คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #61 : Special Da Capo : Im in love(sick) พี่กานต์+น้องตะวัน
(Kant X Tawan)
(Special Part : กานต์กฤษฎ์ครับ ^^ )
“เอ้า! ชนเว้ยๆ!”
ผมยกแก้วขึ้นชนรอบวงเมื่อไอ้เจ้าของงานมันดันอุตริชวนชนโค้ก ฮ่าๆ ก็ยังดีที่ไม่ใช่เหล้าเบียร์ ตอนนี้ยังไม่มืดเลย ขืนล่อแอลกอฮอล์ตั้งแต่หัววันมีหวังได้น็อคกันเรียบก่อนย่างเนื้อแน่
วันนี้ผมมากินเลี้ยงงานวันเกิดไอ้กล้าที่ร้านหมูกระทะในตัวเมืองครับ กล้ามันชวนมายกกลุ่มแต่ไม่ยอมเลี้ยงใครนอกจากแฟนมันเพราะมันบอกว่าเดือนนี้เงินช็อต ผมเลยงงๆว่าแล้วแบบนี้มันเรียกเลี้ยงตรงขุมไหนกันวะ...วันเกิดทั้งทีแต่คนที่มันเลี้ยงดันมีแค่อั๋นทั้งที่ไอ้อั๋นน่ะบ้านรวยกว่ามันตั้งหลายขุม เออ...ไอ้คนรักแฟน...ไอ้รักแฟนไม่รักเพื่อน...
แต่ก็เอาเหอะนะ...ไปว่ามันมากไม่ได้ ในเมื่อผมเองยังพาแฟนมากินด้วยเลย...
“น้องตะวันคร้าบบบ พี่เป้เอาเนื้อให้น้า~!”ไอ้ห่าหน้าม่อตัวพ่อส่งเสียงมาจากฝั่งตรงข้าม มันคีบเนื้อที่ย่างสุกแล้วยื่นข้ามหน้าข้ามตามาใส่ลงจานคนข้างๆผมอย่างว่องไว และผมก็ไวพอกัน โดยการเหวี่ยงตีนเตะขามันใต้โต๊ะดังปั้ก
“อ๊าก!! ขากู!!”อ้าว...จะเตะไอ้เป้ไหงไปโดนไอ้พีทได้วะ พีทนี่มันดวงซวยแท้ “ห่า! ใครเตะ!”
ไม่รู้ไม่ชี้...ผมไม่ได้ทำ...
“กานต์ มึงอย่ามาๆ”ไอ้พีทถลึงตาใส่ผม ผมแสร้งทำหูทวนลมไม่สนมันแล้วเบือนโฟกัสไปจิกไอ้เป้แทน
“มีปัญหาไรเป้ เนื้อที่ย่างเสร็จแล้วมีมากไปเหรอ”ผมถามมันยิ้มๆแต่แอบแผ่รังสีอันตรายรอบวงจนตัวเล็กที่คีบเนื้อกินอยู่ข้างๆผมยังต้องหันขวับมามอง ผมขยับยิ้มเย็นยะเยือก นึกหมั่นไส้ไอ้เพื่อนจอมม่อคนนี้แบบสุดตีน ก่อนจะออกคำสั่งเรียบๆ “พีท...เป้มันย่างเนื้อเหลือ ฉกได้เลย”
“รับทราบ!”พีทตัวน้อยรับคำผมอย่างรื่นเริงแล้วลงมือฉกฉวยเนื้อที่วางอยู่ในอาณาเขตของไอ้เป้ไปทันที ไอ้เป้ร้องโหยหวนแล้วบ้องหูไอ้พีท ก่อนที่พวกมันจะลงไม้ลงมือปนทะเลาะกันไปอีกพักใหญ่
สม...ไอ้จอมม่อ...เสือกม่อไม่ดูตาม้าตาเรือ...แฟนข้าใครอย่าแตะเฟ้ย...
“พี่กานต์นี่ชอบยุให้ชาวบ้านเขาตีกันนะเนี่ย”ตัวเล็กที่ยังเคี้ยวเนื้อ(ของไอ้เป้)หงับๆเงยหน้าขึ้นมองผม เรียวปากบางขยับยิ้มน้อยๆเป็นเชิงล้อเลียนให้อย่างน่ารัก
ใช่...น่ารัก...ในเมื่อแฟนผมน่ารักขนาดนี้แล้วมันผิดไหมที่ผมจะหวง?
“อย่ามาทะเลาะกันให้เสียฤกษ์งานกูน่า”ไอ้กล้าเจ้าของวันเกิดท้วงยิ้มๆ ประโยคมันฟังดูก็เหมือนจะดีอยู่หรอกถ้าไม่มีเสียงหัวเราะคิกคักเหมือนอยากสนับสนุนมากกว่าห้ามปนมาด้วย
“พูดซะอย่างกะมึงจะแต่งงาน เลี้ยงก็ไม่เลี้ยงแล้วยังจะปากดี!”โห...คมบาดไส้ พวกเพื่อนๆปรบมือให้พีทกันรอบวง บ้างก็เป่าปากแซว
“มึงจะมาเลี้ยงวันเกิดหรือจะหมั้นอั๋นวะ!”
“เฮ้ยๆๆ ต้องโทรสั่งเค้กฉลองให้ด้วยป่าว!”
เจ้าของวันเกิดเกาหัวแกรกๆทำท่า ‘เหมือนจะเขิน’ ก่อนที่มันจะพยักหน้ายิ้มๆ
“เออ...หมั้นไว้ก่อนก็ดีเหมือนกั...แอ้ก!!”ไม่ต้องรอให้พูดจบคนถูกลากเข้าไปพัวพันในบทสนทนาน่ากลัวๆก็ตบกบาลว่าที่ฝาละมีมันดังผัวะจนไอ้กล้าแทบจะหน้าทิ่มลงไปในกระทะ มันเงยหน้าขึ้น สะบัดหัวไปมาสองสามทีเหมือนจะมึนพร้อมทั้งครวญครางอย่างน่าสงสาร “อั๋นอ่ะ พูดเล่นนิดๆหน่อยๆเอง ทำซีเรียสไปได้...”
