำด่าภาษาแมว แล้วอุ้งตีนฟู ๆ ก็ยกขึ้นแตะปากตัวเอง แน่นอนว่ารู้สึกเขินขึ้นมาอีกวูบ หลังจากที่โดนไอ้หมีขโมยจูบ เขาก็อึ้งไปซักแป๊บ แล้วก็แยกย้ายกันไปนอนโดยที่ไมได้พูดอะไรกันอีก แล้วก็...มองหน้ายุนโฮทีไรก็อดเขินไม่ได้ทุกที
วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ผ่านไปอย่างน่าเบื่อหน่าย ฮีชอลนอน แจจุงก็นอน แอร์เย็น ๆ ที่แจจุงตะปบเล็บเปิดโดยไม่เกรงใจคนจ่ายอย่างเจ้าของบ้านสร้างความเย็นสบายแก่ผิวหนังของแมวที่ซ่อนอยู่ใต้ขนฟู ๆ แมวสีส้มหายใจสม่ำเสมออยู่กับหมอนอิงใบโปรด ส่วนแจจุงก็หลับอยู่อีกฟาก นาฬิกาตีไปเรื่อย ๆ จนถึงบ่ายสามโมง ทั้งสองคนไม่ได้สังเกตเลยว่าอะไรแปลก ๆ กำลังมาเยือน
ร่างสูงของพ่อมดหนุ่มปรากฏขึ้นเงียบ ๆ โดยที่ไม่รู้ที่มา บางทีถ้าฮีชอลกับแจจุงตื่นอยู่อาจจะมีสิทธิ์ช็อกไตพังไปเลยก็เป็นได้ คยูฮยอนยกมือขึ้นเสยเรือนผมสีบลอนด์ของตัวเองด้วยท่าทางที่น่าจะทำให้หญิงสาวหลายคนเพ้อได้อย่างง่ายดาย ใบหน้าหล่อไม่มีรอยยิ้มกวน ๆ ที่มักจะประดับไว้เหมือนเคย ร่างูสงโบกมือไปทางแจจุงนิดหน่อย แมวสีขาวตัวนั้นก็ลอยลงที่โซฟาเดี่ยวอีกตัว ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นแต่อย่างใด คยูฮยอนสาวเท้าเข้าไปใกล้แมวตัวน้อย โบกมืออีกที ..แล้วคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นก็ไม่ใช่แมวตัวเดิมอีกต่อไป ฮีชอลในร่างคนเต็มตัว เสื้อผ้าครบถ้วนนั่งกอดหมอน หลับสนิทด้วยความเหนื่อยอ่อนเพราะเมื่อคืนเล่นเกมทั้งคืน
สัมผัสจากมือที่กำลังลูบศีรษะทำให้คนที่ไวต่อความรู้สึกอย่างฮีชอลลืมตาขึ้นอย่างงัวเงีย พอเห็นว่าเป็นใครก็ตาโต ไอ้เรื่องน่าอับอายที่ตัวเองไปทำไว้สองสามวันก่อนเลื่อนเข้ามาในหัวจนต้องยกหมอนอิงขึ้นบังหน้า หวังไว้ว่ามันอาจจะเป็นภาพลวงตา แต่คนที่นั่งอยู่ตรงหน้าก็ยังเป็นคนเดิม
“คยูฮยอน ?...”
“ครับ”ร่างสูงพยักหน้า ฮีชอลสังเกตได้ว่ามีอะไรบางอย่างแปลก ๆ ไปในตัวคนบุกรุกคนนี้ ดูคยูฮยอนไม่ค่อยจะร่าเริง รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่เป็นเอกลักษณ์ก็ดูลบเลือนหายไป ...เศร้าอะไรมากอีกล่ะเนี่ย
“มาที่นี่ทำไม แจจุง ๆ”พี่ชายรีบหันไปเรียก แต่ก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อแจจุงยังคงสภาพแมวอยู่ แมวสีขาวหลับเท่าไหร่ก็ไม่ตื่นอีกต่างหาก”เฮ้ย แจจุง ตื่นเด้”
“เขาไม่ตื่นแล้วล่ะ”
ฮีชอลหันควับมองหน้าคยูฮยอนด้วยสีหน้าตื่นตะลึง ใบหน้าหวานซีดเผือดลงทันที กิริยาอาการของคยูฮยอนยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ในความรู้สึกของคนฟัง...ทุกอย่างมันชาไปหมด
“นาย..ทำ..อะ...อะไร...น้องชาย..”แม้แต่การพูดให้จบประโยคฮีชอลยังทำไม่ได้ คยูฮยอนขมวดคิ้วแล้วหันมามองหน้าฮีชอล
“หมายถึงผมเพิ่งเสกให้เขาหลับไป ไม่ได้เชือดคอแจจุงซะหน่อย”เสียงนิ่มบอกเบา ฮีชอลมองหน้าแล้วหันไปมองแจจุงอีกที ในใจโคตรอยากถีบคยูฮยอนที่พูดจากำกวมสุด ๆ”เป็นไงบ้างล่ะ?”