“อย่ามาทำเป็นเล่น ไม่ขำ!”ไอ้อั๋นหันหน้าหนี ดูๆไปมันก็น่ารักดีว่ะ ไอ้เพื่อนผมคู่นี้ อั๋นมันหน้าตาน่ารัก ถึงจะไม่ได้สวยหวานแต่ก็เป็นคนน่ารักคนหนึ่งเลยทีเดียว ไม่แปลกที่ไอ้กล้าจะหลงได้หลงเอาขนาดนี้
“กล้าขอโทษ อย่างอนกันสิครับคนดี”เอ้า มันเริ่มหยอดกันเอง ทั้งโต๊ะเป่าปากแซว อั๋นหน้าแดงพรวดแต่ไอ้คนหน้าด้านดันไม่ยักสน มันยังง้อยังอ้อนต่อไปได้หน้าด้านๆ “กล้าไม่พูดเล่นก็ได้ ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว หันมาเหอะนะ นะๆๆ”
“เออ!!”อั๋นมันตอบห้วนๆสั้นๆคำเดียวเสร็จก็เอาตะเกียบทิ่มเนื้อในเตาหลายๆทีเหมือนจะเร่งให้มันสุกเร็วๆทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วมันไม่มีผล - - แต่ใครจะรู้ล่ะ บางทีมันอาจจะจินตนาการว่าไอ้กล้าเป็นเนื้อชิ้นนั้นอยู่ก็ได้ เพื่อนผมนี่ดูๆไปแล้วก็น่ากลัวหน่อยๆว่ะ
แต่ไอ้คนไม่เจียมก็ยังขยับยิ้มกว้าง ท่าทางเหมือนหมาหงอยเมื่อครู่หายวับไปอย่างฉับพลัน กลายเป็นระริกระรี้เสียจนคนหน้าโหดข้างๆยังต้องแอบระแวง “กล้าไม่พูดเล่นแล้ว...แต่พูดจริงทำจริงเลยดีกว่า”
“ฮิ้ววววววววว”โต๊ะเกือบแตกเมื่อไอ้พวกรอบโต๊ะพร้อมใจกันโห่ให้ท้าย อั๋นทำตะเกียบหลุดมือร่วงลงพื้นเหมือนจะช็อค ผมกับตัวเล็กหัวเราะออกมาพร้อมกัน ตัวเล็กอยู่กับพวกผมบ่อยจนรู้แกวไอ้พวกนี้กันหมดแล้ว โดยเฉพาะอั๋นที่มองจากภายนอกนิสัยน่ากลัวแต่ถ้าใครได้คบเป็นเพื่อนหรือรู้จักกันจริงๆจะรู้เลยว่าอั๋นน่ะ...นอกจากจะใจดีไม่เข้ากับมาดแล้วยังขี้อายโคตรๆอีกต่างหาก
แต่ก็เพราะแบบนี้แหละ...กล้ามันถึงได้รักนักรักหนา
“อ...ไอ้พวกบ้า!! หุบปากโว้ยยย!!!!”ท่านประธานวงแหกปากวีนแตกเมื่อเรียกสติกลับมาได้สำเร็จหลังจากที่สติแตกทะลุปรอทไปเรียบร้อยเพราะความหน้าด้านของไอ้กล้าตัวดี
“ผมว่าพี่อั๋นตอนนี้น่ารักมากกว่าน่ากลัวแฮะ”ตัวเล็กวิจารณ์ซื่อๆด้วยเสียงที่ไม่ได้เบานัก ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นสันดานที่ติดกันไปติดกันมายกกลุ่มหรือเปล่า ไอ้โรคกระซิบไม่เป็นเนี่ย เพราะพักหลังๆมานี้ตัวเล็กของผมก็ชักจะเป็นไปกับเขาด้วยแล้ว
ไอ้อั๋นหันขวับมาทำหน้าเหมือนอยากบีบคอตัวเล็กของผมแต่ผมมองมันแบบข่มขู่เอาไว้ก่อน ฮ่าๆ แต่เอาเข้าจริงอั๋นมันก็ไม่ทำหรอกครับ มันถือว่ายังไงซะตัวเล็กก็เป็นน้องเล็กสุด
“ขอบใจนะตะวัน พี่เชื่อว่าแฟนพี่น่ารัก”ไอ้กล้าก็ยังตอบแบบไม่ทุกข์ร้อน ก่อนที่หน้ามันจะเริ่มบิดเบี้ยวเหมือนถูกบางสิ่งขยี้ตีน ผมหัวเราะหึๆ ไม่ต้องก้มมองก็รู้ว่าเป็นฝีมือใคร “โอ๊ะ...โอ๊ยๆ...โทษครับ...กล้าไม่แกล้งแล้ว...แต่ถ้าแหย่ก็โอเค...โอ๊ยๆๆๆ ไม่ทำแล้วจริงๆ! เอาเท้าออกไปทีเถอะคร้าบบบ!”
อั๋นกระตุกยิ้มสุดโฉดแล้วหันเหความสนใจไปที่หมูกระทะตามเดิม ผมมองหน้าบึ้งๆบูดๆของไอ้กล้าอย่างนึกขำ อยากเล่นกับใครไม่เล่นเองนี่นะ...
ถึงอั๋นมันจะเริ่มมีมุมน่ารักบ้างอะไรบ้างยังไง แต่ในความเป็นจริงไอ้นี่มันก็ยังคงเป็นไอ้ร็อตไวเลอร์สุดโหดอยู่วันยังค่ำนั่นแหละ...ฮา
เวลาผ่านไปนานพอสมควร เนื้อที่ลงไปย่างในเตาเริ่มน้อยลงตามปริมาณที่แปรผันตรงกับปริมาณเนื้อที่ในกระเพาะอาหาร แล้วพวกแม่งก็เริ่มเปิดเหล้าเปิดเบียร์กันอย่างไม่มีเกรงสายตาประชาชี...ดีนะที่ไม่ได้มากินกันตอนใส่ชุดนักเรียน แต่ก็เอาเหอะ...ชนๆ
ตัวเล็กจ้องไอ้น้ำสีอำพันใสๆของใครต่อใครรอบโต๊ะด้วยดวงตาเป็นประกายวาววับจนผมเริ่มตงิดๆใจ ตัวเล็กมองแล้วมองอีกสลับกับแก้วโค้กในมือของตัวเอง ผมอ่านสายตาของตัวเล็กแล้วก็เริ่มนึกเดาอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ แต่...เอ่อ...คงไม่มั้ง...
“พี่กานต์”ตัวเล็กเริ่มแล้ว ผมหันไปยิ้มแล้วทำทีเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“ครับ? ว่าไง?”
“ตะวันก็อยากกินบ้างอ่ะ”โอ้ ขอกันซื่อๆตรงๆแบบไม่มีอ้อมค้อม แต่...ของ่ายให้ยากจังแฮะ “คราวก่อน...กินเข้าไปแล้วจำไม่ได้...ขอลองอีกได้มั้ยครับ”
โหย...ขอเสียงหวานแบบนี้ปฏิเสธยากว่ะ แต่คิดหรือว่าผมจะให้ง่ายๆ ก็ไอ้ที่ว่า ‘คราวก่อน’ นั่นล่ะที่เป็นตอชิ้นเบ้อเริ่มเลย ผมพยายามนึกหาเหตุผลขึ้นมาอ้าง จนสุดท้ายก็ไปตายดับเอาเหตุผลพื้นๆที่ฟังดูโคตรงี่เง่าแบบบัดซบ
“ตัวเล็กยังเรียนม.ต้นอยู่เลย...พี่เองก็ไม่ได้อยากหัวโบราณหรอกนะ แต่เดี๋ยวกินเข้าไปแล้วเมาขึ้นมาจะทำไงล่ะ ต้องกลับบ้านด้วยนี่ เดี๋ยวคุณแม่ตัวเล็กจะดุพี่เอา”
...หวังว่าตัวเล็กจะจำไม่ได้ว่าครั้งที่แล้วผมยังเชียร์ให้เขากินอยู่เลย ถึงในความหมายของผมมันจะเป็นแค่การจิบนิดๆหน่อยๆก็เหอะ...
“ไม่เห็นเป็นไรเลย ก็มากับพี่กานต์นี่ครับ”ตัวเล็กตอบหน้าตาเฉย โอ๊ยยยย อย่ามาอ้างด้วยเหตุผลนี้สิน้อง ไอ้ที่ว่า ‘มากับพี่’ นี่แหละครับที่อันตราย!
ผมน่ะ...เคยสาบานเอาไว้กับตัวเองเลยล่ะ ว่าถ้าตัวเล็กยังเป็นแบบนี้ให้ตายผมก็จะไม่พาไปดื่มเหล้าแบบไม่ดูตาม้าตาเรืออีกเป็นอันขาด
“เฮ้ย...น้องเขาอยากลอง...ก็ห้ายลองดิ...เอิ๊ก...”ไอ้พีทไปก่อนใครเพื่อนเลย ไอ้นี่แม่งคออ่อนแต่ริจะดื่ม แถมยังจะอุตริชวนให้เด็กผม(อ่านไม่ผิดหรอก เด็ก-ผม!)ดื่มอีก นี่ถ้าดื่มออกมาแล้วมีสภาพแบบมันผมจะรับได้หรือเนี่ย
ฮ่าๆ อันที่จริงผมก็ไม่ได้รังเกียจคนเมาหรอก เรามันผู้ชาย ดื่มนิดดื่มหน่อยไม่เสียหาย ดีซะอีกจะได้รู้ไว้เป็นประสบการณ์ แต่ตัวเล็กอ่ะเป็นโคตรของโคตรกรณียกเว้นเลยครับ ไม่ใช่ว่าผมดูแลปกป้องแฟนเกินเหตุจนไม่ยอมให้ลองอะไรหรอกนะ แต่เพราะเคยให้ลองแล้วมันเป็นเรื่องน่ะสิ!
อั๋นที่นั่งข้างๆผมหันมายิ้มมุมปากให้หน่อยนึง...โห...อย่ามาทำหน้าฉลาดเลยอั๋น ไอ้เพื่อนคนนี้เหมือนจะรู้ทันผมไปซะทุกเรื่อง แต่คิดๆดูก็คงจะพอๆกับที่ผมเองก็รู้ทันมันล่ะมั้ง ผมกับไอ้อั๋นสนิทกันมาตั้งแต่ม.ต้น ในกลุ่มนี้คนที่ซี้กับผมที่สุดก็มันนี่ล่ะ(แต่แค่ในฐานะเพื่อนนะ...ยังไม่อยากหาเรื่องทะเลาะกับไอ้กล้า)
“มึงเองก็...อย่าเพิ่งสติขาดไปซะก่อนล่ะ”ไม่น่าเชื่อว่าคำพูดแบบนี้จะออกมาจากปากคนเข้มงวดแบบอั๋น นี่แสดงว่าเหล้าคงเข้าปากมันไปไม่น้อยแล้วล่ะ เห็นหน้ามันเป็นแบบนี้แต่อย่าได้คิดจะไปดูถูกมันเด็ดขาดเลยนะ อั๋นน่ะโคตรจะคอทองแดง ที่รู้ก็เพราะแต่ก่อนกล้ามันก็เคยวางแผนจะมอมเหล้าอั๋นเหมือนกัน แล้วทุกท่านเดาผลลัพธ์ได้หรือเปล่าครับว่าจากนั้นมันเกิดอะไรขึ้น?
แน่ล่ะ...ฝ่ายที่เมาเละเป็นไอ้กล้าไม่ใช่ไอ้อั๋น แต่พอพูดถึงไอ้กล้าเมาอั๋นมันก็ตัดจบไม่ยอมเล่าเรื่องตอนต่อให้ผมฟัง แต่ก็นะ...ถึงไม่เล่าผมก็จะพอเดาได้ สังเกตได้ง่ายๆเลยจากวันต่อมาที่กล้ามันต้องลากสังขารมาโรงเรียนโดยที่ตาข้างหนึ่งเป็นรอยเขียวช้ำไปทั้งดวงยังกะช่วงช่วง...
ผมเองก็รู้นะว่าอั๋นมันแค่เตือนด้วย...ฮึ่ย ความหวังดี เพราะมันก็พอจะรู้เรื่องเมื่อตอนงานครั้งที่แล้วที่ผ่านมาเหมือนกัน แต่ว่า...ฟังมันพูดแล้วมันน่าหงุดหงิดใช่น้อยที่ไหนล่ะครับ!
“พี่กานต์...”ตัวเล็กยังไม่เลิก ผมถอนหายใจ กลอกตาขึ้นฟ้า...อา...คืนนี้ดาวสวยจัง นานๆทีนะเนี่ยที่จะได้เห็นดาวชัดๆแบบนี้...เฮ้อ...ไม่ใช่สินะ...
ผมมองคนข้างๆอย่างชั่งใจ กำลังคิดอยู่ว่าควรจะให้มี...เหตุการณ์เดิมๆ...เกิดขึ้นอีกหรือไม่
ย้อนไปเมื่อตอนปลายเทอมที่แล้วหลังจากที่พวกผมสอบปลายภาควันสุดท้ายเสร็จ พวกเพื่อนๆมันชวนไปฉลองสอบเสร็จกันที่ร้านอาหารที่เป็นคนรู้จักของเซม งานนี้ไอ้เซมกับไอ้กล้าเลยจับมือกันรับเป็นเจ้ามือเลี้ยง...โดยมีเงื่อนไขหมาๆว่าเลี้ยงแค่ข้าวเปล่ากับน้ำ กับข้าวกับอย่างอื่นถ้าอยากกินต้องสั่งแยกต่างหากกันเอาเอง
ตอนนั้นทุกคนต่างก็เห็นพ้องต้องกัน...ว่าถ้าเป็นแบบนี้แล้วจะจั่วหัวขึ้นมาว่าเลี้ยงทำพระหอกหักซากผีอะไร...
ม.ต้นสอบเสร็จเร็วกว่าม.ปลาย หมดช่วงสอบไปตั้งแต่วันพฤหัสฯแล้ว(ม.ปลายสอบวันสุดท้ายวันศุกร์) แต่ผมเคยชวนตัวเล็กเอาไว้แล้วและอีกฝ่ายก็ตอบตกลง ผมเลยแวะไปรับตัวเล็กที่บ้านก่อนไป เจอพ่อกับแม่แล้วก็น้องสาวของเขาด้วย...แหม อยู่กันครบทั้งครอบครัว ว่าที่ลูกเขยก็เขินเป็นนะครับ...ฮ่าๆ ว่าเข้าไปนั่น
“อาจจะกลับดึกหน่อยนะครับ แต่ผมจะมาส่งให้ถึงบ้านเลย ไม่เป็นไร”ผมคอนเฟิร์มกับพ่อแม่ตัวเล็ก อันที่จริงบ้านนี้ก็เลี้ยงลูกแบบปล่อยๆนะ โดยเฉพาะพ่อเขาที่ไม่ว่าอะไรเลยสักคำ ออกจะสนับสนุนด้วยซ้ำ
“ดีแล้วล่ะ ให้เจ้าลูกคนนี้ออกไปเที่ยวซะบ้าง ไม่ใช่เอาแต่หมกตัวอยู่คนเดียว ทำตัวเป็นเด็กมีปัญหาไปได้”
“พ่อ!!”ตัวเล็กหน้าแดงเลยครับ เด็กอะไรโคตรน่ารัก...