“เรื่องอะไร?”คนถูกถามทำไก๋ พอรู้อยู่หรอกว่าไอ้พ่อมดเวรนี่ถามเรื่องเขากับ..เอ่อ ซีวอน แต่จะให้ตอบออกไปตรง ๆ ก็ไม่ไหว คนอย่างเขาก็เขินเป็นนะเฟ้ย
“ก็....ถูกง้อรึยังล่ะ?”นัยน์ตาสีเข้มพราวระยับด้วยประกายสนุกสนาน ฮีชอลก้มหน้าแล้วเม้มปาก แก้มใสแดงระเรื่อขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ นึกถึงวิธีการง้อคืนนั้น ..ให้ตายเถอะ เขาเขินทุกที”ถ้าแบบนี้ก็คงเรียบร้อยแล้วล่ะสิ”
“เออ!!”ร่างบางกระแทกเสียงตอบ ร่างสูงผิวปากเบาแล้วมองไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย ทั้งสองเงียบกันไปพักหนึ่ง ฮีชอลเขม้นมองใบหน้าด้านข้างของคยูฮยอน รู้สึกว่าวันนี้ดูแปลก ๆ เหมือนกับเศร้าสร้อยยังไงก็ไม่รู้แฮะ
“ชางมินกับซองมินล่ะ?”คราวนี้ฮีชอลเปิดประเด็นขึ้นมาใหม่ ร่างสูงยกนิ้วขึ้นแล้วชี้ไปทางด้านขวา
“นั่นน่ะ”
ร่างบางหันตามแล้วทำตาโตเมื่อเห็นไอ้เด็กกวนตีนของแจจุงกำลังอุ้มแมวที่หลับสนิทอยู่ ถ้าเป็นยามแจจุงตื่นป่านนี้หน้าชางมินลายพร้อยไปด้วยพลังกรงเล็บเสียแล้ว ชางมินก้มหัวเป็นการทักทายแล้วแบกแมวน้อยขนปุยเดินออกไป ร่างบางลุกขึ้นจะรั้ง แต่ข้อมือบางก็ถูกดึงไว้ให้อยู่กับที่เสียก่อน
“ชางมินจะเอาน้องฉันไปไหน?”พอไล่ตามไม่ได้ก็ถามเพื่อนกวนตีนพอ ๆ กันแทน คยูฮยอนยักไหล่ เห็นแบบนั้นคนถามก็ขอยอมแพ้ ถามไปคยูฮยอนคงพาอ้อมโลก ตีห้านู่นถึงจะได้คำตอบ”แล้วไหนซองมิน?”