“ตัวเล็ก...อืม...น้องตะวันเขาก็เป็นเด็กดีออกครับ”ผมเผลอเรียกชื่อที่คุ้นปากออกไป แต่แล้วก็ต้องกลับคำแทบไม่ทันเมื่อนึกขึ้นได้ว่าคุยกับพ่อของเขาอยู่ แต่พ่อตัวเล็กกลับหัวเราะ
“ถนัดแบบนั้นก็เรียกแบบนั้นก็ได้ เจ้าลูกคนนี้มันตัวเล็กจริงๆนี่นา ตัวเตี้ยติ๊ดเดียวเอง ไม่ได้เชื้อพ่อมันบ้างเลย”
ผมอมยิ้ม คุณพ่อของตัวเล็กเป็นคนรูปร่างสูงพอตัวครับ แต่ก็ยังน้อยกว่าผมนิดหน่อย(ผมสูง 184 ซม.) ตัวเล็กทำหน้าบึ้งระหว่างฟังรายการเผากันสดๆและก็เหมือนจะงอนเลยรีบเดินออกไปก่อนโดยไม่รอ
“ผมไปก่อนล่ะ!”
“อ้าว...แล้วใครจะพาไปล่ะครับ...ร้านไหนก็ไม่รู้ไม่ใช่เหรอ”ผมแกล้งถามพาซื่อ นึกแล้วก็ขำที่เห็นตัวเล็กชะงักกึกเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ พ่อของเขาหัวเราะร่วน ท่าทางท่านดูเป็นคนขี้เล่นต่างจากแม่ที่นั่งดูอยู่เงียบๆ คุณแม่ของตัวเล็กท่านดูขี้อายครับ ส่วนยัยหนูเปี๊ยกก็เอาแต่หัวเราะคิกคัก ผมจับผังความสัมพันธ์ของบ้านนี้ได้ทันที ตัวเล็กคงจะเหมือนแม่ ส่วนน้ำฝนน่ะเหมือนพ่อแหงๆ...
ผมไหว้ลาพ่อกับแม่ของตัวเล็กแล้วเดินตามคนขี้งอนออกไป รู้สึกอารมณ์ดีอย่างบอกไม่ถูก
“เฮ้ยๆๆ พวกไอ้กานต์มาแล้วเว่ย!”ไอ้เซมผู้เป็นเจ้ามือ ไม่สิ...ผู้อ้างตัวแบบหน้าด้านๆว่าเป็นเจ้ามือแหกปากตะโกนเมื่อเห็นผมลงจากรถ ผมเห็นตัวเล็กขมวดคิ้วนิดหน่อยเมื่อมาถึงร้าน มันไม่ใช่ร้านอาหารธรรมดาหรอกครับ นี่มันร้านกึ่งๆบาร์เลยล่ะ
“แน่ใจนะว่าเข้าได้?”ตัวเล็กหันมาถามแบบไม่ค่อยอยากเชื่อมือ ผมจึงยิ้มให้
“ถึงจะเห็นแบบนี้แต่ก็ยังมีดีกรีเป็นร้านอาหารอยู่ครับ...ไอ้เซมมันว่างั้นนะ”ตัวเล็กถลึงตาใส่กับคำพูดประโยคท้ายที่ฟังดูไร้ความมั่นใจสุดๆ แต่ผมไม่สน ผมหัวเราะร่วนแล้วจูงมือตัวเล็กเข้าร้านไปแบบไม่สนใจดวงหน้าสวยหวานที่ติดจะแดงระเรื่อนิดๆนั้น...อยากน่ารักเองทำไมล่ะ...ผมก็คนนะ...แต๊ะอั๋งแฟนตัวเองแค่นี้มันผิดตรงไหน...
ในโต๊ะมากันเกือบครบแล้ว เริ่มจากไอ้เซมผู้ประกาศตัวนักหนาว่าเป็นคนเลี้ยง(บ้านบรรพบุรุษมันน่ะสิครับ)ตามมาด้วยกล้าที่ยังคง(พยายามจะ)เกาะอั๋นแจ แล้วก็ไอ้เป้ไอ้เมฆไอ้พีท สามสหายหมัดเห็บเหาที่ไม่เห็นจะเคยแยกจากกันสักที นอกนั้นก็เป็นพวกปลาย ไฟร์ ห้องเดียวกับพวกไอ้อั๋น แล้วก็เน็ต นันท์ มิว หนึ่ง พวกแผนวิทย์ห้องสามแล้วก็ศิลป์คำนวณ
ตัวเล็กเลิกขัดเขินกับกลุ่มผมไปนานแล้ว แรกๆเขาก็ขี้อายไม่ค่อยกล้าคุยกับใครเพราะตัวเองเป็นรุ่นน้องคนเดียวในกลุ่ม แต่นานวันเข้าตัวเล็กก็เริ่มสนิทคุยกับคนโน้นคนนี้ได้ พูดไปแล้วมันก็เป็นเรื่องที่ดีนะ แต่...ไม่รู้สิ ผมว่าผมแอบเซ็งหน่อยๆแฮะ
การที่ตัวเล็กสนิทใจกับทุกคนมันก็ดี...แต่การที่ผมได้ยึดตัวเล็กเอาไว้คนเดียวก็ใช่ว่ามันจะแย่นี่ครับ เนอะ?
“กินได้เต็มที่เลยนะ เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง”ผมบอกตัวเล็ก ตอนแรกเขาก็ทำหน้าเหมือนไม่แน่ใจ ผมเลยสำทับ “เราตัวนิดเดียวแค่นี้ แค่ค่าข้าวพี่มีปัญญาจ่ายให้น่า ไม่เป็นไรหรอก”
เหตุผลที่ยกมาอ้างทำให้คนถูกหาว่าเตี้ยทำหน้าไม่สบอารมณ์ “อยากเลี้ยงนักก็ตามใจ คอยดูเหอะ จะกินให้กระเป๋าฉีกเลย!”
ผมหัวเราะร่า “เอาสิครับ...ทำได้ก็เชิญ...พี่ก็อยากเห็นตัวเล็กนอนอืดเป็นลูกโป่งพองลมเหมือนกัน”
“บ้ารึไง!!”
พอพวกเพื่อนๆมากันครบเราก็เริ่มสั่งอาหารมา แต่ละอย่างทยอยมาเสิร์ฟที่โต๊ะจนโต๊ะยาวสามตัวต่อกันเต็มไปด้วยกับข้าว ของคาว ของหวาน ของทานเล่น น้ำ สารพัดสารเพที่แทบจะทำให้ร้านวิ่งมาเสิร์ฟกันไม่ทัน เซมบอกว่านี่ร้านญาติมันเอง อยากสั่งไรเชิญถล่มได้เต็มที่แต่ขออย่างเดียวแค่ว่าให้จ่ายด้วยเป็นพอ
แน่นอนว่าฉลองทั้งที ตามวัยเรามันก็ต้องมีแอลกอฮอล์นิดๆหน่อยๆพอหอมปากหอมคอ อย่าหาว่าพวกผมเป็นเด็กไม่ดีเลยนะครับ ของแบบนี้มันก็ต้องมีกันบ้างล่ะน่า
“เปิดเว้ยๆ”แต่ถึงจะซดเราก็เล่นกันเบาะๆแค่เบียร์สด เซมมันบอกว่าไม่อยากทำร้านพี่มันให้กลายเป็นโรงแรมจิ้งหรีดระดับโลว์ ก็นะ...ขืนกินเหล้ามีหวังได้กลับบ้านไม่ถูกกันหมดแน่
“เอาเลยๆ เต็มที่เพื่อน”ไอ้เป้เลื่อนแก้วเบียร์ส่งมาเป็นทอดๆให้สุดอีกฝั่งของโต๊ะก่อน ผมเองก็หยิบไปแก้วนึง แต่พอเหลือบมองคนข้างๆที่เอาแต่มองแก้วเบียร์แบบไม่แน่ใจ ผมก็ต้องชะงัก
ผมเลื่อนแก้วส่งให้อั๋นที่นั่งข้างๆตัวเล็กอีกที แล้วบอก “ตัวเล็กกินกับพี่ดีกว่านะ...เราไม่เคยดื่มใช่ไหม?”
เขาพยักหน้าช้าๆเหมือนจะอาย ไม่แปลกหรอกมั้ง ตัวเล็กของผมท่าทางเป็นเด็กดีอยู่ในกฎในระเบียบจะตาย แถมเพิ่งจะอยู่แค่ม.2 คงจะยังไม่เคยดื่มแบบจริงๆจังๆ
ผมส่งแก้วให้ตัวเล็กจิบก่อน ฝ่ายนั้นรับไปซดแบบไม่ค่อยมั่นใจ และพอกินไปได้สักอึกสองอึกเขาก็ส่งแก้วให้ผมเป็นการสลับกัน ตัวเล็กยิ้มให้ผมนิดๆ ท่าทางจะชอบใจ ผมเลยพลอยรู้สึกดีไปด้วยที่อย่างน้อยๆเขาก็ยังรู้สึกสนุก
ก็แหม...ที่มากันนี่มีแต่พวกรุ่นพี่ทั้งนั้นเลยนี่ ผมก็กลัวๆว่าเขาจะเบื่อเหมือนกัน
“เฮ้ย...กานต์...ช่วยไรกูหน่อยดิ”ไอ้กล้าที่นั่งฝั่งซ้ายผมกระซิบเบาๆ ผมหันไปมองมัน กล้าหันซ้ายหันขวา ท่าทางดูระแวงหน่อยๆ ผมจึงเดาได้ไม่ยากเลยว่ามันต้องไม่แคล้วเรื่องอั๋นชัวร์ “คือ...แบบ...อั๋นเขางอนกูอ่ะ...กูไปทำธุระให้เฮียกู...แล้วกูก็ดันซวยโดนยัยเจ๊เชียร์เบียร์ที่ร้านมันเกาะแข้งเกาะขาเอา อั๋นมันไปรอกูมันเลยเห็นเข้าเต็มสองตาเลย...”
กล้าเล่าเสียงอ่อยในขณะที่ผมเลิกคิ้วสูงที่ลางสังหรณ์ตัวเองแม่น มีไม่กี่สาเหตุหรอกครับที่จะทำให้ไอ้กล้ามันยอมแยกกับอั๋นได้ ตอนนี้แถวที่นั่งฝั่งผมมันเรียงกันเป็นกล้า ผม ตัวเล็ก แล้วก็อั๋น อันที่จริงตามตรรกะของคนปกติเวลาโกรธกันมันก็ยิ่งต้องเข้าไปใกล้ แต่เวลาอั๋นโกรธการง้อนี่แหละที่ไม่ควรทำที่สุด จากปากคำกล้า เวลามันเข้าไปใกล้อั๋นตอนหงุดหงิดมันก็ไม่แคล้วน่วมสักที
“ขืนกูบุกไปขอโทษตอนนี้กูคงโดนซัดหน้าแหก”ไอ้กล้าเบะปาก มันดูหายกล้าไปในทันใด “ทั้งที่เอาเข้าจริงแล้วกูก็ไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย”
“ก็ลองพูดแบบนั้นสิ”ผมแนะมันแบบไม่จริงจังนัก คนอย่างไอ้กล้ามันเป็นพวกอยากหาถังขยะระบายมากกว่า ผมไม่เชื่อหรอกว่ามันจะนึกวิธีง้ออั๋นไม่ออก อย่าว่าแต่ง้อเลย จีบแบบหน้าด้านๆจนติดยังเคยทำมาแล้วด้วยซ้ำ
ไอ้กล้าเบะปาก “มึงนี่ชอบแนะนำให้กูไปตายอยู่เ...เฮ้ย!!”อยู่ๆมันก็แหกปากอุทาน สายตามองข้ามไหล่ผมไป ผมเลยหันไปมองตามมันก่อนจะเผลอหลุดอุทานบ้าง
“ชิบหาย...”
ไม่ชิบหายได้ไงล่ะครับ ผมมัวแต่คุยกับไอ้กล้าเพลิน หันมาอีกทีเบียร์ทั้งแก้วก็เรียบวุธไปแล้ว แถม...คนที่ดื่มมันเข้าไปก็ยังทำท่าจะขอสั่งเพิ่มอีกต่างหาก
“พี่เป้...เอิ้ก...ขอห้ายผม...อีกสิ”ตัวเล็กพูดเสียงอ้อแอ้ไม่เป็นคำแถมยังหัวเราะคิกคักจนดูแล้วชวนให้ปวดประสาทสิ้นดี...น่ารักเกินไปแล้ว!!...ไอ้เป้ทำหน้าลำบากใจ ทั้งโต๊ะตอนนี้ใครดูก็รู้ว่าตัวเล็กน่ะเมาแอ๋สุดๆ
“กินไปเท่าไหร่เนี่ย เร็วเป็นบ้า”ผมพึมพำกับตัวเอง รู้สึกเหมือนเส้นประสาทจะแตก ผมเริ่มหันไปเล่นงานไอ้คนนั่งข้างอีกฝั่ง “อั๋น ไมมึงไม่ดูน้องเลยวะ ปล่อยให้กินเข้าไปขนาดนี้ได้ไงกัน!”
ไม่น่าแปลกที่อั๋นมันจะยักไหล่ตอบราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ก็น้องเขาอยากกิน...กูจะห้ามได้ไง?”ว่าจบมันก็แสยะยิ้มเย็นเฉียบ เล่นเอาผมขนหัวลุกซู่
อั๋นมันคงหงุดหงิดที่เห็นไอ้กล้ามาประชุมลับกับผม โว้ย...แล้วมันความผิดอะไรของผมกับตัวเล็กวะที่ต้องเข้ามาพัวพันกับวังวนนรก งอนแม่งเข้าไป ถึงง้อกูก็ไม่ยอมยกโทษให้ของพวกมัน
“พี่เป้...”ตัวเล็กก็ยังไม่เลิก ร้องจะดื่มต่อท่าเดียว ไอ้อั๋นกระตุกยิ้มหึแล้วมันก็หันหน้าหนี ผมรู้ว่ามันไม่ได้คิดร้ายอะไรกับตัวเล็กหรอกครับ...มันแค่จะแกล้งผมมากกว่า!