พอมาถึงชื่อคน ๆ นี้สีหน้าของคยูฮยอนก็หม่นลงอย่างประหลาด
“ไม่ได้มาด้วย....”คำตอบแผ่วเบา แล้วคยูฮยอนก็จัดการเปลี่ยนเรื่องเสียฮีชอลตามไม่ทัน”ซีวอนเป็นไงบ้าง”
“ก็ปกติ ทำไมล่ะ?”ฮีชอลตอบด้วยเสียงที่ผ่านการควบคุมมาแล้ว ถ้าเขายังไม่รู้จักคุมตัวเองก็อาจจะเขินได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงก็เป็นได้ คยูฮยอนกระตุกยิ้มน้อย ๆ
“รู้ดีเหมือนกันนะ”
“อ้าว ก็ซีวอนไม่ได้ป่วย ไม่ได้ไม่สบายอะไรซักหน่อย ก็ต้องตอบว่าปกติสิ”ฮีชอลรีบสวนกลับไป แต่เสียงจิ๊ปากเหมือนขัดใจก็ดังมาให้รู้สึกแปลก ๆ เหมือนกับคยูฮยอนไม่เชื่อเขายังไงยังงั้นแหล่ะ ร่างบางอ้าปากจะพูดต่อ แต่คำพูดของคยูฮยอนก็ตัดฉับลงมาจนเขาอ้าปากค้าง
“ชอบซีวอนแล้วล่ะสิ”
จี้ใจเข้าจัง ๆ จนฮีชอลทำหน้าเหวอ เลือดลมแผ่ซ่านขึ้นมาบนใบหน้า ร้อนขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยความเขินอาย เหมือนมีอะไรบางอย่างในความคิดที่เขาพยายามเก็บไว้ลึก ๆ โผล่พรวดขึ้นมาตามเสียงเรียก ภาพของผู้ชายหล่อ ๆ หนึ่งคน ใบหน้าที่มีลักยิ้มเป็นจุดเด่น คำพูดอ่อนโยนที่สั่นคลอนหัวใจได้ครั้งแล้วครั้งเล่า ถึงเขาจะเป็นผู้ชายก็เถอะ แต่การที่มีผู้ชายที่หน้าตาดีมากถึงมากที่สุดมาดูแลเอาใจใส่ ...จนเขาอดคิดไม่ได้ว่าเขาเป็นผู้หญิงจริง ๆ เขาก็หวั่นไหวเป็นธรรมดา ...
ยิ่งเรื่องไม่กี่คืนก่อน ... จากหวั่นไหวก็แทบจะไต่ระดับไปมากกว่านั้นอีก
“ฮะ...เฮ้ย..เปล่า”สิ่งแรกที่ทำ ..คือปฏิเสธ จิตใต้สำนึกบางส่วนยืนยันว่าเขาทำผิด ยืนยันที่จะผลักความคิดบ้า ๆ นั่นออกไป แต่คยูฮยอนกลับส่ายหัวแล้วทำหน้าล้อเลียนจนเขาหน้าแดง ฮีชอลเม้มปากแล้วค้อนเสียวงใหญ่
“ไม่ได้ชอบจริง ๆ เหรอ?”คยูฮยอนโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ ระยะห่างระหว่างสองคนน้อยลงไปเรื่อย ๆ เสียจนน่าตกใจ แต่สิ่งที่ฮีชอลสัมผัสได้ ..มีแต่ความตกใจชั่ววูบและรู้สึกว่าอยากให้อีกฝ่ายเอาหน้าออกไป มันไม่ได้สั่นหรือหวั่นไหวอะไรมากมาย ...
ไม่เหมือนกับซีวอน ...
“เห็นมั้ย”คยูฮยอนกระซิบเสียงแผ่ว นิ้วเรียวจิ้มหัวคิ้วของฮีชอลที่ขมวดมุ่น”ไม่ได้เขินซักหน่อย”
“ใครว่าไม่เขิน”รูปการณ์ดูแปลกพิลึก ปกติจะปฏิเสธว่าตัวเองไม่เขิน แต่ฮีชอลกำลังบังคับให้ตัวเองเขินเสียแบบนั้น ..เพียงเพื่อแก้ข้อกล่าวหาว่าเขาไม่ได้ลงให้ซีวอนคนเดียว คยูฮยอนยกยิ้มน้อย ๆ นิ้วเลื่อนมาจากหน้าผากลงมาแตะที่ปาก ฮีชอลเบ้หน้าแล้วสะบัดหัวเหมือนไม่ยอมรับ ร่างสูงหัวเราะหึ ๆ
“ยอมรับมาเถอะ เรื่องมันจะได้ง่าย ๆ เรื่องราวของพวกนายจะได้จบลงด้วยคำว่า พวกเขาสองคนก็ได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดไปไง”
“จบแบบนั้นมันน่าเบื่อ”ฮีชอลรีบตอบทันที ความคิดของเขาเป็นแบบนี้ล่ะ”แล้วเหตุผลที่คนเราชอบดูละครน้ำเน่าเพราะอะไร ไม่ใช่เพราะมันมีอุปสรรค?”
“นั่นสิ....”คยูฮยอนคิดตาม แต่เมื่อภาพใบหน้านิ่ง ๆ ของเจ้าของฉายานางเอกผู้เงียบขรึมก็อดหน้าหมองลงไม่ได้ สถานการณ์ระหว่างเขากับซองมินมึนตึงมาหลายวันแล้ว”นั่นสินะ...”