“ไปๆ กลับบ้านกันดีกว่าครับ...ขืนอยู่แบบนี้ต่อคงไม่ดีแน่”ผมบอกตัวเล็กโดยที่ประโยคท้ายทำเพียงพึมพำกับตัวเองเบาๆ จะดีได้อย่างไร ตัวเล็กตอนเมาน่ะหน้าเป็นสีชมพูระเรื่อขนาดนี้ แถมยังยิ้มหวานตลอด แววตาก็ดูเบลอๆเยิ้มๆ แม่งเอ๊ย...ขอสบถสักทีเหอะ รู้หรอกนะว่าเมา แต่...
อย่ามาทำหน้าตาน่ารักใส่พี่แบบนี้สิคร้าบบบบ!!!
ผมหันไปส่งสายตาคาดโทษให้ไอ้ห่ากล้าต้นชนวน เห็นมันยกมือเทินเหนือหัวพร้อมทั้งขมุบขมิบปากขอโทษ...เออ...เอา...ขอให้อั๋นโกรธมันนานๆทีเถอะว่ะ!! หมั่นไส้!!
ผมพยุงคนตัวเล็กกว่าให้ลุกขึ้น แต่เจ้าตัวดีก็ยังเอาแต่เรียกร้องขอเพิ่มแถมยังดิ้นไม่ยอมท่าเดียว สุดท้ายผมเลยต้องช้อนร่างแล้วอุ้มขึ้นทั้งตัว บังคับให้ยอมไปด้วยแต่โดยดี
“เฮ้ย กลับก่อนนะเว้ย”ผมตะโกนบอกพวกเพื่อน บางคนยิ้มเจ้าเล่ห์ บางคนก็เป่าปากแซว แต่ผมไม่สนพวกมันหรอก ผมเดินออกมาจากร้าน ขาแทบจะพันกันยิกๆเพราะรีบ ดีนะที่วันนี้เอารถมา ขืนเอามอ’ไซค์มามีหวังคงเอากลับลำบากตาย
“พี่กานต์...อืม...จะพาผมไปหนายยย”ผมถอนหายใจ รัดเข็มขัดนิรภัยให้เจ้าตัวยุ่งก่อนจะสตาร์ทรถ ในหัวครุ่นคิดหาทางออก...เอาไงดีวะ...ปล่อยกลับบ้านทั้งที่กลิ่นเบียร์หึ่งขนาดนี้เหรอ...อย่าเลย ไม่งั้นงวดหน้าผมคงพาตัวเล็กออกมาเที่ยวด้วยอีกไม่ได้แหง
แต่...เฮ้อ...จะว่าไปแล้ว...
ผมกุมขมับ ใครจะไปนึกล่ะวะว่าเจ้าตัวเล็กของผมจะคออ่อนสุดๆ แค่เบียร์ก็เมาแอ๋ได้!!
ผมกดโทรศัพท์โทรออกเมื่อคนข้างๆเริ่มสงบลงแล้ว “ฮัลโหล...ผมกานต์กฤษฎ์นะครับ เอ่อ...คือน้องตะวันเขาหลับไปแล้ว ผมไม่อยากปลุกน้อง เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมค่อยพาไปส่งบ้านได้ไหมครับ...อ๋อ...ครับ...คุณพ่อคุณแม่ผมก็อยู่ที่บ้าน นี่ผมก็กำลังจะกลับจากร้านอาหารแล้ว...ก็อาหารตามสั่งทั่วๆไปน่ะครับ น้องตะวันกินเก่งน่าดู”ผมเหลือบมองจอมยุ่งที่เริ่มส่งเสียงงึมงำๆในลำคอ คุณแม่ของตะวันเป็นคนรับสาย ท่านเป็นห่วงตัวเล็กน่าดูเลย แต่ผมก็ยินดีตอบทุกคำถามนะ ก็ไม่มีอะไรที่จะต้องปิดบังนี่นา
“ครับ...ได้ครับ...ครับ...แน่นอนครับ...ผมจะดูแลน้องให้ดีที่สุด ราตรีสวัสดิ์นะครับ”ผมกดวางสาย มองดวงหน้าขาวใสที่ติดจะมีสีชมพูระเรื่อเข้มกว่าปกตินิดหน่อยเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ พ่อแม่ของตัวเล็กรักเขามาก แต่ผมก็ดีใจนะที่ทางบ้านตัวเล็กไว้วางใจผม ถึงจะไม่รู้ว่าจริงๆแล้วผมกับตัวเล็กเป็นอะไรกันก็เหอะ...
ผมออกรถ ตอนนี้เพิ่งจะสามสี่ทุ่ม ตัวเล็กเงียบไปพักหนึ่งแล้วแต่ก็ยังขยับยุกยิกๆอยู่ หากขับรถไปได้สักพักผมก็ต้องสะดุ้งเมื่อมือน้อยข้างหนึ่งเอื้อมมาปัดป่ายไปมาอยู่บนต้นขา
ตำแหน่งไม่สู้ดี...ที่รักครับ...ช่วยเอามือออกไปก่อนเหอะนะ
ผมเหลือบมองมือซนๆข้างนั้น ตัวเล็กลุกขึ้นมาแล้ว แม้จะยังติดเข็มขัดนิรภัยแต่เราก็นับว่าอยู่ใกล้กันเกินกว่าปกติสุดๆ ผมยิ้มเฝื่อนๆแต่สายตาไม่ละไปจากทางข้างหน้า ให้ตายสิ...ผมเองถึงจะดื่มไปแค่นิดๆหน่อยๆแต่แอลกอฮอล์มันก็มีฤทธิ์นะครับ...โดนแตะนิดแตะหน่อยผมก็ร้อนวูบแล้ว
วะ...อย่า...ยั่วพี่กันแบบนี้สิ...
“พี่กานต์...ผม...”ตัวเล็กเริ่มเลื่อนมือขึ้นมาเกาะแขนผม เฮ้ยๆๆ พี่ขับรถอยู่นะคนดี ถึงอยู่กับเราแล้วจะเวิร์คแต่พี่ก็ยังไม่อยากเป็นผีเฝ้าข้างทางกับเรานักหรอกนะ ศีรษะทุยเอนซบแขนผม ไม่รู้ตัวแสบนี่อุตริปลดเข็มขัดนิรภัยออกเองตั้งแต่เมื่อไหร่แถมยังเกาะแขนผมเสียแน่น
“...คืนนี้ผมอยากอยู่กับพี่จังฮะ...”
เอี๊ยดดดด!!!!
ดีนะที่มันดึกแล้วแถมเส้นนี้ก็ไม่ค่อยมีรถวิ่ง...ผมรีบหักพวงมาลัยเข้าข้างทาง ตัวเล็กดูสะลึมสะลือแต่ก็ยังไม่วายที่จะยิ้มหวาน เขาคงไม่รู้ล่ะมั้งว่ารอยยิ้มนั่นน่ะฆ่าผมได้เลยนะ...สาบานเถอะว่านั่นแค่ละเมอออกมา!!