“นายคงทะเลาะกับซองมินมาล่ะสิ”คนมองดักคอ ท่าทางจะถูก แล้วเขาก็ดันเป็นต้นเหตุเสียด้วย ตุ๊กตาตัวสวยนั่นก็คงอยู่มานานไปแล้วมั้ง”ซองมินหึงนายเหรอ?”
“ไม่ ..ไม่ใช่”คยูฮยอนตอบเสียงแผ่ว”ไม่ได้หึง ไม่ได้รู้สึกอะไรเลย”
ฮีชอลมองเห็นความรวดร้าวในแววตาคู่นั้น ท่าทางปัญหาของสองคนนี้จะเป็นเรื่องของความปากแข็งเสียมากกว่า ไม่ค่อยต่างจากคู่ยุนโฮและแจจุง เสียแต่คู่นั้น ..ยุนโฮมันซื่อบื้อ แจจุงก็ปากร้าย ซึนเดเระ แต่คู่นี้ ...เย็นชา แก้ยากกว่าหลายเท่า
“ท่าทางนายจะรักตุ๊กตาตัวนี้มากสินะ”
“ไม่ใช่รักหรอก”ร่างสูงกระตุกยิ้มมุมปาก”ก็แค่ชอบ ซองมินมีอะไรสนุก ๆ ให้เล่นอีกเยอะ....พอเบื่อ ก็เขี่ยทิ้ง”
ฮีชอลขมวดคิ้วกับถ้อยคำที่ปากไม่ตรงกับใจของคยูฮยอน จบคำนั้นร่างบางเลยจัดการกระชากคอเสื้ออีกฝ่ายเข้ามาใกล้จนมือที่ยันตัวเองไว้เสียหลัก กลายเป็นว่าพ่อมดหนุ่มคร่อมทับฮีชอลไว้เต็ม ๆ ร่างบางยืดคอขึ้นแล้วจัดการรุกคนตรงหน้าด้วยจูบหวาน ๆ ที่คยูฮยอนจำต้องตกเป็นฝ่ายตามไปอย่างเสียไม่ได้
ร่างบางตั้งหน้าตั้งหน้าจูบคยูฮยอนไปซักพัก แล้วก็ผละใบหน้าออก ใบหน้าหวานไม่ได้รู้สึกอะไร ไม่มีแม้กระทั่งความเขินอาย คยูฮยอนมุ่นคิ้วอย่างไม่เข้าใจในการกระทำของฮีชอล รสจูบของฮีชอลหวานดี ... แต่ก็หวานไม่เท่าใครคนนั้น...
“จูบกับฉันแล้วคิดถึงใคร ...คยูฮยอน?”คำถามนั้นทำให้ร่างสูงถอนหายใจในวิธีพิสูจน์ที่ให้ผลอย่างชัดแจ้งของคิมฮีชอล ภาพใบหน้าที่ลอยเด่นในหัวก็ไม่พ้นใครไปนอกจากอีซองมิน ตุ๊กตาแสนเย็นชาตัวนั้น”ถ้านายจูบกับคนอื่นแล้วในหัวคิดถึงคน ๆ นั้นน่ะ ..นั่นไม่ใช่แค่ชอบเฉย ๆ แล้วนะ”
“ขอบคุณครับที่ชี้แนะ”ร่างสูงหัวเราะหึ ๆ ฮีชอลจัดการดีดหน้าผากคนตัวสูงไปอีกหนึ่งทีเป็นการซ้ำเติม
“กลับบ้านไปง้อตุ๊กตาของนายซะไป”คำไล่นั่นทำให้ร่างสูงรั้งตัวเองขึ้นมานั่งท่าเดิม ฮีชอลเองก็ลุกขึ้นตามมาแล้วปาดน้ำใส ๆ ที่ติดเปื้อนมุมปากออกไป แต่เสียงโครมครามด้านหลังก็ทำให้เขาทั้งสองคนหันไปดู ในใจของฮีชอลหล่นวูบ เพราะบางทีอาจจะเป็นซีวอน
แล้วเขาก็ต้องเปลืองแรงง้อ
ไม่ใช่แฮะ
“พี่ฮีชอล!!?!”แจจุง น้องชายแสนน่ารักของเขากำลังยกมือปิดปากทำตาโตอยู่ตรงประตูบ้าน บนตัวมีร่องรอยการทำสงครา ..สงครามการทำร้ายกับชางมิน ดูไม่ชัดมาก มีแค่ร่องรอยการตีกลับคืนแดง ๆ ไม่กี่รอย แต่พอมองหน้าไอ้เด็กกวนตีนที่ยืนข้าง ๆ แจจุงก็นึกสงสารขึ้นมา ..ชางมินท่าทางจะโดนแจจุงวิ่งไล่เตะ”พี่ทำอะไรน่ะ ?!”
“ก็...จูบคยูฮยอนไงล่ะ”ฮีชอลยักไหล่ ชางมินหลิ่วตาให้คยูฮยอนอย่างรู้ทัน แจจุงหน้าแดงขึ้นมา แล้วฉับพลันก็หน้าซีด
“ชางมิน ...นายถอยหลังหน่อยสิ”คำขอจากแจจุงทำให้ชางมินทำคิ้วกระตุกประมาณว่า เอาจริงเหรอ ? แต่ก็ยอมทำตามให้ ร่างบางของคนเป็นน้องชายยกมือขึ้นกุมหัว ...แล้วพอร่างสูงเกือบร้อยเก้าสิบเซนติเมตรขยับออกให้พ้นทาง ฮีชอลก็เจอกับภาพที่น่าตกใจ
“ซ...ซีวอน!!”
ชิบหายแล้วกู
ใบหน้าของซีวอนสงบนิ่งจนเดาไม่ออกว่าคิดอะไร คยูฮยอนถอนหายใจอย่างปลงตกในชะตากรรมของคนที่เพิ่งสอนให้เขาเข้าใจสัจธรรมแห่งโลก คยูฮยอนพยักหน้าให้ชางมิน ก่อนที่จะหันไปหาฮีชอลที่ยังคงมีสีหน้าเหวอกินอีกรอบ และจัดการสาดน้ำมันเข้ากองเพลิงอีกรอบ...
ด้วยการกดจูบที่ปากฮีชอลเบา ๆ ก่อนที่ร่างของพ่อมดหนุ่มทั้งสองจะหายตัวไปในพริบตา ซีวอนไม่ได้สังเกตเห็นด้วยซ้ำ ร่างสูงเพียงแต่จ้องฮีชอลด้วยสีหน้าเจ็บปวด แจจุงทำหน้าเลิ่กลั่กอย่างตัดสินใจไมถูกว่าจะทำอะไรต่อไปดี
“ฉัน...เอ่อ ..ไม่ขัดแล้วกัน ไปนะ”เสียงแห้ง ๆ ของแจจุงขัดขึ้นมาแล้วก็วิ่งหายไปทันที ฮีชอลกลืนน้ำลายลงคอ สัมผัสของคยูฮยอนยังคงติดที่ปลายลิ้น เป็นพยานความผิดขั้นอุหนักหนาที่เขาทำไว้ ร่างบางไม่กล้าขยับตัวไม่ไหนด้วยซ้ำ
“เอ่อ....ซีวอน”ฮีชอลพยายามพูดขึ้น”ฉั.....”
“ไม่ต้องพูด”น้ำเสียงนั้นฟังแหบแห้ง ฝ่ามือของร่างสูงยกขึ้นห้ามไม่ให้ฮีชอลพูดอะไร ถุงใสที่ใส่เบเกอรี่ร้านดังถูกวางไว้ข้างตัว”ผมพอเข้าใจ”
“เข้าใจอะไร”เออสิ เข้าใจอะไรวะ ขนาดฮีชอลยังไม่เข้าใจเลยว่าเขาต้องการจะพูดอะไร
ซีวอนไม่ตอบกลับมา เพียงแต่ส่งสายตาผิดหวังมาอีกรอบแล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็ว ฮีชอลขยับจะลุกตาม แต่เมื่อเดินตามไปก็พบว่าซีวอนล้วงมือถือขึ้นมากดเบอร์ใครซักคน ฮีชอลอ้าปากจะชี้แจง แต่ก็ไม่ทันเสียแล้วเมื่อคนที่ซีวอนโทรหารับสาย
“น้องยุนอาใช่มั้ยครับ?”