ผมมองร่างเล็กๆที่ซุกซบออดอ้อนผิดจากยามปกติไปถนัดตาด้วยความรู้สึกประหลาดพันลึก เอ่อ...อันที่จริงแบบนี้ก็น่ารักดีอยู่หรอกนะ...แต่...ผมไม่ค่อยจะชอบเลยว่ะ...
ก็ถ้าเป็นแบบนี้...มันก็ยิ่งอดใจลำบากน่ะสิครับ!
ผมล่ะเศร้า มีแฟนเด็กมันไม่ดีก็ตรงนี้ เราทำอะไรเขามากไม่ค่อยได้ เดี๋ยวจะกลายเป็นทำมิดีมิร้ายเขาซะเปล่าๆ เอ้ย...ไอ้ที่พูดนี่ไม่ใช่ว่าผมกำลังคิดเรื่องลามกๆอยู่นะ...แต่...วะ...ผมเองก็เป็นคน มีอารมณ์ มีความรู้สึกนึกคิดเหมือนกันนะ
อุตส่าห์ทนนิ่งเฉยเป็นพระอิฐพระปูน ไม่ยอมแตะต้องเขามากไปกว่ากอดจูบธรรมดามาได้ตั้งนาน ตบะจะมาพังเอาก็วันนี้ล่ะ!
“พี่กานต์...”ตัวเล็กครางเบาๆ ทำเอาผมต้องสูดลมหายใจเข้าแล้วผ่อนออก ท่องพุทโธ...ธัมโม...สังโฆ...นั่นเด็กโว้ย...นั่นเด็ก...นั่งท่องเป็นไอ้บ้าอยู่คนเดียว
ศีรษะของตัวเล็กเลื่อนมาซบแถวๆอกผม สองแขนกอดรัดผมเอาไว้หลวมๆ ก่อนที่เจ้าตัวจะละเมอพึมพำออกมาเบาๆ
“...รักพี่นะครับ...”
.......
ได้ยินเสียงอะไรสักอย่างในหัวตัวเองขาดผึง ผมปลดเข็มขัดนิรภัยออกแล้วดึงเจ้าตัวแสบออกจากอก ผมวางเขากลับลงไปที่เบาะแล้วเป็นฝ่ายโน้มกายเข้าไปหาแทน หน้าตัวเล็กตอนนี้แดงระเรื่อดูน่ารักมากกว่าเดิมหลายเท่าตัว แถมพิษแอลกอฮอล์ก็ยังทำให้มีเสียงครางอือๆอยู่ตลอด...โอ๊ย...ผมไม่ใช่รูปปั้นเดินได้นะเฟ้ย ถึงจะทนกับอะไรแบบนี้ได้น่ะ!
ท่าทางของตัวเล็กทำเอาผมจะคลั่ง หน้าของเขาแดงๆ ริมฝีปากเผยอนิดๆสลับกับมีเสียงครางอือเบาๆเกือบตลอดเวลา รู้ซึ้งเลย...ว่าคำว่าใกล้บ้ามันเป็นยังไง
เกิดมาบนโลกนี้สิบแปดปี เพิ่งจะซึ้งก็วันนี้ว่าตัวเองก็มีวันเป็นในสิ่งที่ใครต่อใครเรียกว่า ‘คลั่งรัก’ ได้
ตัวเล็ก...ใจคอจะทำให้พี่ตกหลุมรักซ้ำแล้วซ้ำอีกหรือครับ!!?
ผมหยุดตอนที่ใบหน้าเราอยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ ตัวเล็กนอนหลับตา ท่าทางไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรกับเขาเลย ซึ่งมันก็ทำให้ผมถึงกับกลืนน้ำลายเอื๊อก สติสัมปชัญญะฝั่งดีกับฝั่งร้ายเริ่มวิวาทกันเอง
เสียงเทวดา...อย่าเชียวนะเว้ย น้องเขาเมาอยู่นะ แกจะทำงั้นได้ไง
เสียงปีศาจ...นี่มันเรียกโอกาสชัดๆ เนื้อมาอยู่ตรงปากเสือแล้วจะปล่อยไปงั้นเรอะ
เสียงเทวดา...ถ้างั้นมันก็กลายเป็นฉวยโอกาสน่ะสิฟะ น้องเขายังเด็กอยู่เลยนะเฟ้ย
เสียงปีศาจ...เด็กอะไรกัน ดูยังไงก็โตแล้ว คงพอที่จะ...ได้แล้วล่ะน่า
เสียงเทวดา...เงียบโว้ยไอ้โรคจิต! ถ้าทำงั้นภาพพจน์ที่อุตส่าห์สั่งสมมาตลอดก็พังหมดดิวะ
เสียงปีศาจ...จะสุภาพบุรุษห่าเหวที่ไหนก็เป็นคนธรรมดาที่มีความรู้สึกเหมือนกันนะโว้ย!
ผมตบหน้าผากตัวเองป้าบใหญ่ “เลิกเถียงกันซะทีเหอะน่า...ปวดประสาท”
ผมถอนหายใจเฮือก แล้วตัดสินใจโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้ๆตัวเล็กในที่สุด
เสียงปีศาจในหัวหัวเราะอย่างชั่วร้าย ‘นั่นไง...ลงท้ายก็ตบะแตก’
ริมฝีปากสีแดงอมชมพูน่ารักของอีกฝ่ายร้อนผ่าว มันหวานล้ำเหมือนกับทุกครั้งที่ได้สัมผัส ผมละเลียดเรียวปากอิ่มนั้นเบาๆ มีอาการตอบสนองเล็กน้อยมาจากคนที่ดูเหมือนจะไม่มีสติเอาเสียเลย ผมหลับตาอย่างอดทนแต่ก็ยังไม่ยอมละออกจากขุมทรัมพย์อันแสนหวานนั้น ผมทำเพียงแค่สัมผัสแผ่วๆซ้ำไปซ้ำมา ไม่ได้รุกรานเข้าไปจนถึงภายใน ก่อนจะยอมคลายออกแล้วไล่ริมฝีปากไปตามพวงแก้ม ลงไปที่ซอกคอ ในขณะที่ตัวเล็กครางอือออกมาเบาๆเหมือนจั๊กจี้
ยอมรับครับ...ยอมรับอย่างไม่อายเลยว่าตอนนี้...ผมชักจะมีอารมณ์ขึ้นมาแล้วว่ะ
“...พี่...พี่กานต์ครับ...”ตัวเล็กเริ่มดิ้นขลุกขลัก เขาขมวดคิ้วนิดๆคล้ายจะรำคาญ ผมจึงกดเม้มลงไปที่ซอกคอขาว ประทับซ้ำๆจนเป็นรอยแดง เสียงครางเริ่มดังขึ้นอีกนิด ทำเอาตบะพาลจะพังเข้าจริงๆ
ผมเงยหน้าขึ้น มองใบหน้าที่ยังครึ่งหลับครึ่งตื่นของคนเบื้องล่างอย่างใช้ความคิด ตัวเล็กลืมตาขึ้นแล้ว เขามองผมเหมือนยังเบลอๆงงๆอยู่ แต่แล้วก็ยิ้มหวานให้
รอยยิ้มซื่อๆที่ดูไร้พิษสงต่างไปจากรอยยิ้มยามปกติที่แฝงแววดื้อดึงฉลาดหลักแหลมทำให้ผมถึงกับต้องถอนหายใจซ้ำแล้วก้มหน้าลงไปจูบหน้าผากมนนั้นเบาๆ ก่อนจะละออกไป
“นอนพักเถอะ...ฝันดีนะครับ...ตัวเล็ก”ผมขยับกลับมานั่งที่เบาะคนขับตามเดิมโดยไม่ลืมรัดเข็มขัดนิรภัยให้อีกฝ่าย ตัวเล็กพยักหน้ายิ้มๆแล้วก็หลับไปจริงๆ ทิ้งให้ผมได้แต่นั่งปวดประสาทอยู่คนเดียวในความมืด
ดีใจชะมัด...ที่ผมยังไม่ได้ก้าวล้ำเส้นไปมากกว่านี้(แต่ตอนนี้ก็โคตรหมิ่นเหม่แล้วล่ะ)
ยิ้มซื่อๆแบบนั้น บอกรักผมแบบนั้น ออดอ้อนผมแบบนั้น...แล้วใครมันจะไปทำได้ลงคอกันล่ะครับ!!