โอ้โห เข้าใจเล่นนะซีวอน
ฮีชอลกำหมัด ความโมโหพุ่งปรี๊ดขึ้นมาในหัว ถ้าเล่นประชดกันแบบนี้ก็ไม่ต้องง้อมันแล้ว มีหน้ามาบอกอีกว่าเข้าใจเขา เข้าใจอะไรล่ะเว้ยไอ้สลัดผัก ร่างบางจ้องเขม็งไปที่อีกฝ่ายที่กำลังกรอกเสียงร่าเริงลงไปในสาย
“เปล่าครับ...เย็นนี้ว่างมั้ยเอ่ย พี่จะชวนไปกินข้าวเย็นกันน่ะ”
“เหี้ยซีวอน มึงโทรหาใครวะ”ยุนโฮทัก ในขณะที่กำลังเดินคู่มากับแจจุงที่ถือขนม(ท่าทางจะจิ๊กมาจากหมีตัวข้าง ๆ) บรรยากาศยุนแจดูโอเคดี ไม่อึมครึมเหมือนอีกคู่ในตอนนี้ ซีวอนตวัดสายตามองแล้วทำเสียงหึในลำคอ
ไอ้พวกเคลียร์ปัญหาได้แล้ว ชิ
“ได้ครับ ... งั้นเดี๋ยวพี่ไปรับ อีกครึ่งชั่วโมงนะครับ”
นั่นแหล่ะ ซีวอนวางสาย ยุนโฮทำหน้างง ๆ ใส่เพื่อนตัวเองที่ท่าทางหลั่นล้าเปลี่ยนไปได้อย่างง่ายดายจากหน้ามือเป็นหลังเท้า ส่วนฮีชอลก็แผ่รังสีอำมหิตออกมาเสียน่ากลัว แจจุงทำหน้าเหวอที่เรื่องนั้นดูส่งผลกระทบมากกว่าที่คิด
“ยุนโฮ กูไปกินข้าวข้างนอกนะมึง”ซีวอนบอกเสียงห้วน แล้วเดินเข้าบ้านไปหยิบกุญแจรถ ผ่านหน้าฮีชอลที่ยืนกำหมัดแน่น ร่างบางยืนอยู่แบบนั้น ก่อนที่จะเดินตัวปลิวเข้าไปคว้ากางเกงขายาวสีดำมาใส่แทนกางเกงขาสั้น พอซีวอนเดินไปเปิดประตู ฮีชอลก็เดินกระแทกส้นเท้าออกมาพร้อมกับกระชากประตูรถด้านที่นั่งคนขับออกมา
“มาทำไม?”ซีวอนพูดเสียงแข็ง ความโกรธในใจยังคงอุ่นระอุราวกับเป็นกองเพลิงกองใหญ่ที่เผาไหม้ให้เขาทรมาน ฮีชอลเม้มปาก เขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเขาจะตามมาทำไม เขากำลังเป็นอะไร ..เขาไม่รู้เหมือนกัน
“ช่างฉัน!”
“เหอะ...”ซีวอนแค่นเสียงแล้วออกรถ ทิ้งให้ยุนโฮกับแจจุงอยู่บ้านกันสองคน ฮีชอลกอดอกด้วยท่าทางเย็นชา ทิฐิระหว่างคนสองคนกำลังแผ่ลงมากั้นให้ระยะทางที่เคยคิดว่าใกล้ชิด ..ห่างกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งซีวอนชำเลืองมองเข้าไปในกระจก มองเห็นริมฝีปากสีระเรื่อที่เจ่อขึ้นมานิด ๆ ด้วยใครที่ไหนก็ไม่รู้ ..เขายิ่งโมโห”ทำแบบนั้นทำไม?”
“แล้วนายทำแบบนี้ทำไม?”ฮีชอลย้อนกลับมาด้วยความขุ่นเคืองพอ ๆ กัน ถ้าหากฟังเขาอธิบายก็คงไม่เป็นแบบนี้ แต่ซีวอนกลับทำอะไรงี่เง่าได้อย่างเหลือเชื่อ จะบ้าหรือไง ประชดเขาด้วยวิธีแบบนี้ ..
ไม่รู้รึไงว่าเขาจะประชดกลับ
“ตอบฉันมา ฮีชอล”เสียงเข้มคำรามออกมาด้วยไอโกรธ ตายังคงมองทาง แต่หูก็ฟังคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ
“ตอบมาก่อนสิ นายจะชวนยุนอาออกมาทำไม นายจะประชดเพื่ออะไร?”ฮีชอลกระแทกเสียงใส่ด้วยความไม่พอใจมากถึงมากที่สุด
“ถ้าฉันอยากชวนมันผิดอะไรหนักหนา น้องยุนอาก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลอยู่แล้ว”ประชดกันไปมา ..จนความเข้าใจของทั้งสองฝ่ายบิดเบือนสุดกู่ ทั้งสองคนกำลังไม่เข้าใจกัน ทั้งโกรธเคือง ทั้งน้อยใจ
“เหอะ!! งั้นคยูฮยอนก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลเหมือนกันนั่นแหล่ะ”
“เห็นมั้ยล่ะ?”ซีวอนเบรกรถกระทันหัน และมันก็พอดีกับที่ร่างสูงเลี้ยวเข้าที่จอดซักที่ที่ไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่ ตอนนี้เริ่มมืดแล้ว ร่างสูงหันไปมองหน้าฮีชอล ...นัยน์ตาคมไม่ได้มีเพียงความขุ่นเคือง มีทั้งความรวดร้าวอยู่ในนั้นด้วย”ถ้ากับคยูฮยอนเป็นแบบนั้น แล้วกับฉันล่ะ ...ที่ทำอะไรกับนายไปตั้งมากนาย จะเป็นแบบไหน?”
“ซีวอน!?”ร่างบางตวาดกลับ รู้สึกโมโหจี๊ดขึ้นสมอง แต่ก่อนที่จะได้ตอบโต้อะไรไป ซีวอนก็ออกรถอีกครั้งอย่างรวดเร็วจนล้อบดถนนเสียงดัง ความโมโหและบรรยากาศแห่งความไม่เข้าใจแผ่เข้าครอบคลุมทั้งสองคน โดยที่หาทางแก้ออกยากเสียด้วย
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
โอ้เย ยุนแจตัดไป ... ค้างคาใจล่ะสิ คิคิคิ
ตอนนี้แจแจทำตัวเป็นสาวน้อยแรกรุ่นมากมาย ชอบจริง ๆ 55555
เอพริลฟูล มีคนโดนหลอกก็สะใจแล้ว รู้สึกดี 55
เรื่องทวิตเตอร์วอน น่าจะจริงนะ คิคิ
ส่วน ... ของวอนซิน
ไม่บอกหรอก คิคิคิ
เรื่องนี้คาดว่าจะให้ราว ๆ สามสิบตอนจบ เวลาเป็นเล่มจะได้ไม่หนามาก จะมีใครเอามั้ยเล่า - -
แต่จะมีภาคต่อแน่ ๆ จ้า
ไปราชบุรีมา .. TT เลยมาช้ามากกกกกก
เอามาฝากอีกสองคน หนุ่มหล่อผมสีน้ำตาลแดงกะน้องแจจ๋าหน้าเหวอ ๆ น่าร้ากกกก
HBD Eunhyukjae
แก่อีกปีแล้วนะไก่จ๋า รัก รัก รัก TT
อยากแต่งฟิคให้แต่ไม่ทันแล้ววววว TOT
ไก่จ๋า ... เจอกันงานหน้านะ ฮืออออ
เป็นคนชอบสร้างปัญหา ... ชอบสร้างจริง ๆ นะ คิคิ
ปัญหามันเยอะ .. ก็แบบเนี้ย ฮ่า ๆ
ใครนะขอคยูซินอีก พี่ซ็อง ? คิคิคิ
เอื่อย อืด อึน =A=b
ไม่รู้จะแต่งต่อให้จบแบบไหน .. อยากให้มันจบพิลึก ๆ แบบที่คนอื่นไม่ทำกันอะ
คิคิคิคิ
ติด Oh! My lady มาก ซีรี่ส์เรื่องแรกที่ติดเลยนะนั่น - -b
ถึงขั้นวาดแฟนอาร์ตออกมา แต่ให้เกฮวาเป็นฮีนิม แล้วพระรองกะนางรองเป็นคิเฮซะงั้น 55 อนาโตมั่วเต็มกระดาษ อับอาย ...
รอลงสีเดี๋ยวจะเอามาลงให้ดู คิคิ
ความคิดเห็น