แต่คิดแล้วผมก็ต้องถอนหายใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า หางตาเหลือบมองร่างที่หลับปุ๋ยไปแล้วอย่างรู้สึกหมั่นเขี้ยวนิดๆ
ตัวเล็กนะตัวเล็ก...ยั่วพี่แล้วไม่รับผิดชอบ...แล้วทีนี้พี่จะทำยังไงกับ ‘ไอ้นี่’ ดีล่ะเนี่ย?
กลับมาที่ปัจจุบัน
ตัวเล็กมองหน้าผมอย่างมีความหวัง ส่วนผมก็ได้แต่ยิ้มให้ หากในใจกลับรู้สึกพูดไม่ออกบอกไม่ถูก ไม่กล้าอนุญาตในทันทีเพราะ...โคตรจะกลัวใจตัวเอง
“ถ้าตัวเล็กเมาพี่จะพาไปส่งบ้านยังไงล่ะครับ”ผมยกอ้างเหตุผลอื่น เขาเลยเริ่มขมวดคิ้ว
“ก็เหมือนครั้งที่แล้วสิ ที่ไปค้างบ้านพี่ไง”
ผมตบหน้าผากตัวเอง...ไอ้นั่นแหละที่ทำเอาพี่จะบ้าตาย!
ไอ้อั๋นเริ่มหัวเราะอย่างชั่วร้าย มันเขย่าแก้วเบียร์ในมือตัวเองเบาๆ ไอ้นี่คงซดเข้าไปจนครึ้มได้ที่แล้วถึงได้ปากหมาพาจนขนาดนี้ “ก็ให้น้องเขาดื่มแล้วก็รวบกลับบ้านเลยสิ...ลีลาจริงมึง”
ผมล่ะอยากจะร้องไห้ อยากตบกบาลไอ้เพื่อนตัวแสบให้หน้าสวยๆของมันคว่ำลงกระทะก็วันนี้แหละ
ผมหันกลับไปมองตัวเล็กที่กำลังมองมาพร้อมทั้งทำตาวิบๆวับๆซ้ำ ก่อนจะเกาหัวแกรกๆอย่างอับจนหนทาง ไม่อยากให้ดื่มเพราะเดี๋ยวเป็นแบบครั้งที่แล้ว...ที่ผมเกือบจะ...นั่นแหละ
แต่...ขืนขัดใจเดี๋ยวก็โดนงอน...ไอ้ห่าอั๋นก็เชียร์ไม่รู้เวล่ำเวลา น่าจับส่งแม่งไปเชียร์เบียร์ให้เข็ดจริงๆ
สุดท้ายแล้วผมก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ยอมรับความพ่ายแพ้ “...แค่นิดเดียวนะครับ”
ตัวเล็กยิ้มหวาน...ด้วยรอยยิ้มที่คล้ายคลึงกับบนรถวันนั้นเหลือเกิน...รอยยิ้มที่แทบจะฆ่าผมให้ตายทั้งเป็น...โอ๊ย...เอามีดมาแทงกันตอนนี้เลยเหอะ!
แล้วแบบนี้...เรื่องมันจะจบดีแบบครั้งที่แล้ว...หรือว่าผมจะตบะแตกทนไม่ไหวก่อนวะเนี่ย?
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
โฮะๆๆ ไปจิ้นกันต่อเอาเองนะจ๊ะว่าต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น(หรือไม่เกิด?) 5555 (วิ่งหลบระเบิด)
คำถามในใจของทุกคนที่สโนว์คิดว่าหลายๆคนอยากรู้ที่สุด คงไม่พ้น....อิคนเขียนเรื่องนี้ไปตายx(ตี๊ดดด) มุดหัวxx(ตี๊ดดดดดด) หรือว่ามันxxx(ตี๊ดดดดดดดด) อะไรซักอย่าง 555 (เซ็นเซอร์ตามระดับความรุนแรงของถ้อยคำ)
สโนว์ยังไม่ตายค่า!! แต่หอที่อยู่ไม่มีคอม TT^TT การใช้ชีวิตมหาลัยโดยไม่มีโน้ตบุ๊คในยุคนี้ช่างเป็นความเสื่อมโทรมของโลก จะทำรายงานทำอะไรนี่ช่างลำบากจริงๆ 555 และก็ หลายๆคนก็คงประสบปัญหาเช่นเดียวกับโนว์ ใช่ค่ะ!! มหาอุทกภัยนี่แหละ!! แหม ซวยสองเด้ง 55555
บ้านเพื่อนๆพี่ๆน้องๆคนไหนน้ำท่วมเหมือนกันก็ขอเอาใจช่วยให้ผ่านพ้นไปด้วยดีนะคะ สู้ๆเข้าไว้ เดี๋ยวน้องน้ำก็เลิกราไปเองล่ะค่ะ 5555 เอาน้องทรายเข้าข่มๆ แต่สงสัยพี่กรุงจะเริ่มวาย ไม่สนน้องทรายไปหาน้องบิ๊ก(แบ๊ค)แล้ว นี่สินะโลกเราสมัยนี้ วายไปหมด 55555+
ก็...ขอไปรื้อฟื้นเนื้อหาตอนเก่าๆก่อนนะคะ เอาตอนพิเศษมาให้อ่านกันสนุกๆ ของพี่กานต์กะหนูตะวัน(ที่แทบไม่ปรากฏบทบาทในช่วงนี้เลย) ขอโทษที่ให้รอนาน(มากกกกก)นะคะ ขอบคุณที่ยังรอกันค่ะ ^^
ปล อย่าเพิ่งฆาตกรรมโนว์เลยนะจ๊ะ หนูผิดไปแล้ว TT^TT
ความคิดเห็น